คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 7 # จุดหมายของเรา 100%
บทที่ 7
จุดหมายของเรา
“แทฮยอง..” ผมตัดสินใจถามขณะที่เราเดินขึ้นเขามาเรื่อยๆ แทฮยองที่เดินนำหน้าหันมามองผมแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปสนใจทางข้างหน้า
“มีอะไร?” เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองผม
“คือ...เราจะต้องหนีไปอีกนานแค่ไหนเหรอ?” คำพูดของผมทำให้อีกคนชะงัก แต่ก็ยังไม่หันกลับมามองผมอยู่ดี
“ไม่นานหรอก...เรามีที่หมายที่เราต้องไปให้ถึง” ที่หมาย? จุดหมาย? เรามีด้วยเหรอ? oo
“ทำไมนายไม่บอกฉันล่ะว่าเรามีจุดหมายปลายทาง”
“ไม่จำเป็นสำหรับนายอยู่แล้ว เพราะยังไงนายก็ต้องรู้อยู่ดี บอกช้าหรือบอกเร็วก็ต้องรู้อยู่ดี” เดี๋ยวนะ...ผมว่าประโยคมันแปลกๆ =_= ช่างเหอะ ไม่ต้องสนหรอก
“ก็น่าจะบอกก่อนก็ได้นี่! นี่นายไม่คิดว่าฉันเป็นตัวอะไรเนี่ย!!! >o<”
“ปีศาจกระต่ายขาว”
“ปีศาจกระต่ายขาวเนี่ยนะ! เหอะ!คิดมาได้ ไอ้บ้าแทฮยองงงง!!”
“นี่! ถ้านายไม่หยุด ฉันจะปล่อยนายไว้นี่แหละ!”
“oxo!”
“หึ!” เชอะ! ทำเป็นวางฟรอม ไอ้...ไอ้..โอ๊ยยย!! ผมไม่รู้จะว่าเค้าว่าอะไรดีแล้วเนี่ย! ฮึ่ยยย ถึงตาผมเมื่อไหร่ล่ะก็ หึ! ได้เห็นดีกันแน่!
ก็อกๆๆ!!
ตอนนี้พวกผมทั้งสองคนอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งครับ บ้านหลังนี้ทั้งเก่าทั้งโทรม ดูจากภายนอกแล้วไมน่าจะมีใครอยู่ หรือว่ามี? ถ้าหากมี ผมว่าเค้าต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เลยครับ! บ้านเป็นขนาดนี้แล้ว เป็นผมไม่ทนอยู่นะเนี่ย ผมมองแทฮยองที่ตอนนี้กำลังเคาะประตูที่จะพังแหล่ไม่พังแหล่ เฮ้อ.....ผมกลัวมันพังจะเลยครับ t-t
แอ๊ด~
เสียงประตูที่ดังขึ้นทำให้ผมสนใจเป็นอย่างมาก ตรงหน้าประตู ปรากฏร่างของหญิงแก่คนหนึ่ง เธอใส่เสื้อคลุมสีดำเอาไว้ เหลือเพียงแค่เสี้ยวหน้าให้เห็น ผมมองแวบแรกก็สัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นที่แผ่ซ่านออกมาจากเธอเลยครับ
แทฮยองยื่นบางอย่างให้กับเธอก่อนที่เธอจะเปิดประตูให้พวกเราเข้าไป ผมกับแทฮยองเดินเข้าไปภายในนั้น ข้างในมืดมากจนผมต้องคว้าหาเสื้อของแทฮยอง คนตัวสูงชะงักเล็กน้อยก่อนที่เค้าจะเอื้อมมือมาจับมือผมให้เดินตามไปเรื่อยๆ แต่หน้าแปลก....
