คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : MABAE 07
\ move on
เชือกรองเท้าถูกมัดเป็นปมอย่างเรียบร้อยด้วยความประณีต อูจินใช้มือปัดหัวรองเท้าเบาๆเหมือนกลัวมันจะได้รับบาดเจ็บก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของ รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นจนเห็นเขี้ยวของเขาโผล่ออกมาชัดเจนแต่ดูเหมือนคนเห็นจะไม่ค่อยอินกับความละมุนที่เจ้าตัวกำลังส่งผ่านไปให้สักเท่าไหร่
“หยุดยิ้มสักทีเห็นแล้วขนลุก” จินยองกระตุกเท้ากลับพออูจินจัดการมัดเชือกรองเท้าที่หลุดให้เสร็จ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนคนนี้แต่เกือบชั่วโมงนึงแล้วที่มันเอาแต่เทคแคร์จนผิดสังเกต
“อยากกินอะไรเปล่าเดี๋ยวกูไปซื้อมาให้”
“ไม่เอา” อูจินยังไม่เลิกวอแว เขารีบลุกขึ้นยืนแล้วดึงมือของอีกคนไปบีบๆนวดๆ
“เป็นอะไรของมึงอูจิน เจาะแจะไอ้จินยองอยู่ได้”
“หึงเหรอ ถ้ามึงไปได้กูก็คงเจาะแจะมึงแทนแล้ว” อูจินหันไปพูดกับแดฮวีที่ยืนดูดนมกล่องอยู่ข้างๆ ทั้งสองคนขมวดคิ้วไม่เข้าใจกับสิ่งที่อูจินกำลังทำก่อนที่คนโดนวอแวจะเริ่มตั้งคำถาม
“ไปไหน”
“ก็เสาร์นี้ฮยองซอบมันจะชวนกูไปดูพิพิธภัณฑ์หมีเท็ดดี้”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกู”
“ก็น้องมันอยากให้มึงไปด้วย”
“แล้วกูละ!” แดฮวีรีบสวนขึ้นมาก่อนที่จินยองจะถามต่อ “น้องมันไม่ชวนกูบ้างเหรอ”
“ชวน แต่กูบอกว่ามึงมีเรียนวันเสาร์” คนตั้งคำถามได้แต่ยืนทำปากยื่นปากยาวไม่พอใจ จะเถียงก็เถียงไม่ออกเพราะที่พูดมาเป็นเรื่องจริงว่าอีแดฮวีมีเรียนเปียโนทุกวันเสาร์อยู่แแล้ว
“แล้วกูต้องไปด้วยเหรอ นั่นมันที่เดทนะจะให้ไปเป็นก้างทำไม”
“กูไม่รู้ก็น้องอยากให้มึงไป”
“กูไม่ไป”
“กูว่าแล้วไง” อูจินถอนหายใจพลางทำสีหน้าเหมือนจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกแล้ว
“ที่มาตอแยกูนี่คือจะชวนกูไปกับมึงเหรอ”
“เขาเรียกเทคแคร์ กูไม่ทำให้ใครนะเว้ยนอกจากฮยองซอบ กูรู้ว่ามึงจะต้องปฏิเสธกูเลยต้องงัดไม้ตายทุกอย่าง”
“ต่อให้มึงซื้อรถมาเปย์กูก็ไม่ไป”
“จินยองงงงง มึงอยากเห็นกูตายเหรอ ฮยองซอบมันไม่ยอมแน่ถ้าไม่มีมึงในวันเสาร์” อูจินแทบจะล้มพับลงไปนั่งกับพื้นถ้าไม่คว้าแขนจินยองแล้วรั้งตัวเองเอาไว้เหมือนคนไม่มีกระดูก
“แล้วทำไมน้องจะต้องอยากให้กูไปขนาดนั้น”
“น้องมันติดมึงจะตาย มึงก็รู้” จินยองไม่ได้เถียงอะไรเพราะก็พอรู้มาบ้างว่าฮยองซอบค่อนข้างติดเขา
“มึงจะมารับกูไหมละถ้าตกลงไป”
“เออ เลี้ยงทุกอย่างแหละวันนั้นขอแค่ไป” คนได้ยินคำตอบถึงกับหลุดยิ้มชอบใจจะมีก็แต่แดฮวีที่ยืนทำหน้าบูดโกรธตัวเองที่มีเรียน
“พวกมึงไปกันวันอาทิตย์ไม่ได้เหรอ อยากไปด้วยอ่ะ”
“วันอาทิตย์กูมีซ้อม อย่างอแงเดี๋ยวว่างพร้อมกันกูพามึงเที่ยวเอง” อูจินพูดพลางเดินไปยีหัวเพื่อนตัวเล็กก่อนจะโดนอีกคนปัดมือออก เป็นเรื่องปกติคุยกันดีๆไม่ถึงสองนาทีหรอก
“กูไปก็ได้ กี่โมงก็โทรมาบอกแล้วกัน”
“จัดดิ เดี๋ยวฮยองซอบก็โทรบอกมึงเอง”
“เบื่อจริงๆเลย”
“มึงเบื่อแฟนกูเหรอเตี้ย”
“เบื่อมึงนั่นละไอ้อูจิน”
“มาเบื่อกูทำไม จะไปไหน มาคุยกันก่อน... แดฮวี!” จินยองถอนหายใจก่อนจะรีบเดินตามเพื่อนสองคนไปติดๆ บทสนทนาต้องจบแบบนี้ทุกที
.
