ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [PRODUCE101] MA BAE - YONGGUK & JINYOUNG

    ลำดับตอนที่ #17 : MABAE 16

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ย. 60


           MABAE 16




            “เป็นอะไร เห็นนั่งถอนหายใจมาครึ่งวันละ แม่ไม่รักเหรอ?” 


    “เพราะพี่ยงกุกใช่ไหม?” แพจินยองขมวดคิ้วเข้าหากันหลังจากโดนแดฮวีตั้งคำถามใส่


    “เกี่ยวไรกับพี่ยงกุก”


    “ปากถึงหมาขึ้นไง โดนพี่ยงกุกคายเดอะด็อกเข้าปากมาเหรอ” แดฮวีออกแรงบีบปากของจินยองด้วยความหมั่นไส้หลังจากโดนพูดไม่เพราะใส่ เขาปัดมือออกขณะที่หัวเราะชอบใจกับท่าทางฉุนเฉียวของเพื่อนตัวเอง


    “พี่ยงกุกไม่ได้ปากหมาขนาดนั้นสักหน่อย”


    “น้อยไปสิ ได้กันแล้วเหรอถึงปกป้องขนาดนั้น” 


    “ทะลึ่งว่ะ!”


    “แล้วขึ้นเสียงไม!” แดฮวีแผดเสียงกลับหลังจากโดนอีกฝ่ายข่มใส่เมื่อกี้ด้วยความหัวเสีย มือเล็กยกขึ้นลูบอกเมื่อรู้สึกตกใจกับเสียงตะคอกของจินยอง “โวยวายอย่างกับว่าได้กันแล้วจริงๆงั้นแหละ”


    “…”


    “หรือว่า...”


    “แล้วตกลงเป็นไร ทำหน้าอย่างกับคนมีทุกข์” จินยองพูดแทรกขึ้น เขาทำเป็นเปลี่ยนหน้าหนังสือเรียนไปมาราวกับว่าไม่รู้ว่าคุณครูสอนไปถึงหน้าไหนแล้ว ถือว่ามีพิรุธระดับสุดในสายตาของแดฮวี


    “จินยอง อย่าให้กูต้องกรีดร้อง” แดฮวีนั่งบีบมือแน่นพลางควบคุมสีหน้าของตัวเองเมื่อรู้สึกอดกลั้นกับจินตนาการณ์ในหัวไม่ให้มันแสดงออกมามากจนเกินไป


    “เดี๋ยวนี้มึงกูเหรอ?”


    “สังคมมันเปลี่ยน ยิ่งรู้จักพวกพี่ยงกุกยิ่งรู้สึกการพูดเพราะมันไม่ได้มีค่าอะไรเลย มึงไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องรีบบอกกูมาเดี๋ยวนี้เลยจินยอง”


    “ให้บอกเรื่องอะไรเล่า” คนโดนซักถามแสร้งทำเป็นหงุดหงิดทั้งๆที่ในตัวร้อนวูบวาบไปหมดด้วยความเขินอาย


    “แกกับพี่ยงกุกไง”


    “…”


    “ไอ้จินยอง!!! แกมีอะไรกับพี่ยงกุกแล้วจริงๆด้วย แกกกกกก” ถึงแม้ว่าจินยองจะไม่ได้ตอบคำถามแต่ดูเหมือนการเงียบของเขาจะทำให้แดฮวีได้คำตอบโดยที่ไม่ต้องถามซ้ำอีกรอบ มือเล็กออกแรงเขย่าตัวของจินยองอย่างบ้าคลั่งสลับกับทึ้งหัวของตัวเองไปมาจนยุ่งเหยิงไปหมด 


    “แกจะเสียงดังทำไมอะ ไอ้นี่นิ” เขาแทบจะมุดหน้าลงกับเสื้อฮู้ดของตัวเอง ไม่กล้าแม้แต่จะหันมองหน้าเพื่อนได้แต่เหลือบมองนิดนึงแล้วหันกลับมาก้มหน้าก้มตามองหนังสือเหมือนเดิม


    “ช่วยกูด้วยยยยย จิตวิญญาณกูมันตอบสนองมากเกินไปแล้ว ฮืออออ”


    “พอ!!” จินยองหันไปฟาดลงที่หลังของแดฮวีดังปักจนเจ้าตัวเล็กแอ่นหลังหนีด้วยความเจ็บก่อนจะเปลี่ยนสีหน้ากลับมาควบคุมสติตัวเองไม่อยู่อีกครั้ง


