คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : MABAE 13
\face to face
มือหนาเอื้อมหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่หัวเตียงหลังจากรู้สึกตัวจากการสั่นของข้อความแชทที่ดูท่าทางจะไม่ยอมหยุดง่ายๆ คิมยงกุกเหลือบมองแพจินยองที่นอนคว่ำหันหน้ามาทางเขาก่อนจะก้มลงจุ้บหัวของอีกคนเบาๆเพราะกลัวว่าจะทำให้ตื่น ดีที่เสียงรบกวนของโทรศัพท์ไม่ได้ทำให้เด็กตรงหน้ารู้สึกตัว
วิชวลวง
ไอ้เชี่ย ซ้อมกันไหมเนี่ย ตกลง 09:24 AM
คังแดน
กูยังไงก็ได้เพราะกูว่าง 09:26 AM
วิชวลวง
พวกแม่งยังไม่ตื่นแน่เลย 09:26 AM
เซอุน
กูตื่นแล้ว 09:28 AM
วิชวลวง
แล้วไอ้ส้นตีนตื่นยัง 09:30 AM
ยงกุก
09:34 AM ส้นตีนหน้ามึงสิ
นี่คือบทสนทนาส่วนหนึ่งที่ยงกุกตื่นขึ้นมาแล้วพบเจอ ค่อนข้างเป็นเรื่องปกติที่แจฮวานจะเป็นคนเปิดบทสนทนาตอนเช้าเพราะมันตื่นเช้าที่สุดแต่ไม่คิดว่าคนอื่นวันนี้จะรวมใจกันตื่นไวขนาดนี้ อย่างไอ้แดนนี่อย่างน้อยต้องหลังเที่ยงไปเป็นต้นแล้ววันนี้เป็นห่าอะไร
เซอุน
ไปซ้อมกัน แต่แดกก่อนนะกูหิว 09:36 AM
คังแดน
เออ กูขอครึ่งชั่วโมง เจอกันห้องซ้อม 09:36 AM
ยงกุก
09:37 AM กูขอหลายชั่วโมงเลย
วิชวลวง
เบี้ยวอีกแล้วนะมึงอ่ะ 09:40 AM
ยงกุก
09:41 AM ไป ไอ้สัด แต่ขอไปส่งจินยองก่อน
วิชวลวง
มึงพาเมียเข้าบ้านเหรอ!? 09:41 AM
คังแดน
เช้ดดด กี่ยก เหนื่อยไหมเนี่ยมึง 0942 AM
เซอุน
เบาๆหน่อยพวกมึงอ่ะ น้องยังเด็ก รอบเดียวก็สาหัสแล้ว 09:42 AM
วิชวลวง
กูพนันว่ามันแม่งจัดสี่รอบ 09:43 AM
เซอุน
มึงมันใจหมาแจฮวาน 09:43 AM
คังแดน
มึงไม่เล่น? 09:44 AM
เซอุน
กูให้สองละกัน 09:44 AM
ไอ้พวกส้นตีนหมา.. ทีแบบนี้ตอบไววินาทีต่อวินาที ผมถึงกับต้องเหลือบมองหน้าจินยองที่นอนหลับอยู่ตรงหน้า ถ้าผมเขาห้องน้ำไปตอนนี้มันจะดูน่าสงสัยไหมวะ
ยงกุก
09:46 AM กี่ยกก็เรื่องของกู เดี๋ยวกูออกแล้วทักไป
เซอุน
เออออ งั้นมึงไปหาไรกินกับกูก่อนไอ้แจฮวาน 09:50 AM
ยงกุก
09:52 AM ไม่กินกันเองนะสัด
เซอุน
มึงนี่ส้นตีนสมชื่อ 09:54 AM
วิชวลวง
เดี๋ยวจัดกี่ยกกูจะมาบอก 09:56 AM
เซอุน
ไอ้แจฮวาน!! ไอ้ฟาย พูดมาก รีบออกมากูหิวข้าว 10:01 AM
ยงกุกหัวเราะกับบทสนทนาของเพื่อนก่อนจะรู้สึกตัวอีกทีจินยองก็ลืมตามามองเขาแล้ว
“พี่หัวเราะอะไรครับ”
“อ่าว ตื่นมาตั้งแต่เมื่อไหร่” เขาวางโทรศัพท์ลงข้างๆก่อนจะดึงตัวอีกคนมากอดแน่นด้วยความหมั่นเขี้ยว
“เมื่อกี้ พี่คุยกับใคร” เสียงอู้อี้ดังลอดออกมาจากอกของยงกุกผลจากที่เขากำลังกอดรัดจินยองอยู่
“คุยกับพวกไอ้แดน เดี๋ยวมีซ้อม”
“กี่โมงเหรอครับ”
“รอส่งนายก่อนแล้วค่อยไป”
“ผมไปด้วยสิ” จินยองเงยหน้าขึ้นมองอีกคน ยงกุกมองหน้าจินยองเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่มันเลยทำให้เด็กตัวเล็กอดถามไม่ได้ “ไปไม่ได้เหรอ”
“ไปดิ”
“เห็นเงียบ คิดว่าไม่อยากให้ไป”
“กลัวนายเบื่อเฉยๆ”
“ถ้าพี่ไปส่งผมที่บ้านนี่สิน่าเบื่อของแท้” จินยองทำหน้างอใส่ ยงกุกก้มจูบหน้าผากของเด็กในอ้อมกอดก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นนั่ง
“เค งั้นเดี๋ยวพาเอาของไปเก็บบ้านนายก่อนแล้วค่อยไปกัน”
“ไปเลยไม่ได้เหรอ”
“กลับไปให้แม่นายเห็นหน้าก่อน อย่าดื้อ” จินยองทำหน้าบึ้งใส่ยงกุกก่อนจะมุดหน้ากับผ้าห่ม “ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ”
“ไปเลย!” ยงกุกอมยิ้มกับท่าทางเอาแต่ใจของแฟนตัวเองก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ แล้วเหมือนนึกอะไรขึ้นได้เขาจึงตะโกนออกมา “นี่ แพจินยอง”
“…”
“ฉันไม่ได้เอาผ้าเช็ดตัวเข้ามานะ”
“แล้วทำไมไม่หยิบเข้าไปเล่า!!”
