ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [PRODUCE101] MA BAE - YONGGUK & JINYOUNG

    ลำดับตอนที่ #7 : MABAE 07

    • อัปเดตล่าสุด 29 มิ.ย. 60



    \ move on



    เชือกรองเท้าถูกมัดเป็นปมอย่างเรียบร้อยด้วยความประณีต อูจินใช้มือปัดหัวรองเท้าเบาๆเหมือนกลัวมันจะได้รับบาดเจ็บก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของ รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นจนเห็นเขี้ยวของเขาโผล่ออกมาชัดเจนแต่ดูเหมือนคนเห็นจะไม่ค่อยอินกับความละมุนที่เจ้าตัวกำลังส่งผ่านไปให้สักเท่าไหร่

     

    “หยุดยิ้มสักทีเห็นแล้วขนลุก” จินยองกระตุกเท้ากลับพออูจินจัดการมัดเชือกรองเท้าที่หลุดให้เสร็จ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนคนนี้แต่เกือบชั่วโมงนึงแล้วที่มันเอาแต่เทคแคร์จนผิดสังเกต

     

    “อยากกินอะไรเปล่าเดี๋ยวกูไปซื้อมาให้”

     

    “ไม่เอา” อูจินยังไม่เลิกวอแว เขารีบลุกขึ้นยืนแล้วดึงมือของอีกคนไปบีบๆนวดๆ

     

    “เป็นอะไรของมึงอูจิน เจาะแจะไอ้จินยองอยู่ได้” 

     

    “หึงเหรอ ถ้ามึงไปได้กูก็คงเจาะแจะมึงแทนแล้ว” อูจินหันไปพูดกับแดฮวีที่ยืนดูดนมกล่องอยู่ข้างๆ ทั้งสองคนขมวดคิ้วไม่เข้าใจกับสิ่งที่อูจินกำลังทำก่อนที่คนโดนวอแวจะเริ่มตั้งคำถาม

     

    “ไปไหน”

     

    “ก็เสาร์นี้ฮยองซอบมันจะชวนกูไปดูพิพิธภัณฑ์หมีเท็ดดี้”

     

    “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกู”

     

    “ก็น้องมันอยากให้มึงไปด้วย”

     

    “แล้วกูละ!” แดฮวีรีบสวนขึ้นมาก่อนที่จินยองจะถามต่อ “น้องมันไม่ชวนกูบ้างเหรอ”

     

    “ชวน แต่กูบอกว่ามึงมีเรียนวันเสาร์” คนตั้งคำถามได้แต่ยืนทำปากยื่นปากยาวไม่พอใจ จะเถียงก็เถียงไม่ออกเพราะที่พูดมาเป็นเรื่องจริงว่าอีแดฮวีมีเรียนเปียโนทุกวันเสาร์อยู่แแล้ว

     

    “แล้วกูต้องไปด้วยเหรอ นั่นมันที่เดทนะจะให้ไปเป็นก้างทำไม” 

     

    “กูไม่รู้ก็น้องอยากให้มึงไป”

     

    “กูไม่ไป”

     

    “กูว่าแล้วไง” อูจินถอนหายใจพลางทำสีหน้าเหมือนจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกแล้ว

     

    “ที่มาตอแยกูนี่คือจะชวนกูไปกับมึงเหรอ”

     

    “เขาเรียกเทคแคร์ กูไม่ทำให้ใครนะเว้ยนอกจากฮยองซอบ กูรู้ว่ามึงจะต้องปฏิเสธกูเลยต้องงัดไม้ตายทุกอย่าง”

     

    “ต่อให้มึงซื้อรถมาเปย์กูก็ไม่ไป”

     

    “จินยองงงงง มึงอยากเห็นกูตายเหรอ ฮยองซอบมันไม่ยอมแน่ถ้าไม่มีมึงในวันเสาร์” อูจินแทบจะล้มพับลงไปนั่งกับพื้นถ้าไม่คว้าแขนจินยองแล้วรั้งตัวเองเอาไว้เหมือนคนไม่มีกระดูก

     

    “แล้วทำไมน้องจะต้องอยากให้กูไปขนาดนั้น”

     

    “น้องมันติดมึงจะตาย มึงก็รู้” จินยองไม่ได้เถียงอะไรเพราะก็พอรู้มาบ้างว่าฮยองซอบค่อนข้างติดเขา 

     

    “มึงจะมารับกูไหมละถ้าตกลงไป”

     

    “เออ เลี้ยงทุกอย่างแหละวันนั้นขอแค่ไป” คนได้ยินคำตอบถึงกับหลุดยิ้มชอบใจจะมีก็แต่แดฮวีที่ยืนทำหน้าบูดโกรธตัวเองที่มีเรียน

     

    “พวกมึงไปกันวันอาทิตย์ไม่ได้เหรอ อยากไปด้วยอ่ะ”

     