    “ตั้งแต่เมื่อไหร่?? ทำไมไม่บอกกันบ้าง”


    “จะให้กูบอกเรื่องพวกนี้เนี่ยนะ”


    “เดี๋ยวนี้มึงกูเหรอ”


    “สังคมเปลี่ยนเพราะแกนี่แหละแดฮวี เห็นหน้าเมื่อกี้แล้วไม่อยากพูดเพราะด้วยเลย จะฟินอะไรขนาดนั้น ชอบนักเหรอเรื่องพวกนี้”


    “แกนั่นแหละๆๆๆ ชอบไหม??” แดฮวียังคงสะดีดสะดิ้งราวกับว่าเป็นตัวเองที่เสียความบริสุทธิ์ จินยองได้ยินคำถามแต่ละอย่างของเพื่อนสนิทก็อดหน้าร้อนผ่าวไม่ได้


    “เลิกถามได้แล้ว”


    “งั้นตอบอย่างเดียวเลย รู้สึกยังไง?” แดฮวีจ้องหน้าจินยองตั้งอกตั้งใจฟังคำตอบพอๆกับตอนคุณครูจะบอกแนวข้อสอบ ยิ่งเพิ่มความกดดันให้กับคนโดนถาม “เร็วสิ ช่วงสงเคราะห์คนไม่มีประสบการณ์หน่อยไม่ได้เหรอ”


    “อือ”


    “อืออะไร?”


    “ก็รู้สึกดีไง” จินยองตอบเสียงเบามากจนแดฮวีต้องโน้มตัวลงมาฟังแต่พอได้ยินคำตอบของเพื่อนกับสีหน้าที่ขึ้นสีจนคนเห็นเองยังรู้สึกขวยเขินก็เผลอทำเสียงแปลกๆหลุดออกมาก่อนจะรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง

    “สุดยอดไปเลยอ่ะ” 


    “อะไรอีก เลิกคุยเรื่องนี้ได้แล้ว”


    “ครั้งแรกเจ็บปะ..”


    “แดฮวี!!” เจ้าของชื่อเม้มปากแน่นหลังจากโดนเพื่อนหันมาตะคอกใส่แต่ไม่นานเขาก็กลับมายิ้มกริ่มชอบอกชอบใจกับสิ่งที่เขาเพิ่งได้รับรู้เมื่อกี้


    “เห้ยมึง พี่มินฮยอนเลิกกับพี่เจว่ะ”


    “มึงบ้าเหรอ เขาคบกันสี่ปีเลยนะเว้ย กูไม่เชื่อ”


    “เอ้า ก็พี่กูบอกเนี่ย พี่กูเพื่อนพี่มินฮยอนนะ”

    “ไหนเอามาดู” เด็กผู้หญิงสองคนที่นั่งอยู่โต๊ะด้านหน้าจินยองกับแดฮวีกำลังถกเถียงกันอย่างออกรส แดฮวีตั้งใจเอียงหูฟังเมื่อได้ยินชื่อบุคคลที่ตกเป็นเรื่องเม้ามอยอย่างสนอกสนใจ


    “พี่มินฮยอนที่เป็นคิ้วบอยของโรงเรียนอะนะ” แพจินยองที่ดูเหมือนจะสนใจเรื่องนี้ไม่ต่างจากแดฮวีพูดขึ้นเบาๆเพื่อให้แดฮวีได้ยินคนเดียว


    “เสียดายอ่ะ คบกันมาตั้งหลายปี” 


    “พี่เขาคบกันตั้งนานจะเลิกกันทำไม” จินยองดูมีสีหน้าเสียความรู้สึกทั้งๆที่ส่วนตัวแล้วก็ไม่ได้สนิทอะไรกับสองคนนั้นแต่คำเรื่องลือความสัมพันธ์ของทั้งคู่มันไม่เมคเซ้นส์ที่ทั้งสองจะเลิกกัน


            “อย่างว่าอะแก ความรักมันไม่ยืนยาวสำหรับคนบางคนหรอก มันไม่ใช่ทุกคู่นะที่จะอยู่กันจนแก่”


            “แล้วที่เขาชอบสัญญากันละ” จินยองยังคงคัดค้านคำพูดของแดฮวี เขายอมรับไม่ได้กับการที่คนรักกันต้องแยกจากกัน


            “แกยังไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้อะสิ”


            “เข้าใจ”


            “เข้าใจว่า?”


