คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 งองๆแงงๆงึงๆงังๆ
ตอนที่ 2
“ขยมบอกแล้วว่าอย่าเพิ่ง” ข้าวบอกกับฉันหลังยื่นผ้าขนหนูผืนใหญ่จากไหนก็ไม่รู้มาให้ฉันคลุมตัวไว้ก่อน
“ก็ไม่บอกให้เร็วกว่านี้ล่ะ ฮ่วย!! ฮะ...ฮะ...ฮัดช้าย!!!” ฉันเถียงกลับแต่ไม่ทันไรก็จามออกมาแถมสำเนียงการจามแอบแปล่ง ๆ อีกต่างหาก
“จะเป็นหวัดบ่?” หมอนี่ถาม แต่เอ๊ะ นี่เอ็งหลุดภาษาลาวมาทำม้าย บอกแล้วว่าข้อยพูดเป็นแต่เขมร!
“คงไม่อ่ะ แค่นี้เอง ฮะ...ฮะ...ฮัดโช้ยย... ฮะ... ฮัดช่า!!!”
“นี่... เจ้าเป็นลูกครึ่งอินเดียหรือนี่?” (ถามออกสำเนียงแขก) ข้าวถามเมื่อได้ยินเสียงจามฉัน ฮ่วยโฮ่ยโฮ่ก! จะอะไรกับฉันนักหนา!? แต่ขออวดเชื้อสายที่แท้จริงของฉันหน่อยละกัน!
“บ่... (เฮ้ย แล้วไปลาวตามมันทำไม) ขยมสิ ลูกครึ่งไทย-เยอรมันของแต๊!” (เอ่อ...ชักงงสำเนียง) ฉันแนะนำยี่ห้อของตัวเองไปด้วยภาษาเพื่อนบ้านที่ไม่ได้ใกล้เคียงกับเชื้อสายเยอรมันเลยสักนิด!
“แล้ว...ทำไมพูดเขมรเป็นล่ะ” ข้าวใช้ภาษาปกติถามฉัน
“อ้อ... ภาษาเขมรมันน่าหลงใหลน่ะ ฮัดชุ่ยย!!” ฉันตอบไปพลางยืดอกอย่างภาคภูมิแม้ตัวจะยังสั่นเพราะความหนาว
“โฮ่? ไปเรียนมาแต่ไสล่ะ?”
“No ๆ ขยมเรียนรู้เอง”
“เก่งน้อ” อ้าว...สำเนียงจีนอีก ตกลงเรื่องนี้มันมีกี่ภาษาฟะ
ฉันนั่งเงียบตัวสั่นด้วยความหนาวอยู่สักพัก โอย... ทำไมสาวน้อยน่ารักอย่างฉันต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้ด้วยนะ
...และขณะที่นั่งเงียบนี่แหละ ฉันก็คิดอะไรออก!
“นายมีมือถือใช่มั้ย?” ฉันถามข้าว
“yeh
แต่บอกแล้วไงว่าอ๊อดเมียนโร้ย” (ไม่มีตังค์)
“โว้ย...ก็นั่นแหละ ขอยืมหน่อย” ฉันยืนกรานขอยืม ข้าวจึงหยิบมือถือรุ่นสากกะเบือยันเรือรบออกมาจะตีหัวฉัน... อ๊ายยยย!!!!~ >O< ไม่นะ! ฉันกำลังจะถูกฆ่าชิงทรัพย์!
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!”
โป๊ก!!! แอ้ก!!! จริง ๆ ด้วย ข้าวเอามือถือตีหัวฉันแล้ว โฮ...TTOTT ไม่น่าไว้ใจที่พูดภาษาเดียวกันได้เลย
“จะกรี๊ดเพื่อ? หยิบมือถือออกมาให้ใช้แล้วนี่ไง”
กรี๊ด ๆ ๆ แกพูดอะไร ทรัพย์สินเงินทองฉันไม่มีหรอกย่ะ! มีแต่ส้มลิ้มอยู่ที่บ้านน่ะจะเอามั้ย!
“โฮ่ย!!!!!!!!!!!!!! ฟังขยมหน่อยเซ่!!!!!!!!!!!” อ๊ากกกกกกกก มันขู่ฉันด้วยเสียงอันก้าวร้าว แต่เอ๊ะ? ความหมายดูแปลก ๆ นะ...
