คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : MABAE 16
MABAE 16
“เป็นอะไร เห็นนั่งถอนหายใจมาครึ่งวันละ แม่ไม่รักเหรอ?”
“เพราะพี่ยงกุกใช่ไหม?” แพจินยองขมวดคิ้วเข้าหากันหลังจากโดนแดฮวีตั้งคำถามใส่
“เกี่ยวไรกับพี่ยงกุก”
“ปากถึงหมาขึ้นไง โดนพี่ยงกุกคายเดอะด็อกเข้าปากมาเหรอ” แดฮวีออกแรงบีบปากของจินยองด้วยความหมั่นไส้หลังจากโดนพูดไม่เพราะใส่ เขาปัดมือออกขณะที่หัวเราะชอบใจกับท่าทางฉุนเฉียวของเพื่อนตัวเอง
“พี่ยงกุกไม่ได้ปากหมาขนาดนั้นสักหน่อย”
“น้อยไปสิ ได้กันแล้วเหรอถึงปกป้องขนาดนั้น”
“ทะลึ่งว่ะ!”
“แล้วขึ้นเสียงไม!” แดฮวีแผดเสียงกลับหลังจากโดนอีกฝ่ายข่มใส่เมื่อกี้ด้วยความหัวเสีย มือเล็กยกขึ้นลูบอกเมื่อรู้สึกตกใจกับเสียงตะคอกของจินยอง “โวยวายอย่างกับว่าได้กันแล้วจริงๆงั้นแหละ”
“…”
“หรือว่า...”
“แล้วตกลงเป็นไร ทำหน้าอย่างกับคนมีทุกข์” จินยองพูดแทรกขึ้น เขาทำเป็นเปลี่ยนหน้าหนังสือเรียนไปมาราวกับว่าไม่รู้ว่าคุณครูสอนไปถึงหน้าไหนแล้ว ถือว่ามีพิรุธระดับสุดในสายตาของแดฮวี
“จินยอง อย่าให้กูต้องกรีดร้อง” แดฮวีนั่งบีบมือแน่นพลางควบคุมสีหน้าของตัวเองเมื่อรู้สึกอดกลั้นกับจินตนาการณ์ในหัวไม่ให้มันแสดงออกมามากจนเกินไป
“เดี๋ยวนี้มึงกูเหรอ?”
“สังคมมันเปลี่ยน ยิ่งรู้จักพวกพี่ยงกุกยิ่งรู้สึกการพูดเพราะมันไม่ได้มีค่าอะไรเลย มึงไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องรีบบอกกูมาเดี๋ยวนี้เลยจินยอง”
“ให้บอกเรื่องอะไรเล่า” คนโดนซักถามแสร้งทำเป็นหงุดหงิดทั้งๆที่ในตัวร้อนวูบวาบไปหมดด้วยความเขินอาย
“แกกับพี่ยงกุกไง”
“…”
“ไอ้จินยอง!!! แกมีอะไรกับพี่ยงกุกแล้วจริงๆด้วย แกกกกกก” ถึงแม้ว่าจินยองจะไม่ได้ตอบคำถามแต่ดูเหมือนการเงียบของเขาจะทำให้แดฮวีได้คำตอบโดยที่ไม่ต้องถามซ้ำอีกรอบ มือเล็กออกแรงเขย่าตัวของจินยองอย่างบ้าคลั่งสลับกับทึ้งหัวของตัวเองไปมาจนยุ่งเหยิงไปหมด
“แกจะเสียงดังทำไมอะ ไอ้นี่นิ” เขาแทบจะมุดหน้าลงกับเสื้อฮู้ดของตัวเอง ไม่กล้าแม้แต่จะหันมองหน้าเพื่อนได้แต่เหลือบมองนิดนึงแล้วหันกลับมาก้มหน้าก้มตามองหนังสือเหมือนเดิม
“ช่วยกูด้วยยยยย จิตวิญญาณกูมันตอบสนองมากเกินไปแล้ว ฮืออออ”
“พอ!!” จินยองหันไปฟาดลงที่หลังของแดฮวีดังปักจนเจ้าตัวเล็กแอ่นหลังหนีด้วยความเจ็บก่อนจะเปลี่ยนสีหน้ากลับมาควบคุมสติตัวเองไม่อยู่อีกครั้ง
