ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    What is it ? ยัยอนาถผงาดหัวใจนายนานาชาติ

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 งองๆแงงๆงึงๆงังๆ

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ค. 52


    ตอนที่ 2

     

    ขยมบอกแล้วว่าอย่าเพิ่ง ข้าวบอกกับฉันหลังยื่นผ้าขนหนูผืนใหญ่จากไหนก็ไม่รู้มาให้ฉันคลุมตัวไว้ก่อน

    ก็ไม่บอกให้เร็วกว่านี้ล่ะ ฮ่วย!! ฮะ...ฮะ...ฮัดช้าย!!!” ฉันเถียงกลับแต่ไม่ทันไรก็จามออกมาแถมสำเนียงการจามแอบแปล่ง ๆ อีกต่างหาก

    จะเป็นหวัดบ่? หมอนี่ถาม แต่เอ๊ะ นี่เอ็งหลุดภาษาลาวมาทำม้าย บอกแล้วว่าข้อยพูดเป็นแต่เขมร!

    คงไม่อ่ะ แค่นี้เอง ฮะ...ฮะ...ฮัดโช้ยย... ฮะ... ฮัดช่า!!!”

    นี่... เจ้าเป็นลูกครึ่งอินเดียหรือนี่? (ถามออกสำเนียงแขก) ข้าวถามเมื่อได้ยินเสียงจามฉัน ฮ่วยโฮ่ยโฮ่ก! จะอะไรกับฉันนักหนา!? แต่ขออวดเชื้อสายที่แท้จริงของฉันหน่อยละกัน!

    บ่... (เฮ้ย แล้วไปลาวตามมันทำไม) ขยมสิ ลูกครึ่งไทย-เยอรมันของแต๊!” (เอ่อ...ชักงงสำเนียง) ฉันแนะนำยี่ห้อของตัวเองไปด้วยภาษาเพื่อนบ้านที่ไม่ได้ใกล้เคียงกับเชื้อสายเยอรมันเลยสักนิด!

    แล้ว...ทำไมพูดเขมรเป็นล่ะ ข้าวใช้ภาษาปกติถามฉัน

    อ้อ... ภาษาเขมรมันน่าหลงใหลน่ะ ฮัดชุ่ยย!!” ฉันตอบไปพลางยืดอกอย่างภาคภูมิแม้ตัวจะยังสั่นเพราะความหนาว

    โฮ่? ไปเรียนมาแต่ไสล่ะ?

    “No ๆ ขยมเรียนรู้เอง

    เก่งน้อ อ้าว...สำเนียงจีนอีก ตกลงเรื่องนี้มันมีกี่ภาษาฟะ

    ฉันนั่งเงียบตัวสั่นด้วยความหนาวอยู่สักพัก โอย... ทำไมสาวน้อยน่ารักอย่างฉันต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้ด้วยนะ

    ...และขณะที่นั่งเงียบนี่แหละ ฉันก็คิดอะไรออก!

    นายมีมือถือใช่มั้ย? ฉันถามข้าว

    “yeh… แต่บอกแล้วไงว่าอ๊อดเมียนโร้ย (ไม่มีตังค์)

    โว้ย...ก็นั่นแหละ ขอยืมหน่อย ฉันยืนกรานขอยืม ข้าวจึงหยิบมือถือรุ่นสากกะเบือยันเรือรบออกมาจะตีหัวฉัน... อ๊ายยยย!!!!~ >O< ไม่นะ! ฉันกำลังจะถูกฆ่าชิงทรัพย์!

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!”

    โป๊ก!!! แอ้ก!!! จริง ๆ ด้วย ข้าวเอามือถือตีหัวฉันแล้ว โฮ...TTOTT ไม่น่าไว้ใจที่พูดภาษาเดียวกันได้เลย

    จะกรี๊ดเพื่อ? หยิบมือถือออกมาให้ใช้แล้วนี่ไง

    กรี๊ด ๆ ๆ แกพูดอะไร ทรัพย์สินเงินทองฉันไม่มีหรอกย่ะ! มีแต่ส้มลิ้มอยู่ที่บ้านน่ะจะเอามั้ย!