____________
บททดสอบความอดทนของแพจินยองยังคงย้ำเตือนความนึกคิดของเขานับตั้งแต่ที่ยงกุกขอตัวไปอาบน้ำแล้วไม่ยอมเอาผ้าเช็ดตัวเข้าไปคนที่จะต้องเป็นคนเอาไปให้จะเป็นใครได้นอกจากแพจินยอง เป็นช่วงเวลาที่สับสนตบตีกันมากที่สุดกับการต้องควบคุมอารมณ์และสีหน้าไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าตัวเขากำลังตื่นเต้น หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจยงกุกก็ขับรถมาส่งที่บ้านเพื่อจะมาเก็บของแต่กลับโดนพี่ดงโฮสาดดราม่าใส่ว่าเมื่อคืนไม่ยอมกลับพี่มันเลยต้องเป็นคนล้างจานเองแต่พอสังเกตเห็นว่ามีคนมาด้วยมันก็เลยเงียบ ทุกอย่างผ่านไปไว มาก เพราะจินยองรีบเอาของไปเก็บแวะทักทายแม่ แนะนำยงกุกให้รู้จักคร่าวๆก่อนจะขอตัวออกมาเพราะถ้าอยู่นานกว่านี้คนที่มีคำถามมากมายคงจะเป็นคังดงโฮมากกว่าแม่เขาเสียอีก เพราะระหว่างที่จินยองเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเดินขึ้นรถยงกุกก็หนีไม่พ้นสายตาของพี่ชายตัวโตเลย ถ้าถึงเวลากลับบ้านผมได้มานั่งให้มันสัมภาษณ์แน่
นี่เป็นครั้งแรกที่จินยองได้เข้ามาในโรงเรียนฮันริมแบบถึงพริกถึงขิงขนาดนี้ อย่างมากก็แค่หอประชุมใหญ่ตอนมาดูการแสดงของโรงเรียนก็เท่านั้น ที่ที่เขาเจอคิมกุกครั้งแรก มันก็เลยดูตื่นตาตื่นใจสำหรับเขาไปหมด วันนี้นักเรียนไม่ค่อยเยอะสักเท่าไหร่จะบอกว่าไม่มีเลยก็ว่าได้เพราะมันเป็นวันหยุด จะมีก็แค่พวกเด็กกิจกรรมบางส่วนอย่างเช่นพวกยงกุกที่มาซ้อมดนตรีกัน
“ไอ้สัด ไม่มาปีหน้าเลยละ” ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับคำทักทายของแจฮวานที่กำลังดูกระดาษลิสท์เพลงใหม่ที่พวกเขาต้องซ้อมกันแต่พอคนโวยวายเห็นใบหน้าเล็กที่โผล่ตามมาจากด้านหลังยงกุกก็ถึงกับเปลี่ยนบุคลิกสุภาพขึ้นมาทันที “เอ้า จินยอง”
“สวัสดีครับ” จินยองฉีกยิ้มสดใสให้พวกพี่ๆที่รวมตัวกันอยู่ในห้องจะมีก็แต่คังแดเนียลที่มีท่าทางตกใจที่เห็นหน้าจินยอง
“ไหนมึงบอกจะไปส่งน้องที่บ้านไง”
“อยากตามมาด้วยก็เลยพามา” ยงกุกหันไปมองจินยองที่กำลังปิดประตูห้องอยู่ เขาสะดุ้งเล็กน้อยที่อยู่ๆแดเนียลก็เดินเข้ามาชาร์ทเขา
“มึงจะพามาทำไมไม่บอก”
“ทำไมวะ” แดเนียลหันไปมองจินยองด้านหลังก่อนจะปรับเสียงพูดให้เบาลงพอเผลอสบตากับเด็กที่กำลังเดินเข้ามาหา
“เดี๋ยวฮักนยอนจะมา”
“หะ”
“กูเจอน้องเมื่อเช้าแถวคอนโด มันเลยถามหามึง กูเลยบอกจะมาซ้อมมันก็เลยบอกเดี๋ยวแวะมา” สิ้นคำพูดของแดเนียลในหัวของยงกุกมันตีกันไปหมด ตัวเขามันไม่เท่าไหร่หรอกถ้าเจอฮักนยอนแต่จินยองนี่สิ
“แล้วมาไมวะ”
“เห็นบอกจะเอาของมาคืน” ยงกุกถึงกับเข้าโมทเงียบ ภาพวันที่ฝนตกลอยเข้ามาในหัวเขาทุกฉากแต่ก็ต้องดึงสติกลับมาเมื่อรู้สึกถึงแรงกระตุกเสื้อจากทางด้านหลัง
“พี่ยงกุก”
“ว่าๆ” เขาพยายามทำตัวไม่ให้มีพิรุธมากที่สุด
“พี่ลืมพาผมไปซื้อขนมอ่ะ”
“เอ้า มึงนี่มันเลวจริงๆ งั้นเดี๋ยวพี่ขับรถพาไปซื้อ” แดเนียลรีบดันยงกุกให้หลบไปแล้วตัวเองก็แทรกตัวไปยืนตรงกลางพลางกอดคอจินยอง คนโดนกอดคอได้แต่ยืนทำหน้าเหลอหลากับท่าทางของแดเนียล
“ต้องขับรถไปเลยเหรอครับ”
“ใช่ดิ แถวนี้มันมีร้านสะดวกซื้อที่ไหน เนอะ ไอ้กุก” เขาหันไปขอกำลังเสริมจากคนข้างๆ ยงกุกเหมือนเริ่มเข้าใจท่าทางของเพื่อนก็เลยพยักหน้ารับ
“เออ งั้นให้ไอ้แดนพาไปละกัน ฉันขอคุยงานกับพวกไอ้แจฮวานก่อน”
“ก็ได้ครับ แล้วพี่เอาไรไหม”
“กินกับนายแล้วกัน” ยงกุกพูดเสร็จก็หยิบเงินยัดใส่มือของแดเนียล “อันนี้ของจินยองนะไม่ใช่ของมึง”
“น้ำอัดลมสักกระป๋องก็ไม่มี”
“มาเป็นแฟนกูสิ จะออกให้”
“พูดบ้าไรอ่ะ” แดเนียลพูดพลางทุบแขนของอีกคนเบาๆเพื่อกวนประสาท นอกจากจินยองที่ยืนยิ้มชอบใจก็ยงกุกนี่แหละที่พร้อมจะยกตีนขึ้นถีบมากถ้ามันไม่รีบไปจากตรงนี้
“จะเอาอะไรเพิ่มก็โทรมานะ”
“อือ รีบมาละกัน” ยงกุกยีหัวของจินยองก่อนจะเหลือบไปเห็นสายตาของแดเนียลที่มองเขาอยู่พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนคนตามเกมส์ทัน สิ่งที่ยงกุกพูดแดเนียลรู้ดีว่ามันตรงกันข้ามเพราะเขาคงไม่อยากให้จินยองกลับมาขณะที่ฮักนยอนก็ยังอยู่ที่นี่หรอก “ขับรถดีๆละมึง”
“เออ”
“ถ้าจินยองกูเป็นอะไรนะ”
“กูจะอุ้มขึ้นรถเลย”
“ไม่เสือกสิครับ อย่าเกินหน้าที่เพื่อนนะครับคุณแดน” ยงกุกพร้อมบวกมากขนาดรู้ว่าคำพูดของแดเนียลเป็นแค่การแหย่เล่น
“เชิญครับน้องจินยอง” แดเนียลหัวเราะชอบใจกับท่าทางของเพื่อนก่อนจะผายมือให้เด็กตัวเล็กที่สุดในนี้เดินนำออกไปก่อน ยงกุกมองทั้งสองคนเดินออกไปจากห้องก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้หลังห้อง
ไอ้เชี้ยเอ้ย อย่าให้มันมีอะไรไปมากกว่านี้เลย
เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีบุคคลที่เขากับแดเนียลเพิ่งพูดถึงไปก่อนหน้านี้ก็มาปรากฎตัวท่ามกลางชายฉกรรจ์สามคน รอยยิ้มส่งมาให้แต่ไกลขนาดยังไม่เดินเข้ามาประชิดตัวฮักนยอนก็ฉีกยิ้มส่งให้ทั้งเซอุนและแจฮวาน ก็ยังคงนิสัยร่าเริงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
“สวัสดีครับ”
“เห้ย ไอ้อ้วนไม่ได้เจอตั้งนาน” แจฮวานรีบวางกระดาษที่ถืออยู่ในมือแล้วเดินตรงไปรัดคอฮักนยอน “อ้วนขึ้นปะเนี่ย”
“โหย เขาทักทายน้องกันแบบนี้เหรอ!” คนโดนแกล้งทำหน้างอใส่ เซอุนช้อนสายตามองยงกุกที่ยืนทื่ออยู่ข้างๆสลับกับมองฮักนยอนที่กำลังโดนแจฮวานหยอกล้อ
“แล้วมาไมวะ คิดถึงไอ้ยงกุกเหรอ” เจ้าของชื่อหันขวับไปมองเพื่อนปากหมาที่ชอบขุดเจาะจุดอ่อนของคนอื่น ฮักนยอนเงียบไปแปบนึงก่อนจะตอบเซอุนที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า
“ผมเอาของมาคืนพี่ยงกุกอ่ะ”
“ค่อยเอามาให้วันไปเรียนปกติก็ได้หนิ”
“ก็วันนี้ผมว่างพอดีเลยอยากเอามาคืน” ฮักนยอนเดินเข้าไปหาพลางยื่นเสื้อเดนิมส่งให้ “วันนั้นพี่เปียกฝนเยอะเลย ไม่สบายเปล่า”
“ไม่…”
“อ๋อ ที่มึงไม่สบายจนหยุดเรียนไปนี่เพราะไอ้อ้วนนี่เหรอ”
“พี่ไม่สบายจริงๆด้วย” ฮักนยอนดูมีสีหน้าตกใจบวกกับท่าทางจริงจังของแจฮวาน ยงกุกลูบหางคิ้วตัวเองเมื่อรู้สึกอยากจะเดินไปโบกหัวเพื่อนตัวเองสักที เขาอุตส่าห์ไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืด
“ตอนนี้หายแล้ว”
“ผมบอกพี่แล้วนะว่าไม่ต้องเอาเสื้อมาคลุมให้ผม”
“ช่างมันเถอะ ผ่านมาละ” ยงกุกพยายามพูดปัดๆให้อีกคนลืมเรื่องนี้พลางหันไปโยนเสื้อวางไว้บนกระเป๋าตัวเอง “คราวหลังก็พกร่มละกัน..”