            “เข้าใจว่าเรากับพี่ยงกุกจะไม่เลิกกันแบบนั้น” 


            “ที่หัวร้อนนี่เพราะนึกถึงคู่ตัวเองเหรอ?” จินยองไม่ตอบอะไรแต่ก็ไม่ได้เก็บอาการ สีหน้าฉุนเฉียวแสดงออกมาให้แดฮวีเห็นอย่างชัดเจน “นี่ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคู่นะที่จะเลิกกัน”


            “….”


            “บางคู่ก็รักกันจนแก่หงำหงึกไปเลย” แดฮวีแกล้งดีดหน้าผากของจินยองด้วยความหมั่นเขี้ยว เขาไม่ชอบเห็นสีหน้าหวาดหวั่นของจินยองสักเท่าไหร่ ถ้าเพื่อนเชื่อว่าความรักมันสวยงามอยู่เขาก็จะคอยสนับสนุนแต่ถ้าเพื่อนเสียหลักเขาก็พร้อมจะดึงเพื่อนขึ้นมาเหมือนกัน คนสดใสอย่างจินยองไม่ควรจะมารู้สึกหดหู่กับอะไรแบบนี้ 


            “แดฮวี”


            “อะไรอีกอ่ะ”


            “แกว่าพี่ยงกุกจะมีวันหมดรักเราเปล่า?”


            “….”


            “จะเป็นพรุ่งนี้หรือเดือนหน้า.. ปีหน้า? หรืออาจจะเป็นวันนี้ก็ได้”


            “โห คิดมากแล้ววว พี่ยงกุกไม่หมดรักแกหรอก”


            “จริงนะ” สีหน้าเป็นกังวลของจินยองมันทำให้แดฮวีอดห่วงไม่ได้ หากว่าวันไหนเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆเพื่อนคนนี้จะเป็นยังไง


            “ถ้าแกลดความดื้อลงพี่ยงกุกเขาไม่มีวันหมดรักแกร๊อก”


            “เราดื้อเหรอ?”


            “เออ ดื้อมาก รั้น ซน พี่ยงกุกไม่เคยพูดเหรอ?” ได้ทีแดฮวีก็แกล้งเพื่อนตัวเองเมื่อเห็นความตื่นตูมของจินยอง เจ้าตัวโดนกล่าวมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา ในหัวพยายามครุ่นคิดว่าที่ผ่านมาเขาเคยดื้อเคยซนกับยงกุกหรือเปล่า “ไม่แปลกและ ทำไมแกถึงเสียตัวให้พี่ยงกุก”


            “หมายความว่าไง”

         

            “ไม่บอก” แดฮวีพูดพรางยีแก้มของจินยองจนคนโดนทำต้องมุดหน้าหนี 


            “ขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าเรายอมพี่ยงกุก!”


            “หะ”


            “พี่ยงกุกไม่ได้ขืนใจเรา” สิ้นคำพูดของจินยองคนฟังถึงกับระเบิดหัวเราะออกมาด้วยความอดกลั้น “ขำอะไร..”


            “เราก็ไม่ได้บอกว่าพี่ยงกุกขืนใจแกสักหน่อย”


            “ก็แก.. แกพูดเหมือนจะว่าร้ายพี่ยงกุก”


            “ทำไมซื่องี้ โอ้ยยย แพจินยอง” แดฮวีคว้าหัวจินยองมากอดพรางออกแรงยีหัวจนผมอีกคนยุ่งไปหมด


            “อย่าเล่นหัว เดี๋ยวตอนกลางคืนฉี่ราดที่นอน”


            “ใครบอก”


            “ไม่รู้ มีคนบอกมาตอนเด็ก” 


            “เชื่อคนง่าย!” เขาขึ้นเสียงใส่เพื่อนคนสนิทก่อนจะหลุดขำออกมาจนคนเห็นนั่งทำหน้างวยงงกับอารมณ์แปรปรวนของเพื่อน เขาไม่ได้เถียงอะไรกลับไปทำได้เพียงถอนหายใจแล้วอดนึกถึงเรื่องของรุ่นพี่สองคนนั้นไม่ได้ เขาอยากโทรไปหาคิมยงกุกตอนนี้เลยเสียด้วยซ้ำ หวังว่าเขาจะไม่เคยดื้อรั้นใส่แฟนตัวเองหรอกนะ


            จินยองเป็นเด็กดีใช่ไหม.. พี่ยงกุก


    .