.
.
เด็กหนุ่มร่างสูงยืนพิงกำแพงรออยู่ที่เดิมต่างตรงที่ว่าวันนี้เขาใส่ชุดพละสีดำแล้วก็มีจักรยานจอดอยู่ข้างๆ จินยองจ้องมองอยู่แปบนึงก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาพอรู้ว่าเป็นใคร
“ทำไมวันนี้ใส่ชุดพละละครับ”
“มีแข่งบอล เสื้อนักเรียนมันเปื้อนเลยเปลี่ยนเป็นชุดพละ”
“ล้มเหรอ”
“นิดหน่อย”
“แล้วเจ็บตรงไหนไหม มีแผลถลอกไหมเนี่ย” จินยองจับตัวของอีกคนหมุนซ้ายทีขวาทีด้วยความเป็นห่วงแต่ยงกุกกลับคว้าหัวคนตรงหน้ามากอดไว้แทน
“กอดนายเดี๋ยวก็คงหาย”
“โอ้ยยย ตลกแล้ว” จินยองรีบดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของยงกุกแต่พอเห็นสีหน้ายิ้มชอบใจของอีกฝ่ายก็รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาทันที “ถ้าเจ็บจริงก็บอกสิครับ ยังจะมาเล่นอีก”
“ไม่ได้เป็นอะไรมาก ก็มีล้มบ้างตามประสาคนเล่นบอล”
“อย่าเจ็บตัวบ่อยก็แล้วกัน ผมไม่ชอบ” ยงกุกได้แต่ยิ้มกับคำพูดและสีหน้างอแงของอีกฝ่ายก่อนจะจับจักรยานขยับให้มาอยู่ตรงหน้าจินยอง “อะไรอีก”
“นายขี่”
“พี่เอามาพี่ก็ขี่สิ” จินยองถอยหลังก้าวนึงเพื่อปฏิเสธแต่ยงกุกกลับดึงแขนของอีกคนเอาไว้
“นายเคยบอกว่าขี่จักรยานไม่เป็น วันนี้ฉันจะสอน” ถึงกับหน้าถอดสี ขนาดพี่ดงโฮยังไม่อยากจะเสียเวลามาสอนคนอย่างเขาแต่คิมยงกุกกลับยื่นข้อเสนอให้เองขนาดนี้
“ไม่เอา ผมกลัวล้ม”
“ฉันไม่ยอมให้นายล้มหรอกหน่า” สีหน้ายงกุกดูจริงจังจนคนเห็นเริ่มรู้สึกมั่นใจแต่ลึกๆก็ยังกลัวอยู่ดี
“พี่ขี่ไปก่อนได้เปล่า ไว้ถึงที่โล่งๆแล้วผมจะขี่เอง”
“อื้อ” ยงกุกพยักหน้าพลางขึ้นคร่อมจักรยานแล้วหันมามองอีกคนที่ยังคงยืนมองอยู่ “ขึ้นมาสิ”
“คะ-ครับ”
มันก็จะรู้สึกเขินหน่อยๆเวลาที่คนตรงหน้าขี่เร็วจนจินยองต้องคอยจับเสื้อของอีกคนเอาไว้แล้วพอจะเบลคยงกุกก็จะคอยใช้มือข้างซ้ายมาจับมือเขาตลอดกลัวว่าคนด้านหลังจะหล่นหรืออะไรสักอย่าง การกระทำของยงกุกมักจะทำให้จินยองรู้สึกมวลท้องตลอดเวลา เป็นคนทื้อๆแต่กลับชอบเทคแคร์ รู้ตัวบ้างไหมเนี่ยว่ากำลังทำให้คนอื่นเป็นบ้า หะ!
