คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : MABAE 01
\First kiss (?)
“จินยองงงง อยู่บ้านไหม” เสียงสดใสดังโหวกเหวกรอดผ่านหน้าต่างบานกระจกที่เปิดขึ้นนิดหน่อยเพื่อให้อากาศได้ถ่ายเท เจ้าของห้องที่กำลังนอนอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงแทบจะทันทีที่ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วนั่น “แบ-จิน-ยองงง บ้านหลังนี้มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่หรือเปล่...”
“เสียงดังโหวกเหวกอะไรตรงนี้ ไปเล่นที่อื่นนู้น” ดูเหมือนเสียงของเขาจะไปสะกิดต่อมความอดทนของใครบางคนที่เดินออกมาจากบ้านเล่นเอาร่างเล็กถึงกับผงะถอยหลังไปสองสามก้าว
“พะ พี่ดงโฮ”
“เออ ฉันเอง”
“สวัสดีครับ ผะ ผมมาหาจินยอง”
“รู้ตั้งแต่ตะโกนเรียกชื่อมันแล้ว” บุคคลที่ชอบใช้ความหนาของร่างกายตัวเองกดขี่คนที่อ่อนแอกว่ากำลังส่งสายตาไม่พอใจไปให้อีกคน อีแดฮวีกลื่นน้ำลายหนืดลงคอพลางหลบสายตาคู่นั้นจนไม่ได้สังเกตว่าอีกฝ่ายกำลังยกยิ้มชอบใจกับลูกไก่ที่ยืนตัวสั่นอยู่ตรงหน้าเขา “แล้วมาหาน้องฉันทำไม”
“ผมจะชวนน้องชายพี่ไปงานโรงเรียนฮันริม... คะ ครับ” เป็นอีกครั้งที่แดฮวีรีบก้มหน้าลงหลังจากแอบเงยหน้าขึ้นมาแล้วเผลอสบตากับอีกฝ่าย
“เรียนอยู่ฮันริมกันเหรอไง”
“ปะ เปล่าครับ” แดฮวีแทบอยากจะวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้ถ้าหากว่าเพื่อนสนิทของเขาไม่ยอมออกมาหาสักที นี่จะขาดใจตายอยู่แล้วนะ!
“แล้วถ้าฉันไม่ให้...”
“พี่ดงโฮ อย่าแกล้งเพื่อนผมดิ” แดฮวีแทบจะทิ้งตัวลงไปนั่งกับพื้นหลังจากได้ยินเสียงเพื่อนของตัวเอง เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่จนจินยองเห็นถึงกับต้องหัวเราะกับความขี้กลัวพี่ชายเขาของแดฮวี
“อ่าวเพื่อนนายเหรอ คิดว่าลูกหมาหลงทางมาซะอีก” น้ำตานี่ไล่ตามต่อมมาเลยถ้าอีกฝ่ายพูดทำร้ายจิตใจเขาอีกทีนี่มีร้องไห้แน่ๆ
“จินยอง ไปงานโรงเรียนฮันริมกัน” ดงโฮเหลือบมองการกระทำของเด็กตัวเล็กที่พยายามจะกระซิบชักชวนจินยองให้ไปกับเขาแต่พอเห็นว่าเขากำลังจ้องอยู่ก็ต้องเม้มปากหดหัวหดคอยืนสงบนิ่งอยู่หน้าบ้านแทน
“ไหนบอกตัดใจได้แล้วไง”
“ก็พี่เขาทักมาชวนหนิ” แดฮวีทำปากยื่นปากยาวพลางก้มมองมือตัวเองเหมือนรู้สึกผิดที่มักจะใจอ่อนอยู่เสมอ
“อย่ามาร้องไห้งอแงอีกแล้วกัน”
“ไม่แล้ว ไปในถานะพี่น้องล้วนๆ”
“จริงอ่ะ”
“อื้อ” จินยองอมยิ้มกับความชอบแถของเพื่อนตัวเองก่อนจะหันไปมองพี่ชายที่ยืนทำตัวอันธพาลอยู่ข้างๆแถมยังมองแดฮวีเหมือนเด็กหัวโจกที่ชอบคิดแผนแกล้งเพื่อนตลอดเวลาอีกตั้งหาก
“พี่ดงโฮ”
“…”
“พี่ดงโฮ!”
