คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : MABAE 06
\ real first kiss
“วันนี้จะไปบ้านฉันไหมตกลง”
“ไม่ไป ไม่อยากเดินกลับบ้านกับคนมีแฟน”
“ใครมีแฟน” จินยองหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายบ่าหลังจากเก็บของยัดใส่เรียบร้อย ตาก็มองแดฮวีที่ยังคงเล่นตัวหยิบจับนู่นนี่นั่นอ้อยอิ่งอรชรนานหลายนาที
“จะบอกว่านายกับพี่ยงกุกยังไม่ได้คบกันงั้นเหรอ”
“ก็ยังอะสิ”
“ชักช้าระวังหมาคาบไปแดกนะ”
“หมายถึงฉันเหรอ”
“หมายถึงพี่ยงกุกนู้น ถ้าพี่จีฮุนเดินหมากเมื่อไหร่นายอาจจะตกเป็นของพี่เขาก็ได้”
“ทำไมชอบคิดไปเองวะ” แดฮวีเบ้ปากพลางยักไหล่เชิงว่าใครจะไปรู้ก่อนจะได้ฤกษ์หยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นมาสะพาย
“ถ้าพี่จีฮุนจีบจริงๆระวังจะลืมพี่ยงกุก” เจ้าของประโยคพูดเสร็จก็เดินออกไป จินยองเห็นแบบนั้นก็รีบเดินตามออกไปติดๆ
“ทำไมฉันจะต้องลืมพี่ยงกุก”
“เอ้า ใจคนเรามันไม่แน่นอน พี่จีฮุนก็ออกจะหล่อดีกรีนักกีฬาของโรงเรียนแถมยังอยู่โรงเรียนเดียวกันกับเราจะเจอเมื่อไหร่ก็ได้”
“พี่ยงกุกก็ดีกรีนักดนตรีของโรงเรียน ถึงจะอยู่คนละโรงเรียนก็เจอกันทุกวันเหมือนกัน” จินยองดูไม่ค่อยพอใจกับสิ่งที่แดฮวีพูดเลยอดที่จะโชว์คุณสมบัติของอีกคนไม่ได้ แต่ไหงแดฮวีกลับอมยิ้มชอบใจขึ้นมาเฉย
“นายนี่คงชอบพี่ยงกุกมากเลยนะหนิ สงสัยคงเหลือแค่อีกฝ่ายขอคบก็จบข่าว” คนเพิ่งรู้ตัวว่าโดนเพื่อนหลอกถามความคืบหน้าความสัมพันธ์ได้แต่เดินตามเงียบๆไม่พูดอะไรต่อ พูดไปก็หาว่าเถียงอีก “เออ จินยอง”
“อะไร”
“บ้านนายผ่านห้างใช่ปะ ฝากซื้อของหน่อยสิ”
“ซื้ออะไร” จินยองถามด้วยน้ำเสียงเนือยๆเพราะจริงๆแล้วเขาขี้เกียจแวะให้แต่มาคิดอีกทีว่าชวนพี่ยงกุกไปด้วยคงดี ไหนๆก็ไม่เคยไปเที่ยวกันจริงจังสักครั้ง
“ที่มาร์กหน้ามันหมดอ่ะ ฝากหน่อยนะๆๆ” แดฮวีเขย่าแขนอีกคนเบาๆแต่สีหน้าวิงวอนแรงมาก
“อือ เดี๋ยวแวะให้แล้วกันเอาสีไร”
“สีขาวกับสีชมพูหมด”
“สองสีนะ”
“ขอสีดำอีกอัน อยากลอง”
“…”
“แค่นั้นจริงๆ สามสีพอแล้ว” จินยองพยักหน้าปัดๆใส่อีกคนพอเห็นว่าแดฮวีจะอ้อนอีกรอบ จะว่าแฟนก็ไม่ใช่ชอบมามุดอยู่ได้เพื่อนกันห้ามทำนะ! มันจักจี้
“อื้อ งั้นฉันไปก่อนนะ”
“พี่ยงกุกถึงละเหรอ”
“นู้นไง” จินยองพยักเพยิดหัวไปทางเด็กผู้ชายใส่ชุดนักเรียนโรงเรียนอื่นยืนโดดเด่นอยู่หน้าโรงเรียนเขาแต่ดูเหมือนเด็กโรงเรียนนี้จะชินกันแล้วเพราะเจอทุกวัน
