คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : MABAE 11
\rainy day
เสียงดนตรีดังสนั่นประหนึ่งว่าอยู่สถานที่บันเทิง เด็กวัยรุ่นห้าคนรวมตัวกันอยู่ในห้องโดยมีเจ้าของชื่อคังแดเนียลเป็นคนรับเชิญมา ดูเหมือนว่าจะยังมากันไม่ครบเสียด้วยซ้ำ จองเซอุนลุกจากโซฟาเดินไปหยิบกระป๋องเบียร์ในตู้เย็นมาเพิ่มราวกับว่าห้องนี้ตัวเองเป็นเจ้าของตามด้วยยูซอนโฮที่เดินตามไปติดๆเพราะของกินที่อยู่ตรงหน้าหมดแล้วจากผลงานตัวเองล้วนๆ คนอื่นจะหันไปขอกินด้วยก็หมด ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมาก
“ทำไมวันนี้แม่ไอ้ซอนโฮมันปล่อยมาได้ไงวะ” คิมแจฮวานพูดขึ้นขณะที่หยิบถุงขนมว่างเปล่าตรงหน้าขึ้นมาดูก่อนจะวางมันลง
“มันบอกว่ามาทำรายงานกับเพื่อน”
“มาแดกละสิ” แจฮวานยังคงใช้สายตามองเด็กที่อายุน้อยที่สุดในที่แห่งนี้ด้วยสายตาหวาดระแวงว่ามันจะกินของในตู้เย็นของแดเนียลจนหมด
“ปล่อยมัน” คังแดเนียลพูดขำๆขณะที่แจฮวานก็ยังไม่สบายใจกับภาพที่เห็นราวกับว่าซอนโอจะแดกอาหารทุกอย่างบนโลกนี้ไปหมดจนทำให้เขาอดอยาก
“ไอ้อูจินมันจะไม่มีแดกอะสิถ้ามันมา”
“มึงก็ลงไปซื้อไง”
“ไอ้อูจินมาด้วยเหรอ” คิมยงกุกที่นั่งดูทีวีอยู่พูดขึ้นทันทีหลังจากแดเนียลพูดจบ
“อือ พอดีตอนนัดพวกมึงกูคุยกับมันอยู่เลยชวน มึงมีไร”
“เปล่า”
“มันเรียนโรงเรียนเดียวกันกับน้องจินยองมึงหนิ” ดูเหมือนแดเนียลจะนึกขึ้นได้เลยพูดเสริมด้วยสีหน้าระรื่น
“เออ”
“มันอยู่ทีมบาสของไอ้จีฮุนด้วย เออพูดแล้วทำไมไม่ชวนไอ้จีฮุนมาด้วยวะ”
“ห้องมึงเป็นสวนสาธารณะเหรอไอ้แดน” ยงกุกใช้สายตามองแจฮวานที่เพิ่งพูดประโยคเมื่อกี้จบก่อนจะเงยหน้ามองเจ้าของห้องที่นั่งอยู่เหนือหัวตัวเอง
“แล้วไมต้องมองกูด้วย กวนตีนเหรอ”
“อ่าว ก็ฟังมึงพูด”
“พี่สองคนกัดกันอีกแล้วเหรอ” ซอนโฮเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆยงกุกพร้อมขนมเต็มไม้เต็มมือไม่พอยังเอนหัวซบไหล่อีกคนจนยงกุกต้องขยับไหล่หนีแต่ก็หนีไม่พ้นคนขี้วอแวอย่างซอนโฮ “พี่อย่าหลบผม!”
