Fic snsd : เลวยังไง....ก็รักเธอ 2 (Yuri) - Fic snsd : เลวยังไง....ก็รักเธอ 2 (Yuri) นิยาย Fic snsd : เลวยังไง....ก็รักเธอ 2 (Yuri) : Dek-D.com - Writer

    Fic snsd : เลวยังไง....ก็รักเธอ 2 (Yuri)

    เรื่องแห่งความรักที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยหยาดน้ำตา...ความรักที่ไม่มีสิ่งตอบแทน จะเป็นตัวเผาผลาญหัวใจทั้งสองดวงให้มอดไหม้..up - 80% - ยุนซอมาแล้วคร้าาาา

    ผู้เข้าชมรวม

    4,121

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    4.12K

    ความคิดเห็น


    50

    คนติดตาม


    8
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  18 ก.ค. 54 / 15:46 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

     

    ....ฉันคิดมาตลอดว่าความรักคือสิ่งสวยงาม

    คิดมาตลอดว่าอยากมีความรักสักครั้ง

    และแล้ว....วันหนึ่งฉันก็ตกหลุมรักใครบางคนเข้าจนได้

    เริ่มแรก.....มันก็เป็นอย่างที่ฉันเข้าใจ

     

    แต่วันนึงฉันก็ได้รู้ว่า......

    ความรักมันเจ็บปวดและทรมาณกว่าที่ฉันคาดคิด.....

    อีกครั้งและอีกครั้งที่ฉันต้องเจ็บซ้ำๆ

    หัวใจที่เคยเต้นตามปกติมันก็เต้นช้าลงๆ

    รอยกรีดจากน้ำมือของคนที่แอบรัก

    การทำร้ายฉันโดยไม่รู้ตัว......

     

    ฉันควรจะโทษใครดี?

    จะโทษเธอที่ไม่เคยรู้อะไร

    หรือโทษฉันเองที่ดันไปรักเธอจนถอนตัวไม่ขึ้น....

     

    ขอเพียงให้เธอหันมามอง

    ....ความรัก......ยังรอเธออยู่ตรงนี้......

    ต่อให้เธอนั้น.จะทำร้ายฉันมากแค่ไหนก็ตาม

    เลวยังไง.....ฉันก็ยังรักเธอ.....ตลอดไป

    ..........

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ





                       จุดยืนของเขาอยู่ที่ใดกัน......

       

      อิม ยุนอา วิ่งออกมาจากสถานที่แห่งความเจ็บปวดพร้อมขาที่เริ่มอ่อนล้าและไร้เรี่ยวแรงขึ้นทุกทีๆ

       

      ยิ่งวิ่ง.....ยิ่งหนื่อย  หากได้สิ่งที่ต้องการมา.....ความเหนื่อยจะพลันมลายหายเป็นปลิดทิ้ง

      แต่ถ้าหาก.....การวิ่งนั้นไม่มีสิ่งใดตอบแทนนอกเสียจากความเหนื่อยและความผิดหวัง......

       

      ทุกๆสิ่งที่ทุ่มเทลงไป....ก็ไร้ค่า

       

      เปรียบดั่งเช่นความรัก......ยิ่งไขว่คว้าหามันเท่าไหร่ ความคาดหวังย่อมมีมากตามไปด้วย

      และถ้าหาก.....ความรักไม่สมหวังดั่งใจคิด......ความผิดหวังและเสียใจก็ยิ่งทวีพอกพูนขึ้นอีกเช่นกัน

       

      หลังจากกลับมาที่บ้านแล้วยุนอาก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง ใครเรียกก็ไม่ขาน ใครเรียกก็ไม่ตอบ จนพ่อแม่จนใจที่จะปลอบเขา คนเป็นพ่อแม่คงทำได้เพียงแค่มองอยู่ห่างๆแล้วปล่อยให้ลูกจัดการปัญหาด้วยตัวเองเท่านั้น

       

      หากเขายังไม่รู้ว่ามีใครบางคนแอบคิดถึงและห่วงเขาอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล...

       

       

       

       

      ก๊อกๆ

      พี่ยุน ซอเองนะ พี่เปิดประตูให้ซอหน่อย

       

      ซอ จูฮยอน เคาะประตูพร้อมส่งเสียงเรียก หวังว่าจะได้ยินเสียงจากคนข้างในบ้าง แต่จนแล้วจนรอด เวลาผ่านล่วงเลยไปมากพอสมควร คนข้างในก็ยังเฉยไม่ตอบรับ

       

      พี่ยุนคะ.....พี่ยุนยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ นมสักแก้วก็ยังดีนะพี่

       

      ไร้การตอบรับ.....

      ทำไม? ถ้าเป็นเจสสิก้าพี่ก็คงจะรีบเปิดประตูเชิญทันเลยใช่ไหมล่ะ? แต่เพราะเป็นฉัน เป็นน้องคนนี้.....พี่ถึงไม่เคยสนใจอะไรเลย ไม่เคยชายตามองเลยว่าใครที่แอบมองพี่อยู่เงียบๆตรงมุมนี้

      จะอีกกี่ครั้งที่ฉันต้องแอบร้องไห้เมื่อพี่ระบายความในใจออกมา.....

      อีกกี่ครั้งที่ฉันต้องกลั้นน้ำตาเมื่อเห็นสายตาของพี่ที่มองเจสสิก้า

       

      น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าพากันหลั่งริน......แต่ไม่เคยจะหยุดได้เลยสักครั้ง

       

      พี่.....ถ้าพี่ไม่เปิด ซอจะยืนตรงนี้จนกว่าพี่จะออกมานะคะ

       

      ซอฮยอนเม้มปากเป็นเส้นตรงเมื่อเข็มยาวบนนาฬิกาเรือนโตเลื่อนจนบรรจบครบรอบ.....

       

      และขณะที่เวลาจะผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง ประตูห้องก็เปิดออก.......เจ้าของห้องฉายแววตกใจเล็กน้อย

       

      ทำไมยังไม่กลับไปอีก

      ก็ซอบอกแล้วว่าจะรอพี่

       

      ยุนอาเบือนหน้าหนีอย่างขัดใจ......อย่าทำให้เขาต้องรู้สึกผิดไปมากกว่านี้ได้ไหม?