“เหม็น!! งั้นแยกตรงนี้แหละ เบื่อ” แดฮวีแผดเสียงใส่จินยองพลางใส่อารมณ์จนคนเห็นถึงกับหลุดหัวเราะกับท่าทางโอเวอร์แอคติ้งของเพื่อน เขาโบกมือลาเพื่อนที่เอาแต่เดินดุ่มๆออกไปก่อนจะมุ่งหน้าไปหารุ่นพี่ที่ยืนรออยู่
นิ้วเล็กจิ้มไหล่ของอีกฝ่ายสองทีก่อนที่ยงกุกจะรีบหันมามอง ท่าทางของอีกคนดูมีพิรุธจนอดตั้งคำถามไม่ได้
“ตกใจทำไม”
“เปล่า”
“ก็เห็นอยู่ แค่จิ้มเองต้องสะดุ้งเลยเหรอ” จินยองมองหน้าอีกคนก่อนจะเผลอมองผ่านยงกุกไปด้านหลังเมื่อรู้สึกถึงสายตากำลังจ้องมองมาก่อนจะเข้าใจสถานการณ์ เด็กผู้หญิงสองคนกำลังยืนมองตรงมาที่เขาทั้งคู่ “จีบกันอ๋อ”
“อะไร” ยงกุกดึงหัวอีกคนเข้ามากอดก่อนจะออกตัวเดิน “จีบบ้าจีบบออะไร”
“แล้วเขามองพี่ทำไม”
“ไม่รู้ สงสัยหล่อ”
“ไม่เห็นขำเลย” คนโดนตำหนิได้แต่เงียบพลางเกาคิ้วแก้ขัดเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ “ผมไม่ชอบนะ”
“ฉันก็ไม่ชอบนะ”
“ไม่ชอบอะไร”
“ไม่ชอบเขาไง เขามองมาส่วนฉันก็แค่มองกลับเป็นมารยาท” จินยองยังคงช้อนตามองอีกคนด้วยสีหน้าไม่พอใจพอยงกุกเห็นแบบนั้นก็เอียงหัวไปชนกับหัวของอีกคนเบาๆเล่นเอาคนโดนทำถึงกับดึงสีหน้าไม่ถูก “ฉันจะไปทำแบบนั้นตอนจีบนายอยู่ทำไมวะ”
“ใครจะไปรู้” จินยองเริ่มรู้สึกร้อนไปทั่วใบหน้าก่อนจะพยายามดึงหัวตัวเองกลับ
“ไม่ชอบจีบหลายคน ไม่ชอบอะไรซับซ้อน” คนตัวเล็กกว่าเหล่มองอีกคนอย่างพิจารณาแต่พอยงกุกมองกลับเขาดันหลบตาอีกคนเฉย
“อื้อ พี่ยงกุก”
“ว่า”
“พาผมไปห้างหน่อยได้เปล่า”
“ชวนเดทเหรอ”
“ไปซื้อของให้แดฮวีตั้งหาก” ยงกุกทำสีหน้าผิดหวังแต่แฝงไปด้วยความกวนตีนจนจินยองไม่ได้รู้สึกผิดที่ไม่ได้ชวนออกเดท ทั้งๆที่จริงๆแล้วตั้งใจจะให้มันเป็นเดทนั่นแหละ
“ถ้าฉันบอกไม่ไปอ่ะ”
“ผมไปคนเดียวก็ได้ไง”
“ทำไมไม่เห็นอ้อนบ้างเลยวะ อ้อนเหมือนคนอื่นไม่เป็นเหรอ”
“ทำไมเหรอ ฮักนยอนอ้อนพี่เหรอ” อยู่ๆยงกุกก็เหมือนลืมวิธีการพูด แค่จะส่งเสียงออกมาจากลำคอยังทำไม่เป็นเลยมันยิ่งทำให้จินยองรู้สึกหวิวๆบอกไม่ถูก เขาไม่น่าพูดแบบนั้นออกไปเลยแต่พูดไปก็ได้รู้ว่าอีกคนก็ยังลืมไม่เต็มร้อย “ผมไปเองก็ได้นะ”
“ไปด้วยกันดิ” ยงกุกเกือบคว้าข้อมือของอีกคนเอาไว้ไม่ทันพอเห็นว่าจินยองกำลังจะเดินไป
“ก็เหมือนพี่ไม่อยากไป”
“อยาก นายชวนทำไมจะไม่อยากไป”
“ไม่อยากให้ผมอ้อนแล้วเหรอ” ไม่รู้ทำไมตอนนี้รู้สึกว่าทุกคำพูดที่เขาพูดออกไปมันจะเป็นการประชดประชันไปเสียหมด
“นี่ไง นายกำลังอ้อนฉันอยู่”
“คืออะไร”
“นายกำลังงอน พอนายงอนฉันก็จะยอม”
“….”