“เห้ยไอ้กุก” เจ้าของชื่อเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะหันมองตามเสียงก็พบว่าแดเนียลยืนอยู่ที่ประตู มันจะไม่น่าตกใจหากว่าคนด้านหลังไม่ใช่แพจินยอง สีหน้าของเด็กนั่นสร้างความปั่นป่วนให้ยงกุกจนแทบจะเป็นบ้า
“เชี้ย…” เสียงอุทานของเซอุนหายไปกับความเงียบ แจฮวานค่อยๆเดินไปกอดคอฮักนยอนเมื่อรู้สึกว่าสถานการณ์มันค่อนข้างกดดัน ยงกุกทำได้แค่ยืนมองหน้าจินยองในขณะที่จินยองกับฮักนยอนมองหน้ากันอยู่
“กูดึงไว้ไม่ทันจริงๆวะมึง” แดเนียลรีบเดินตรงเข้ามาหายงกุก “น้องมันเข้ามาตั้งแต่มึงเอาเสื้อคลุมให้ฮักนยอนพอดีเป๊ะ” ยงกุกหันมองแดเนียลหลังจากที่เพื่อนอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดก่อนจะหลับตาลงพยายามทำให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลาย
“ไหนขนมอ่ะ”
“ผมไม่อยากกินแล้ว” คำพูดเรียบๆของจินยองกับสายตาสั่นไหวมันทำให้ยงกุกรู้สึกอึดอัด เขากวักมือเรียกให้อีกคนเดินเข้ามาหา จินยองยืนนิ่งอยู่แปบนึงก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้ายงกุกรอให้อีกคนคว้าคอไปกอดไว้
“ไว้ซ้อมเสร็จฉันพาไปหาไรกินแล้วกัน” ยงกุกก้มกระซิบข้างๆหูของจินยอง ถึงแม้ยงกุกจะให้ความสำคัญกับเขาแต่จินยองก็ไม่สามารถหยุดมองฮักนยอนได้ ไม่ใช่แค่ยงกุกที่ทำตัวไม่ถูก ตอนนี้จินยองก็รู้สึกหน่วงไปหมด มีคำถามมากมายพลั่งพลูอยู่ในหัวแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนหรือควรพูดตอนนี้เลยดีไหม
“เราเพิ่งเจอกันเมื่อวานหนิ” สายตาของทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นหันมองฮักนยอน คนโดนมองส่งยิ้มให้จินยองก่อนจะเดินมายืนใกล้ๆด้วยท่าทางร่าเริง “จำเราได้เปล่า”
“อื้อ ที่หน้าห้องพักครู”
“นายนี่เองแฟนพี่ยงกุก” รอยยิ้มกับน้ำเสียงสดใสมันตรงกันข้ามกับแววตาที่กำลังมองเจ้าของชื่อ ฮักนยอนไม่ได้รู้สึกโกรธหรือหมั่นไส้แพจินยองแต่แค่รู้สึกหน่วงเพราะอยู่ในสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง เขาต้องมายืนมองแฟนใหม่ของแฟนเก่าตัวเองอยู่ด้วยกันต่อหน้าขนาดนี้
“นายจะกลับเลยไหม”
“ไล่ผมเหรอ” ฮักนยอนเริ่มมีสีหน้าไม่พอใจ
“หรือจะอยู่ต่อก็ได้นะ แต่เมื่อก่อนก็ไม่เห็นจะชอบอยู่ดูฉันซ้อมสักเท่าไหร่”
“เพราะพี่ไม่เคยชวนผมตั้งหาก ถ้าพี่ขอให้ผมอยู่ผมก็จะอยู่”
“แต่เราอยากให้กลับ” อยู่ๆจินยองก็พูดแทรกขึ้นมา น้ำเสียงสั่นเครือชัดเจนเพราะด้วยความหงุดหงิดที่เริ่มก่อตัว
“เออๆไอ้อ้วน แค่เอาเสื้อมาคืนก็กลับได้แล้ว ปะ เดี๋ยวเดินไปส่ง” แจฮวานที่ท่าทางจะสนิทกับฮักนยอนรีบเดินมากอดคอเด็กรุ่นน้องพลางออกแรงเดินเบาๆให้อีกคนขยับตาม
“เดี๋ยวผมเดินไปส่งฮักนยอนก็ได้”
“อยู่นี่ละ จะไปทำไม” ยงกุกรีบคว้าแขนของอีกคนเอาไว้พอจินยองทำท่าจะเดินไป
“พวกพี่ก็ซ้อมไปสิ แค่เดินไปส่งหน้าโรงเรียนไม่เห็นเป็นไร”
“…”
“ทำไม หรือพี่จะไปส่ง” สิ้นคำพูดของจินยองเพื่อนสนิททั้งหลายของยงกุกต่างก็มองหน้ากัน สถานการณ์อึดอัดจนแทบอยากจะวิ่งออกไปหายใจข้างนอกให้ทั่วท้อง
“ผมกลับคนเดียวได้ครับ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปส่ง” จินยองยังคงหันไปย้ำคำตอบเดิมกับฮักนยอน ไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองคนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ที่รู้คนที่เหมือนกำลังจะตายก็คงจะเป็นคิมยงกุก จะปล่อยให้ฮักนยอนเดินออกไปเองก็น่าเกลียดจะขอไปส่งเองยิ่งน่าเกลียดกว่า “ได้ไหม จูฮักนยอน” เจ้าของชื่อยืนเงียบอยู่แปบนึงก่อนจะเหลือบมองคิมยงกุกที่ยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้างอแงแสดงออกจนเห็นได้ชัดแต่ก็พยักหน้ารับคำขอของจินยอง
“ตามใจแล้วกัน”
ทั้งสองเดินเงียบกันมาตลอดทาง แพจินยองกำลังเดินนำหน้าจูฮักนยอนอยู่เป็นภาพที่เหมือนเด็กสองคนกำลังทะเลาะกันธรรมดา คนอื่นมองอาจจะดูน่ารักแต่ภายในใจของทั้งสองคนมันกำลังร้อนวูบวาบโดยเฉพาะเด็กที่ชื่อจินยอง เขาพยายามเดินคุมจังหวะหายใจของตัว อยากจะหันไปเริ่มพูดเรื่องที่คาใจก็ยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่อยู่ๆก็ต้องหยุดเดินเมื่อมีมือมาสัมผัสที่ไหล่ของเขา
“ใครเป็นคนจีบใครก่อนเหรอ” คำถามถูกยิงเข้าใส่ทันทีเมื่อจินยองหันไปหา สีหน้าบึ้งตึงเหมือนเด็กเอาแต่ใจมันยิ่งทำให้จินยองรู้สึกหงุดหงิด ถ้าเป็นใครๆเห็นก็คงอยากจะดึงมาโอ๋กันทั้งนั้นแต่คงไม่ใช่กับเขาแน่
