คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : MABAE 09
\revenge
กล้องโพลารอยด์ถูกวางลงบนกระเป๋าเป้ของเจ้าของที่กำลังนั่งปรับสายกีตาร์ เซอุนเหลือบมองเพื่อนหน้านิ่งก่อนจะเอ่ยทัก
“ไปส่งงานมาแล้วเหรอ”
“เออ” คนโดนถามพูดพลางโยนกระเป๋าตัวเองลงบนโต๊ะที่เซอุนนั่งอยู่ สายตาเหยี่ยวอย่างเซอุนเหลือบไปเห็นสิ่งของที่โผล่ออกมาจากกระเป๋าของยงกุกก่อนจะยกยิ้ม
“กูให้มึงยืมกล้องไปถ่ายงาน มึงเอาไปถ่ายอะไร”
“ก็ถ่ายงานไง สิ่งที่น่าสนใจ” ยงกุกพูดเหมือนไม่มีอะไรแปลก เขาลากเก้าอี้มาตั้งตรงหน้าเซอุนก่อนจะนั่งคร่อมหันหน้าเข้าพนักพิงเก้าอี้
“มีแต่รูปน้องจินยองเนี่ยนะ”
“อ่าว ก็กูสนใจของกู” คนโดนแซวไม่ได้มียางอายใดๆทั้งสิ้นแต่ก็เอื้อมมือไปหยิบรูปโพลารอยด์สองสามอันที่โผล่ออกมายัดเข้าใส่ในกระเป๋าเหมือนเดิม เป็นรูปที่เขาแอบถ่ายตอนจินยองเผลอ ไม่ว่าจะเป็นตอนกินไอติมหรือตอนยืนทำหน้ามุ่ยตอนเขาสั่งให้ปั่นจักรยานไปซื้อน้ำ
“จ้ะ สนใจกูด้วย งานเดือนหน้าห้ามเบี้ยวนะสัด” แจฮวานที่ยืนเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงประตูพูดแทรกบทสนทนาของยงกุกกับเซอุน
“นี่ไอ้ซอนโฮมันหย่ากับวงแล้วใช่ไหม”
“ก็กูบอกมึงแล้วแม่มันให้มุ่งแต่เรียน” ยงกุกถอนหายใจกับความเซ้าซี้ของเพื่อนตัวเอง “งานใหญ่นะเว้ย ตัวแทนโรงเรียน”
“เออ กูก็มาซ้อมอยู่ทุกวันเนี่ย แล้วไอ้แดนไปไหนวะ”
“เห็นบอกแม่สั่งให้ไปซื้อของเล่นแมวห่าไรไม่รู้ เดี๋ยวตามมา”
“ตัวก็ใหญ่เสือกเลี้ยงแมว”
“ทำพูดไปมึง”
“กูทำไม”
“แล้วแมวมึงละ”
“กูไม่มีแมว” คิมยงกุกขมวดคิ้วเข้าหากันพอเห็นแจฮวานพูดประโยคไร้สาระ
“แล้วน้องจินยองมึงอ่ะ”
“นั่นคนไหมละสัด”
“คนเชี่ยไร กูเห็นครั้งแรกคิดว่าแมว น้องแม่งต้องขี้อ้อนมากแน่เลย” ยงกุกเงียบขณะที่ฟังเซอุนพูดเสริม เขานึกตามสิ่งที่เพื่อนตัวเองพูดก่อนจะถอนหายใจ ไม่เห็นน้องมันจะเคยอ้อนอะไรผมเลย
“มึงเคยจูบกับน้องมันยัง” คำถามของแจฮวานเรียกสายตาของยงกุกให้หันไปมอง
“ทำไมเหรอ มึงจะเอาข้อมูลไปทำรายงานส่งจารย์เหรอ”
“มึงนี่มันกวนส้นตีนตั้งแต่เส้นผมยันหัวแม่ตีนจริงๆ” ยงกุกยิ้มชอบใจพอเห็นสีหน้าขัดใจของแจฮวาน แต่รอยยิ้มของเขาต้องหายไปพอเซอุนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“ไอ้ยงกุก มึงยังติดต่อกับน้องฮักนยอนอยู่ปะ”
“ถามทำไม”
“เออ มึงถามเชี่ยอะไรเนี่ยไอ้เซอุน” แจฮวานรีบพูดเสริมขึ้นมาพอเห็นสีหน้าของยงกุก ต้องเป็นเขาทุกทีเลยสินะที่ต้องคอยห้ามไอ้สองตัวนี้ไม่ให้พูดเรื่องฮักนยอน ไอ้ห่าแดนอีกตัว
“กูแม่งไม่อยากเล่าเลยแต่คาใจ”
“…”
“เมื่อวันนู้นนน สองสามวันได้แล้วมั้ง กูไปดูหนังมาแล้วเสือกเจอแฟนเก่ามึง”
“มึงทักน้องเหรอ” แจฮวานรีบเดินมายืนตรงหน้าเซอุนทั้งๆที่ตอนแรกเขาทำตัวเหมือนไม่อยากรู้เรื่องนี้เท่าไหร่
“น้องมันทักกูตั้งหาก แต่มันถามหามึงอะ” เซอุนพูดพลางพยักเพยิดหน้าไปทางยงกุก คนโดนกล่าวหาไม่ได้มีท่าทางดีใจหรือเสียใจใดๆได้แต่มองหน้าเพื่อนเฉยๆ “มันถามว่ามีงสบายดีไหม ได้ข่าวว่ามีคนคุยใหม่แล้ว”