“นายกำลังอ้อนให้ฉันยอมนายอยู่นี่ไงจินยอง”
หลังจากจินยองเงียบมาตลอดทางซึ่งยงกุกก็ไม่ใช่คนชวนคุยเก่งอะไรนักถ้าไม่มีใครเริ่มให้เขากวนตีนกลับ ขนาดจะจับมือคิมยงกุกยังไม่กล้าเลยได้แต่เดินตามหลังอีกคนเงียบๆจนถึงห้าง ตอนแรกคิดว่าจะหายตึงเครียดแต่ก็เป็นแค่สิ่งที่คิด…
“หิวข้าวยัง” พอยงกุกได้ยินเสียงอีกคนถึงกับรีบเดินไปประกบข้างก่อนจะส่ายหัว
“ยัง นายหิวเหรอ”
“เปล่าครับ งั้นผมไปซื้อของให้แดฮวีแล้วกลับเลยนะ” คนฟังได้ยินแบบนั้นก็ทำตัวไม่ถูกแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ยงกุกยังคงเดินตามจินยองเงียบๆแอบเร่งฝีเท้าให้กระชั้นชิดอีกคนเป็นระยะๆพอเห็นว่ามีคนเดินตัดหน้าเขาอยู่หลายครั้งกลัวว่าถ้าคนตรงหน้าหันมาไม่เจอแล้วงอนอีก
มันเริ่มจะเงียบจนน่าอึดอัด...
“ผมจะเข้าไปซื้อของให้แดฮวี พี่จะไปเดินเล่นก่อนก็ได้” อยู่ๆจินยองก็หันมาพูดไม่รู้ว่าเป็นประโยคคำถามหรือคำสั่งรู้แต่ว่าคนฟังรีบส่ายหัวแล้วขยับไปยืนใกล้ๆ “ไม่ไปเหรอ”
“อื้อ” ยงกุกพยักหน้ารับคำถามของจินยอง คนตัวเล็กเห็นแบบนั้นก็ทำปากยื่นปากยาวก่อนจะเดินนำเข้าไปในร้านโดยมียงกุกเดินตามเข้าไปติดๆ มันอาจจะตลกหน่อยๆในความคิดของจินยองที่ยงกุกเอาแต่เดินตามเขาทำตัวไม่ถูก ดูเหมือนยงกุกจะไม่รู้ตัวว่าอีกฝ่ายหายงอนตั้งแต่เขาเอาแต่เดินตามต้อยๆแล้ว
“พี่ว่าผมซื้อด้วยดีไหม” จินยองหยิบที่มาร์กหน้าสีฟ้าขึ้นมาดูก่อนจะหันไปหาอีกคน
“มันคืออะไร”
“พี่ไม่รู้จักอันนี้เหรอ”
“ไม่” จินยองได้ยินแบบนั้นก็ดูเหมือนว่าจะคิดอะไรขึ้นมาได้ “ยิ้มอะไรของนาย”
“เปล่า ไว้ผมจะบอกแล้วกันว่ามันใช้ยังไง”
“แล้วต้องซื้อหลายสีขนาดนี้เลยเหรอ” ยงกุกจ้องมองมือเล็กๆของอีกคนที่หยิบมาร์กหน้าเพิ่มอีกสองสามอันด้วยความไม่เข้าใจ
“ใช่”
“เพื่อ?”
