อย่าทรมานฉันด้วยการถอดถอนกลางคัน - อย่าทรมานฉันด้วยการถอดถอนกลางคัน นิยาย อย่าทรมานฉันด้วยการถอดถอนกลางคัน : Dek-D.com - Writer

    อย่าทรมานฉันด้วยการถอดถอนกลางคัน

    เรื่องราวของดี้คนหนึ่งที่เบี่ยงเบนวิถีทางเพศ ตามหาผู้ชายสักคนที่จะทำให้เธอฝันรักอย่างสุขสม

    ผู้เข้าชมรวม

    762

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    762

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 ต.ค. 51 / 13:23 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       

      1.

      ฉันเป็นดี้

      เอาเป็นว่าเคยเป็นดีกว่า ฉันเคยเป็นดี้ ดี้ที่หน้าตาดีด้วย  ดี้ที่เคยมีแฟนเป็นทอม  แต่ตอนนี้ฉันเบื่อทอมแล้วล่ะ

       

      ตอนนี้ฉันกำลังมองหาผู้ชายสักคนที่จริงใจ จริงจัง คุยเรื่องทะลึ่งกันได้ พร้อมจะเป็นผู้นำพาฉันได้ทุกเรื่อง ไม่ถอดใจท้อถอยกลางทาง และพร้อมจะทำให้ฉันมีความสุข ไม่ปล่อยให้อารมณ์ค้างกลางคัน!!!

       

      2.

      ทำไมฉันจึงฉันเบื่อทอม?

      สมัยเรียนมัธยมปลาย ฉันเคยมีทอมมาจีบหลายคน ทอมแฮงค์(ทอมขี้เมา) ทอมครุ้ยส์(ทอมหล่อ) ทอมกับเจอรี่ (ทอมสับสน เดี๋ยวรักหญิงเดี๋ยวรักชาย) ทอมถึก(ทอมร่างบึก) ทอมเฒ่า (ทอมรุ่นใหญ่) และอีกหลาย ๆ ทอม

       

      ฉันเลือกคบกับทอม 2 คน คนหนึ่งเป็นทอมรุ่นพี่ต่างโรงเรียน อีกคนเป็นทอมรุ่นน้องโรงเรียนเดียวกัน ไม่มีใครรู้ว่าฉันจับปลาสองมือ เพราะฉันกับทอมรุ่นพี่จะนัดเจอกันเฉพาะเสาร์อาทิตย์ที่ศูนย์การค้าบ้าง โรงหนังบ้าง  ส่วนกับทอมรุ่นน้องจะเจอกันทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ที่โรงเรียน บางวันก็เดินมาส่งถึงประตูบ้าน เข้าบ้านไม่ได้ เพราะแม่ไม่ปลื้ม พ่อไม่โปรด พี่ไม่ส่งเสริม น้องจ้องกระทืบ

       

      ทุกคืน...

      ฉันจะคุยกับสองทอมทางโทรศัพท์ ฉันจะคุยกับทอมรุ่นน้องตอนหัวค่ำและคุยกับทอมรุ่นพี่ตอนดึก ๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องเหนื่อยกับการสลับสายคุยกัน แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ กำลังคุยกับทอมใดทอมหนึ่งแล้วอีกทอมเกิดแหกคิวโทรศัพท์เข้ามา ฉันก็จะต้องรับบทโอเปอเรเตอร์จำเป็น หาจังหวะพักสายรอสายให้เนียนที่สุด ซึ่งบางทีก็มีพลาดบ้าง      

       

      ทอมรุ่นพี่: อาบน้ำหรือยัง?

      ฉัน: เพิ่งอาบเสร็จเดี๋ยวนี้เองค่ะ

      ทอมรุ่นพี่: ก็ตัวหอมสิ

      ฉัน: หอมฟุ้งทั้งตัวเลย

      ทอมรุ่นพี่: อยากไปนอนกับคนตัวหอมจัง

      ฉัน: นอนอย่างเดียวเหรอคะ?

      ทอมรุ่นพี่: อยากทำอย่างอื่นด้วย

      ฉัน: ทำอะไรคะ?