    .

    .



    ไอติมโคนที่ถืออยู่ในมือเริ่มละลายไหลเปื้อนมือเล็กๆจนคนที่เดินกอดคออยู่ข้างๆสังเกตเห็น คิมยงกุกจ้องมองมือนุ่มนิ่มนั่นสลับกับใบหน้าเหม่อลอยของคนข้างๆอย่างสงสัยก่อนจะหยุดเดินมันเลยทำให้จินยองต้องหยุดเดินตามไปด้วย


    “หยุดเดินทำไมอ่ะ”


    “เป็นไรเปล่า?” 


    “เปล่านิ”


    “ทำไมปล่อยให้ไอติมละลายขนาดนี้” ยงกุกพูดพลางดึงไอติมออกจากมือของอีกคนก่อนจะใช้กระดาษทิชชู่ที่ตัวเองถืออยู่เช็ดมือเปรอะเปื้อนนั่น “ร้องขอจะกินก็กินไม่หมด”


    “โกรธเหรอ?” อยู่ๆจินยองก็มีสีหน้าเศร้าสลด ความรู้สึกน้อยใจค่อยๆแผ่ซ่านไปทั่วหลังจากได้ยินประโยคนั้นจากยงกุก


    “ไม่ได้โกรธ ฉันเหมือนคนโกรธเหรอ” ยงกุกพูดติดตลก เขาแปลกใจที่จินยองถามแบบนั้น ยิ่งเห็นสีหน้าหดหู่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้  “ไม่ได้เป็นไรแน่นะ?”


    “พี่ยงกุก”


    “ว่า?”


    “ถ้าผมกินไอติมไม่หมด พี่จะหงุดหงิดเปล่า”


    “ทำไมต้องหงุดหงิด”


    “เพราะผมขอให้พี่ซื้อให้แต่ก็กินไม่หมด”


    “…”


    “จินยอง..จะกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจไหม?” ยงกุกเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเผลอหลุดขำออกมา เขาไม่เข้าใจว่าเด็กตรงหน้าเอาความคิดพวกนี้มาจากไหนแต่เห็นแล้วก็รู้สึกอยากจะดึงมากอดแน่นๆสักที


    “นายกินไม่หมดก็บอก เดี๋ยวฉันกินเอง” 

    “จินยองดื้อไหม?” เขายังคงตั้งคำถามไปเรื่อยๆ


    “ก็นิดหน่อย”


    “…”


    “แต่น่ารักดี”


    “หมายความว่าไง?” สีหน้าท่าทางเหมือนจะร้องไห้ของจินยองกำลังทำให้ยงกุกทำตัวไม่ถูก เขารู้สึกว่าตามคนตรงหน้าไม่ทัน “พี่รำคาญจินยองหรือเปล่า?”


    “ไม่ดิ เป็นไรหะเรา มีใครพูดอะไรมาเปล่า” ยงกุกดึงหัวของจินยองมากอดพลางยีหัวเล็กนั่นเบาๆ


    “เปล่า จินยองแค่ไม่อยากให้พี่เบื่อจินยอง” เขาก้มหน้าลงเมื่อเห็นว่ายงกุกกำลังมองหน้าเขาอยู่ ยงกุกใช้หลังมือเกลี่ยแก้มของคนตรงหน้าด้วยความเอ็นดูก่อนพูดปลอบ


    “คิดมาก”


    “…”


    “ไอติมนี่ไม่กินฉันกินเองแล้วนะ”


    “ไม่เอา ผมยังอยากกินอยู่” จินยองยื่นมือจะหยิบไอติมแต่ยงกุกก็ยกหนี


    “ไม่เรียกจินยองแล้วเหรอ?” 


