ตอนที่ 5 : EP.04
EP.04
:)
มีเป็นพันล้านเหตุผลที่ทำให้คนสองคนเลือกเดินแยกทาง
แน่นอนว่าหนึ่งเหตุผลในนั้นคือ ‘ไม่รู้สึก’
“เราเลิกกันเถอะจองยอน”
รู้อยู่แล้วล่ะ
รู้อยู่แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง
จองยอนเลือกที่จะเงียบ ปิดปากไม่ให้เสียงสั่นเล็ดลอดออกไป เธอพยักหน้ารับพร้อมส่งฝืนยิ้มออกไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
ทำไม?
บางทีเธออาจไม่จำเป็นต้องถามมันออกไป
“ถ้าขอให้อยู่ต่ออีกสักนิด ก็คงจะมากไปใช่ไหม” จองยอนเม้มปากแน่น เธอพยายามห้ามความรู้สึก ห้ามไม่ให้น้ำตาไหลออกมาต่อหน้าใครอีกคน
คนที่เธอรักมาก
“ต่อให้ฉันไม่ยอมรับ เธอก็จะไปอยู่ดีใช่ไหมล่ะ”
จองยอนรู้สึกถึงหัวใจที่กำลังแตกสลายเป็นชิ้นเล็ก อันที่จริงเธอเองนั่นแหละที่ผิด ผิดที่เธอพยายามรั้งอีกฝ่ายไม่ให้เดินจากไป ทั้งที่หัวใจของใครอีกคนมันกลายเป็นของคนอื่นไปตั้งนานแล้ว
ทำไมล่ะ?
ทำไมถึงปกป้องหัวใจดวงนี้ไว้ไม่ได้เลย
“ขอโทษนะจองยอน ขอโทษจริงๆ”
ร่างบางเดินจากไปโดยไม่คิดจะหันกลับมามอง ทิ้งให้คนอ่อนแอจมอยู่กับน้ำตาที่เธอไม่สามารถกลั้นมันได้อีกต่อไปแล้ว
สาวผมสั้นนั่งเท้าคางบนโต๊ะริมกระจกในร้านหนังสือแห่งหนึ่ง หูฟังคู่ใจถูกสวมเข้าตำแหน่งเดิมพร้อมทำหน้าที่บรรเลงเพลงโปรดที่เธอชอบฟัง เสียงเม็ดฝนคลอกับเสียงดนตรียิ่งฟังแล้วรู้สึกเหงา เธอจ้องมองหยดน้ำที่เกาะบนกระจกใสพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
‘คิดถึง’
ใบหน้าของคนรักเก่าปรากฏขึ้นในความคิดของจองยอน กลิ่นหอมของกาแฟที่ใครบางคนชงไว้ให้เธอในยามเช้า คำบอกรักหวานซึ้งที่เคยได้ยินทุกครั้งก่อนเข้านอน หรือแม้กระทั่งเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ถูกรีดจนเรียบ
ทุกสิ่งทุกอย่างมันหายไปพร้อมกับเธอคนนั้น
หญิงสาวเปิดหนังสือนวนิยายโรแมนติกจนถึงหน้าสุดท้ายของเล่ม น่าเศร้าที่เรื่องราวความรักกำลังจะจบลงในอีกไม่กี่บรรทัด
ความผิดหวังในครั้งนั้นทำให้จองยอนไม่กล้าที่จะเสี่ยงกับความรัก เธอมีโอกาสได้พบเจอกับคนมากมาย ทั้งสวย น่ารัก เก่งและเป็นคนดี คนพวกนั้นต่างยินดีมอบความจริงใจให้แก่เธอโดยไม่มีเงื่อนไข แต่สุดท้ายแล้ว—ก็ไม่มีใครสักคนที่เข้ามาเปิดประตูหัวใจของเธอได้
“ไม่เอาแล้วความรัก ฉันไม่อยากรักใครอีกแล้ว”
จองยอนกลายเป็นคนกลัวความรักไปเสียแล้ว
ความคิดเก่าวกไปวนมาในหัวสมอง กระทั่งใบหน้าคนรักเก่าเริ่มเลือนรางและจางหาย แทนที่ด้วยภาพรอยยิ้มหวานเผยฟันกระต่ายของใครอีกคน จองยอนพยายามสะบัดความคิดนั้นออกจากสมอง แต่เมื่อยิ่งพยายามไม่คิดมากเท่าไร—ภาพของใครคนนั้นกลับปรากฏชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น
