ระหว่างพรหมจรรย์กับกระดังงาลนไฟ - ระหว่างพรหมจรรย์กับกระดังงาลนไฟ นิยาย ระหว่างพรหมจรรย์กับกระดังงาลนไฟ : Dek-D.com - Writer

    ระหว่างพรหมจรรย์กับกระดังงาลนไฟ

    ถ้าคุณเป็นผู้ชายทั้งแท่งแล้วมีผู้หญิงสองคนมาเสนอตัวให้คุณ Make Love ด้วย ระหว่างผู้หญิงพรหมจรรย์ที่ไม่มีประสบกามใด ๆ กับผู้หญิงที่ร้อนแรงแบบกระดังงาลนไฟ คุณจะเลือกแบบไหน?

    ผู้เข้าชมรวม

    3,288

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    3.28K

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  24 ต.ค. 51 / 13:27 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      1.

       ชีวิตเธอไม่เคยขาดอะไร หรือดูเหมือนจะอย่างนั้น

       

      เธอเติบโตมาในสังคมชนบทที่ 'การให้' เป็นเรื่องสามัญประจำชาวบ้าน เธอได้รับการเลี้ยงดูในบรรยากาศครอบครัวที่อบอุ่น ฐานะมีอันจะกิน เป็นแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ และเป็นพี่สาวที่แสนดีของน้องสาว จะว่าไปเธอก็มีพัฒนาการชีวิตเหมือนคนปกติ ตั้งแต่แบเบาะ คว่ำ คืบ คลาน ตั้งไข่ล้ม เดิน วิ่ง เล่น ซุกซน แตกเนื้อสาว นมตั้งเต้า  รักสวยรักงาม เพียงแต่เธอไม่ใช่คนสวย!!!

       

      ชีวิตในวัยประถมศึกษา

      เธอเรียนหนังสือเก่ง ฉลาด หัวไว มีปฏิภาณไหวพริบเหนือกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน  ครูทั้งโรงเรียนรักเธอ นักเรียนทั้งโรงเรียนรักเธอ เธอเริ่มสนใจเพศตรงข้าม  เธอหลงรักเพื่อนนักเรียนคนหนึ่ง

       

      ชีวิตในโรงเรียนมัธยมศึกษา

      เธอเข้ามาเรียนต่อในโรงเรียนประจำจังหวัด ครูทั้งโรงเรียนรักเธอ นักเรียนทั้งโรงเรียนรักเธอ เธอหลงรักเพื่อนนักเรียนอีกคน เป็นความรักที่เริ่มด้วย 'การให้' เพื่อทำให้เขาสนใจเธอ

       

      ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย

      เธอเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ แม้จะทำให้คนทั้งมหาวิทยาลัยหันมารักเธอไม่ได้ แต่เธอก็ฉลาดเลือกคบผู้ชายที่ดูดีที่สุดของรุ่น 3 คนพร้อมกัน เธอทำให้สาวๆ หลายคนอิจฉา เธอสับราง สับหลีก สับขาหลอกผู้ชายทั้ง 3 คนเหมือนเปลี่ยนรองเท้า บางครั้งนึกสนุกเธอก็ควงพร้อมกันทั้ง 3 คน ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก เพราะทุกคนคิดกับเธอแค่ 'เพื่อนสนิท' เป็นเธอต่างหากที่หลงรักเพื่อนคนหนึ่งในนั้นอย่างลมๆแล้งๆ

       

      ชีวิตการทำงาน

      เธอเริ่มต้นด้วยการเป็น Scriptwriter Writer บริษัทผลิตสารคดีโทรทัศน์คุณภาพดีที่สุดของประเทศไทย เธออ่อนแอในหลายเรื่อง แต่เรื่องหนึ่งที่เธอแข็งแรงอยู่เสมอคือ ความเป็นคนจิตใจดีและเป็นผู้ให้ ทุกคนในแผนกรักเธอ ทุกคนในบริษัทรักเธอ แล้วเธอก็หลงรักหัวหน้าแผนกของเธออย่างคลั่งไคล้ เธอพร้อมจะให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่เขา แม้แต่เรือนร่าง เพื่อแลกกับสิ่งเดียวที่เธอปรารถนาคือ...ความรัก แต่ผู้ชายคนนั้นก็มิได้นำพา