“ตั้งแต่เมื่อไหร่?? ทำไมไม่บอกกันบ้าง”
“จะให้กูบอกเรื่องพวกนี้เนี่ยนะ”
“เดี๋ยวนี้มึงกูเหรอ”
“สังคมเปลี่ยนเพราะแกนี่แหละแดฮวี เห็นหน้าเมื่อกี้แล้วไม่อยากพูดเพราะด้วยเลย จะฟินอะไรขนาดนั้น ชอบนักเหรอเรื่องพวกนี้”
“แกนั่นแหละๆๆๆ ชอบไหม??” แดฮวียังคงสะดีดสะดิ้งราวกับว่าเป็นตัวเองที่เสียความบริสุทธิ์ จินยองได้ยินคำถามแต่ละอย่างของเพื่อนสนิทก็อดหน้าร้อนผ่าวไม่ได้
“เลิกถามได้แล้ว”
“งั้นตอบอย่างเดียวเลย รู้สึกยังไง?” แดฮวีจ้องหน้าจินยองตั้งอกตั้งใจฟังคำตอบพอๆกับตอนคุณครูจะบอกแนวข้อสอบ ยิ่งเพิ่มความกดดันให้กับคนโดนถาม “เร็วสิ ช่วงสงเคราะห์คนไม่มีประสบการณ์หน่อยไม่ได้เหรอ”
“อือ”
“อืออะไร?”
“ก็รู้สึกดีไง” จินยองตอบเสียงเบามากจนแดฮวีต้องโน้มตัวลงมาฟังแต่พอได้ยินคำตอบของเพื่อนกับสีหน้าที่ขึ้นสีจนคนเห็นเองยังรู้สึกขวยเขินก็เผลอทำเสียงแปลกๆหลุดออกมาก่อนจะรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง
“สุดยอดไปเลยอ่ะ”
“อะไรอีก เลิกคุยเรื่องนี้ได้แล้ว”
“ครั้งแรกเจ็บปะ..”
“แดฮวี!!” เจ้าของชื่อเม้มปากแน่นหลังจากโดนเพื่อนหันมาตะคอกใส่แต่ไม่นานเขาก็กลับมายิ้มกริ่มชอบอกชอบใจกับสิ่งที่เขาเพิ่งได้รับรู้เมื่อกี้
“เห้ยมึง พี่มินฮยอนเลิกกับพี่เจว่ะ”
“มึงบ้าเหรอ เขาคบกันสี่ปีเลยนะเว้ย กูไม่เชื่อ”
“เอ้า ก็พี่กูบอกเนี่ย พี่กูเพื่อนพี่มินฮยอนนะ”
“ไหนเอามาดู” เด็กผู้หญิงสองคนที่นั่งอยู่โต๊ะด้านหน้าจินยองกับแดฮวีกำลังถกเถียงกันอย่างออกรส แดฮวีตั้งใจเอียงหูฟังเมื่อได้ยินชื่อบุคคลที่ตกเป็นเรื่องเม้ามอยอย่างสนอกสนใจ
“พี่มินฮยอนที่เป็นคิ้วบอยของโรงเรียนอะนะ” แพจินยองที่ดูเหมือนจะสนใจเรื่องนี้ไม่ต่างจากแดฮวีพูดขึ้นเบาๆเพื่อให้แดฮวีได้ยินคนเดียว
“เสียดายอ่ะ คบกันมาตั้งหลายปี”
“พี่เขาคบกันตั้งนานจะเลิกกันทำไม” จินยองดูมีสีหน้าเสียความรู้สึกทั้งๆที่ส่วนตัวแล้วก็ไม่ได้สนิทอะไรกับสองคนนั้นแต่คำเรื่องลือความสัมพันธ์ของทั้งคู่มันไม่เมคเซ้นส์ที่ทั้งสองจะเลิกกัน
“อย่างว่าอะแก ความรักมันไม่ยืนยาวสำหรับคนบางคนหรอก มันไม่ใช่ทุกคู่นะที่จะอยู่กันจนแก่”
“แล้วที่เขาชอบสัญญากันละ” จินยองยังคงคัดค้านคำพูดของแดฮวี เขายอมรับไม่ได้กับการที่คนรักกันต้องแยกจากกัน
“แกยังไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้อะสิ”
“เข้าใจ”
“เข้าใจว่า?”