       

      กลับไปเถอะซอ......พี่ยังไม่อยากคุยอะไรกับใครทั้งนั้น

      แต่พี่ควรจะกินอะไรสักหน่อยนะ.....

       

      ซอฮยอนยื่นนมแก้วนั้นให้ยุนอา แค่สักนิดก็ยังดี.....แค่พี่จะตอบแทนฉันด้วยการรับความห่วงใยของฉันไป

       

      ไม่.......พี่ยังไม่อยากกิน

      กินเถอะพี่

       

      บอกว่าไม่ก็ไม่ไง!! จะไปไหนก็ไปเลย!! รำคาญ!!”

       

      เพล้ง!

       

      ยุนอาตะคอกเสียงดังพลางปัดแก้วที่อยู่บนมือเธอจนตกแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ

       

      เขาเบือนหน้าอีกครั้งเมื่อเห็นสายตาผิดหวังของซอฮยอน....

      บ้าเอ๊ย ทำอะไรลงไปเนี่ยเรา.....

       

      กลับไปก่อนเถอะ.....ถือว่าพี่ขอร้อง

      .....ค่ะ.....

       

      เธอก้มลงเก็บเศษแก้วนั้นอย่างเบามือ หากก็พลาดบาดมือจนได้......แต่แทนที่เธอจะร้องออกไป ซอฮยอนกลับเก็บความเจ็บไว้กับตัว ไม่ร้องขอ.....ไม่แสดงความทรมาณ

       

      ได้แต่ตอกตะปูลงใจตัวเองเอาไว้.....เจ็บยังไง......ต้องทน

       

      เธอเดินออกมาเงียบเงียบๆ กำมือเปื้อนเอาไว้ไม่ให้ใครได้เห็นมัน.....

       

       

       

       

       

      ความเจ็บปวด.....เป็นยังไงกันนะ?

       

      จะเป็นความว่างเปล่ายามที่คนที่แอบรักเดินจากไปหรือเปล่า?

      หรือจะเป็นแววตาแห่งความผิดหวังที่ถูกส่งมาให้เธอใช่ไหม?

      อาจจะเป็นการทรยศหักหลังจากคนที่เคยไว้เนื้อเชื่อใจมาตลอด.....

      หากจะเรียกว่าความเจ็บปวดนั้นเกิดจากคนรอบข้างก็ไม่ผิดนัก.....

       

      หรือความทรมาณนั้น......เกิดจากการกระทำผิดซ้ำซากของตัวเองกันแน่?

       

       

      ซอฮยอนนั่งกอดเข่าคุดคู้อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมของเธอเองด้วยความสับสน เล็บยาวจิกแน่นบนเนื้ออ่อนๆอย่างแค้นเคืองและทรมาณ......ความเจ็บปวดนั้นเธอเคยได้รับมาตลอด.....หากครั้งนี้เกินจะต้านไหว ภายใต้ใบหน้าเฉยชา มองโลกในแง่ดีทั้งๆที่ในใจยังอดคิดไม่ได้ว่าโลกนี้มันสร้างมาเพื่ออะไรกัน

       

      เพียงลองมองไปรอบๆความเสียใจยังเวียนเข้ามาทักทายเธอไม่ขาดสาย เมื่อวันก่อนยังมีอีกคนที่คอยสร้างเสียงหัวเราะ คอยดึงหัวใจเหงาๆให้ออกมาโลดแล่นอยู่ในโลกสีชมพู

       

      หากมันเป็นเพียงความสุขชั่วคราว.....

       

      ในยามที่เธอป่วยไข้ ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะน่าสนมากกว่าพี่สาวของเธอเอง

       

      ในยามที่เธออ่อนล้าต้องการกำลังใจ พี่ของเธอก็แย่งมันไปทุกครา

       

      ในยามที่หัวใจตกต่ำสุดขีด.......

       

      ฉัน.........ก็ยังอยู่คนเดียวไม่เปลี่ยนแปลง

       

      ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน เธอก็ยังไม่เคยได้เป็นคนสำคัญของเขาเลยสักครั้ง.....

       

      ซอฮยอนปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเรื่อยๆ ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งเอ่อล้น ไม่รู้จะจัดการยังไงกับอารมณ์นี้ดี เธอลุกขึ้นไปที่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องส่วนตัวของเธอ.....กระจกที่ส่องอยู่ทุกวัน

       

      สะท้อนให้เห็นผู้หญิงโง่ๆคนหนึ่งที่สภาพในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนป่วยเป็นโรคร้าย

       

      หากไม่ใช่โรคร้ายทางกาย.....แต่เป็นโรคร้ายทางใจเสียมากกว่า

       

      หยาดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่ายังคงไหลออกมาด้วยเรื่องเดิมๆจากคนๆเดียวกัน.....

       

      น้ำตาของคนที่มั่นคงในความรัก.....แม้ความรักนั้นจะไม่มีสิ่งได้ตอบแทนได้นอกจากความเจ็บปวดก็ตาม.....

       

      เธอก็ยังรัก....รักความทรมาณ.....รักความเจ็บปวด......รักความว่างเปล่า.....รักความอิจฉาริษยา

       

      ขอเพียงความสุขหนึ่งในพันล้านที่แลกมาได้ก็พอ......






      เจสสิก้านอนนิ่งไม่ไหวติงตั้งแต่เกิดเหตุการณเมื่อวานขึ้นอยู่บนเตียงของเธอ

      พอคิดย้อนไปถึงใบหน้าเศร้าๆนั่นทีไร หัวใจมันก็กระตุกขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ เธอหลับไปสักพักแล้วก็ตื่นขึ้นมาอีกรอบ หลับๆตื่นๆไปอย่างนั้นอยู่นาน

      ตอนตื่นก็กังวลเรื่องยุนอา

      แต่พอหลับ......หน้าลิงๆนั่นก็ดันโผล่ขึ้นมาให้สะดุ้งตื่นอีกรอบ

      จนถึงตอนนี้เธอยอมรับก็ได้ว่าพอมีใจให้ยูริอยู่บ้าง......แต่สิ่งที่เขาเคยกระทำเอาไว้นั้นยังคอยย้ำเตือนเธอเสมอว่าอย่าไปไว้ใจเขาให้มากนัก ต่างคนต่างอยู่สบายใจกว่ากันเยอะ.....

