คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : สนามรบที่หนึ่ง
ฉัน-เหนื่อยเหลือเกิน
ฝนยังคงโปรยปรายลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เสียงห่าฝนและลมพายุตีโต้กันจนเกิดเป็นเสียงอึกทึกจนทำให้เขาแยกไม่ออกว่ามีผู้ใดตะโกนสู้รบอยู่หรือว่าเป็นเพียงเสียงรบจากในความคิดของเขา แต่ชายหนุ่มก็เหนื่อยจนเกินกว่าจะสนใจอะไร เขานอนมองฟ้าอึ้มครึ้มสีดำที่เต็มไปด้วยเมฆหมอกและควันไฟจากสนามรบ ฝนไหลซึมลงมาเข้าสู่บาดแผลตามตัวของเขาอย่างไม่หยุดยั้ง เลือดข้นๆไหลลงผสมไปกับสายฝนจนทำให้เกิดแอ่งน้ำสีข้นเล็กๆขึ้นมาล้อมรอบตัวเขา ปลายนิ้วเย็นเฉียบเสมือนถูกแช่แข็ง กลิ่นจากเลือดและควันปืนโชยไปทั่วผืนแผ่นดินซึมซับเข้าในโพรงจมูกจนไม่สามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นอื่น ลำตัวของเขาหนักอึ้งเกินกว่าจะขยับตัวได้ นิ้วมือและเท้าด้านชาไปหมดด้วยความเหนื่อยล้าจากกล้ามเนื้อ ผลจากการต่อสู้เอาชีวิตรอดมาทั้งชีวิตได้ตอบแทนร่างกายเขาอย่างสาสม ความเหน็ดเหนื่อยทั้งหมดที่สะสมมาราวกับฉุดตัวเขาลงไว้กับผืนแผ่นดิน
ผมสีดำยาวของเขากองจมไปกับน้ำบนพื้นดิน ปลายผมที่ยาวไปถึงบ่าแพร่ออกไปกับสายน้ำรอบกายเขาราวกับต้องการจะปกคลุมร่างกายที่แสนทรุดโทรมของมัน ปากแห้งกรังที่เขอะไปด้วยเลือดพยายามสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปอย่างไม่หยุดหย่อน การต่อสู้กับความเหนื่อยล้าของเขาดำเนินไปอย่างยากลำบาก
พลันเสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง ลมที่ว่าแรงอยู่แล้วก็พลันโหมกระหน่ำดั่งพายุ ต้นไม้ที่ไร่เรี่ยอยู่ตามข้างทางหักกระจายไปกับสายลมอันแข็งแกร่ง ฟ้าฝนบนท้องฟ้าคำรามออกมาราวกับวันสุดท้ายของโลก ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกของฟ้าร้องอันแสนบ้าคลั่งนี้ชายหนุ่มกลับรู้สึกแปลกใจที่ตนกลับรู้สึกสงบนิ่ง แสงที่แทบจะไม่โผล่ออกมาจากท้องฟ้าในยามนี้กลับดูสว่างไสวกว่าวันไหนๆที่ผ่านมา หลังจากนอนมองดูท้องฟ้าอึมครึ้มจนพอใจเขาจึงตัดสินใจนอนพักเอาแรงหลังจากที่ไม่ได้พักผ่อนมานาน
ไม่นานนักหลังจากที่พอจะมีแรงลุกขึ้นได้ เขาก็ลากขาโทรมๆของตัวเองออกไปจากสนามรบที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดนี้ บรรยากาศรอบข้างไม่ต่างอะไรกับนรกบนดินก็ว่าได้ สถานที่นี้หากผู้ใดได้มาพบเห็นคงไม่พ้นตกตะลึงไปกับจำนวนอันมหาศาลของซากศพที่้กองอยู่ทั่วทั้งสนามรบ ล้วนแต่ไม่ครบสมประกอบ บ้างก็ขาขาด บ้างก็แขนขาด หนักหน่อยก็จะมีไส้พุงไหลออกมากองอยู่กับพื้นและตายดาบที่ปักอยู่ตามทั่วพื้นดิน ไม่มีส่วนไหนในร่างกายที่จะยึดติดครบกันสามสิบสอง ศพทั้งหมดนี้ราวกับถูกสังหารโดยฝีมือของอสูรกาย
