ตอนที่ 12 : EP.11 (The End)
EP.11
:)
ขึ้นชื่อว่า ‘ความรัก’ มันไม่มีอะไรง่าย ไม่เคยง่ายและไม่มีวันเป็นเรื่องง่าย
ลมหนาวพัดผ่านปะทะหัวใจแสนอบอุ่นทั้งสองดวงที่กำลังแนบชิด เป็นสัญญาณของหิมะที่กำลังร่วงโรยลงมาเป็นครั้งที่สอง และเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นใหม่ของใครบางคน
“ได้โปรดคบกับฉันเถอะนะ คุณนายอน”
แน่นอนว่าคำตอบในหัวใจของนายอนคือตกลง แต่ปากของเธอกลับไม่กล่าวคำนั้นออกไป เธอเพียงสวมกอดร่างสูงรับความอบอุ่นจากฝ่ามือที่กำลังลูบแผ่นหลังวนอยู่แบบนั้น ถึงอากาศจะหนาวจนหัวใจแทบหยุดเต้น...แต่คงจะเป็นความหนาวที่อบอุ่นที่สุดในปีนี้
“ก่อนฉันจะให้คำตอบ ฉันขอถามคุณก่อนหนึ่งคำถามค่ะ”
“…”
ไม่ว่าคำถามจากปากนายอนจะเป็นอะไร จองยอนก็พร้อมจะตอบมันโดยไม่เกรงกลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว
“สิ่งที่คุณขอในวันคริสมาสต์คืออะไร”
“ฉัน...”
“แต่คุณห้ามตอบเอาใจฉันนะคะ”
นายอนแตะนิ้วเรียวไปบนริมฝีปากของจองยอนพลางอ่อยอิ่งอยู่กับมันชั่วครู่ ก่อนหญิงสาวค่อยๆเลื่อนมันออกอย่างเชื่องช้าเพื่อฟังคำตอบของอีกฝ่าย
“ไหน ตอบมาสิคะ”
หัวใจเต้นตึกตักภายในอกซ้ายจนแทบจะหลุดออก ดวงตาสั่นไหวไม่มั่นคงระหว่างรอคำตอบจากปากของคนตัวสูง ถึงจะเป็นความรักครั้งแรกก็เถอะ—แต่มันก็ควรจะเป็นครั้งแรกที่สวยงามที่สุดสำหรับเธอไม่ใช่หรือ
นายอนไม่ใช่ผู้หญิงที่ใจอ่อนกับคำหวานของใคร ไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบให้คนอื่นมาเอาใจบ่อยๆ เธอต้องการเพียงความมั่นคงและความจริงใจก็เท่านั้นเอง
“ฉันไม่ได้ขออะไรในวันคริสมาสต์หรอกคุณ” จองยอนยิ้มบาง
“ไม่ว่าจะเป็นลุงซานต้า คำอธิษฐาน หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์...ก็ไม่มีสิ่งไหนที่สามารถให้สิ่งที่ฉันต้องการได้หรอก”
“แล้วคุณล่ะนายอน? คุณขออะไรในวันคริสมาสต์” จองยอนถามกลับ
“ฉันหรอ”
“อื้ม”
“ก็คงจะเป็น...” นายอนอ้ำอึ้งอยู่สักพักก่อนจะให้คำตอบอีกฝ่าย
“พรหมลิขิตมั้งคะ”
ผู้หญิงคนหนึ่งไม่เคยเชื่อในพรหมลิขิต—เธอไม่เคยเชื่อ กระทั่งความบังเอิญและความตั้งใจต่างๆที่นำพาให้หัวใจสองดวงเชื่อมหากันโดยอัตโนมัติ ในหนึ่งวันเราต้องพบเจอคนตั้งมากมาย แต่ทำไมกันล่ะ? ทำไมหัวใจถึงเต้นแรงแค่เพราะได้เห็นหน้าคนๆหนึ่ง มันเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล ทำไมกันล่ะ? ที่จังหวะชีวิตนั้นลงเอยกับคนๆนี้อยู่บ่อยครั้ง ทำไมเราถึงไม่ปล่อยให้เขาเป็นแค่คนที่เดินผ่านไปเฉยๆเหมือนกับคนอื่นๆ
เรื่องบังเอิญเกิดขึ้นได้ทุกที่ แต่บางครั้งเรื่องบังเอิญเหล่านั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญจริงๆก็ได้นะ เคยคิดไหมว่าบางทีมันอาจจะถูกเรียกว่า ‘ความตั้งใจของกามเทพ’ เราอาจจะเป็นตัวประกอบของความรักก็ได้ใครจะรู้ แต่เพราะพรหมลิขิตยังไงล่ะ...ที่นำพาให้เรากลายเป็นนางเอกของใครบางคน
เธอเชื่อเรื่องพรหมลิขิตแล้ว
“ถ้าฉันจะบอกว่าฉันชอบคุณตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน คุณจะเชื่อฉันไหม?”