“อะไร” ดงโฮหันขวับมามองจินยองก่อนจะทำหน้าหาเรื่องเขาแทน “เรียกทำไม”
“ไปส่งผมกับแดฮวีที่ฮันริมหน่อยสิ”
“อยากไปก็ไปกันเองสิ”
“งั้นผมฟ้องแม่นะว่าพี่ทำเครื่องสำอางแม่แตก”
“เดี๋ยวกูไปหยิบกุญแจรถแปบ รอแปบนึงนะ อย่าไปเองละอันตราย” ไม่ต้องอ้อนวอนเหมือนที่มันชอบให้ผมทำมันก็รีบเดินเข้าไปในบ้านทันที ยังมีหน้าหันมากำชับความปลอดภัย โคตรเสแสร้งเลย ความที่กลัวแม่จะด่าที่ตัวเองเผลอทำเครื่องสำอางแม่ตกแตกตอนเข้าไปขโมยครีมบำรุงหน้าแม่มาทา นี่เดินผ่านพอดีไงเลยเห็น กุมความลับมันเป็นล้านรอเปิดโปงตลอดเวลาเอาดิ
:
เสียงดนตรีดังมากหลังจากพวกเขาลงมาจากรถจินยองก็ต้องยกมือขึ้นปิดหูทันทีแต่ดูเหมือนแดฮวีจะชอบอะไรแบบนี้หรือไม่ก็กำลังตื่นเต้นที่จะได้เจอพี่แดเนียลแฟนเก่าของมันถึงได้มีท่าทางตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา คนก็เยอะส่วนใหญ่ก็นักเรียนโรงเรียนฮันริมนี่แหละ แต่งานนี้เป็นงานเปิดที่โรงเรียนนี้มักจะจัดขึ้นทุกปีซึ่งโรงเรียนอื่นสามารถเข้าร่วมได้แต่ต้องยื่นบัตรนักเรียนให้อาจารย์หน้าโรงเรียนตรวจดูทุกคน
ทั้งจินยองและแดฮวีเดินเบียดผู้คนเข้ามาจนถึงห้องประชุมใหญ่ที่เป็นที่จัดไฮไลท์ของงานคือเวทีใหญ่ที่มีไว้ให้นักเรียนวิชาดนตรีขึ้นโชว์ซึ่งรวมถึงวงของคังแดเนียลด้วย
“พี่แดเนียลอยู่ไหน” จินยองก้มลงไปพูดข้างๆหูของแดฮวีเพราะเสียงดนตรีและเสียงกรี๊ดดังมากแถมพวกเขายังมายืนบริเวณลำโพงอีกตั้งหาก
“พี่เขาบอกอยู่แถวๆข้างเวทีอ่ะ” แดฮวีว่าพลางชะโงกหัวเขย่งๆมองบริเวณข้างเวทีซึ่งไม่ห่างจากที่ทั้งสองคนยืนนัก จินยองได้ยินแบบนั้นก็หันมองตามเผื่อว่าจะเจอรุ่นพี่ที่เขารู้จัก แต่แทนที่เขาจะตั้งใจมองหาแฟนเก่าของเพื่อน สายตาเขากลับหยุดที่ผู้ชายคนนึงที่ยืนคุยอยู่กับกลุ่มเพื่อนสองสามคน ตัวสูงโปร่งจนเป็นจุดเด่น ผมด้านหน้ายาวจนแทบจะปิดตาของเขาอยู่แล้วแต่กลับดูมีเสน่ห์ยังไงบอกไม่ถูกแล้วยิ่งสายตาเรียบเฉยที่กำลังจ้องมองมาที่เขายิ่งแล้วใหญ่ เขาดูไม่ค่อยมีสมาธิคุยกับเพื่อนที่ยืนพูดอยู่ตรงหน้านักเพราะเอาแต่จ้องมองมาที่คนตัวเล็กแต่หรือแบจินยองจะคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไป
“เดี๋ยวเรามาเตรียมตัวกับวงต่อไปกันดีกว่าครับ” สิ้นสุดคำพูดของคนบนเวทีดูเหมือนเสียงกรีดร้องจะหวีดดังมากขึ้นและคนก็กรูกันเข้าไปเบียดกันตรงหน้าเวทีจนทั้งจินยองและแดฮวีต้องรีบขยับตัวถอยออกมาหลังจากโดนชนไปหลายครั้ง กลิ่นหอมเบาๆให้ความรู้สึกอบอุ่นยังไงบอกไม่ถูกตีเข้าจมูกของจินยอง มันไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมแต่มันกลับดึงดูดเขามากขนาดนี้ได้ยังไงกัน
“ขอโทษที” คนตัวเล็กหันไปตามเสียงที่ดังมาจากด้านหลังก่อนจะยืนตัวแข็งทื่อเมื่อผู้ชายใส่ชุดนักเรียนของฮันริมเดินผ่านเขาไป ตัวเขาสูงมากๆพอมาเทียบกับตัวจินยองในระยะประชิดตัวและเขาก็ยังดูหล่อมากด้วยเมื่อมองใกล้ๆ
กลิ่นหอมเมื่อกี้...