    “ไม่แล้ว”


    “หมดโปรโมชั่นอ้อนอ่ะดิเลยไม่เรียกจินยอง หายงอแงแล้วใช่ไหม” ยงกุกพูดยิ้มๆมันเลยทำให้คนเห็นอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ จินยองยังคงพยายามจะหยิบไอติมจากมือของยงกุกแต่อีกฝ่ายก็ขยับหนีตลอดไม่วายเอาเข้าปากตัวเองอีกตั้งหาก


    “พี่ยงกุก! จินยองจะกิน”


    “ก็เมื่อกี้ปล่อยให้มันละลายทำไม สงสารมัน”


    “เป็นไอติมจะไปสงสารมันทำไม”


    “สงสารมืออ้วนๆนี่ตั้งหาก เหนียวหมดละเนี่ย” ยงกุกพูดพลางจับมือเด็กตรงหน้าเขย่าเล่น รอยยิ้มชอบใจของยงกุกมันยียวนกวนประสาทคนเห็นจนอยากจะดึงหัวมากัดให้รู้แล้วรู้รอด


    ทั้งสองคนเดินไร้จุดมุ่งหมายมาหลายชั่วโมงจนเดินผ่านร้านโมเดลร้านหนึ่งซึ่งเรียกความสนใจจากแพจินยองไม่น้อย เขาหยุดเดินพลางยืนมองสินค้าผ่านกระจกหน้าร้านอย่างสนอกสนใจ ยงกุกที่ไม่ทันสังเกตจนเดินเลยไปแล้วต้องเดินย้อนกลับมาพลางวางมือบนไหล่เล็กๆนั่น


    “อยากได้เหรอ?”


    “แมวตัวเล็กอันนั้นน่ารักมากเลยพี่ดูดิ” ยงกุกมองตามนิ้วที่ชี้ไปที่โมเดล เขาเลียริมฝีปากตัวเองก่อนจะพยักหน้ารับความคิดเห็นของจินยองซึ่งคนเห็นดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่ “ผมดูออกนะว่าพี่ไม่ชอบ”


    “มันก็น่ารักดีแต่ไม่ใช่แนวฉันว่ะ”


    “พี่ชอบอะไรบ้างเนี่ย”


    “นายไง” 


    “ผมหมายถึงสิ่งของสิ..” ถึงจินยองจะพูดไปแบบนั้นแต่ใบหน้าเขาก็ร้อนผ่าว หูเริ่มแดงจนยงกุกอมยิ้มกับอาการของเด็กตรงหน้า


    “ไม่รู้ ตอนนี้คิดออกแค่นาย”


    “พูดด้วยหน้าตานิ่งๆแบบนั้นได้ไง แล้วคนอื่นเขาจะรู้สึกกับพี่ไหมเนี่ย” จินยองพยายามหลบสายตาของยงกุก ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้มีสีหน้าเย้าแหยอะไรแต่ก็ทำให้จินยองไม่เป็นตัวของตัวเองอยู่ไม่่น้อย เพราะเขารู้ดีว่าไอ้สีหน้าเรียบเฉยของยงกุกมันเป็นโรคที่ติดตัวเขามาตั้งแต่เกิดแล้ว คงไม่แปลกถ้าหากว่าเขาจะพูดประโยคหวานๆออกมาด้วยสีหน้าแบบนั้น


    “ต้องแสดงด้วยเหรอ งั้นก็ได้..”


    “มะ ไม่ใช่แบบนี้” จินยองขยับหน้าหนีเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนตัวสูงกว่าก้มหน้าลงมาหาเขา อีกนิดเดียวปากก็จะโดนแก้มของเขาแล้วถ้าหากว่าไม่เอนหนีเมื่อกี้ สายตาเลิ่กลั่กของจินยองกำลังทำให้ยงกุกนึกขำกับท่าทางน่ารักๆนั่น


    “เอ้า ไหนบอกแค่พูดมันไม่รู้สึกไรไง”


    “แล้วพี่จะก้มหน้าลงมาทำไม”


    “จะเพิ่มระดับความรู้สึกให้นายไง หอมแก้มสักฟอดสองฟอดให้เห็นภาพ”


    “กลางห้างเนี่ยนะ..”


    “กลางถนนยังได้เลย”


    “…”


    “จะไปไหน? แพจินยอง นี่” ยงกุกยกยิ้มชอบใจกับอาการขัดเขินของแฟนตัวเอง เขารีบเดินตามจินยองเข้าไปในร้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เป็นรอยยิ้มที่เขาไม่ค่อยจะแสดงมันออกมาสักเท่าไหร่ แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่ใครๆเห็นแล้วก็ต้องเผลอหันมอง.. เหมือนแคชเชียร์สาวในร้านตอนนี้เป็นต้น


    “ไม่ชอบไม่ใช่ไง ทำไมไม่รออยู่หน้าร้าน” เขาทำเป็นหันมาไล่ผู้ชายที่เดินตามเขามาติดๆ


    “กลัวแฟนหาย”


    “เอาเชือกมาคล้องเหมือนวันนั้นไหม?”