       

      ก๊อกๆๆ

       

      สิก้า.....เพื่อนลูกมาหาน่ะ

       

      เสียงของผู้เป็นแม่ดังขึ้น เจสสิก้าลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจสักพักก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อไปดูว่ามาหาเธอในเวลาแบบนี้

      บางทีอาจจะเป็นยุนอาก็ได้ล่ะมั้ง?

      แต่พอได้เจอหน้าผู้มาเยือนเท่านั้นแหละ เธอก็ยืนพูดอะไรไม่ออกด้วยความคาดไม่ถึง

       

      ไง.....เจสสิก้า

      .........

       

      บ้า! ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!

       

      ยูริจะมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง.......ในบ้านของฉันเนี่ยนะ!?

       

      เอ่อ......

       

      เธอมาที่นี่ทำไม!!

      ตอนแรกฉันกะว่าจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ยูริดันชิงพูดขึ้นมาซะก่อน

       

      ป่ะ....ไปสวนสนุกกัน

      ห๊ะ?

       

      ฉันถึงกับเหวอ

      ไอ้บ้านี่มันพูดเรื่องอะไรอยู่วะคะ?

       

      เอ้า! ก็เรานัดกันว่าจะไปสวนสนุกไม่ใช่เหรอ อย่าทำเป็นจำไม่ได้สิ  เค้าน้อยใจรู้ไหมเจสอ่ะ

      หา?

       

      ถ้าฉันเคยนัดเธอไว้ฉันจะขอโทษเดี๋ยวนี้เลย

      แต่นี่......ไปนัดกันไว้ตอนไหนไม่ทราบ!

      แล้วได้โปรดมาแสดงละครทำแก้มป่องได้มั๊ย ขัดกับน่าตาอย่างแรงอย่างแรง!

       

      ยัง...ยังยืนเฉยอยู่อีก ป่ะ ไปกันเลยดีกว่า เดี๋ยวจะกลับบ้านเย็นนะ ม่าม๊าหนูขอยืมตัวลูกสาวม่าม๊าวันนึงนะคะ

      จ๊ะๆ นานๆทีให้ยัยเจสไปเที่ยวบ้างก็ดี

       

      อ้าวแม่ฉัน.....ทำไมปล่อยลูกไปตะลอนๆง่ายงี้อ่ะ!

       

      ไปเหอะ ม่าม๊าอนุญาติแล้ว

      เฮ้ย! เดี๋ยวดิ!?”

       

      แม่อนุญาตแล้ว........

       

      แล้วทำไมถึงไม่ถามฉันบ้าง!!!!

       

       

       

       

      เธอทำบ้าอะไรเนี่ยยูริ!!”

      ก็ไม่ได้ทำอะไรนิ แค่ชวนเพื่อนสาวไปเที่ยวตามประสาเด็กวัยรุ่นก็เท่านั้น

       

      ยูริพูดลอยหน้าตาแล้วเปิดประตูรถจับฉันยัดเข้าไปพลางล็อกทันทีเหมือนกับกลัวฉันจะไม่ยอมขึ้นอย่างนั้นแหละ

      ใช่…..เธอคิดถูก!

      แต่จะให้ขึ้นรถสองต่อสองกับตัวอันตรายแบบนี้เธอไม่มีวันยอมเด็ดขาด!

       

      เปิดประตู.....ฉันจะลง

      ไม่ เธอต้องไปกับฉันก่อน

      ไม่ ฉันไม่ไป

      ต้องไป

      ไม่ไป

      ไป

      ไม่ไป

      ไม่ไปฉันจับเธอปล้ำในรถจริงๆนะ

      .......

      เหอะก็แค่นั้น

       

      เจสสิก้าเบือนหน้าออกนอกรถอย่างขัดใจ

       

      ฮึ่ม!! ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้หน้าลิง อย่าคิดว่าคนอย่างจองเจสสิก้าจะหมดฤทธิ์แค่นี้นะ!!

       

       

      ถึงแล้ว.....ลงสิ

      ........

       

      เจสสิก้านั่งนิ่งกอดอกอย่างขัดขืนในคำสั่ง แถมยังทำหูทวนลมเหมือนเขาไม่มีตัวตน

       

      เอ๊อะ แปลกคน ให้ขึ้นก็ไม่ขึ้นจะให้ลงไม่ลง....งั้นก็เชิญนั่งอยู่คนเดียวไปละกัน

      ปัง!!

      ยูริกระแทกประตูรถใส่อย่างหัวเสีย เจสสิก้าสะดุ้งด้วยความตกใจพลางมองตามหลังร่างสูงที่เดินนำลิ่วๆไปโดยไม่หันกลับมามอง

      ตามไปดีมั๊ยเนี่ยเรา......ลงไปก็เสียฟอร์ม

      แต่ถ้าไม่ลง.....ก็ต้องทนหิวต่อไป(ก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยอ่ะ)

       

      โครก.....คราก

      เวรกรรม หิวก็หิว ตาบ้านั่นก็หายไปตั้งนาน ใจคอจะทิ้งฉันให้อยู่ในรถจริงๆเหรอเนี่ย!

       

       

       

       

       

      กึก......ผ่านไปสักพักประตูรถเปิดออกพร้อมกับส่งกลิ่นหอมกรุ่นจนต่อมน้ำลายเธอเริ่มทำงาน

       

      อ่ะ......

       

      ยูริยื่นถ้วยอะไรบางอย่างที่น่าจะเป็นของกินมาให้ เอ่อ....อยากกินก็อยากนะ แต่ต้องทำเป็นไม่หิวไว้ก่อน! เดี๋ยวเสียฟอร์มหมด!

       

      เมินอีก........ไม่เป็นไรฉันกินเองก็ได้.....ซู้ด~”

       

      เฮ้ย! นั่นมัน ชาจังมยอน!!

      ฮือๆๆ อยากกินอ่ะ  อย่ามากินยั่วได้มั๊ย!!!