       

      ชีวิตที่ต่างประเทศ

      เธอเริ่มต้นอย่างลุ่มๆ ดอนๆ เคยเกือบตายเพราะเชื้อชั่วที่เข้าไปตั้งลงหลักปักฐานก่ออาการเนื้องอกในสมอง เธอได้โฮสต์แฟมิลี่ดี ทุกคนรักเธอ เธอทำงานและเรียนปริญญาโทไปพร้อมกัน จนจบก็ได้เป็นเจ้าหน้าที่ประจำบริษัทผลิตรายการ TV แห่งหนึ่ง ขณะที่ดวงชีวิตการงานพุ่งทะยาน เส้นกราฟความรักกลับดิ่งเหว เธอใช้เวลาอยู่นานจึงตัดใจจากหัวหน้าแผนกได้ แต่เมื่อเพื่อนชายสมัยมัธยมปลายผ่านเข้ามาในยามที่เธอต้องการใครสักคนเข้ามาถมเต็มส่วนที่ขาดหาย หรือส่วนที่ไม่เคยมี ส่วนที่ไม่เคยได้รับจากใคร เธอจึงหลงรักเขาอย่างหัวปักหัวปำ ผู้ชายคนใหม่นี้เป็นเหมือนเจ้าชายน้อย เขาทำให้เธอเชื่อง...ช้า และพร้อมจะใช้เงินซื้อทุกอย่าง เธอหยิบยื่นสิ่งที่เป็นชิ้นเป็นอันให้เขาเพียงเพื่อที่จะพบในวันหนึ่งว่า สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ ความว่างเปล่า!         

       

      '…ขอความรักฉันบ้างได้ไหม?...' เป็นคำถามที่ร่ำร้องในใจเธอมาตลอดชีวิต

      '…ขอคนรักฉันบ้างได้ไหม?...' เป็นคำอธิษฐานหลังมองดาวตก...ดวงแล้วดวงเล่า!

      หรือบางที...ในคืนที่ความเหน็บหนาวอ้างว้างเข้าเกาะกุมโอบรัดจิตวิญญาณที่โหยหาความรักของเธอจนถึงที่สุด  เสียงถามย้ำอยู่ในใจลึกๆ นั้นก็คล้ายจะฟังว่า

      '...ขอคน Fuck ฉันบ้างได้ไหม?...'

       

       

      2.

      ก่อนที่เธอจะไปต่างประเทศ ไปร่ำร้อง ขอคน Fuck ฉันบ้างได้ไหม?’ เธอได้ลาออกมาจากบริษัทผลิตสารคดีโทรทัศน์คุณภาพดีที่สุดของประเทศไทย และไปทำงานอยู่ที่โปรดั๊กชั่นเฮ้าส์อีกแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ

       

      ที่นั่น เธอได้เจอกับเพื่อนสนิทสมัยเรียนชั้นมัธยมมาด้วยกัน และเพื่อนสนิทคนนี้เป็น 1 ในผองเพื่อนที่มีข้อมูลเกี่ยวกับอดีตหัวหน้าแผนกของเธออย่างดี ดีมาก จนถึงดีที่สุด ส่วนหนึ่งก็มาจากคำบอกเล่าของเธอนั่นเอง

       

      เมื่อมาอยู่ที่ทำงานใหม่ เธอไม่มีโอกาสเจอกับอดีตหัวหน้าทุกวันเหมือนเมื่อก่อน โทรศัพท์และไปรษณียบัตรจึงเป็นสองวิธีที่เธอใช้ติดต่อกับเขา ท่ามกลางความไม่สบายใจของเพื่อนสนิทและเพื่อนพ้องน้องพี่คนอื่น ๆ เพราะทุกคนคาดหวังว่าเธอจะเลิกบ้าบอกับเขาสักที แต่เธอก็ไม่ได้นำพา