      ทอมรุ่นพี่: ก็ทำเหมือนที่เคยทำ

      ฉัน: เดี๋ยวนะคะ มีโทรศัพท์เข้ามา ถือสายรอนะคะ ฮัลโหล ๆ สวัสดีค่ะ

      ทอมรุ่นน้อง:  หวัดดีฮะ ขอสาย P2 ฮะ

      ฉัน: กำลังพูดค่ะ

      ทอมรุ่นน้อง: คิดถึงพี่ฮะ

      ฉัน: อะไรกัน เพิ่งจะเดินมาส่งที่บ้านเมื่อตอนเย็น คิดถึงแล้วเหรอคะ

      ทอมรุ่นน้อง: คิดถึงแล้วฮะ อยากมานอนเป็นเพื่อน

      ฉัน: นอนเฉย ๆ เหรอคะ?

      ทอมรุ่นน้อง: ขอนอนกอดนิดนึงได้มั้ยฮะ?

      ฉัน: ไม่ได้หรอก

      ทอมรุ่นพีน้อง: งั้นขอนอนจับมือเฉย ๆ ก็ได้ฮะ

      ฉัน: ไม่เอา ไม่ให้จับ เอ้อ! เดี๋ยวนะ ถือสายรอก่อนนะ พี่คะ ยังอยู่นะคะ

      ทอมรุ่นพี่: ยังอยู่ ใครโทรศัพท์มาเหรอ?

      ฉัน: เอ้อ! พี่ชายค่ะ ไปเล่นเกมส์กับเพื่อน ให้ช่วยโกหกพ่อแม่ว่าอยู่ทำกิจกรรมจะกลับมืดหน่อย ไม่ต้องรอกินข้าว

      ทอมรุ่นพี่: ผู้ชายก็แบบนี้ ชอบโกหก

      ฉัน: แล้วพี่ล่ะคะ พี่ชอบโกหกมั้ย?

      ทอมรุ่นพี่: พี่ไม่ชอบโกหก แต่พี่ชอบจับผิดคนชอบโกหก

      ฉัน: แล้วชอบจับอะไรอีกคะ?

      ทอมรุ่นพี่: ชอบจับทั้งตัวเลย

      ฉัน: ชอบจับทั้งตัวเลยหรือคะ เดี๋ยวนะคะพี่ขา มีสายเข้าอีกแล้ว ขอโทษนะคะ สงสัยคราวนี้จะเป็นคุณพ่อค่ะ ถือสายรอก่อนนะคะ โหล ๆ ยังอยู่นะคะ โอเคค่ะ เมื่อกี๊เราคุยกันถึงไหนแล้วคะ?

      ทอมรุ่นน้อง: ขอจับมือฮะ

      ฉัน: ไม่อยากจับทั้งตัวแล้วเหรอคะ?

      ทอมรุ่นน้อง: อ้าว! ก็เมื่อกี๊บอกเองว่าไม่ให้จับนี่ฮะ ทำไมเปลี่ยนใจไวจังฮะ?

      ฉัน: เหรอ ๆ พูดอย่างนั้นเหรอ เดี๋ยวนะ ชักสับสน ถือสายไว้นะ พี่คะ...พี่คะ ได้ยินมั้ยคะ?

      ทอมรุ่นพี่: ได้ยิน ตกลงจะยอมให้จับทั้งตัวมั้ย?

      ฉัน: พี่ขอจับมือไม่ใช่หรือคะ? อ้าว! เฮ้ย! เอ๊ะ! ยังไงกันวะนี่ เบลอไปหมดแล้ว

      ทอมรุ่นพี่: สงสัยจะง่วงแล้ว งั้นไปนอนเถอะ

      ฉัน: ค่ะ ค่ะ ค่ะ ง่วงแล้วค่ะ งั้นเท่านี้นะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ฮัลโหล...ฮัลโหล ยังอยู่มั้ย?

      ทอมรุ่นน้อง: ยังอยู่ฮะ

      ฉัน: เฮ้อ!

      ทอมรุ่นน้อง: ถอนหายใจทำไมฮะ?

