ตอนที่ 10 : EP.09
EP.09
:)
“แล้วแกคิดว่าเขาหายไปไหนล่ะ? ข้อที่หนึ่ง—”
ในขณะที่จีฮโยนั่งคิดเป็นตุเป็นตะถึงเหตุผลที่จองยอนหนีหายจากนายอนไปเมื่อคืนก่อน อีกฝ่ายได้แต่นั่งใจลอยไปทั่วเหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แน่นอนว่าจีฮโยรู้เรื่องนี้ได้เพราะนายอนเป็นคนเปิดปากเล่าด้วยตัวเอง
นายอนยอมเป็นคนใจง่ายในสายตาเพื่อนสนิทแต่ไม่ยอมเก็บเรื่องอึดอัดไว้ในใจเพียงคนเดียว เธอโทรชวนให้จีฮโยมาเจอที่ร้านกรูมมิ่งของเธอเองเนื่องจากภาระงานที่ล้นหลามทำให้เธอไม่สามารถออกไปเจอเพื่อนสนิทข้างนอกได้ แถมอากาศก็เริ่มเข้าสู้ฤดูหนาวอย่างเต็มที่แล้ว—ถ้าสังเกตจากหิมะที่กำลังปลิวตกลงมาจากท้องฟ้าข้างนอกนั่น
“ข้อที่หนึ่ง เขารีบไปธุระเรื่องงานกะทันหันเพราะแกตื่นสาย”
“สอง เขาแจ้นออกไปซื้อของขวัญวันแต่งงานให้แฟนเก่า”
“และสาม”
หล่อนฉุกคิดอยู่พักหนึ่ง
“เขายังรักแฟนเก่าอยู่และทำใจไม่ได้ เลยหนีไปอยู่คนเดียวสักพัก”
ถ้าให้คำนวณความน่าจะเป็น แบบที่สามน่าจะมีความเป็นไปได้สูงมากๆ ถึงเธอจะไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นก็ตาม—นายอนคิดแบบนั้น
“แกมั่นใจแล้วหรอว่าคนนี้?”
อันที่จริงเธอเองก็ไม่แน่ใจหรอก ทว่าสายตาและหัวใจที่มันสั่นไหวไม่เป็นจังหวะเวลาอยู่กับจองยอนกลับฟ้องว่าหล่อนคือคนที่ใช่ ถึงแม้ว่าเธอจะเอาแน่เอานอนอะไรกับผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เลยสักนิด เดี๋ยวมาเดี๋ยวหาย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย อย่างกับคนเป็นโรคสองบุคลิกหรือพวกไบโพล่าร์อย่างไรอย่างนั้นแหละ
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ คนมันรักไปแล้วนี่นา
“ไม่รู้สิ” นายอนตอบออกไปแบบนั้น
“แกว่าฉันควรโทรหาไปเขาดีไหม?”
จริงหรือที่ความรักมักทำให้คนเราดูโง่
สำหรับนายอนแล้วคงจะไม่ใช่แบบนั้น ความรักไม่เคยทำให้เธอกลายเป็นคนโง่ แต่เธอต่างหากที่ยอมโง่เพื่อความรัก ต่อให้สิ่งที่จองยอนทำกับเธอไว้มันค่อนข้างที่จะเจ็บปวดก็ตาม แต่จะให้ทำอย่างไรล่ะ...ก็ตอนนี้เธอเห็นความรู้สึกของอีกฝ่ายสำคัญกว่าตัวเองไปแล้วล่ะ
เพื่อนสนิทยังไม่ทันได้ตอบคำถามคาใจ—เสียงดังก๊อกแก๊กลั่นมาจากประตูหน้าร้าน หญิงสาวเลื่อนสายตามองตามเจ้าของเสียง ปรากฏชายหนุ่มสูง หุ่นดี หน้าตาพอใช้ได้เดินเข้ามาพร้อมกับสุนัขพันธ์ชิบะอินุตัวโต
“สวัสดีครับ พอดีผมจะพาน้องมาอาบน้ำกรูมมิ่งครับ”
เมย์—พนักงานดีเด่นประจำร้านต้อนรับเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ท่าทางใจดีและสุภาพของชายหนุ่มนั้นปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขามีเสน่ห์ไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นๆ
“สวัสดีค่ะ เชิญนั่งรอตรงนี้ก่อนนะคะ”