“เข้าใจว่าเรากับพี่ยงกุกจะไม่เลิกกันแบบนั้น”
“ที่หัวร้อนนี่เพราะนึกถึงคู่ตัวเองเหรอ?” จินยองไม่ตอบอะไรแต่ก็ไม่ได้เก็บอาการ สีหน้าฉุนเฉียวแสดงออกมาให้แดฮวีเห็นอย่างชัดเจน “นี่ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคู่นะที่จะเลิกกัน”
“….”
“บางคู่ก็รักกันจนแก่หงำหงึกไปเลย” แดฮวีแกล้งดีดหน้าผากของจินยองด้วยความหมั่นเขี้ยว เขาไม่ชอบเห็นสีหน้าหวาดหวั่นของจินยองสักเท่าไหร่ ถ้าเพื่อนเชื่อว่าความรักมันสวยงามอยู่เขาก็จะคอยสนับสนุนแต่ถ้าเพื่อนเสียหลักเขาก็พร้อมจะดึงเพื่อนขึ้นมาเหมือนกัน คนสดใสอย่างจินยองไม่ควรจะมารู้สึกหดหู่กับอะไรแบบนี้
“แดฮวี”
“อะไรอีกอ่ะ”
“แกว่าพี่ยงกุกจะมีวันหมดรักเราเปล่า?”
“….”
“จะเป็นพรุ่งนี้หรือเดือนหน้า.. ปีหน้า? หรืออาจจะเป็นวันนี้ก็ได้”
“โห คิดมากแล้ววว พี่ยงกุกไม่หมดรักแกหรอก”
“จริงนะ” สีหน้าเป็นกังวลของจินยองมันทำให้แดฮวีอดห่วงไม่ได้ หากว่าวันไหนเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆเพื่อนคนนี้จะเป็นยังไง
“ถ้าแกลดความดื้อลงพี่ยงกุกเขาไม่มีวันหมดรักแกร๊อก”
“เราดื้อเหรอ?”
“เออ ดื้อมาก รั้น ซน พี่ยงกุกไม่เคยพูดเหรอ?” ได้ทีแดฮวีก็แกล้งเพื่อนตัวเองเมื่อเห็นความตื่นตูมของจินยอง เจ้าตัวโดนกล่าวมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา ในหัวพยายามครุ่นคิดว่าที่ผ่านมาเขาเคยดื้อเคยซนกับยงกุกหรือเปล่า “ไม่แปลกและ ทำไมแกถึงเสียตัวให้พี่ยงกุก”
“หมายความว่าไง”
“ไม่บอก” แดฮวีพูดพรางยีแก้มของจินยองจนคนโดนทำต้องมุดหน้าหนี
“ขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าเรายอมพี่ยงกุก!”
“หะ”
“พี่ยงกุกไม่ได้ขืนใจเรา” สิ้นคำพูดของจินยองคนฟังถึงกับระเบิดหัวเราะออกมาด้วยความอดกลั้น “ขำอะไร..”
“เราก็ไม่ได้บอกว่าพี่ยงกุกขืนใจแกสักหน่อย”
“ก็แก.. แกพูดเหมือนจะว่าร้ายพี่ยงกุก”
“ทำไมซื่องี้ โอ้ยยย แพจินยอง” แดฮวีคว้าหัวจินยองมากอดพรางออกแรงยีหัวจนผมอีกคนยุ่งไปหมด
“อย่าเล่นหัว เดี๋ยวตอนกลางคืนฉี่ราดที่นอน”
“ใครบอก”
“ไม่รู้ มีคนบอกมาตอนเด็ก”
“เชื่อคนง่าย!” เขาขึ้นเสียงใส่เพื่อนคนสนิทก่อนจะหลุดขำออกมาจนคนเห็นนั่งทำหน้างวยงงกับอารมณ์แปรปรวนของเพื่อน เขาไม่ได้เถียงอะไรกลับไปทำได้เพียงถอนหายใจแล้วอดนึกถึงเรื่องของรุ่นพี่สองคนนั้นไม่ได้ เขาอยากโทรไปหาคิมยงกุกตอนนี้เลยเสียด้วยซ้ำ หวังว่าเขาจะไม่เคยดื้อรั้นใส่แฟนตัวเองหรอกนะ
จินยองเป็นเด็กดีใช่ไหม.. พี่ยงกุก
.
