MINA x CHAEYOUNG
#คิดถึงคุณซากุระ
วันที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆก้อนกลมสีขาว อากาศอบอุ่นขึ้นจากฤดูหนาวที่เพิ่งผ่านมา ชายหญิงต่างสวมเสื้อผ้าสบายๆให้เหมาะกับฤดูกาล กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกซากุระเป็นสัญญาณของฤดูใบไม้ผลิที่มาถึง หญิงสาวชาวญี่ปุ่นในชุดยูกาตะสีม่วงอ่อนก้าวเท้าเดินอย่างแผ่วเผา ท่ามกลางดอกไม้สีชมพูอ่อนหลายพันต้นบานสะพรั่งเรียงยาวไปตามริมแม่น้ำโอคาวะ
หญิงสาวใบหน้าเรียวเล็ก ผิวขาวเนียน ผมสีน้ำตาลเข้มยาวสลวยถูกปัดไปอีกข้างเผยให้เห็นสันกราม เธอตกเป็นเป้าสายตาของหนุ่มสายในระแวกนั้น ทำเอาบางคนเผลอหลุดชมออกมา ริมฝีปากบางถูกฉีกยิ้มโดยสาวชาวญี่ปุ่น เป็นการตอบรับเสียงชมที่ดังผ่านหู
"かわいすぎる。" [น่ารักมาก]
อักษรภาษาญี่ปุ่นถูกบรรจงเขียนลงบนสมุดสเก็ตช์ของใครบางคน ภาพของหญิงสาวญี่ปุ่นในชุดยูกาตะสีม่วงอ่อนถูกสเก็ตช์ลงบนสมุดเล่มนั้นอย่างสมบูรณ์ และจบลงด้วยการลงเครดิตภาพวาดแผ่นนั้น
かわいすぎる。
- คุณซากุระ -
by ซน แชยอง.
Son Chaeyoung's Part
ปีที่สองแล้วที่ ซน แชยอง มาเที่ยวชมดอกซากุระที่สวนสาธารณะเคมะอีกครั้ง เธอหลงไหลในการวาดภาพภายใต้บรรยากาศสวยงามของธรรมชาติ ดังนั้นเทศกาลฮะนะมิจึงเป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่เธอไม่พลาด ส่วนเหตุผลที่เธอเลือกเดินทางมาโอซาก้าอีกครั้งก็เพราะ ใครบางคน...
....ใครบางคนที่ทำให้เธอ ‘ตกหลุมรัก’ เพียงคร้้งแรกที่เห็น
เสียงเตือนของสมาร์ทโฟนดังขึ้นบนรถไฟใต้ดิน คนตัวเล็กรีบหยิบมันออกมาจากกระเป๋าก่อนที่จะกดตอบรับวิดิโอคอลจากเพื่อนสนิท
[แชงแชง!]
"ไงพวกแก โดดเรียนกันหรือไงถึงวิดิโอคอลมาได้"
[เออดิยัยจื่อวีมันชวนโดดเนี่ย]
[ดุ๊บต่างหากโว้ยที่ชวน!]
"แกอย่าเพิ่งเถียงกันเสียงดัง ฉันอยู่บนรถไฟ"
[กำลังไปสวนเคมะหรอยะ]
"แน่นอน โปรเจคประกวดวาดภาพฉันมันยังไม่จบน่ะสิ"
[ซากุระก็มีตั้งหลายที่ทำไมต้องไปสวนเคมะอ่ะ?]