เมย์นำสุนัขสีส้มเข้าไปในห้องด้านใน ปล่อยให้เจ้าของนั่งรออยู่หน้าร้านกับหนังสือนิตยสารหนึ่งเล่ม
“เอ่อ...ขอโทษนะคะ”
เสียงใสดังออกมาจากลำคอหญิงสาวเจ้าของร้าน นายอนสังเกตใบหน้าของผู้ชายคนนี้มาสักพักหนึ่งจนแน่ใจว่าเขาคือคนที่เธอรู้จัก ก่อนจะเดินเข้าไปทักทายเขาพร้อมแก้วน้ำที่วางบนถาดไม้
“ครับ—” ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่เขาหันมามองใบหน้าหญิงสาว ดวงตาลุกวาวและเบิกกว้างราวกับไม่ได้เจอคนตรงหน้ามานานหลายปี
“คุณนายอน”
“คุณวอนพิล...ใช่จริงๆด้วย”
แน่นอนว่าเขาและเธอรู้จักกันแล้วในระดับหนึ่ง คิม วอนพิล ชายหนุ่มผู้สุภาพและเรียบร้อยที่สุดเท่าที่นายอนเคยรู้จัก ทั้งสองเคยเจอกันงานแสดงละครสัตว์ที่วอชิงตันหลายปีก่อน เหตุเพราะนายอนบังเอิญทำกระเป๋าเงินหายในคืนนั้นหลังจากโชว์ละครสัตว์จบลง วอนพิลยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเธอในยามคับขัน เธอจึงมีโอกาสได้มารู้จักกับชายหนุ่มแสนดีคนนี้ รสนิยมที่ไปด้วยกันได้ทำให้เขาและเธอพูดคุยกันอย่างถูกคอ จะว่าบังเอิญก็บังเอิญแหละ—ทั้งนายอนและวอนพิลเป็นคนรักสัตว์และชอบร้องเพลงเหมือนกันอีกด้วย
วอนพิลขอเบอร์ของนายอนไว้เผื่อติดต่อกันในยามฉุกเฉิน ผ่านไปไม่กี่เดือนหลังจากที่นายอนเดินทางกลับ เขาจึงโทรมาหาเธอและชักชวนให้เธอไปร้องเพลงด้วยกันที่งานแต่งงานของเพื่อนสนิท กระทั่งเธอทั้งสองสนิทสนมกันอยู่พักหนึ่ง...แต่สุดท้ายการงานที่ยุ่งเหยิงก็บีบให้นายอนต้องออกห่างจากผู้ชายแสนดีอย่างวอนพิลไป
เขาและเธอไม่มีความสัมพันธ์กันทางชู้สาว
นายอนมั่นใจว่าผู้ชายคนนี้เป็นแค่เพื่อนสนิทของเธอเท่านั้น
“เจอคุณพอดีเลย ผมได้ยินมาว่าที่นี่เป็นร้านกรูมมิ่งของคุณเลยว่าจะแวะมาบอกข่าวดี”
“แล้วทำไมไม่โทรมาล่ะคะ”
“ก็คุณปิดเครื่องนี่ครับ ผมพยายามโทรไปหาหลายสายแล้วนะ”
นายอนใจหายเล็กน้อยเมื่อสมองก้อนเล็กเพิ่งสำนึกได้ว่าเธอเพิ่งเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ได้ไม่นานมานี้ หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย ข่าวดีที่ว่านั่นคือเรื่องอะไรกัน
“คุณจำเพื่อนของเพื่อนผมที่เป็นนักบินอวกาศได้หรือเปล่าครับ? เขากำลังจะแต่งงานและเชิญให้ผมไปร้องเพลงที่งานแต่งของเขา”
ชายหนุ่มลุกยืนเคียงข้างกับนายอน พร้อมยื่นการ์ดเชิญงานแต่งงานให้กับหญิงสาว
“ผมอยากให้คุณไปกับผมจริงๆนะ ถือซะว่าเป็นงานสุดท้ายที่เราจะได้ร่วมงานกัน เพราะต่อจากนี้ผมจะเลิกร้องเพลงและไปหางานทำจริงจังแล้วครับ”
หญิงสาวเอะใจเมื่อกระดาษการ์ดตรงหน้าช่างคุ้นตาเธอเสียจริง และสุดท้ายเธอก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อข้อความสลักชื่อด้านในปรากฏชื่อที่คุ้นเคย
Sana Minatozaki ❤ Ericson Taylor
“เพื่อนคุณคนนี้ทำงานอยู่นาซ่าหรอคะ แล้วเจ้าสาวของเขาล่ะ?”