      ยูริมองเธอยิ้มๆ

       

      หิวก็บอกเหอะ ทำเป็นเล่นตัวอยู่ได้

      ไม่หิว ใครบอกว่าฉันหิว  ไม่มี๊ไม่มี

      จะกินไหม?

      ไม่

      แต่ฉันจะให้เธอกิน

      ไม่กิน

      จะกินเองหรือจะให้ฉันป้อนด้วยปากห๊ะ!!”

      เชอะ!!”

       

      เธอรีบคว้าถ้วยชาจังมยอนมากินด้วยความรวดเร็วทันที แถมยังกินอย่างไม่ลืมหูลืมให้คนมองได้หัวเราะน้อยๆ

       

      ขำอะไร!”

       

      เจสสิก้าแว้งใส่ด้วยทั้งอายทั้งโมโหหิว

      ฮึ่ม! ฝากไว้ก่อนเถอะ!(ฝากไว้หลายรอบแล้วนะเจส)

       

      เปล๊า ก็แค่.....

      ก็แค่?

      ปากเธอเลอะเหมือนเด็กๆน่ะ.....มาเดี๋ยวเช็ดให้

      ฮะ เฮ้ย!??”

       

      ถ้าเช็ดปกติ.....เธอจะไม่ว่าอะไรเลย…..

       

      แต่ทำไมเธอถึงต้องใช้ลิ้นเลียปากด้วยเล่า!!

       

      สุดท้ายจะกินหรือไม่กินฉันก็ต้องโดนอยู่ดีนี่หว่า!

       

      คะ ควอนยูริ!”

      เรียกชื่อฉันทำไม กลัวจำไม่ได้รึไง

      เธอมัน.....มัน.....โอ๊ย!! ไม่รู้จะด่าอะไรแล้วโว้ย!!”

      อ้าวๆ อย่าเพิ่งอารมณ์เสียดิ  ป่ะ ลงได้แล้ว

       

      ไม่รอให้ฉันทักท้วง ยูริก็รีบดึงแขนฉันไปอย่างรวดเร็วจนหน้าฉันแทบจะจูบกับพื้น แต่อย่าเพิ่งได้ม้าย~

       

      ฉันยังกินไม่หมดเลยนะ เสียดายอ่ะ เหลืออีกตั้งเยอะ!

       

       

       

      กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด!”

      ว้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!”

      ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!”

       

      อ้วก~”

       

      หลังจากที่ยูริลากเธอขึ้นๆลงๆเครื่องเล่นหลากหลายชนิดโดยไม่คำนึงว่าเธอจะต้องการเล่นหรือไม่ เจสสิก้าก็ต้องมานั่งอ้วกท้องไส้ปั่นป่วนจนแทบจะเป็นลมล้มพับกลางสวนสนุก ยังดีที่เขายังยอมให้เธอพักสักนิดนึงก่อน ไม่งั้นคนข้างล่างมีคงอ้วกลอยฟ้าแปะอยู่บนหัวแน่ๆ

      นี่มันสวนสนุกแน่เหรอวะคะ ทำไมมาแล้วไม่เห็นจะสนุกเลยสักติ๊ดนิดนึง!!

       

      เฮ้ย ถึงกับอ้วกเลยเหรอ  เธอนี่จริงๆเล้ย

       

      ยูริลูบหลังเจสสิก้าเบาๆพลางยื่นขวดน้ำให้ด้วยความสงสารปนระอา

      ก็เพราะใครกันล่ะที่ทำให้ฉันต้องมานั่งอ้วกให้คนเขามองน่ะ!!

       

      เรื่องของฉัน

      เรื่องของเธอก็เรื่องของเธอสิ ไม่ได้บอกว่าเกี่ยวกับฉันซะหน่อย

       

      เธอหันไปค้อนยูริตาเขียว

      ให้ตายเหอะ จะพูดดีๆกันสักคำก็ไม่ได้ แต่ละคำนี่พูดมาไม่เคยคิดเลยใช่ไหม

       

      อยากกลับบ้าน

      มากับฉันมันลำบากใจมากเลยรึไง

      น่าจะรู้อยู่แล้วนี่

      ........ก็ได้.......ถ้ามันลำบากเธอมากนัก  ฉันจะพาเธอกลับ

       

      เธอพูดไปโดยไม่หันไปมองหน้าเขาตรงๆ อันที่จริงแล้วมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอก เพียงแต่ว่าเธอไม่ไว้ใจเขาก็เท่านั้นเอง เรื่องร้ายกาจกว่านี้เขายังเคยทำมาแล้ว นับประสาอะไรกับการหลอกเธอให้ไปโน่นไปนี่แล้วไปจบที่โรงแรมกันล่ะ มีใครยืนยันได้ไหมว่าเขาจะไม่ทำอีกครั้งนึง

       

      แต่......ก่อนกลับฉันขอพาเธอไปที่ที่หนึ่งได้ไหม

      ที่ไหน?

       

      ไม่ใช่โรงแรมอย่างที่เธอคิดก็แล้วกัน



       

      เจสสิก้าได้แต่นั่งนิ่งบนรถคันหรูของยูริไม่ปริปากเอ่ยคำใดๆทั้งสิ้น แม้ว่าภายในใจนั้นจะมีคำถามมากมายที่อยากจะรู้ เช่นว่าทำไมต้องมายุ่งกับเธอหรือะไรตามที่เขาทำแล้วเธอไม่อาจจะทำความเข้าใจกับเหตุผลนั้นได้

      แต่ที่น่าคิดกว่านั่นก็คือทำไมฉันต้องยอมยูริทุกเรื่อง อาจเป็นเพราะแววตาของเขาหรือเปล่านะ? บางทีเขาก็ดูแข็งกร้าวจนน่าตกใจ แต่แล้วบางมุมเขาก็ดูน่าสงสารจนฉันต้องใจอ่อน ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองเกินไปว่าเขาก็รักฉันจริงๆ  หากจะเชื่อใจได้แค่ไหนเชียว วันดีคืนดีเขาอาจจะนอกใจเธอแล้วเลิกรากันไปในที่สุด

      เจ้าหญิงน้ำแข็งคิดวนไปวนมา ทบทวนความรู้สึกของตัวเองไปหลายรอบก็ยังไม่ได้คำตอบที่น่าพึงพอใจ

       

      ......หรือบางที.....คำตอบนั้นเธออาจจะรู้อยู่แล้วก็เป็นได้

       

      ยูริขับรถเอื่อยๆราวกับว่าไม่อยากให้เวลานี้ผ่านพ้นไป ตัวเขาเองก็ไม่อยากจะบังคับใจใครเท่าไหร่นัก เพียงแต่ความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อนนั้นช่างแปลกใหม่และวิธีตั้งรับได้ยากยิ่งนัก ทั้งที่เขาไม่เคยให้ความสำคัญกับผู้หญิงที่นอนด้วยเลยสักคน.....แต่ทำไมคนๆนี้ถึงทำให้เขาเปลี่ยนไปได้กันนะ

       

      จะเป็นริมฝีปากบางเฉียบนั่น.....