    “วันอาทิตย์กูมีซ้อม อย่างอแงเดี๋ยวว่างพร้อมกันกูพามึงเที่ยวเอง” อูจินพูดพลางเดินไปยีหัวเพื่อนตัวเล็กก่อนจะโดนอีกคนปัดมือออก เป็นเรื่องปกติคุยกันดีๆไม่ถึงสองนาทีหรอก

     

    “กูไปก็ได้ กี่โมงก็โทรมาบอกแล้วกัน”

     

    “จัดดิ เดี๋ยวฮยองซอบก็โทรบอกมึงเอง”

     

    “เบื่อจริงๆเลย”

     

    “มึงเบื่อแฟนกูเหรอเตี้ย”

     

    “เบื่อมึงนั่นละไอ้อูจิน”

     

    “มาเบื่อกูทำไม จะไปไหน มาคุยกันก่อน... แดฮวี!” จินยองถอนหายใจก่อนจะรีบเดินตามเพื่อนสองคนไปติดๆ บทสนทนาต้องจบแบบนี้ทุกที

     

     

    .

    .

    .

     


     

    เด็กหนุ่มร่างสูงยืนพิงกำแพงรออยู่ที่เดิมต่างตรงที่ว่าวันนี้เขาใส่ชุดพละสีดำแล้วก็มีจักรยานจอดอยู่ข้างๆ จินยองจ้องมองอยู่แปบนึงก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาพอรู้ว่าเป็นใคร

     

    “ทำไมวันนี้ใส่ชุดพละละครับ”

     

    “มีแข่งบอล เสื้อนักเรียนมันเปื้อนเลยเปลี่ยนเป็นชุดพละ”

     

    “ล้มเหรอ”

     

    “นิดหน่อย”

     

    “แล้วเจ็บตรงไหนไหม มีแผลถลอกไหมเนี่ย” จินยองจับตัวของอีกคนหมุนซ้ายทีขวาทีด้วยความเป็นห่วงแต่ยงกุกกลับคว้าหัวคนตรงหน้ามากอดไว้แทน

     

    “กอดนายเดี๋ยวก็คงหาย”

     

    “โอ้ยยย ตลกแล้ว” จินยองรีบดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของยงกุกแต่พอเห็นสีหน้ายิ้มชอบใจของอีกฝ่ายก็รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาทันที “ถ้าเจ็บจริงก็บอกสิครับ ยังจะมาเล่นอีก”

     

    “ไม่ได้เป็นอะไรมาก ก็มีล้มบ้างตามประสาคนเล่นบอล” 

     

    “อย่าเจ็บตัวบ่อยก็แล้วกัน ผมไม่ชอบ” ยงกุกได้แต่ยิ้มกับคำพูดและสีหน้างอแงของอีกฝ่ายก่อนจะจับจักรยานขยับให้มาอยู่ตรงหน้าจินยอง “อะไรอีก”

     

    “นายขี่”

     

    “พี่เอามาพี่ก็ขี่สิ” จินยองถอยหลังก้าวนึงเพื่อปฏิเสธแต่ยงกุกกลับดึงแขนของอีกคนเอาไว้

     

    “นายเคยบอกว่าขี่จักรยานไม่เป็น วันนี้ฉันจะสอน” ถึงกับหน้าถอดสี ขนาดพี่ดงโฮยังไม่อยากจะเสียเวลามาสอนคนอย่างเขาแต่คิมยงกุกกลับยื่นข้อเสนอให้เองขนาดนี้

     

    “ไม่เอา ผมกลัวล้ม”

     

    “ฉันไม่ยอมให้นายล้มหรอกหน่า” สีหน้ายงกุกดูจริงจังจนคนเห็นเริ่มรู้สึกมั่นใจแต่ลึกๆก็ยังกลัวอยู่ดี

     

    “พี่ขี่ไปก่อนได้เปล่า ไว้ถึงที่โล่งๆแล้วผมจะขี่เอง”

     

    “อื้อ” ยงกุกพยักหน้าพลางขึ้นคร่อมจักรยานแล้วหันมามองอีกคนที่ยังคงยืนมองอยู่ “ขึ้นมาสิ”

     

    “คะ-ครับ”

     

     

     

    มันก็จะรู้สึกเขินหน่อยๆเวลาที่คนตรงหน้าขี่เร็วจนจินยองต้องคอยจับเสื้อของอีกคนเอาไว้แล้วพอจะเบลคยงกุกก็จะคอยใช้มือข้างซ้ายมาจับมือเขาตลอดกลัวว่าคนด้านหลังจะหล่นหรืออะไรสักอย่าง การกระทำของยงกุกมักจะทำให้จินยองรู้สึกมวลท้องตลอดเวลา เป็นคนทื้อๆแต่กลับชอบเทคแคร์ รู้ตัวบ้างไหมเนี่ยว่ากำลังทำให้คนอื่นเป็นบ้า หะ!