“แล้วมาซบกูทำไม ไปซบไอ้แดนสิวะ”
“ก็ผมชอบพี่อะ”
“มึงนี่มัน...” ยงกุกแทบจะทุบหัวเด็กข้างๆแต่ทำได้แค่ถอนหายใจแล้วก็ปล่อยให้มันปรนเปรอ ซอนโฮเป็นเด็กขี้สกินชิพทั้งๆที่มันก็มีแฟนอยู่แล้วเป็นผู้หญิงด้วย ถึงแม้ภาพลักษณ์การเล่นเบสของมันจะดูเท่ห์แต่ชีวิตจริงมันไม่ใช่แบบนั้นเลย
เสียงโทรศัพท์ของแดเนียลดังขัดความรำคาญของยงกุกที่มีต่อซอนโฮ เจ้าของห้องกดรับก่อนจะเดินไปที่ประตูแล้วเปิดออกปรากฎให้เห็นเด็กหัวน้ำตาลแดงยืนอยู่ส่วนด้านหลังเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กน่ารักยืนเกาะแขนอีกคนด้วยสีหน้าเคอะเขิน
“แฟนกูมันตามมาด้วย” อูจินพูดพลางชี้นิ้วไปด้านหลัง ฮยองซอบทำหน้าไม่พอใจก่อนจะฟาดลงที่หลังของคนตรงหน้า
“เห้ย ไม่เห็นเป็นไร เข้ามาก่อนๆ” ทั้งสองคนได้รับคำเชิญจากเจ้าของห้องก็เดินเข้ามา ปาร์คอูจินชะงักเล็กน้อยขณะที่เผลอสบตากับยงกุกที่นั่งให้ซอนโฮนัวเนียอยู่ตรงโซฟา
“มึงมานั่งนี่มา” ยงกุกไม่รอให้เหยื่อรอดพ้นสายตาเขารีบกวักมือเรียกแล้วตบด้านข้างโดยการดันซอนโฮให้ออกไปไกลๆ คนโดนผลักออกได้แต่ทำหน้ามุ่ยสลับกับมองอูจินแล้วยอมย้ายไปนั่งเบียดแจฮวานแทน อูจินหันซ้ายหันขวาหวังจะหาตัวช่วยแต่ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเพราะฮยองซอบโดนแดเนียลลากเข้าไปในห้องครัวเรียบร้อยเลยต้องยอมจำนนคอตกไปหายงกุก
“สวัสดีครับพี่”
“ไม่ต้องมาเรียกกูพี่”
“อ่าวนี่มึงพูดเองนะ”
“มึงไปเซี่ยมไอ้จีฮุนเหรอ” สิ้นคำถามของยงกุกที่สวนกลับไปทำเอาอูจินก้มหน้าลงขวับทั้งๆที่เมื่อกี้ตั้งใจจะกวนตีนเขา
“มึงนี่พูดเหลวไหล”
“ไหลหน้ามึงสิ ไม่งั้นไอ้จีฮุนจะรู้จักจินยองได้ไง”
“ก็อยู่โรงเรียนเดียวกันรู้จักกันก็ไม่แปลก”
“แต่จินยองกูไม่ทำตัวเด่นขนาดให้ไอ้จีฮุนจีบแน่นอน”
“ก็แฟนมึงน่ารักไง แค่หายใจคนก็อยากจีบแล้ว โอ้ย!” คิมยงกุกโบกเข้าให้ที่หัวจนหน้าอูจินทิ่ม คนโดนกระทำขยำหัวตัวเองด้วยความเจ็บแต่จะทำกลับก็ไม่ได้ ต่อให้ไม่เรียก ‘พี่’ ยังไงเสียอีกคนก็ยังอายุมากกว่าเขาอยู่ดี
“ขอบใจที่ชมแฟนกูแต่คราวหลังช่วยดูแลแฟนกูด้วย”
“จริงๆพี่จีฮุนเขาก็ดูแลดี..”
“ไอสัดนี่..” อูจินหลับตาแน่นพอเห็นว่ายงกุกง้างมือจะทุบหัวเขาอีกรอบ
“แล้วทำไมมึงไม่บอกว่ามึงคบกับไอ้จินยองวะ!” อูจินดูหัวเสียที่ทำอะไรกลับไม่ได้ ทั้งจีฮุนทั้งยงกุกล้วนเป็นพี่รุ่นพี่
“มึงจะให้กูประกาศผ่านสำนักข่าวเลยไหม” ยงกุกดูหงุดหงิดเพราะคำถามของอูจินดันไปเหมือนกับของจีฮุน มันจำเป็นไหมที่เขาจะต้องป่าวประกาศเรื่องพวกนี้ให้ทุกคนบนโลกรู้ อยากรู้แล้วทำไมไม่ถามละวะ
“แล้วไปเจอกันได้ไง”
“งานโรงเรียน”
“อ๋อ วันที่แดฮวีบอกจะไปหาไอ้แดนแน่เลย” ดูเหมือนอูจินจะพูดกับตัวเองมากกว่ายงกุกเห็นแบบนั้นเลยเบี่ยงความสนใจไปที่กระป๋องเบียร์ตรงหน้าแทน เขานั่งสนใจเบียร์ในกระป๋องอยู่สักพักอันฮยองซอบก็เดินมานั่งแทรกกลางระหว่างยงกุกกับอูจิน อันที่จริงอูจินเป็นคนดึงฮยองซอบลงมานั่งเองเสียมากกว่าเพราะไม่อยากนั่งติดกับยงกุกมากเกินไป
“ช่วงนี้เป็นไงบ้างวะมึง ไอ้อูจิน” เซอุนทักขึ้นหลังจากที่ไม่ได้เจอเจ้าของชื่อมานานพอสมควร