“นี่ไงวงพี่แดเนียล!” จินยองกลับเข้าสู่สภาวะปกติหลังจากได้ยินเสียงเพื่อนตะโกนขึ้นมาพลางสะกิดไหล่เขาถี่ๆ เขาหมุนตัวกลับมาสนใจเวทีตรงหน้าเหมือนเดิมก่อนจะส่งยิ้มกลับไปให้มือกลองที่กำลังจ้องมองมาที่พวกเขา
คัง แดเนียล
เป็นผู้ชายขี้เล่นและค่อนข้างเอาใจเก่ง ใส่ใจคนรอบข้างเสมอ ดีกรีระดับมือกลองของวงที่ดังที่สุดในโรงเรียนฮันริม หน้าตาดีหุ่นในฝันของสาวๆหลายคนแต่ที่เคยครอบครองคังแดเนียลกลับเป็นอีแดฮวีที่ยืนตัวกระเปี๊ยกอยู่ข้างๆ
อย่างที่คุ้นเคยกันสำหรับจินยองและแดฮวีก็คือพี่ๆในวง นอกจากแดเนียลที่เป็นมือกลองแล้วนักร้องนำก็จะเป็นพี่เซอุน มือกีต้าร์คือพี่แจฮวานส่วนมือเบส...
“นั่นผู้ชายคนเมื่อกี้หนิ”
“นายว่าไงนะ”
“อ๋อ ปะ เปล่าๆ” จินยองรีบหันไปส่ายหัวใส่แดฮวีที่เผลอได้ยินเพื่อนงึมงำๆอยู่ข้างๆ พอเห็นว่าจินยองไม่ได้มีอะไรจะพูดกับเขาเจ้าตัวก็หันไปสนใจมือกลองบนเวทีเหมือนเดิม รวมทั้งจินยองด้วย ร่างสูงที่กำลังยืนปรับเสียงเบสอยู่บนเวทีมันกำลังดึงดูดเขาจนละสายตาไปไหนไม่ได้ เส้นผมที่ยาวเกลี่ยตาของเขาอยู่ถูกเสยขึ้นอย่างลวกๆด้วยความรำคาญ ทุกอิริยาบถของร่างสูงอยู่ในสายตาของแบจินยองแม้กระทั้งจังหวะขยับปากพูดกับเพื่อนในวงเขายังรู้ความหมายเลยว่าคนบนนั้นพูดอะไร
“พี่คนนั้นมาใหม่แน่เลย”
“หะ” เสียงของแดฮวีเรียกสติของจินยองกลับมาอีกครั้ง
“ก็พี่มือเบสไง จริงๆต้องเป็นซอนโฮสิ”
“นั่นสิ”
“แต่ไม่เป็นไร พี่เขาหล่อกว่าไอ้เจี๊ยบนั่นตั้งเยอะ” แดฮวีหัวเราะชอบใจกับความคิดของตัวเองเพราะเขาสองคนเวลาเจอหน้ากันก็มักจะกัดกันตลอดอาจจะเป็นเพราะอายุที่เท่ากัน ถึงแม้จะอยากรู้อยู่หรอกว่าซอนโฮไปไหนแต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากมาย
“สวัสดีครับบบ เรามาสนุกกันต่อเลยดีกว่า!”