ฉันค่อย ๆ ตั้งสติขึ้นมาและเงยมองภาพเบื้องหน้า... ก็เห็นข้าวยื่นมือถือให้ฉันอยู่
“ตกลงจะเฮ็ดมันมั้ย?” ข้าวถาม เอ่อ...ที่ข้าวตีหัวฉันเมื่อกี้คงจะอยากเตือนสติฉันสินะ
“เฮ็ดสิเฮ็ด”
“แล้วจะเฮ็ดอิหยัง โรยในมือถือขยมเมิ่นมีนา...”
“ข้อยสิเปลี่ยนซิมข้อย ฮัดช่า!! แล้วโทรหามะนายให้มารับ” ฉันบอกเหตุผลอย่างหลุดลาวไปเกือบเต็มยศ แถมผสมเสียงฮัดเช่ยแบบอินเดียไปอีก ก่อนหยิบสิ่งที่ว่าออกจากกระเป๋ากระโปรงซึ่งชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำคลองที่แสบ ๆ คัน ๆ
อ้า! เจอแล้ว ไอ้สิ่งที่พูดถึง ฉันหยิบแผ่นการ์ดสี่เหลี่ยมหักมุมเล็ก ๆ ขึ้นมาด้วยความหวังอันเปี่ยมล้น ทว่า...
“กรี๊ด!! มันหักแล่ว!!!” ซิมมือถือของอิฉันหักเป็นสองท่อนเลยค่ะท่านผู้โช้มม!!
“งั้นขยมก็ซ่อยอะไรเมิ่นได้” (งั้นฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้) โอ๊ย! อีตาข้าว! อย่าตอกย้ำกันได้มั้ย! อดกลับไปกินส้มลิ้มแล้วนอนดู สวรรค์เบี่ยงนรกเมิน อยู่ที่บ้านเลย โฮ....TT^TT
“แต่นายจะปล่อยให้ฉันตกอยู่ในสภาพนี้ไม่ได้นะ ไปเรียกรถแท็กซี่แล้วพาฉันไปส่งบ้านหน่อยสิ” ฉันบอกข้าว
“เรื่องอะไรล่ะ” อ้าว...ปัดความรับผิดชอบซะงั้น
“ก็นายเป็นคนบอกช้าเองนี่ว่าที่ที่ฉันจะตกลงมามันเป็นคลอง!” ฉันโวยวายเรียกร้องความยุติธรรม แต่แถวนี้มันไม่มีคนเลยอ่ะ... โฮ... อยู่กันสองต่อสองกับตานี่จะถูกทำมิดีมิร้ายมิเนี่ย?
“โอเค ๆ เดี๋ยวฉันไปโบกรถแท็กซี่ให้ก็ได้ รออยู่ตรงนี้อย่าไปไหนนะ”ข้าวบอกฉัน เฮ! ในที่สุดฉันก็จะได้กลับบ้านแล้วโว้ย!!!!!!!!! ลุกขึ้นมาเซิ้งกันหน่อยเร้ว!
...ฟิ้ว... ใบตะเคียนจากหน้าโรงเรียนปลิวมาถึงที่นี่เมื่อฉันคิดอย่างนั้น
มันช่างเป็นความคิดที่บรรดเจิดมากเลยจอร์ช...
แต่ขณะนี้ก็เหลือแต่ฉันในความมืดสลัวจริง ๆ ...
ฟิ้ววว~
เอ็ฟเฟ็คลมหนังผียิ่งสร้างความน่ากลัวในความเปลี่ยวแบบนี้...
โฮกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ข้อยบ่อยากโดนผีหลอก ปี้สาวฮับ (พี่สาวครับ) ตอนนี้ผมรักปี้แล้วฮับ~ โอ้ย!!! แกจะมาร้องเพลงทำม้าย~~~!!!
เออ...แต่ก็ดีนะ ร้องเพลงขจัดความกลัว ว่าแล้วเต่าปิ้งคอนเสิร์ตก็เริ่มขึ้น!
“มีแฟนแล้วหรือยัง หากว่ายัง อยากให้เจ้าซ่อยพิจารณา คนอย่างข้อย เข้าไปอยู่ในหัวใจ๋~~”
บรู๊วววววววว~~~~!