      หรือจะเป็นเพราะเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนน่าสัมผัส

      อาจจะเป็นดวงตาใสแวววาวที่น่ามองเสมอไม่ว่ายามเศร้าหรือมีความสุข.....

      แม้แต่เสียงหวานๆที่เจ้าตัวไม่ได้ใส่จริตอะไรลงไปมากนักก็ยังน่าฟังยิ่งกว่าบทเพลงใดๆในโลก....

       

      นี่ฉันกำลังพร่ำบ้าอะไรอยู่เนี่ย?

       

      ยูริตักเตือนตัวเองเบาๆในใจ ถึงเขาจะรู้แล้วว่าตัวเองรู้สึกยังไงแต่ก็ไม่อยากจะให้มันชกชิงตัวตนของเขาไปมากนัก ยิ่งเป็นสถานะภาพที่ไม่รู้ว่าคนข้างๆรู้สึกยังไงแล้วด้วย

       

      ถ้ารักเธอข้างเดียวคงจะเจ็บไม่น้อย.....

       

      และอาจจะเจ็บยิ่งกว่าถ้าไม่ได้เห็นเธออีกต่อไป.....

       

      ต่างคน.....ต่างจมอยู่กับความรู้สึกของตัวเองอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งถึงสถานที่แห่งหนึ่ง......

       

      ทันทีที่ได้เปิดประตูรถสายลมอ่อนก็พัดเข้ามาทักทายให้ได้ปลอดโปร่ง เจสสิก้ามองไปรอบๆอย่างตกตะลึง......

      แสงไฟจากเปลวเทียนวูบไหวไปมาตามทิศทางลม เชิงเทียนจำนวนไม่น้อยถูกปักบนพื้นทรายเป็นรูปหัวใจ ตรงกลางมีโต๊ะอาหารที่ถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงาม อาหารทะเลหลากสีสันวางอย่างเป็นระเบียบ

      เธอมองภาพที่ได้เห็นอย่างอึ้งๆ

      นั่มันอะไรกันเนี่ย.....

      พลันมือของเธอก็ถูกกอบกุมจากใครที่ยืนข้างๆ ยูริพาเธอไปนั่งตรงโต๊ะนั่นช้าๆ เธอยอมทำตามแต่โดยดีเพราะส่วนหนึ่งก็ยังอึ้งไม่หายและประหลาดใจเหมือนเห็นสิ่งแปดมหัสจรรย์ของโลกอีกหนึ่งที่

      ยูริอมยิ้มกับท่าทางแบบอึ้งจัดของเจสสิก้า

      คงคาดไม่ถึงสินะยัยเป็ด....

       

      กินสิ

       

      เจสสิก้ามองไปรอบๆสักพักแล้วก้มลงมองอาหารน่าทานนั่น

       

      กินได้แน่เหรอ คงไม่ได้ใส่ยานอนหลับหรอกใช่มั๊ย

      เธอนี่ก็นะ....แค่วันนี้วันเดียว....ให้เธอช่วยพูดดีๆ.....แล้วก็ไว้ใจฉันสักวันเถอะนะ  เพราะวันต่อๆไป เธออาจจะไม่เห็นฉันแล้วก็ได้

      ทำไมพูดแบบนั้น

       

      ยูริยิ้มบางๆ

       

      ฉันจะไปเรียนต่อเมืองนอก.....เพราะฉะนั้นวันนี้ขอให้เป็นวันของฉันกับสิก้าเถอะนะ

        

      เปรี้ยง!!

      ทันใดนั้นเจสสิก้าก็ตัวชาแปลกๆ มือที่กำลังตักกุ้งเนื้อส้มตัวโตเข้าปากหยุดชะงักลงทันที เหมือนตอนขับรถที่ขับไปตามปกติแล้วเจอสุนัขตัดหน้าไถลลงข้างยังไงยังงั้น เธอลดช้อนส้อมลงอย่างไม่มีอารมณ์จะกิน

      ทำไมฉันถึงไม่มีอารมณ์จะกินล่ะ?

      เกลียดเหลือเกินกับความรู้สึกขัดแย้งกันเองแบบนี้ ใจหนึ่งก็ตะโกนร้องว่าไม่ไปไม่ได้เหรอ ส่วนอีกหนึ่งใจก็บอกให้ทำเมินไม่สนใจ เหมือนจะหาความเอาแน่เอานอนของตัวเองไม่ได้ซะงั้น

      ....ไปเมื่อไหร่

      คืนนี้

      ไปทำไม

      เจสสิก้าพยายามถนอมคำให้มากที่สุด คำถามก็เลยอยู่ระหว่างอยากให้อยู่กับแค่อยากรู้เหตุผลเท่านั้น

      ไม่อยากอยู่ที่นี่...

      ทำไมล่ะ

      ยูริก้มมองเท้าตัวเองอย่างคนไม่มั่นใจในตัวเองทั้งที่มันไม่ใช่ตัวตนของเขาเลย

      ถ้าอยู่ที่นี่แล้วต้องเห็นหน้าสิก้าทุกวันสู้ให้ฉันไปอยู่ที่อื่นดีกว่า

      ได้ยินแบบนั้นเจสสิก้าก็ฉุนขึ้นมาบ้างจนเผลอกระแทกช้อนส้อมลงจาน

      ทำไม ลำบากใจมากเหรอที่ต้องเห็นหน้าฉันน่ะ

      ก็ไม่เชิง....