ทำไมตอนที่แทฮยองจับมือผม...ผมถึงไม่รู้สึกกลัวเหมือนตอนแรกที่เข้ามาภายในนี้ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าผมเริ่มชินกับบรรยากาศแบบนี้แล้วงั้นเหรอ? คงงั้นมั้ง
พวกเราสองคนยังคนเดินมาเรื่อยๆ ท่ามกลางความมืด ผมสงสัยจังว่า ภายนอกเป็นบ้านหลังเล็กนิดเดียว แทบจะเรียกว่าซุ้มได้อ่ะ แต่พอก้าวเข้ามาข้างใน เหมือนกับเราเข้ามาอีกมิติหนึ่งอย่างงั้นแหละ อากาศก็ชักจะหนาวขึ้นเรื่อยๆ แล้วแฮะ
end jungkook
taehyung
เราเดินมาได้ซักพัก แสงสีน้ำเงินก็ปรากฏเป็นรูปสีเหลี่ยม ผมไม่ได้หันไปมองจองกุกเพียงแค่กระชับมือให้แน่นขึ้นก่อนจะก้าวเข้าไปในนั้น
แสงนั้นค่อยๆ จางหายไปเรื่อยๆ จนมารู้สึกตัวอีกที ภาพตรงหน้าของพวกเราก็คือสถานที่แห่งหนึ่ง ลานกว้างที่เต็มไปด้วยหญ้าสีเขียวชะอุ่ม ท้องฟ้าสีครามสดใส จะว่าไปเหมือนกับโลกมนุษย์นะ แต่มันไม่ใช่...มันคือโลกของพ่อมดและแม่มด!
หลายคนอาจจะสงสัยว่า อ้าว! มีแวมไพร์แล้วทำไมถึงมีพ่อมดแม่มดล่ะ? ผมตอบให้ก็ได้ครับ จริงๆ แล้ว ทั้งแวมไพร์ พ่อมดแม่มดมีอยุ่จริงกันหมดนั่นแหบะครับ เคยได้ยินมั๊ยครับว่า
‘ตำนาน เรียงร้อยมาจากความจริง’
ครับ....ตำนานทุกตำนานมีจริง เพียงแค่พวกมนุษย์ไม่สามารถเจอพวกเราได้ก็เท่านั้นครับ จะเห็นเฉพาะเวลาที่เราออกไปให้เห็นซึ่งมันจะไม่มีวันนั้น เพราะว่า..พวกเราจะไม่ปรากฏตัวให้พวกมนุษย์เห็นแน่นอน!
ผมพาจองกุกเดินไปเรื่อยๆ ผ่านเหล่าพ่อมดแม่มดมากมายที่มองตามเราไม่ขาด ก็แหงล่ะสิครับ พวกผมพวกแวมไพร์นี่นา ไม่มองก็แปลกแล้วครับ แต่ผมไม่มีเวลาสนใจมากนักหรอก เราต้องไปให้ถึงปราสาทก่อนอันดับแรก และต้องถึงให้เร็วที่สุด!