     

    “จะขี่เลยไหม” ยงกุกจอดรถจักรยานตรงที่ปลอดคน เป็นสวนสาธารณะกว้างๆพื้นที่มากพอให้จินยองขับรถล้มตรงไหนก็ได้ไม่ต้องเดือดร้อนใคร…

     

    “พี่จะให้ผมขี่คนเดียวเหรอ” จินยองเอนหัวมองคนด้านหน้าที่หันมาสบตากับเขา คิมยงกุกยกยิ้มก่อนจะลงจากจักรยาน

     

    “นายย้ายไปนั่งข้างหน้า ฉันจะซ้อนเอง” เขาจับหัวจักรยานเอาไว้พลางพยักเพยิดหน้าให้จินยองย้ายที่ อีกคนเห็นแบบนั้นก็ทำหน้ามุ่ยขัดใจก่อนจะขยับตัวไปนั่งด้านหน้า “เอากระเป๋ามา”

     

    “ผมสะพายไว้ก็ได้”

     

    “ไม่ ฉันนั่งไม่ถนัด” จินยองไม่เข้าใจหรอกที่ยงกุกพูดคืออะไรแต่ก็ยอมถอดกระเป๋าให้อีกคนสะพายไว้แทน คิมยงกุกเห็นว่าจินยองนั่งเรียบร้อยแล้วเขาเลยทิ้งตัวนั่งลงที่เบาะด้านหลังแต่มือก็ยังคงเอื้อมจับแฮนด์อยู่ คนที่โดนล้อมรอบไปด้วยแขนแกร่งของคนด้านหลังก็ได้แต่นั่งตัวลีบอยู่อย่างนั้น

     

    “พี่จับแบบนี้ผมจะขี่ไงอ่ะ”

     

     

    เขิน… จริงๆเขินมากจนไม่กล้าเอื้อมมือจับแอนด์หรือขยับตัวด้วยซ้ำ

     

     

    “ถ้าปล่อยให้ขี่เลยก็ล้มอีก นายก็ปั่นไปก่อนเดี๋ยวฉันจับแฮนด์ให้”

     

    “แล้วผมต้องเอามือไว้ไหน” ไม่ได้คำตอบเป็นคำพูดแต่ยงกุกคว้ามือของจินยองทั้งสองข้างให้วางลงที่แฮนด์ทั้งซ้ายและขวาส่วนมือเขาก็ทาบลงที่มือของจินยองอีกที

     

    “เดี๋ยวฉันบังคับเอง”

     

     

     

    ยงกุกสอนจินยองขี่จักรยานมาได้สักพักใหญ่พอรู้สึกว่าอีกคนน่าจะเริ่มปั่นเองได้เลยจะปล่อยให้ขี่คนเดียวแต่กลับโดนจินยองงอแงไม่ยอมให้เขาลุกออกจากด้านหลัง

     

    “ไม่เอาถ้าพี่ลุกไปผมต้องล้มแน่ๆเลย” จินยองยังคงพูดจางอแงสีหน้าขัดใจเต็มที่จนคนเห็นถึงกับต้องนั่งเกาแก้มตัวเองแก้เก้ออยู่ด้านหลัง

     

    “แล้วเมื่อไหร่นายจะกล้าขี่”

     

    “พี่จับแฮนด์ให้ผมต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอ”

     

    “นี่ไม่กล้าขี่หรือว่าอยากให้ฉันจับมือนายกันแน่” อยู่ๆใบหน้าเล็กก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาก่อนที่คนด้านหลังจะได้ยินเสียงหัวเราะของอีกคน “แพจินยอง…”

     

    “ครับบบ”

     

    “อ้อยเหรอ” คิมยงกุกคว้าเอวของอีกคนให้มากระชับกับลำตัวเขา จินยองตกใจกับการกระทำของคนด้านหลังเลยพยายามจะแกะมือออก

     

    “พี่ยงกุก ปล่อยผมนะ”

     

    “แล้วเมื่อกี้ใครอ้อยใส่พี่”

     

    “ผมไม่ได้จะให้พี่กอดสักหน่อย” มือเล็กยังคงพยายามแกะมือที่พันรอบเอวของเขาอยู่ คิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อรู้สึกทำตัวไม่ถูก

     

    “คนขี้อ้อยก็ต้องโดนแบบนี้แหละ” จินยองยังคงพยายามจะแกะมือของยงกุกออกตอนนี้เขาเขินจนไม่รู้จะทำตัวยังไงแล้ว

     

    “ถ้าพี่ไม่ปล่อยผมจะไม่ขี่แล้วนะจักรยาน”

     

    “อ่าวนั่นมันก็เรื่องของนาย”

     

    “พี่ยงกุก!!” จินยองหันไปตะโกนใส่หน้ายงกุกพอได้ยินแบบนั้นแต่แทนที่คนด้านหลังจะสำเหนียกเขากลับโน้มหน้าลงมาจุ้บที่ปลายจมูกของอีกคนเล่นเอาคนโดนกระทำยืนสต๊าฟตัวเองอยู่หลายนาที

     