      ฉัน: เหนื่อยค่ะ

      ทอมรุ่นน้อง:  มีเรื่องอะไรทำให้เหนื่อยหรือฮะ คุยกันได้นะฮะ 

      ฉัน: ไว้เจอกันที่โรงเรียนดีกว่า คืนนี้คุยกันแค่นี้ก่อนนะคะ

      ทอมรุ่นน้อง: ก็ได้ฮะ พรุ่งนี้เจอกันฮะ

       

      ถึงฉันจะมีความสุขกับการคบชู้สู่ทอมสองคนในเวลาเดียว แต่ความสัมพันธ์เชิงซ้อนแบบนี้ก็ดำเนินไปได้ไม่นาน เหมือนที่คนโบราณกล่าวไว้ว่า ความลับไม่มีในโลก เมื่อความจริงปรากฎ ความเท็จก็ย่อมมลาย และฉันก็จำเป็นต้องเคลียร์

       

      แม้ใจจริงส่วนลึกฉัน อยากเก็บทอมไว้ทั้งสองคน แต่ในเมื่อไม่มีทอมไหนยอมรับได้ ฉันจึงตัดสินใจเดินออกมาจากความสัมพันธ์ที่ไม่ลงตัวนั้น  พอดีกับเป็นช่วงสอบเอ็นทรานซ์ จึงเป็นข้ออ้างที่สมเหตุสมผลในการที่ฉันจะทำตัวห่างเหิน แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ผู้ชายในร่างหญิงทั้งสองคนยังคงโทรศัพท์มาคุย รวมถึงชวนเล่น Sex Phone  อยู่เป็นระยะ ๆ และฉันก็จำเป็นต้องคุยต้องเล่นด้วยตอบเพื่อถนอมความรู้สึกไม่ให้ร้าวฉานและนำไปสู่บทสรุปเลวร้ายเหมือนที่เป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์

       

      จนกระทั่งผลสอบเอ็นทรานซ์ประกาศออกมา ปรากฎว่าฉันสอบติดที่รูสะมิแล ตอนแรกฉันไม่คิดที่จะไป พ่อแม่พี่น้องก็ไม่มีใครสนับสนุนให้ฉันไป แต่เมื่อมาคิดดูว่า ถ้าฉันอยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ถ้าฉันอยากจะตัดใจจากสองทอมจอมตื๊อให้ได้ การไปอยู่ในสถานที่ห่างไกลจากกรุงเทพฯ กว่า 1000 กิโลเมตร ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

       

      3.

      ที่รูสะมิแล

      ฉันรู้สึกแปลกแยกกับทุกสิ่งทุกอย่าง และไม่มีสมาธิในการเรียนเอาเสียเลย เพราะยังวนเวียนอยู่กับความคิดคำนึงถึงสองทอมอยู่วันยันค่ำ ผลการเรียนเทอมแรกของฉันแย่มาก

       

      เข้าสู่เทอมสอง ฉันก็ยังไม่ดีขึ้น เหมือนคนที่ตกอยู่ในวังวนของความผิดหวังซ้ำซาก รุ่นพี่หลายคนพยายามเตือนสติ คอยให้กำลังใจ ช่วยติว แต่ก็ไม่เป็นผล ฉันผ่านปี 1 ไปด้วยสถานภาพที่ล่อแหลมต่อการถูกรีไทร์!!!

       

      ปี 2

      ฉันรู้สึกเข้มแข้งขึ้น อาจเป็นเพราะปรับตัวได้ หรือไม่ก็เจอเพื่อนที่ดี ฉันจึงเริ่มสนุกกับการอยู่ที่รูสะมิแล และบางที...อาจเป็นเพราะฮอร์โมนเพศหญิงที่เพิ่มขึ้น ทำให้ฉันเริ่มมีความรู้สึกนึกคิดที่เปลี่ยนไป ฉันยอมรับว่า ฉันมีความต้องการทางเพศชายมากกว่ากว่าทอม ฉันเริ่มหันมาสนใจมองผู้ชายหน้าตาดี ฉันจะรู้สึกประหม่าตื่นเต้นทำอะไรไม่ถูกเมื่ออยู่ใกล้ผู้ชายบางคน  จากนั้นฉันก็เริ่มมีเพื่อนสนิทเป็นผู้ชาย ซึ่งนำไปสู่การการรู้จักรุ่นพี่ผู้ชาย โดยเฉพาะรุ่นพี่ในกลุ่มที่เล่นดนตรี รวมทั้ง G

       

      4.