[เออทำไมอ่ะ ทำไมอ่ะ ทำไมหราาาา]
ดาฮยอนหรี่ตามองเพื่อนสนิทอย่างมีเลศนัย ในส่วนของจื่อวีก็เอาแต่ย้ำคิดย้ำถามอยู่แบบนั้น ปีก่อนที่แชยองมาเที่ยวญี่ปุ่น และความน่าเบื่อของทัวร์สมัยนี้ทำให้พวกเธอจึงตัดสินใจมาเที่ยวกันเอง แพลนกันเอง ที่ที่แชยองอยากไปในช่วงเทศกาลฮะนะมิก็ไม่พ้นสวนสาธารณะเคมะซากุระโนมิยะที่ติด TOP10 ของสถานที่ที่สวยงามเมื่อเสิชดูในอินเทอร์เน็ต
หญิงสาวกรอกลูกตาไปมาทำเป็นไม่สนใจคำพูดของเพื่อนสนิท อันที่จริงเธอและเพื่อนสนิทก็รู้ๆกันอยู่ แชยองเลือกที่จะมาที่นี่เพื่อสานต่อโปรเจควาดภาพจากโครงการขอทุนการศึกษาของมหาวิทยาลัยจากปีที่แล้ว ซึ่งครั้งนี้คนตัวเล็กต้องมาญี่ปุ่นคนเดียว เอาจริงๆแชยองก็หวั่นเรื่องภาษาแต่เธอก็เอาตัวรอดเก่งในระดับหนึ่ง อีกเหตุผลที่เธอวางใจในการมาญี่ปุ่นคนเดียวเพราะเธอจองที่พักที่เป็นเกสเฮาส์ไว้ โดยเจ้าของเกสเฮาส์เป็นคนญี่ปุ่นใจดี นิสัยน่ารักและพูดภาษาเกาหลีได้ เธอรู้สึกไว้ใจคนแปลกหน้าทั้งๆที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อนก็ตาม
"ก็ไปทำโปรเจคสิวะ ปีที่แล้วพวกแกก็มาด้วยกันฉันก็บอกแล้วว่าที่นี่มันสวย"
[หมายถึงคนที่นั่นสวยช้ะ] จื่อวีย้อน
"พูดมากจัง รำคาญล่ะ"
[โถ่ อุตส่าห์คอลมาหาเลยนะเว้ย แซวนิดแซวหน่อยเอง แล้วคิดว่าครั้งนี้ไปแล้วจะเจอคุณซากุระอีกหรอ]
"คงไม่หรอก ถ้าเจออีกก็พรหมลิขิตแล้วล่ะ"
[แหมมมม ปีก่อนใครก็ไม่รู้เห็นคุณซากุระแล้วก็บ่นว่าสวยจัง ชอบ ไปเฝ้าหาเขาทุกวันแต่ไม่เข้าไปทำความรู้จัก แล้วก็มาบ่นคิดถึง อยากเจอ] ดาฮยอนกรอกตามองบนเพื่อนสนิทผ่านหน้าจอ
“ก็เขาสวย”
[รำคาญจริงงงง แล้วที่พักเป็นไงบ้างวะ] จื่อวีถาม
"ไม่รู้อ่ะฉันแวะมาสวนเคมะก่อนรอเข้าไปตอนบ่าย พอดีไฟล์ทถึงตอนเช้าพอดี ฉันชอบอากาศตอนเช้าๆ"
[เออๆเอาตัวรอดให้ได้นะเว่ยไปอยู่โน่นคนเดียวตั้งเดือนนึง]
"เออขอบใจเว่ย พวกแกไปเรียนกันได้ล่ะไป"
คนตัวเล็กตัดบทสนทนาเพื่อนสนิททันทีที่เธอเดินทางมาถึงสถานี Sakuranomiya เท้าทั้ง 2 ข้างถูกเจ้าตัวเร่งความเร็วเพื่อให้ถึงที่หมายในเวลาอันรวดเร็ว แชยองตื่นเต้นที่ได้มาที่นี่ต่อให้ไม่ใช่ครั้งแรกของเธอก็ตาม สมุดสเก็ตช์ถูกควักออกมาจากกระเป๋า เจ้าตัวบรรจงขีดเขียนลายเส้นของธรรมชาติ สีชมพูอ่อนถูกแต่งเติมลงบนกระดาษเพื่อความสมบูรณ์
"ฮืออออออ ฮืออออ"
ซน แชยองวางสมุดกับดินสอสีลงทันทีเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กผู้หญิงที่อยู่ห่างจากเธอเพียงไม่กี่เมตร ฝีเท้าเร่งรีบคนตัวเล็กวิ่งไปถึงเป้าหมาย เด็กผู้หญิงตัวน้อยปั่นจักรยานล้มลง ร่างของเธอถูกจักรยานทับไว้ แชยองประคองเด็กคนนั้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พบบาดแผลและเลือดสีแดงสดบริเวณข้อศอกของเด็กคนนั้น เธอใช้ทิชชู่ชุบน้ำดื่มที่พกอยู่ในกระเป๋าเช็ดเศษดินออกเพื่อชำระล้างแผล
"ไม่เป็นไรแล้วนะคะ เดี๋ยวก็หายแล้วนะ"
"....."