    “งั้นก็ตั้งใจปั่นหน่อยแล้วกัน ถ้าล้มนายเจ็บตัวนะไม่ใช่ฉัน” ยงกุกพูดจบก็ค่อยๆขยับออกจากจักรยาน ดีนะที่เขายังจับแฮนด์ให้จินยองอยู่ตอนไปยืนข้างๆไม่งั้นจักรยานได้ล้มไปพร้อมกับคนที่ยังนั่งอยู่บนรถแน่ๆ “นี่ทรงตัวหน่อย ถ้าฉันปล่อยนายก็ล้มนะ”

     

    “คะ ครับ” จินยองเหมือนจะเพิ่งดึงสติตัวเองกลับมารีบเอาขายันพื้นพลางจับที่แฮนด์แต่มือดันไปวางทับมืออีกคนเลยเผลอเด้งมือออกอัตโนมัติ 

     

     

    ก็มันยังตกใจเขินกับเหตุการณ์เมื่อกี้จิตใจเลยปวกเปียก โห้ยยย

     

     

    “เขินเหรอวะ”

     

    “…”

     

    “มากกว่านั่นก็ทำมาแล้ว”

     

    “อะไร!” อีกแล้วนะๆ คำพูดดึงปมนี่มาอีกแล้วนะ เดี๋ยวปั่นจักรยานชนแม่งเลย …

     

    “เมื่อกี้อุตส่าห์ให้กำลังใจ จริงๆว่าจะจูบปากแต่นายอยู่ต่ำเกินก้มไม่ถึง”

     

    “พอได้แล้วววว!” คนได้ยินถึงกับหลับตาแน่นพลางส่ายหัวไปมารัวๆจนยงกุกหลุดหัวเราะออกมา รอยยิ้มชอบอกชอบใจของอีกฝ่ายมันกำลังทำลายล้างหัวใจจินยองจนไม่กล้าลืมตามอง “ผมจะลองปั่นเอง พี่เขยิบไปมุมๆเลยเดี๋ยวเจ็บตัว”

     

    “เออๆ นายก็อยากเจ็บตัวแล้วกัน ไม่งั้นฉันจะซ้ำเติม” คำพูดตักเตือนด้วยความเป็นห่วงของยงกุกค่อนข้างจะกระด่างหูสำหรับคนฟังแต่ถ้าสำหรับจินยองดูเหมือนเขาจะค่อนข้างชินกับความด้านชาของคำพูดยงกุก นั่นแปลว่าอีกคนกำลังบอกให้เขาระวังด้วยนั่นแหละ คิดดู๊ววว คนที่ชอบบอกว่าตัวเองโรแมนติกบอย เพ้อเจ้อออ มีซะที่ไหน

     

     

     

    แต่ผลสุดท้ายคนที่ปั่นมาส่งจินยองที่บ้านก็เป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ยงกุก ใช้เวลาฝึกหัดถีบจักรยานอยู่นานสองสามชั่วโมงสกิลก็ไม่ได้เพิ่มมากไปกว่ารอยฟกช้ำเขียวตามตัวของจินยองสักเท่าไหร่… 

     

    “ยังเจ็บขาอยู่ไหม” ยงกุกจอดจักรยานปั้บก็หันไปถามคนด้านหลังทันที จินยองลุกจากที่เดินมายืนข้างๆก่อนจะพยักหน้า

     

    “นิดหน่อยครับ”

     

    “คราวหลังถ้าล้มก็อย่าเอาขาไปรองใต้รถ” 

     

    “แล้วผมจะรู้ได้ไงว่ามันจะล้ม”

     

    “ก็อย่าล้มสิ!” 

     

     

    แงงง!! พี่ยงกุกขึ้นเสียงใส่ทำไม 

     

     

    “เป็นไร..” ขึ้นเสียงเองแต่กลับรู้สึกผิดเองพอเห็นว่าอีกคนกำลังยืนปากคว่ำอยู่ เขาไม่รู้จะทำตัวยังไงเลยยกมือไปวางไว้บนหัวของจินยองแทน “ถ้าเจ็บก็โทรมาหาฉันแล้วกัน”

     

    “…”

     

    “ไม่มียาทาให้แต่จะอยู่คุยด้วยเผื่อนายจะลืมเจ็บ โอเค?” คนโดนปลอบก็ไม่อยากจะยิ้มเท่าไหร่แต่ด้วยท่าทางและมือที่วางอยู่บนหัวมันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดี “เข้าบ้านได้แล้วไป”

     

    “อื้อ กลับบ้านดีๆนะ”

     

    “เค”

     

    “ถึงแล้วโทรมาด้วยนะ”

     

    “เออเดี๋ยวโทรบอก”

     

    “พี่ยงกุก…” 

     

    “อะไร” เจ้าของชื่อไม่ได้มีท่าทางรำคาญอะไรที่อีกคนเซ้าซี้ เขากลับชอบเสียมากกว่า

     