กรี๊ด!!! ทำไมหมามันมาหอนตอนนี้เนี่ย! (หอนเพราะเสียงเพลงของหล่อนแหละ) แต่ไม่ได้ ๆ ฉันจะต้องสู้กับความกลัว
“เทียนหมีหมี่~ เทียนมีตะเคียนก็มี มีแมวและมีจิ้งจกอยู่บนแสงไฟ~ เทียนไม่มี ก็แปลตะเคียนไม่มี วิ่งหนีกันเถิดพวกเรา เสียงหวอรถนี่~~~” (ได้โปรดอ่านเป็นทำนองเพลงเทียนมี้หมี่ ว่าแต่...เพลงบ้าอะไรของแกเนี่ย!!~) ฉันยังคงยืนหยัดร้องเพลงนี้ต่อไปแม้จะโดนคนเขียนด่า
“กรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“อ๊ายยยยยยยยยยยยยยย” ฉันหวีดร้องกลับ อ๊ากกกกกกก เสียงกรี๊ดนี้ต้องเป็นเสียงกรี๊ดผีแน่เลย!! ไม่ไหวแล้ว! กรี๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
“ฮ่วย!! ชู่ว!!” อ๊ายยยยยยยย ดูมันส่งเสียงขู่ด้วย!
“ออกไปนะไอ้ผีบ้า! ฉันไม่มีอะไรให้แกหรอกนอกจากบุญ ถ้าฉันได้กลับบ้าน พรุ่งนี้ฉันจะตื่นมาตักบาตรให้แกแต่เช้าเลย!”
“ฮ่วย!! บ่ใช่ผี! แต่เป็นคน!” เอ๊ะ...ผีอะไรเว้าลาว
“คนจริง ๆ อ่ะ ถ้างั้นออกมาให้เห็นหน่อยสิ” ฉันบอกกับเสียงนั้น กลอกตามองรอบ ๆ แม้จะกลัวอยู่เล็กน้อย
วาบ!
อ๊าก! แสงสว่างวาบลอดเข้าตา กรี๊ด! มันเป็นกระสือเหรอเนี่ย!!!! อ๊าย!
“อ๊าย!! จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย จงเป็น...”
จึ๋ง ๆ...
กรี๊ดดดดดดดดดดด ผีกระสือสะกิดฉัน แต่...ผีกระสือไม่มีมือนี่หว่า...
ฉันตั้งสติแล้วค่อยๆ ลืมตามองคน...น่าจะคนแหละ มองคนที่อยู่ตรงหน้า ก็ปรากฏว่าเป็นยามที่รีบไปกิ่นน้ำบอลิสุดเมื่อครู่หนี่...
“นึกว่าข้อยเป็นผีหรือไง ตอนแรกข้อยก็นึกว่าเจ้าน่ะเป็นผีเลยกรี๊ดออกมา” ยามอธิบายความเข้าใจผิดซ้ำสองของฉันเมื่อครู่
“อะแหะ...” ฉันยิ้มแห้งๆให้ยาม ดันไปแผ่เมตตาให้ซะได้
“เจ้าออกมาได้อันหยัง?” ยามถาม ส่องแสงไฟที่นึกว่าเป็นแสงกระสือเมื่อครู่นี้ใส่หน้าฉัน
“ปีนออกมา”
“ปีน? ตกคลองชิมิเนี่ย?” เฮ้ย...ยามโรงเรียนนี้ใช้ภาษาวิบัติด้วย
“yes”
“แล้วนี่รออะไรอยู่ ไม่กลับบ้านล่ะ”
“ก็รอ...รอเพื่อนไปโบกรถให้อยู่น่ะ” ถ้าพูดชื่อข้าว ยามคงไม่รู้หรอกเนอะ
“อ้อ...อ้ายข้าวนั่นน่ะรึ?” แต่...สงสัยฉันจะลืมไปว่าข้าวเมาท์ทูเมาท์ (ไม่ใช่จูบนะ) กับยามนี่นานพอสมควร คงจะรู้ชื่อกันแล้วแหละ เพราะฉันก็ฟังไม่ค่อยออกด้วย-*-
“ใช่ ๆ” ฉันตอบรับ
“โอ...ถ้างั้นอีกไม่นานก็คงมา เดี๋ยวข้อยไปเดินเล่นในโรงเรียนก่อนนา” ยามบอก ฉันจึงพยักหน้ารับ
แล้วยามก็เลื่อนบานประตูโรงเรียน (ประตูหลังด้วยนะ...) ออกอย่างง่ายดาย เฮ้ย? ไม่ต้องใช้กุญแจเลยเหรอ...