“พี่ยงกุก”
“แล้วทำไมคบกันไวจัง”
“…”
“เพิ่งเดือนกว่าๆเองหลังจากเลิกกับเรา”
“คบไวไม่ไวไม่เห็นสำคัญเลย”
“ไม่กลัวพี่เขาจีบเพราะอยากลืมคนเก่าบ้างเหรอ”
“เออ ใช่ พี่เขาอยากลืมคนเก่า”
“…”
“เพราะคนเก่าทำให้พี่เขาเสียใจไง เสียใจมากด้วย แล้วทำไมพี่เขาจะไม่มีสิทธิ์อยากจะลืม” ฮักนยอนยืนเงียบเมื่อโดนอีกฝ่ายขึ้นเสียงใส่ ใบหน้าร้อนผ่าวลำคอเริ่มตีบตันจนกลืนน้ำลายลำบาก ความรู้สึกโกรธมันกำลังถาโถมเข้าใส่แพจินยอง เด็กผู้ชายคนนี้หนะเหรอที่มาทำให้คิมยงกุกของเขาต้องเสียใจ
“แต่ไม่คบกันไวไปหน่อยเหรอ...”
“ถึงจะคบกันไวแต่ทุกวันนี้พี่ยงกุกก็ยังจีบเราทุกวัน พี่เขาทำให้เรายิ้มทุกวัน รู้ไว้ด้วย”
“พี่เขาอ้อนนายด้วยเหรอ”
“ใช่ เมื่อคืนเราก็ไปนอนห้องพี่ยงกุกมา จะให้เราเล่าไหมละว่าทำอะไรบ้าง”
“บ้าไปแล้วเหรอไง” ฮักนยอนแทบจะยกมือขึ้นปิดหูของตัวเอง น้อยครั้งมากที่คิมยงกุกจะอ้อนเขาพอมาได้ยินจากปากของจินยองก็เสียความรู้สึกเล็กน้อย เขาไล่สายตามองจินยองตั้งแต่หัวจรดเท้า ฮักนยอนยอมรับว่าจินยองเป็นคนน่ารักทั้งรูปร่างและหน้าตาแล้วดูเหมือนว่านิสัยจะแตกต่างจากเขาโดยสิ้นเชิง ถ้าเขาเจอเหตุการณ์แบบนี้คนอย่างฮักนยอนก็คงหาเรื่องประชดประชันแล้วหนีกลับบ้านไปแล้ว ไม่มาเดินปรับความเข้าใจแบบที่จินยองกำลังทำอยู่แบบนี้หรอก
“เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับพี่ยงกุกสักที” จินยองรู้ตัวว่าตัวเองเริ่มจะงอแงใส่อีกคน แต่นี่คือคำพูดที่เขาคิดไว้เสมอแต่ไม่คิดว่าจะได้ใช้จริงๆ
“พี่ยงกุกเขาเข้ามาหาเราเองตั้งหาก”
“แล้วทำไมไม่ไล่เขาไปละ!”
“…”
“ถ้าพี่ยงกุกยื่นมือไปช่วยอะไรก็ไล่เขาไปสิ พูดไปเลยว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือ”
“นี่นาย...”
“เลิกทำให้พี่เขาลืมนายไม่ได้สักที”
“…”
“เลิกทำตัวอ่อนแอได้แล้ว จูฮักนยอน!” สิ้นคำพูดที่อึดอัดอยู่ในใจจินยองก็รีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเองเพราะไม่อยากจะให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาตั้งหากที่กำลังอ่อนแอ จูฮักนยอนยืนมองเพื่อนตัวเล็กด้วยสีหน้าอึ้งๆ ทุกประโยคที่แพจินยองพูดมามันเป็นความรู้สึกของคิมยงกุกทั้งนั้น เด็กคนนี้ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับตัวเองเลยทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ได้รู้สึกดีไปมากกว่าใคร “ถ้านายไม่รีบเดินไปตอนนี้เราจะต่อยนายจริงๆด้วย”
“นี่โกรธที่เรามาเจอพี่ยงกุกขนาดนี้เลยเหรอ”
“เปล่า”
“…”
“เราโกรธที่นายทำให้พี่ยงกุกไม่สบาย แถมยังไม่รู้เรื่องอีกตั้งหาก”
“ก็พี่ยงกุกไม่ได้บอกเราหนิ”
“เพราะว่านายไม่ใช่แฟนพี่เขาแล้วไง” แววตาจริงจังของจินยองกำลังมองตอบโต้เด็กที่ตัวสูงกว่าเขาหน่อยนึงไม่มีแม้แต่ความเกรงกลัว เขาไม่รู้หรอกว่าจะโดนอีกฝ่ายต่อยหน้าเขาหรือเปล่าหากพูดจาแบบนั้นออกไปแต่ดูท่าทางแล้วฮักนยอนก็ไม่น่าใช่เด็กหัวรุนแรงอะไรถึงแม้ว่าจะดูเป็นเด็กเอาแต่ใจมากก็เถอะ
“อือ.. ก็คงงั้น” ฮักนยอนตอบกลับด้วยท่าทางเศร้าสร้อย น้ำเสียงดูไม่มั่นใจเหมือนทุกครั้งที่คนสดใสอย่างฮักนยอนควรจะเป็น “ดูท่าทางพี่ยงกุกคงจะแคร์นายมาก”
“…”
“ส่งเราแค่นี้แหละ”
“แน่ใจนะ”
“เดี๋ยวเราเดินไปเอง รีบกลับเข้าไปเถอะ พี่ยงกุกจะเป็นห่วงเอา” ถึงจะพูดไปแบบนั้นแต่น้ำเสียงก็มีความประชดประชันเล็กน้อยแต่ถึงยังไงซะเขาก็พูดตามที่เขาคิด จูฮักนยอนเดินผ่านจินยองไปไม่มีแม้แต่จะหันกลับมามอง แล้วจะเป็นไปไม่ได้หากว่าเด็กจิตใจอ่อนไหวง่ายขี้เอาแต่ใจอย่างฮักนยอนจะไม่ยอมร้องไห้ให้กับเรื่องแบบนี้ มันไม่ง่ายที่จะต้องมายืนฟังแพจินยองพูดเรื่องคิมยงกุก มันทำให้เขารู้ว่ายงกุกใส่ใจจินยองมากแค่ไหนรวมถึงสิ่งที่เขาเห็นเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคิมยงกุกทำจริง ขนาดตอนที่เขาอยู่ในห้องด้วยยงกุกยังเลือกที่จะเรียกจินยองให้เดินไปหา เลือกที่จะไม่ออกมาส่งเขา เลือกที่จะเคารพการตัดสินใจของจินยอง จะว่าไป.. คิมยงกุกดูแคร์แพจินยองมากกว่าช่วงเวลาที่เขาคบกันเสียอีก หรือเป็นเพราะผมอาจจะเอาแต่ใจมากเกินไปจนลืมมองว่าอีกฝ่ายก็หยิบยื่นสิ่งเหล่านั้นให้แล้ว มันอาจจะเป็นความพอดีที่ผมมองว่ามันน้อยไป ถ้าผมรู้จักความพอดี ผมอาจจะรับรู้ว่าพี่ยงกุกก็เคยแคร์ผมบ้างก็ได้มั้ง
ผมนี่มันอ่อนแออย่างที่นายนั่นพูดจริงๆด้วย...