    “ผมชอบพี่นะ”

     

    “…”

     

    “พี่รู้ใช่ไหม”

     

    “เพิ่งรู้ตอนนายพูดนี่แหละ” ยงกุกยกยิ้มเพราะเขาไม่สามารถเก็บความรู้สึกเอาไว้ได้ จินยองเห็นแบบนั้นก็แสร้งมองไปทางอื่นก่อนจะเดินไปยืนใกล้ๆอีกคน

     

    “กลับบ้านดีๆนะครับ มายยงกุก” ขาทั้งสองข้างเขย่งเล็กน้อยเพื่อที่จะประทับจูบลงที่หน้าผากของคนตรงหน้าได้ถนัด “ผมเข้าบ้านแล้วนะ”

     

     พูดจบจินยองก็หมุนตัวแล้วรีบวิ่งเข้าบ้านไปปล่อยให้ยงกุกนั่งตัวแข็งอยู่บนจักรยาน เขาไม่เคยรู้สึกไปไม่เป็นขนาดนี้มาก่อนเวลาอยู่กับจินยอง สุดท้ายที่เขารู้สึกเขินจนตัวชาแบบนี้ก็ตั้งแต่ตอนจีบฮักนยอนใหม่ๆไม่คิดว่าเด็กนี่จะสามารถทำให้เขารู้แบบนี้อีกครั้ง ใช่อยู่ที่เขาเคยจูบกันแต่นั่นมันก็เพราะเขาเริ่มก่อนพอโดนจินยองเริ่มบ้างก็รู้สึกแปลกๆ นี่สินะเขาถึงชอบบอกว่า ให้โดนเองซะบ้าง 

     

    “ไอ้ตัวแสบ”

     


     

    .

    .

    .

     


     

     

    วันนี้ท้องฟ้าค่อนข้างครึ้มนิดหน่อยแต่ก็ยังพอมีแสงแดดให้พออุ่นใจว่าฝนคงไม่น่าตกเพราะจินยองไม่ได้พกร่มมาเสียด้วย มาเที่ยวทั้งทีก็ไม่อยากจะถืออะไรมากมายถ้าจะให้ไปขอร่มจากอูจินก็คงจะไม่มีทางเพราะหนึ่งถ้ามันมีมันก็คงต้องเก็บไว้ให้แฟนมันใช้ สองคือมันไม่ได้พกมาเช่นกัน ทางที่ดีรีบเข้าไปในพิพิธภัณฑ์เสียดีกว่า

     

    “พี่อูจินโทรตามให้หน่อยสิว่าพี่เขาถึงไหนแล้ว” ฮยองซอบยืนเขย่งเหยงๆอยู่ข้างๆอูจินท่าทางเหมือนร้อนรนอยู่ไม่เป็นสุข

     

    “นี่เรารอใครอยู่เหรอ” จินยองเห็นแบบนั้นก็อดถามไม่ได้ยิงได้ยินที่ฮยองซอบพูดก็ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่

     

    “พี่จีฮุนหนะสิ”

     

    “นี่เราไม่ได้มากันแค่สามคนเหรอ” จินยองดูตกใจเล็กน้อยที่เพิ่งรู้ว่าจะมีอีกคนมาเพิ่มแล้วที่สำคัญคนคนนั้นคือปาร์คจีฮุนกัปตันทีมบาสคนสนิทของอูจินอีกด้วย แล้วทำไมเขาจะต้องตื่นเต้นอะไรขนาดนี้

     

    “ผมกลัวพี่จะเบื่อก็เลยชวนพี่จีฮุนมาด้วย” ฮยองซอบส่งยิ้มหวานมาให้จินยองจนคนเห็นถึงกัับต้องกระตุกยิ้มตอบกลับเพราะไม่งั้นจะรู้สึกชั่วมากที่ไม่ยอมรับยิ้มสดใสของฮยองซอบ จินยองแอบเหล่มองอูจินที่บากหน้าไปชวนเขามาด้วยแต่กลับไม่บอกว่าจีฮุนก็มา เพื่อนสนิทรวยเขี้ยวอย่างอูจินได้แต่ยืนเกาหางคิ้วเสมือนว่าเขาไม่ได้ยินสิ่งที่สองคนนี้พูดกัน

     

    “แล้วพี่เขาจะถึงยัง” เขาเลือกที่จะไม่ต่อว่าอูจินแต่กลับมาตั้งคำถามกับฮยองซอบแทน

     

    “ไม่รู้อ่า.. โอ๊ะ! นั่นไง พี่จีฮุนนน ทางนี้ครับ” คนตัวเล็กรีบกระโดดเหยงๆโบกไม้โบกมือเรียกบุคคลมาใหม่ที่กำลังเดินตรงมาหาพวกเขา สไตล์การแต่งตัวที่ดูโดดเด่นด้วยสีสันของจีฮุนทำให้เป็นที่จับตาของคนรอบตัวหรืออันที่จริงต่อให้เขาใส่เสื้อผ้าสีขาวดำมาทุกคนก็มอง... ก็ดูหน้าสิ เบ้าทองคำขนาดนั้น