“เสือกอะไรด้วยวะ”
“นี่มึงด่ากูไม…” เซอุนยกมือทาบอกพลางทำหน้าเสียใจที่อยู่ๆยงกุกก็พูดขึ้นมาเสียดื้อๆหลังจากเขาพูดจบ แจฮวานเห็นแบบนั้นก็ดึงหัวของเซอุนมากอดแล้วลูบเบาๆด้วยสีหน้าที่คนเห็นก็รู้ทันทีว่ากำลังกวนประสาทอีกคนอยู่
“แล้วมึงตอบไปว่าไรเซอุน กูฟังอยู่” เจ้าของชื่อรีบดึงหัวตัวเองกลับก่อนจะยกขาถีบคนตรงหน้าด้วยความหมั่นไส้เรียกเสียงหัวเราะให้แจฮวานพอสมควร
“กูแค่ยิ้มๆไปแต่ก็บอกว่ามึงสบายดี” เขาเหล่มองเพื่อนตัวเองขณะที่พูดเกรงว่ายงกุกจะปี๊ดแตกแล้วลุกมาชกหน้า มันก็คงจะไม่คุ้ม…
“แล้วมึงไปหาน้องจินยองมึงไม่เจอฮักนยอนบ้างเหรอ”
“ไม่” แจฮวานทำหน้าคิดแปบนึงก่อนจะพูดต่อ
“พูดถึงฮักนยอนแฟนมันเป็นกัปตันทีมบาสใช่ปะ อยู่ๆกูก็นึกถึงไอ้จีฮุนเฉย… มันเป็นไงบ้างวะหลังจากเลี้ยงวันเกิดไอ้ซอนโฮเมื่อต้นปีกูก็ไม่เจอมันเลย”
“โหไอ้สัด ข้อสอบเชื่อมโยงนี่ยกให้มึง” แจฮวานยกมือขึ้นทำท่าจะตบหัวคนทักจนเซอุนต้องเบี่ยงตัวหนี แต่ดูเหมือนคนโดนตั้งคำถามจะกำลังอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเองอยู่ ใบหน้าสดใสของเพื่อนข้างบ้านตัวเองลอยเข้ามาในหัว คำพูดและรอยยิ้มตอนเขาถามว่า ‘อะไรห้อยอยู่ที่กระเป๋า’ กำลังเล่นตลกกับความรู้สึกของคิมยงกุก
‘ถ้ามึงชอบใครสักคนแต่มึงต้องอดทนไม่ชอบเขา… มึงทำได้ไหมวะ’
.
.
.
เสื้อนักเรียนถอดวางกองอยู่ข้างเตียงมีกระเป๋าเป้สีดำวางทับอยู่อย่างลวกๆหลังจากเจ้าของมันเข้ามาถึงห้องนอนก็โยนทุกอย่างออกจากร่างกายยกเว้นกางเกงของเขาแล้วรีบโดดขึ้นเตียงด้วยความอ่อนเพลีย คิมยงกุกมุดหน้าลงกับหมอนหวังว่าจะของีบสักสิบยี่สิบนาทีแต่ดูเหมือนความตั้งใจของเขาจะหายไปพอเสียงโทรศัพท์ดัง
“ฮัลโหล” เสียงอู้อี้ตอบกลับไปทั้งๆที่ตาก็ไม่ได้ลืมมาดูว่าใครเป็นคนโทรมา
‘ถึงบ้านยังครับ’ พอสำเหนียกได้ว่าคนนั้นคือใครเขาก็ยกหัวออกจากหมอนก่อนจะเช็คที่หน้าจอโทรศัพท์ว่าใช่คนที่เขาคิดจริงๆหรือเปล่า พอมั่นใจแล้วเขาถึงเอาโทรศัพท์แนบหูอีกครั้ง
“ถึงแล้ว”
‘ไม่เห็นทักมาบอกผมเลยว่าถึงแล้ว’ จินยองมีน้ำเสียงผิดหวังเล็กน้อยเพราะทุกครั้งถ้ายงกุกถึงบ้านเจ้าตัวก็จะทักไปบอกหรือไม่ก็โทรหาแต่อันที่จริงจินยองก็ไม่เคยทักมาถาม ท่าทางอีกฝ่ายจะรู้สึกกังวลกับท่าทางนิ่งผิดปกติของยงกุกเลยรู้สึกไม่ดีหากว่าไม่ทำอะไรสักอย่าง
“เมื่อกี้ง่วง เพิ่งเอาหัวถึงหมอนเอง”
‘จิตใจกะจะนอนแล้วให้ผมรอพี่ทักมาตอนตื่นเลยเหรอ’ ยงกุกยกมือขึ้นนวดระหว่างดวงตาของเขาเมื่อรู้สึกล้า เขาไม่ได้มีอารมณ์หงุดหงิดหรือโมโหที่อีกฝ่ายกำลังงอแงใส่ จริงๆมันก็ผิดที่เขาเองแหละที่ไม่ยอมทักไปบอกก่อน
“ฉันขอโทษ”
‘…’
“หายโกรธยัง”
‘แค่รู้ว่าพี่อยู่บ้านก็โอเคแล้ว พี่ไปพักผ่อนเถอะครับ’ ยงกุกยกยิ้มกับน้ำเสียงตัดพ้อของคนปลายสาย เขาทิ้งตัวลงนอนก่อนจะเสยผมลวกๆแล้วกดเปิดวีดีโอแทน ไม่นานหน้าจอโทรศัพท์ก็ปรากฎใบหน้าเล็กๆของคนที่เขาเพิ่งไปส่งที่บ้านมา จินยองกำลังทำหน้ามุ่ยใส่โทรศัพท์ก่อนจะมีสีหน้าตื่นตกใจพลางแสร้งมองไปทางอื่นหลังจากสังเกตได้ว่าอีกคนไม่ได้ใส่เสื้อ ‘เปิดวีดีโอทำไมครับ’ สายตาลอกแลกของจินยองกำลังทำให้ยงกุกนึกขันกับภาพตรงหน้า