“เดี๋ยวยาม” ฉันเรียก “ประตูไม่ได้ล็อกเหรอ”
“อืม...ก็บ่ได้ล็อกนี่ ข้อยก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมพวกเจ้าเปิดประตูออกมาบ่ได้”
...ฟิ้ว ใบตะเคียนแห้งปลิวผ่านหน้าฉันอีกครั้งราวเยาะเย้ย...
“กรี๊ดดดด!!!!~” ฉันกรีดร้องพลางเอามือกุมหัวในความโง่ของตัวเอง ที่ฉันเปิดประตูออกมาไม่ได้ก็เพราะฉันเอาแต่ดันกับผลักประตู! อยู่โรงเรียนนี้มาเกือบสิบปีแต่ดันไม่รู้!! กรี๊ด!!!
“กรี๊ดอิหยัง?”
“กรี๊ดเจ้าน่ะแล... ทำไมไม่บอกข้อยเลยสักน้อย!”
“ก็เจ้าบ่ได้ถาม”
กรี๊ดดดด ๆ ๆ ๆๆ ๆ ๆ ฉันอยากจะตบหน้ายามสักฉากสองฉาก!
แล้วยามก็ปล่อยให้ฉันกรี๊ดอยู่อย่างนั้น เขาเดินเข้าไปในโรงเรียนเพื่อเดินเล่น (ก็บอกอย่างนั้นนี่) ในโรงเรียนอันมืดมิด...เฮ้ย? ยามเป็นผีเปล่าเนี่ย? ชักกลัว ๆ แล้วนะ
แหะ ๆ ๆ แต่คงไม่ใช่หรอก ลืมไปว่ามีไฟฉาย -__-;
ราว ๆ ห้าชั่วโมงผ่านไป.......
“นี่”
“ข้าว!!!” ฉันหันไปเรียกชื่อไอ้คนที่ปล่อยให้ฉันรอสุดเสียง หันไปกะจะเสยคางมันสักที แต่ไม่ใช่ว่ะ เป็นยามน้ำบอลิสุดเมื่อครู่ (ไหงตั้งชื่อให้เสร็จสรรพ)
“เจ้ายังบ่ปิ๊กบ้านอีกรึ?” ก็เห็นอยู่ว่านั่งหัวโด่อยู่นี่แล้วจะถามเพื่อ
“ใช่... ไอ้ห่าข้าวมันไม่ยอมมาสักที สงสัยจะลืมกันไปแล้ว!” ฉันกระแทกเสียงด้วยความโมโห ปล่อยให้คนเปียกปอนไปด้วยน้ำนั่งรอจนปอดจะบวมได้ไงฟะ ไอ้จักทมึน! (ไอ้ไม้จิ้มฟัน)
“แล้วทำไมเจ้าบ่กลับเองล่ะ?”
...ฟิ้ว... ดูท่าวันนี้จะเป็นวันปลิดใบตะเคียน...
ทำไมฉันไม่พึ่งลำแข้งตัวเองแต่แรกว้า!!! นั่งเปียกแฉะอับชื้นทำไมไม่รู้!!!!
“อ่อ...แหะ ๆ ๆ ๆ ๆ งั้นขอตัวกลับก่อนนะ”
ว่าแล้วฉันก็จ้ำอ้าวออกจากซอยโรงเรียนทันที กะจะกลับบ้านไปนอนเอาแรงให้เร็วที่สุด เพราะพรุ่งนี้จะได้มาเอาเรื่องอีตาข้าวได้เต็มที่!!!!!!!!!!!!!! (ออกเสียงเวอร์ไปมะ)
ตายแน่ไอ้จักทมึนยันหนอนไฮเท้ก!!! (ตายแน่ไอ้ไม้จิ้มฟันยันเครื่องบิน)
ความคิดเห็น