นี่ไม่ใช่ประโยคจากปากนายอน—แต่เป็นจองยอนต่างหาก หญิงสาวเบิกตาด้วยความแปลกใจเล็กน้อยเมื่อร่างสูงตรงหน้าเป็นฝ่ายสารภาพทั้งที่ตอนนั้นหล่อนดูเย็นชาเสียเหลือเกิน
ความรักของเรามันก็เหมือนกับจดหมายที่ว่างเปล่า จดหมายที่ถูกส่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ผ่านอากาศ ผ่านเมฆปุยสีขาว กระทั่งมันตกลงที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้ หากเราศรัทธาว่าความรักยังคงมีอยู่ จดหมายฉบับนั้นมันอาจจะมีใครสักคนรับไปและเปิดอ่านมันแล้วก็ได้
ใครสักคนที่เราไม่ทันตั้งตัว
รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ตรงหน้าเสียแล้ว
“ฉันชอบคุณ ชอบคุณมากๆถึงขั้นแอบมองตามว่าคุณลงสถานีไหนในวันแรกที่เราเจอกัน แอบสืบว่าคุณเป็นใคร ทำงานอะไร”
ดวงตาคมเหลือบมองใบหน้าพลางเอ่ยขึ้นเบาๆ
“เรื่องที่แชยองพาเจ้าโปซงไปอาบน้ำที่ร้านกรูมมิ่งของคุณ มันก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกนะ ร้านของคุณดังจะตายแค่เสิชก็หาเจอแล้ว”
“…”
“หึหึ” คนผมสั้นหัวเราะเล็กๆ
“บอกแล้วไงว่าคุณน่ะมันไร้เดียงสา”
ยู จองยอนคนเย็นชาได้ตายหายจากโลกนี้ไปแล้วตั้งแต่ได้พบผู้หญิงตรงหน้า หล่อนปฏิเสธไม่ได้ว่านายอนคือคำตอบสำหรับทุกอย่าง คือสิ่งเติมเต็มในส่วนที่ขาดหาย คือแสงจันทร์ที่สาดส่องในยามค่ำคืน ไม่ใช่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกแต่รวมถึงจิตใจของเธอด้วยเช่นกัน
ศรัทธาในความรักมันหมดไปแล้วก็จริงแต่กลับถูกใครบางคนสร้างมันขึ้นได้อย่างง่ายดาย และไม่ใช่ใครที่ไหนก็ได้...มันต้องเป็นแค่คนๆนี้เท่านั้น
“ร้ายนักนะ รู้แบบนี้ไม่จีบก่อนหรอก”
“หื้ม? นี่คุณยอมรับแล้วหรอว่าจีบฉันอะ คุณนายอน” จองยอนแกล้งเอ่ยด้วยความขี้เล่น ในขณะที่อีกฝ่ายยกมือขึ้นปิดปากเมื่อพลั้งพูดประโยคนั้นออกไป
“แต่เอาเถอะ ตอนนี้ก็จีบติดแล้วนี่นา”
นัยน์ตาสีน้ำตาเคลื่อนเข้าใจนายอนมากขึ้น เธอจ้องเข้าไปในนั้นโดยไม่คิดจะละออก
“ตรงนี้ไม่ได้นะคะ คนเยอะ”
จองยอนยกยิ้มเล็กน้อยหลังจากนายอนโพล่งปากออกมาแบบนั้น ไม่ได้จะจูบสักหน่อยก็แค่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆเอง
“เป็นต้องเป็นห่วงหรอก เดี๋ยวฉันค่อยกลับไปจูบคุณที่บ้านก็ได้” หล่อนเอ่ย
“เพราะยังไงริมฝีปากของคุณก็เป็นของฉันแค่คนเดียว”
คำพูดเหล่านั้นมีอานุภาพสั่นคลอนหัวใจได้จริงๆ เป็นเหมือนกับอาวุธที่ใช้หลอมก้อนเนื้อหัวใจให้ละลายกองลงบนพื้นหิมะ นายอนกรีดร้องแต่เพียงดังลั่นในสมองของเธอเท่านั้น คนตรงหน้ากำลังใช้คำพูดหลอมละลายหัวใจของเธอ สายตาที่จองยอนจ้องมองมาเหมือนอยากจะบดขยี้เรียวปากให้มันรู้แล้วรู้รอดเสียตรงนี้ให้ได้
บ้าที่สุด คนบ้า บ้ามากๆๆๆ
“คุณลองจ้องตาฉันสิ เห็นอะไรไหม”
“…”
“ถ้าคุณเห็น...นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันต้องการที่สุดไม่ว่าเทศกาลไหน”
ความขวยเขินบีบให้เธอต้องหลบตาคนตรงหน้าอย่างปฏิเสธไม่ลง จะไม่ให้เขินได้อย่างไรก็สิ่งที่นายอนเห็นมันคือเงาสะท้อนของตัวเธอเอง
“ฉันตอบคำถามแล้วนะ ทีนี้จะเป็นของฉันอย่างเป็นทางการได้หรือยังคะ? อิม นายอน”
ปฏิเสธก็โง่แล้วล่ะ ตกลงสิคะ!
“ฉันเป็นของคุณตั้งแต่จูบแรกแล้วค่ะ”
“…”
“จะว่าไปคุณก็...จูบเก่งเหมือนกันนะ” นายอนอ้ำอึ้ง
“มีแฟนจูบเก่งแบบนี้ปากต้องเปื่อยแน่ๆเลย”
อยากตบปากตัวเองจังเธอพูดอะไรออกไปกันเนี่ย! ถึงว่าทำไมจองยอนถึงมองว่านายอนเป็นคนไร้เดียงสา ก็เล่นพูดทุกอย่างที่ใจนึกออกมาแบบนี้ใครกันจะไม่คิดล่ะ นายอนนะนายอน พังหมดแล้วความเป็นกุลสตรีที่สะสมมา
“มีแฟนไร้เดียงสาแบบนี้ต้องดูแลดีๆแล้วล่ะ” จองยอนยกยิ้ม
“ลองไม่ดูแลสิ อาจถึงตายนะคะ ยู จองยอน”
Y E O U I N A R U S T A T I O N
แสงไฟถูกประดับเต็มห้องรับแขกหลากสีสัน พร้อมเสียงดนตรีบรรเลงเบาๆไม่ให้รบกวนคนข้างบ้าน จองยอนจัดปาร์ตี้เล็กๆในคืนวันที่ 31 ธันวาคมโดยชวนมาแค่เพื่อนสนิทของตัวเองและนายอน รวมถึงสาวๆของแชยองด้วยเช่นกัน
“คุณจองยอนตัวจริงดูดีกว่าในรูปเยอะเลยค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ สงสัยนายอนโม้ถึงฉันไว้เยอะล่ะสิท่า หึหึ”
เป็นครั้งแรกที่จีฮโยได้เห็นหน้าจองยอนตัวจริง หล่อนแอบอึ้งไปพักใหญ่ก่อนเปิดปากพูดความในใจออกมา