อากาศที่นี่ร่มรื่นนะครับ ผมไม่เคยมาที่นี่หรอก แต่ยุนกิ...ยุนกิบอกเส้นทางผมมาหมดแล้ว เห็นผมแบบนี้ความจำผมนี่เป็นเลิศนะ ฮ่าๆๆๆ ผมติดต่อกับยุนกิอยู่ตลอด ถึงแม้บางทีสัญญาณอาจจะขาดๆ หายๆ ไปบ้าง แต่ก็ยังพอรู้เรื่อง ยุนกิปลอดภัยดี แต่ที่ไม่ปลอดภัยผมว่านะ หัวใจของเค้ามากกว่า นึกแล้วก็แค้นโฮซอกไม่หาย ไอ้หมอนั่น! บังอาจหักอกเพื่อนผมนะ ! คอยดูเหอะ ผมจะอัดมันให้เละเลย -^-
“พวกนั้น..เค้าเป็นใครอ่ะ?” เสียงใสดังขึ้น ผมถอนหายใจเบาๆ เหนื่อยกับความไร้เดียงสาของคนตัวเล็กนี่เหมือนกันนะ ถามอยู่ได้! -3-
“พ่อมดแม่มดน่ะ”
“อ่อ” แล้วก็เงียบครับ ผมไม่สนใจพลางก้าวขาให้เร็วขึ้น ก่อนที่จะมาหยุดลงที่หน้าประตูอันใหญ่ยักษ์ ผมหยิบของบางสิ่งออกมาพร้อมกับเดินไปยื่นให้กับองครักษ์ที่เฝ้าประตูอยู่ เขาตรวจสอบเล็กน้อยก่อนจะประตูจะเปิดออก
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“เข้ามา”
แม่บ้านของที่นี่เปิดประตูให้พวกผมสองคน ผมเดินนำจองกุกเข้ามาภายในนี้ พลางเหลือบไปมองคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ซึ่งเดาได้ไม่ยากว่านั่นคือบันลังค์ โค้งตัวให้เล็กน้อยเพื่อทำความเคารพ ร่างสูงที่นั่งมองผมกับจองกุกค่อยๆ ยิ้มออกมาก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินมาหาพวกผม เขาค่อนข้างหน้าตาดีเลยทีเดียว ทีแรกตอนที่ได้ยินว่าเป็นพระราชา ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าจะมีหนวดเคราสีขาวฟูๆ เสื้อผ้านี่ฟูฟ่อง แต่นี่กลับไม่ใช่ พระองค์อยู่ในชุดเสื้อคุลมเหมือนกับคนอื่นๆ แต่จะแตกต่างตรงที่พระองค์สวมมงกุฎไว้นี่สิ หน้าตาก็หล่อเหลา จนบางทีผมต้องยอมรับว่าเขาหล่อกว่าผม(?) (มันใช่เวลาป่ะ?)
“มากันแล้วเหรอ? อืม...นี่คงเป็นจอน จองกุก แวมไพร์ที่ตกเป็นเป้าหมายอยู่ในตอนนี้ใช่หรือเปล่า?” ผู้ชายตรงหน้าผมหันไปมองจองกุกก่อนจะหันมามองผม
“ใช่ครับ” ผมตอบออกไป
“อ้อจริงสิ! ข้ามีนามว่า ‘ราฟาเอล’ ราชาแห่งเมืองออร์แกน”
“ผม ‘คิม แทฮยอง’ ครับท่าน เป็นเกียรติ์ที่ได้รู้จักกับพระองค์” ผมโค้งให้อย่างสุภาพ พระราชาราฟาเอลหัวเราะร่าก่อนจะหันไปสนใจจองกุกที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ ผม
“ยินดีที่ได้รู้จักพวกเจ้าสองคนนะ จริงสิ...ข้ามีขนมเยอะแยะเลย เจ้าต้องการมันหรือเปล่า? ^^” พระราชาราฟาเอลถามจองกุอย่างยิ้มๆ จองกุกทำหน้าตกใจก่อนสายนี่จะเป็นประกายเลยนะ =_= นี่อายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย!? “ฮ่าๆๆ ดูเหมือนเจ้าจะอยากได้จริงๆ สินะ งั้นเดี๋ยวข้าจะให้คนของข้าพาไปนะ” พระราชาพูดจบหญิงสาวคนหนึ่งก็เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ จองกุกก่อนจะผายมือเพื่อนำไปยังอีกห้อง
คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมามองผม ไม่รู้ว่าต้องการจะพูดอะไรกันแน่ ระหว่าง ‘ฉันเชื่อใจพวกเค้าได้หรือเปล่า?’ กับ ‘ให้ฉันไปนะ’ เอ่อ...ผมว่าน่าจะเป็นอันหลังมากกว่า -0- ผมเลยพยักหน้าให้จองกุก เท่านั้นแหละ..เจ้าตัวก็วิ่งแจ้นไปทันที ผมมองจองกุกก่อนจะเผลอยิ้มออกมาแบบไม่รู้ตัว ให้ตายสิ...เด็กจริงๆ เลยนะ
“ดูเหมือนเจ้าจะสนิทกับเด็กนั่นดีเหมือนกันนี่นา ^^”
“ไม่หรอกครับ แล้วนี่พระองค์มีอะไรกับผมหรือเปล่า? ถึงได้ล่อเจ้าแวมไพรน้อยไปนู่นเสียแล้ว” พระราชายิ้มก่อนจะเชิญผมให้นั่งลงที่เก้าอี้น้ำชา ก่อนจะลงมือรินน้ำชาให้ผมอย่างเบามือ และยื่นมันมาให้ผม ผมจึงรับเอาไว้
“อืม..ก็นะ ช่วยเล่าฝันของเด็กนั่น รวมถึงเรื่องของเด็กนั่นมาให้ละเอียดหน่อยสิ”
END TARHYUNG
----------------------------------------ต่อจย้าาาา----------------------------------------------------------------------------------
“โห! ขนมเพียบเลย ทั้งหมดนี่เป็นของผมจริงๆ เหรอฮะ?” ร่างเล็กที่ยืนมองโต๊ะอาหารที่เต็มไปด้วยขนมต่างๆ สาวรับใช้ยิ้มรับก่อนจะพยักหน้าเบาๆ เป็นการตอบ จองกุกยิ้มกว้างก่อนจะวิ่งไปหยิบนู่นหยิบนี่
สาวรับใช้มองจองกุกพลางยิ้มให้กับความน่ารักของเด็กคนนี้ นานแล้วนะ...ที่เธอไม่ได้เห็นเด็กย่างกรายเข้ามาในปราสาท ตั้งแต่ที่พระราชาราฟาเอลโตขึ้นอย่างเต็มภาคภูมิ
“พี่สาว มากินด้วยกันสิฮะ” จองกุกฉีกยิ้มกว้างชวนหญิงสาวให้ไปกินด้วยกัน แต่ด้วยความที่เธอเป็นสาวรับใช้เธอจึงส่ายหน้าปฏิเสธไป จองกุกเห็นแบบนั้นก็ขมวดคิ้วก่อนจะวางขนมที่ถืออยู่ในมือตรงดิ่งมาหาหญิงสาวดึงมือให้ไปนั่งด้วยกัน
“เอ่อ..ข้าว่ามันดูจะไม่...”
“ไม่เป็นอะไรหรอกฮะ” จองกุกยิ้มก่อนจะไปนั่งที่ตัวเองหลังจากกดไหล่ของอีกคนให้นั่งเก้าอี้ในฝั่งตรงข้ามของตน หญิงสาวเกร็งเล็กน้อยเพราะไม่เคยได้นั่งเก้าอี้ของพระราชาเช่นนี้ แต่ก็ฝืนยิ้มให้จองกุกไป “นี่พี่สาว พี่สาวชื่ออะไรฮะ?”
“ไม่ต้องเรียกพี่สาวก็ได้ ข้าว่าข้าอายุเกินกว่าที่ท่านจะเรียกเช่นนั้นแล้ว”
“จริงเหรอฮะ?” จองกุกตาโตกับคำตอบนั้น ร่างบางมองดูคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ดูยังไงก็อายุห่างจากเขาไม่กีปีเอง
“เห็นอย่างนี้ แต่ข้าอายุราว 40 แล้วนะท่าน” หญิงสาวยิ้ม
“โห! ไม่อยากจะเชื่อเลยนะฮะ” จองกุกทำท่าตกใจเล็กน้อย ก็ใครจะไปเชื่อว่าผู้หญิงที่ทั้งสวย หุ่นดี ดูไม่แก่จะอายุถึงขนาดนั้นแล้ว “แล้วตกลง พี่สาวชื่ออะไรเหรอฮะ?”