      ฉันรู้มานานแล้วว่า G มีแฟนชื่อ PP แต่ฉันก็ยังแอบชอบเขา อาจเป็นเพราะเขามีส่วนผสมของธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ที่ในสัดส่วนที่เหมาะสมกับผู้หญิงราศีธนูอย่างฉัน

       

      ที่สำคัญ PP เรียนจบ 3 ปีครึ่ง อีกครึ่งปีที่เหลือจึงเกิด พื้นที่ว่าง ทางความรู้สึกของ G และฉันก็อยากเข้าไปจับจองพื้นที่ว่างนั้น

       

      มันเริ่มจากความรู้สึกหวิว ๆ ที่เขามองสบตา รู้สึกสะท้านที่เขาทักทายพูดคุยด้วย  รู้สึกโหยหาที่จะได้เจอทุกวัน รู้สึกอบอุ่นที่ได้อยู่ใกล้ ๆ รู้สึกมีความสุขที่ได้ดูแลเอาใจใส่ และรู้สึกอยากรู้อยากเห็น

       

      สมัยนั้น เหล็กดัดฟัน ยังไม่เป็นค่านิยมเหมือนอย่างปัจจุบัน และฉันอาจจะเป็นนักศึกษาไม่กี่คนในรูสะมิแลก็ได้ที่ใส่เหล็กดัดฟัน พูดอีกอย่างคือ ฉันเป็นผู้หญิงยุคแรก ๆ ที่ใส่เหล็กดัดฟันซึ่งมันไม่ใช่ความเท่ห์เหมือนอย่างสมัยนี้ ฉันกลับรู้สึกเป็นปมด้อย นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันเชื่อมาตลอดว่า G ไม่เคยคิดกับฉันเกินกว่าเด็กผู้หญิงที่มีรอยยิ้มหลังเหล็กดัดฟัน เด็กผู้หญิงที่เอาแต่ใจตัวเอง เด็กผู้หญิงที่อยากได้รับความสนใจจากรุ่นพี่หน้าหวานที่มีฟันเรียงสวยเป็นระเบียบ รุ่นพีที่มีรอยยิ้มเป็นเอกลักษณ์ และรุ่นพี่ที่สาว ๆ หลายคนแอบปลื้ม แต่ไม่กล้าเดินเข้าไปหา ไม่กล้าเดินเข้าไปคุยด้วย ไม่กล้าเดินไปขอหอมแก้มแล้ววิ่งหนี...อย่างฉัน

       

      ฉันกล้ามากกว่านั้นอีก

      ฉันกล้าขนาดไปหาเขาถึงห้องเช่าโกโรโกโส  ห้องที่เขาเคยเล่าให้ฟังว่า ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่กำเนิดเพลง นกที่บินข้ามฟ้า

       

      ฉันชอบเพลงนั้นมาก  มันเป็นหนึ่งในเพลงที่ทำให้ฉันมีกำลังใจและรู้สึกดีมาก ๆ เมื่อตอนที่มาอยู่รูสะมิแลใหม่ ๆ โดยเฉพาะท่อนนั้น

       

      ...ดั่งนกที่บินข้ามฝ่า ทะเลน้ำตา มายาตะวัน ไม่หวั่นไหวตาม...

       

      ฉันถึงกับน้ำตารื้นในครั้งแรกที่ได้ยิน และเคยแอบคิดเล่น ๆ ว่า วันหนึ่งฉันจะต้องร้องเพลงนี้กับเขาบนเวทีให้ได้ แต่โอกาสนั้นก็ยังมาไม่ถึง

       

      5.

      คืนหนึ่ง...

      ฉันไปดู G เล่นดนตรีในงาน ๆ หนึ่งของชมรมอะไรสักแห่งของมหาวิทยาลัย ฉันรู้ด้วยประสบการณ์ของคนที่เคยคลุกคลีกับกิจกรรมเวทีว่าคืนนั้นมีหลายสิ่งหลายอย่างขาด ๆ เกิน ๆ รวมทั้งสายกีตาร์ G ต้องฝืนเล่นทั้ง ๆ ที่กีตาร์สายแรกขาดไปตั้งแต่ยังไม่จบเพลงแรก พอขึ้นเพลงที่สอง ไมโครโฟนก็หอนขึ้นมาเป็นระยะ ๆ ในขณะเล่น และเริ่มมีเสียงโห่ จนจบเพลงที่สอง G ก็เดินลงเวทีไปเฉย ๆ

       

      คืนนั้น...