“จะขี่เลยไหม” ยงกุกจอดรถจักรยานตรงที่ปลอดคน เป็นสวนสาธารณะกว้างๆพื้นที่มากพอให้จินยองขับรถล้มตรงไหนก็ได้ไม่ต้องเดือดร้อนใคร…
“พี่จะให้ผมขี่คนเดียวเหรอ” จินยองเอนหัวมองคนด้านหน้าที่หันมาสบตากับเขา คิมยงกุกยกยิ้มก่อนจะลงจากจักรยาน
“นายย้ายไปนั่งข้างหน้า ฉันจะซ้อนเอง” เขาจับหัวจักรยานเอาไว้พลางพยักเพยิดหน้าให้จินยองย้ายที่ อีกคนเห็นแบบนั้นก็ทำหน้ามุ่ยขัดใจก่อนจะขยับตัวไปนั่งด้านหน้า “เอากระเป๋ามา”
“ผมสะพายไว้ก็ได้”
“ไม่ ฉันนั่งไม่ถนัด” จินยองไม่เข้าใจหรอกที่ยงกุกพูดคืออะไรแต่ก็ยอมถอดกระเป๋าให้อีกคนสะพายไว้แทน คิมยงกุกเห็นว่าจินยองนั่งเรียบร้อยแล้วเขาเลยทิ้งตัวนั่งลงที่เบาะด้านหลังแต่มือก็ยังคงเอื้อมจับแฮนด์อยู่ คนที่โดนล้อมรอบไปด้วยแขนแกร่งของคนด้านหลังก็ได้แต่นั่งตัวลีบอยู่อย่างนั้น
“พี่จับแบบนี้ผมจะขี่ไงอ่ะ”
เขิน… จริงๆเขินมากจนไม่กล้าเอื้อมมือจับแอนด์หรือขยับตัวด้วยซ้ำ
“ถ้าปล่อยให้ขี่เลยก็ล้มอีก นายก็ปั่นไปก่อนเดี๋ยวฉันจับแฮนด์ให้”
“แล้วผมต้องเอามือไว้ไหน” ไม่ได้คำตอบเป็นคำพูดแต่ยงกุกคว้ามือของจินยองทั้งสองข้างให้วางลงที่แฮนด์ทั้งซ้ายและขวาส่วนมือเขาก็ทาบลงที่มือของจินยองอีกที
“เดี๋ยวฉันบังคับเอง”
ยงกุกสอนจินยองขี่จักรยานมาได้สักพักใหญ่พอรู้สึกว่าอีกคนน่าจะเริ่มปั่นเองได้เลยจะปล่อยให้ขี่คนเดียวแต่กลับโดนจินยองงอแงไม่ยอมให้เขาลุกออกจากด้านหลัง
“ไม่เอาถ้าพี่ลุกไปผมต้องล้มแน่ๆเลย” จินยองยังคงพูดจางอแงสีหน้าขัดใจเต็มที่จนคนเห็นถึงกับต้องนั่งเกาแก้มตัวเองแก้เก้ออยู่ด้านหลัง
“แล้วเมื่อไหร่นายจะกล้าขี่”
“พี่จับแฮนด์ให้ผมต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอ”
“นี่ไม่กล้าขี่หรือว่าอยากให้ฉันจับมือนายกันแน่” อยู่ๆใบหน้าเล็กก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาก่อนที่คนด้านหลังจะได้ยินเสียงหัวเราะของอีกคน “แพจินยอง…”
“ครับบบ”
“อ้อยเหรอ” คิมยงกุกคว้าเอวของอีกคนให้มากระชับกับลำตัวเขา จินยองตกใจกับการกระทำของคนด้านหลังเลยพยายามจะแกะมือออก
“พี่ยงกุก ปล่อยผมนะ”
“แล้วเมื่อกี้ใครอ้อยใส่พี่”
“ผมไม่ได้จะให้พี่กอดสักหน่อย” มือเล็กยังคงพยายามแกะมือที่พันรอบเอวของเขาอยู่ คิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อรู้สึกทำตัวไม่ถูก