____________
กระดาษเพลงถูกวางลงรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้เนื่องจากคนถือไม่ได้มีสมาธิอยู่กับมัน เสียงดนตรีดังออกมาจากสายกีตาร์เป็นระยะๆแต่ก็เหมือนกับเจ้าของแค่ใช้นิ้วเขี่ยเล่นเท่านั้น เด็กวัยรุ่นสี่คนดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สายตาสามคู่ต่างก็เหลือบมองไปที่เพื่อนตัวสูงที่ยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้จ้องมองบานประตูเฝ้ารอให้มันถูกเปิดออกก่อนที่คังแดเนียลจะเป็นคนเดินไปบังทัศนียภาพจนมิด
“เดี๋ยวน้องมันก็มา” ยงกุกช้อนตามองเพื่อนคนสนิทที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ทำไมถึงวนรถกลับมาวะ”
“น้องมันเห็นฮักนยอนกำลังเดินมาที่โรงเรียนมันเลยขอให้กูวนรถกลับ” ยงกุกสูดลมหายใจเข้าพลางเอนตัวพิงกับกำแพง เขาหลับตาสนิทหวังจะให้เรื่องทั้งหมดเป็นแค่ตลกร้าย
“อย่าคิดมากมึง จินยองกับฮักนยอนไม่เป็นไรหรอก”
“เออ ไอ้แจฮวานพูดถูก มึงก็น่าจะรู้นิสัยเด็กสองคนนั้นนะ”
“เพราะกูรู้ไง ถ้าฮักนยอนพูดจาไม่ดีใส่จินยองล่ะ มึงว่าน้องมันจะรับได้เหรอ” สามคนหันมองหน้ากันเพราะพวกเขาต่างก็รู้ดีว่าฮักนยอนมีนิสัยเอาแต่ใจหากไม่พอใจอะไรก็มักจะพูดจาเสียดแทงคนอื่น
“เออหน่า น้องมันคงมีเหตุผลพอตัว มันเป็นคนทิ้งมึงไปหาไอ้จินอูนะเว้ยไม่ใช่มึงทิ้งมัน มันจะมาด่าว่าจินยองไม่ได้หรอก” ยงกุกแอบหันไปใช้สายตาด่าเซอุนหลังจากที่อีกฝ่ายปาอะไรใส่เขาก็ไม่รู้
“คิดเยอะนี่ไม่ใช่มึงเลยนะสัด..”
“จินยอง” ยงกุกแทบไม่ได้ฟังประโยคที่แดเนียลพูดพอเห็นว่าจินยองเปิดประตูเข้ามา เด็กเจ้าของชื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเรียกชื่อเขาอยู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมาเสียงั้น ปากเล็กเบะคว่ำลงทันทียงกุกถึงกับต้องรีบเดินเข้าไปหาก่อนจะคว้าหัวเล็กๆนั่นมากอด “ร้องไห้ทำไม”
“พี่ยังเจ็บอยู่ไหม”
“หะ”
“พี่เห็นฮักนยอนพี่ยังรู้สึกเจ็บ ฮึก.. หรือเสียดายที่เลิกกันอยู่เปล่า” จินยองพูดจาแทบไม่รู้เรื่อง ใบหน้าเล็กมุดอยู่กับอกของอีกคนจนเจ้าตัวรู้สึกอุ่นๆรับรู้ได้เลยว่าคนในอ้อมกอดกำลังร้องไห้อยู่
“ไม่หนิ”
“เมื่อกี้พี่อยากเดินไปส่งฮักนยอนหรือเปล่า” จินยองค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามอง ยงกุกใช้หลังมือปาดน้ำตาที่เลอะใบหน้าน่ารักออกอย่างเบามือ
“เฉยๆนะ แต่ต่อให้เดินไปส่งมันก็เหมือนพี่เดินไปส่งน้องเสียมากกว่า”
“เหมือนที่พี่เอาเสื้อให้ฮักนยอนตอนฝนตกเหรอ”
“อือ นายอยากมีแฟนเป็นคนใจดำขนาดเห็นคนอื่นเปียกฝนแล้วเดินหนีเหรอ”
“แต่พี่ใจดีมากไป”
“…”
“ที่พี่ไม่สบายก็เพราะฮักนยอน…” เป็นอีกครั้งที่จินยองเริ่มร้องไห้ เขารู้สึกอ่อนไหวไปหมด จิตใจไม่แข็งแรงพอที่จะนึกถึงตอนยงกุกยอมถอดเสื้อของตัวเองให้คนอื่น เขายอมไม่สบายเพื่อให้ฮักนยอนไม่เป็นอะไรเลยนะ
“ก็ใครจะรู้ว่าจะไม่สบายวะ ปกติก็ทนแดดทนฝน”
“เออ น้องจินยองอย่าคิดมาก ไอ้เชี้ยนี่มันไม่คิดอะไรกับฮักนยอนแล้ว” เซอุนพูดเสริมขึ้นมาเมื่อเห็นว่าจินยองดูท่าทางสติกระจัดกระจายไปหมด ปากหมาชอบแกล้งเพื่อนแบบเขาก็ไม่อยากเห็นเพื่อนทะเลาะกับแฟนสักเท่าไหร่แล้วอีกอย่างผมยืนยันได้เลยว่าตอนนี้ไอ้ยงกุกมันรักเด็กเตี้ยนั่นแค่คนเดียวเลยไม่อยากให้น้องมันเข้าใจผิด
“วันๆมันเอาแต่พูดเรื่องนายมันจะเอาเวลาไหนไปคิดถึงคนอื่นวะ”
“พี่พูดเรื่องผมด้วยเหรอ”
“อย่าไปฟังไอ้แจฮวานมาก” ยงกุกยกมือขึ้นปิดหูจินยองแต่ก็โดนจินยองจับมือออก
“พี่ไม่พูดถึงผมเลยเหรอ..”