      เธอยังคงเสมอต้นเสมอปลายกับความพยายามทำให้เขาหันมารักเธอ จนเพื่อนสนิทของเธอเริ่มอดรนทนรำคาญไม่ไหวกับพฤติกรรมหลงผู้ชายอย่างโงหัวไม่ขึ้น ถึงกับออกปากด่าแรง ๆ หวังให้เพื่อนมีสติหายจากอาการหน้ามืดตามัวอยู่บ่อย ๆ แต่ เธอก็ทำหูทวนลมทุกครั้งไป

      'ฉันว่าจะนัดกินข้าวกับเขาดีไหม?' เธอปรึกษาเพื่อนสนิทในวันหนึ่ง
      'ฉันว่านัดกินหญ้าดีกว่าไหม?' เพื่อนสนิทตอบกลับแบบหงุดหงิด
      'แกว่าร้านแบบไหนจะเหมาะกับนัดครั้งแรกระหว่างฉันกับเขา?' เธอทำเป็นไม่สนใจชวนคุยเป็นเรื่องเป็นราวต่อไป

      เพื่อนสนิทคงเห็นว่าเธอจริงจังจึงหันมาตอบแบบเป็นงานเป็นการขึ้น

      'ตามความเห็นฉันนะ ฉันว่าเลือกร้านที่มีดนตรีก็ดี'
      'ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน' เธอกระตือรือร้นเมื่อเห็นเพื่อนมีส่วนร่วม ก่อนจะทำหน้าฝัน ๆ จินตนาการไปไหนต่อไหน
      'แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้น ฉันว่าเลือกร้านที่มีเล่นดนตรีไทยด้วยก็ดีนะ ยิ่งได้ร้านที่มี 'เดี่ยวซอ' ด้วยยิ่งดีใหญ่เลย'

      'ดียังไงวะ?' เธอทำหน้างงๆ

      'จะได้ให้เขาสีซอให้แกฟังไง'

      'ไอ้บ้า!!!'

       

      แล้ว  3 เดือนก่อนไปต่างประเทศ เธอก็ได้นัดทานอาหารกับเขาสมใจปรารถนา เธอมีโอกาสกินมื้อกลางวันกับเขา 3 ครั้ง

       

      แม้จะไม่ใช่ร้านที่มีดนตรี ไม่ได้มีบรรยากาศโรแมนติก เพราะเป็นมื้อกลางวัน แต่เธอก็มีความสุขอย่างที่ผู้หญิงคนหนึ่งพึงจะมี

       

      และถ้ามีใครไปถามเธอเกี่ยวกับรายละเอียดของการออกเดทกับเขา 3 ครั้ง  เธอจะสามารถเล่าได้อย่างเป็นวรรคเป็นเวร เธอจดจำรายละเอียดทุกอย่างได้หมดหมด รวมทั้งจำได้กระทั่งว่าทุกครั้งที่แยกกัน เขาจะเดินเลี้ยวไปทางขวาและเธอจะเดินเลี้ยวไปทางซ้าย

       

      เพื่อนสนิท: ฉันว่าแกทำใจเถอะ

      เธอ: ทำไมต้องทำใจ ทำไมแกจะพูดให้ความหวังฉันสักครั้งบ้างไม่ได้เหรอ นี่ฉันไปกินข้าวกับเขามาตั้ง 3 ครั้งแล้วนะ?

      เพื่อนสนิท: ใช่ 3 ครั้ง แต่แกเล่นเลี้ยวผิดสูตรทุกครั้งเลยนี่หว่า

      เธอ: ผิดสูตรยังไง?