“เรื่อยๆ ช่วงนี้ซ้อมบ่อยหน่อยเดี๋ยวมีแข่ง”
“อย่าดื่มเยอะสิ” อูจินที่ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มได้นิดเดียวก็ต้องโดนคนนั่งข้างๆจับแขนเอาไว้จนต้องผละออกจากปาก สายตาฮยองซอบดูไม่ค่อยพอใจที่ทุกคนในที่นี้เอาแต่ดื่มกันไม่มีใครห้ามใครทั้งสิ้น นี่ถ้าปล่อยให้อูจินมาคนเดียวมีหวังจำทางกลับบ้านไม่ได้แน่
“เมียดุวะ หูยยย”
“กูจะรอวันที่มึงมี ไอ้แจฮวาน”
“ถ้ากูมี กูจะเป็นคนข่มมัน ชีวิตกูใครอย่าแตะ”
“เก่งจังเลยนะมึงอ่ะ” แจฮวานหันมองเจ้าของเสียงที่แทรกเข้ามาด้วยสีหน้าโชว์เหนือ
“ทำไม หึงกูเหรอจ้ะเซอุน”
“หึงมึงนี่กูหึงแมวไอ้แดนดีกว่า” แจฮวานทำปากขมุบขมิบล้อเล่นอีกคนด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้เรียกรอยยิ้มให้ทุกคนในห้องยกเว้นจองเซอุน
“แล้วมึงโทรบอกจินยองไหมว่ามานี่”
“พี่คบกับพี่จินยองเหรอ” สิ้นคำถามของอูจินแฟนเด็กที่นั่งอยู่ตรงกลางก็หันขวับไปทางยงกุก คนโดนถามใช้สายตามองฮยองซอบก่อนจะหันไปตอบอูจิน
“กูส่งข้อความไปบอกแล้ว”
“พี่คบกับพี่จินยองเหรอ” ฮยองซอบยังคงถามคำถามเดิมไม่หยุด
“เออ ทำไม”
“ต่างกับพี่จีฮุนขนาดนี้ได้ไง”
“เมื่อกี้พูดไรนะ”
“มึงอย่าไปฟังมันพูดเลย” อูจินรีบยกมือขึ้นปิดปากของฮยองซอบพอเห็นสายตาของยงกุกกำลังจ้องมองไปที่แฟนของตัวเองแต่เจ้าตัวแสบกลับพยายามแกะมือของอูจินออก
“อื้อ! เค้าหายใจไม่ออกนะอูจิน!!” เจ้าของชื่อหลบหลีกมือไม้ที่ฟาดลงมาตามตัวเขาอย่างบ้าคลั่งของฮยองซอบอย่างทุลักทุเล เวลาโมโหทีไรสรรพนามคำว่า ‘พี่’ หายทุกที... “ก็แค่อยากรู้เองว่าพี่คนนี้อะเหรอเป็นแฟนกับพี่จินยองที่น่ารักของเค้า” ฮยองซอบใช้สายตามองคนข้างๆด้วยความไม่อยากเชื่อยิ่งเห็นสายตาก้าวร้าวของอีกคนสู้กลับมาก็ยิ่งโมโห
“เออ พี่จินยองที่น่ารักของนายอะแฟนที่น่ารักของฉัน มีไรเปล่า”
“พี่ชื่อยงกุกงี้พี่ก็รู้จักกับพี่จีฮุนหนะสิ”
“ฮยองซอบ...” อูจินนวดระหว่างหัวคิ้วตัวเองด้วยความหนักใจพลางส่งเสียงครางในลำคอเพื่อปรามอีกคนให้หยุดชวนยงกุกคุยสักที
“ฉันรู้จักไอ้จีฮุนแล้วทำไม”
“เปล่า ผมก็แค่ถามเฉยๆ”
“ไอ้อูจิน แฟนมึงทำตัวไม่น่ารักแบบนี้กับทุกคนเปล่าวะ”
“เด็กมันกำลังโต...”
“ทีพี่ยังทำตัวไม่น่ารักเลยนะครับ” ฮยองซอบรีบพูดแทรกอูจินขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทางกวนประสาทของยงกุก
“น่ารักจะตาย ไปถามจินยองดิ จินยองชอบนะ” รอยยิ้มกวนตีนปรากฏขึ้นบนใบหน้าสร้างความหัวร้อนให้คนเห็นอยู่ไม่น้อย อันฮยองซอบทำหน้ามุ่ยใส่เจ้าของรอยยิ้มนั่นก่อนจะหันไปหาอูจิน
“ทำตัวไม่น่ารักเลยฮยองซอบ”
“อูจินไม่เข้าข้างเค้าเหรอ”
“ต่อให้มันกวนตีนแค่ไหนมันก็เป็นพี่นายนะ”
“ขอบใจที่ยังเห็นคุณค่าของอายุกู” ยงกุกแกล้งเอามือทาบหน้าผากของฮยองซอบแล้วออกแรงดันไปด้านหลังเพื่อที่จะพูดคุยกับอูจินได้ถนัด คนโดนทำรีบปัดมือออกพลางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้พลางกอดแขนอูจินยกใหญ่ แล้วดูเหมือนคิมยงกุกจะมีงานอดิเรกใหม่คือการแหย่อันฮยองซอบโดยมีอูจินนั่งมองอยู่เฉยๆเพราะเขาก็ไม่รู้จะแก้ไขปัญหานี้ยังไง...