    โฮ่ย!!!!!!!!!!!!!! ฟังขยมหน่อยเซ่!!!!!!!!!!!” อ๊ากกกกกกกก มันขู่ฉันด้วยเสียงอันก้าวร้าว แต่เอ๊ะ? ความหมายดูแปลก ๆ นะ...

    ฉันค่อย ๆ ตั้งสติขึ้นมาและเงยมองภาพเบื้องหน้า... ก็เห็นข้าวยื่นมือถือให้ฉันอยู่

    ตกลงจะเฮ็ดมันมั้ย? ข้าวถาม เอ่อ...ที่ข้าวตีหัวฉันเมื่อกี้คงจะอยากเตือนสติฉันสินะ

    เฮ็ดสิเฮ็ด

    แล้วจะเฮ็ดอิหยัง โรยในมือถือขยมเมิ่นมีนา...

    ข้อยสิเปลี่ยนซิมข้อย ฮัดช่า!! แล้วโทรหามะนายให้มารับ ฉันบอกเหตุผลอย่างหลุดลาวไปเกือบเต็มยศ แถมผสมเสียงฮัดเช่ยแบบอินเดียไปอีก ก่อนหยิบสิ่งที่ว่าออกจากกระเป๋ากระโปรงซึ่งชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำคลองที่แสบ ๆ คัน ๆ

    อ้า! เจอแล้ว ไอ้สิ่งที่พูดถึง ฉันหยิบแผ่นการ์ดสี่เหลี่ยมหักมุมเล็ก ๆ ขึ้นมาด้วยความหวังอันเปี่ยมล้น ทว่า...

    กรี๊ด!! มันหักแล่ว!!!” ซิมมือถือของอิฉันหักเป็นสองท่อนเลยค่ะท่านผู้โช้มม!!

    งั้นขยมก็ซ่อยอะไรเมิ่นได้ (งั้นฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้) โอ๊ย! อีตาข้าว! อย่าตอกย้ำกันได้มั้ย! อดกลับไปกินส้มลิ้มแล้วนอนดู สวรรค์เบี่ยงนรกเมิน อยู่ที่บ้านเลย โฮ....TT^TT

    แต่นายจะปล่อยให้ฉันตกอยู่ในสภาพนี้ไม่ได้นะ ไปเรียกรถแท็กซี่แล้วพาฉันไปส่งบ้านหน่อยสิ ฉันบอกข้าว

    เรื่องอะไรล่ะ อ้าว...ปัดความรับผิดชอบซะงั้น

    ก็นายเป็นคนบอกช้าเองนี่ว่าที่ที่ฉันจะตกลงมามันเป็นคลอง!” ฉันโวยวายเรียกร้องความยุติธรรม แต่แถวนี้มันไม่มีคนเลยอ่ะ... โฮ... อยู่กันสองต่อสองกับตานี่จะถูกทำมิดีมิร้ายมิเนี่ย?

    โอเค ๆ เดี๋ยวฉันไปโบกรถแท็กซี่ให้ก็ได้ รออยู่ตรงนี้อย่าไปไหนนะข้าวบอกฉัน เฮ! ในที่สุดฉันก็จะได้กลับบ้านแล้วโว้ย!!!!!!!!! ลุกขึ้นมาเซิ้งกันหน่อยเร้ว!

    ...ฟิ้ว... ใบตะเคียนจากหน้าโรงเรียนปลิวมาถึงที่นี่เมื่อฉันคิดอย่างนั้น

    มันช่างเป็นความคิดที่บรรดเจิดมากเลยจอร์ช...

    แต่ขณะนี้ก็เหลือแต่ฉันในความมืดสลัวจริง ๆ ...

    ฟิ้ววว~

    เอ็ฟเฟ็คลมหนังผียิ่งสร้างความน่ากลัวในความเปลี่ยวแบบนี้...

    โฮกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ข้อยบ่อยากโดนผีหลอก ปี้สาวฮับ (พี่สาวครับ) ตอนนี้ผมรักปี้แล้วฮับ~ โอ้ย!!! แกจะมาร้องเพลงทำม้าย~~~!!!

    เออ...แต่ก็ดีนะ ร้องเพลงขจัดความกลัว ว่าแล้วเต่าปิ้งคอนเสิร์ตก็เริ่มขึ้น!