“ก็อยากเห็นหน้า”
‘ไปใส่เสื้อดีๆไม่ได้เหรอครับ’
“ไม่”
‘ผมไม่ได้อยากเห็นสักหน่อ... พี่สักด้วยเหรอ’ ยงกุกก้มมองตำแหน่งที่จินยองกำลังมองอยู่ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาปิด
“ไหนบอกไม่อยากมอง มาสำรวจร่างกายฉันทำไม” คำพูดกับใบหน้ายียวนของอีกคนทำให้จินยองต้องละสายตามามองหน้าคนตั้งคำถามแทน ใบหูเริ่มแดงจนยงกุกสังเกตเห็น
‘ก็ผมเห็นพอดี ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าพี่สัก’
“ก็ฉันไม่เคยบอกนาย”
‘แล้วทำไมไม่บอก’
“ก็ว่าจะเก็บไว้ให้ดูตอนมีไรกันครั้งแรก”
‘กวน...’ ยงกุกแอบเห็นใบหน้าของอีกคนกำลังขึ้นสีแต่จินยองก้มหน้าลงเหมือนกำลังควบคุมสีหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขาอีกรอบ
“ไม่เซอร์ไพรส์เลย”
‘เลิกพูดได้แล้วววว’ จินยองหลับหูหลับตาโวยวายใส่ยงกุกด้วยสีหน้างอแงแต่ดูก็รู้ว่ากำลังเขินมากเพราะหูที่แดงชัดเจน เป็นอีกครั้งที่เขาก้มหน้าลงกับตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่กำลังนั่งกอดอยู่ ดูเหมือนจะเอามาเป็นที่วางแขนไม่ให้เมื่อยจากการถือโทรศัพท์เสียมากกว่าแต่ตอนนี้กลายเป็นที่หลบซ่อนความเขินอายของเขาไปแล้ว
“จินยอง”
‘อื้อ!’ เจ้าของชื่อไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองแต่ก็ขานรับ
“ฉันมีอะไรจะถาม” น้ำเสียงจริงจังของยงกุกทำให้จินยองค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา
‘อะไรเหรอครับ’
“วันนั้นนายเต็มใจจูบกับฉันหรือเปล่า” จินยองรอบถอนหายใจไม่ใช่ว่ารำคาญหรือหงุดหงิดแต่เขารู้สึกเหนื่อยกับการที่ต้องมาควบคุมสีหน้านั่งไล่เลือดลมในร่างกายที่กำลังสูบฉีดอย่างบ้าคลั่งกับทุกคำถามของยงกุก “หรือว่าฉันบังคับนาย นายเลยต้องจูบ”
‘ไม่ใช่สักหน่อย’
“…”
‘ผมรู้สึกดีกับจูบวันนั้นนะ’ เขาพูดทั้งๆที่ไม่สบตากับยงกุก ‘แต่นั่นมันก็เหมือนจุ้บๆเอง’
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ” จริงๆยงกุกได้ยินที่จินยองพูดถึงแม้ว่าอีกฝ่ายพยายามที่จะพูดให้เบาที่สุด แต่สิ่งที่ทำให้ยงกุกหลุดขำออกมาก็คงจะเป็นเสียงโวยวายของคนตรงหน้านี่แหละ ดูเหมือนจะเขินจนทนไม่ไหวต้องปล่อยออกมาเป็นเสียง
‘อย่าให้ผมต้องพูดซ้ำนะ’
“จะให้ไปหาที่บ้านไหมละ ได้มากกว่าจูบแน่”
‘พี่...’ ถ้าเขาเขวี้ยงโทรศัพท์ได้คงทำไปแล้ว ตอนนี้ทั้งร่างกายของจินยองมันโหวงเหวงไปหมด จะว่าเขาเป็นฝ่ายเดียวก็ไม่ได้อันที่จริงร่างกายยงกุกก็ใช่ว่าจะไม่มีปฏิกิริยากับความน่ารักของคนตรงหน้าเพียงแค่เขาแสดงมันออกมาไม่ค่อยเป็นเท่านั้นเอง มันก็จะทื่อหน่อยๆไม่ก็ความกวนตีนมันครอบงำภาพลักษณ์มากเกินไป ‘แล้วถามทำไมครับ’
“ฉันก็แค่อยากรู้ว่าไม่ใช่ฉันคนเดียวที่อยากจูบนาย”
‘…’
“ไม่ใช่ฉันคนเดียวที่รู้สึกแบบนั้นอยู่ฝ่ายเดียว...”