:
การแสดงยังคงดำเนินต่อโดยเปลี่ยนวงใหม่ขึ้นไปแต่ดูเหมือนนักเรียนที่ออกันอยู่หน้าเวทีจะไม่รู้จักคำว่าเหนื่อยกันเลยสักนิด ที่เห็นได้ชัดก็คงจะเป็นกลุ่มคนอาจจะไม่แออัดเท่าวงก่อน แหม ก็ตัวเด่นมาอยู่วงนี้กันหมดเลยนี่ไง ยืนหอบหายใจกันอยู่ข้างเวที นี่ขนาดจินยองไม่ได้เป็นคนโดนจ้องมองเองยังรู้สึกทำตัวไม่ถูกเลยแล้วพวกพี่แดเนียลทำตัวชิวๆไปได้ไงเนี่ยทั้งๆที่มีสายตาของนักเรียนหญิงจ้องมองกันเต็มไปหมด
“คิดว่าจะไม่มาซะอีก” คังแดเนียลเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นแดฮวีเดินเข้าไปหา เขาหันมายิ้มให้จินยองเป็นการทักทายก่อนจะหันไปสนใจเด็กตัวเล็กตรงหน้า จินยองไม่อยากจะเดินเข้าไปฟังสองคนนั้นสนทนากันสักเท่าไหร่ก็เลยถอยออกมายืนหลบมุมอยู่ข้างๆลำโพงแทน เสียงดังจนหูจะระเบิดแล้วเนี่ย
“ทำไมไม่ไปนั่งตรงนั้น มายืนอะไรตรงลำโพงครับน้อง” เสียงร่าเริงของพี่แจฮวานดังขึ้นจากด้านหลัง จินยองหันไปยิ้มให้ก่อนจะมองไปที่เก้าอี้ที่พี่แจฮวานชี้ให้ดู อยู่ๆใจเขาก็สั่นขึ้นมาเฉยพอเห็นว่ารุ่นพี่คนนั้นกำลังนั่งยกน้ำขึ้นดื่มอยู่ที่เก้าอี้ข้างๆ
“ไม่เป็นไรครับพี่แจฮวาน ผมยืนตรงนี้แหละ”
“เห้ย ได้ไง ไปนั่งๆไอ้ยงกุกแม่งไม่กัดหรอกถึงหน้ามันจะเหมือนหมาก็เถอะ” ตาเหยียวตวัดขึ้นมองเจ้าของคำพูดทันทีพอแจฮวานกระชับไหล่ของจินยองให้เดินไปที่กลุ่มพวกเขา คิมยงกุกกลื่นน้ำลงคอก่อนจะเอนหลังพิงกับเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆไม่สนใจสายตานักเรียนหญิงที่กำลังหวีดเขาอยู่เลยสักนิด
“กวนตีน งานหน้ามึงไปลากไอ้ซอนโฮกลับมาเล่นเหมือนเดิมเลย”
“ได้ไงวะ ก็แม่น้องมันไม่ให้เล่น มึงก็เล่นดีออก ผู้หญิงก็แทบจะแดกมึง ไม่ชอบเหรอ” เขายกมือขึ้นเกาหางคิ้วของตัวเองแสดงท่าทางเมินเฉยกับคำพูดของเพื่อนตัวเองอย่างเห็นได้ชัดซึ่งจินยองก็แอบคิดอยู่เหมือนกันว่าพวกเขาสนิทกันจริงๆหรือเปล่าแต่ดูจากสีหน้าพี่แจฮวานแล้วสงสัยจะชินกับการกระทำดิบๆของผู้ชายคนนี้แล้วมั้ง
“จะแดกไอ้แดเนียลมากกว่ามั้ง”
นี่พี่เขายังไม่รู้ตัวเหรอว่าตัวเองก็จะโดนแดกอยู่แล้ว...
“จะแดกใครก็ช่างแต่มึงห้ามแดกน้องจินยอง จินยองนั่งตรงนี้แหละ”
“แล้วพี่จะไปไหน” จินยองรีบพูดขึ้นมาเมื่อแจฮวานพยายามกดไหล่ให้เขานั่งลงกับเก้าอี้
“พี่ไปคุยเรื่องวงแปบ มึงฝากดูน้องด้วยนะเว้ย”
“เออ” จินยองดูไม่ผ่อนคลายเลยด้วยซ้ำถึงแม้ว่าคนข้างๆจะตอบรับ ตอนนี้เขาอึดอัดจนบอกไม่ถูกพยายามนั่งให้นิ่งที่สุดแต่ก็อดหันไปมองพี่คนข้างๆไม่ได้ กินน้ำอีกแล้วเหรอ กินจนจะหมดขวดอยู่แล้ว “มองอะไร หิวน้ำเหรอ” น้ำเสียงโทนต่ำกับคำพูดห้วนๆมันก็เข้ากับหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวของเจ้าตัวอยู่หรอกแต่มันไม่เข้ากับกลิ่นตัวหอมๆชวนอบอุ่นนี่เลยสักนิด ขนาดเหงื่อออกพอสมควรยังมีกลิ่นหอมลอยออกมาเลย บ้าไปแล้วปะเนี่ย
“เปล่าครับ”
“…”
“แต่ถ้ามีอีกขวด ผมขอหน่อยก็ดีครับ” รู้สึกคอแห้งขึ้นมาเฉย...