      ยูริหันมาสบตาเจสสิก้าอีกครั้ง

       

       

      แต่มันยากนะ.....ที่ต้องทนเห็นหน้าคนที่เรารัก.....แต่เค้าไม่ได้รักเรา แค่อยากบอกสิก้าว่าฉันก็มีหัวใจ อาจจะไม่ถึงครึ่งของสิก้า....แต่ฉันเองก็เจ็บเป็นเหมือนกัน

       

      เจสสิก้ามองแววตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจนั่นด้วยหัวใจที่เต้นเร็วและแรงเหมือนทุกครั้งที่มันอยู่ใกล้คนๆนี้  และแล้วคำถามก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง

       ทำไมฉันถึงใจเต้นแรงแบบนี้

      นี่ฉันกำลังเสียใจเมื่อได้ยินว่าเธอจะไปใช่มั๊ย?

      นี่ฉันกำลังดีใจตอนที่ได้ยินคำบอกรักของเธองั้นเหรอ?

      หรือว่าฉันกำลังรักเธอเข้าแล้วจริงๆ...

      เจสสิก้าเม้มปากแน่นอย่างไม่อยากเชื่อตัวเอง แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วแหละ ในเมื่ออาการมันฟ้องชัดขนาดนนี้ไม่ยอมรับแล้วโกหกตัวเองต่อไปก็ยังไงอยู่ คิดแล้วร่างบางก็ขำออกมาให้คนที่กำลังซีเรียสมองแบบงงๆ

      ขำไรอ่ะ ฉันพูดอะไรตลกๆรึไง

      พูดแล้วก็หน้าแดงไปด้วยนึกว่าคนตรงหน้าอาจจะขำท่าทางของเธอก็ได้

      ก็คนมันไม่เคยพูดนี่หว่า! แล้วมาหัวเราะให้สัยเซลฟ์!

      เปล่าๆ ไม่ได้ขำเธอหรอก

      แล้วขำทำไม

      ฉันขำตัวเองน่ะ มาคิดๆดูแล้วเหมือนคนซื่อบื้อเลยแหะ

      ได้ฟังแล้วยูริยิ่งงงยกกำลังสอง บทจะเย็นชาก็เย็นชา บทจะต๊องเอาแบบนี้เลยเรอะ

       

       ฉันยังไม่ได้บอกสักคำเลยนี่ว่าไม่ได้รัก

       

      จู่ๆเจสสิก้าก็โพล่งขึ้นมาเร็วๆแล้วก้มหน้าก้มตาทำเป็นกินโน่นกินนี่ต่อทั้งที่ตอนนี้ทั้งเขินทั้งอายจนหน้าแดงเถือกไปหมดแล้วก็ตาม

      ร่างสูงอ้าปากค้างขณะจะพูดต่อ

      งั้นก็หมายความว่า.....

       

      ถ้าอยากงั้น....

       

      ยูริตาลุกวาวทำเหมือนเด็กที่เพิ่งเคยได้ยินคำบอกรักครั้งแรกในชีวิต

       

      อุ้ย!! ทำอะไรเนี่ยควอนยูริ!!”

      ร่างสูงที่ดีใจสุดขีดวิ่งเข้าไปคว้าตัวเจสสิก้ามากอดแล้วอุ้มวิ่งไปตามชายทะเลพร้อมตะโกนเสียงดังอย่างไม่อายฟ้าอายดิน

      เธอไม่อายแต่ฉันอายนะเว้ยไอ้ลิงบ้า!!

       

      เย้!!! สิก้ารักฉันเหมือนกันแหละ สิก้ารักฉ้านนนนนนน!!”

       

      เอ่อ ตกลงไอ้ลิงนี่มันบ้าหรือมันยังไงวะเนี่ย!?

       

      แฮ่กๆ สิก้าตัวหนักจัง

      เพี๊ยะ!!

      โอ๊ย! ตีทำไมอ่ะ

      อยากมาว่าฉันอ้วนนี่!!”

      หึๆ ท่าทางสิก้าจะลืมไปอีกแล้วนะว่ายูลทำอะไรได้บ้าง...

       

      พูดจบร่างสูงก็โน้มใบหน้าไปจุมพิตดูดดื่มกับคนในอ้อมกอดอีกครั้ง เพียงแต่ว่าต่างสถานที่และต่างความรู้สึกก็เท่านั้นเอง

      หากเจสสิก้ารีบผลักยูริออกเมื่อนึกอะไรขึ้นได้

      แต่เธอต้องไปเมืองนอกไม่ใช่เหรอ

      เอ่อ.....คือยูลเฟคไปงั้นเองแหละ

       

      อ๋อ.....งั้นไอ้ที่ทำหน้าเศร้าๆนั่นก็คือหลอกกันน่ะสิ

      งานนี้แกตายแน่ไอ้ลิงกะล่อน!!

       

      หึๆ.....วันนี้ถ้าเธอไม่ช้ำในตายก็อย่ามาเรียกฉันว่าจองเจสสิก้าเลยดีกว่า!!”

      เรื่องไรจะอยู่ให้ซ้อมโง่ๆล่ะ

      อย่าหนีนะ!!”

       

      บางทีความรักก็ทั้งเข้าใจยากในบางครั้งและเข้าใจง่ายในบางเวลา ก็แล้วแต่ว่าหัวใจสองดวงจะโคจรมาอยู่ในตำแหน่งเดียวกันหรือไม่ก็เท่านั้น สิ่งที่ซ่อนอยู่ข้างในลึกๆนั้นอาจจะไม่สิ่งที่คุณกลัวจนต้องคอยกันไม่ให้มันออกมา แต่อาจจะเป็นอะไรที่คุณต้องการมาตลอดก็ได้.....ใครจะไปรู้

       

      ต่อให้คนๆนั้นจะเลวในสายตาคนอื่นยังไง....แต่แค่เรารักและเชื่อ...

       

      เลวยังไง....ก็รักเธอ....