ผู้หญิงอะไรวะหล่อเอี้ยๆ
ไม่แปลกใจเลยที่นายอนจะตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกเจอ จีฮโยรู้ดีว่านายอนไม่มีรสนิยมชอบผู้หญิงด้วยกันมาก่อนถึงจะเคยมีผู้หญิงมาจีบเธออยู่บ่อยครั้งก็เถอะ เฟิร์สอิมเพรสชั่นคงไม่พ้นความสวยปนหล่อของยู จองยอนเป็นแน่แท้ แถมหุ่นยังดีอีกด้วย สูงยาวเข่าดีดูภูมิฐานแบบนี้ก็ไม่แปลกที่จะตกนายอนได้ตั้งแต่วินาทีแรก
“นายอน! ทำไมโผแกตัวจริงดีขนาดนี้วะ ถ้าไว้ผมยาวก็น่าจะโคตรสวยด้วย เป็นได้ทุกร่างเลย...ยอมแล้ว” จีฮโยกล่าวขึ้นหลังจองยอนเดินออกไปแล้ว
“เขาดูไม่เย็นชาเหมือนที่แกเคยเล่าเลยอะ นิสัยก็ดี ยิ้มเก่ง แถมยังดูมีความสุขกับชีวิต”
ถ้าเป็นแต่ก่อนก็อาจจะใช่ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วล่ะ
“ต้องขอบคุณฉันที่เกิดมาสวย คุณจองยอนก็เลยชอบฉันไง เขาเลิกเป็นคนเย็นชาได้ก็เพราะฉันไงยะ”
“ตายแล้ว! ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างแกจะพูดประโยคนั้นออกมา อวดผัวเก่งจริงๆ”
“ธรรมดา” นายอนยักไหล่
ก๊อกๆๆ
ทุกครั้งที่นายอนเม้ามอยกับจีฮโยจะต้องถูกขัดจังหวะด้วยเสียงประตูทุกครั้งไป บทสนทนาระหว่างเพื่อนสนิทหยุดลงก่อนนายอนจะเป็นคนไปเปิดประตูต้อนรับแขกผู้มาใหม่ ถ้าเป็นแต่ก่อนเธอคงไม่กล้าทำแบบนี้หรอก แต่ตอนนี้จองยอนให้สิทธิพิเศษแก่เธอเต็มที่อย่างที่เธอไม่เคยได้รับที่ไหนมาก่อน
“เชิญค่ะ...คะ...คุณ เอ่อ”
หญิงสาวรูปร่างผอมเพรียว ผมยาวตรงสีน้ำตาลเข้มฉีกยิ้มกว้างเผยสีชมพูของเหงือกและฟันที่เรียงสวย หล่อนปรากฏในเสื้อโค้ทสีดำ ลิปสติกสีชมพูแต้มบนเรียวปากบางดูดีอย่างเหลือเชื่อ ใบหน้าเรียวสวยอย่างกับลูกคุณหนูที่ถูกดูแลมาอย่างดี นายอนยิ้มรับก่อนนำผู้มาใหม่เข้ามาในบ้าน
“เอ่อ จองยอนคะมีเพื่อนมาหาค่ะ—”
“ฉันมาหาแชยองค่ะ อีกแปปก็คงต้องไปแล้ว”
น้ำเสียงนุ่มนวลชวนฟังของผู้หญิงคนนี้บ่งบอกว่าหล่อนเป็นคนเรียบร้อยอ่อนหวานสมกับรูปลักษณ์ สำเนียงเกาหลีปนญี่ปุ่นเดาไม่ยากว่าหล่อนคงจะเป็นคนญี่ปุ่นอย่างแน่แท้
“เดี๋ยวฉันเรียกน้องแชยองให้นะคะ คุณ...?”