“ไว้เดี๋ยวผมบอก” จินยองส่งยิ้มให้ยงกุกก่อนจะเดินเอาของที่หยิบไปคิดเงิน เอาเข้าจริงทั้งสองคนก็ไม่ได้แค่ซื้อของให้แดฮวีแล้วกลับกันเลย อยู่ๆความหิวก็ทำให้จินยองต้องลากยงกุกมาหาอะไรกินก่อนจะกลับซึ่งก็กินเวลาไปเกือบสองชั่วโมงในการแวะมาห้าง
เกือบหกโมงเย็นกว่าจินยองจะมาถึงบ้านตัวเอง ยงกุกยืนมองอยู่ห่างๆระหว่างที่จินยองกำลังจะเดินไปเปิดประตูบ้าน เขามองรอบตัวบ้านก็เห็นว่าภายในปิดไฟสนิทเหมือนไม่มีคนอยู่
“พี่ดงโฮไม่อยู่เหรอ”
“หื้อ”
“เห็นปิดไฟ” จินยองหันมองยงกุกก่อนจะหันมองบ้านตัวเอง
“สงสัย พี่จะเข้ามาก่อนไหมละ” คนได้ยินถึงกับนิ่งไปชั่วครู่แต่ก็ส่ายหัว
“นายอยู่คนเดียวกล้าชวนฉันเข้าบ้านเหรอ”
“ผมไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย”
“ถึงอย่างนั้นก็เหอะ ฉันไม่ใช่คนดีขนาดนั้นนะจะบอก”
“ถ้าไม่เข้าผมจะไม่ชวนพี่อีกแล้วนะ”
“….”
“ว่าไง”
“เออ เข้าก็ได้” ยงกุกรีบเดินตรงเข้าไปหาจินยอง เจ้าของบ้านเห็นแบบนั้นก็ยืนมองร่างสูงอยู่แปบนึงก่อนจะหลบทางให้ “ผมจะได้สอนวิธีการใช้มาร์กหน้าซะเลย”
“อะไรนะ”
หลอดมาร์กหน้าหลายสีถูกวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะกระจกตั้งพื้นโดยมียงกุกที่นั่งอยู่บนโซฟานั่งมองอยู่ แต่ก็มีบางอย่างเรียกความสนใจเขาจากทางด้านหลังเมื่ออยู่ๆจินยองก็เดินเอายางรัดผมมามัดจุกให้เขา
“ทำอะไรของนาย” ยงกุกคว้ามือของอีกคนไว้แทบไม่ทัน
“ผมจะสาธิตการใช้สินค้าให้พี่ดูไง”
“แล้วมามัดผมฉันทำไม”
“เดี๋ยวผมเปื้อน”
“….”
“อยู่เฉยๆให้ผมสักครั้งไม่ได้เหรอ” พอสบตากับอีกคนมือหนาถึงยอมปล่อยออกอย่างว่าง่าย ยงกุกยอมให้จินยองจัดการกับผมด้านหน้าของเขาไม่นานจินยองก็เดินมานั่งที่โซฟาแล้วหยิบที่มาร์กหน้าสีม่วงขึ้นมาถือ “อันนี้มันจะช่วยให้พี่ผ่อนคลาย”
“เดี๋ยว”
“อะไร”
“จะทาหน้าฉันเหรอ”
“อื้อ ก็มัดจุกเรียบร้อยแล้ว… นี่! เอาออกทำไม” จินยองแทบจะเอาที่มาร์กหน้าฟาดหน้าอีกคนด้วยความหงุดหงิดที่ยงกุกแกะผมออก
“ไม่อยากเล่น ไหนว่าซื้อมาให้แดฮวี”
“ก็ใช่ แต่ขอมันแล้ว” จินยองพูดพลางหยิบยางมัดผมจากมือของอีกคนก่อนจะทำการมัดจุกให้ยงกุกอีกครั้ง ดิ้นไปก็เจ็บเพราะจินยองพร้อมขยำหัวเขาอยู่ตลอดเวลา
“นี่วางแผนให้ฉันเข้าบ้านเพราะงี้เปล่าเนี่ย” คนตัวเล็กไม่ได้ตอบอะไรเขาเอาแต่หัวเราะชอบใจจนคนได้ยินอดยิ้มตามไม่ได้ ถึงจะใจหวิวๆกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นภายภาคหน้าก็เถอะ
“หรือว่าพี่จะเอาสีอื่น”
“สีไหนก็ตามใจเถอะ ฉันเลือกได้ด้วยเหรอ” ยงกุกรู้ว่ากำลังโดนอีกคนแหย่ สีหน้ามันฟ้อง…
“งั้นหลับตา”
“ต้องหลับด้วยเหรอ”