       

       

      The end (Yulsic’s part)

        

       
       

       

       

      ซอฮยอนถอนหายใจกับตัวเองเบาๆภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยตุ๊กตากบเคโรโระสีเขียวเต็มไปหมด เธอหยิบตัวที่เธอโปรดปรานที่สุดขึ้นมาพูดประหนึ่งว่ามันมีชีวิตจริงๆ

      นี่....ทำไมพี่ยุนถึงทำแบบนี้ล่ะ

      เจ้ากบสีเขียวนิ่งไม่ไหวติ่งเช่นเคย

      ......ทำไมฉันเจ็บจัง.....น่าจะชินได้แล้วนี่เนอะ

      เธอหันไปมองขีดดำๆหลายๆขีดบนฝาผนังห้อง สาวตากลมหยิบปากกาใกล้มาแต้มขีดลงไปอีกหนึ่งขีดพลางนับจำนวนทั้งหมดของมันด้วยแววตาเศร้าสร้อย

      สามร้อย.....สามสิบเอ็ดครั้ง

      หนึ่งขีด....หนึ่งความเจ็บปวด.....อีกครั้งที่พี่ทำร้ายฉัน…..สามร้อยสามสิบเอ็ดครั้งที่พี่กรีดมีดลงใจของฉัน

       ฉันได้แต่มานั่งนับว่าพี่ทำให้ฉันทรมานไปแล้วเท่าไหร่.....มันมากมายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ....แล้วพี่ยุนล่ะคะ เคยนับบ้างไหมว่าพี่ทำร้ายฉันไปกี่ครั้ง?

      ยิ่งคิดเหมือนขับน้ำตาให้หลั่งออกมามากขึ้นกว่าเดิม ตั้งแต่ที่ยุนอาไล่เธออย่างไม่สนใจใยดีก็ไม่มีการติดต่อใดๆ.....ไม่มีแม้แต่คำขอโทษ

      เธอปาดน้ำตาแล้วหันไปยิ้มให้ตุ๊กตากบน้อยอีกครั้ง

       

      ไม่เป็นไรค่ะ....ซอทนได้....อีกกี่ครั้งซอก็จะทน.....ซอจะรอพี่นะคะ

       

      รอวันที่ซอจะได้รักพี่จริงๆสักที....พี่ยุนของซอ

       

       

       

      ยุนอานั่งเหม่อไปที่หน้าต่างบานเดียวของห้อง จิตใจเริ่มจะไม่อยู่กับเนื้อกับเข้าไปมากขึ้นทุกที ทั้งเรื่องที่เจสสิก้ากับใครคนนั้นทำอะไรกันและเรื่องที่เธอเผลอทำร้ายจิตใจน้องสาวเกือบแท้ของเธอยังคอยวนเวียนซ้ำซากให้เธอต้องเจ็บข้างในอยู่ตลอดเวลา อยากขอโทษอยู่เหมือนกัน......แต่ตอนนี้เธอไม่มีแม้แต่แรงจะยืนเลยด้วยซ้ำ ข้าวก็กินแค่ตอนเย็นวันละนิดๆหน่อยๆ ขาก็แทบไม่ได้ลุกเดินไปไหนนอกจากห้องน้ำส่วนตัวของเธอเอง

       

      พี่สิก้า....ยุนรักพี่นะ ทำไมพี่ทำกับยุนแบบนี้ ทำไมพี่เคยสนใจฉันเลย ทำไมพี่ถึงรักแต่ไอ้บ้านั่นล่ะ ทำไมพี่ถึงมองฉันด้วยแววตาเฉยชาแบบนั้น ทำไมพี่ถึงทำเหมือนห่วงฉันเสียเต็มประดาทั้งที่พี่ไม่คิดแบบนั้นเลยสักนิด ทุกๆเรื่องที่พี่ทำมันทำให้ฉันทรมานมากนะรู้ไหม?

       

      ทำไมทุกคนต้องมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นไม่เว้นแม้แต่ซอฮยอน......ฉันทำอะไรผิดงั้นเหรอ ฉันก็แค่คนที่กำลังจะตายก็แค่นั้น ก็แค่คนที่กำลังเจ็บแต่ไม่อาจรักษาให้หายขาดได้.....

      การที่อยู่ในห้องคนเดียวใช่ว่าจะดีเสมอไป ยิ่งอยู่คนเดียวยิ่งฟุ้งซ่าน ยุนอาเองก็เช่นกัน เธอคิดถึงเหตุการณ์เดิมๆคำพูดเดิมและคนเดิมๆอยู่ตลอดเวลา จนตอนนี้เธอแทบจะไม่นึกถึงเรื่องอื่นๆอีกเลย

       

      มีเพียงความรู้สึกเดียวที่เริ่มคืบคลานเข้ามาเมื่อต้องเดียวดาย.....

       

      ซอ.....พี่เหงาจังเลย

       

       

       

      ก๊อกๆ

      ซอ.....นี่พี่ยุนเองนะ

      สาวตากลมมองไปทางประตูห้องด้วยใจพองโต ในที่สุดสิ่งที่เธอรอก็ใกล้เข้ามาแล้วสินะ

      ซอฮยอนกึ่งเดินกึ่งวิ่งจากเตียงของเธอเองไปยังประตูสีเขียวอ่อนด้วยใจระทึก ความเศร้าคอยๆหายไปทีละนิดเมื่อได้เห็นหน้าคนที่เธอรักมานานนับปี เหมือนคนที่จมน้ำแล้วถูกฉุดขึ้นมา.....

      แต่เธอคงไม่รู้ว่ายังไงเธอก็ต้องถูกคนที่ช่วยเธอกดให้จมลงข้างใต้จนตายอยู่ดี....

      พี่ยุน...

      ซอ.....เรื่องวันนั้น.....พี่ขอโทษซอด้วยนะ พี่มันไม่ดีเองแหละ

      ยุนอาพูดแล้วหลุบตามองพื้นอย่างสำนึกผิด ซอฮยอนยิ้มกว้างพลางพูดเหมือนเธอไม่ได้สนใจอะไรมากมายนัก

      ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ซอเข้าใจ

      จริงเหรอซอ....ซอไม่โกรธพี่จริงๆใช่มั๊ย

      ยุนอาโผเข้ากอดซอฮยอนด้วยความคิดถึงปนดีใจ สาวตากลมยิ้มบางๆ

      จริงสิคะ...ซอไม่เคยโกรธพี่เลยสักครั้ง

       

      แต่ซอทั้งเจ็บทั้งทรมานเจียนตายต่างหากล่ะคะ.....