“อ่าว เอาแล้วมึง เรื่องนี้กูไม่ขอช่วยแล้วกัน”
“ไอ้สัด..” เขาหันไปด่าคิมแจฮวานก่อนจะโดนจินยองจับหน้าให้หันมาสนใจเขา
“ตกลงพี่พูดถึงผมบ้างเปล่า”
“พูดดิ แต่ก็ไม่ได้ตลอดเวลาแบบที่ไอ้แจฮวานพูด” จินยองทำปากยื่นปากยาว ท่าทางเหมือนจะสบายใจขึ้นมาบ้างพอได้ยินอะไรแบบนี้ เด็กตัวเล็กยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองออกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินสะบัดก้นไปนั่งที่เก้าอี้ “หายโกรธแล้วเหรอ”
“ยัง”
“…”
“ยังเคืองที่เอาเสื้อไปให้คนอื่นอยู่นะ” จินยองพูดพลางเหลือบไปมองเสื้อเดนิมที่วางอยู่บนกระเป๋าของยงกุก
“น้องไง”
“น้องบ้าไรนั่นแฟนเก่า”
“แฟนเก่าแล้วเป็นน้องไม่ได้เหรอ”
“พี่ได้แล้วฮักนยอนละได้เปล่า” ยงกุกเงียบ เขาหันไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนสามคนแต่ก็ไม่มีใครสบตาเขาสักคน “พี่ไม่รู้หรอกว่าฝ่ายนั้นคิดอะไร”
“ไปคุยอะไรกันมา”
“เปล่า แค่เดินไปส่ง”
“แน่ใจ”
“สนใจมากเหรอว่าฮักนยอนพูดอะไร”
“เออ มึงสนใจมากเหรอไอ้ยงกุก” เจ้าของชื่อถึงกับหันไปชูนิ้วกลางใส่หน้าแจฮวานที่กำลังหยิบกระเป๋าของตัวเองมาสะพาย “ไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย วันนี้ยังไม่ซ้อมแล้วกัน”
“แล้วมึงจะไปไหน”
“กูจะไปหาไรแดก”
“งั้นกูไปด้วย” แดเนียลรีบลุกจากโต๊ะแล้วคว้ากระเป๋าของตัวเองบ้าง “ไปไหมมึงไอ้เซอุน”
“ไปกันเลย กูมีนัด”
“กินข้าวกับเพื่อนแม่มึงอีกแล้วเหรอ”
“เออ เห็นบอกลูกชายเพิ่งกลับจากออสเลยจะให้กูไปคุย แม่งไม่รู้เป็นไรอยากให้กูไปเรียนเมืองนอกจังเลย” เซอุนมีท่าทางไม่พอใจกับความต้องการของแม่ นี่เป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เขาไม่อยากอยู่บ้าน
“แล้วมึงกับจินยองอ่ะ”
“พวกมึงไปกันเลย ไว้นัดซ้อมกันใหม่”
“เออๆ งั้นแยกย้าย ดีเลยกูจะได้ไปเที่ยวยาวๆ” แดเนียลหันไปหัวเราะคิกคักกับแจฮวานแล้วเดินออกไปตามด้วยจองเซอุนที่เพิ่งเก็บของเสร็จ
“มึง กูไปละนะ”
“เออๆ เจอกัน” ยงกุกโบกมือให้เซอุนก่อนจะหันไปมองจินยองเพราะอีกคนดึงแขนเสื้อเขาอยู่
“แผนการซ้อมล่มเพราะผมเหรอ” จินยองดูไม่สบายใจที่เห็นทุกคนหายกันไปทีละคนๆ
“ไม่เกี่ยวหรอก พวกมันก็หาเรื่องกันออกจากบ้านไปงั้น ไม่เห็นหน้าไอ้แดนกับไอ้แจฮวานเหรอ ดีใจยิ่งกว่าครูยกเลิกคลาสอีก” จินยองอมยิ้มกับคำพูดของยงกุกแต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกหน่วงๆก็ยังลบออกไปไม่หมด “ตกลงไม่หิวแล้วแน่นะ”
“ก็นิดหน่อย”
“ไปหาอะไรกินกันเถอะ”
“อื้อ” ยงกุกยีหัวเด็กตรงหน้าก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเอง
“วันนี้ฉันให้นายเลือกเลยว่าจะกินอะไร”
____________
ถ้วยว่างเปล่าถูกวางลงตรงหน้าก่อนที่เจ้าของจะยกมือเรียกพนักงานในร้านให้เดินมาหาแล้วสั่งข้าวอีกถ้วยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มราวกับว่าเมื่อกี้ยังไม่ได้กินอะไรเข้าไปสักอย่าง แพจินยองจัดการหยิบผักมาซ้อนกันสองสามชั้นพอจัดเรียงเรียบร้อยก็ยื่นมันมาตรงหน้ายงกุก รอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่ยงกุกต้องมีหน้าที่คีบเนื้อวางลงบนผักนั่นให้เด็กจอมเขมือบกินเพราะหน้าเตามันร้อนเขาเลยไม่อยากให้จินยองยื่นมือเข้าใกล้สักเท่าไหร่
“ไหนใครบอกไม่หิวแล้ว”
“ก็พอมานั่งกินจริงๆมันก็หยุดไม่ได้หนิ” จินยองทำปากยื่นปากยาวใส่ยงกุกพลางจัดวัตถุดิบบนผักให้พอดีคำก่อนจะเอาเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ เขาเห็นแบบนั้นก็อดยิ้มไม่ได้ เห็นจินยองลืมเรื่องก่อนหน้านี้ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง เครียดแค่ไหนของกินจะเยียวยาทุกอย่างสินะ
“กินช้าๆเดี๋ยวก็ติดคอหรอก”
“แล้วพี่ไม่กินอ่ะ”
“ก็กินอยู่แต่ส่วนใหญ่มองนายกิน” อยู่ๆจินยองก็รู้สึกเขินขึ้นมาเสียงั้น ไม่ได้เขินที่ยงกุกพูดเพราะมันเป็นปกติที่คนอย่างยงกุกจะคิดอะไรก็มักจะพูดออกมาแต่เขินที่มารู้ว่ามีคนกำลังจ้องเขากินอยู่ตั้งหากแล้วยิ่งเป็นยงกุกก็ยิ่งรู้สึกกังวลว่าจะกินเยอะไปจนไม่น่ารักหรือเปล่า...
“ผมกินเยอะไปเหรอ”
“ก็ดีแล้ว จะได้อ้วนๆกอดอุ่นๆ”
“ไม่ได้ชอบคนตัวเล็กๆหุ่นดีๆเหรอไง”
“ถ้าเป็นนายก็ชอบหมดอ่ะ”
“แล้วถ้าผมอ้วนตุ๊ต๊ะเลยล่ะ พี่จะยังอยากกอดผมเปล่า” จินยองพูดพลางวาดมือแสดงท่าทางให้อีกคนเห็นภาพ มันคงไม่มีใครแสดงท่าทางได้น่ารักเท่าแพจินยองอีกแล้วละในสายตาของยงกุก
“ฉันก็จะกอดให้แน่นกว่าเดิม ยิ่งอ้วนก็จะยิ่งกอด จะกอดจนกว่าจะมิด”
“ขี้โม้”
“ก็นายโม้ใส่ฉันก่อน”
“ยกตัวอย่างตั้งหาก”
“แต่ฉันทำจริง”
“พูดมาก กินเข้าไปเลย” จินยองรีบหนีบเนื้อในจานของตัวเองยัดใส่ปากของอีกคน เขาไม่ชอบเวลายงกุกพูดสักเท่าไหร่เพราะยงกุกมักจะจ้องหน้าเขาเวลาตอบคำถาม มันไม่ดีต่อสุขภาพจิตเขาเลย คนบ้าอะไรต้องทำให้ตกหลุมรักทุกวันขนาดนี้
“ไม่เขินดิ”
“ไม่มีใครเขินสักหน่อย มั่ว..”