    “อ่าวได้เหรอ ทำไมเพิ่งบอก”


    “พูดเล่น..” ยงกุกยิ้มให้จินยองที่กำลังทำสีหน้างอแงใส่ เขาวางมือลงบนหัวของอีกคนก่อนจะโยกเบาๆด้วยความเอ็นดู


    “อยากได้อันไหนก็เลือกแล้วกัน ถูกใจอันไหนก็หยิบ เดี๋ยวซื้อให้”


    “ให้เลือกเหรอ?”


    “อือ เลือกเลย”


    “งั้นเอาตัวนี้”


    “…”


    “ตัวนี้น่ารักดี”


    “มะ มาจับหน้าฉันทำไม” ยงกุกยกมือขึ้นจับข้อมือของเด็กตรงหน้าที่กำลังยืนจับใบหน้าเขาอยู่ รอยยิ้มซุกซนนั่นกำลังทำให้เขาอึดอัดจนจะเป็นบ้า เขาไม่ชอบอาการแบบนี้สักเท่าไหร่เพราะไม่รู้ว่าต้องระบายออกมายังไงเลยได้แต่ยืนแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น


    “ก็เลือกแล้ว อยากได้ตัวนี้”


    “…”


    “นี่คืออันที่ชอบที่สุดแล้ว” จินยองบีบแก้มของอีกคนเบาๆเมื่อเห็นว่ายงกุกพยายามจะดึงหน้าหนีแต่อีกคนก็ยังคงรั้งไว้อยู่


    “ปล่อยได้แล้วจินยอง”


    “ทำไม? ทีเมื่อกี้ยังจะหอมแก้มผมเลย ทีงี้ทำมาเขิน” ยงกุกมีสีหน้าเลิ่กลั่กก่อนจะดึงมือของจินยองออกมาจับไว้


    “ตกลงจะซื้อไหม?”


    “ทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง”


    “…”


    “เอาสิ”


    “มาชวนเอาอะไรตรงนี้”


    “หมายถึงเอาโมเดล.. หมกมุ่นเหรอ” จินยองหยิกท้องของอีกคนด้วยความหมั่นไส้จนยงกุกต้องเบี่ยงตัวหลบพลางทำหน้าเหยเกกับความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายมอบให้ “แต่ขอเลือกแปบนึง”


    “อือๆ”


    “งั้นผมขอเลือกแปบนึงนะ” เขาหันมายิ้มให้ยงกุกที่ยืนมองอยู่ข้างๆ ยงกุกเลิกคิ้วเป็นการบอกว่าตามสบายก่อนจะค่อยๆเดินตามเงียบๆประหนึ่งว่ากลัวเด็กตรงหน้าจะหายไปเสียอย่างนั้น



    โมเดลแมวตัวเล็กกำลังขยับหัวไปมาหลังจากเจ้าของมันวางลงที่หน้ารถ จินยองยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเห็นผลงานตัวเอง ทุกการกระทำอยู่ในสายตาของคิมยงกุกผู้เป็นเจ้าของรถอีกที


    “ฉันซื้อให้แล้วเอามาวางไว้ที่รถฉันเนี่ยนะ”


    “ผมมีตั้งสองตัว อีกตัวก็เอาไปไว้หัวเตียงห้องผมไง” จินยองหันมองยงกุกที่นั่งจ้องมองการเคลื่อนไหวของหัวแมวตรงหน้า “มันสองตัวเป็นแฟนกันนะ อย่าทำเป็นเล่นไป”


    “งั้นตัวที่อยู่่ในรถคือใคร ฉันเหรอ?” ยงกุกพูดยิ้มๆ


    “จะเป็นพี่ได้ไงก็ต้องเป็นผมสิ ส่วนตัวที่จะอยู่ในห้องผมก็คือพี่”


    “งี้ฉันก็แอบดูนายแก้ผ้าได้ทุกวันเลยดิ เออชอบๆ”


    ได้ไง.. งี้พี่เอาตัวนี้ไปไว้ในห้องบ้างเลย”


    “อยากเห็นฉันแก้ผ้าเหรอ?”