“คนขี้อ้อยก็ต้องโดนแบบนี้แหละ” จินยองยังคงพยายามจะแกะมือของยงกุกออกตอนนี้เขาเขินจนไม่รู้จะทำตัวยังไงแล้ว
“ถ้าพี่ไม่ปล่อยผมจะไม่ขี่แล้วนะจักรยาน”
“อ่าวนั่นมันก็เรื่องของนาย”
“พี่ยงกุก!!” จินยองหันไปตะโกนใส่หน้ายงกุกพอได้ยินแบบนั้นแต่แทนที่คนด้านหลังจะสำเหนียกเขากลับโน้มหน้าลงมาจุ้บที่ปลายจมูกของอีกคนเล่นเอาคนโดนกระทำยืนสต๊าฟตัวเองอยู่หลายนาที
“งั้นก็ตั้งใจปั่นหน่อยแล้วกัน ถ้าล้มนายเจ็บตัวนะไม่ใช่ฉัน” ยงกุกพูดจบก็ค่อยๆขยับออกจากจักรยาน ดีนะที่เขายังจับแฮนด์ให้จินยองอยู่ตอนไปยืนข้างๆไม่งั้นจักรยานได้ล้มไปพร้อมกับคนที่ยังนั่งอยู่บนรถแน่ๆ “นี่ทรงตัวหน่อย ถ้าฉันปล่อยนายก็ล้มนะ”
“คะ ครับ” จินยองเหมือนจะเพิ่งดึงสติตัวเองกลับมารีบเอาขายันพื้นพลางจับที่แฮนด์แต่มือดันไปวางทับมืออีกคนเลยเผลอเด้งมือออกอัตโนมัติ
ก็มันยังตกใจเขินกับเหตุการณ์เมื่อกี้จิตใจเลยปวกเปียก โห้ยยย
“เขินเหรอวะ”
“…”
“มากกว่านั่นก็ทำมาแล้ว”
“อะไร!” อีกแล้วนะๆ คำพูดดึงปมนี่มาอีกแล้วนะ เดี๋ยวปั่นจักรยานชนแม่งเลย …
“เมื่อกี้อุตส่าห์ให้กำลังใจ จริงๆว่าจะจูบปากแต่นายอยู่ต่ำเกินก้มไม่ถึง”
“พอได้แล้วววว!” คนได้ยินถึงกับหลับตาแน่นพลางส่ายหัวไปมารัวๆจนยงกุกหลุดหัวเราะออกมา รอยยิ้มชอบอกชอบใจของอีกฝ่ายมันกำลังทำลายล้างหัวใจจินยองจนไม่กล้าลืมตามอง “ผมจะลองปั่นเอง พี่เขยิบไปมุมๆเลยเดี๋ยวเจ็บตัว”
“เออๆ นายก็อยากเจ็บตัวแล้วกัน ไม่งั้นฉันจะซ้ำเติม” คำพูดตักเตือนด้วยความเป็นห่วงของยงกุกค่อนข้างจะกระด่างหูสำหรับคนฟังแต่ถ้าสำหรับจินยองดูเหมือนเขาจะค่อนข้างชินกับความด้านชาของคำพูดยงกุก นั่นแปลว่าอีกคนกำลังบอกให้เขาระวังด้วยนั่นแหละ คิดดู๊ววว คนที่ชอบบอกว่าตัวเองโรแมนติกบอย เพ้อเจ้อออ มีซะที่ไหน
แต่ผลสุดท้ายคนที่ปั่นมาส่งจินยองที่บ้านก็เป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ยงกุก ใช้เวลาฝึกหัดถีบจักรยานอยู่นานสองสามชั่วโมงสกิลก็ไม่ได้เพิ่มมากไปกว่ารอยฟกช้ำเขียวตามตัวของจินยองสักเท่าไหร่…
“ยังเจ็บขาอยู่ไหม” ยงกุกจอดจักรยานปั้บก็หันไปถามคนด้านหลังทันที จินยองลุกจากที่เดินมายืนข้างๆก่อนจะพยักหน้า
“นิดหน่อยครับ”
“คราวหลังถ้าล้มก็อย่าเอาขาไปรองใต้รถ”
“แล้วผมจะรู้ได้ไงว่ามันจะล้ม”
“ก็อย่าล้มสิ!”