“บอกแล้วไงว่าข้าไม่ใช่พี่สาวหรอก”
“ฮ่าๆๆ ก็ผมอยากเรียกนี่ฮะ ให้ผมเรียกนะ” พูดจบจองกุกก็ฉีกยิ้มกว้าง นั่นยิ่งทำให้หญิงสาวคิดถึงใครบางคนขึ้นไปอีก...
“แล้วแต่เจ้าเถอะ ข้าชื่อมีชื่อ ‘นารี’ เป็นคนรับใชของที่นี่ และเป็นคนคอยดูแลพระราชาราฟาเอลมาตั้งแต่เด็กแล้วด้วย” เธอยิ้ม
“งั้นเหรอฮะ? อืม..ว่าแต่ พี่นารีมีลูกหรือเปล่าฮะ?” จองกุกถามออกไปอย่างไร้เดียงสา แต่หารู้ไม่ว่าคำถามนั้นทำเอานารีสะอึกเลยทีเดียว
“คือ...ฉัน เคยมีน่ะ” เสียงของหญิงสาวแผ่วลงอย่างเห็นได้ชัด นัยต์ตาดูเศร้าหมองเกินทน จองกุกที่เห็นเช่นนั้นก็คิดที่จะเปลี่ยนเรื่อง เพราะดูจากสถานการณแล้วเขาไม่ควรพูดเรื่องนี้ต่อ
“เอ่องั้นเหรอฮะ จริงสิฮะ! พี่นารีช่วยเล่าเรื่องพระราชาราฟาเอลให้ผมฟังหน่อยสิ นะๆๆ” จองกุกอ้อนออกไป นารีหัวเราะเล็กน้อยกับท่าทางของจองกุก กี่ปีแล้วนะที่เธอไม่ได้ยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุขเช่นนี้
“ก็...อย่าเอาไปบอกพระองค์ก็แล้วกันนะ”
“ได้เลยฮะ จองกุกจะไม่บอกเลย” นารีมองซ้ายขวาก่อนจะหันมาและเริ่มเล่าเรื่องราวของพระราชาราฟาเอลแต่ครั้งยังเป็นผู้เยาว์
“ย้อนกลับไปนะ ในสมัยที่พระราชาโรมันยังครองราชย์ ในวันนั้นวันที่ข้าเข้ามาในปราสาทนี้พร้อมกับมารดาของข้า ตอนนั้นข้าอายุได้เพียง 20 เท่านั้น ในวันแรกของการทำงาน ข้าได้รับมอบหมายให้ไปดูแลเจ้าชายองค์น้อยมีนามว่า ราฟาเอล ตอนนั้นข้ารู้สึกถูกชะตากับพระองค์สุดๆ ข้าอาบน้ำ แต่งตัว ให้เจ้าชายรวมถึงอะไรหลายๆ อย่าง ถึงจะเป็นเพียงแค่วันเดียวแต่เราสองคนก็สนิทกันมาก จนวันต่อมา ข้าหมดหน้าที่ในการดูแลเจ้าชายแล้ว แต่เจ้าชายน่ะสิ ดันงอแงบอกจะให้ข้าดูแลคนเดียว พระราชาโรมันเลยให้ข้าดูแลเจ้าชายตั้งแต่นั้นมา”
“โห...แล้วไม่เหนื่อยเลยเหรอฮะ?”