      ใช่ค่ะ....ซอเข้าใจพี่ทุกอย่าง.....แต่พี่ไม่เคยเข้าใจซอเลยสักอย่าง

       

      ไม่เป็นไรค่ะ....ซอทนได้

       

      ไหนๆก็ไหนๆแล้ววันนี้เราไปเที่ยวให้สบายใจกันดีไหมคะพี่ยุน

      ก็ดีเหมือนกันนะ หมกตัวอยู่แต่ในห้องจนแทบไม่โดนแดดนานแล้วล่ะ

       

      ยุนอายิ้มอย่างสบายใจเพราะอย่างน้อยเธอก็ยังมีน้องสาวที่เข้าใจและเป็นกำลังใจให้เสมอ

      ช่างโชคดีจริงๆ....

       

      ต่างกับซอฮยอนที่ยิ้มกว้างพียงแต่เป็นยิ้มที่ฝืนสิ้นดี.....และอีกไม่นานเธอก็คงหมดแรงจะฝืนต่อไป

       

      เธอรู้ว่าสิ่งที่เธอรอนั้นมีแต่ความว่างเปล่า.....และเธอก็รู้ว่าต้องเจ็บอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

      รู้ไม่ใช่ไม่รู้....แต่ก็ยังทำเหมือเดิมไม่ยอมหยุด ความสุขที่เป็นความทุกข์....

       

      ยอมโง่น่ะ.....รู้จักไหม?

       

      ในที่สุดก็ไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดีสุดท้ายทั้งสองเลยต้องมานั่งกินไอติมบนม้านั่งในสวนสนุกแทน แม้ว่ามันอาจจะดูธรรมดาไปสักนิด แต่ซอฮยอนก็พอใจที่เป็นแบบนี้....อย่างน้อยพี่ยุนของเธอก็งสามารถยิ้มได้เมื่อได้กินของชอบอย่างเจ้าไอศกรีมรสช็อกโกแลตนั่นล่ะนะ

      เฮ้อ....เสียดายเวลาชะมัดเลย เอาเวลามานั่งกินไอติมแทนนั่งอยู่ในห้องคนเดียวดีกว่าเยอะ

      ได้ฟังแล้วสาวตากลมก็อดขำไม่ได้

      ก็เป็นซะแบบนี้เธอถึงได้หลงรักไงล่ะ....

       

      โดยเฉพาะถ้ามาซอมานั่งข้างๆด้วยนี่ยิ่งดีใหญ่เลย

       

      ยุนพูดพลางหันไปมองตาอีกคน เธอทำได้เพียงยิ้มบางๆราวกับเห็นเป็นเรื่องตลก ทั้งที่ในใจนั้นจะเต้นโครมครามกับคำๆนั้นแค่ไหนก็ตาม

      อีกครั้งที่พี่ทำฉันให้หวั่นไหว.....

       

      ....แต่ถ้าพี่สิก้าอยู่ด้วยอีกคนก็คงดีกว่านี้

       

      และอีกครั้ง....ที่พี่ผลักฉันให้ตกลงสู่ก้นเหว

      ซอฮยอนกำมือแน่นอย่างอัดอั้น.....

       

      เมื่อไหร่กัน.....ฉันจะได้ความรักจากพี่สักที....

      เมื่อไหร่พี่จะลืมเธอได้สักที....

       

      พี่ทำให้ฉันรอจนไม่อยากรอแล้วนะ.....

      วันไหนที่ความอดทนหมดลง....ฉันคงต้องตัดใจจากพี่จริงๆ

       

      จู่ๆยุนอาก็มีท่าทางเปลี่ยนไปจนซอฮยอนอดสงสัยไม่ได้ แววตาของเธอเหม่อมองไปยังฝูงชนที่พากันมาเที่ยวอย่างสนุกสนาน ร่างสูงมองตามสายตานั้นไป เธอถึงได้รู้ว่าเธอไม่ควรพายุนอาที่นี่ตั้งแต่แรกเลยจริงๆ

      พี่เจสสิก้า.....และใครคนนั้น

      ซอฮยอนหันกลับไปมองยุนอาอีกทีก็พบน้ำค่อยๆไหลออกจากตาคู่สวยทีละหยด เกรงว่าหากยังอยู่ต่อไปคงไม่ดีแน่ๆ

       

      ....หากอีกใจนึงก็ดีใจที่ยุนอาจะได้ตัดใจจากพี่ของเธอได้เร็วขึ้น....

       

      ฉันมองผู้คนที่เดินไปเดินมาจนชักจะลายตาด้วยความสบายใจ อุ่นใจทุกครั้งที่มีน้องคนนี้อยู่ข้างๆ ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆเธออาจจะลืมเจสสิก้าได้จริงๆสักวัน.....แต่แล้วสิ่งที่เธอไม่อยากเห็นก็ได้เห็น.....

      เจสสิก้า....และใครคนนั้น

      น้ำตาของฉันไหลออกมาอย่างไม่รอให้นึกเรื่องใดๆทั้งสิ้น แค่เห็นทั้งสองคนอยู่ข้างๆกันฉันทนไม่ได้จริงๆ

      ซอฮยอนพาฉันที่สมองมึนเบลอเดินเหมือนคนไร้วิญญาณมาถึงรถจนได้ ทันทีทีเข้ามาฉันก็กอดเธอเอาไว้และเริ่มร้องไห้สะอื้นอย่างไม่อายอะไรทั้งนั้น

       

      เพราะเธอไว้ใจ....ไว้ใจน้องสาวคนนี้ที่สุด

       

       

      โดยไม่รู้ว่าเบื้องหลังอ้อมกอดนั้นคือรอยยิ้มร้ายกาจของผู้หญิงที่ต่างไปจากน้องสาวของเธออย่างสิ้นเชิง......



                 

       

       ซอร้ายแปลกๆเนอะ -*- สงสารดีมั๊ยเนี่ย

      ปล.เม้นๆๆ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×