      เพื่อนสนิท: ปกติเขาต้อง 'ผู้หญิงเลี้ยวซ้าย ผู้ชายเลี้ยวขวา' แต่ของแกดันเป็น 'ผู้หญิงเลี้ยวขวา ผู้ชายเลี้ยวซ้าย'

      เธอ: แล้วไง?

      เพื่อนสนิท: แล้วก็ต้องแห้วน่ะสิ เชื่อฉันเถอะ ฉันว่าถนนสายความรักระหว่างแกกับเขาคงเป็นเส้นขนานที่ไม่วันทอดไปบรรจบกันที่ไหนได้หรอก

      เธอ: ต้องได้สิ

      เพื่อนสนิท: เขาน่ะได้ แต่แกน่ะจะเสีย เสียตลอด นี่ขอฉันถามแกตรง ๆ นะ แกได้เสียกับเขาหรือยังวะ?

       

      เธอสะดุดกับคำถามนั้น เธอไม่คิดว่าเพื่อนจะกล้าถามแบบไม่มีอ้อมค้อม ทุกคนอาจจะพอเดาได้ว่าเธอเป็นคนที่ไม่รู้จักพอในการให้ หรือเป็นคนให้ที่ไม่รู้จักพอ แต่คงไม่มีใครคิดว่าเธอจะกล้าทุ่มทุนให้ถึงขนาดยื่นข้อเสนอให้เขา ไป Make Love กับเธอที่เกาะช้าง 

       

      และเมื่อพูดกับเขาไปแล้วเธอก็ไม่สามารถเอาคำพูดนั้นกลับคืนมาได้ แต่ปัญหาคือเธอไม่ได้อยากจะเอาคำพูดนั้นคืน เธออยากให้เขาไปที่นั่นเพื่อเอา เอา เอา เอากับเธอติดต่อกันสัก 3 วัน 3 คืน แต่จนถึงวันนี้นาทีนี้ เขาก็ยังไม่รับปากว่าจะไปหรือไม่?

       

       

      3.

       เธอคุยกับเงาสะท้อนตัวเองในกระจก

       

      '...เขาต้องไปสิ ทำไมเขาจะไม่ไป คนอย่างเขาคลำไม่มีหางก็เอาหมดนั่นแหละ ฉันไม่ได้คิดไปเอง เขาเป็นแบบนั้นจริง ๆ แล้วเขาก็พูดเองว่าเขาไม่ใช่คนดี เขามีผู้หญิงเยอะ เขาใช้ชีวิตเปลือง เขาไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เขามีสมบัติชิ้นสุดท้ายที่เหลือมาจากผู้หญิงคนล่าสุดคือมอเตอร์ไซค์ซึ่งทั้งประเทศไทยมีอยู่เพียง 3 คัน เขาไม่ได้นึกภูมิใจกับมอเตอร์ไซค์คันนั้นเพราะมันจอดตายมานานแล้ว เขาเคยคิดจะปลุกมันขึ้นมาใช้ แต่พอคิดว่าเขาซื้อมันมาจากผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเคยเป็นสามีของผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาเคยคบ เขาก็เลิกคิดที่จะเอามันไปทำเพราะเขาจะมีความคิดอยู่ในส่วนลึกของความรู้สึกตลอดเวลาว่า เขามาทีหลัง

       

      เขาเล่าว่าผู้หญิงคนหลัง ๆ ของเขามักจะเคยผ่านผู้ชายมาแล้ว เขาไม่ถือสา เขาบอกว่า เขาจะเรียกร้องผู้หญิงดี ๆ ไปเพื่ออะไร เขาจะเอาผู้หญิงบริสุทธิ์มาทำแม่ทำเมียได้อย่างสนิทใจได้อย่างไรในเมื่อที่ผ่านมาเขาเป็นคนทำลายความบริสุทธิ์ของผู้หญิงมานักต่อนัก เขามักจะย้ำอยู่เสมอว่าผู้ชายเลว ๆ ก็ต้องได้กับผู้หญิงเลว ๆ เขาจึงเลือกคบแต่ผู้หญิงที่...อาจจะไม่เลว แต่ก็ร้าย