“คุณ” เธอกระซิบกับตัวเอง
“ทำไมฉันต้องมานั่งคิดถึงคุณ”
Y E O U I N A R U S T A T I O N
“ขอบคุณที่มาใช้บริการนะคะ”
เสียงหวานจากเจ้าของร้านกล่าวขอบคุณพร้อมสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส หลังจากที่นายอนตัดสินใจย้ายข้าวของจากบ้านที่คังนัมมาอยู่ร้านที่อีแด ทำให้เธอมีโอกาสได้ดูแลธุรกิจอย่างใกล้ชิดมากขึ้น
เหตุผลที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาเรื่องการเดินทางหรอก
มันมีอะไรที่มากกว่านั้น
“คุณนายอนมองหาอะไรหรอคะ เห็นนั่งเหม่อมาสักพักนึงแล้ว” เมย์อดสงสัยไม่ได้ ก็นายอนมัวแต่นั่งเหม่อมองไปนอกหน้าต่างสลับกับจ้องหน้าจอมือถืออยู่แบบนั้น
“ไม่มีอะไรหรอกเมย์ ก็แค่คิดไรไปเรื่อยเปื่อย”
เป็นอีกหนึ่งวันที่นายอนรู้สึกเบื่อหน่ายกับกิจวัตรประจำวัน สองสัปดาห์แล้วที่ไม่ได้พบหน้าจองยอน หลังจากที่ไปเลือกซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าด้วยกันวันนั้น—หล่อนก็ไม่ได้ติดต่อเธอมาอีกเลย แม้แต่ข้อความสักคำก็ไม่ปรากฏให้เห็น สถานที่ที่ชอบไปก็ไม่มีแม้แต่เงาของอีกฝ่าย
คุณหายไปไหน? ยู จองยอน
นายอนอดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ หงุดหงิดที่อีกฝ่ายเข้ามาวนเวียนในความคิดของเธอตลอดทั้งวันทั้งคืน หงุดหงิดที่อีกฝ่ายทำอะไรตามใจตัวเองโดยไม่สนใจว่าจะมีใครอีกคนคิดถึงอยู่
นึกจะเจอก็เจอ นึกจะหายก็หาย
น่าหงุดหงิดชะมัด
สิ้นเดือนตุลาคมเป็นช่วงเวลาใกล้สิ้นฤดูใบไม้ร่วง ถึงจะยังไม่ใช่ฤดูหนาวแต่อุณหภูมิข้างนอกนั้นลดต่ำไม่เกิน 10 องศาเซลเซียส แล้วยิ่งในวันที่ฝนตก อากาศก็ยิ่งหนาวเย็นตามสภาพ
“คุณนี่มันไม่รอบคอบเลยนะ ใกล้เข้าฤดูหนาวแล้วหัดพกเสื้อคลุมบ้างสิ”
“เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”
ประโยคเดิมจากปากจองยอนยังคงวนเวียนในสมองของนายอนซ้ำไปซ้ำมา บางทีการนั่งอยู่เฉยๆในห้องสี่เหลี่ยมแสนน่าเบื่อก็ทำให้เรากลายเป็นคนคิดฟุ้งซ่าน นายอนจึงตัดสินใจพาตัวเองออกไปสูดอากาศข้างนอก
โดยที่เธอไม่ลืมที่จะพกเสื้อหนาวออกมาด้วย
Y E O U I N A R U S T A T I O N
แท็กซี่จอดเทียบข้างตึกแถวเขตมาโป หากมองผ่านแม่น้ำฮันไปอีกฝั่งจะเห็นสวนสาธารณะยออิโดพอดิบพอดี เธอก้าวเท้าเข้ามาในร้านหนังสือขนาดเล็กที่ตั้งอยู่บนชั้นสองของตึก
ร้านหนังสือ Soul22
สถานที่ประจำของนายอนสมัยเรียนมัธยมปลาย เธอมักจะมาติวข้อสอบในร้านหนังสือแห่งนี้เสมอ เสน่ห์ของมันไม่เหมือนร้านหนังสือทั่วไปหากเทียบกับร้านอื่นในย่านนี้