      ฉันไปหา G ที่ห้องโกโรโกโส เขาอยู่ในอาการเมา ตาแดงก่ำยบ่งบอกว่าเพิ่งผ่านการร้องไห้ ฉันเดินเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ เขา เอื้อมมือไปเกาะกุมมือเขาเพื่อปลอบใจ  แต่แล้วโดยไม่ทันคาดคิด ผู้ชายที่เคยสุภาพกับฉัน ผู้ชายที่ไม่เคยแม้แต่จะทำให้ฉันคิดว่าเขาจะกล้าทำมิดีมิร้ายกับฉัน กลับดึงฉันเข้าไปกอด ฉันตัวแข็ง ใจเต้นระทึก ฉันทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ลูบหลังเขาอย่างแผ่วเบา นึกในใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วหน้าที่ซบนิ่งอยู่ไหล่ฉันก็เริ่มขยับซุกไซ้ซอกซอนอยู่แถวซอกคอสลับใบหู ลมหายใจคละคลุ้งด้วยกลิ่นเหล้า แต่แทนที่จะเหม็น มันกลับกระตุ้นอารมณ์ฉันอย่างประหลาด เขาบรรจงจูบไล่จากหน้าผากเรื่อยลงมาที่คิ้ว ตา แก้ม คาง ตอนนั้นฉันรู้สึกเคลิบเคลิ้มเหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ได้ จนเมื่อเขาประกบริมฝีปากกับปากของฉัน และพยายามใช้ลิ้นดุนดันผ่านปราการเหล็กดัดเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของฉัน ฉันจึงรู้สึกตัวตื่นจากภวังค์ เบนกายฉันขัดขืน เขาจึงเปลี่ยนเป้าหมายลดต่ำลงที่หน้าอก ฉันบ่ายเบี่ยงด้วยสัญชาติญาณเอียงอาย แต่เหมือนยั่วเย้าให้เขายิ่งอยากขยำขยี้ฉันให้แหลกยับไปกับมือ เขาจับฉันกดลงบนที่นอน พยายามใช้ฟันปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ฉันใส่อยู่  ฉันดิ้นรนและขยับหนีด้วยความตื่นตระหนก เมื่อไม่สำเร็จ เขาจึงอาศัยจังหวะที่ฉันตกใจกระชากเสื้ออย่างแรง กระดุมที่กลัดติดสาบเสื้อกระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง ฉันนึกอยากกรีดร้อง แต่ไม่กล้า ในขณะที่มือฉันผลักไสเขา แต่ในใจฉันกลับโหยหาเขา ในขณะที่ใจเต้นระทึก ฉันกลับกลัวว่าเขาจะผละหนี

       

      เขาสอดแขนยกดุนหลังฉันขึ้น และใช้มือเดียวปลดตะขอชั้นในอย่างรวดเร็ว ฉันรู้สึกอาย ยกมือขึ้นปิดบัง เขาผลักมือฉันออก หยุดมองด้วยสายตาหื่นกระหาย ก่อนจะซุกหน้าลงไปเบียดแทรกชอนไชราวกับจะมุดหายเข้าไปทั้งตัว มันเป็นประสานงานกันของอวัยวะส่วนต่าง ๆ อย่างน่าทึ่ง ปากดูดอม มือคลึงเคล้น ลิ้นโลมเลีย และทุกครั้งที่เขาใช้ฟันขบกัดเบา ๆ ตรงส่วนยอดที่ชูชันนั้น ฉันก็ต้องเผลอร้องครางออกมาทุกครั้ง

       

       

      ฉันใช้มือจิกผมเขาแทนคำบอกว่า พอได้แล้ว  แต่เขาอาจแปลความเป็น ขออะไรที่มันสะใจมากกว่านี้อีก  จึงเลื่อนใบหน้าต่ำลงไป ต่ำลงไป ต่ำลงไป จนประชิดเขตแดนที่เป็นเนินหญ้าป่าชัฎ ถึงตอนนี้อยู่ ๆ ฉันก็คิดถึงสาวทอมรุ่นพี่ขึ้นมาวูบหนึ่ง ก่อนจะรีบสลัดสบัดทิ้งไปในชัวกระพริบตา