“ไม่เหนื่อยหรอก ข้าว่า มันก็สนุกดีเหมือนกันนะ เพราะข้าก็ชอบองค์ชายอยู่แล้ว”
“แล้วเจ้าชายก็ชอบพี่สาวด้วย”
“ฮ่าๆ ก็เช่นนั้นแหละ เจ้าชายติดข้าเอาการเลย จนกระทั่งเวลาที่ท่านเรียนหนังสือ เรียนดนตรี เรียนเต้นรำ เรียนขี่ม้า และอีกหลายอย่าง ก็ยังให้ข้าคอยเฝ้าเลยด้วยนะ จนวันๆ ข้านี่แทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยล่ะ เอาแต่เล่นกับเจ้าชาย ดูแลเจ้าชายอย่างเดียว จะว่าไปช่วงนั้นข้านี่อวบขึ้นเลยนะ เพราะเจ้าชายเอาแต่ยัดขุนข้า ฮ่าๆ นี่ดีหน่อยที่ช่วงหลังๆ ข้าปฏิเสธและขู่ว่าจะไม่เล่นด้วย เลยไม่บังคบข้าให้ทานอาหารร่วมอีก”
“เจ้าชายคงดื้อน่าดูเลยสินะฮะ ฮ่าๆๆๆ”
“ก็ประมาณนั้นแหละ ฮ่าๆ อย่าไปบอกเจ้าชายล่ะ”
“ฮ่าๆๆ ครับผม จอนจองกุกจะเงียบสนิทเลย”
“เออนี่ๆ ตอนวันที่ต้องขึ้นครองราชย์นะ เจ้าชายยังต้องให้ข้าไปปลอบเลย ตอนนั้นเจ้าชายนี่สั่นไปทั้งตัวเลย ด้วยความกล้าๆ กลัวๆ ของเด็กขี้เล่นอ่ะแหละ พอเข้าโหมดจริงจังนี่ไปไม่รอด”
“จริงด้วยฮะ ฮ่าๆๆๆ”
“นินทาอะไรข้าอีกล่ะนั่น”
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังหัวเราะอย่างชอบใจ เสียงของผู้ที่พึ่งกล่าวถึงก็ดังขึ้นขัดเสียก่อน นารีรีบเด้งตัวออกจากที่นั่งทันที ส่วนจองกุกก็หันไปยิ้มให้กับพระราชาราฟาเองก่อนจะเอ่ยตอบเสียงใส
“เปล่านะฮะ ผมกำลังชวนพี่นารีคุยเรื่องขนมอยู่ต่างหาก เนอะพี่นารี” จองกุกพยักเพยิดไปทางนารีที่พยายามยืนกลั้นขำอยู่ พระราชาราฟาเอลเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มให้กับความเข้ากันได้ของทั้งสอง ก่อนที่จะสั่งให้นารีพาจองกุกและแทฮยองไปดูห้องของตัวเอง
จองกุกและแทฮยองเดินตามนารีมาเรื่อยๆ บนทางเดินชั้นสองของปราสาท ก่อนจะมาหยุดที่ประตูห้องห้องหนึ่ง หยิบกุญแจออกมาก่อนจะไขเข้าไป
ห้องที่ทั้งคู่เห็น เป็นห้องขนาดกลาง มีเตียงสองเตียงอยู่คนละฝั่งของห้อง ตรงกลางมีชั้นหนังสือขนาดใหญ่กั้นไว้ระหว่างเตียงสองเตียง โคมไฟที่ดูโบราณแต่ก็สะอาดจนน่าเหลือเชื่อ เดินเลยไปอีกหน่อยเป็นห้องอีกห้อง มีเตาไฟ และเก้าอี้โซฟาตัวหนาสี่ตัววางหันหน้าเข้ากัน โคมไฟห้อยระย้าดูหรู ถัดไปอีกเป็นประตูต่อไปอีก เป็นห้องน้ำที่ดูเหมือนจะไม่ใช่ห้องน้ำเสียเท่าไหร่ เพราะมันใหญ่เกินกว่าจะเป็นห้องน้ำ
“มีอะไรขาดเหลือ เรียกข้าได้เสมอนะ ข้าขอตัวก่อน”
หลังจากที่พาสำรวจห้อง นารีก็ขอตัวไปทำธุระของตนต่อ ทิ้งไว้เพียงสองชีวิตที่กำลังตื่นตากับห้องที่ดูเหมือนไมใช่ห้อง ยังกะบ้านขนาดย่อมยังไงก็ไม่รู้