“อื้อ มองหน้าแล้วมันทาไม่ถนัด” จินยองพูดเสียงเบาจนอีกคนแทบไม่ได้ยินแต่ด้วยท่าทางเคอะเขินของจินยองมันเลยทำให้ยงกุกยกยิ้ม เขายอมหลับตาลงโดยไม่เถียงอะไรจินยองเห็นแบบนั้นก็ค่อยๆจัดการทามาร์กลงบนหน้าของยงกุก คนตัวเล็กอมยิ้มชอบใจกับผลงานของตัวเองขณะถูวนที่แก้มของอีกฝ่ายอย่างสนุกสนาน
“สนุกมากไหม” ยงกุกพูดทั้งๆที่หลับตาอยู่
“สนุก” เสียงหัวเราะของอีกคนทำให้คนโดนกระทำรู้สึกกระชุ่มกระชวยยังไงบอกไม่ถูก ยงกุกโดนที่มาร์กหน้ากี่สีแล้วก็ไม่รู้ถูวนอยู่บนแก้มข้างขวาอยู่พักนึงไล่มาจนถึงหน้าผากก่อนจะรู้สึกว่าโซฟาข้างซ้ายมันยวบลง เขาค่อยๆลืมตาขึ้นมามองก็เห็นว่าจินยองกำลังตั้งใจละเลงหน้าเขาอยู่ด้วยสีหน้ามีความสุข คงสนุกมากจนลืมตัวว่าตัวเองขยับกายมาคร่อมอีกคนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ “ลืมตามาทำไม”
“อยากเห็นหน้า”
“หลับตาสิครับ” จินยองไม่พูดอย่างเดียวเขาตีแก้มของอีกคนเบาๆพลางทำเสียงสูงแบบขัดใจ ยงกุกถึงกับทำหน้าไม่อยากเชื่อว่าอีกคนจะกล้าทำแบบนี้แต่ก็ได้แค่จ้องหน้า
“จะหลับได้ไงโดนคร่อมขนาดนี้” ยงกุกพูดพลางใช้สายตามองร่างกายของคนตรงหน้าก่อนจะโดนตีที่แก้มอีกครั้งแต่คราวนี้แรงกว่าเดิมนิดนึง
“ก็ผมทาไม่ถนัด”
“แล้วท่านี้ถนัดเหรอ ต้องประคองเอวไหมเผื่อหงายหลัง”
“ถ้าจับตัวผม ผมต่อยจริงๆด้วย”
“อา.. น่ากลัว”
“ทำเสียงบ้าอะไรของพี่” จินยองเผลอเอาหลังมือท้าวขอบโซฟาเมื่ออยู่ๆยงกุกก็ขยับตัวจนเขาเซไปด้านหน้า สีหน้าเรียบเฉยที่เลอะตัวมาร์กหน้าหลายสีกำลังทำให้จินยองอดขำไม่ได้แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้
“จะเสร็จยังเนี่ย หน้าแข็งหมดแล้ว”
คลืดดดดด ~
เสียงโทรศัพท์ของยงกุกดังขึ้นจินยองเลยเผลอเอี้ยวตัวไปมองก่อนจะรู้สึกใจหล่นวูบเพราะคิดว่าตัวเองกำลังจะหงายหลังแต่เปล่า มือหนารวบเอวของอีกคนไว้หลังจากที่เขาโน้มตัวลงมาเพื่อที่จะหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าเพราะกลัวว่าจินยองจะหงายหลัง ตอนนี้หน้ายงกุกอยู่บริเวณเอวของจินยอง จินยองทำตัวแข็งทื่อยกมือทั้งสองข้างกลางอากาศขณะที่ยงกุกก็ยังคงคุยโทรศัพท์กับคนปลายสายทั้งๆที่มือก็ยังกอดรอบเอวเขาอยู่
“ครับแม่ เดี๋ยวกลับแล้วจะทำให้ แค่นี้นะครับ” หลังจากค้างอยู่ท่านั้นอยู่สักพักยงกุกก็วางสายแล้วเอนตัวพิงกับโซฟาเหมือนเดิมแต่กลับดึงตัวอีกคนลงไปด้วยจนจินยองต้องใช้มือดันขอบโซฟาเอาไว้
“ปล่อยผมสิ” เขาพยายามดิ้นจนรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะทนสถานการณ์แบบนี้ไม่ไหว ใบหูเริ่มแดงจนยงกุกสังเกตเห็น
“โทษที เมื่อกี้เอาหน้าแนบเอวนายเสื้อเลยเปื้อนเลย” ยงกุกพูดยิ้มๆมันยิ่งทำให้ดูน่าหมั่นไส้ขึ้นหลายเท่า
“ปล่อยผมสักที..”