.
.
ไอติมโคนที่ถืออยู่ในมือเริ่มละลายไหลเปื้อนมือเล็กๆจนคนที่เดินกอดคออยู่ข้างๆสังเกตเห็น คิมยงกุกจ้องมองมือนุ่มนิ่มนั่นสลับกับใบหน้าเหม่อลอยของคนข้างๆอย่างสงสัยก่อนจะหยุดเดินมันเลยทำให้จินยองต้องหยุดเดินตามไปด้วย
“หยุดเดินทำไมอ่ะ”
“เป็นไรเปล่า?”
“เปล่านิ”
“ทำไมปล่อยให้ไอติมละลายขนาดนี้” ยงกุกพูดพลางดึงไอติมออกจากมือของอีกคนก่อนจะใช้กระดาษทิชชู่ที่ตัวเองถืออยู่เช็ดมือเปรอะเปื้อนนั่น “ร้องขอจะกินก็กินไม่หมด”
“โกรธเหรอ?” อยู่ๆจินยองก็มีสีหน้าเศร้าสลด ความรู้สึกน้อยใจค่อยๆแผ่ซ่านไปทั่วหลังจากได้ยินประโยคนั้นจากยงกุก
“ไม่ได้โกรธ ฉันเหมือนคนโกรธเหรอ” ยงกุกพูดติดตลก เขาแปลกใจที่จินยองถามแบบนั้น ยิ่งเห็นสีหน้าหดหู่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ “ไม่ได้เป็นไรแน่นะ?”
“พี่ยงกุก”
“ว่า?”
“ถ้าผมกินไอติมไม่หมด พี่จะหงุดหงิดเปล่า”
“ทำไมต้องหงุดหงิด”
“เพราะผมขอให้พี่ซื้อให้แต่ก็กินไม่หมด”
“…”
“จินยอง..จะกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจไหม?” ยงกุกเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเผลอหลุดขำออกมา เขาไม่เข้าใจว่าเด็กตรงหน้าเอาความคิดพวกนี้มาจากไหนแต่เห็นแล้วก็รู้สึกอยากจะดึงมากอดแน่นๆสักที
“นายกินไม่หมดก็บอก เดี๋ยวฉันกินเอง”
“จินยองดื้อไหม?” เขายังคงตั้งคำถามไปเรื่อยๆ
“ก็นิดหน่อย”
“…”
“แต่น่ารักดี”
“หมายความว่าไง?” สีหน้าท่าทางเหมือนจะร้องไห้ของจินยองกำลังทำให้ยงกุกทำตัวไม่ถูก เขารู้สึกว่าตามคนตรงหน้าไม่ทัน “พี่รำคาญจินยองหรือเปล่า?”
“ไม่ดิ เป็นไรหะเรา มีใครพูดอะไรมาเปล่า” ยงกุกดึงหัวของจินยองมากอดพลางยีหัวเล็กนั่นเบาๆ
“เปล่า จินยองแค่ไม่อยากให้พี่เบื่อจินยอง” เขาก้มหน้าลงเมื่อเห็นว่ายงกุกกำลังมองหน้าเขาอยู่ ยงกุกใช้หลังมือเกลี่ยแก้มของคนตรงหน้าด้วยความเอ็นดูก่อนพูดปลอบ
“คิดมาก”
“…”
“ไอติมนี่ไม่กินฉันกินเองแล้วนะ”
“ไม่เอา ผมยังอยากกินอยู่” จินยองยื่นมือจะหยิบไอติมแต่ยงกุกก็ยกหนี
“ไม่เรียกจินยองแล้วเหรอ?”