     

    “โทษทีๆ พี่มีธุระกับพ่อนิดหน่อยเลยมาช้า”

     

    “ไม่เป็นไรครับพวกเราก็เพิ่งถึงไม่นาน” ตามสไตล์เด็กร่าเริงสดใสฮยองซอบตอบจีฮุนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม 

     

    “งั้นเราเข้าไปข้างในกันเถอะ” จีฮุนพูดยิ้มๆ ฮยองซอบพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะลากแขนอูจินเดินนำหน้าเข้าไปก่อน “ไงครับน้องจินยอง”

     

    “สวัสดีครับพี่จีฮุน” ทั้งสองคนทักทายกันพลางเดินตามคู่รักด้านหน้าไปติดๆ

     

    “พี่คิดว่าเราจะไม่มา”

     

    “พี่รู้ด้วยเหรอว่าผมจะมา” จินยองดูไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่พอเห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของอีกคน

     

    “ก็ฮยองซอบบอกว่านายมาด้วยพี่ก็เลยมา” คำพูดของจีฮุนทำให้จินยองเงียบไปแปบนึง เขาไม่อยากคิดไปฝ่ายเดียวว่ากำลังโดนอีกคนนึงจีบอยู่หรือเปล่า

     

    “แล้วถ้าผมไม่มา พี่ก็จะไม่มาเหรอครับ”

     

    “ใช่” หน้าคิมยงกุกลอยเข้ามาในหัวแทบจะทันทีราวกับว่ากำลังโดนดึงสติให้กลับมาสถิตกับตัว แต่พอเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังยิ้มให้เขาอยู่มันก็ห้ามไม่ได้ที่จะไม่ยิ้มตอบ ผมไม่ใช่พวกนิสัยเหมือนพี่ยงกุกนะที่จะหักหน้าคนอื่นโดยการดึงหน้าใส่…

     

    “ผมเข้าใจแล้ว”

     

    “เข้าใจอะไร”

     

    “เข้าใจว่าฮยองซอบมันแสบมาก” สิ้นคำพูดของจินยองคนฟังก็หลุดหัวเราะออกมาก่อนจะเปิดประตูให้อีกคนเดินเข้าไปก่อน จินยองก้มหัวให้ทีนึงแล้วเดินนำหน้าเข้าไป เขาก็ไม่อยากจะสรุปเองหรอกว่าวันนี้มันก็เหมือนการนัดบอร์ด โซโบราณมากเจ้าเด็กฮยองซอบ แต่พอมาคิดแบบนี้ก็รู้สึกผิดกับพี่ยงกุกสุดๆ ผมไม่ได้เป็นคนเริ่มนะ!! กลับไปจะยอมให้พี่ยงกุกตีหลายๆทีเลย ฮือออ

     

     

     

    เดินเล่นในพิพิธภัณฑ์อยู่สักพักใหญ่จินยองก็เริ่มรู้สึกเบื่อๆ อันที่จริงเขาเหมือนโดนทิ้ง ก็ที่นี่มีแต่คู่รักเขามาเดินกันเสียส่วนใหญ่ ฮยองซอบก็เกาะอูจินไม่ปล่อยจะเข้าไปแทรกแซงก็น่าเกลียด ดีแค่ไหนที่มีจีฮุนเดินอยู่ด้วยไม่งั้นแอบกลับบ้านไปแล้ว

     

    “น้องจินยองชอบตุ๊กตาหมีเหรอครับ” เจ้าของชื่อแอบรู้สึกแปลกๆนิดหน่อยที่อีกฝ่ายแทนคำนำหน้าชื่อเขาว่า ‘น้อง’ มันก็น่าฟังดีแต่พอมาลองคิดว่าถ้ายงกุกเรียกเขาแบบนั้นบ้างมันคงจะแปลกยิ่งกว่า

     

    “ที่บ้านผมก็มีตัวนึงพี่ชายซื้อให้วันเกิด” จริงๆแม่เป็นคนเลือกให้มากกว่าแค่มันจ่าย…

     

    “งั้นก็แสดงว่าชอบ”

     

    “ผมก็ชอบอะไรที่มันกอดได้อะครับ” จินยองพูดขำๆ ส่วนตัวแล้วเขาชอบอะไรนิ่มๆเวลานอนแล้วเอามากอดมันก็รู้สีกดีเป็นธรรมดา

     

    “พี่ก็กอดได้นะ”

     

    “…”

     

    “พี่พูดเล่น” จีฮุนยิ้มกว้างจนดอกไม้บานทั้งโลกแล้วมั้งแต่กลับจินยองเขาก็เขินๆอยู่บ้างที่โดนรุกใส่ขนาดนี้แต่ก็พองามอย่าให้มันมาก หน้าแดฮวีลอยมาเลย… 

     

     