“ใช่ครับ—เจ้าสาวของเขาทำงานอยู่นาซ่าเช่นกันแต่ยังไม่ได้เป็นนักบิน เธอรอเปลี่ยนสัญชาติเป็นอเมริกันให้ถูกต้องตามกฎหมายก่อนจะเข้าทดสอบเป็นนักบิน”
ความจริงกระจ่างเมื่อนายอนได้ยินประโยคนั้นจากชายหนุ่ม สำหรับเธอ...ซานะก็แค่ผู้หญิงเห็นแก่ตัวคนหนึ่งที่เลือกอนาคตของตัวเองมากกว่าความรักก็เท่านั้นเอง มีรักแท้อยู่ในกำมือแล้วแต่กลับไม่เห็นคุณค่าของมันเลยสักนิด
น่าเจ็บใจเนอะ...ว่าไหม
“พวกเขาจะแต่งงานกันวันไหนคะ?”
“23 ธันวาคมครับ”
ก่อนคริสมาสต์เพียงแค่สองวันและนับจากวันนี้ไปอีกแค่ห้าวันเท่านั้น เธอเองก็อยากจะเห็นหน้าของคนที่ชื่อซานะให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย คนแบบไหนกันนะที่กล้ามาทำให้ผู้หญิงซื่อสัตย์อย่างจองยอนต้องเจ็บปวดและกลายเป็นคนกลัวความรัก
นายอนฉุกคิดสักพักก่อนที่เธอจะตัดสินใจตอบเขาออกไป
“ตกลงค่ะ คุณวอนพิล”
“ฉันจะไปร้องเพลงกับคุณที่งานแต่งของพวกเขา”
Y E O U I N A R U S T A T I O N
ยังมีคนหนึ่งผูกพันกับความรักและความชัง ความรักที่เป็นเพียงอดีตแสนโหดร้าย ความรักที่เป็นเพียงเรื่องหลอกเด็ก
รักแท้...มันไม่มีจริงหรอก
ประโยคสุดท้ายในหน้าสุดท้ายจบลงด้วยเรียวนิ้วของสาวผมสั้นผ่านโปรแกรมไมโครซอร์ฟเวิร์ด ความฝันที่จะเป็นนักเขียนของจองยอนมาถึงครึ่งทางแล้ว เหลือแค่ลองส่งต้นฉบับทั้งหมดให้กับสำนักพิมพ์ที่เหมาะสม
หญิงสาวสั่งพิมพ์กับโรงพิมพ์ทั่วไปมาเก็บไว้กับตัวเองก่อนหนึ่งเล่ม ส่วนอีกเล่มเธอหวังจะมอบมันเป็นของขวัญให้ใครคนหนึ่ง คนๆนั้นต้องเป็นคนพิเศษมากพอที่จะทำให้จองยอนตั้งใจเขียนนิยายเล่มนี้ออกมา...เพื่อมอบให้หล่อน
“จริงๆให้ทางร้านส่งไปที่อยู่ของคุณก็ได้นะคะ ไม่เห็นต้องมารับถึงที่ขนาดนี้เลย”
เสียงใสของเจ้าของโรงพิมพ์เอ่ยขึ้นอย่างเป็นกันเอง เกือบลืมไปเลยว่าวันนี้จองยอนมีนัดรับเล่มนิยายที่สั่งพิมพ์ไว้
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันตั้งใจมารับที่ร้าน” เธอยิ้ม
“ขอบคุณนะคะ”
นี่ก็ใกล้ถึงเทศกาลคริสมาสต์แล้ว จองยอนใช้โอกาสที่ลางานมาเลือกซื้อของขวัญที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง อีกไม่กี่วันจะถึงงานแต่งของซานะแล้ว อีกฝ่ายอุตส่าห์ส่งการ์ดเชิญมาถึงบ้าน ถ้าเธอไม่ไปร่วมงานก็คงจะเสียมารยาทเกินไปหน่อย
“โหยพี่จองยอน! เลือกอะไรเยอะแยะ นานอะ”
คนตัวเล็กกอดอกบ่นใส่พี่สาว หล่อนเดินเข้าๆออกๆโซนเกมมาสิบกว่ารอบแล้วจองยอนก็ยังเลือกของขวัญไม่เสร็จสักที
“แกอย่าบ่นเยอะได้ไหมแชยอง พี่ก็ให้เงินไปเล่นเกมฆ่าเวลาตั้งเยอะแยะแล้วไง”
“อย่าบอกนะว่าแกเล่นจนหมดแล้ว...”