“รับอะไรเพิ่มไหมคะ” จินยองช้อนตามองพนักงานผู้หญิงที่อยู่ๆก็มายืนอยู่ข้างๆยงกุกแถมยังมองไม่ละสายตา
“เอาไรเพิ่มเปล่า” ยงกุกมีท่าทางอึดอัดเล็กน้อยที่โดนจู่โจมแบบไม่ได้ตั้งตัวเขาเลยหันมาถามจินยอง
“ไม่เอา”
“งั้นขอเติมน้ำหน่อยนะคะ”
“อ่อ ครับ” เขาดูสับสนกับชีวิตขึ้นมาทันที ยงกุกรีบหันไปหยิบแก้วน้ำของตัวเองยื่นให้พนักงานที่ยังคงพยายามยัดเยียดการให้บริการเขาโดยมีสายตาจับจ้องของแพจินยองมองอยู่ตลอดเวลา
“ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มก็เรียกได้นะคะ”
“ครั..”
“ครับ เดี๋ยวผมจะเรียกเอง” จินยองลุกขึ้นคว้าแก้วน้ำที่พนักงานสาวเพิ่งเทเติมให้หลังจากเธอกำลังยื่นคืนให้ยงกุกมาถือไว้แทนก่อนจะรีบยกขึ้นดื่มราวกับว่าแก้วน้ำนั้นเป็นของตัวเอง “ไปก่อนก็ได้ครับ ตอนนี้เรายังไม่อยากได้อะไร” เขาเหลือบมองพนักงานอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเธอยังไม่ขยับตัวไปไหน
“เดี๋ยวยืนรออยู่แถวๆนี้นะคะ”
“รอหลังร้านก็ได้ครับ” ยงกุกเผลอหลุดขำออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของแพจินยอง พนักงานสาวมีสีหน้าเลิ่กลั่กก่อนจะพยักหน้ารับแล้วเดินหายเข้าไปหลังร้านแต่ก็ไม่ลืมที่จะส่งยิ้มให้ยงกุก “ไปยิ้มตอบกลับทำไม”
“เอ่า.. ก็เขายิ้มให้”
“แล้วจำเป็นต้องยิ้มกลับเหรอ รู้จักกันไหมก็ไม่ใช่” จินยองไม่พอใจกับเหตุการณ์เมื่อกี้ สายตาเขายังคงจ้องมองไปที่ครัวเพื่อเช็คความเรียบร้อยว่าพนักงานคนนั้นไม่ได้กำลังแอบมองคนของเขาอยู่
“เขาก็แค่มาบริการ”
“ไม่เห็นบริการผมเลย”
“แล้วน้ำที่นายกินอ่ะ” ยงกุกพูดยิ้มๆพลางชี้ที่แก้วที่มีน้ำเหลืออยู่ครึ่งนึงหลังจากจินยองจัดการยกดื่มด้วยความหงุดหงิดเมื่อกี้ “ยังดีนะเหลือให้ฉันตั้งครึ่งนึง”
“เขาพยายามจะจับมือพี่ตั้งหาก ผมเลยหยิบมาก่อน”
“หวงเหรอ”
“ใช่ มีปัญหาหรือเปล่า”
“เปล่าครับ”
“หลายรอบแล้วนะ หลายรอบแล้ว”
“หลายรอบอะไรของนาย”
“ไม่ต้องมาพูด!”
“เอ้า” คิมยงกุกถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางหัวร้อนของจินยอง เขาชอบเวลาที่จินยองเป็นแบบนี้ มันดูน่ารักไปหมด ยิ่งเวลาทำหน้ามุ่ยยิ่งแล้วใหญ่ เห็นแล้วอยากจะจับมาตีก้นให้เข็ดหลาบ
คิมยงกุกหันซ้ายหันขวาเมื่อรู้สึกว่าเด็กที่เดินตามเขาต้อยๆตอนแรกหายไปอีกแล้ว ครั้งที่สิบเห็นจะได้ที่เขาจะต้องคอยมองหาจินยองที่เอาแต่แวบหายไป หันไปอีกทีก็ไปโผล่ร้านเครื่องเขียนบ้างละ ร้านของกินบ้างละ พอไปลากออกมาเดินได้ไม่ถึงห้าก้าวไอ้ตัวแสบก็หายแวบไปอีกเหมือนเคย นี่ต้องหาอะไรมาจัดการเด็กนี่สักหน่อยละ
“อะไรอ่ะ” จินยองก้มมองข้อมือตัวเองหลังจากที่ยงกุกเอาอะไรก็ไม่รู้มาคล้อง
“จะได้ไม่หายอีก” ยงกุกยกมือของตัวเองขึ้นให้จินยองดูว่ามันเป็นสายเชื่อมต่อมายังข้อมือของเขา สิ่งที่ยงกุกไปซื้อมาก็คือสายจูงเด็ก…
“นี่มันเอาไว้จูงหมาหนิ!”
“จูงเด็กก็พอ..”
“ไม่เอาาา” จินยองทำท่าจะแกะออกแต่ยงกุกก็จับมือเอาไว้
“อย่าแม้แต่จะคิด”
“ฮือออ ถ้าผมอยากเข้าร้านโน่นนี่นั่นพี่ก็รั้งไว้อะสิ ไม่เอาอ่ะ เอาออก”
“อย่างอแง ฉันคล้องไว้เพราะนายชอบหายไปตั้งหาก” ดูท่าทางจินยองจะไม่พอใจอย่างแรงแต่ก็ต้องยอมเพราะคนนั้นคือยงกุก “จะไปร้านไหนก็บอกไม่ใช่แวบหายไป คนตามมันเหนื่อย”
“พี่ก็เดินไปสิ”
“ไม่ได้ ถ้านายหายทำไง”
“ก็โทรหาสิ”
“ไม่โทร ขี้เกียจ” จินยองคว่ำปากลงทันทีพอสิ้นคำพูดของยงกุกแต่คราวนี้มันไม่สามารถทำร้ายคนเริ่มมีภูมิต้านทานอย่างเขาได้อีกแล้ว “ไม่ต้องมาเบะ ไป เดิน” ยงกุกกระตุกมือเบาๆให้จินยองออกตัว เด็กขี้แงสะบัดสะบิ้งก่อนจะเดินนำหน้าไปยงกุกเห็นแบบนั้นก็รีบเดินตามเพราะไม่งั้นสายมันจะรั้งตัวเขาไปแทน นี่สรุปซื้อมาคุมจินยองหรือยิ่งโดนจินยองลากกันแน่
ยงกุกต้องคอยกระตุกเชือกกลับมาตลอดเวลาจินยองเดินออกนอกลู่นอกทาง เขาเหนื่อยที่จะเลี้ยวเข้าร้านนู้นร้านนี้ พอเขาจะเดินไปนั่งอีกคนก็ดึงสุดตัวเพื่อที่จะให้เดินตาม จนล่าสุดจินยองก็ลากยงกุกมายืนอยู่หน้าตู้หนีบตุ๊กตาพลางทำหน้าทำตาละห้อยอยากจะได้ตุ๊กตาสปองบ๊อบที่อยู่ข้างใน
“จะเล่นเหรอ” เด็กตัวเล็กพยักหน้ายึกยักแต่สายก็ยังจ้องมองตุ๊กตาที่อยู่ข้างใน ยงกุกเห็นแบบนั้นก็หยิบเหรียญในกระเป๋ากางเกงตัวเองยื่นให้