“ไม่แล้ว”
“หมดโปรโมชั่นอ้อนอ่ะดิเลยไม่เรียกจินยอง หายงอแงแล้วใช่ไหม” ยงกุกพูดยิ้มๆมันเลยทำให้คนเห็นอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ จินยองยังคงพยายามจะหยิบไอติมจากมือของยงกุกแต่อีกฝ่ายก็ขยับหนีตลอดไม่วายเอาเข้าปากตัวเองอีกตั้งหาก
“พี่ยงกุก! จินยองจะกิน”
“ก็เมื่อกี้ปล่อยให้มันละลายทำไม สงสารมัน”
“เป็นไอติมจะไปสงสารมันทำไม”
“สงสารมืออ้วนๆนี่ตั้งหาก เหนียวหมดละเนี่ย” ยงกุกพูดพลางจับมือเด็กตรงหน้าเขย่าเล่น รอยยิ้มชอบใจของยงกุกมันยียวนกวนประสาทคนเห็นจนอยากจะดึงหัวมากัดให้รู้แล้วรู้รอด
ทั้งสองคนเดินไร้จุดมุ่งหมายมาหลายชั่วโมงจนเดินผ่านร้านโมเดลร้านหนึ่งซึ่งเรียกความสนใจจากแพจินยองไม่น้อย เขาหยุดเดินพลางยืนมองสินค้าผ่านกระจกหน้าร้านอย่างสนอกสนใจ ยงกุกที่ไม่ทันสังเกตจนเดินเลยไปแล้วต้องเดินย้อนกลับมาพลางวางมือบนไหล่เล็กๆนั่น
“อยากได้เหรอ?”
“แมวตัวเล็กอันนั้นน่ารักมากเลยพี่ดูดิ” ยงกุกมองตามนิ้วที่ชี้ไปที่โมเดล เขาเลียริมฝีปากตัวเองก่อนจะพยักหน้ารับความคิดเห็นของจินยองซึ่งคนเห็นดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่ “ผมดูออกนะว่าพี่ไม่ชอบ”
“มันก็น่ารักดีแต่ไม่ใช่แนวฉันว่ะ”
“พี่ชอบอะไรบ้างเนี่ย”
“นายไง”
“ผมหมายถึงสิ่งของสิ..” ถึงจินยองจะพูดไปแบบนั้นแต่ใบหน้าเขาก็ร้อนผ่าว หูเริ่มแดงจนยงกุกอมยิ้มกับอาการของเด็กตรงหน้า
“ไม่รู้ ตอนนี้คิดออกแค่นาย”
“พูดด้วยหน้าตานิ่งๆแบบนั้นได้ไง แล้วคนอื่นเขาจะรู้สึกกับพี่ไหมเนี่ย” จินยองพยายามหลบสายตาของยงกุก ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้มีสีหน้าเย้าแหยอะไรแต่ก็ทำให้จินยองไม่เป็นตัวของตัวเองอยู่ไม่่น้อย เพราะเขารู้ดีว่าไอ้สีหน้าเรียบเฉยของยงกุกมันเป็นโรคที่ติดตัวเขามาตั้งแต่เกิดแล้ว คงไม่แปลกถ้าหากว่าเขาจะพูดประโยคหวานๆออกมาด้วยสีหน้าแบบนั้น
“ต้องแสดงด้วยเหรอ งั้นก็ได้..”
“มะ ไม่ใช่แบบนี้” จินยองขยับหน้าหนีเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนตัวสูงกว่าก้มหน้าลงมาหาเขา อีกนิดเดียวปากก็จะโดนแก้มของเขาแล้วถ้าหากว่าไม่เอนหนีเมื่อกี้ สายตาเลิ่กลั่กของจินยองกำลังทำให้ยงกุกนึกขำกับท่าทางน่ารักๆนั่น
“เอ้า ไหนบอกแค่พูดมันไม่รู้สึกไรไง”
“แล้วพี่จะก้มหน้าลงมาทำไม”
“จะเพิ่มระดับความรู้สึกให้นายไง หอมแก้มสักฟอดสองฟอดให้เห็นภาพ”
“กลางห้างเนี่ยนะ..”
“กลางถนนยังได้เลย”
“…”
“จะไปไหน? แพจินยอง นี่” ยงกุกยกยิ้มชอบใจกับอาการขัดเขินของแฟนตัวเอง เขารีบเดินตามจินยองเข้าไปในร้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เป็นรอยยิ้มที่เขาไม่ค่อยจะแสดงมันออกมาสักเท่าไหร่ แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่ใครๆเห็นแล้วก็ต้องเผลอหันมอง.. เหมือนแคชเชียร์สาวในร้านตอนนี้เป็นต้น
“ไม่ชอบไม่ใช่ไง ทำไมไม่รออยู่หน้าร้าน” เขาทำเป็นหันมาไล่ผู้ชายที่เดินตามเขามาติดๆ
“กลัวแฟนหาย”
“เอาเชือกมาคล้องเหมือนวันนั้นไหม?”