เด็กสาวยืนงงกับคำพูดของสาวชาวเกาหลี ผ่านไปเพียงไม่กี่วินาที ผู้หญิงวัยกลางคนเร่งฝีเท้าเข้ามาพร้อมกอดลูกสาวไว้ พวกเขาพูดคุยกันเป็นภาษาญี่ปุ่นพลางสลับหันมามองแชยองแล้วส่งยิ้มให้ เธอไม่เข้าใจภาษาที่พวกเขาพูดแต่ก็พอเดาออกว่าเด็กน้อยกำลังเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้คนเป็นแม่ฟัง
"Thank you"
สาวไวกลางคนขอบคุณเธอเป็นภาษาสากลอันเป็นว่าเข้าใจได้ คนตัวเล็กยิ้มหวานตอบกลับไปด้วยความยินดี แชยองหันกลับมาที่นั่งเดิมและเพิ่งนึกได้ว่าเธอทิ้งสมุดสเก็ตช์ไว้ หญิงสาวเบิกตาโพลงกับความว่างเปล่าที่อยู่ตรงหน้า สมุดสเก็ตช์หายไป ไม่ใช่การทำหล่นหรือปลิวไปกับลมเพราะเธอหารอบๆจนทั่วแล้วก็ไม่เจอ
โอ้ยยย จะทำยังไงดีเนี่ย
รถประจำทางจอดลง คนตัวเล็กเดินทางมาถึงหน้าบ้านของเกสเฮาส์ที่จองไว้ คนตัวเล็กใจลอยไม่มีสติอยู่กับตัว เธอรู้สึกเครียดที่จู่ๆสมุดสเก็ตช์ที่หายไปแบบไร้ร่องรอย เมื่อประตูหน้าบ้านถูกเปิดออก แชยองเลิกคิ้วขึ้นด้วยความตกใจ เธอเผลออุทานออกมากับภาพที่อยู่ตรงหน้า หญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มตรงหน้า ผิวเนียนขาวละมุน จุดสีดำบนสันจมูกข้างซ้าย อีกฝ่ายฉีกยิ้มหวานออกมาเผยให้เห็นเหงือกและฟันที่เรียงสวยเป็นธรรมชาติ กลับกันกับเธอที่ยืนอึ้ง เธอลืมความรู้สึกทั้งหมดที่เพิ่งผ่านมาเพียงพริบตา
น...นี่มันผู้หญิงคนนั้น
‘คุณซากุระ’
"สวัสดีค่ะ"
"สะ...สวัสดีค่ะ ฉันซน แชยอง"
"เมียวอิ มินะ ค่ะ เชิญข้างในก่อนนะคะ"
หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของบ้านช่วยยกกระเป๋าของซน แชยอง เธอเดินนำคนตัวเล็กไปยังห้องนอนที่ถูกจัดแจงไว้แล้ว ห้องสไตล์ลอฟผสมผสานความเป็นญี่ปุ่น เตียงที่อยู่ระดับเดียวกับเข่า ผนังสีขาว พื้นห้องลายไม้สีอ่อน รูปภาพที่ถูกแขวนตกแต่งอย่างเป็นระเบียบ สาวร่างบางยิ้มหวานตอบรับก่อนที่จะเดินออกจากห้องอย่างรีบเร่ง มือของเธอถูกคว้าไว้โดยใครบางคน
"เดี๋ยวค่ะ คือ...ขอบคุณมากๆนะคะ"
“มีอะไรเรียกใช้ได้ตลอดเลยนะ ไม่ต้องเรียกคุณก็ได้ค่ะ เราเน้นอยู่กันแบบสบายๆ เรียกพี่แล้วกันนะคะ”
“ค่ะ พี่มินะ”
ความสนิทสนมเริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อยๆเมื่อมินะเป็นเพียงคนเดียวที่แชยองพูดคุยด้วยมากที่สุดในตอนนี้ ถ้าไม่ติดว่ามินะพูดภาษาเกาหลีได้ เธอคงเป็นใบ้อยู่ญี่ปุ่นเป็นเดือนแน่ๆ อาหารมื้อเช้าถูกสาวเจ้าของบ้านทำเสร็จสับ ราเม็งร้อนๆถูกเสริฟลงบนโต๊ะในห้องอาหาร
“いただきます。” [จะทานแล้วนะคะ]
คนตัวเล็กรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยร่วมกับเจ้าของบ้าน ถือว่าเป็นอาหารมื้อที่อร่อยที่สุดในระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่เธออยู่ญี่ปุ่น แชยองเป็นพวกอยู่ไม่ติดบ้าน เธอมักจะไปหาคาเฟ่ สวนสาธารณะ หรือธรรมชาติต่างๆ เพื่อนั่งหาแรงบันดาลใจในการวาดภาพ เธอจึงทานแต่อาหารฟาสฟู้ดข้างนอกมาตลอดสัปดาห์
“อร่อยมั้ยแชยอง”
“อร่อยที่สุดเลยค่ะ ฉันกินแต่อาหารฟาสฟู้ดตลอดเลย มื้อแรกเลยที่ได้กินอาหารญี่ปุ่นแบบที่คนญี่ปุ่นทำให้กินจริงๆ”
“แล้วทำไมไม่ไปลองกินร้านที่ดังๆในโซเชี่ยลล่ะ”
“ถ้าร้านแบบนั้นคนก็เยอะไปหมด ฉันไปคนเดียวมันเหงาน่าดูเลยนะพี่มินะ”
“.....”