“มินะค่ะ เมียวอิ มินะ”
หล่อนตอบเสียงเรียบพลางส่งยิ้มมาให้เล็กๆ
นายอนพอจะได้ยินเรื่องของมินะมาบ้างตั้งแต่วันที่จองยอนทะเลาะกับแชยอง ผู้หญิงคนนี้มีอิทธิพลต่อแชยองมากไม่ว่าเรื่องใด แชยองคงจะดีใจไม่ใช่น้อยถ้ารู้ว่ามินะมาหาหล่อนถึงที่แบบนี้
“แล้วคุณคือใครคะ?”
“ฉันอิม นายอนค่ะ เป็นแฟนของจองยอน”
สิบห้านาทีแล้วที่มินะนั่งเงียบอยู่บนโซฟาขนาดเล็ก ไม่ต่างจากแชยองที่กำลังหลุบตาลงต่ำอย่างไม่มีเหตุผล รังสีแห่งความอึดอัดแผ่กระจายเต็มห้องนั่งเล่นจนนายอนไม่อาจทนนั่งอยู่ที่เดิมได้อีกแล้ว เธอจึงเอ่ยปากชวนจีฮโยออกไปสูดอากาศบริเวณหลังบ้าน จองยอนทำอาหารอยู่ในครัวที่อยู่ถัดไปอีกห้อง ส่วนโมโมะและเพื่อนคนอื่นๆก็กระจายกันไปซื้อเครื่องดื่มข้างนอก
“พี่มินะมาหาฉันทำไม” แชยองเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน
“ฉันได้ข่าวว่าเธอไม่ตั้งใจเรียน ติดผู้หญิง แถมยังไม่รู้จักใช้เงินอีก”
“แล้วพี่จะมายุ่งอะไรกับชีวิตฉัน”
“ฉันพูดเพราะเป็นห่วงเธอ ผู้หญิงที่ชื่อโมโมะไม่ได้ทำให้ชีวิตเธอดีขึ้นเลย เธอน่ะกำลังโดนผู้หญิงคนนี้หลอก—”
“พี่อย่ามาหวงก้างหน่า”
ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าแชยองต้องการเพียงเมียวอิ มินะ—แต่กลับโพล่งปากออกไปแบบนั้น คนพูดอาจไม่ตั้งในแต่คนฟังคงไม่ได้รู้สึกดีหรอกจริงไหม ความเจ็บแสบแล่นเข้ามาบีบหัวใจเมื่อสิ้นประโยคจากปากคนตัวเล็ก มินะแสยะยิ้มเล็กน้อยก่อนตัดสินใจพูดบางอย่างออกไป
“ถ้าคิดแบบนั้นก็ตามใจ เพราะนั่นมันชีวิตเธอไม่ใช่ชีวิตฉัน”
“…”
“เอ้อ แล้วก็รู้ไว้ว่าฉันไม่ได้หวงก้าง ฉันไม่ได้หวงเธอและไม่จำเป็นต้องหวง”
สาวญี่ปุ่นน้ำคลอเบ้า ถึงมันจะไม่ได้ไหลออกมาแต่ก็พอจะดูออกว่าหล่อนกำลังเสียใจเพราะคำพูดของแชยอง
“เพราะว่าเราไม่เคยเป็นอะไรกัน ไม่เคย”
ปวดหัวใจเหลือเกิน
หญิงสาวในเสื้อโค้ทสีดำก้าวออกไปจากบ้านและไม่หันกลับมามองอีก ทิ้งให้คนตัวเล็กนั่งอยู่ที่เดิมด้วยหัวใจที่แตกร้าว น้ำตาซึมจนมันไหลออกมาอาบแก้มทั้งสองข้างและหยดลงบนพื้น แชยองรักมินะมาก—มากเสียจนเธอจำเป็นต้องฝืนทำแบบนี้
มีเหตุผลบางอย่างที่แชยองไม่อาจบอกใคร
คนตัวเล็กปาดน้ำตาตัวเองลวกๆก่อนจะเดินเข้าห้องนอนของตัวเอง เธอพยายามปั้นหน้าให้ปกติที่สุดเพื่อให้ปาร์ตี้เคาท์ดาวน์ปีนี้มีแต่ความสนุก ปล่อยให้ความเจ็บปวดและความอึดอัดมันฝังอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเธอเพียงผู้เดียวเท่านั้น ต่อให้ผู้หญิงที่เธอรักที่สุดจะเดินจากไปเพราะคำพูดของเธอ แต่เธอก็ยังอยากจะบอกบางคำกับมินะ...ถึงหล่อนจะไม่ได้ยินก็ตาม
“สุขสันต์วันปีใหม่นะ...พี่มินะ”
แชยองมุดหน้าตัวเองลงหมอนคู่ใจก่อนจะระบายความเจ็บปวดทั้งหมดออกมา
คำว่าสิ้นปีเหมือนสิ้นใจ...มันมีอยู่จริง
Y E O U I N A R U S T A T I O N
…7
…6
…5
…4
…3
…2
…1
Happy New Year!!