“ไม่มี ถ้าไม่ถือก็กินขวดฉันได้” คิมยงกุกว่าพลางยื่นขวดน้ำที่เขาเพิ่งกระดกไปเมื่อกี้ส่งมาให้ มันก็เหลืออยู่ให้ดื่มพอแก้กระหายแหละแต่ทำไมถึงรู้สึกอยากกินทั้งแม่น้ำขนาดนี้ น้ำลายหนืดหมดแล้วเนี่ยแถมหน้ายังร้อนผ่าวๆจนอยากจะหยิบขวดน้ำพี่เขามาสาดใส่หน้าเสียจริง
“ขะ ขอบคุณครับ”
“เป็นแฟนไอ้แจฮวานเหรอ” ขวดน้ำที่รับมาเกือบหล่น คือพี่ใช้เส้นเลือดเส้นไหนคิดเหรอครับว่าผมคบกับพี่แจฮวาน...
“เปล่าครับ ผมยังไม่มีแฟน”
แล้วไปบอกเขาเพื่อออออ!!
คิมยงกุกยกยิ้มกับคำตอบของอีกฝ่ายแต่ก็เดาไม่ออกอยู่ดีว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จินยองหลบสายตาของรุ่นพี่ที่เอาแต่จ้องหน้าเขาพลางยกขวดน้ำที่รับมาขึ้นมาดื่มแก้เขิน
“ปากนายนี่เล็กดีนะ”
สำลักสิครับ!
ยกแขนเช็ดน้ำที่ไหลย้อนออกมาจากปากแทบไม่ทัน คำพูดที่ไม่คิดว่าจะหลุดออกมาจากปากคนที่เพิ่งรู้จักกันแถมยังสายตาแน่วแน่ที่ยังคงจ้องหน้าเขาอยู่มันยิ่งทำให้คนตัวเล็กทำอะไรไม่ถูก จะบอกว่ารู้สึกแปลกๆก็ไม่เชิงแต่มันก็รู้สึกเขินเสียมากกว่า มาพูดอะไรเกี่ยวกับปากเขาเนี่ย จินยองเม้มปากตัวเองแน่นพลางเหลือบมองคนที่ยังคงโน้มตัวมาจ้องเขา มันต้องแสดงออกขนาดนี้เลยเหรอไงกัน
“ปะ ปากพี่ก็เล็กเหมือนกันครับ”
“แต่อย่างอื่นพี่ไม่เล็ก”
“….”
“แหนะๆ ทำเชี่ยไรครับคุณยงกุก ไม่วอแวน้องเขาสิครับ” ก่อนที่วิญญาณของแบจินยองจะหลุดออกจากร่าง เสียงพี่แจฮวานก็ดึงเศษจิตวิญญาณเขากลับมาอีกครั้ง ยงกุกหัวเราะชอบใจในลำคอพอเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่ายก่อนจะลุกขึ้นยืน
“เสียใจด้วยวะ น้องเขาจูบกูไปแล้ว”
“หะ”
“หื้อออ”
“กูเอาของไปเก็บที่รถแปบนึง มีไรโทรมาแล้วกัน” คิมยงกุกพูดหน้าตาเฉยพลางเหลือบมองจินยองที่นั่งกำขวดน้ำแน่น รอยยิ้มที่มุมปากของเขามันกำลังทำให้คนเห็นรู้สึกวูบวาบไปหมด นอกจากพี่แจฮวานที่กำลังงงงวยกับคำพูดของเพื่อนตัวเองก็มีแบจินยองนี่แหละที่นั่งช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขานั่งรวบรวมสมาธิก่อนจะครุ่นคิดทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมด
หรือว่าจูบที่เขาว่าคือขวดน้ำที่คนตัวเล็กเพิ่งดื่มต่อจากปากเขาโดยไม่รังเกียจเมื่อกี้นี้
มันก็จะเรียกอีกแบบว่า จูบทางอ้อม ...
ไม่นะ แบจินยองงงงง
_______________
ก้าวเข้าคุกอย่างเป็นทางการ
คู่นี้มันมาเพราะความชั่ววูบของเราเองค่ะ
รู้หมดเลยว่าเรากำลังหลงเด็กร้อยเอ็ด -\\-
เราเลือกไม่ได้จริงๆ 5555
#กุกนยอง #กุกนยอน
อ่านเอาสนุกนะคะ ชอบไม่ชอบคอมเม้นคุยกัน ^^
ความคิดเห็น