เด็กวัยรุ่นเจ็ดคนต่างเพลิดเพลินกับดนตรีและของมึนเมากันจนลืมเวลาปาเข้าไปเกือบห้าทุ่ม คิมยงกุกที่ได้รับโทรศัพท์จากจินยองเพิ่งดึงสติตัวเองกลับมาได้ว่าควรกลับบ้านเพราะดูท่าทางจินยองจะไม่อยากให้อยู่ต่อเพราะถ้าอยู่ต่อมีหวังดื่มไม่เลิกแน่ ยงกุกโดนอีกคนกำชับด้วยน้ำเสียงดุดันแต่ฟังดูงอแงเสียมากกว่าเขาจึงยอมขอตัวกลับก่อน การดื่มเบียร์ไปสี่กระป๋องก็ไม่ได้ทำให้เขาเมาอะไรมากมายแค่ตัวร้อนรุ่มๆให้พอมีกลิ่นแอลกอฮอล์ พอจะกลับก็มารับรู้ว่าด้านนอกฝนตกปรอยๆเลยได้ความห่วงใยจากคังแดเนียลบริจาคร่มให้หนึ่งคัน วันนี้เขาไม่ได้เอารถมาเพราะตอนมาแจฮวานแวะไปรับที่บ้านแต่เสือกไม่ขับไปส่งเพราะติดลม ช่างแม่ง เดินไปอีกหน่อยก็ถึงป้ายรถเมล์แล้ว เดินไปได้ไม่กี่นาทีก็ต้องหยุดชะงักเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเด็กผู้ชายคนนึงกำลังยืนกอดกระเป๋าอยู่หน้าตึกแถวไม่ไกลจากเขานัก ดีแค่ไหนฝนที่ตกลงกระทบร่มมันดังช่วยกลบเสียงหัวใจที่อยู่ๆก็เต้นเร็วไม่เป็นจังหวะจนน่าใจหาย ใบหน้างอแงเหมือนจะหงุดหงิดฝนที่อยู่ๆก็ตกลงมากับร่างกายที่สั่นเทาเพราะความหนาวมันกำลังทำให้ขาของคิมยงกุกค่อยๆขยับเดินเข้าไปหาจนมารู้ตัวอีกทีก็ยืนอยู่ตรงหน้าของเด็กคนนั้นเรียบร้อยแล้ว ใบหน้างุนงงของเด็กผู้ชายที่กำลังตื่นตูมกับฝนที่เทลงมาไม่หยุดเงยหน้าสบตากับเจ้าของร่มที่มายืนอยู่ตรงหน้าเขาก่อนจะเผลอพูดชื่อออกมาด้วยความประหลาดใจ
“พี่.. พี่ยงกุก” คนโดนเรียกค่อยๆมีสติกลับมาก่อนจะขยับตัวถอยหลังหนึ่งก้าวเมื่อรู้สึกว่าเขาจะยืนใกล้กับคนตรงหน้ามากเกินไป
“มายืนอะไรตรงนี้”
“พอดีผมมาทำธุระแถวนี้แล้วรอพี่จินอูมารับ…” ฮักนยอนเงียบเสียงลงหลังจากเอ่ยชื่อบุคคลที่สาม เขาพยายามหลบสายตาของยงกุกแต่ก็ทำไม่ได้เพราะคงไม่บ่อยนักที่เขาจะมีโอกาสได้มองหน้าของอีกคนแบบนี้ใกล้ๆอีก จะบอกว่าคิดถึงก็ได้ จูฮักนยอนคิดถึงคิมยงกุก นี่คือสิ่งที่แล่นอยู่ในหัวของเด็กน้อยตรงหน้า
“แล้วทำไมไม่พกร่ม”
“ก็ใครจะไปรู้ว่าฝนจะตก” ใบหน้าฉุนเฉียวกับน้ำเสียงงอแงทำให้ภาพเหตุการณ์เก่าๆโผล่เข้ามาไม่หยุด ยงกุกสูดลมหายใจเข้าก่อนจะยื่นร่มให้อีกคน
“งั้นเอาไป”
“เอ้า แล้วพี่ใช้อะไร”
“ไม่ต้องห่วงคนอื่น บอกให้เอาไป”
“ไม่เป็นไร ผมยืนตรงนี้ก็ไม่เปียกสักหน่อยเดี๋ยวพี่จินอูก็จะถึงแล้ว”
“ฉันบอกให้ถือ”
“…” ฮักนยอนไม่ชอบเวลาที่ยงกุกทำเสียงดุใส่ เขาทำหน้าไม่พอใจก่อนจะรับร่มจากมืออีกคน “พี่จะทำไร”