“ใช้น้ำหอมอะไรทำไมกลิ่นหวานจัง”
“พี่ยงกุก!!” จินยองหงุดหงิดที่อีกคนไม่ยอมฟังที่เขาพูดแถมยังทำหูทวนลม เสียงตะคอกของคนด้านบนไม่ได้ช่วยให้ยงกุกสำนึกเลยสักนิด จินยองกลับรู้สึกว่าโดนอีกฝ่ายรัดรอบเอวเขาแน่นมากยิ่งขี้นจนแผ่นอกจะแนบหน้าคนข้างล่างอยู่แล้วถ้าเขาไม่เกร็งเอาไว้
“อย่าขึ้นเสียงถ้าไม่อยากโดนขึ้นคร่อมนะครับ”
“….”
เงียบสนิท.. จินยองปิดปากเงียบสนิทหลังจากได้ยินอีกฝ่ายเตือน เป็นคำเตือนที่เขาไม่อยากแหกกฎมากที่สุดถึงแม้ว่าใจเขาจะเต้นแรงมากก็ตาม สายตาที่คนด้านล่างช้อนมองขึ้นมามันทำให้เขาเขินจนไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหนเลยตัดสินใจใช้มือที่เปื้อนอยู่ป้ายลงที่หน้าของอีกฝ่ายแทน
“ผมไม่อยากเล่นแล้ว ปล่อยผมนะครับ” ทำเสียงออดอ้อนหลังจากก่อกวนอีกคน ยงกุกพยายามหันหน้าหนีเพราะมือเล็กๆกำลังขยี้หน้าเขาอยู่
“เห้ย มันเข้าปาก”
“ปล่อยผมสิ”
“ไปล้างหน้าให้ฉันด้วย”
“เป็นพ่อผมเหรอมาสั่ง”
“เป็นแฟนไม่ได้เหรอ”
“….”
“เป็นแฟนกันได้ยัง แพจินยอง”
“พี่พูดจริงพูดเล่น”
“ถ้าเล่นแล้วจะมาจีบนายทำไม”
“อยากลืมใครหรือเปล่า” ยงกุกได้แต่จ้องหน้าเด็กที่กำลังนั่งอยู่บนตัวเขาอยู่ คำพูดเหล่านั้นฟังดูไม่ค่อยน่าพอใจเท่าไหร่สำหรับเขา รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มั่นใจแต่ใช่ว่าทุกอย่างที่เขาทำตั้งแต่การจีบมาจนถึงการให้ใจมันเป็นเรื่องโกหกซะที่ไหน นี่ผมจะทำยังไงให้เด็กนี่เชื่อใจผมสักที
“ถ้าฉันพูดตรงๆนายจะฟังฉันไหม” จินยองบีบขอบโซฟาแน่นไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น จะควบคุมสีหน้าได้ไหมหากเป็นเรื่องที่ไม่ดียิ่งมองหน้าจริงจังของคนด้านล่างยิ่งกลัว