เหมือนที่คิดไว้ไม่มีผิด—เด็กคนนี้ผลาญเงินพี่สาวเก่งยิ่งกว่าค่าธรรมเนียมธนาคารอีกค่ะ
“ก็แหงล่ะสิ เกมนึงตั้งสามเหรียญ พี่ให้มาแค่หมื่นวอนจะไปพออะไรเล่า”
น้องสาวผู้เอาแต่ใจปั้นหน้าหงิกงอใส่เธอ ถึงจะบอกว่าตัวเองโตแล้วก็เถอะ—สุดท้ายเด็กก็คือเด็กอยู่วันยันค่ำนั่นแหละ
“งั้นเอางี้—แกเอาไปเลยสามหมื่นวอน จะเอาไปกินบิงซู ซื้อของเยลลี่ เลี้ยงสาวหรืออะไรก็ได้ตามใจแก แล้วก็เลิกบ่นพี่ได้แล้ว”
ตามใจมากๆเด็กมันอาจจะเสียคน แต่ถ้าจองยอนไม่ตามใจแชยองตอนนี้—เธอนั่นแหละที่จะเสียเวลาแทน
“พี่คิดว่าพี่จะใช้เงินซื้อฉันได้หรอ พี่จองยอน” แชยองยู่หน้า
“ใช่ ซื้อได้! ขอบคุณค่ะ น่ารักที่สุดเลยเดี๋ยวแชยองกลับมาน้า”
จองยอนสายหน้าให้กับความออเซาะของน้องสาว เธอตั้งหน้าตั้งตาเลือกของขวัญต่อไป กระทั่งสายตาปะทะเข้ากับโมเดลรูปจรวดตัวหนึ่ง ราคาของมันค่อนข้างแพงเอาการถ้าเทียบกับโมเดลชิ้นอื่นๆ ขนาดเล็กเท่าฝ่ามือแต่ราคาสูงถึงแสนวอนนั้นทำให้เธอลังเลที่จะซื้อมัน
แต่สุดท้ายเธอก็หยิบมันไปจ่ายเงิน
เหตุผลที่ทำให้จองยอนเลือกของชิ้นนี้...ก็เพราะซานะชอบมันมากๆ
“นี่ซานะ เธอชอบจรวดมากเลยหรอเนี่ย”
สองชีวิตเหม่อมองไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ดาดฟ้าตึกสูงในกรุงโซลเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การออกเดทสำหรับคู่รัก ไวน์ราคาแพง ดนตรีสดบรรเลงเบาๆยิ่งทำให้บรรยากาศเป็นใจมากขึ้น
“แปลกนะที่วันนี้จองยอนพาซานะมาที่นี่ ปกติจะขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง”
“โถ่ซาจัง ถ้าเราออกมากินอาหารนอกบ้านบ่อยๆก็จนกันพอดี อยู่แบบนี้แหละดีแล้ว”
จองยอนเป็นคนมีฐานะที่ไม่ชอบใช้เงินฟุ่มเฟือย ดังนั้นร้านอาหารแพงๆไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับเธอเท่าไร นานทีเธอจะพาแฟนสาวออกมาทานอาหารดีๆในร้านที่ขึ้นชื่อว่าหรูหราที่สุดในกรุงโซล
นิสัยชอบเก็บตัว ไม่ชอบออกงานและโลกส่วนตัวสูงทำให้จองยอนไม่รู้ตัวว่าเธอกำลังทำให้อีกฝ่ายอึดอัด ความอึดอัดเหล่านั้นถูกสะสมมาเป็นเวลานาน...สามปีกับอีกเจ็ดเดือน จองยอนวนลูปอยู่กับชีวิตประจำวันแสนหน้าเบื่อ ตื่นเช้ามาปิ้งขนมปัง ชงกาแฟและออกไปทำงาน ตกเย็นซื้ออาหารมากินบนห้อง—มันอาจจะเป็นความสุขของเธอ แต่กับซานะ...มันไม่ใช่
“จองยอนอา...”
“หื้ม?”