“เดี๋ยวไม่สบายแล้วหาเรื่องไม่ไปโรงเรียนอีก” ยงกุกไม่สนใจท่าทางเลิ่กลั่กของคนตรงหน้า เขายังคงพยายามเอาเสื้อเดนิมของตัวเองคลุมตัวของฮักนยอนเอาไว้ส่วนตัวเองก็มีแต่เสื้อยืดสีเทาตัวบางที่ตอนนี้ก็เริ่มเปียกฝนแล้วด้วย
“ขอบคุณครับ”
“…”
“พี่ยงกุก” เจ้าของชื่อเลิกคิ้วขึ้นตอบรับเสียงเรียกของอีกฝ่าย “ตอนนี้พี่มีความสุขดีใช่ไหม” สิ้นคำถามของฮักนยอนดูเหมือนยงกุกจะคิดคำตอบนานไปหน่อยเด็กใจร้อนอย่างเขาเลยต้องขยับตัวไปใกล้ๆก่อนจะถามย้ำอีกครั้ง “ไม่ได้ยินที่ผมถามเหรอ”
“อื้อ ก็มีความสุขดี”
“เพราะว่าพี่มีแฟนใหม่แล้วละสิ”
“ใช่”
“…”
“หมดคำถามยัง ถ้าหมดฉันจะได้ไป” ยงกุกทำท่าจะเดินออกไปจากตรงนั้นแต่ฮักนยอนก็เรียกรั้งเอาไว้
“แฟนพี่อยู่โรงเรียนเดียวกันกับผมเหรอ”
“…”
“เห็นพวกนักกีฬาบาสเขาคุยกัน ผมรู้แค่ว่าพี่จีฮุนเคยจีบ”
“นายรู้จักจินยองด้วยเหรอ"
“เปล่า ผมเคยเห็นหน้าแต่จำชื่อไม่ได้” ฮักนยอนเงียบไปครู่หนึ่งพอเห็นสีหน้าของยงกุก “ชื่อจินยองเหรอ”
“ชื่ออะไรก็ไม่เกี่ยวกับนาย ฉันไปก่อนนะ”
“เดี๋ยวสิครับ” มือเล็กคว้าแขนของอีกคนเอาไว้ “แล้วพี่.. รักผมมากกว่าหรือว่ารักคนนั้นมากกว่า”
“ไม่เห็นต้องคิดเลย ฉันก็ต้องรักแฟนฉันสิ”
“…”
“แพ-จิน-ยอง คนนั้นที่นายว่าชื่อแพจินยอง”
ไม่รู้ว่าด้วยอารมณ์โกรธ...
“เป็นคนที่ฉันรักมากที่สุดในตอนนี้”
หรือเพราะสายตาอ้อนวอนที่กำลังจ้องมองผมอยู่
“นายไม่ควรถามฉันแบบนี้ขณะที่นายก็มีแฟนอยู่นะ ฮักนยอน”
แต่สิ่งเดียวที่ผมมั่นใจที่สุดก็คือ.. ผมรักแพจินยอง ไม่ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าจะเป็นคนที่ผม(เคย)รักมากก็ตาม
____________
มือเล็กวางช้อนลงข้างๆถ้วยน้ำแข็งใสก่อนจะเอื้อมมือไปทาบบนหน้าผากของคนตรงหน้า คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากันอย่างพินิจพิจารณาอาการของคนเป็นแฟนที่ไม่ยอมปริปากพูดตั้งแต่เจอกันหน้าโรงเรียนถ้าหากว่าแพจินยองไม่ยอมถาม รู้อยู่ว่านิสัยอีกฝ่ายเป็นคนไม่ค่อยพูดแต่แบบนี้มันผิดปกติ
“ไม่สบายเหรอ ตัวอุ่นๆ” คิมยงกุกที่นั่งก้มเล่นโทรศัพท์อยู่เหลือบตามองจินยองพลางคว้ามือของอีกคนที่แตะอยู่บนหน้าผากเขามาวางที่โต๊ะแล้วกุมเอาไว้หลวมๆแทน
“ไม่ใช่หรอก”
“แต่พี่ไอด้วยนะ ผมสังเกต” จินยองหรี่ตามองอย่างคนจับผิด คนเห็นถึงกับอมยิ้มกับท่าทางของคุณหมอจำเป็น “หรือเพราะเมื่อคืนดื่มเยอะ ก็ผมบอกแล้วใช่เปล่าว่าให้ดื่มน้อยๆ”