เนื่องจากเป็นเพียงร้านหนังสือขนาดเล็ก ทำให้บันไดทางขึ้นลงเล็กและแคบตามไปด้วย ร่างบางก้าวเท้าขึ้นมายังชั้นสองด้วยความใจลอย เธอเผลอชนเข้ากับใครอีกคนที่เดินสวนมาพอดี
“โอ๊ะ!” นายอนเผลออุทานด้วยความตกใจ
ความสูงที่กำลังพอดีทำให้ใบหน้าของนายอนอยู่ในระดับต้นคอของอีกฝ่าย ส่วนคนสูงกว่าได้แต่ยืนนิ่งโดยไม่คิดจะถอยห่างจากเธอแม้แต่นิด
“ขอโทษค่ะ” สัญชาตญาณของมนุษย์สั่งให้เธอก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ คนซุ่มซ่ามไม่ทันมองว่าข้างหลังเป็นขั้นบันได เธอเผลอก้าวถอยหลังจนร่างกายเสียสมดุลไปตามแรงโน้มถ่วง
“อ๊ะ—”
อีกฝ่ายเอื้อมมือมาคว้าร่างของนายอนไว้ได้ทัน โชคดีที่เธอไม่ตกบันไดหัวฟาดพื้นเสียก่อน คนซุ่มซ่ามหัวใจเต้นแรงเพราะความตื่นตระหนกโดยที่ร่างของเธอยังอยู่ในอ้อมแขนของคนตรงหน้า
“เกือบตกบันไดไปแล้วนะคุณ” หญิงสาวเอ่ยเสียงเรียบ “ซุ่มซ่ามจัง”
เสียงใสที่คุ้นเคยดังกรอกหูนายอนอย่างชัดเจน น้ำเสียง คำพูดคำจา ถ้อยคำ หรือแม้กระทั่งสรรพนามที่เรียกใช้ทำให้เธอมั่นใจ ว่าหล่อนคือคนที่เธอรอเจอหน้ามาตลอดสองสัปดาห์
แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือพรหมลิขิตอะไรนั่นหรอก
เพราะนายอนรู้และตั้งใจตามหล่อนมาที่ร้านหนังสือแห่งนี้
“นายอน” ร่างสูงประคองคนซุ่มซ่ามออกจนพ้นรัศมีขอบบันได “นี่คุณสะกดรอยตามฉันมาหรอ”
“บ้าหรอ คุณอะคิดไปเอง” หญิงสาวกรอกตาไปมาดูไม่เป็นธรรมชาติ ในขณะที่อีกฝ่ายยกยิ้มพลางแค่นหัวเราะในลำคอ
“คุณหายไปไหนมาตั้งสองสัปดาห์? หายไปไม่บอกไม่กล่าวเพื่อนใหม่เลยนะ”
อันที่จริงนายอนเองก็แอบจุกกับคำว่า ‘เพื่อน’ อยู่เล็กน้อยทั้งที่มันออกมาจากปากของเธอเอง แต่ทำไงได้ล่ะ—ก็พวกเธอเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆนี่หน่า
“ฉันเปลี่ยนเบอร์มือถือใหม่กะทันหันน่ะคุณ ขอโทษนะที่ไม่ได้ติดต่อไป ฉันมีปัญหาเรื่องงานนิดหน่อย” จองยอนอ้าง
จริงๆก็ไม่นิดหน่อย
หล่อนมีปัญหาเรื่องงานมากถึงขั้นรุนแรงเลยล่ะ
“แต่คุณก็เก่งนะ ตามมาหาจนถึงที่เลย” หล่อนฉลาดพอจะรู้ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
“ใครบอก—ฉันมายืมหนังสือต่างหากล่ะ”
เชื่อเถอะว่าแค่มายืมหนังสือ
ไม่ได้คิดจะตามมาหาถึงที่สักหน่อย
ไม่แน่ใจว่านานเท่าไรแล้วที่หญิงสาวสองคนยืนมองหน้ากัน นายอนเป็นฝ่ายหลบตาก่อนเพราะเธอยังหงุดหงิดคนตรงหน้าไม่หาย รู้ทั้งรู้ว่าจองยอนคงมีเหตุจำเป็นหรือธุระด่วนที่ต้องสะสาง แต่ทำไงได้—ก็คนมันคิดถึงจนพาลหงุดหงิดไปแล้วนี่หน่า
“แล้วทำไมแค่มายืมหนังสือต้องทำหน้าบูดเป็นตูดลิงด้วย” จองยอนแซว “หงุดหงิดอะไรมาอีกแล้วล่ะคุณ”
หงุดหงิดคุณนั่นแหละ รู้ตัวสักที!