“ช็อกโก้~ ฉันนอนเตียงนี้นะ” จองกุกพูดพร้อมกับล้มตัวลงนอนเตียงฝั่งซ้ายมือ แทฮยองทำสีหน้าเอือมๆ เพราะชื่อแปลกๆ ที่คนตัวเล็กคิดมาให้อีกแล้ว แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ เพียงแค่พยักหน้าและเดินไปที่หน้าต่างเพื่อมองดูวิวข้างนอก
ร่างบางเห็นร่างสูงเงียบไปจึงลุกจากเตียงเพื่อไปดูร่างสูง ก็พบว่าเขากำลังยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
“แล้ว..เราต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนานเท่าไหร่?” จองกุกถามพลางเดินไปยืนข้างๆ แทฮยองหันหน้าไปหาจองกุก ดวงตาคู่ใสกำลังจ้องมองด้วยความไร้เดียงสา มันเป็นดวงตาที่ทำให้แทฮยองต้องรู้แปลกๆ อยู่ทุกครั้งที่ได้สบเข้ากับมัน ครั้งนี้เองก็ด้วย
“ไม่รู้สิ...จนกว่าจะถึงเวลาแหละมั้ง”
“อ้าว แล้วเวลานั้นมันคือเวลาไหนล่ะ?” จองกุกถามด้วยสีหน้ายุ่งๆ
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันแหละ” แทฮยองตอบก่อนจะเอื้อมมือไปจับไหล่จองกุกไว้ จองกุกมองมือที่กำลังจับไหล่เขาอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง
“...?”
“สัญญากับฉันสิจองกุก”
“สัญญา?”
“สัญญาว่านายจะสู้ นายจะไม่ยอมแพ้...นายจะไม่ตาย นายจะต้องไม่ตาย” คำพูดของแทฮยองทำเอาจองกุกงงเข้าไปใหญ่ จู่ๆ เขามาพูดบ้าอะไรแบบนี้กัน? “ถ้าเมื่อไหร่ที่พวกเราเสียเปรียบ ถ้าเมื่อไหร่ที่ฉันไม่ได้อยู่กับนาย เมื่อไหร่ที่ฉัน..จากไป นายจะต้องอยู่ นายต้องรอดนะจองกุก นายต้องดูแลตัวเองดีๆ นะ”
“อืม..ฉันจะต้องไม่ตายอยู่แล้ว”
“....”
“ฉันจะไม่ยอมแพ้ และฉัน..”
“....”
“จะไม่ยอมให้นายต้องตายด้วย มันจะไม่มีวีนนั้น..วันที่ฉันจะต้องอยู่โดยที่ไม่มีนาย วันที่ฉันอยู่คนเดียว และนาย..ต้องสัญญากับฉันด้วยนะ ว่า ‘เรา’ จะอยู่ด้วยกันตลอดไป..” คำพูดของจองกุกทำให้แทฮยองตกใจมาก และไม่ใช่แค่แทฮยอง จองกุกเองก็เช่นกัน
นี่เขาพูดแบบนั้นออกไปเหรอ?...
“เอ่อ..ช่างเถอะ ถึงนายจะตาย ฉันก็อยู่ได้! ฉะ ฉันไปแล้ว!” จองกุกพูดเสียงตะกุกตะกัก ก่อนจะรีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันที แต่ไม่ทันที่ร่างบางจะได้เดินออกมา ก็ถูกร่างสูงดึงตัวกลับไปซะงั้น จองกุกที่เอาแต่ดิ้นและโวยวายจนมารู้สึกตัวอีกที ตัวเองก็มาอยู่ในอ้อมกอดของแทฮยองเสียแล้ว
“นี่จองกุก!” แทฮยองขึ้นเสียงเล็กน้อย ทำให้คนที่อยู่ในอ้อมกอดหยุดดิ้นก่อนจะหันไปจ้องแทฮยองเขม็ง ก็ใครใช้ให้มากอดเขาแบบนี้ล่ะ!