“ก็ไม่ได้ดื่มมากมายพอนายโทรมาก็กลับเลย”
“ห้าทุ่ม.. ก็ลองไม่กลับดูสิ” สิ้นคำพูดของจินยองอีกคนก็มีท่าทางแปลกๆก่อนจะก้มหน้าไอไม่หยุด “พี่ไม่สบายจริงๆด้วย… ไปทำอะไรมา” น้ำเสียงจินยองดูเป็นห่วงมากยิ่งใบหน้าหงอของเจ้าของยิ่งแล้วใหญ่ ยงกุกรีบหยิบน้ำขึ้นมาดื่มพลางฉีกยิ้มเหมือนกับว่าตัวเองสบายดีแต่มันยิ่งทำให้จินยองรู้สึกเศร้ามากกว่าเดิม “ไม่ต้องมายิ้มเลย ผมเป็นห่วงนะ นั่นน้ำก็เย็นไม่ต้องกินมันแล้ว นี่ด้วย…” จินยองก้มมองถ้วยน้ำแข็งใสที่ตัวเองร้องอยากกินยงกุกเลยพามาก่อนจะดันมันหลบไปข้างๆ
“ไม่ได้ อันนี้นายต้องกินให้หมด” ยงกุกขยับถ้วยมาไว้ตรงหน้าจินยองเหมือนเดิม
“ไม่เอา พี่กินไม่ได้ผมก็ไม่อยากกินแล้ว”
“อย่างอแงดิ ฉันแค่ไอเอง”
“แค่ไอก็ไม่ได้อ่ะ ปวดหัวไหม อยากกลับเปล่า” จินยองทำท่าจะลุกขึ้นยืนยงกุกเห็นแบบนั้นก็รีบย้ายข้างไปนั่งข้างจินยองแทนพลางกดเอวของอีกคนให้นั่งลง
“จินยอง ฉันไม่เป็นอะไรมาก”
“จริงๆนะ” สายตาสั่นระริกเหมือนลูกหมากำลังจะร้องไห้จ้องมองคนข้างๆไม่วางตา
“เออออ จริงดิ”
“หนาวเปล่า” ยงกุกสะดุ้งเล็กน้อยพออีกคนเอื้อมมือสองข้างมาประคองหน้าเขาไว้ ความเย็นจากมือเล่นเอาเจ้าตัวถึงกับดึงหน้าไม่ถูก “หนาวเหรอ”
“เย็นมือนายนี่ละจินยอง…”
“เอ่า… ขอโทษครับ” คนตัวเล็กรีบชักมือกลับพลางก้มหน้าหงุดลงด้วยความรู้สึกผิด ไหล่บางยวบลงเล็กน้อยหลังจากหัวทุยๆของคนข้างๆวางลง แพจินยองเหลือบมองการกระทำของยงกุกขณะที่ตัวเองก็รู้สึกเขินขึ้นมาเสียเฉยๆ “ปวดหัวเหรอ” เขาพูดทั้งๆที่ไม่กล้าแม้แต่จะหันหัวไปมอง
“เปล่า ขออยู่แบบนี้สักพักได้ไหม”
“…”
“ส่วนนายก็นั่งกินไปให้หมด” จินยองโดนมือหนากอดรอบเอวเอาไว้ เขาไม่รู้ว่ายงกุกเป็นอะไรหรือแค่ง่วงนอนแต่เขาก็ไม่ได้ขัดขืนแถมยังรีบหยิบถ้วยน้ำแข็งใสมานั่งกินอย่างตั้งใจทั้งๆที่มีหัวของอีกคนวางอยู่บนไหล่ นี่เขาตั้งใจกินมากกว่าตั้งใจเรียนอีกนะเนี่ย..
วันนี้จินยองขอกลับบ้านไวกว่าทุกครั้งปกติจะต้องขอแวะไปนู่นนี่แต่พอเห็นอาการของอีกคนแล้วก็ไม่อยากจะงอแงกลายเป็นยงกุกที่งอแงใส่จินยองขนาดก่อนกลับให้แวะซื้อยาก็ยังทำท่าเหมือนคนจะตายเสียให้ได้
“อย่าลืมกินยาด้วยนะ”
“รู้แล้ว”
“พูดเพราะๆสิแล้วก็ตอบว่าเข้าใจด้วย”
“…”
“ไม่งั้นผมไม่เข้าบ้านนะ”
“ครับ.. เข้าใจแล้ว” ยงกุกตอบเสียงเบาเหมือนกับว่าเป็นสิ่งที่ยากสำหรับเขามากในการพูด ‘ครับ’ จินยองยิ้มกว้างชอบใจก่อนจะเดินไปจุ้บปากอีกคน “จุ้บไม..”