    ‘ถ้าพี่จีฮุนจีบจริงๆระวังจะลืมพี่ยงกุก’

     

     

    “เราต้องมีสตินะจินยอง”

     

    “ว่าไงนะครับ”

     

    “อ๋อเปล่าครับ… ผมแค่อยากไปดูตรงนั้น” คนโดนทักแอบสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะชี้ไม้ชี้มือมั่วซั่วไปที่ร้านขายของที่ระลึกด้านหน้า

     

    “งั้นเดี๋ยวพี่พาไป”

     

    “แล้วอูจินกับฮยองซอบละครับ”

     

    “ปล่อยคู่นั้นไปเถอะ วางแพลนแต่งงานกันแล้วมั้ง” จีฮุนพูดพลางดันไหล่ของจินยองให้เดินไปที่ร้านตรงหน้าซึ่งคนตัวเล็กกว่าก็ไม่ได้ขัดอะไรดีกว่าไปเดินตามสองคนนั้นต้อยๆ

     

    จินยองเดินดูของฝากไปเรื่อยๆส่วนใหญ่มันก็มีแต่ตุ๊กตาหมีแหละ ทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ชวนให้หน้าหยิบจ่ายไปเสียหมดสำหรับใครที่ชอบหมี แต่สำหรับจินยองก็ชอบแต่ไม่ถึงขั้นแด้ดื้นกับความน่ารักของมันแต่ที่ประเทืองความรู้สึกเขามากที่สุดก็คงจะเป็นผู้ชายที่เดินประกบหลังเขาอยู่นี่ละ ไม่ว่าจะเดินไปตรงไหนจีฮุนก็เดินตามติดๆราวกับว่ากลัวอีกคนจะหายไป

     

    “พี่ไม่อยากไปเดินที่อื่นเหรอ” ไม่ได้ถามเพราะรังเกียจอะไรแต่แค่สงสัยว่ามาเดินตามแบบนี่ไม่เบื่อเหรอไง

     

    “ที่อื่นไม่มีน้องจินยอง”

     

    “พี่ชอบผมเหรอ”

     

    “ใช่ครับ ตั้งแต่เห็นเลย” คนพวกนี้เป็นอะไรกันพูดไม่อายปากกันบ้างเลย ทำไมจินยองต้องเจอแต่คนแบบนี้ นิสัยจีฮุนอยู่ไปอยู่มาก็รู้สึกคล้ายๆกับยงกุกต่างตรงที่คุณคนนั้นเขาค่อนข้างจะมีปัญหากับระบบประสาทบนหน้าผิดกับปาร์คจีฮุนที่ดูเหมือนจะรวยรอยยิ้ม

     

    “แล้วถ้าผมมีแฟนแล้วละ” จีฮุนนิ่งไปแปบนึงแต่ผลสุดท้ายเขาก็ยิ้มออกมา

     

    “แค่ชอบมันก็คงไม่เลวไปใช่ปะละ” 

     

    “…”

     

    “ถ้าจินยองไม่ทำตัวน่ารักมากกว่านี้พี่ก็อาจจะพอ แต่ถ้าไม่…” 

     

    “ก็ว่าหายไปไหน อยู่นี่กันนี่เอง” ฮยองซอบวิ่งถลาเข้าใส่ทั้งสองคนทำให้จีฮุนหยุดพูดกระทันหัน อูจินเดินตามแฟนขี้ซนของตัวเองมาติดๆด้วยสีหน้าเหมือนพ่อวิ่งตามลูก ละสายตาแปบเดียวเจ้าตัวแสบก็หายไปอีกแล้ว

     

    “มีอะไรเปล่า”

     

    “ผมจะให้พี่ดูหมีตัวนึงมันเหมือนพี่อูจินมากๆเลย”

     

    “มึงอย่าไปฟังมันเยอะ” อูจินพูดปัดๆพอเห็นว่าฮยองซอบกำลังชักชวนจินยองเข้าเรื่องไร้สาระที่เขาเพิ่งถกเถียงกันก่อนหน้านี้แต่ดูเหมือนฮยองซอบจะไม่ฟังสิ่งที่อูจินพูด เขาหันไปทำหน้าบึ้งใส่อีกคนก่อนจะออกแรงดึงแขนจินยองให้เดินตามเจ้าตัวไป

     

    “หนูไม่ได้ขอความคิดเห็นพี่สักหน่อย!” ฮยองซอบเอี้ยวตัวมาตะโกนใส่อูจินแล้วเดินหายไปกับจินยอง เจ้าของหัวข้อคนหน้าเหมือนหมีเห็นแบบนั้นก็รีบเดินตามกลับไปแต่ก็ไม่ลืมหันไปมองจีฮุนที่ยืนยิ้มอยู่ด้านหลังพอเห็นว่ากัปตันทีมพยักเพยิดหน้าให้ไปก่อนก็เลยปล่อยเลยตามเลย

     

     

     