    “…”


    “ทำเหมือนไม่เคยเห็นงั้นแหละ” ยงกุกโน้มหน้าลงมาใกล้ๆเด็กที่นั่งอยู่ข้างๆ จินยองไม่ได้เอนตัวหนีหรืออะไรแต่ก็ไม่ได้สบตาเจ้าของคำพูดทะลึ่งๆนั่น “หรืออยากเห็นอีก บนรถก็ได้นะ ฟิล์มค่อนข้างมืด”


    “ตลกแล้ว!” พูดพลางเอาหัวตัวเองโขกกับปากของอีกคนด้วยความหมั่นไส้ ยงกุกถึงกับหน้าหงายไปด้านหลังก่อนจะยกมือขึ้นกุมปากตัวเองด้วยความเจ็บปวด


    “โห จินยอง! เจ็บนะเว้ย”


    “ผมก็เจ็บเหมือนกันอ่ะ” เขาว่าพลางยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองเมื่อรู้สึกเจ็บไม่แพ้กัน “ก็พี่ทะลึ่งทำไม หมั่นไส้”


    “คือถ้าฉันขอนายก็ไม่ให้แล้วงี้เหรอ?” ยงกุกดูมีสีหน้ากังวลเมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่ายแต่พอจินยองเห็นสีหน้าของยงกุกเขาก็อดขำไม่ได้ที่ยงกุกต้องจริงจังกับเรื่องนี้ขนาดนี้เลยเหรอ


    “อือ”


    “…”


    “ผมไม่ให้แล้ว”


    “ทำไม? ฉันทำแรงไปเหรอ หรือว่ามีคนอื่นเลยจะเก็บไว้ทำกับคนอื่น?”


    “ไปเรื่อยแล้วพี่ยงกุก..”


    “แล้วทำไมไม่ให้แล้วอ่ะ ถ้าเป็นงี้ฉันตายเลยนะเว้ย ถ้าเกิดอยากขึ้นมาทำไง ให้ไปหาคนอื่นทำได้เหรอ”


    “ถีบนะ.. ลองดิ ไม่ให้หรอก” จินยองทำหน้าบึ้งใส่เมื่อได้ยินประโยคนั้นจากยงกุก


    “ก็ถามดู ไม่ได้จะไปทำจริงๆ”


    “ผมพูดเล่น”


    “…”


    “แค่เห็นพี่จริงจังก็เลยอยากแกล้งเฉยๆ” จินยองทำสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวพลางหันมองไปทางอื่นก่อนจะโดนอีกคนคว้าตัวมากอดพลางกดจมูกลงที่แก้มอย่างหมั่นเขี้ยว “อื้อออ ปล่อยยยย พี่ยงกุกมันอึดอัด!”


    “กวนตีนเหรอ อยากโดนตรงนี้ไหม?” จินยองรีบส่ายหัวเมื่อเห็นท่าทางจริงจังของยงกุก เขาพยายามดันหัวของอีกคนให้ออกไปห่างๆ


    “ไม่เอา!”


    “ถอนคำพูดก่อนเรื่องที่จะไม่มีอะไรกับฉัน”


    “ไม่ถอน.. อึ้!” 


    “ถอนเร็ว” ยงกุกจับใบหน้าเล็กๆนั่นก่อนจะกดจูบแน่นเพื่อทำการลงโทษเด็กแสบตรงหน้า จินยองพยายามดันอกของอีกคนให้ออกห่างพลางหัวเราะคิกคักชอบใจกับการปั่นประสาทของอีกฝ่าย ยงกุกเห็นแบบนั้นก็ยิ่งอย่างจะจัดการเสียให้เข็ด “แพจินยอง..”