“ฉันคิดว่าระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้”
เหมือนถูกตบหน้ากลางสี่แยก เดทสุดพิเศษที่จองยอนตั้งใจมอบอีกฝ่ายกลับพังทลายลงด้วยประโยคจากปากสาวญี่ปุ่น
หล่อนกำลังบอกเลิกเธอในวันครบรอบปี
“เราเลิกกันเถอะจองยอน”
รู้อยู่แล้วล่ะ
รู้อยู่แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง
จองยอนเลือกที่จะเงียบ ปิดปากไม่ให้เสียงสั่นเล็ดลอดออกไป เธอพยักหน้ารับพร้อมส่งฝืนยิ้มออกไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
ทำไม?
บางทีเธออาจไม่จำเป็นต้องถามมันออกไป
“ถ้าขอให้อยู่ต่ออีกสักนิด ก็คงจะมากไปใช่ไหม”
จองยอนเม้มปากแน่น เธอพยายามห้ามความรู้สึก ห้ามไม่ให้น้ำตาไหลออกมาต่อหน้าใครอีกคน
คนที่เธอรักมาก
“ต่อให้ฉันไม่ยอมรับ เธอก็จะไปอยู่ดีใช่ไหมล่ะ”
จองยอนรู้สึกถึงหัวใจที่กำลังแตกสลายเป็นชิ้นเล็ก อันที่จริงเธอเองนั่นแหละที่ผิด ผิดที่เธอพยายามรั้งอีกฝ่ายไม่ให้เดินจากไป ทั้งที่หัวใจของใครอีกคนมันกลายเป็นของคนอื่นไปตั้งนานแล้ว
ทำไมล่ะ?
ทำไมถึงปกป้องหัวใจดวงนี้ไว้ไม่ได้เลย
“ขอโทษนะจองยอน ขอโทษจริงๆ”
ร่างบางเดินจากไปโดยไม่คิดจะหันกลับมามอง ทิ้งให้คนอ่อนแอจมอยู่กับน้ำตาที่เธอไม่สามารถกลั้นมันได้อีกต่อไปแล้ว
ทั้งหมดเป็นความผิดของเธอเอง ซานะใฝ่ฝันอยากทำงานนาซ่ามาตั้งนานแล้ว หล่อนอยากเป็นนักบินอวกาศ ความตั้งใจทำให้หล่อนเลือกจะเรียนสาขาวิชาที่ตรงตามคุณสมบัติขององค์กรเพื่อจะได้พาตัวเองไปถึงความฝัน แต่จองยอนกลับไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ซานะต้องการ
“เธออยากเป็นมากเลยหรอ นักบินอวกาศเนี่ย!”
“ใช่! มันคือความฝันของฉันนะจองยอน”
“ทำไมเธอต้องขัดขวางสิ่งที่ฉันรักด้วย ทำไม—”
“ก็เพราะฉันรู้ไงว่าถ้าเธอไปที่นั่น...” จองยอนเสียงสั่น
“เธอก็จะไม่เหมือนเดิมกับฉัน”
จองยอนรักซานะมาก ไม่มีเหตุผลมาอธิบายได้ว่าทำไมเธอถึงรักหล่อนมากมายขนาดนี้
“แล้วไง? ฉันต้องทนอยู่ในห้องอุดอู้น่าเบื่อ กับคนไม่มีอนาคตอย่างเธอตลอดไปหรอกหรอ”
แรงมาก
ซานะกำลังใช้คำพูดเหยียบย่ำหัวใจของอีกฝ่าย
“ถ้าดูแลกันไม่ได้—”
“ก็ออกไปจากชีวิตฉันสักที ยู จองยอน”
นึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นทีไร—หัวใจของจองยอนกลับเจ็บปวดเหมือนถูกบีบทุกที สมแล้วล่ะที่อีกฝ่ายเดินจากไปแบบนั้น
เธอมันก็แค่คนไม่มีอนาคต
และไม่พร้อมที่จะดูแลหัวใจของใคร
Y E O U I N A R U S T A T I O N
23 ธันวาคม
ก่อนวันคริสมาสต์สองวัน
แขกผู้ร่วมงานเริ่มทยอยกันเข้ามา งานแต่งงานระหว่างซานะและอิริคสันจัดขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา—ที่บ้านของฝ่ายชาย เสียงเจื้อยแจ้วดังเป็นภาษาอังกฤษบ้าง ญี่ปุ่นบ้างปะปนกันไป บรรยากาศในโบสถ์รายล้อมด้วยดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ มีซุ้มที่ถูกตกแต่งเป็นรูปกระสวยอวกาศ คาดว่าน่าจะเป็นฝีมือเพื่อนร่วมงานของทั้งสอง