       

      ...ลืมมันเถอะ ของจริงรออยู่ตรงนี้แล้ว... ฉันนึกในใจ

       

      เขาปลดตะขอที่ขอบเอวกางเกงขาสั้น รูดซิบ แล้วค่อย ๆ ถอดเลื่อนลงไป ฉันขยับขาช่วยให้มันไปกองที่เท้าเร็วขึ้น เขาระดมจูบพรมตรงหน้าท้องก่อนจะสงบนิ่ง เหมือนทหารที่พรางตัวรอซุ่มโจมตีศัตรู ฉันสัมผัสถึงความสากจากหนวดเคราต้นตอสั้น ๆ ที่ชวนเสียวสยิว รับรู้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ และลิ้นเปียก ๆ ที่โลมเลียอยู่บริเวณสะดือ และต่ำลงไป ต่ำลงไป ต่ำลงไป

       

      หยุดเถอะค่ะ นึกด่าตัวเองในใจที่หลุดคำนั้นออกไป โชคดีที่เขาไม่ได้ยิน

       

      อย่าค่ะ อีกแล้ว ปากกับใจไม่ตรงกันอีกแล้ว เมื่อเขาใช้มือละลาบละล้วงเข้าไปในกางเกงในซึ่งบัดนี้เป็นอาภรณ์เพียงชิ้นเดียวที่หลงเหลือติดตัวฉัน ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อนิ้วของเขาสัมผัสถูก จุดอ่อน ของฉัน

       

      ฉันเริ่มจินตนาการถึงจิตรกรที่เตรียมสีและแปรงหรือพู่กันที่พร้อมจะระบัดระบายลงบนแผ่นเฟรม...มันจะเป็นภาพอะไรนะ...ฉันคิดในใจ

      ...สีน้ำ สีฝุ่น สีน้ำมัน เรียลลิสต์ติก แอ็บสแตร็ค...แต่ไม่ว่าภาพอะไรก็ตาม ฉันเชื่อว่ามันต้องเป็นภาพที่ดีอย่างแน่นอน

       

      ขอโทษ!

       

      ...เฮ้ย! อะไรวะ? ได้ไงเนี่ย!... ฉันร่ำร้องในใจ แต่คำพูดที่โพล่งออกไปคือ

       

      ทำไม...ทำไมพี่ทำอย่างนี้?”

       

      ฉันร้องไห้ น้ำตามันไหลอกมาเอง ไม่รู้เป็นเพราะความโกรธหรือเสียดาย

       

      พี่ขอโทษ พี่ลืมตัว เขามีสีหน้าสำนึกผิด

       

      ...โธ่โว้ย!!! จะมาสำนึกผิดอะไรกันตอนที่มันกำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มแบบนี้วะฉันวีนแตกอยู่ในใจ แต่คำที่พูดกับเขาคือ

       

      พี่ไม่น่าทำแบบนี้ ต่อไปนี้ระหว่างเราจบกันแค่นี้ P2 จะไม่มาหาพี่อีก

       

      ฉันรีบคว้าเสื้อกางเกงขึ้นมาสวมก่อนผลุนผลันออกมาในสภาพกระเซอะกระเซิงที่สุดในชีวิต หลังจากนั้นฉันก็ไม่เคยคิดที่จะไปหาเขาที่ห้องเช่าโกโรโกโสนั้น หรือแม้แต่จะเฉียดกรายเข้าใกล้เขาอีก

       

      ...คนอะไร หลอกให้อยากแล้วก็หยุดซะงั้น!!!

       

      และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไม?

       

      ตอนนี้ฉันกำลังมองหาผู้ชายสักคนที่จริงใจ จริงจัง คุยเรื่องทะลึ่งกันได้ พร้อมจะเป็นผู้นำพาฉันได้ทุกเรื่อง ไม่ถอดใจท้อถอยกลางทาง และพร้อมจะทำให้ฉันมีความสุข ไม่ปล่อยให้อารมณ์ค้างกลางคัน!!!

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×