    “ผมพูดเล่นเฉยๆ”


    “พูดดิ ไม่งั้นเจอมากกว่าจูบนะจะบอก”


    “…”


    “อย่าคิดว่าไม่กล้า”


    “ถอนแล้วๆ”


    “พูดดิว่าจะยอมพี่ยงกุกทุกอย่าง”


    “ทำไมต้องยอมทุกอย่างอ่ะ” จินยองรีบหันไปแว้งเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังเสียผลประโยชน์


    “งั้นเอาใหม่”


    “…”


    “ผมมีนามว่า”


    “…”


    “พูดสิ”


    “อ่าว พูดเลยเหรอ”


    “พูดตามเลย เร็ว ผมมีนามว่า”


    “ผมมีนามว่า”


    “แพจินยองแฟนพี่ยงกุก”


    “พะ แพจินยองแฟนพี่ยงกุก” ถึงปากจะพูดไปแบบนั้นแต่ก็รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาแล้วยิ่งเห็นสายตาที่อีกฝ่ายกำลังจ้องมองเขาอยู่ยิ่งแล้วใหญ่


    “จะยอมมีอะไรกับพี่ยงกุกทุกวันยกเว้นวันหยุดแรงงาน”


    “มากไป!!”


    “5555555555 โอ้ยๆ เจ็บๆ” เป็นครั้งแรกที่ยงกุกหัวเราะลั่นออกมาก่อนจะหดตัวหนีเมื่อโดนจินยองหันไปทุบเขาไม่ยั้งมือ


    “คนบ้าไร.. จะไรกันทุกวัน”


    “ทุกวันไร ก็วันหยุดแรงงานไง”


    “ไม่!”


    “มานั่งนี่มา อยากขับรถไปด้วยแล้วกอดไปด้วย.. โอ้ย เจ็บ!” ยงกุกยังคงโดนอีกฝ่ายลงไม้ลงมือหลังจากเขาพยายามตบเบาะระหว่างขาตัวเองเพื่อให้อีกคนมานั่งแต่ก็โดนดับฝันไปเรียบร้อย


    “อย่าหื่นเวลาขับรถ”


    “แล้วถ้ามันหื่นก่อนขับรถอ่ะ ไม่มีสมาธิขับควรทำไง?”


    “อดทน!!” 


    “เออๆๆ อดทนก็ได้วะ 5555 ทำไมต้องโวยวายด้วย”


    “ทำไมในรถมันร้อนแบบนี้อ่ะ” จินยองพูดพลางเอื้อมมือไปปรับอุณภูมิแอร์แต่ก็ต้องชะงักอีกรอบเมื่อยงกุกคว้ามือไปจูบ “ฮือออ รำคาญแล้วนะ!!”


    “อะไรว้า จูบก็ไม่ได้เหรอ” ยงกุกยังคงมีสีหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ยิ่งเห็นสีหน้างอแงของอีกคนยิ่งรู้สึกสนุกต่อให้โดนทุบกี่ครั้งเขาก็ยอม


    “ออกรถเลย อยากกลับบ้านแล้ว”


    “ถ้าถึงแล้วยอมเปล่า?”


    “ยอมอะไร..”


    “ยอมรวมร่าง”


    “พี่ยงกุก..”


    “แพจินยอง”

    “พี่”


    “แพจินยอง”


    “…”


    “แพจินยองครับ” เขาเกลียด เกลียดมากเวลาที่อีกคนเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าแบบนั้น มันทำให้เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองแถมยังง่ายต่อการหลอกล่ออีกตั้งหาก “ได้ไหม?”


    “อือ”


    “หื้อ?”


    “แต่ไปบ้านพี่นะ พี่แบคอาจจะถึงบ้านแล้ว” ยงกุกเม้มปากสนิทมือกำพวงมาลัยแน่นสายตาก็จ้องมองเด็กตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่พลุ่นพล่าน “ออกรถได้ยัง”


    “ขอตรงนี้ก่อนรอบนึงได้เปล่-”


    “ออกรถ”


    “งั้นเกาะแน่นๆนะ” ยงกุกเอื้อมมือจับหน้าผากของอีกคนเอาไว้ให้แนบกับเบาะ จินยองหันมองด้วยความสงสัยก่อนจะถอนหายใจกับความกวนตีนของแฟนตัวเอง


    “พี่จะเหยียบให้มิดเลยครับ จินยอง”


    ___________________________



    จ๊ะเอ๋ ทุกคน!! 

    เด็กดีเปลี่ยนรูปแบบใหม่หรือยังไงอ่ะ ไม่ได้เข้ามานานมาก ทำไมมันลงธีมไม่ได้ 

    เพราะเราทำไม่เป็น 5555555


    สงสัยอะไรสอบถามได้นะจ้ะ @viewpmt 

    แล้วก็ฝากแท็ก #มบฟช ในทวิตด้วยจ้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×