นายอนมาเยือนที่นี่ในฐานะเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนเจ้าบ่าวอีกที อาจจะซับซ้อนนิดหน่อยแต่เธอก็ยินดี หญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้ไม้เคียงข้างชายหนุ่ม เมื่อพิธีใกล้จะเริ่ม เจ้าบ่าวและบรรดาเพื่อนเดินขบวนเข้ามาถึงหน้าพระแท่นพิธี
“โห คุณวอนพิล นี่เพื่อนของเพื่อนคุณหล่อขนาดนี้หรอเนี่ย เป็นนักบินด้วย”
“หล่อใช่ไหมล่ะ ผมก็คิดมาตลอดว่าอิริคเขาหล่อที่สุดในนาซ่าแล้วล่ะ”
ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างขี้เล่น
อิริคสันเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟคมากจนนายอนไม่อาจปฏิเสธได้ ไม่นานนักคนที่นายอนรอคอยก็ปรากฏขึ้น เจ้าสาวในชุดแต่งงานสีขาวก้าวเข้ามาอย่างสง่าจนเธอไม่อาจละสายตาได้เลย
เข้าใจแล้วว่าทำไมจองยอนถึงรักซานะขนาดนี้
ผู้หญิงคนนี้สวยมาก...สวยในแบบที่เธอไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน เมื่อพิธีทั้งหมดเริ่มขึ้น แขกผู้ร่วมงานต่างยืนให้เกียรติและเป็นสักขีพยานรักให้แก่เขาและเธอ
“ข้าพเจ้าอิริคสัน เทเลอร์ ขอรับคุณซานะ มินาโตะซากิเป็นภรรยา และขอสัญญาว่าจะถือซื่อสัตย์ต่อคุณทั้งในยามสุขและยามทุกข์ เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติคุณจนชีวิตจะหาไม่”
How long will I be with you?
As long as the sea is bound to Wash up on the sand.
How long will I want you?
As long as you want me too.
And longer by far.
How long will I hold you?
As long as your father told you.
As long as you are.
นั่นคือบทเพลงที่นายอนและวอนพิลใช้อวยพรให้แก่คู่บ่าวสาว
การที่คนสองคนได้มารักกันมันเป็นเรื่องของความตั้งใจ ไม่ใช่พรหมลิขิต—นายอนเคยเชื่อแบบนั้น กระทั่งเธอได้มาเจอเรื่องราวของความรักรอบๆตัวที่แตกต่างกันออกไป ทำไมบางคนถึงแต่งงาน บางคนถึงยอมเป็นโสด หรือบางคนก็ยอมรักเขาข้างเดียว
มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไรถ้าไม่ใช่ 'พรหมลิขิต'
สายตากวาดมองไปทั่วแต่ก็ไม่พบสิ่งที่คาดหวัง จองยอนไม่ได้มาร่วมงานแต่งของซานะอย่างที่นายอนคิดไว้ เธออุตส่าห์ลงทุนบินมาถึงอเมริกาเพราะคิดว่าจะเจอจองยอนที่นี่—แต่เปล่าเลย
เธอไม่เห็นแม้กระทั่งเงาของจองยอน
หลังสิ้นสุดพิธีแต่งงาน นายอนตัดสินใจเดินไปแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวเป็นการส่วยตัว ก่อนจะเปิดปากขออนุญาตชายหนุ่มคุยกับสาวญี่ปุ่นเพียงลำพัง
“Can I talk to her for a minute?”