       

      เขากลายเป็นคนชอบผู้หญิงร้าย ๆ เขาบอกว่ามันจะได้มาถ่วงดุลยภาพของความสัมพันธ์ระหว่างกัน เขาเลวเธอร้าย เขาขึ้นเสียงผู้เธอตวาด เขาโวยวายเธอด่า เขาตบเธอข่วน เขาใช้กำลังเธอขัดขืน เขาซุกไซ้เธอผลักไส เขาพยายามใช้ปากเธอกัดปาก เขากดริมฝีปากเธอเผยอปากรับ เขาจูบเธอจูบตอบ เขาถอดเสื้อผ้าเธอช่วยถอด เขาพลิกตัวตกเป็นเบี้ยล่างเธอขึ้นคร่อมอยู่ข้างบนถือไพ่เหนือกว่า เขาใช้มือเธอใช้เล็บ เขาครวญครางเธอกรีดร้องสุดเสียง เขาบอกขอโทษนะเธอบอกไม่เป็น...เรามาเริ่มกันใหม่เถอะ!!!

       

      เขาเลว เขาเหี้ยห่าสารพัดสัตว์ เขาน่าจะถูกเรียกว่าสัตว์ตัวผู้มากกว่าคน เขาพร้อมจะเร่าร้อนกับผู้หญิงร่านราคะแต่เลือดเย็นกับความดีของฉัน เขามาจากนรกขุมไหนฉันไม่รู้ เขาออกจะชั่วช้าเสเพลถึงขนาดนั้นแต่ในไปรษณียบัตรที่ฉันเขียนถึงเขาเมื่อลาออกมาจากที่นั่นก็มักจะขึ้นต้นด้วยคำว่า 'คนดีของฉัน' อยู่บ่อยๆ

       

      เขาทำให้ฉันมีความสุขเมื่ออยู่ใกล้ ๆ เขาอาจจะเข้าใจไปเองว่าตลอดระยะเวลา 2 ปี 9 เดือนที่ฉันทำงานอยู่กับเขา เขาไม่เคยถูกเนื้อต้องตัวฉันแม้แต่ครั้งเดียว เขาเคยสัมผัสฉันโดยที่เขาไม่รู้ตัวต่างหาก เขาไม่รู้ตัวว่าครั้งหนึ่งเขาเคยทำให้ฉันรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัวเหมือนถูกไฟช็อตและฉันก็อยากให้เขาเข้ามาช็อต...เข้ามาช็อตบ่อย ๆ เขาทำให้ฉันรู้สึกอบอุนอย่างอย่างประหลาด เขาไม่เคยบอกรักฉันสักคำ แต่ฉันก็ชอบที่จะเรียกเขาว่า 'Honey'  'สุดที่รัก' 'คนดีของฉัน' หรือ 'คนดีของความรัก'

       

      เขาจะปฏิเสธฉันอย่างไรฉันไม่ว่า เขาจะไม่ยอมรับความจริงข้อไหนฉันไม่สน เขาจะมองไม่เห็นความดีใด ๆ ฉันเลย...ฉันก็ไม่แคร์

       

      แต่อย่างน้อยเขาก็น่าจะมีความเป็นลูกผู้ชายพอที่จะยอมรับคำร้องขอจากลูกผู้หญิงคนหนึ่งที่อยาก Make love กับเขาที่เกาะช้างก่อนจะไปต่างประเทศ

       

      เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดไล่ดูข้อความใน inbox ขาออกที่เคยส่งข้อให้ใครต่อใคร ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงประโยคที่ส่งไปถึงเขา ข้อความนั้นเขียนว่า

       

      ''Would you like to make love with black angel?''

       

      4.

      ผม SMS กลับไปว่า ‘No!’