“อ่าวได้เหรอ ทำไมเพิ่งบอก”
“พูดเล่น..” ยงกุกยิ้มให้จินยองที่กำลังทำสีหน้างอแงใส่ เขาวางมือลงบนหัวของอีกคนก่อนจะโยกเบาๆด้วยความเอ็นดู
“อยากได้อันไหนก็เลือกแล้วกัน ถูกใจอันไหนก็หยิบ เดี๋ยวซื้อให้”
“ให้เลือกเหรอ?”
“อือ เลือกเลย”
“งั้นเอาตัวนี้”
“…”
“ตัวนี้น่ารักดี”
“มะ มาจับหน้าฉันทำไม” ยงกุกยกมือขึ้นจับข้อมือของเด็กตรงหน้าที่กำลังยืนจับใบหน้าเขาอยู่ รอยยิ้มซุกซนนั่นกำลังทำให้เขาอึดอัดจนจะเป็นบ้า เขาไม่ชอบอาการแบบนี้สักเท่าไหร่เพราะไม่รู้ว่าต้องระบายออกมายังไงเลยได้แต่ยืนแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น
“ก็เลือกแล้ว อยากได้ตัวนี้”
“…”
“นี่คืออันที่ชอบที่สุดแล้ว” จินยองบีบแก้มของอีกคนเบาๆเมื่อเห็นว่ายงกุกพยายามจะดึงหน้าหนีแต่อีกคนก็ยังคงรั้งไว้อยู่
“ปล่อยได้แล้วจินยอง”
“ทำไม? ทีเมื่อกี้ยังจะหอมแก้มผมเลย ทีงี้ทำมาเขิน” ยงกุกมีสีหน้าเลิ่กลั่กก่อนจะดึงมือของจินยองออกมาจับไว้
“ตกลงจะซื้อไหม?”
“ทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง”
“…”
“เอาสิ”
“มาชวนเอาอะไรตรงนี้”
“หมายถึงเอาโมเดล.. หมกมุ่นเหรอ” จินยองหยิกท้องของอีกคนด้วยความหมั่นไส้จนยงกุกต้องเบี่ยงตัวหลบพลางทำหน้าเหยเกกับความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายมอบให้ “แต่ขอเลือกแปบนึง”
“อือๆ”
“งั้นผมขอเลือกแปบนึงนะ” เขาหันมายิ้มให้ยงกุกที่ยืนมองอยู่ข้างๆ ยงกุกเลิกคิ้วเป็นการบอกว่าตามสบายก่อนจะค่อยๆเดินตามเงียบๆประหนึ่งว่ากลัวเด็กตรงหน้าจะหายไปเสียอย่างนั้น
โมเดลแมวตัวเล็กกำลังขยับหัวไปมาหลังจากเจ้าของมันวางลงที่หน้ารถ จินยองยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเห็นผลงานตัวเอง ทุกการกระทำอยู่ในสายตาของคิมยงกุกผู้เป็นเจ้าของรถอีกที
“ฉันซื้อให้แล้วเอามาวางไว้ที่รถฉันเนี่ยนะ”
“ผมมีตั้งสองตัว อีกตัวก็เอาไปไว้หัวเตียงห้องผมไง” จินยองหันมองยงกุกที่นั่งจ้องมองการเคลื่อนไหวของหัวแมวตรงหน้า “มันสองตัวเป็นแฟนกันนะ อย่าทำเป็นเล่นไป”
“งั้นตัวที่อยู่่ในรถคือใคร ฉันเหรอ?” ยงกุกพูดยิ้มๆ
“จะเป็นพี่ได้ไงก็ต้องเป็นผมสิ ส่วนตัวที่จะอยู่ในห้องผมก็คือพี่”
“งี้ฉันก็แอบดูนายแก้ผ้าได้ทุกวันเลยดิ เออชอบๆ”
ได้ไง.. งี้พี่เอาตัวนี้ไปไว้ในห้องบ้างเลย”
“อยากเห็นฉันแก้ผ้าเหรอ?”