“พี่มินะทำอาหารให้แชงกินแบบนี้ทุกวันเลยได้มั้ยคะ”
คนน้องเอ่ยปากชมอย่างมีเลศนัย เอาจริงๆหัวใจเธอก็เต้นแรงตลอดเวลาที่อยู่กับเมียวอิ มินะ คนที่เธอหลงรักตั้งแต่วันแรกที่เจอ คุณซากุระในความฝันของเธอในวันนั้น เป็นเรื่องบังเอิญมากที่เธอได้มาเจอกันอีกครั้งเหมือนกับพรหมลิขิตยังไงยังงั้น
สถานที่แห่งความทรงจำที่เต็มไปด้วยดอกซากุระบานสะพรั่งเต็มพื้นที่ไม่แพ้ปีก่อน สาวร่างบางเดินเคียงคู่คนตัวเล็ก สายลมอ่อนพัดทำให้ผมปิดบังใบหน้าก่อนที่เมียวอิมินะจะใช้นิ้วเรียวเกลี่ยมันขึ้นมาทัดหูตนเองเผยให้เห็นสันกราม
สวยมาก
สวยเหมือนวันแรกที่เจอเลย
“แชงแชง”
“คะ”
“ชอบดอกซากุระมากเลยหรอ”
“ชอบมากค่ะ”
“จริงๆฉันเคยมาที่นี่เมื่อปีที่แล้ว ฉันชอบวาดภาพธรรมชาติพวกนี้ อีกอย่างคนแถวนี้ก็น่ารักดีนะคะ”
“เอ๊ะะ??”
“คือฉันหมายถึงคนญี่ปุ่นน่ะค่ะ นิสัยน่ารัก สุภาพ ใจดีด้วย”
“....”
“จริงๆแล้ววันแรกที่ฉันมาที่นี่ ฉันทำสมุดสเก็ตช์ภาพหายไป มันสำคัญกับฉันมาก แต่ฉันก็คิดว่าคงหามันไม่เจออีกแล้ว แต่ว่า...ฉันไม่สนใจมันแล้วอ่ะค่ะ ยังไงตอนนี้ก็ได้เจอตัวจริงในภาพนั้นแล้ว”
“คะ?”
“ป่าวค่ะ ไม่มีอะไร”
คนตัวเล็กอมยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่อาจปกปิดรอยบุ๋มของลักยิ้มนั้นได้ ช่วงเวลาค่ำเหมาะแก่การเดินสูดอากาศ แชยองชอบความสงบ มินะก็เช่นกัน ทั้งคู่เดินมาถึงริมแม่น้ำในบริเวณที่คนไม่พลุกพล่าน แสงไฟสลัวตามทางเดิน คนตัวสูงกอดอกด้วยความรู้สึกหนาวเย็น
“พี่มินะหนาวหรอคะ”
“นิดหน่อยค่ะ กลางคืนอากาศจะเย็นๆพี่ไม่คิดว่าเราจะอยู่ที่นี่นานเลยไม่ได้เตรียมเสื้อมาด้วย”
“ขอโทษนะคะ งั้นเรากลับกันเลยมั้ย”
“พี่ยังอยากอยู่ต่ออีกนิดนะแชงแชง”
“....”