แต่หารู้ไม่ว่าอันที่จริงผลงานทั้งหมดนี้ล้วนแต่ถูกลงมือโดยบุคคลเพียงผู้เดียว บุรุษผมสีดำนิลที่พึ่งจะนอนเอกเขนกเมื่อกี้นั่นเอง! การต่อสู้ที่กินเวลานานกว่าสามวันเต็มได้จบลงโดยการสังหารหมู่ด้วยฝีมือของชายหนุ่มเพียงผู้เดียว ชายฉกรรค์นับร้อยก็ไม่อาจต่อกรได้กับฝีมือของคนๆเดียว ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก และแน่นอนคนที่เหลือเชื่อที่สุดก็เป็นใครไม่ได้อีกนอกจากตัวเขาเองนั่นแหละ
เขายิ้มเล็กน้อยให้กับสารรูปของตัวเอง เมื่อตัดสินใจได้ว่าจะเดินทางไปไหนต่อ เท้าที่ชุ่มไปด้วยเลือดก็สับเดินต่อไปยังจุดหมายและทิ้งเหล่าซากศพไว้เพียงเบื้องหลัง
"นี้ จะนอนไปถึงเมื่อไหร่"
"ตื่นได้แล้ว รุ่นพี่ค้าบ เช้าแล้วนะค้าบบ-."
ฟุ่บ!
ก่อนที่คนปลุกจะทันได้ลากเสียงจบประโยคก็ถูกหยุดด้วยมือเรียวยาวของคนขี้เซาที่บัดนี้ตื่นเต็มตัวจ่อไปที่คอ การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าความคิดที่จะหลบจะแล่นเข้ามา สภาพหัวของคนขี้เซายังคงหยุงเหยิงไปเพราะการนอนพลิกไปพลิกมาทั้งคืน แต่ไอเย็นที่ออกมาจากฝ่ามือแสนอันตรายนั้นกลับดูท่าจะเป็นหลักฐานว่าคนๆนี้ตื่นเต็มที่แล้ว สายตาสีดำจ้องเขม็งไปที่คนปลุกราวกับต้องการจะฆ่าให้วายวอดไปด้วยศาสตร์อาคมที่ร่ายติดอยู่กับฝ่ามือ ชายหนุ่มที่มาปลุกหน้าตาละม้ายคล้ายผู้หญิงคนนี้ที่กำลังถูกจ่อด้วยฝ่ามือที่อันตรายยิ่งกว่ามีดนั่นยกมือสองข้างขึ้นทันทีเป็นการแสดงเจตนาว่าไม่ได้คิดจะทำอะไรทั้งสิ้น ชายหนุ่มแอบคิดเล็กน้อยที่จะเอ่ยกวนประสาทอีกสักสองสามทีก่อนที่จะถอยห่างออกมา การยั่วรุ่นพี่ที่แสนขี้เซาดูท่าจะเป็นงานอดิเรกอีกอย่างหนึ่งของชายหนุ่มหน้าสวยคนนี้
แต่ดูท่าคนปลุกจะรู้ว่าตนได้เหยียบโซนอันตรายซะแล้ว ชายหนุ่มผมดำยิ้มแย้มเล็กน้อยก่อนที่ถอยหลังออกมาโดยไม่เอ่ยวาจากวนบาทาของคนขี้เซาที่มักจะโกรธหูรมควันอย่างนี้เวลาโดนปลุก และดูท่านี้คงไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโดนปลุกโดยฝีมือคนๆนี้