“ผมฟังอยู่”
“มันไม่ได้ลืมง่ายขนาดนั้นหรอกนะ”
“…”
“ฉันเคยรักฮักนยอนแต่มันก็นานมาแล้ว”
“พี่จะมาบอกรักฮักนยอนต่อหน้าผมทำไมเนี่ย”
“ฉันจะบอกว่าตอนนี้ฉันชอบนายมากตั้งหาก” จินยองแทบกลั้นหายใจไม่รู้ว่าอยากจะร้องไห้เพราะได้ยินอีกคนพูดถึงแฟนเก่าหรือรู้สึกดีที่ได้ยินอีกคนบอกว่าชอบเขา “ฉันชอบนายมากจริงๆนะจินยอง ฉันไม่มีความรู้สึกคิดถึงหรือโหยหาฮักนยอนเลยตั้งแต่รู้จักกับนาย แต่ถ้าลืมมันก็คงเป็นไปไม่ได้”
“…”
“ความทรงจำกับความรู้สีกมันใช้ไม่เหมือนกัน”
“อื้อ”
“ฉันไม่ใช่พวกจมอยู่กับอดีต ฉันอยู่กับปัจจุบันมากกว่า”
“แล้วอนาคตอะ”
“ก็นายไงอนาคต ถ้าตกลงเป็นแฟนจะได้สานต่อ” คนฟังถึงกับเผลอยิ้มออกมาแต่ก็รีบหุบเก็บเพราะไม่อยากจะให้อีกคนเห็น
“นี่คือวิธีการขอเป็นแฟนของพี่เหรอ”
“อยากได้ดอกไม้เหรอ” ยงกุกพูดขึ้นนิ่งๆ นี่จะไปทำจริงหรือจะกวนตีนแยกไม่ออก…
“ก็ถามเฉยๆ พี่บอกแค่ว่าชอบผมหนิ ไม่ได้รักสักหน่อยแล้วมาขอผมเป็นแฟนเนี่ยนะ”
“ก็มั่นใจแล้วไงว่าชอบมาก ชอบจนไม่อยากให้ใครมาวอแวนาย ถ้าไม่รีบเป็นแฟนวันไหนรู้ตัวว่ารักมากแล้วนายดันไปให้ใจคนอื่นจะทำไง หะจินยอง” ยงกุกรั้งตัวของคนด้านบนลงมาใกล้เขามากขึ้นจนหน้าจะมุดลงที่คอของจินยองอยู่แล้วถ้าไม่เกร็งไว้ “หรือว่านายยังไม่ชอบฉัน”
“ใครบอก!”
“หื้อ” ดูเหมือนจินยองจะรีบตอบมากเกินไปมันเลยทำให้คนด้านล่างกระตุกยิ้มชอบใจ
“ผมก็ไม่ชอบให้พี่ไปสนใจคนอื่นเหมือนกันอ่ะ”
“งั้นก็คบกับฉันสิ”
“พี่จะเขินแบบคนอื่นบ้างไม่ได้เหรอไง!” จินยองอดไม่ไหวถึงกับออกแรงฟาดลงที่อกของอีกคนด้วยความหงุดหงิด
“คนอื่นนี่นายหรือเปล่า แก้มแดงๆนะ…”
“นี่!!”