“ไม่ชอบเหรอ”
“ชอบดิ แต่เดี๋ยวติดหวัด” ยงกุกขยับถอยหลังไปหนึ่งก้าว จินยองเห็นแบบนั้นก็เดินตาม
“เป็นหวัดไม่ใช่โรคร้ายแรงสักหน่อย”
“ฉันไม่อยากให้นายเป็น”
“แต่ถ้าพี่เป็นผมก็อยากเป็นหนิ” จินยองเริ่มงอแงอีกครั้งพอโดนยงกุกขัดใจ
“ไม่ ฉันไม่อยากเป็นห่วงนาย มันเหนื่อยนะรู้ไหม”
“เป็นห่วงผมมันน่าเหนื่อยขนาดนั้นเลยเหรอ..” จินยองมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย ยงกุกเกาหางคิ้วตัวเองเมื่อรู้สึกไปไม่เป็นเพราะเขาไม่ได้จะสื่อแบบนั้น นี่ทำไมคนปกติถึงจิตใจอ่อนไหวกว่าคนป่วยอีกวะเนี่ย
“ไม่ใช่แบบนั้นดิ”
“แล้วมันแบบไหน มันน่าเบื่อมากเหรอ”
“ไปกันใหญ่ละ ฉันหมายถึงพอนายป่วยฉันก็ไม่ได้อยู่ใกล้นายตลอดเวลา อยากจะนอนกอดก็ทำไม่ได้ อยากจะป้อนยายังยากเลย มันเหนื่อยไงที่ต้องมานั่งกังวลว่านายจะเป็นยังไง ถ้าอยู่ด้วยกันก็ว่าไปอย่าง”
“…”
“เพราะฉะนั้นไม่ต้องป่วยอะดีแล้ว”
“ที่พูดมาทั้งหมดนี่พี่ป่วยอยู่นะ.. แล้วผมก็เป็นห่วงพี่ด้วย”
“แต่ฉันเก่ง ฉันดูแลตัวเองได้ฉันจะรีบหายเพราะอยากจูบเด็กตรงหน้าจะแย่อยู่แล้ว” ยงกุกไม่พูดอย่างเดียวเขาเอื้อมมือไปยีหัวเด็กผู้ชายที่เขาอยากจะดึงมากอดให้แน่นแต่ก็ต้องห้ามใจเอาไว้เพราะกลัวอีกคนติดหวัด แค่ก่อนหน้านี้ไปนั่งข้างๆยังกลัวจะติดแต่ถ้าไม่ทำแบบนั้นเด็กอยู่ไม่นิ่งอย่างจินยองก็ไม่ยอมกินน้ำแข็งใสให้หมดสักที
“ถ้าพูดแบบนี้กลับบ้านไปแล้วกินยาด้วยนะ จะได้หายไวๆ”
“อยากโดนจูบอะดิ”
“หรือไม่อยาก”
“มียอกย้อน รู้แล้ว เข้าบ้านได้แล้วนายอ่ะ”
“อื้อ”
“ฉันไปนะ”
“ถึงแล้วทักมาบอกด้วยนะ” ยงกุกพยักหน้าพลางโบกมือไล่ให้จินยองเข้าบ้าน เขารอให้อีกคนเดินเข้าไปในบ้านถึงจะยอมเดินถอยออกมา แพจินยองพอเข้าไปในบ้านได้ก็รีบวิ่งไปตรงหน้าต่างแอบมองว่ายงกุกเดินไปแล้วหรือยังพอเห็นว่าอีกคนกำลังเดินไปก็อดใจหายไม่ได้ นี่เขาเป็นห่วงอีกฝ่ายมากขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ถ้าเป็นไปได้เขาเองที่อยากไปส่งยงกุกที่บ้านมากกว่าแต่คงโดนปฏิเสธหัวชนฝาแน่นอน ว่าแต่… อีพี่ดงโฮหายไปไหนอีกแล้วเนี่ย
____________
เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยังดูไม่ตื่นตาตื่นใจเท่ากับอีแดฮวีมานั่งดูหนังกับคังดงโฮเลย... จากการที่เขาเลิกเรียนเสร็จกะว่าจะกลับบ้านก็ได้รับสายโทรศัพท์จากดงโฮว่าวันนี้ว่างไหม จะชวนให้มานั่งแปลงานภาษาอังกฤษให้หน่อยเพราะเห็นว่าแดฮวีดีกรีนักเรียนนอกมาตลอดชีวิตวัยเด็กแต่ต้องกลับมาร่ำเรียนมัธยมปลายที่บ้านเกิดเลยอ้างว่ามีโอกาสก็อยากให้ใช้ภาษาหรือเรียกตามภาษาของอีแดฮวีก็คือการเอาเขามาใช้ประโยชน์เพื่อตัวเองนั่นละ นั่งแปลไปแปลมาคนที่เบื่อกลับเป็นเจ้าของงานเลยออกความคิดว่าควรไปพักสมองโดยการดูหนังสักเรื่อง คนที่ควรพูดว่าพักสมองควรจะเป็นแดฮวีมากกว่าไม่ใช่คนนั่งเล่นโทรศัพท์มาสองชั่วโมงอย่างเขา
แล้วนี่คือจุดเริ่มต้นของการที่แดฮวีอยู่ในโรงหนังกับดงโฮที่นั่งกอดอกท่าทางสบายใจอยู่ข้างๆ เห็นแล้วก็หมั่นไส้ หนังสือเล่มก็ใหญ่ยังจะเอามายัดฝากในกระเป๋านักเรียนของผมอีก ไอ้คนเห็นแก่ตัว!