"มีอะไร" คำถามห้วนๆที่ต้องการคำตอบสั้นๆเอ่ยออกมา เขายังคงตื่นตัวและไม่ลดเวทย์บนฝ่ามือ แสงสีฟ้าไหวพรึ่บอยู่บนมือข้างขวาเป็นหลักฐานว่าพร้อมที่จะลงมือเสมอหากอีกฝ่ายคิดจะทำอะไรตุกติกขึ้นมา สายตาสีดำจ้องตรงไปกับรุ่นน้องที่แสนเจ้าเล่ห์ของตัวเอง เขาเกลียดรอยยิ้มเสแสร้งนั้นมากที่สุด และการถูกปลุกโดยคนที่ไม่ชอบนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าอารมณ์ดีแต่หัววันเลย
"นี้ครับ ค่าตอบแทนจากงานล่าสุด กว่าจะเจอรุ่นพี่นี้ไม่ได้ง่ายๆจริงนะเนี่ย" บ่นอิดออดไปพร้อมกับยื่นถุงเงินสีน้ำตาลอ่อนให้กับคนที่เขาเรียกว่ารุ่นพี่ ชายหนุ่มรับมาอย่างเงียบๆและวางมันไว้ข้างหัวเตียง และส่งสายตาเป็นการเชิญให้ออกไป
จะไม่มีการคุยเล่นอะไรทั้งนั้น
เหมือนอีกฝ่ายจะชินกับนิสัยไม่สุงสิงกับใครของคนๆนี้ เขาเอ่ยลาสั้นๆเบาๆพร้อมกับคำชมเล็กน้อย และหายตัวไปจากทางหน้าต่าง
"สังหารไปเยอะนะครับคราวนี้ ผมล่ะประทับใจกับฝีมือของรุ่นพี่เคลจริงๆ"
ทิ้งไว้แต่กับชายหนุ่มหรือเคลที่ค่อยผ่อนเวทย์บนฝ่ามือตัวเอง แล้วให้เวลาตัวเองเอาอากาศบริสุทธิ์มาทดแทนความรู้สึกแย่ๆที่เพิ่งประสบเจอ เขาล้มตัวลงนอนไปกับเตียงอีกครั้งแล้วแอบถอนหายใจเพราะเบื่อหน่ายกับความขี้เซาของตัวเอง
ความขี้เซาเป็นอีกอย่างหนึ่งที่แสนอันตรายสำหรับผู้ที่ทำอาชีพอย่างเขา การตื่นตัวตลอดเวลานั่นกลายเป็นเรื่องสำคัญเมื่อเวลาที่คุณต้องใช้ชีวิตอยู่ในวังวนแห่งการฆ่าฟัน ไม่มีเวลาไหนทั้งนั้นที่สามารถลดเกราะป้องกันตัวเองลงได้ ทุกวินาทีที่ลดเกราะล้วนแต่หมายถึงทุกโอกาสสำหรับศัตรูที่จะสามารถทำลายเราได้ และการหักหลังหรือการลอบสังหารนั่นก็เกิดขึ้นบ่อยเหลือเกินสำหรับคนที่มีอาชีพอย่างเขา
อาชีพนักฆ่านั้นเอง
เขาหากินกับอาชีพมานานกว่าทศวรรษแล้ว ไม่ว่าจะมีดหรือร่างกายเขารวมไปถึงของรอบกายต่างๆนั่นล้วนแต่สามารถมาเป็นอาวุธที่เป็นอันตรายถึงชีวิตแก่คนรอบข้างเขาได้ การพลิกแพลงสถานการณ์ต่างๆนั่นเกินกว่าความสามารถของสามัญจะเข้าใจได้แล้ว แต่การฝึกฝนหนักเพียงใดความขี้เซากลับไม่สามารถลบล้างไปจากตัวได้ จุดอ่อนที่สำคัญที่สุดของนักฆ่า เขากลับไม่สามารถพิชิตได้ แต่ถึงแม้อย่างนั้นเองเคลกลับเป็นท็อปในหมู่ท็อปของกลุ่มนักฆ่าด้วยกันเอง ศาสตร์อาคมและความหลากหลายของสไตล์การทำลายล้างของเคลนั้นเหนือเกินกว่าที่ผู้คนจะเพิกเฉยได้
แต่ความโด่งดังก็เป็นดั่งดาบสองคมเสมอไม่ว่าจะที่ไหน เคลรู้ตัวตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาตัดสินใจเดินทางสายนี้ องค์กรนี้ไม่มีที่ยืนสำหรับคนขี้เซา และเขารู้ตัวดียิ่งกว่าใคร เคลจึงเลือกที่จะสวมใส่หน้ากาก ปิดตัวให้มิดชิด และรับงานเฉพาะขาเล็กๆ