แน่นอนว่าเธอทั้งสองไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ นายอนเองก็เพิ่งจะเคยเห็นหน้าซานะวันนี้เป็นวันแรก ส่วนซานะเองก็เช่นกัน—หล่อนไม่ได้ติดต่อกับจองยอนมานานแล้ว ไม่แปลกที่จะหล่อนจะไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้
“สวัสดีค่ะคุณซานะ”
“สวัสดีค่ะคุณ...เอ่อ”
“ฉันอิม นายอนค่ะ” เธอฉีกยิ้มให้อีกฝ่าย
“ฉันเป็นเพื่อนของวอนพิล”
“แล้วก็เป็นเพื่อนของคุณจองยอนด้วยค่ะ”
ซานะดูไม่แปลกใจเลยสักนิดที่เธอแนะนำตัวเองออกไปแบบนั้น อุตส่าห์เอ่ยถึงชื่อแฟนเก่าขนาดนี้มันก็ต้องมีสะดุ้งกันบ้างสิ...แต่ทำไมอีกฝ่ายถึงดูนิ่งเฉยขนาดนี้ก็ไม่รู้
“อ๋อ คุณนี่เอง...คุณนายอนสวยมากเลยนะคะ แถมยังร้องเพลงเพราะมากๆด้วย ยังไงก็ขอบคุณมากเลยที่มาร่วมงานแต่งงานของฉัน”
“คุณนายอนเป็นแฟนกับคุณวอนพิลหรือเปล่าคะเนี่ย?”
มองจากภายนอกแล้วซานะก็เป็นผู้หญิงนิสัยดีทั่วไปแหละ หล่อนยิ้มออกมาอย่างจริงใจตลอดการสนทนา แต่ที่หล่อนถามเรื่องวอนพิลนั้น...
มันไม่ใช่สักหน่อย! คนที่นายอนจะคบด้วยคือจองยอนคนเดียวเท่านั้น
“ไม่ใช่หรอกค่ะ ฉันกับวอนพิลเราเป็นแค่เพื่อน—”
“ฉันรู้อยู่แล้วล่ะค่ะ ก็แค่แกล้งถามคุณไปงั้นแหละ” หล่อนกล่าวต่อ
“จองยอนบอกฉันเรื่องคุณแล้ว”
นายอนเบิกตากว้างหลังสิ้นประโยคจากปากเจ้าสาว คิ้วเลิกขึ้นด้วยความแปลกใจเมื่อจู่ๆซานะก็พูดถึงชื่อจองยอนขึ้นมา
“แต่จองยอนยังไม่รู้นะคะว่าคุณถ่อมาถึงอเมริกา ทางที่ดีคุณควรรีบกลับโซลไปตอนนี้เลย”
นี่มันเรื่องอะไรกัน? ซานะกับจองยอนไปคุยกันตอนไหน? ทำไมเธอถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย แถมยังพูดจาดูมีพิรุธราวกับจองยอนซ่อนความลับอะไรบางอย่างไว้อย่างนั้นแหละ
“คุณหมายความว่าอะไรคะ? คุณซานะ”
“ก็หมายความอย่างที่พูดนั่นแหละค่ะ รีบจองตั๋วกลับไปเลยนะคะ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”
:)
TBC.
Yeouinaru Station
#สถานียออินารุ
Talk...
เมื่อกี้แอบเขียนชื่อบนการ์ดเชิญงานแต่งผิดด้วยแหละค่ะ ไรท์เมานิดหน่อยแต่ตอนนี้รีไรท์ใหม่แล้วนะคะ อะพอเริ่มจะดราม่าสุดๆแล้วสถานกาณ์พลิกอีกแล้ว พลิกไปพลิกมาพลิกจนแสบปากแล้วค่ะ (นั่นมันพริก) พ้ามพ่าม! จริงๆแล้วจองยอนอาจจะไม่ได้เป็นไบโพล่าร์ก็ได้นะคะ แต่คนที่เป็นคือไรท์เองค่ะ
สำหรับฟิคเรื่องนี้จะจบภายใน EP.12 นะคะ มันไม่ยาวมากเพราะเป็นซีรีย์ที่มีภาคต่อ! นั่นคือ "Yeouinaru Station : Thinking of you" ที่จะเป็นเรื่องราวของแชยองงับ เห้อ ง่วงอะ ขอหนีไปนอนก่อนนะคะ.... ถ้ามีโอกาสเมื่อไรจะรีบมาต่อให้เร็วที่สุด
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แงง น่ารักกก;-; รอตอนต่อไปอยู่นะค้าา??’?
ม่าย ซานะพิจองแอบไปคุยกันตอนไหน หรือว่าเขาดีกันและเป็นเพื่อนกัน(?) ส่วนพินาเป็คนที่ระแวงไปเองงี้ พิจองแกลึกลับจังอ่า ไม่รู้เลยว่าคิดอะไรอยู่ในใจ แต่ก็แอบลุ้นให้เป็นเรื่องดีๆนะอย่าเป็นเรื่องร้ายเลยทำใจไม่ได้