เสียงพลุดังไปทั่วค่ำคืนในเทศกาลเฉลิมฉลองที่ผู้คนต่างรอคอย บ้างก็มีความสุขจนล้นเปี่ยม บ้างก็เหงาจนจับใจ บ้างก็เศร้ารับปีใหม่อย่างเช่นใครบางคนในตอนนี้ ส่วนคนมีคู่ก็ปล่อยให้อยู่กับคนรักในเทศกาลสำคัญ อย่างน้อยก็คงจะเป็นความทรงจำดีๆให้แก่กันและกันได้บ้าง
“คืนนี้ไม่ไปส่งแล้วนะ” จองยอนเอ่ยขึ้นทั้งที่ตอนแรกเธอรับปากว่าจะไปส่งนายอนที่ร้านหลังเคาท์ดาวน์
“นี่คุณจะปล่อยให้ฉันนั่งแท็กซี่กลับอีแดหรอ”
“เปล่า” เธอยิ้ม
“ฉันจะให้คุณนอนค้างที่นี่ต่างหาก”
“คุณจองยอน!”
“นอนห้องฉัน บนเตียงของฉันและต้องให้ฉันกอดทั้งคืนเลยด้วย”
ถึงเธอจะเคยทำแบบนั้นกันที่บ้านต่างจังหวัดของจองยอนก็ตาม แต่จะให้มานอนค้างบ่อยๆมันก็คงจะน่าเกลียดหรือเปล่า หรือบางทีนายอนอาจจะคิดมากไปเอง ก็เธอไม่เคยมีแฟนนี่นา...เจอแบบนี้ก็คงจะไปต่อไม่ถูก
“งั้นสัญญาก่อนว่าห้ามทำอะไรนอกจากกอดนะ นอนเฉยๆ โอเคไหม?”
นายอนแตะนิ้วไปบนเรียวปากของคนผมสั้นก่อนอีกฝ่ายจะจับมันออกและฉวยโอกาสจุ๊บเบาๆบนแก้มของเธอ
“หอมได้ไหม”
“อือ”
จองยอนยกยิ้มเจ้าเล่ห์
“แล้วจูบได้ไหมคะ”
ให้ตายเถอะทำไมจองยอนถึงกล้าพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าเพื่อนอีกหลายชีวิตที่นั่งอยู่ถัดไปกันนะ สีหน้าจีฮโยตอนนี้คือถ้าไม่กลัวเสียมารยาทก็คงจะขับรถหนีกลับบ้านไปแล้ว รู้แล้วว่ารักรู้แล้วว่าหวงแต่ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วยนะยู จองยอน!
“นี่คุณ!”