“โอ้ย!! เจ็บนะ” ยงกุกยกมือขึ้นถูหน้าอกของตัวเองเมื่อรู้สึกว่าครั้งนี้จะเจ็บกว่าครั้งแรก จินยองที่หลุดจากการรัดกุมของอีกคนก็รีบดันตัวนั่งหลังตรงแต่ยังคงลุกออกจากตัวของยงกุกไม่ได้เพราะมืออีกข้างของคนด้านล่างยังคงจับเอวเขาอยู่
“พี่มาหอมแก้มผมทำไมเนี่ย”
“ก็มันใกล้จมูกพอดี”
“นิสัยไม่ดีเลย” จินยองไม่รู้จะมุดหน้าไปไว้ที่ไหนแม้แต่ตายังไม่รู้เลยว่าจะมองอะไรดี คนตรงหน้าก็เอาแต่มองหน้าเขาอยู่ได้หน้าร้อนไปหมดแล้วเนี่ย
“แล้วจะคบไหม”
“…”
“ฉันจะถามเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ”
“ถ้าผมบอกไม่คบพี่ก็จะล้มเลิกเหรอไง”
“เปล่า ฉันจะขอใหม่พรุ่งนี้” คำพูดโผงผางกับหน้าตานิ่งๆของยงกุกมันกำลังทำให้จินยองสติกระจัดกระจายกับท่าทางเหล่านั้น เขาพยายามเม้มปากตัวเองเพื่อที่จะไม่ให้หลุดยิ้มออกมาแต่ก็ล้มเหลว “ยิ้มอะไรนักหนา”
“เปล่า”
“จะคบไหม ตกลง”
“คบ”
“พูดว่าไงนะ” ยงกุกเอนตัวมาข้างหน้าแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินที่จินยองพูด มือเล็กยกดันไหล่กว้างของอีกคนไว้เพื่อให้มีระยะห่างสักเล็กน้อยไม่งั้นเขาต้องขาดใจตายแน่ๆ
“ผมบอกว่าคบไงครับ”
“ก็พูดดังๆหน่อยสิ” สายตาไม่สามารถหยุดจ้องมองริมฝีปากบางของคนด้านล่าง ยิ่งตอนที่อีกคนกำลังพูดมันเหมือนมีอะไรดึงดูดให้มองแต่จุดนั้น จินยองยกมือขึ้นทาบหน้าอกของตัวเองกลัวว่าอีกคนจะได้ยินเสียงแปลกๆที่ดังออกมา หัวใจเขาเต้นแรงมาก “พูดให้ฉันได้ยินหน่อย”
ทุกอย่างหยุดเคลื่อนไหวแม้แต่ลมหายใจก็ยังหยุดนิ่ง ริมฝีปากบางที่เขาจ้องมองอยู่เมื่อกี้เลื่อนมาทาบทามที่ริมฝีปากเล็กของคนด้านบนอย่างนุ่มนวล ลมหายใจอุ่นๆสัมผัสแก้มเปื้อนสีชวนให้รู้สึกวาบหวิวจนเผลอขยำเสื้อที่ไหล่ของอีกคนอย่างลืมตัว ยงกุกผ่อนจูบลงก่อนจะกดจูบย้ำๆอยู่หลายครั้ง มือหนากระชับเอวของคนด้านบนดึงเข้าหาตัวจนจินยองต้องแอ่นตัวเข้าหาทำให้ปากของเขากดแนบชิดกับริมฝีปากของอีกคนมากยิ่งขึ้น รสสัมผัสอ่อนโยนยังคงส่งผ่านไปให้ร่างบางอยู่พักใหญ่ก่อนจะค่อยๆผ่อนลง
“ฉันคือจูบแรกของนายใช่ไหม” คำถามของยงกุกทำเอาจินยองเก็บสีหน้าไม่อยู่ก่อนจะพยักหน้ารับ
“มันแย่มากเลยเหรอครับ”
“เปล่า ฉันชอบ”
“…”
“เดี๋ยวฉันจะสอนนายจูบเอง” จินยองเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นไม่นานเขาก็เผลอยิ้มออกมาอีกครั้ง “ยิ้มอะไรอีกแล้ว”
“ก็หน้าพี่ตลก” ยงกุกยกมือขึ้นจับหน้าตัวเองก็เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้ล้างหน้า “ไปล้างหน้าได้แล้ว”
“นายก็ไปล้างปากได้แล้ว”
“หื้อ...” ยงกุกโน้มหน้าเข้าไปหาจินยองอีกครั้งแล้วจุ้บที่มุมปากของอีกคนเบาๆ
“ตรงปากนายเปื้อนที่มาร์กหน้า สงสัยจูบแรงไปหน่อยมั้ง”
“เงียบไปเลย!!”
_______________
มาแล้ววววว
ห้อยยย อยากเรียนจูบกับพิยงกุกบั้งโว้ย
จริงๆฉากมาร์กหน้าเป็นความน้อยใจส่วนตัว
อีพีจบอยากเห็นน้องเล่นกับเพื่อนงี้ เลยเอาหนูจินยองมาสนอง 5555
นี่ยังรู้สึกดีใจที่ทุกคนช่วยกันพายเรือ กุกนยอง
ถ้าสนใจอยากให้มีโมเม้นไหนคุยกันได้ใน #มบฟช นะคะ
@viewpmt
ความคิดเห็น