    มีแฟนแล้วหรือยัง หากว่ายัง อยากให้เจ้าซ่อยพิจารณา คนอย่างข้อย เข้าไปอยู่ในหัวใจ๋~~”

    บรู๊วววววววว~~~~!

    กรี๊ด!!! ทำไมหมามันมาหอนตอนนี้เนี่ย! (หอนเพราะเสียงเพลงของหล่อนแหละ) แต่ไม่ได้ ๆ ฉันจะต้องสู้กับความกลัว

    เทียนหมีหมี่~ เทียนมีตะเคียนก็มี มีแมวและมีจิ้งจกอยู่บนแสงไฟ~ เทียนไม่มี ก็แปลตะเคียนไม่มี วิ่งหนีกันเถิดพวกเรา เสียงหวอรถนี่~~~” (ได้โปรดอ่านเป็นทำนองเพลงเทียนมี้หมี่ ว่าแต่...เพลงบ้าอะไรของแกเนี่ย!!~) ฉันยังคงยืนหยัดร้องเพลงนี้ต่อไปแม้จะโดนคนเขียนด่า

    กรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

    อ๊ายยยยยยยยยยยยยยย ฉันหวีดร้องกลับ อ๊ากกกกกกก เสียงกรี๊ดนี้ต้องเป็นเสียงกรี๊ดผีแน่เลย!! ไม่ไหวแล้ว! กรี๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

    ฮ่วย!! ชู่ว!!” อ๊ายยยยยยยย ดูมันส่งเสียงขู่ด้วย!

    ออกไปนะไอ้ผีบ้า! ฉันไม่มีอะไรให้แกหรอกนอกจากบุญ ถ้าฉันได้กลับบ้าน พรุ่งนี้ฉันจะตื่นมาตักบาตรให้แกแต่เช้าเลย!”

    ฮ่วย!! บ่ใช่ผี! แต่เป็นคน!” เอ๊ะ...ผีอะไรเว้าลาว

    คนจริง ๆ อ่ะ ถ้างั้นออกมาให้เห็นหน่อยสิ ฉันบอกกับเสียงนั้น กลอกตามองรอบ ๆ แม้จะกลัวอยู่เล็กน้อย

    วาบ!

    อ๊าก! แสงสว่างวาบลอดเข้าตา กรี๊ด! มันเป็นกระสือเหรอเนี่ย!!!! อ๊าย!

    อ๊าย!! จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย จงเป็น...

    จึ๋ง ๆ...

    กรี๊ดดดดดดดดดดด ผีกระสือสะกิดฉัน แต่...ผีกระสือไม่มีมือนี่หว่า...

    ฉันตั้งสติแล้วค่อยๆ ลืมตามองคน...น่าจะคนแหละ มองคนที่อยู่ตรงหน้า ก็ปรากฏว่าเป็นยามที่รีบไปกิ่นน้ำบอลิสุดเมื่อครู่หนี่...

    นึกว่าข้อยเป็นผีหรือไง ตอนแรกข้อยก็นึกว่าเจ้าน่ะเป็นผีเลยกรี๊ดออกมา ยามอธิบายความเข้าใจผิดซ้ำสองของฉันเมื่อครู่

    อะแหะ... ฉันยิ้มแห้งๆให้ยาม ดันไปแผ่เมตตาให้ซะได้

    เจ้าออกมาได้อันหยัง? ยามถาม ส่องแสงไฟที่นึกว่าเป็นแสงกระสือเมื่อครู่นี้ใส่หน้าฉัน

    ปีนออกมา

    ปีน? ตกคลองชิมิเนี่ย? เฮ้ย...ยามโรงเรียนนี้ใช้ภาษาวิบัติด้วย

    “yes”

    แล้วนี่รออะไรอยู่ ไม่กลับบ้านล่ะ

    ก็รอ...รอเพื่อนไปโบกรถให้อยู่น่ะ ถ้าพูดชื่อข้าว ยามคงไม่รู้หรอกเนอะ

    อ้อ...อ้ายข้าวนั่นน่ะรึ? แต่...สงสัยฉันจะลืมไปว่าข้าวเมาท์ทูเมาท์ (ไม่ใช่จูบนะ) กับยามนี่นานพอสมควร คงจะรู้ชื่อกันแล้วแหละ เพราะฉันก็ฟังไม่ค่อยออกด้วย-*-

    ใช่ ๆ ฉันตอบรับ

    โอ...ถ้างั้นอีกไม่นานก็คงมา เดี๋ยวข้อยไปเดินเล่นในโรงเรียนก่อนนายามบอก ฉันจึงพยักหน้ารับ

    แล้วยามก็เลื่อนบานประตูโรงเรียน (ประตูหลังด้วยนะ...) ออกอย่างง่ายดาย เฮ้ย? ไม่ต้องใช้กุญแจเลยเหรอ...