       

      คุณอยากรู้เหตุผลที่ผมไม่ไป Make Love กับเธอที่เกาะช้างหรือ?

       

      ผมจะเริ่มต้นยังไงดีล่ะ ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มานานแล้ว มันไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับผมเลยแม้แต่นิดเดียว ผมใช้ชีวิตมาเยอะ ผมผ่านผู้หญิงมามาก กะอีแค่ผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่เสนอตัวให้ผม Make Love ด้วย คุณคิดว่าผมควรจะอินังขังขอบนักหรือ?

       

      พูดแล้วเหมือนโกหกนะ แต่เป็นความจริงที่เธอชวนผมไปที่นั่น เคยมีพูดกับผมเหมือนกันว่า สาเหตุที่ผมไม่ไปเพราะเธอไม่ใช่คนสวย หรือไทม่ก็เพราะผมเบื่อที่จะสอนเพศศึกษากับสาวบริสุทธิ์

       

      ผมไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เอาเป็นว่าผมจะขอพูดตรง ๆ เลยว่า ถ้าเป็นสมัยก่อน ผมก็คงจะคิดถึงเรี่องนี้เป็นเรื่องแรก ๆ แต่เมื่อใช้ชีวิตมาขนาดนี้ ผมเลิกคิดถึงความสวยความบริสุทธิ์ไปนานแล้วล่ะ

       

      ขอถามคุณดีกว่า ถ้าคุณเป็นผู้ชายทั้งแท่งแล้วมีผู้หญิงสองคนมาเสนอตัวให้คุณ Make Love ด้วย ระหว่างผู้หญิงพรมจรรย์ที่ไม่มีประสบกามใด ๆ กับผู้หญิงที่ร้อนแรงแบบกระดังงาลนไฟ คุณจะเลือกแบบไหน?

       

      คุณไม่ต้องตอบผมตอนนี้ก็ได้ ถือเสียว่าเป็นการบ้านให้คุณเก็บไปคิดก่อนนอน แล้วค่อยมาส่งคุณครูในวันพรุ่งนี้

       

      คุณยังไม่ง่วง อยากฟังผมคุยต่อ ได้สิ ผมมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับผู้หญิงเยอะ ให้ผมเล่าให้คุณฟังทั้งคืนก็ยังได้ ว่าไงนะ คุณยังไม่อยากรับรู้เรื่องผู้หญิงคนอื่นในตอนนี้ คุณอยากฟังเรี่องของเธอต่อ ตกลง

       

      ผมไม่แน่ใจว่าผมรู้จักเธอทุกแง่มุมอย่างทะลุปรุโปร่งแค่ไหน ผมอาจจะเห็นเธอแต่ในด้านสว่าง แต่ผมไม่เคยเห็นด้านมืดของเธอ ที่จริงมันก็เหมือนกับคนรอบข้างเธอ จะว่าไปมันก็เหมือนกับมนุษย์ทุกคนนั่นแหละ ที่ต้องมีทั้งมุมสว่างและด้านมืด ผมรู้ดีเพราะผมทำรายการ มืดแปดด้าน มานาน คุณรู้จักไหมรายการ มืดแปดด้าน ของคุณหน๋อย-ชาดี แห่ง Tea Lion หรือ ชาตราสิงห์ บริษัทผลิตสารคดีโทรทัศน์คุณภาพที่ดีที่สุดของประเทศไทยเมื่อ 28 ปีที่แล้ว

       

      อะไรกัน คุณไม่ชอบรายการนี้หรือ? คุณเกลียดเสียงคนบรรยาย

       

      โอ้! พระเจ้า คุณเป็นคนแรกเลยนะที่แสดงความคิดเห็นแบบนี้

       

      ขอโทษ ผมนอกเรื่องอีกแล้ว กลับมาพูดกันเรื่องของผู้หญิงคนนั้นต่อ ผมบอกคุณหรือยังว่า นอกจากจะโทรศัพท์ชวนผมไป Make Love ที่เกาะช้าง เธอยัง SMS ตามมาเป็น Gimmick อีกว่า

       

      Would you like to make love with black magic angel?