“หยิบน้ำให้หน่อยดิ” ดงโฮใช้สายตามองไปที่แก้วน้ำที่วางอยู่ด้านข้างตัวเองแท้ๆแต่กลับไม่ยอมขยับตัวหยิบเอง แดฮวีใช้โอกาสที่ไฟในโรงหนังมันมืดแอบเบะปากทีนึงก่อนจะเอื้อมมือไปประคองแก้วโค้กแก้วใหญ่ยื่นให้อีกคน เขาดูตกใจเล็กน้อยที่ดงโฮไม่ยอมรับแก้วแต่กลับก้มหน้าลงมาดูดน้ำทั้งๆที่สายตาก็ยังมองจอหนังอยู่
“ทำไมไม่ถือเอง หนักก็หนัก เย็นก็เย็น”
“ก็นายไม่ได้บอกให้ถืออ่ะ” แดฮวีรีบวางแก้วน้ำลงก่อนจะชักสีหน้าใส่คนด้านข้าง เขาไม่อยากจะตอบโต้อะไรแล้วยิ่งพูดไปเสียงก็ยิ่งดังขึ้นเดี๋ยวจะโดนคนรอบๆด่าเอา มือเล็กถูกันไปมาเมื่อรู้สึกเย็นจากเครื่องปรับอากาศภายในโรงหนังบวกกับที่จับแก้วน้ำเมื่อกี้ เสื้อนักเรียนตัวบางก็ไม่ได้ช่วยให้ความอุ่นอะไรกับเขาเลยสักนิดนี่หนังเพิ่งเล่นไปยังไม่ถึงครึ่งเรื่องเลยนะ จะมาหนาวแบบนี้ไม่ได้!
กึก..
แก้วน้ำโค้กถูกย้ายฝั่งไปอยู่ด้านซ้ายของดงโฮก่อนที่ที่กั้นระหว่างเขากับแดฮวีจะถูกยกขึ้นเก็บ มารู้ตัวอีกทีร่างเล็กก็โดนคนตัวโตกว่าโอมไหล่พลางรั้งให้แดฮวีขยับเข้าไปใกล้ๆเขา
“ขยับเข้ามาดิ”
“พี่มามากอดผมทำไม” แดฮวีกระซิบด้วยความตกใจแต่คนฟังให้ความรู้สึกว่าอีกคนกำลังแผดเสียงใส่เขาอยู่ถ้าไม่อยู่ในโรงหนังเสียงนั้นต้องดังมากแน่ๆ
“ไม่ได้กอด ก็เห็นหนาว หยุดพูดแล้วขยับตัวมาเร็วๆ เดี๋ยวคนอื่นด่า” ดงโฮหันมองซ้ายขวาทำท่าเหมือนกลัวคนอื่นจะรำคาญเขาสองคน แดฮวีเห็นแบบนั้นก็ไม่กล้าขัดขืนอะไรมากเลยได้แต่ยอมขยับตัวเข้าไปใกล้ พอไหล่บางแนบชิดกับอกแกร่งของตัวเองเขาก็เลื่อนมือจากแขนของแดฮวีไปจนถึงมือเล็กที่กุมกันอยู่บนหน้าขา เพียงแค่มือของดงโฮมือเดียวก็สามารถกุมมือทั้งสองข้างของแดฮวีได้สบายๆ ภายในร่างกายเขาตอนนี้ลืมความหนาวไปเสียสนิทความร้อนเริ่มก่อตัวจนรู้สึกว่าเหงื่อเริ่มออกตามฝ่ามือ “อุ่นขึ้นมาบ้างยัง”
“คะ.. ครับ”
“ดี แล้วก็เลิกบ่นด้วยฉันจะดูหนังแล้ว” แดฮวีเงียบไปแปบนึงก่อนจะพยักหน้ารับ เขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองจอภาพใหญ่ตรงหน้า ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงเพราะกลัวอีกคนจะรู้ว่าเขากำลังไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่กล้าแม้แต่จะขยับแขนหรือตัวเพราะกลัวว่าดงโฮจะรำคาญ แต่สิ่งเดียวที่เขาควบคุมไม่ได้ก็คงจะเป็นหัวใจที่กำลังเต้นผิดจังหวะจนรู้สึกหน่วงทั่วท้องไปหมด...
นี่ผมกำลังดูหนังแอคชั่นอยู่นะ มันต้องไม่ใช่ความรู้สึกนี้สิ!!
____________
โถ่ ฟิคฟิวกู๊ดของฉัน...
เอาหน่าไม่อยากให้เรียกดราม่า คนมีความรักก็ต้องมีหึงหวง
เป็นบททดสอบความสัมพันธ์ของทั่งคู่ ก็ว่ากันไป
รักกันอย่างเดียวเดี๋ยวจะเบื่อกันไว โน๊ะะะ
เราไม่ดึงดราม่าแบบละครช่องสามแน่นอน 55555555
เราเข้าส่องแท็ก #กุกนยอง ทุกวันเลย ขนาดรู้ว่าไม่มีโมเม้นก็ยังรั้น
ก็เราคิดถึงคู่นี้ จะมีก็แต่ฟิคที่ยาเยียวหัวจัยย
ขอบคุณที่ยังเข้ามาอ่านยังสนับสนุนทั้งเราและก็คู่กุกนยองมากๆน้าา
อ่านบางคอมเม้นเราก็ขำ พี่ยงกุกมันกวนตีนขนาดนั้นเลยเหรอ 555
อย่าลืม ฮัชแท็ก #มบฟช นะจ้ะ จุ้บบ
ความคิดเห็น