นายอนออกแรงฟาดเบาๆบนไหล่ของอีกฝ่ายด้วยความขวยเขิน ถึงจะดูน่าหมั่นไส้ไปบ้างแต่เทศกาลปีใหม่ปีนี้เป็นปีแรกที่นายอนมีความสุขที่สุด
เพราะเธอมีจองยอนอยู่เคียงข้าง
คนอื่นทยอยเดินทางกลับกันหมดแล้ว ส่วนข้าวของเครื่องใช้นั้นพวกเธอตัดสินใจว่าจะตื่นมาทำความสะอาดพรุ่งนี้เช้าแทน กลิ่นครีมอาบน้ำหอมฟุ้งเมื่อร่างบางทิ้งน้ำหนักลงบนเตียงนอน ห้องของจองยอนไม่ได้เรียบหรูอะไรมากมาย ออกจะรกเสียด้วยซ้ำเพราะเธอเป็นพวกบ้าอ่านหนังสือแล้วไม่ชอบเก็บเข้าชั้น
“รกอะ ทำไมคุณไม่ทำความสะอาดคะจองยอน”
สาวฟันกระต่ายบ่นอุบพลางหยิบหนังสือเรียงเข้าชั้นวางราวกับเป็นห้องของตัวเอง
“ต้องให้ฉันทำให้ใช่ไหมคะ หื้ม”
หล่อนบีบแก้มจองยอนด้วยความมันเขี้ยว จริงแล้วจองยอนก็แอบเป็นคนขี้เกียจเหมือนกันนะ ถึงจะดูรักสะอาดและทำงานอย่างขยันขันแข็ง แต่พอหัวถึงหมอนเท่านั้นแหละ...กลายเป็นคนขี้เกียจในพริบตา
“คุณก็มาอยู่กับฉันเลยสิ นั่งรถไฟฟ้าไปไม่กี่สถานีก็ถึงอีแดแล้ว”
จองยอนเอื้อมมือไปเกี่ยวเอวนายอนเข้ามาแนบชิด ทั้งสองคนอยู่ในท่านอนที่หันไปทางเดียวกันก่อนเรียวมือซุกซนจะโอบล้อมรอบเอวเอสของอีกฝ่าย
“ฉันเกรงใจน่ะค่ะ แชยองคงไม่อยากให้คนอื่นมาอยู่ด้วยหรอก”
“คิดมากหน่า แชยองรักคุณจะตาย...บ่นถึงแต่คุณจนลืมพี่สาวไปแล้วมั้ง” จองยอนกล่าว
“ฉันสัญญาว่าจะทำอาหารเย็นให้คุณกินทุกวัน ถ้าคุณเบื่อเราจะออกไปหาอะไรกินข้างนอกแทน ไม่จำเป็นต้องเป็นวันครบรอบหรือวันพิเศษอะไร แต่แค่คุณบอกว่าอยากกิน ฉันก็จะพาไป”
เรียวปากประทับลงบนแก้มใสอีกครั้งก่อนอีกฝ่ายจะพลิกตัวหันมาสบตาแฟนสาวของตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะอยู่กับคุณ แต่—”
“ไม่ต้องพาฉันออกไปกินอาหารหรูๆ ไม่ต้องคอยรับส่งฉัน ไม่ต้องซักผ้า ไม่ต้องทำทุกอย่างให้ฉันเพราะฉันจะทำทุกอย่างให้คุณแทน”
นายอนกล่าวต่อ
“ฉันไม่ได้ต้องการความหวือหวา ขอแค่คุณพาฉันไปกินออมุกที่สถานียออินารุ พาฉันไปเดินเล่นริมแม่น้ำฮัน นั่งกินไก่และเบียร์ด้วยกันในโอกาสพิเศษ ช่วยกันทำงานเก็บเงิน นานๆทีค่อยไปเที่ยวที่อื่นด้วยกัน แบบนี้ดีไหมคะ?”