“อะไรอีกล่ะ! เป็นบ้าอะไรของนายตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว คำพูดแปลกๆ นั่นน่ะ!”
“แล้วทีนายล่ะ ไม่ได้พูดอะไรเลยใช่มะ?” จองกุกชะงักกับคำพูดของแทฮยอง ร่างบางหลบสายตาของร่างสูงแทบจะทันที
“นะ นั่นมันเรื่องของฉัน!”
“หืม?”
“อะไรอีกเล่า! อะไรกันนักกันหนาเนี่ย! แล้วนี่ปล่อยฉันได้ยัง ฉันหายใจไม่ออกเว้ย!!” จองกุกดิ้นให้แรงกว่าเดิมแต่ก็ยังสู้แรงของร่างสูงไม่ได้ แทฮยองมองจองกุกด้วยความหมั่นไส้ แค่เห็นหน้าก็รู้สึกอยากแกล้งแล้ว
“ไม่ปล่อย” ร่างสูงพูดพลางกอดให้แน่นขึ้น
“นี่!!! ไอ้...อื้ออ” ยังไม่ทันที่จองกุกจะพูดจบ แทฮยองก็ประกบริมฝีปากร้อนของตัวเองเข้ากับริมฝีปากเรียวบางเสียแล้ว ความรู้สึกแปลกๆ ของทั้งคู่ที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กับสัมผัสนั่น ทำให้ทั้งคู่รู้สึกหวั่นอยู่ไม่น้อย อัตราการเต้นของหัวใจเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ร่างบางที่เริ่มได้สติก็พยายามผลักร่างสูงออก แต่ก็ไม่เป็นผล จนในกระทั่งสติก็ได้หายไปอีกครั้งเมื่อแทฮยองเพิ่มความรุนแรงขึ้น ลิ้นร้อนของแทฮยองถูกส่งไปยังโพรงปากเล็ก มือหนาเริ่มเลื่อนเข้าไปในเสื้อของอีกฝ่าย เช่นเดียวกับจองกุกที่เผลอยกแขนไปคล้องคออีกฝ่ายเอาไว้
ร่างสูงผละริมฝีปากออก แต่ถึงอย่างนั้นริมฝีปากก็ยังคลอเคลียอยู่กับริมฝีปากของอีกคน ราวกับว่าไม่อยากแยกออกจากกัน “แล้วก็นะ...”
“....?”
“ฉันสัญญา...” พูดจบก็กดริมฝีปากเข้าไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากที่คิดว่าจะแค่แกล้ง แต่ตอนนี้มันเริ่มจะไม่ใช่เสียแล้ว....
เมื่อแทฮยองช้อนตัวอีกคนขึ้นก่อนจะเดินไปที่เตียง จัดการวางลงอย่างเบามือ และขึ้นคร่อมร่างบางแทบจะทันที มือหนาค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้ออีกฝ่าย เผยให้เห็นแผงอกเนียนขาวของอีกคน ริมฝีปากผละออกก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาที่ซอกคอขาว มือหนาก็ยังคงทำหน้าที่ลูบไปทั่วตัวของอีกคนอย่างทะนุถนอม
“อือ...” เสียงครางที่ร่างบางเผลอหลุดออกมา มันยิ่งฉุดให้สติของอีกคนต่ำลงไปอีก จนในตอนนี้ การกระทำที่เริ่มต้นจากการแกล้ง มันชักจะไปกันใหญ่เสียแล้ว.....
------------------------------------------------------------------->>> เค้าขอโทษษ > <'' มาช้าไป ฮืออๆๆ เจอกันตอนหน้าน้าาาา ^^ ใครอยากให้อัพเร็วต้องเม้นเข้าไว้นะ <3
ความคิดเห็น