“ให้ผมเล่นจริงๆเหรอ”
“ตาโตเกินไปแล้ว ถ้าบอกไม่ให้เล่นจะกลับไหมละ”
“ไม่” จินยองรีบหยิบเหรียญในมือของยงกุกมาก่อนจะหยอดตู้ ยงกุกขยับไปยืนใกล้ๆแต่ก็โดนจินยองดันออก “อย่าเข้ามา ผมไม่มีสมาธิ” เขายืนมึนงงกับชีวิตตัวเองหลังจากโดนอีกคนขับไล่แต่ก็ยอมขยับออกมายืนดูห่างๆแต่ดูเหมือนจะห่างเกินไปจินยองเลยหันมาโวยวายใส่เขาอีกว่าขยับมือไม่ถนัดเพราะสายที่เชื่อมเขาสองคนอยู่ “อื้อออ! หนีบไม่ได้เลยเห็นไหม”
“อันนั้นมันความกากของนายตั้งหาก.. อะไร?” ยงกุกก้มมองมือเล็กที่แบอยู่ตรงหน้า
“ขอตังหน่อย” ใบหน้าอ้อนวอนกำลังออดอ้อนคนด้านชา แต่นิสัยที่แก้ไม่หายของเขาก็ต้องโดนใบหน้าน่ารักนั่นทำลายลงได้เช่นกัน ยงกุกถอนหายใจก่อนจะหยิบเหรียญยื่นให้ “ฮิ! คอยดูนะรอบนี้ผมได้แน่นอน”
“ไม่ได้เดี๋ยวพาไปซื้อ”
“ไม่เอา ต้องหนีบเท่านั้น ซื้อมันไม่อินเลย” ยงกุกยกยิ้มกับท่าทางอยากเอาชนะของจินยอง เขาโดนอีกคนกระตุกเชือกให้ขยับเข้าไปหา “ครั้งนี้ขยับมาใกล้ๆหน่อยสิ”
“อะไรของนายอีก”
“ขยับมาาา” มือเล็กกระตุกเชือกยิกๆคนโดนบังคับเลยต้องรีบเดินเข้าไปประชิดตัว จินยองยิ้มพอใจก่อนจะหันไปสนใจเครื่องเล่นตรงหน้าแต่หลังจากที่เขาหยอดเหรียญใส่เข้าไป มือหนาจากคนด้านหลังก็สอดรอบเอวเขามาจับมือทั้งสองข้างของจินยองที่จัดแจงวางอยู่ที่คันโยกกับปุ่มกด “ทำอะไรครับ”
“ช่วยนายเล่นไง”
“เอามือออกไปเลย.. แล้วก็ขยับออกไปด้วย” ใบหน้าร้อนวูบวาบ รู้ทั้งรู้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนอีกฝ่ายจับเนื้อต้องตัวแต่นี่มันก็กลางห้างเลยนะ
“จะเอาไหม สปองบ๊อบอ่ะ” ยงกุกหันพูดข้างๆหู ลมหายใจอุ่นๆมันกำลังทำให้คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าใจเต้นรัว ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อดีแค่ไหนที่ยงกุกจับมือเขาจากด้านหลังไม่งั้นโดนอีกคนล้อแน่ๆ
“พี่เล่นเป็นเหรอ”
“ก็เคยหนีบให้ไอ้แดเนียลอยู่บ้าง”
“หะ พี่หนีบให้พี่แดเนียลทำไม” จินยองเงยหน้ามองคนด้านหลัง นี่ตัวเขาเลยคางยงกุกไปนิดเดียวเองเหรอเนี่ย
“ก็ไอ้แดนมันจะเอาไปให้แดฮวี คนโง่อย่างมันหนีบสิบกว่ารอบก็ไม่ได้”
“ชอบว่าคนอื่นจริงเลย” ยงกุกไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวกับคำพูดของจินยอง เขาพยักเหยิดหน้าให้จินยองสนใจเครื่องเล่นตรงหน้า
“ฉันจะเล่นแล้วนะ”
“อื้อ ก็พี่จับมือผมอยู่ก็เล่นสิ” พูดเองก็เขินเอง ทำไมจะต้องมาซ้อนตัวขนาดนี้
“ถ้าหนีบได้ให้ไร”
“ต้องให้ด้วยเหรอ”
“ให้ดิ แฟนกันเขาก็ทำกันงี้ไม่ใช่ไง”
“แล้วจะเอาไร”
“ขอเอาที โอ้ย! เจ็บ” ยงกุกถึงกับมุดหน้าลงกับไหล่ของจินยองหลังจากโดนจินยองโหม่งหัวกระแทกปากเข้าให้อย่างแรง
“รีบเล่นสักที ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
“เลือดไหลปะเนี่ย!”
“ไหน ขอดู..” เป็นวินาทีที่เขาอยากจะมุดตัวหนีออกไปมาก ว่าจะคุมสมาธิได้แล้วนะยังมาโดนอีกคนจู่โจมแบบนี้อีก “มาจูบผมทำไมเนี่ย! ยิ้มทำไม ไม่ต้องมายิ้ม”
“ตกลงเลือดไหลเปล่า ดูให้อีกทีสิ”
“ไม่ดูแล้ว ผมจะเอาสปองบ๊อบ” ยงกุกหัวเราะจนไหล่สั่น จินยองถึงกับหมั่นไส้กับความกวนประสาทของคนด้านหลัง อยากจะหันไปด่าแต่ก็ยังไม่กล้าสบตาเลยต้องเงียบปากเอาไว้
“เออๆ จะตั้งใจเล่นแล้วนะ”
“สักทีเถอะครับ”
“จะเล่นแล้วนะ”
“พี่ยงกุก!!” หัวเล็กออกแรงดันหน้าอีกคนออกด้วยความสุดจะทน หลังจากที่โดนอีกฝ่ายกดริมฝีปากลงที่แก้มของเขาอย่างหมั่นเขี้ยวแต่แทนที่ยงกุกจะสำนึกเขากลับหัวเราะชอบใจ
“เออๆ ฮาๆๆๆ ไม่แหย่ละ”
“บ้าจริงเลย”
“ก็รักอ่ะ ให้ทำไง”
“…”
“รู้ปะเนี่ย”
“อื้อ”
“อื้ออะไร”
“ก็รู้แล้วไง”
“แค่นั้นเองเหรอ”
“งั้นถ้าพี่หนีบได้ ผมจะให้แล้วกัน”
“หะ? ให้.. ให้อะไร” ยงกุกถึงกับเบิกตาโตเมื่อได้ยินอีกคนยื่นข้อเสนอ
“ก็พี่ขออะไรละตอนแรก”
“จริงปะเนี่ย”
“จะเล่นไหม”
“เล่นดิ เดี๋ยวหนีบให้สิบตัวเลย”
“อย่ามาเวอร์”
“แต่ต้องให้สิบทีนะ”
“โอ้ยย ไอ้พี่ยงกุก!”
_________________
เพิ่งเลิกงานถึงบ้านปั้บก็มาลงเลย
พอดีแต่งเอาไว้ยาวเบื๋อย คิ้คิ้ เขาอนุญาตกันแล้วอ่ะ *มองบน
ตามเดิมนะจ้ะ มาพูดคุยกันได้ที่แท็ก #มบฟช
หรือไม่ก็ @viewpmt
หลังจากอ่านคอมเม้นเราก็มีคำถาม...
พี่ยงกุกกวนตีนขนาดนั้นเลยเหรอคะ?? 55555
ความคิดเห็น