.
.
.
ระหว่างที่คิมยงกุกนั่งเล่นเกมส์ในคอมพ์รออะไรบางอย่าง เขาก็ชะโงกหน้ามองหน้าต่างเป็นครั้งคราวจนนี่ปาเข้าไปสามชั่วโมงหลังจากที่เขาวางสายจากจินยอง ลงไปกินข้าวมาก็แล้วไอ้คนข้างบ้านก็ยังไม่กลับมาถึงสักที นี่มันสามทุ่มกว่าแล้วนะ...
กึก!
เสียงหัวเข่ากระแทกกับขอบโต๊ะจนคอมพ์สั่น เจ้าของความเจ็บปวดลงไปนั่งกองกับพื้นพลางกอดเข่าตัวเองด้วยความทรมาน ดูเหมือนว่าเขาจะรีบมากเกินไปหลังจากเห็นเพื่อนข้างบ้านโผล่เข้ามาในสายตา จีฮุนกำลังจะไขประตูเข้าบ้านคนที่นั่งเฝ้าอยู่นานหลายชั่วโมงเห็นแบบนั้นก็รีบถูหัวเข่าก่อนจะวิ่งทุลักทุเลลงไปข้างล่างเพื่อที่จะไปหาเป้าหมาย
คิมยงกุกหยุดวิ่งก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกเต็มปอดเมื่อรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องจากการวิ่งออกมาจากบ้านเมื่อกี้ จีฮุนที่เกือบจะเดินเข้าบ้านเห็นความผิดปกติด้านหลังเลยหันมามองก่อนจะยิ้มทักทาย
“อ้าว เพิ่งกลับบ้านเหรอ”
“เปล่า กูมีเรื่องจะคุยกับมึง” จีฮุนยืนนิ่งไปแปบนึงแต่ก็กวักมือเรียกให้เพื่อนเข้ามาในบ้านก่อนซึ่งยงกุกก็เดินเข้าไปด้วยความเคยชินเพราะเมื่อก่อนเขาสองคนเข้าออกบ้านกันเป็นว่าเล่นถึงแม้ว่าพอโตมาแล้วจะไม่ค่อยมีเวลาทำอะไรแบบนั้นกันสักเท่าไหร่
“ถึงขนาดรอกูกลับบ้านเลยเหรอ” เจ้าของบ้านพูดยิ้มๆพลางวางกระเป๋าเป้ลงที่โต๊ะหนังสือ จีฮุนพายงกุกขึ้นมาบนห้องเพราะด้านล่างพ่อของเขากำลังนั่งดูข่าวอยู่รวมทั้งแม่ของจีฮุนที่จะนั่งคุยโทรศัพท์เรื่องงานอยู่ในครัวเหมือนอย่างเคยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงตั้งแต่สมัยที่ยงกุกเห็นเมื่อตอนเด็กๆเวลามาหาจีฮุน
“กูไม่คิดว่ามึงจะกลับดึกขนาดนี้”
“กูมีซ้อม เดี๋ยวเดือนหน้ากูมีแข่งกับไอ้จินอูอีก...” อยู่ๆจีฮุนก็หยุดพูดไปพอสังเกตเห็นสีหน้าของยงกุก เขาก็พอจะรู้มาบ้างว่าจินอูไม่ค่อยจะถูกกับอีกคนแต่ก็ไม่ได้รู้ลึกอะไรเพราะทั้งสองก็ไม่ได้มานั่งคุยกันเรื่องหัวใจสักเท่าไหร่
“ช่วงนี้คงเหนื่อยสินะ”
“ก็นิดหน่อย” ยงกุกกวาดสายตาไปรอบๆห้องในขณะที่อีกฝ่ายกำลังตอบคำถามเขาพลันสายตาก็ไปจบลงที่กระเป๋าเป้สีดำที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือ ตุ๊กตาหมีตัวเล็กห้อยพ้นขอบโต๊ะลงดูน่ารักแต่สำหรับเขามันดูสะเทือนใจยังไงชอบกล
“เมื่อวันนั้นมึงไปเที่ยวไหนมานะ”
“วันไหน”
“ที่กูทักมึงเรื่องตุ๊กตา” ยงกุกยังคงจ้องมองตุ๊กตาจีฮุนเห็นแบบนั้นเลยหันไปมองก่อนจะยิ้มออกมาเป็นคำตอบ
“เดี๋ยวมึงด่ากูปัญญาอ่อนอีก”
“ต่อให้มึงไปสถานที่แมนๆอย่างยิงปืนกูก็มองว่ามึงปัญญาอ่อนอยู่ดี” ยงกุกพูดตามที่รู้สึกจริงๆเพราะนับตั้งแต่เขาเกิดมารู้จักกับเพื่อนข้างบ้านที่ชื่อปาร์คจีฮุนเขาก็รู้สึกว่าชีวิตเขามันดูแข็งกระด้างไปหมดเมื่ออยู่ใกล้ๆเพื่อนคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัวการใช้เสียงสองพูดกับทุกอย่างบนโลกหรือรอยยิ้มที่มักจะปรากฎขึ้นบนหน้าหล่อๆนั่นของมัน