    เวลาล่วงเลยไปเกือบทั้งวันจีฮุนก็อาสาขับรถมาส่งจินยองที่บ้านหลังจากฮยองซอบบอกว่าเหนื่อย ง่วงนอน อยากจะกลับเต็มทีมีเหรอทุกคนจะฝืนเที่ยวต่อ ยังไงซะทริปนี้ฮยองซอบก็เป็นคนชวนถ้าเด็กนั่นอยากกลับบ้านก็คงไม่มีใครขัด

     

    “บ้านนายก็อยู่ไม่ไกลโรงเรียนหนิ” คนที่อาสามาส่งกำลังก้มๆเงยๆสำรวจบ้านผ่านกระจกรถ

     

    “อื้อ บางวันผมก็เดินไปโรงเรียน”

     

    “ถ้าจะบอกว่ามารับ แฟนน้องจินยองก็คงมาฆ่าพี่ทิ้งแน่ๆ” จินยองไม่ได้พูดอะไรแต่พอเห็นรอยยิ้มของจีฮุนแล้วก็ต้องยิ้มตอบกลับไปทุกที “นี่ พี่มีไรจะให้ด้วย”

     

    “อะไรเหรอครับ” จีฮุนหันไปหยิบถุงอันเล็กด้านหลังก่อนจะยื่นให้อีกคน

     

    “ถือว่าเป็นของฝากแล้วกัน” จินยองหยิบถุงเล็กนั่นมาเปิดดูพอเห็นว่าเป็นตุ๊กตาหมีตัวเล็กเท่าฝ่ามือก็รีบส่ายหัวไปมา “ห้ามปฎิเสธ อุตส่าห์ซื้อมาแล้วนะ”

     

    “พี่ไปซื้อมาตอนไหน”

     

    “ตอนฮยองซอบลากนายไปดูหมี”

     

    “…”

     

    “เอาหน่า พี่ให้เพราะอยากให้” 

     

    “ขอบคุณนะครับ”

     

    “คืนนี้ฝันดีนะเรา” จินยองก้มหัวให้อีกคนก่อนจะบอกลาแล้วลงจากรถ มือเล็กยังคงกำถุงที่ถืออยู่ในมือแน่น เขายืนรอให้จีฮุนขับรถออกไปจนพ้นสายตาถึงจะเดินเข้าบ้าน นี่เขาจะทำยังไงกับตุ๊กตาหมีเล็กนี่ดีนะ…

     

     

     

    .

    .

    .

     

     

     

     

    รถคันสีขาวจอดสนิทพร้อมกับเจ้าของที่ลงมาจากรถ เสียงไขกุญแจบ้านดูเหมือนจะเรียกความสนใจให้กับคนบ้านข้างๆที่เพิ่งจะเดินเข้าบ้านมาพร้อมๆกัน

     

    “เห้ย กลับบ้านดึกนะมึง”

     

    “เอ้า แล้วไมมึงเพิ่งกลับ” คนโดนทักหันตัวไปตอบพลางส่งยิ้มให้ตามประสาเพื่อนบ้านที่แทบจะโตมาด้วยกัน

     

    “กูไปซ้อมวงมา”

     

    “สรุปเป็นตัวจริงไปแล้วสินะ”

     

    “ไม่รู้แม่ง แล้วนั่นมึงห้อยอะไรไว้ที่กระเป๋า” เด็กหนุ่มร่างสูงเสยผมลวกๆพลางเอ่ยถามพอสายตาเหลือบไปเห็นตุ๊กตาหมีตัวเล็กห้อยอยู่ที่กระเป๋าเพื่อน จีฮุนก้มมองก่อนจะยกยิ้มไม่ตอบคำถามปล่อยให่อีกคนยืนทำหน้ากวนตีนพร้อมจะล้อเต็มที่กับความหนุงหนิงของเจ้าตัวแต่เขาก็ไม่สนหรอก

     

    “กูเข้าบ้านละ”

     

    “เออ ตามใจมึง”

     

    “เดี๋ยวไอ้ยงกุก

     

    “อะไร” เจ้าของชื่อหยุดเดินก่อนจะหันไปมองหน้าเพื่อนข้างบ้านอีกครั้ง

     

    “ถ้ามึงชอบใครสักคนแต่มึงต้องอดทนไม่ชอบเขา… มึงทำได้ไหมวะ”

     

    _____________________


    เอ๊ะ ทำไมเหม็นๆดราม่า ไหนบอกไม่ม่าไง!
    เอาแบบพอให้ลิ้มรสความหึง หวง แล้วกัน
    แต่ไม่มีเพื่อนรักตีต่อยกันแน่นอน (บอกตัวเอง) 5555

    ยังคงคอนเซปเดิมถ้าอยากให้มีโมเม้นไหน
    เข้ามาคุยกันในแท็ก #มบฟช ได้เลยนะจ๊ะ
    ขอบคุณทุกกำลังใจจริงๆ รักสุด

    @viewpmt

     

    (c) Chess theme

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×