“…”
“ทำเหมือนไม่เคยเห็นงั้นแหละ” ยงกุกโน้มหน้าลงมาใกล้ๆเด็กที่นั่งอยู่ข้างๆ จินยองไม่ได้เอนตัวหนีหรืออะไรแต่ก็ไม่ได้สบตาเจ้าของคำพูดทะลึ่งๆนั่น “หรืออยากเห็นอีก บนรถก็ได้นะ ฟิล์มค่อนข้างมืด”
“ตลกแล้ว!” พูดพลางเอาหัวตัวเองโขกกับปากของอีกคนด้วยความหมั่นไส้ ยงกุกถึงกับหน้าหงายไปด้านหลังก่อนจะยกมือขึ้นกุมปากตัวเองด้วยความเจ็บปวด
“โห จินยอง! เจ็บนะเว้ย”
“ผมก็เจ็บเหมือนกันอ่ะ” เขาว่าพลางยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองเมื่อรู้สึกเจ็บไม่แพ้กัน “ก็พี่ทะลึ่งทำไม หมั่นไส้”
“คือถ้าฉันขอนายก็ไม่ให้แล้วงี้เหรอ?” ยงกุกดูมีสีหน้ากังวลเมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่ายแต่พอจินยองเห็นสีหน้าของยงกุกเขาก็อดขำไม่ได้ที่ยงกุกต้องจริงจังกับเรื่องนี้ขนาดนี้เลยเหรอ
“อือ”
“…”
“ผมไม่ให้แล้ว”
“ทำไม? ฉันทำแรงไปเหรอ หรือว่ามีคนอื่นเลยจะเก็บไว้ทำกับคนอื่น?”
“ไปเรื่อยแล้วพี่ยงกุก..”
“แล้วทำไมไม่ให้แล้วอ่ะ ถ้าเป็นงี้ฉันตายเลยนะเว้ย ถ้าเกิดอยากขึ้นมาทำไง ให้ไปหาคนอื่นทำได้เหรอ”
“ถีบนะ.. ลองดิ ไม่ให้หรอก” จินยองทำหน้าบึ้งใส่เมื่อได้ยินประโยคนั้นจากยงกุก
“ก็ถามดู ไม่ได้จะไปทำจริงๆ”
“ผมพูดเล่น”
“…”
“แค่เห็นพี่จริงจังก็เลยอยากแกล้งเฉยๆ” จินยองทำสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวพลางหันมองไปทางอื่นก่อนจะโดนอีกคนคว้าตัวมากอดพลางกดจมูกลงที่แก้มอย่างหมั่นเขี้ยว “อื้อออ ปล่อยยยย พี่ยงกุกมันอึดอัด!”
“กวนตีนเหรอ อยากโดนตรงนี้ไหม?” จินยองรีบส่ายหัวเมื่อเห็นท่าทางจริงจังของยงกุก เขาพยายามดันหัวของอีกคนให้ออกไปห่างๆ
“ไม่เอา!”
“ถอนคำพูดก่อนเรื่องที่จะไม่มีอะไรกับฉัน”
“ไม่ถอน.. อึ้!”
“ถอนเร็ว” ยงกุกจับใบหน้าเล็กๆนั่นก่อนจะกดจูบแน่นเพื่อทำการลงโทษเด็กแสบตรงหน้า จินยองพยายามดันอกของอีกคนให้ออกห่างพลางหัวเราะคิกคักชอบใจกับการปั่นประสาทของอีกฝ่าย ยงกุกเห็นแบบนั้นก็ยิ่งอย่างจะจัดการเสียให้เข็ด “แพจินยอง..”