แงงง!! พี่ยงกุกขึ้นเสียงใส่ทำไม
“เป็นไร..” ขึ้นเสียงเองแต่กลับรู้สึกผิดเองพอเห็นว่าอีกคนกำลังยืนปากคว่ำอยู่ เขาไม่รู้จะทำตัวยังไงเลยยกมือไปวางไว้บนหัวของจินยองแทน “ถ้าเจ็บก็โทรมาหาฉันแล้วกัน”
“…”
“ไม่มียาทาให้แต่จะอยู่คุยด้วยเผื่อนายจะลืมเจ็บ โอเค?” คนโดนปลอบก็ไม่อยากจะยิ้มเท่าไหร่แต่ด้วยท่าทางและมือที่วางอยู่บนหัวมันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดี “เข้าบ้านได้แล้วไป”
“อื้อ กลับบ้านดีๆนะ”
“เค”
“ถึงแล้วโทรมาด้วยนะ”
“เออเดี๋ยวโทรบอก”
“พี่ยงกุก…”
“อะไร” เจ้าของชื่อไม่ได้มีท่าทางรำคาญอะไรที่อีกคนเซ้าซี้ เขากลับชอบเสียมากกว่า
“ผมชอบพี่นะ”
“…”
“พี่รู้ใช่ไหม”
“เพิ่งรู้ตอนนายพูดนี่แหละ” ยงกุกยกยิ้มเพราะเขาไม่สามารถเก็บความรู้สึกเอาไว้ได้ จินยองเห็นแบบนั้นก็แสร้งมองไปทางอื่นก่อนจะเดินไปยืนใกล้ๆอีกคน
“กลับบ้านดีๆนะครับ มายยงกุก” ขาทั้งสองข้างเขย่งเล็กน้อยเพื่อที่จะประทับจูบลงที่หน้าผากของคนตรงหน้าได้ถนัด “ผมเข้าบ้านแล้วนะ”
พูดจบจินยองก็หมุนตัวแล้วรีบวิ่งเข้าบ้านไปปล่อยให้ยงกุกนั่งตัวแข็งอยู่บนจักรยาน เขาไม่เคยรู้สึกไปไม่เป็นขนาดนี้มาก่อนเวลาอยู่กับจินยอง สุดท้ายที่เขารู้สึกเขินจนตัวชาแบบนี้ก็ตั้งแต่ตอนจีบฮักนยอนใหม่ๆไม่คิดว่าเด็กนี่จะสามารถทำให้เขารู้แบบนี้อีกครั้ง ใช่อยู่ที่เขาเคยจูบกันแต่นั่นมันก็เพราะเขาเริ่มก่อนพอโดนจินยองเริ่มบ้างก็รู้สึกแปลกๆ นี่สินะเขาถึงชอบบอกว่า ให้โดนเองซะบ้าง
“ไอ้ตัวแสบ”
.
.
.
วันนี้ท้องฟ้าค่อนข้างครึ้มนิดหน่อยแต่ก็ยังพอมีแสงแดดให้พออุ่นใจว่าฝนคงไม่น่าตกเพราะจินยองไม่ได้พกร่มมาเสียด้วย มาเที่ยวทั้งทีก็ไม่อยากจะถืออะไรมากมายถ้าจะให้ไปขอร่มจากอูจินก็คงจะไม่มีทางเพราะหนึ่งถ้ามันมีมันก็คงต้องเก็บไว้ให้แฟนมันใช้ สองคือมันไม่ได้พกมาเช่นกัน ทางที่ดีรีบเข้าไปในพิพิธภัณฑ์เสียดีกว่า
“พี่อูจินโทรตามให้หน่อยสิว่าพี่เขาถึงไหนแล้ว” ฮยองซอบยืนเขย่งเหยงๆอยู่ข้างๆอูจินท่าทางเหมือนร้อนรนอยู่ไม่เป็นสุข
“นี่เรารอใครอยู่เหรอ” จินยองเห็นแบบนั้นก็อดถามไม่ได้ยิงได้ยินที่ฮยองซอบพูดก็ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่
“พี่จีฮุนหนะสิ”
“นี่เราไม่ได้มากันแค่สามคนเหรอ” จินยองดูตกใจเล็กน้อยที่เพิ่งรู้ว่าจะมีอีกคนมาเพิ่มแล้วที่สำคัญคนคนนั้นคือปาร์คจีฮุนกัปตันทีมบาสคนสนิทของอูจินอีกด้วย แล้วทำไมเขาจะต้องตื่นเต้นอะไรขนาดนี้
“ผมกลัวพี่จะเบื่อก็เลยชวนพี่จีฮุนมาด้วย” ฮยองซอบส่งยิ้มหวานมาให้จินยองจนคนเห็นถึงกัับต้องกระตุกยิ้มตอบกลับเพราะไม่งั้นจะรู้สึกชั่วมากที่ไม่ยอมรับยิ้มสดใสของฮยองซอบ จินยองแอบเหล่มองอูจินที่บากหน้าไปชวนเขามาด้วยแต่กลับไม่บอกว่าจีฮุนก็มา เพื่อนสนิทรวยเขี้ยวอย่างอูจินได้แต่ยืนเกาหางคิ้วเสมือนว่าเขาไม่ได้ยินสิ่งที่สองคนนี้พูดกัน