“กูไปพิพิธภัณฑ์หมีมา”
“…”
“คนอย่างมึงคงไม่รู้จักหรอกมั้ง” จีฮุนพูดขำๆเมื่อเห็นสีหน้าเรียบเฉยของเพื่อนตัวเอง ยงกุกที่นั่งอยู่บนเตียงรู้สึกอึดอัดจนหายในไม่ทั่วท้อง รู้สึกปวดหน้าอกจนต้องเผลอยกมือขึ้นลูบ ภายในท้องเขาโหวงเหวงไปหมดไม่รู้ควรจะพูดอะไรต่อ
“ไปกับใครวะ”
“ไปกับน้องในทีม ไอ้อูจินอ่ะ ฮยองซอบด้วยแล้วก็เพื่อนไอ้อูจิน” พอจีฮุนพูดถึงเพื่อนของอูจินใบหน้าหล่อก็ยกยิ้มชวนเพ้อฝันจนคนเห็นรู้สึกจุกๆ “มึงจำมันได้ใช่ปะไอ้อูจิน”
“อือ แล้วเพื่อนมันนี่ใคร” เขาพอจะรู้จักอูจินเพราะเคยไปเที่ยวด้วยกันบ้างเวลานัดเจอกันกับจีฮุนแต่เขาก็ไม่สนใจเท่ากับเพื่อนของอูจินหรอกว่าเด็กคนนั้นมันเป็นใครทำไมถึงทำให้ไอ้จีฮุนยิ้มได้ขนาดนี้
“พูดไปมึงจะรู้จักไหมเนี่ย”
“พูดมาเหอะ”
“น้องจินยอง”
“…”
“ไอ้เหี้ยน้องแม่งโคตรน่ารักอะมึง” ยงกุกสูดลมหายใจเข้าก่อนจะก้มหน้าลงเสยผมตัวเองพลางดึงทึ้งปล่อยอารมณ์อยู่แปบนึงแล้วเงยหน้ามามองจีฮุน
“อย่าบอกนะมึงซื้อตุ๊กตาให้น้องมัน”
“มึงนี่รู้ใจเพื่อนจริงๆ”
“แล้วน้องเขามีแฟนยัง” เป็นคำถามที่เขากลัวคำตอบมาก หากว่าอีกฝ่ายตอบมาว่ายังเขาจะต้องเหมือนตายทั้งเป็นแน่ๆ แต่ดูจากสีหน้าของจีฮุนแล้วก็ดูอุ่นใจขึ้นมานิดนึง
“ไม่รู้แต่น้องบอกมีแล้ว”
“มีแล้วมึงไปยุ่งกับน้องมันไมวะ” จีฮุนดูแปลกใจที่อยู่ๆอีกคนก็ขึ้นเสียงใส่เขา
“ก็กูชอบ”
“แต่น้องมันมีแฟนแล๊ว!”
“มึงจะขึ้นเสียงทำไมเนี่ยไอ้เชี่ย” จีฮุนเงยหน้ามองยงกุกที่ลุกขึ้นยืนพลางเดินวนไปวนมาทั่วห้องทำท่าทำทางร้อนอกร้อนใจจนผิดปกติ
“มึงชอบน้องมันมากเลยเหรอวะ” ยงกุกไม่ได้ฟังที่จีฮุนท้วงด้วยซ้ำเขามีสมาธิอยู่แต่กับความรู้สึกของตัวเอง เขาต้องการถามทุกอย่างที่เขาอยากจะรู้
“เออ แต่ก็พยายามจะไม่ชอบอยู่”
“มึงต้องพยายามมากกว่านี้”
“มึงเป็นเชี่ยอะไรเนี่ย” จีฮุนเริ่มรู้สึกหงุดหงิดเพื่อนตัวเองที่กำลังขัดขาทำลายฝันเขาอยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่ยงกุกมีท่าทางไม่เห็นด้วยจนออกนอกหน้าแถมยังพูดจาไม่ให้กำลังใจจนน่าถีบ
“กูจะถามมึงอีกทีว่ามึงจะไม่เลิกยุ่งกับคนมีแฟนแล้วจริงๆเหรอวะ”
“เออ ไม่เลิก”
“มึงแน่ใจนะ”
“เออกูมั่นใจ” จริงๆจีฮุนก็ไม่ได้อยากจะฮึกเหิมอะไรขนาดนี้แต่การกระทำของยงกุกมันกำลังทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดจนอยากจะเอาชนะแม่ง “แล้วมึงเป็นห่าอะไร ฮักนยอนไม่ให้เอาเหรอไง”
“มึงจะพูดถึงน้องมันทำไม”
“ก็มึงกำลังทำให้กูหงุดหงิดอยู่เนี่ย” ยงกุกพยายามข่มอารมณ์พอรู้สึกว่าตัวเองเริ่มแสดงความฉุนเฉียวมากเกินไปอย่างไม่มีเหตุผลในสายตาของจีฮุน แต่พอนึกถึงหน้าจินยองแล้วแม่งปี๊ดแตกตลอด