นายอนรักในความธรรมดา—นั่นคือเสน่ห์ของผู้หญิงคนนี้ เป็นเสน่ห์ข้อที่จองยอนหลงรักจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว จองยอนเองก็ไม่อยากเปรียบเทียบนายอนกับแฟนเก่าสักเท่าไร แต่เธอก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านายอนคือคนรักที่ดีที่สุดในชีวิตแล้ว
“ตกลงตามนั้นค่ะ เจ้าหญิงของฉัน”
“งั้นคุณอยากจะเป็นเจ้าหญิงอีกคนหรือเจ้าชายดีคะ?” นายอนเอ่ยถามอย่างขี้เล่น
“เป็นเจ้าชายดีกว่า จะได้จุมพิตเจ้าหญิง”
ไม่รอให้อีกฝ่ายได้เตรียมใจ จองยอนโน้มใบหน้าพร้อมประทับเรียวปากลงบนลิปมันรสพีชที่นายอนทาไว้ก่อนนอน รสจูบยังคงละมุนและหวานหอมอย่างที่นายอนอวยไว้ไม่มีเปลี่ยน มีแฟนจูบเก่งเหมือนมีบุญวาสนาอย่างหนึ่ง ยอมรับว่าหล่อนเองก็เคยแอบเคลิ้มจนเกือบพลั้งเผลอทำอะไรที่ไม่ควรด้วยกัน แต่ยังดีที่เธอทั้งสองยังเรียกสติกลับคืนมาได้
เรียวปากกระชับขบเม้มอย่างนุ่มนวลก่อนผละออกจากกัน แววตาจดจ้องด้วยความรักและความต้องการพลางชวนให้สีชมพูอ่อนนั้นเคลื่อนที่ไปแตะจุดอื่นแทนริมฝีปาก กลิ่นหอมบนซอกคอของนายอนชวนให้ปลายจมูกอีกฝ่ายสัมผัสมัน ลมหายใจอุ่นปะทะเข้ากับส่วนอ่อนไหวทำเอาสาวฟันกระต่ายหัวใจเต้นรัว
“หยุดเลยค่ะคุณจองยอน ฉันบอกแล้วไงคะว่าห้ามทำอะไรมากกว่ากอดและจูบ...”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ช่างดูน่าหมั่นไส้นัก นายอนเองก็รู้ว่าจองยอนตั้งใจแกล้งแบบนั้นแต่บังเอิญว่าดันเคลิ้มจริงน่ะสิ ถ้าปล่อยให้อีกฝ่ายทำแบบนั้นมีหวังเลยเถิดกันไปไหนต่อไหนแน่นอน
“รอให้คบกันนานกว่านี้ก่อน...นะคะ”
มือเรียวลูบวนใบหน้าเล็กอยู่แบบนั้น ถึงปากจะบอกปฏิเสธแต่สายตาของนายอนช่างยั่วยวนชวนทำมิดีมิร้ายเสียจริง โชคดีที่จองยอนเองก็ไม่ได้เป็นคนบ้ากามอะไรทำนองนั้น เธอเข้าใจเหตุผลของนายอนและยอมหักห้ามอารมณ์ของตัวเองที่มันเกิดขึ้นไปแล้วเมื่อสักครู่นี้
“ก็ได้ค่ะ ฉันรักคุณนะเลยยอม หึหึ”
แหม—อันที่จริงก็แอบรู้สึกเสียดายใช่ไหมล่ะ ยู จองยอน
“ถ้าถึงเวลาที่ฉันพร้อมเมื่อไร ฉันสัญญาว่าคุณจะติดฉันงอมแงมไม่กล้าไปมีคนอื่นเลยแหละค่ะ”
นายอนบรรจงมอบจูบให้จองยอนอีกครั้งพลางเคลื่อนใบหน้าเข้ามากระซิบบางอย่างให้อีกฝ่ายฟัง
“รักคุณนะคะ เจ้าชายคนสวยของฉัน”
“รักคุณมากกว่าค่ะ...พรหมลิขิตของฉัน”
FIN.
Yeouinaru Station
#สถานียออินารุ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ขอบคุณสำหรับฟิคค่ะไรท์ :)
มันคนล่ะอารมณ์เลย มิแชง กะทูยอนอ่ะ แต่เรื่องมันเป็นของทูยอนนิเนอะ ทำเขินอ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาา
มิแชงนุค้างคามาอ่ะ ส่งอีกเรื่องมาไวไวนะคะ