“แล้วพี่เขาจะถึงยัง” เขาเลือกที่จะไม่ต่อว่าอูจินแต่กลับมาตั้งคำถามกับฮยองซอบแทน
“ไม่รู้อ่า.. โอ๊ะ! นั่นไง พี่จีฮุนนน ทางนี้ครับ” คนตัวเล็กรีบกระโดดเหยงๆโบกไม้โบกมือเรียกบุคคลมาใหม่ที่กำลังเดินตรงมาหาพวกเขา สไตล์การแต่งตัวที่ดูโดดเด่นด้วยสีสันของจีฮุนทำให้เป็นที่จับตาของคนรอบตัวหรืออันที่จริงต่อให้เขาใส่เสื้อผ้าสีขาวดำมาทุกคนก็มอง... ก็ดูหน้าสิ เบ้าทองคำขนาดนั้น
“โทษทีๆ พี่มีธุระกับพ่อนิดหน่อยเลยมาช้า”
“ไม่เป็นไรครับพวกเราก็เพิ่งถึงไม่นาน” ตามสไตล์เด็กร่าเริงสดใสฮยองซอบตอบจีฮุนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“งั้นเราเข้าไปข้างในกันเถอะ” จีฮุนพูดยิ้มๆ ฮยองซอบพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะลากแขนอูจินเดินนำหน้าเข้าไปก่อน “ไงครับน้องจินยอง”
“สวัสดีครับพี่จีฮุน” ทั้งสองคนทักทายกันพลางเดินตามคู่รักด้านหน้าไปติดๆ
“พี่คิดว่าเราจะไม่มา”
“พี่รู้ด้วยเหรอว่าผมจะมา” จินยองดูไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่พอเห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของอีกคน
“ก็ฮยองซอบบอกว่านายมาด้วยพี่ก็เลยมา” คำพูดของจีฮุนทำให้จินยองเงียบไปแปบนึง เขาไม่อยากคิดไปฝ่ายเดียวว่ากำลังโดนอีกคนนึงจีบอยู่หรือเปล่า
“แล้วถ้าผมไม่มา พี่ก็จะไม่มาเหรอครับ”
“ใช่” หน้าคิมยงกุกลอยเข้ามาในหัวแทบจะทันทีราวกับว่ากำลังโดนดึงสติให้กลับมาสถิตกับตัว แต่พอเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังยิ้มให้เขาอยู่มันก็ห้ามไม่ได้ที่จะไม่ยิ้มตอบ ผมไม่ใช่พวกนิสัยเหมือนพี่ยงกุกนะที่จะหักหน้าคนอื่นโดยการดึงหน้าใส่…
“ผมเข้าใจแล้ว”
“เข้าใจอะไร”
“เข้าใจว่าฮยองซอบมันแสบมาก” สิ้นคำพูดของจินยองคนฟังก็หลุดหัวเราะออกมาก่อนจะเปิดประตูให้อีกคนเดินเข้าไปก่อน จินยองก้มหัวให้ทีนึงแล้วเดินนำหน้าเข้าไป เขาก็ไม่อยากจะสรุปเองหรอกว่าวันนี้มันก็เหมือนการนัดบอร์ด โซโบราณมากเจ้าเด็กฮยองซอบ แต่พอมาคิดแบบนี้ก็รู้สึกผิดกับพี่ยงกุกสุดๆ ผมไม่ได้เป็นคนเริ่มนะ!! กลับไปจะยอมให้พี่ยงกุกตีหลายๆทีเลย ฮือออ
เดินเล่นในพิพิธภัณฑ์อยู่สักพักใหญ่จินยองก็เริ่มรู้สึกเบื่อๆ อันที่จริงเขาเหมือนโดนทิ้ง ก็ที่นี่มีแต่คู่รักเขามาเดินกันเสียส่วนใหญ่ ฮยองซอบก็เกาะอูจินไม่ปล่อยจะเข้าไปแทรกแซงก็น่าเกลียด ดีแค่ไหนที่มีจีฮุนเดินอยู่ด้วยไม่งั้นแอบกลับบ้านไปแล้ว
“น้องจินยองชอบตุ๊กตาหมีเหรอครับ” เจ้าของชื่อแอบรู้สึกแปลกๆนิดหน่อยที่อีกฝ่ายแทนคำนำหน้าชื่อเขาว่า ‘น้อง’ มันก็น่าฟังดีแต่พอมาลองคิดว่าถ้ายงกุกเรียกเขาแบบนั้นบ้างมันคงจะแปลกยิ่งกว่า