“เปล่าค่ะ ฉันก็ปกติดีนะคุณ วันนี้อารมณ์ดี๊ดี”
“สายตาคุณมันฟ้องว่าคุณกำลังโกหกนะ” จองยอนมองอย่างจับผิด
“ขอยืมหน่อยสิ” หล่อนถือวิสาสะหยิบสมาร์ทโฟนในมือของนายอนมาไว้กับตัวก่อนจะเริ่มกดอะไรบางอย่าง หล่อนกรอกเบอร์มือถือใหม่ลงไปในรายชื่อพร้อมกับเพิ่มเพื่อนใน Kakao talk จนเสร็จสรรพ
“นี่เบอร์กับไอดีใหม่ของฉัน ส่งข้อความมานะถ้าคุณเหงาหรืออยากได้เพื่อนคุย” จองยอนกระตุกยิ้ม “หรือจะโทรมาหาฉันก็ได้ถ้าคุณนอนไม่หลับ”
นายอนเม้มปากแน่นเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง ตอนนี้เธอรู้สึกอยากยิ้มออกมาให้กว้างที่สุดเท่าที่จะกว้างได้ แต่ก็คงทำได้เพียงเก็บอาการไว้ไม่ให้อีกฝ่ายสังเกตเห็น
“ฉันคงไม่โทรไปกวนเวลาทำงานของคุณหรอก เดี๋ยวคุณจะไม่มีสมาธิออกแบบงาน” นายอนแสร้งหาเหตุผลอื่นมาอ้าง “แค่คุณติดต่อมาบ้าง ให้รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว อย่าหายไปแบบนี้อีกนะ”
แค่ติดต่อมาบ้าง แค่นั้นก็พอแล้วสำหรับคนเป็นเพื่อน
จองยอนพยักหน้า
“เออคุณ” หล่อนเอื้อมไปจับข้อมือคนหน้าบึ้งเบาๆ
“พรุ่งนี้เป็นวันเกิดฉัน คุณจะมาฉลองด้วยกันไหม?”
หูฝาดไปหรือเปล่า?
และแน่นอนว่านายอนไม่ปฏิเสธโอกาสนี้
“อื้อ พรุ่งนี้ฉันว่างพอดี—ว่าแต่คุณจะไปฉลองวันเกิดที่ไหนหรอ?” เธอถามกลับ
“บ้านของฉันเอง”
:)
TBC.
Yeouinaru Station
#สถานียออินารุ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

นายอนน่ารักค่ะ พิจองก็แหมบอกว่าจะไม่คิดไม่นั่นนี่แต่ก้ชวนเขาไปถึงบ้านแล้ว รอดูเลยว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรที่ปาร์ตี้รึเป่า หุย มองเขาเป็นแค่เพิ่ลกัลไม่ได้เลยอะ
โอ้วววววววววววววว มีปาตี้
นายอนคือชอบเค้ามากแล้ว หอบผ้าหอบผ่อนตามมาแล้วยังสะกดรอยตามอีก พอเจอก็ไปหงุดหงิดแง่งอน หึ่ยย หมั่นเขี้ยว