“จริงๆ พี่มินะชอบที่นี่มากเลยนะคะ ทุกๆครั้งในงานเทศกาลฮะนะมิ พี่จะมาที่นี่เพื่อรอเจอใครบางคน”
Myoi Mina's Part
หญิงสาวชาวญี่ปุ่นในชุดยูกาตะสีม่วงอ่อนก้าวเท้าเดินอย่างแผ่วเผา ท่ามกลางดอกไม้สีชมพูอ่อนหลายพันต้นบานสะพรั่งเรียงยาวไปตามริมแม่น้ำโอคาวะ
ช่วงเทศกาลฮะนะมิเธอมักจะมาเดินคนเดียวที่สวนเคมะเป็นประจำทุกปี จนเธอได้พบกับสาวน้อยชาวเกาหลี คนนั้นมีเสน่ห์ดึงดูดอย่างบอกไม่ถูก ตัวเล็ก น่ารัก วาดภาพเก่ง เธอสะดุดตากับสาวน้อยคนนี้
เมียวอิ มินะมีศรัทธากับความรัก เธอเชื่อว่าเมื่อไรที่ดอกซากุระบาน มักจะนำพาสิ่งที่ดีต่อใจมาให้เธอเสมอ
ทำไมคนที่เจอเพียงแค่ครั้งเดียว ถึงทำให้ใจเต้นได้ขนาดนี้กันนะ
แล้ววันเล่าในเทศกาลฮะนะมิ มินะเฝ้าคอยแต่คนตัวเล็กคนนั้น เธอไม่ได้มีรสนิยมชอบเพศเดียวกันมาตั้งแต่แรกหรอก แต่ด้วยเสน่ห์และความน่ารักของเด็กคนนั้นมันทำให้เธออดกลั้นหัวใจของตัวเองไม่ไหว อยากรู้จัก อยากพูดคุย
“พี่คนที่ใส่ยูกาตะสีม่วงน่ารักมาก ฉันชอบพี่! ปีหน้าขอให้เราเจอกันอีกนะคะ”
คนตัวเล็กคงคิดไม่ถึงว่ามีคนญี่ปุ่นแถวนี้ฟังภาษาเกาหลีออก เธอตะโกนออกมาสุดเสียงตามคำท้าของเพื่อน สีหน้าแดงก่ำออกมาอย่างเห็นได้ชัด มินะเผลอยิ้มออกมา ทำเอาคนที่แอบมองเธออยู่เหมือนกันแทบใจละลายไปตรงนั้น
หลังจากวันนั้นเธอจึงตัดสินใจเปิดบ้านตัวเองเป็นที่พักผ่าน Airbnb เพื่อรอเด็กสาวคนนั้น
ที่ใดมีศรัทธา ที่นั่นย่อมมีความหวัง
ซน แชยอง เด็กสาวชาวเกาหลีที่เข้ามาจองห้องพักกับเธอไว้ ก่อนหน้านี้ก็มีต่างชาติอยู่หลายคนแต่เธอก็ปฏิเสธไปเนียนๆ จนเมื่อถึงวันที่แชยองเดินทางมา เธอแอบไปสวนเคมะเพื่อเจอซน แชยองเงียบๆไม่ให้เจ้าตัวรู้ตัว
"ฮืออออออ ฮืออออ"
เสียงเด็กผู้หญิงร้องไห้กับแชยองที่เข้าไปปลอบโยน จังหวะดีที่เธอถือวิสาสะเข้าไปขโมยภาพสเก็ตช์ของคนตัวเล็ก เจตนาเธออาจจะแค่อยากเปิดดูมันแค่หน้าสองหน้า แต่เวลาอันกระชั้นชิดทำให้เธอไม่ทันได้ทำไร เธอจึงตัดสินใจเสียมารยาทหยิบสมุดเล่มนั้นกลับบ้านไป
หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างเมื่อพบว่าในกระดาษเหล่านั้นมีแต่รูปภาพของเธอเต็มไปหมด “คุณซากุระ” เป็นชื่อที่เธอเองที่แชยองเรียกมาตลอด มินะไม่เคยมีโมเมนต์ตกหลุมรักใครแล้วเขาคนนั้นก็ตกหลุมรักเธอเช่นกันแบบตอนนี้ เธอมีความสุขมาก
“นี่พี่มินะ เอาไปใส่เลย”
มินะหลุดจากภวังค์ความคิด เธอสัมผัสได้ถึงร่างกายที่อบอุ่นขึ้นเล็กน้อย เสื้อคลุมตัวหนาถูกสวมอยู่บนร่างกายเมียวอิ มินะ
“อ้าวแล้วแชงแชงไม่หนาวหรอ เอาคืนไปเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ก็พี่หนาวนี่หน่า”
“แชงแชงเอาคืนไป อากาศมันเย็นนะ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”
“พี่นั่นแหละหนาวจนตัวสั่นแล้ว ฉันเป็นห่วงพี่นะ”
“แชงแชง!”