ศัตรูยิ่งเล็กเท่าไหร่ก็ยิ่งดี คิดว่าเขาอ่อนแอเท่าไหร่ก็ยิ่งดี กว่าจะรู้ตัวว่าเขาเหนือเพียงใดเขาก็จะกำจัดไปหมดแล้ว
ด้วยความที่เขาลงแต่ภารกิจที่แสนจะเรียบง่ายและไม่ต่างอะไรสำหรับมือใหม่ เหล่าคนที่อยู่รุ่นเดียวกับเขาที่เคยร่ำเรียนด้วยกันมา จึงพาลดูถูกเขาไปหมด แรกๆก็พากันนึกว่าเขายังไม่พร้อมกับประสบการณ์จริงจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก แต่เมื่อนานๆไปทุกคนก็ลงมติฉันทร์ได้ว่าเขานั่นไร้น้ำยาเกินกว่าที่จะข้องเกี่ยว เป็นเสมือนผู้ที่คอยเช็ดล้างงานกร่อยๆที่ไม่มีใครคิดจะทำ งานทุเรศที่ขนาดเหล่านักฆ่ายังเห็นว่าไร้ซึ่งศักดิ์ศรีเกินกว่าจะข้องเกี่ยว
ไม่นานนักฉายาของเขาก็เริ่มปรากฏให้คนได้เห็นพ้องว่าถูกต้องเพียงใด
เคล ภารโรงนักฆ่า นั่นเอง ฉายาของเขา ผู้ที่คอยทำงานไร้สาระเกินกว่านักฆ่าจะยอมทำ ทวงหนี้เอย ข่มขู่เอย กำจัดศพเอย สังหารเด็กเอย ล้วนแล้วแต่เป็นงานที่ไร้ซึ่งศักดิ์ศี แต่เป็นที่สุดแห่งที่สุดของความอัปลักษณ์ในขอบเขตของการทำงาน กระทั่งรุ่นน้องทั้งหลายแหล่ยังอดไม่ได้ดูถูกเขา แต่เขาก็ไม่สนอะไร ตนถึงคติ คมในฝัก ซะอย่าง
ทว่าเมื่อวานที่ผ่านมา งานง่ายๆอย่างการลอบสังหารบุตรชายคนโตของตระกูลซามูไรแห่งหนึ่งกับจบลงไม่สวยนัก เคลเผลอทำพลาดไปจึงต้องถูกตามล่าด้วยลูกศิษย์เกือบแทบจะทั้งสำนัก การต่อสู้ดำเนินและเยือดยื้อไปกว่าสามวันเต็ม เขาที่ไม่สามารถทำสิ่งใดได้ในเมื่อการหลบหนีไม่อยู่ในทางออก ก็เลยไม่พ้นต้องแสดงฝีมือที่แท้จริงเป็นที่ประจักษ์
สังหารผู้คนแทบจะทั้งสำนัก อันตรายขนาดไหนเขารู้ตัว เลือดย่อมล้างด้วยเลือดเสมอ ที่ผ่านมาเขามักจะเลือดงานง่ายๆเพราะส่วนใหญ่คนเหล่านั้นไม่ใช่คนสำคัญอะไรจึงไม่ต้องวิตกกังวลกับผลที่ตามมา ถึงแม้องค์กรจะส่วนใหญ่ชำระและจัดการทุกอย่างให้ แต่ก็ไม่มีสิ่งใดแน่นอน หากมีคนว่าจ้างมาฆ่าเขาอีกที เคลก็คงไม่พ้นต้องหนีตาย เขาไม่อยากทำตัวเด่น
แต่เมื่อวานก็ทำตัวเด่นซะจนได้
ทำไงได้ล่ะ ไม่ฆ่าก็ถูกฆ่า
เขารำพึงเล็กน้อยกับหายนะที่ตนเพิ่งก่อ แต่ไม่แน่ครั้งนี้เขาอาจจะโดนหาว่าฟลุคก็ได้ ใครจะรู้
"เห็นที ช่วงนี้คงต้องอยู่นิ่งๆซะและ เฮ้อ" เอ่ยจบก็หลับตาอีกครั้งเป็นการนอนรักษาบาดแผลเป็นรอบที่สอง
ตื่นมาครั้งหน้าอาจจะเป็นการมองโลกครั้งสุดท้ายก็ได้
ความคิดเห็น