“กูเลิกกับฮักนยอนแล้ว”
“เอ้า... เมื่อไหร่”
“นานพอที่จะทำให้กูมีแฟนใหม่ก็แล้วกัน”
“เดี๋ยวไอ้ยงกุก มึง.. ไอ้ยงกุก!” เจ้าของชื่อไม่ได้หันไปมองคนด้านหลังที่พยายามจะรั้งเขาไว้ เขากลับรีบเดินออกไปจากห้องเพื่อจะหนีให้พ้นความรู้สึกอึดอัดตรงนั้นเพราะเขารู้ดีว่าถ้าอยู่ตรงนั้นนานกว่านี้มืออาจจะพลาดพลังไปชกหน้าเพื่อนของตัวเองแน่ๆ
ทำไมวะ... ทำไมต้องเป็นไอ้จีฮุน แม่งโว้ย! เป็นกัปตันทีมบาสแถมอยู่โรงเรียนเดียวกันกับจินยอง ความรู้สึกโคตรเดจาวู แล้วที่สำคัญเป็นเพื่อนที่แทบจะเจ็บตัวแทนกันได้เลยด้วยซ้ำ ส้นตีนมาก ผิดที่เกิดเป็นกูสวรรค์เลยแกล้งหรือผิดที่กูไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกันกับจินยองหรือว่ากูไม่ได้เป็นกัปตันทีมบาส ไม่อยากจะบอกกีฬากูง่อยพอๆกับทำอาหารถ้าไม่ใช่บอลอย่างอื่นก็หมา หรือแม่งผิดที่กูไปรู้จักไอจีฮุนวะ โหย ไอ้เหี้ยหมดคำจะพูดปลอบใจตัวเอง กูต้องรู้สึกยังไงเนี่ย ไอ้คิมยงกุก!!
.
.
.
วันนี้แดฮวีค่อนข้างมีท่าทางแปลกๆ ไม่ว่าจินยองจะเดินไปไหนก็จะต้องเดินประกบตลอดขนาดจะเดินไปเข้าห้องน้ำยังไม่คิดจะพักผ่อนหยุดตามเขาเลย ก็ไม่ได้อึดอัดอะไรแต่แค่มันไม่ใช่นิสัยอีแดฮวี ถึงเพื่อนคนนี้จะชอบวอแวแต่ก็ไม่ได้ทำตัวเป็นเงาคนอื่นขนาดนี้เสียเมื่อไหร่
“นี่นายยังเก็บตุ๊กตาหมีไว้ในกระเป๋าอีกเหรอหะ” แดฮวีที่ถือวิสาสะเปิดกระเป๋าของเพื่อนตัวเองเพื่อที่จะหาปากกามาใช้เพราะของตัวเองหมึกหมดพูดเสียงสูงพลางทำสีหน้าเหลือเชื่อจนคนเห็นทำตัวไม่ถูก
“แล้วนายจะให้ฉันเอาไปทิ้งเหรอไง”
“เอาไว้ไกลมือไกลตีนพี่ยงกุกเขาหน่อยไม่ได้เหรอ ถ้าเห็นขึ้นมาจะทำไง”
“เห็นไปแล้ว...”
“ว่าไงนะ”
“พี่เขาเห็นไปแล้ว” จินยองใช้ปากกาเกาหัวตัวเองพลางทำสีหน้ารู้สึกผิด แดฮวีถึงกับค่อยๆวางกระเป๋าของเพื่อนลงแต่สายตาไม่สามารถลอกแลกไปทางอื่นได้เลยนอกจากหน้าของจินยอง ในหัวเขากำลังประมวลข่าวสารทุกอย่างว่าเพราะอะไรเมื่อคืนคิมยงกุกถึงโทรศัพท์มาหาเขาตอนกลางคืนเพื่อที่จะขอให้เฝ้าแพจินยองทุกฝีก้าวอย่าให้ลับสายตาแม้แต่วินาทีเดียว ซึ่งมันแปลกตั้งแต่อีกฝ่ายยอมโทรมาหาเขาแล้ว มันจะต้องเป็นเรื่องสาหัสสำหรับคิมยงกุกพอสมควรไม่งั้นคนอย่างคิมยงกุกคงไม่โทรมารบกวนเขาแน่ หรือพี่เขาจะรู้แล้วว่าตุ๊กตานั้นได้มาจากไหน...
“แล้วพี่เขาถามอะไรเปล่า”
“ก็ไม่นะ พี่เขาไม่รู้จักพี่จีฮุนด้วยซ้ำ” ถึงปากจะพูดไปแบบนั้นแต่ในใจกลับรู้สึกหวั่นๆยังไงก็ไม่รู้
“จะว่าไปก็สงสารพี่ยงกุกเหมือนกันนะ”
“เรื่องอะไร”
“แฟนเก่าก็โดนกัปตันทีมบาสสอยไป แฟนใหม่ก็กำลังจะโดนกัปตันทีมบาสอีกทีมสอย”
“ฉันไม่ได้ยอมให้สอยสักหน่อย” จินยองยกมือทุบที่ไหล่ของอีกคนด้วยความโมโหจนแดฮวีคว่ำปากเหมือนจะร้องไห้พลางยกมือถูไหล่ตัวเองด้วยความเจ็บ
“ฉันเจ็บนะไอ้จินยอง!”