“ที่บ้านผมก็มีตัวนึงพี่ชายซื้อให้วันเกิด” จริงๆแม่เป็นคนเลือกให้มากกว่าแค่มันจ่าย…
“งั้นก็แสดงว่าชอบ”
“ผมก็ชอบอะไรที่มันกอดได้อะครับ” จินยองพูดขำๆ ส่วนตัวแล้วเขาชอบอะไรนิ่มๆเวลานอนแล้วเอามากอดมันก็รู้สีกดีเป็นธรรมดา
“พี่ก็กอดได้นะ”
“…”
“พี่พูดเล่น” จีฮุนยิ้มกว้างจนดอกไม้บานทั้งโลกแล้วมั้งแต่กลับจินยองเขาก็เขินๆอยู่บ้างที่โดนรุกใส่ขนาดนี้แต่ก็พองามอย่าให้มันมาก หน้าแดฮวีลอยมาเลย…
‘ถ้าพี่จีฮุนจีบจริงๆระวังจะลืมพี่ยงกุก’
“เราต้องมีสตินะจินยอง”
“ว่าไงนะครับ”
“อ๋อเปล่าครับ… ผมแค่อยากไปดูตรงนั้น” คนโดนทักแอบสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะชี้ไม้ชี้มือมั่วซั่วไปที่ร้านขายของที่ระลึกด้านหน้า
“งั้นเดี๋ยวพี่พาไป”
“แล้วอูจินกับฮยองซอบละครับ”
“ปล่อยคู่นั้นไปเถอะ วางแพลนแต่งงานกันแล้วมั้ง” จีฮุนพูดพลางดันไหล่ของจินยองให้เดินไปที่ร้านตรงหน้าซึ่งคนตัวเล็กกว่าก็ไม่ได้ขัดอะไรดีกว่าไปเดินตามสองคนนั้นต้อยๆ
จินยองเดินดูของฝากไปเรื่อยๆส่วนใหญ่มันก็มีแต่ตุ๊กตาหมีแหละ ทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ชวนให้หน้าหยิบจ่ายไปเสียหมดสำหรับใครที่ชอบหมี แต่สำหรับจินยองก็ชอบแต่ไม่ถึงขั้นแด้ดื้นกับความน่ารักของมันแต่ที่ประเทืองความรู้สึกเขามากที่สุดก็คงจะเป็นผู้ชายที่เดินประกบหลังเขาอยู่นี่ละ ไม่ว่าจะเดินไปตรงไหนจีฮุนก็เดินตามติดๆราวกับว่ากลัวอีกคนจะหายไป
“พี่ไม่อยากไปเดินที่อื่นเหรอ” ไม่ได้ถามเพราะรังเกียจอะไรแต่แค่สงสัยว่ามาเดินตามแบบนี่ไม่เบื่อเหรอไง
“ที่อื่นไม่มีน้องจินยอง”
“พี่ชอบผมเหรอ”
“ใช่ครับ ตั้งแต่เห็นเลย” คนพวกนี้เป็นอะไรกันพูดไม่อายปากกันบ้างเลย ทำไมจินยองต้องเจอแต่คนแบบนี้ นิสัยจีฮุนอยู่ไปอยู่มาก็รู้สึกคล้ายๆกับยงกุกต่างตรงที่คุณคนนั้นเขาค่อนข้างจะมีปัญหากับระบบประสาทบนหน้าผิดกับปาร์คจีฮุนที่ดูเหมือนจะรวยรอยยิ้ม
“แล้วถ้าผมมีแฟนแล้วละ” จีฮุนนิ่งไปแปบนึงแต่ผลสุดท้ายเขาก็ยิ้มออกมา
“แค่ชอบมันก็คงไม่เลวไปใช่ปะละ”
“…”
“ถ้าจินยองไม่ทำตัวน่ารักมากกว่านี้พี่ก็อาจจะพอ แต่ถ้าไม่…”
“ก็ว่าหายไปไหน อยู่นี่กันนี่เอง” ฮยองซอบวิ่งถลาเข้าใส่ทั้งสองคนทำให้จีฮุนหยุดพูดกระทันหัน อูจินเดินตามแฟนขี้ซนของตัวเองมาติดๆด้วยสีหน้าเหมือนพ่อวิ่งตามลูก ละสายตาแปบเดียวเจ้าตัวแสบก็หายไปอีกแล้ว
“มีอะไรเปล่า”
“ผมจะให้พี่ดูหมีตัวนึงมันเหมือนพี่อูจินมากๆเลย”
“มึงอย่าไปฟังมันเยอะ” อูจินพูดปัดๆพอเห็นว่าฮยองซอบกำลังชักชวนจินยองเข้าเรื่องไร้สาระที่เขาเพิ่งถกเถียงกันก่อนหน้านี้แต่ดูเหมือนฮยองซอบจะไม่ฟังสิ่งที่อูจินพูด เขาหันไปทำหน้าบึ้งใส่อีกคนก่อนจะออกแรงดึงแขนจินยองให้เดินตามเจ้าตัวไป