       

      เธอเป็นคนผิวดำไง เธอจึงเรียกตัวเองแบบนั้น มันก็เป็นความน่ารักตามแบบฉบับของเธอนะ  เธอก็เหมือนกับผู้หญิงหลาย ๆ คนที่อยากเป็นนางฟ้าในสายตาของใครสักคน

       

      คุณอยากรู้ใช่ไหมว่า...แล้วผมยกให้เธอเป็นนางฟ้าหรือไม่?

       

       

      5.

      ผมก็ถามตัวเองอยู่บ่อย ๆ ว่า ผมควรจะเรียกเธอว่าอะไรดี

      แต่ไม่ใช่ 'นางฟ้า' อย่างแน่นอน ผมมานั่งวิเคราะห์ว่าโดยสิ่งที่เธอเป็น...อยู่...คือ...สำหรับผม ผมคิดว่าเธอน่าจะเหมาะกับคำว่า 'นางให้' มากกว่า

      คุณอยากรู้ว่าเธอให้อะไรผมบ้าง แล้วเธอคาดหวังอะไรจากการให้?

      เป็นคำถามที่ตอบยากเหมือนกันนะ ผมจะบอกยังไงดี เอาเป็นว่าตั้งแต่รู้จักกันมาผมเป็นผู้รับจากเธอมากกว่าผู้ให้ เธอมีน้ำใจกับผมมาตลอด ทุกวันเธอจะมาดักรอทักทายผมที่บ่อปลาหน้าบริษัทชาตราสิงห์ ทุกเช้าเธอจะซื้อขนมนมเนยมาวางไว้บนโต๊ะทำงานผม และทุกอาทิตย์เมื่อดอกไม้ในแจเริ่มเหี่ยวแห้งเธอก็จะหาเวลาสักวันแอบเข้ามาเปลี่ยน เธอเคยชวนผมกินข้าวในห้องทำงานครั้งหนึ่ง อาหารมื้อนั้นคือแกงส้มกับไก่ทอด เธอปลื้มมาก แม้ผมจะมีท่าทีพะอืดพะอมอยู่สักหน่อยก็ตาม พอถึงตอนปีใหม่หรือวันเกิดผมเธอก็จะเป็นธุระจัดแจงซื้อเค้กให้   หรือเวลาผมพูดถึงเพลง หนังสือ ภาพยนตร์ที่ชื่นชอบ ถ้าลงท้ายว่ายังไม่มีหรือกำลังหาอยู่ ไม่ว่าเก่าแก่สักแค่ไหนหายากสักแค่ไหน เธอก็จะไปหาซื้อมาจนได้ และบ่อยครั้งที่เธอคอยเป็นธุระเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ตั้งแต่เล็ก ๆ น้อย ๆ จนถึงก้อนโต เธอเรียกทั้งหมดนั้นว่า 'ความดี' เธอมีความหวังว่ามันจะเปลี่ยนตัวตนของผู้ชายคนหนึ่งได้ เธอหวังว่าเธอจะทำให้ผมหันมารักเธอได้ แต่ผมก็ไม่เคยรักเธอแบบที่เธออยากให้รัก

      ผมพยายามแนะนำให้เธอมองหาให้ผู้ชายดี ๆ สักคนอยู่เสมอ ไม่ใช่ไม่มีนะ ในชาตราสิงห์ที่ผมเห็นมีอยู่ถมเถไป Th หรือ T-จอมหิด นั่นก็ใช่ Nt-จอมสิง นั่นก็อีกคน ใครอีกล่ะ? แต่เธอก็ไม่เคยสนใจ