“ช่วงนี้พี่ยงกุกยิ่งมีท่าทางแปลกๆอยู่ด้วย”
“เป็นฉันก็คงแปลกเหมือนกันนั่นแหละ อยู่ๆแฟนตัวเองก็มีตุ๊กตาหมีมาอยู่ในกระเป๋า” แดฮวีทำปากยื่นปากยาวใส่ จินยองเหล่มองเพื่อนของตัวเองก่อนจะก้มมองสมุดตรงหน้า ตอนนี้ในหัวเขาไม่พร้อมทำงานที่อาจารย์สั่งเลยด้วยซ้ำ หรือว่าเขาควรบอกความจริงพี่ยงกุกดี...
นอกจากวันนี้สิ่งที่ผิดปกติจะเป็นแดฮวีที่คอยตามเขาต้อยๆมาจนถึงคิมยงกุกที่มารับเขาช้าอีกตั้งหาก จินยองยืนรอยงกุกอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงโดยไม่มีข้อความอะไรทักมาสักอัน ดีนะที่แดฮวียืนเป็นเพื่อนไม่งั้นเขาคงรู้สึกกังวลไปมากว่านี้
“ทำไมวันนี้มาช้าละครับ” เป็นอย่างที่ร่างสูงคิดเอาไว้เลยว่าจะได้ยินประโยคนี้จากอีกคน
“วันนี้ฉันมีซ้อม ไอ้แดนแม่งไม่ยอมให้เลิกก่อน” ขณะพูดชื่อแดเนียลก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหน้าเด็กตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆจินยอง
“มามองหน้าผมทำไม”
“เผื่อมีคนคิดถึงแฟนเก่า” คนโดนแหย่แยกเขี้ยวใส่พลางเขย่งตัวทำท่าจะทำร้ายอีกคนแต่พอเห็นสายตายงกุกก็อดไม่ได้ที่จะหุบมือเก็บเหมือนเดิม เบื่อพวกขี้ข่มจริงๆเลย อย่าได้สนิทกับพี่ดงโฮเชียวนะสองคนนี้ “วันนี้ทำหน้าที่ดีมากไอ้ตัวเล็ก” จินยองรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาดกลางหน้าเมื่ออยู่ๆยงกุกก็เอื้อมมือไปลูบหัวของแดฮวีถึงสีหน้าจะดูเหมือนตั้งใจจะกวนประสาทอีกคนก็เถอะแต่คนเห็นก็ไม่ได้รู้สึกดีสักเท่าไหร่แถมยังเรียกแดฮวีว่าตัวเล็กอีก พี่ยงกุกไม่เคยเรียกผมว่า ‘ตัวเล็ก’ เลยนะ!
“เพราะเห็นว่าจินยองเป็นเพื่อนผมหรอกนะ”
“พูดเรื่องอะไรกัน” คนโดนพาดพิงอดไม่ได้ที่จะถามแต่กลับได้รับแค่รอยยิ้มจากแดฮวีกลับมาแทน
“ไปดีฝ่า เหม็นความรัก” พูดจบเด็กตัวเล็กก็โค้งให้รุ่นพี่ทีนึงก่อนจะวิ่งแจ้นออกไป ปล่อยให้จินยองรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกอยู่คนเดียวยิ่งเห็นรอยยิ้มยงกุกที่กำลังมองแดฮวีเดินหายไปยิ่งรู้สึกหน่วงบอกไม่ถูก
“หิวยัง เดี๋ยวพาไปกินข้าว” ในที่สุดยงกุกก็หันมาสนใจคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ไม่หิวแล้ว” ไม่รู้เป็นอะไรอยู่ๆก็ไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น แทนที่จะรอให้อีกคนพูดต่อจินยองกลับออกตัวเดินนำหน้าไปก่อน
“กินมาแล้วเหรอ” จินยองไม่ได้พูดอะไรเขาแค่ส่ายหัวเป็นคำตอบ ดูเหมือนการกระทำของยงกุกกับแดฮวีเมื่อกี้จะทำให้อีกคนรู้สึกไม่พอใจ “เป็นอะไร”
“พี่กับแดฮวีมีอะไรไม่บอกผมหรือเปล่า”
“ไม่มีหนิ” จินยองใช้สายตามองคนข้างๆ ยงกุกเห็นแบบนั้นก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังไม่พอใจกับคำตอบของเขา “ฉันก็แค่ให้แดฮวีมันคอยดูแลนายก็แค่นั้นเอง”
“แค่นั้นจริงๆเหรอครับ”
“ก็จริงดิ คิดว่าฉันจะจีบมันเหรอไง” ยงกุกพูดพลางทำสีหน้าเหมือนเหม็นอะไรสักอย่างซึ่งมันทำให้จินยองเผลอหลุดยิ้มออกมา “ฉันแค่อยากให้มีคนดูแลนายระหว่างที่ฉันไม่ได้อยู่กับนายแค่นั้นเอง ถึงแม้ว่าไอ้เด็กนั่นมันจะตัวเล็กกว่านายก็เถอะ อย่างน้อยก็เป็นหูเป็นตาให้ฉันได้”