“ผมพูดเล่นเฉยๆ”
“พูดดิ ไม่งั้นเจอมากกว่าจูบนะจะบอก”
“…”
“อย่าคิดว่าไม่กล้า”
“ถอนแล้วๆ”
“พูดดิว่าจะยอมพี่ยงกุกทุกอย่าง”
“ทำไมต้องยอมทุกอย่างอ่ะ” จินยองรีบหันไปแว้งเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังเสียผลประโยชน์
“งั้นเอาใหม่”
“…”
“ผมมีนามว่า”
“…”
“พูดสิ”
“อ่าว พูดเลยเหรอ”
“พูดตามเลย เร็ว ผมมีนามว่า”
“ผมมีนามว่า”
“แพจินยองแฟนพี่ยงกุก”
“พะ แพจินยองแฟนพี่ยงกุก” ถึงปากจะพูดไปแบบนั้นแต่ก็รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาแล้วยิ่งเห็นสายตาที่อีกฝ่ายกำลังจ้องมองเขาอยู่ยิ่งแล้วใหญ่
“จะยอมมีอะไรกับพี่ยงกุกทุกวันยกเว้นวันหยุดแรงงาน”
“มากไป!!”
“5555555555 โอ้ยๆ เจ็บๆ” เป็นครั้งแรกที่ยงกุกหัวเราะลั่นออกมาก่อนจะหดตัวหนีเมื่อโดนจินยองหันไปทุบเขาไม่ยั้งมือ
“คนบ้าไร.. จะไรกันทุกวัน”
“ทุกวันไร ก็วันหยุดแรงงานไง”
“ไม่!”
“มานั่งนี่มา อยากขับรถไปด้วยแล้วกอดไปด้วย.. โอ้ย เจ็บ!” ยงกุกยังคงโดนอีกฝ่ายลงไม้ลงมือหลังจากเขาพยายามตบเบาะระหว่างขาตัวเองเพื่อให้อีกคนมานั่งแต่ก็โดนดับฝันไปเรียบร้อย
“อย่าหื่นเวลาขับรถ”
“แล้วถ้ามันหื่นก่อนขับรถอ่ะ ไม่มีสมาธิขับควรทำไง?”
“อดทน!!”
“เออๆๆ อดทนก็ได้วะ 5555 ทำไมต้องโวยวายด้วย”
“ทำไมในรถมันร้อนแบบนี้อ่ะ” จินยองพูดพลางเอื้อมมือไปปรับอุณภูมิแอร์แต่ก็ต้องชะงักอีกรอบเมื่อยงกุกคว้ามือไปจูบ “ฮือออ รำคาญแล้วนะ!!”
“อะไรว้า จูบก็ไม่ได้เหรอ” ยงกุกยังคงมีสีหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ยิ่งเห็นสีหน้างอแงของอีกคนยิ่งรู้สึกสนุกต่อให้โดนทุบกี่ครั้งเขาก็ยอม
“ออกรถเลย อยากกลับบ้านแล้ว”
“ถ้าถึงแล้วยอมเปล่า?”
“ยอมอะไร..”
“ยอมรวมร่าง”
“พี่ยงกุก..”
“แพจินยอง”
“พี่”
“แพจินยอง”
“…”
“แพจินยองครับ” เขาเกลียด เกลียดมากเวลาที่อีกคนเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าแบบนั้น มันทำให้เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองแถมยังง่ายต่อการหลอกล่ออีกตั้งหาก “ได้ไหม?”
“อือ”
“หื้อ?”
“แต่ไปบ้านพี่นะ พี่แบคอาจจะถึงบ้านแล้ว” ยงกุกเม้มปากสนิทมือกำพวงมาลัยแน่นสายตาก็จ้องมองเด็กตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่พลุ่นพล่าน “ออกรถได้ยัง”
“ขอตรงนี้ก่อนรอบนึงได้เปล่-”
“ออกรถ”
“งั้นเกาะแน่นๆนะ” ยงกุกเอื้อมมือจับหน้าผากของอีกคนเอาไว้ให้แนบกับเบาะ จินยองหันมองด้วยความสงสัยก่อนจะถอนหายใจกับความกวนตีนของแฟนตัวเอง
“พี่จะเหยียบให้มิดเลยครับ จินยอง”
___________________________
จ๊ะเอ๋ ทุกคน!!
เด็กดีเปลี่ยนรูปแบบใหม่หรือยังไงอ่ะ ไม่ได้เข้ามานานมาก ทำไมมันลงธีมไม่ได้
เพราะเราทำไม่เป็น 5555555
สงสัยอะไรสอบถามได้นะจ้ะ @viewpmt
แล้วก็ฝากแท็ก #มบฟช ในทวิตด้วยจ้า
ความคิดเห็น