“หนูไม่ได้ขอความคิดเห็นพี่สักหน่อย!” ฮยองซอบเอี้ยวตัวมาตะโกนใส่อูจินแล้วเดินหายไปกับจินยอง เจ้าของหัวข้อคนหน้าเหมือนหมีเห็นแบบนั้นก็รีบเดินตามกลับไปแต่ก็ไม่ลืมหันไปมองจีฮุนที่ยืนยิ้มอยู่ด้านหลังพอเห็นว่ากัปตันทีมพยักเพยิดหน้าให้ไปก่อนก็เลยปล่อยเลยตามเลย
เวลาล่วงเลยไปเกือบทั้งวันจีฮุนก็อาสาขับรถมาส่งจินยองที่บ้านหลังจากฮยองซอบบอกว่าเหนื่อย ง่วงนอน อยากจะกลับเต็มทีมีเหรอทุกคนจะฝืนเที่ยวต่อ ยังไงซะทริปนี้ฮยองซอบก็เป็นคนชวนถ้าเด็กนั่นอยากกลับบ้านก็คงไม่มีใครขัด
“บ้านนายก็อยู่ไม่ไกลโรงเรียนหนิ” คนที่อาสามาส่งกำลังก้มๆเงยๆสำรวจบ้านผ่านกระจกรถ
“อื้อ บางวันผมก็เดินไปโรงเรียน”
“ถ้าจะบอกว่ามารับ แฟนน้องจินยองก็คงมาฆ่าพี่ทิ้งแน่ๆ” จินยองไม่ได้พูดอะไรแต่พอเห็นรอยยิ้มของจีฮุนแล้วก็ต้องยิ้มตอบกลับไปทุกที “นี่ พี่มีไรจะให้ด้วย”
“อะไรเหรอครับ” จีฮุนหันไปหยิบถุงอันเล็กด้านหลังก่อนจะยื่นให้อีกคน
“ถือว่าเป็นของฝากแล้วกัน” จินยองหยิบถุงเล็กนั่นมาเปิดดูพอเห็นว่าเป็นตุ๊กตาหมีตัวเล็กเท่าฝ่ามือก็รีบส่ายหัวไปมา “ห้ามปฎิเสธ อุตส่าห์ซื้อมาแล้วนะ”
“พี่ไปซื้อมาตอนไหน”
“ตอนฮยองซอบลากนายไปดูหมี”
“…”
“เอาหน่า พี่ให้เพราะอยากให้”
“ขอบคุณนะครับ”
“คืนนี้ฝันดีนะเรา” จินยองก้มหัวให้อีกคนก่อนจะบอกลาแล้วลงจากรถ มือเล็กยังคงกำถุงที่ถืออยู่ในมือแน่น เขายืนรอให้จีฮุนขับรถออกไปจนพ้นสายตาถึงจะเดินเข้าบ้าน นี่เขาจะทำยังไงกับตุ๊กตาหมีเล็กนี่ดีนะ…
.
.
.
รถคันสีขาวจอดสนิทพร้อมกับเจ้าของที่ลงมาจากรถ เสียงไขกุญแจบ้านดูเหมือนจะเรียกความสนใจให้กับคนบ้านข้างๆที่เพิ่งจะเดินเข้าบ้านมาพร้อมๆกัน
“เห้ย กลับบ้านดึกนะมึง”
“เอ้า แล้วไมมึงเพิ่งกลับ” คนโดนทักหันตัวไปตอบพลางส่งยิ้มให้ตามประสาเพื่อนบ้านที่แทบจะโตมาด้วยกัน
“กูไปซ้อมวงมา”
“สรุปเป็นตัวจริงไปแล้วสินะ”
“ไม่รู้แม่ง แล้วนั่นมึงห้อยอะไรไว้ที่กระเป๋า” เด็กหนุ่มร่างสูงเสยผมลวกๆพลางเอ่ยถามพอสายตาเหลือบไปเห็นตุ๊กตาหมีตัวเล็กห้อยอยู่ที่กระเป๋าเพื่อน จีฮุนก้มมองก่อนจะยกยิ้มไม่ตอบคำถามปล่อยให่อีกคนยืนทำหน้ากวนตีนพร้อมจะล้อเต็มที่กับความหนุงหนิงของเจ้าตัวแต่เขาก็ไม่สนหรอก
“กูเข้าบ้านละ”
“เออ ตามใจมึง”
“เดี๋ยวไอ้ยงกุก”
“อะไร” เจ้าของชื่อหยุดเดินก่อนจะหันไปมองหน้าเพื่อนข้างบ้านอีกครั้ง
“ถ้ามึงชอบใครสักคนแต่มึงต้องอดทนไม่ชอบเขา… มึงทำได้ไหมวะ”
_____________________
เอ๊ะ ทำไมเหม็นๆดราม่า ไหนบอกไม่ม่าไง!
เอาแบบพอให้ลิ้มรสความหึง หวง แล้วกัน
แต่ไม่มีเพื่อนรักตีต่อยกันแน่นอน (บอกตัวเอง) 5555
ยังคงคอนเซปเดิมถ้าอยากให้มีโมเม้นไหน
เข้ามาคุยกันในแท็ก #มบฟช ได้เลยนะจ๊ะ
ขอบคุณทุกกำลังใจจริงๆ รักสุด
@viewpmt
ความคิดเห็น