    เดี๋ยวยาม ฉันเรียก ประตูไม่ได้ล็อกเหรอ

    อืม...ก็บ่ได้ล็อกนี่ ข้อยก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมพวกเจ้าเปิดประตูออกมาบ่ได้

    ...ฟิ้ว ใบตะเคียนแห้งปลิวผ่านหน้าฉันอีกครั้งราวเยาะเย้ย...

    กรี๊ดดดด!!!!~” ฉันกรีดร้องพลางเอามือกุมหัวในความโง่ของตัวเอง ที่ฉันเปิดประตูออกมาไม่ได้ก็เพราะฉันเอาแต่ดันกับผลักประตู! อยู่โรงเรียนนี้มาเกือบสิบปีแต่ดันไม่รู้!! กรี๊ด!!!

    กรี๊ดอิหยัง?

    กรี๊ดเจ้าน่ะแล... ทำไมไม่บอกข้อยเลยสักน้อย!”

    ก็เจ้าบ่ได้ถาม

    กรี๊ดดดด ๆ ๆ ๆๆ ๆ ๆ  ฉันอยากจะตบหน้ายามสักฉากสองฉาก!

    แล้วยามก็ปล่อยให้ฉันกรี๊ดอยู่อย่างนั้น เขาเดินเข้าไปในโรงเรียนเพื่อเดินเล่น (ก็บอกอย่างนั้นนี่) ในโรงเรียนอันมืดมิด...เฮ้ย? ยามเป็นผีเปล่าเนี่ย? ชักกลัว ๆ แล้วนะ

    แหะ ๆ ๆ แต่คงไม่ใช่หรอก ลืมไปว่ามีไฟฉาย -__-;

     

     

    ราว ๆ ห้าชั่วโมงผ่านไป.......

    นี่

    ข้าว!!!” ฉันหันไปเรียกชื่อไอ้คนที่ปล่อยให้ฉันรอสุดเสียง หันไปกะจะเสยคางมันสักที แต่ไม่ใช่ว่ะ เป็นยามน้ำบอลิสุดเมื่อครู่ (ไหงตั้งชื่อให้เสร็จสรรพ)

    เจ้ายังบ่ปิ๊กบ้านอีกรึ? ก็เห็นอยู่ว่านั่งหัวโด่อยู่นี่แล้วจะถามเพื่อ

    ใช่... ไอ้ห่าข้าวมันไม่ยอมมาสักที สงสัยจะลืมกันไปแล้ว!” ฉันกระแทกเสียงด้วยความโมโห ปล่อยให้คนเปียกปอนไปด้วยน้ำนั่งรอจนปอดจะบวมได้ไงฟะ ไอ้จักทมึน! (ไอ้ไม้จิ้มฟัน)

    แล้วทำไมเจ้าบ่กลับเองล่ะ?

    ...ฟิ้ว... ดูท่าวันนี้จะเป็นวันปลิดใบตะเคียน...

    ทำไมฉันไม่พึ่งลำแข้งตัวเองแต่แรกว้า!!! นั่งเปียกแฉะอับชื้นทำไมไม่รู้!!!!

    อ่อ...แหะ ๆ ๆ ๆ ๆ งั้นขอตัวกลับก่อนนะ

    ว่าแล้วฉันก็จ้ำอ้าวออกจากซอยโรงเรียนทันที กะจะกลับบ้านไปนอนเอาแรงให้เร็วที่สุด เพราะพรุ่งนี้จะได้มาเอาเรื่องอีตาข้าวได้เต็มที่!!!!!!!!!!!!!! (ออกเสียงเวอร์ไปมะ)

    ตายแน่ไอ้จักทมึนยันหนอนไฮเท้ก!!! (ตายแน่ไอ้ไม้จิ้มฟันยันเครื่องบิน)H็่กดหาส

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×