“.....”
เมียวอิ มินะขมวดคิ้ว เธอเอ็ดแชยองพร้อมยื่นหน้าเข้ามาใกล้คนตัวเล็ก สีหน้าเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงอ่อนๆ สายตาที่ซุกซนของมินะทำให้เธอไม่อาจต้านทานแรงกดดันนี้จนเธอต้องหันหน้าหนี
“งั้นถ้าแชงดื้อ พี่จะกอดจริงๆด้วยนะ”
ยังไม่ทันได้ตั้งตัว จังหวะที่แชยองหันกลับไปเป็นจังหวะเดียวกับที่มินะโน้มตัวเข้ามากอดพอดี ปลายจมูกเธอสัมผัสลงบนแก้มขวาของแชยองโดยไม่ได้ตั้งใจ สายตาของกันและกันที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์หา กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆชวนหลงใหล ทำเอาคนตัวเล็กค่อยเคลื่อนใบหน้าเข้าประชิดกว่าเดิม ก้อนเนื้อข้างซ้ายเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ริมฝีปากอุ่นประทับลงบนริมฝีปากบางเบาๆก่อนที่แชยองจะค่อยถอนจูบออกมา มือข้างหนึ่งของมินะสัมผัสลงบนแก้มข้างขวาของแชยอง ครั้งนี้เป็นมินะเองที่เคลื่อนใบหน้าเข้าไปหาคนตัวเล็ก ใบหน้าแดงก่ำ ริมฝีปากร้อนผ่าวถูกเติมเต็มด้วยจูบอีกครั้ง แต่เป็นจูบที่ยาวนานกว่าเดิม ริมฝีปากเล็กกดทับริมฝีปากล่าง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นริมฝีปากบน สองลมหายใจสอดประสาน ราวกับโลกนี้หยุดหมุนไปแล้ว
คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ…
ที่คนสองคน ‘ตกหลุมรักพร้อมกัน’ ‘ในเวลาเดียวกัน’
แต่มันเป็น พรหมลิขิต
เสียงอึกทึกของผู้คนมากมายในสนามบิน วันนี้เป็นวันที่แชยองเดินทางกลับเกาหลี มีเพียงสาวญี่ปุ่นเพียงคนเดียวที่มาส่งเธอที่สนามบิน ร่างบางกอดรัดตัวเล็กเพื่อเป็นการบอกลาก่อนที่เธอจะเดินจากไป
“さようなら。” [ลาก่อน]
เสียงบอกลาวนเวียนอยู่ในหัวคนตัวเล็กตลอดเวลา เธอมีความสุขกับช่วงเวลาที่ผ่านมา แล้วก็รู้สึกเศร้ามากๆในตอนนี้ เครื่องบิน Landing ลงสู่สนามบินอินชอนเป็นที่เรียบร้อย หญิงสาวตรวจเช็คสัมภาระก่อนที่จะสะดุดตากับอะไรบางอย่าง
เจอแล้ว...สมุดสเก็ตช์ที่หายไป
แชยองทั้งแปลกใจและดีใจมากๆที่ได้สมุดเล่มนี้กลับคืนมา และแล้วสายตาเธอก็หยุดนิ่งอยู่กับข้อความบางอย่างบนกระดาษแผ่นนั้น ข้อความที่ทำให้เธอยิ้มทั้งน้ำตา เป็นความสุขในความเศร้า เป็นความเหงาในความหวัง เธอยกมือปากน้ำตาก่อนที่ยกสมุดสเก็ตช์เล่มนั้นมากอดรัดเหมือนไม่อยากให้มันหายไปไหนอีกแล้ว
ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ ^^
ซากุระช่วยบานบ่อยๆได้ไหมนะ แชงแชงจะได้มาหาพี่มินะอีกไง สัญญาว่ารอบหน้าจะไม่หยุดแค่จูบแน่ๆ
“เป็นแฟนกันนะ”
by คุณซากุระ (ของแชงแชง)