“แต่ผมไม่ชอบที่พี่เรียกแดฮวีว่าตัวเล็กเลย”
“แล้วจะให้เรียกว่าไร”
“ก็เรียกชื่อสิครับ มันก็มีชื่อนะ” จินยองคงจะลืมตัวไปว่าเขากำลังใส่อารมณ์เพราะยงกุกกำลังยิ้มพอใจกับอาการหึงหวงของคนข้างๆ
“ครับ ตัวเล็ก”
“…”
“พี่เข้าใจแล้ว” ใบหน้าเล็กรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาก่อนจะรีบหันไปมองทางอื่นหลังจากที่สบตากับยงกุกขณะที่โดนอีกฝ่ายเรียกเขาว่าตัวเล็ก ผมหวังว่าไอ้แดฮวีจะไม่ได้รู้สึกใจเต้นแบบที่ผมเป็นหรอกนะ ถ้าเป็น... ผมจะงอนมันจริงๆด้วย “จินยอง”
“อะไรครับ”
“วันนี้เอาตุ๊กตาหมีมาเปล่า” จินยองเงยหน้ามองคนถามก่อนจะพยักหน้า “ทำไมต้องพกไว้ตลอด”
“ผมลืมเอาออกจากกระเป๋าอ่ะ”
“แล้วจะเอาไปห้อยอะไรไหม” จินยองทำหน้าคิดก่อนจะสายหัว “งั้นฉันขอ”
“พี่เนี่ยนะจะเอาตุ๊กตาหมี”
“ทำไม ไม่อยากให้เหรอ หวงหรืออะไร”
“ไม่ใช่สักหน่อย ก็คนอย่างพี่ไม่เห็นเหมือนคนที่สนใจตุ๊กตาเลย”
“ก็ถ้ามันเป็นของนายฉันก็อยากจะใช้บ้าง มีอะไรเปล่า” ยงกุกจะรู้ตัวไหมว่าเขามีนิสัยที่ชอบพูดจาเหมือนกำลังจะหาเรื่องคนอยู่ตลอดเวลา
“อยากใช้ก็เอาไปสิแต่พี่ซื้ออีกตัวให้ผมได้ไหม”
“…”
“ผมอยากเอามาห้อยกับพี่”
.
.
.
เกือบครึ่งชั่วโมงที่คิมยงกุกไม่ยอมเดินเข้าบ้านสักที เขาเอาแต่เดินวนรอบซอยบ้านตัวเองเหมือนคนบ้า ถ้าเป็นปกติเขาก็คงจะด่าตัวเองแล้วว่าทำอะไรโง่ๆมาเดินให้ปวดขาเล่นทำไมแล้วก็ยอมแพ้เดินเข้าบ้านไปแต่สำหรับวันนี้เขากลับรู้สึกเหมือนเป็นการรอคอยอะไรสักอย่างแต่เป็นการรอคอยที่จะทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกหวยหลายล้าน
นี่เหมือนจะเป็นรอบที่สี่สิบเห็นจะได้ที่เขาเดินไปจุดเริ่มต้นหน้าปากซอยแล้วเตรียมจะเดินเข้ามาในซอยอีกครั้งแต่ก็ต้องหยุดเดินเมื่อสังเกตเห็นใครคนนึงกำลังเดินมา พอเห็นว่าเป็นคนที่เขารู้จักก็รีบวิ่งไปยืนอยู่หน้าบ้านตัวเองทำท่าทางเหมือนกำลังจะไขกุญแจบ้าน เหมือนกับว่าเขาเพิ่งมาถึงบ้านเมื่อกี้
“เพิ่งกลับบ้านเหรอมึง” คิมยงกุกหันไปมองเจ้าของเสียงที่กำลังเดินตรงมาที่เขาพลางไล่สายตาไปที่กระเป๋าเป้สีเหลืองที่ติดอยู่ด้านหลังก่อนจะเห็นตุ๊กตาหมีห้อยอยู่ข้างๆ รอยยิ้มยกขึ้นอัตโนมัติขณะที่กำลังเงยหน้ามองเจ้าของ
“เออ แล้วมึงทำไมวันนี้กลับไว”
“โค้ชมีธุระเลยให้พวกกูหยุด” ใบหน้าหล่อหุบยิ้มลงเมื่อสายตาสะดุดกับตุ๊กตาหมีที่ห้อยอยู่ที่กระเป๋าของคนตรงหน้า “อะไรห้อยอยู่ที่กระเป๋ามึงวะ... ไอ้ยงกุก”
“อ๋อ อันนี้อะเหรอ” เขาพูดพลางหันไปคว้าตุ๊กตาหมีที่ห้อยอยู่ที่กระเป๋าของตัวเองชูให้จีฮุนดู “แฟนกูให้มา”
“…”
“น่ารักไหม เหมือนของมึงเลย”
___________________
ให้มันรู้เสียบ้างว่าใครเป็นของใคร!
เป็นการแก้แค้นแบบไม่มีใครเจ็บตัวในถานะเพื่อนรัก 555
ยาวไปมั้ยคะ จะเบื่อกันบ่หนิ ...
คือบับ.. ดีใจมากกับโมเม้น #กุกนยอง รอบ FINAL
มันดูยิ่งใหญ่สำหรับเรามาก แค่แตะหลังก็เถอะ ว้ากกกกก ฉลองด้วยตอน 09
#มบฟช
@viewpmt
ความคิดเห็น