      หรือจะเป็นไปได้ไหมที่ผู้ชายดี ๆ เหล่านั้นนั้นอาจจะหน้าตาไม่ดีพอสำหรับเธอ เป็นไปได้ไหมที่ในชีวิตเธออาจจะเคยผ่านผู้ชายดี ๆ ที่หน้าตาไม่ดีมาก่อนแล้วผิดหวัง ก็เลยเข็ดไม่กล้าเสี่ยงกับผู้ชายดี ๆ ที่หน้าตาไม่ดีอีก เลยมองหาแต่ผู้ชายดี ๆ ที่หน้าตาดีควบคู่กัน ดีพอที่เธอจะรัก ดีพอที่เธอจะหลง ดีพอที่เธอจะให้ และดีพอที่จะพลีพรหมจรรย์ให้โดยการชวนไป Make  Love ที่เกาะช้างก่อนจะเดินทางไปต่างประเทศ

      ตอนที่เธอชวนผม เธอบอกว่าเธอจะจัดการทุกอย่างเอง เธอโทรศัพท์จองที่พัก เช็คตารางเที่ยวเรือ หรือแม้แต่เสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวผม เธอก็หาซื้อตระเตรียมไว้พร้อมสรรพ เธออำนวยความสะดวกสบายให้ผมจนถึงที่สุดเพราะคิดว่ามันจะทำให้ผมตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเธอก็โทรศัพท์มาหาผมในวันหนึ่ง เธอพูดกับผมว่า

      "พี่ต้องไปกับหนู นะ นะ...ไปนะ หนูขอนอนกับพี่แค่ครั้งเดียว นะ..นะ แล้วจะไม่ขออะไรพี่อีก หนูไม่เคยขออะไรจากพี่เลยนะ"

      6.

      เสียงแซ็กโซโฟนใน Intro เพลง ทะเลจันทร์ ของป้าง นครินทร์ดังขึ้นมาอย่างเข้ากับบรรยากาศริมทะเลคืนพระจันทร์เต็มดวง

       

      กล้องทิลท์จากเงาพระจันทร์ในน้ำขึ้นมาที่โต๊ะอาหารริมน้ำแห่งนั้น เห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งนั่งจิบไวน์คุยกัน

      "ถึงตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าคุณไม่ไป Make Love กับเธอที่เกาะช้าง แต่ฉันอยากจะรู้เหตุผลที่คุณไม่ไป?"

      ตัดไปที่ด้านข้างถ่ายในมุมเสยเห็นผู้ชายหันไปมองพระจันทร์ที่แขวนดวงเด่นอยู่บนฟ้า ก่อนหันมาพูดกับผู้หญิง

      "คุณจะเชื่อไหมถ้าผมจะบอกว่า พระจันทร์ดวงกลมที่คุณเห็นนั้นน่ะ ผมควรจะมองมันจากระเบียงรีสอร์ทบนช้าง...ในคืนนี้"
      "คืนนี้ ุณหมายถึง...?" ถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

      "ใช่! คืนนี้ อนนี้ าทีนี้ ก็อย่างที่ผมถามคุณไว้เมื่อครู่นี้ไงว่า ถ้าคุณเป็นผู้ชายทั้งแท่งแล้วมีผู้หญิงสองคนมาเสนอตัวให้คุณ Make Love ด้วย ระหว่างผู้หญิงพรมจรรย์ที่ไม่มีประสบกามใด ๆ กับผู้หญิงที่ร้อนแรงแบบกระดังงาลนไฟ คุณจะเลือกแบบไหน?"

      "คุณเลือกฉัน"

       

      "ขอโทษนะ ถ้าผมจะขอพูดพูดตรง ๆ ว่า เหตุผลที่ผมไม่ไปเกาะช้างเพราะผมอยากจะมาเล่นรักกับคุณที่นี่  อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้นสิ บางที...ผมก็ถามตัวเองอยู่บ่อย ๆ ว่า ผมมันเป็นเหี้ยชนิดไหนในสายตาของผู้หญิงที่รู้จักผม"

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×