ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ทะเลาะ (แหะๆ เข้ามาอ่านใหม่ด้วยนะคะ อัพเพิ่มตรงท้ายๆ)
ฉันนั่งมองทับทิมคนสวยเขี่ยข้าวในจานเล่น อย่างเงียบๆ  ดวงตาหวานๆของเธอดูเหม่อลอยไปข้างหน้า รอยยิ้มปรากฏบนเรียวปาก ที่ไม่ยอมเอื้อนเอ่ยอะไรให้ฉันรู้เลยแม้แต่นิด
“พลอย เมื่อเช้าไปไหนมา ตามหาที่ห้องไม่เจอ”ฉันเมื่อถามทับทิมไม่ได้ ฉันจึงละสายตาละสาย หันไปถามพลอย ที่นั่งฟึดฟัดๆอยู่ตรงข้าม ตั้งแต่ลงมาทานข้าวแล้ว
ไอ้สองแฝดนรกนี่มันผีเข้าหรือไงนะ
“ยุ่ง”พลอยพูดเรียบๆ แต่น่ากลัวมากสำหรับฉัน ท่าทางวันนี้แม่คุณจะอารมณ์เสียมาจากไหนก็ไม่รู้
“ทับทิมๆ”
“...”เธอยังคงเหม่อต่อไปอย่างไม่สนใจฉันแม้แต่นิด นั่งยิ้มบิดไปบิดมาอยู่ได้ ตอนนี้ฉันชักรำคาญแล้วนะ สงสัยยัยพลอยก็คงรำคาญเหมือนกัน
“ทับทิม ข้าวมันอืดหมดแล้ว”
“พลอยเล่าอะไรให้ฟังหน่อยสิ ทำไมเธอสองคนเป็นแบบนี้”เมื่อเรียกสติทับทิมกลับคืนมาไม่ได้ ฉันเลยหันไปถามพลอย
\"แกจะรู้ไปหาพระแสงดาบอะไรวะ อย่า...\"ไม่ทันที่พลอยจะขุดคำขึ้นมาด่าฉันต่อก็มีเสียงจากใครคนหนึ่งทักทับทิมมาแต่ไกล
“น้องทับทิมครับ พี่ให้”ดอกกุหลาบสีแดงช่อโตได้ส่งมาให้ทับทิม คอยดูสิ เดี๋ยวทับทิมมันก็ต้องลุกขึ้น แล้วปาดอกไม้ใส่หน้าคนให้ พร้อมกับพูดด้วยเสียงดั่งนางมารว่า’อย่ามายุ่งกับฉัน แกไม่มีค่าพอ’อย่างที่ทำเป็นประจะเวลามีใครให้ของมัน
หนุ่มหลงผิดคราวนี้ เป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงผิวสีแทน ผมยาวผิดระเบียบโรงเรียนนิดหน่อย ตาโตคมเข้ม เครื่องหน้าจัดไว้อย่างลงตัว ถือว่าหน้าตาดีทีเดียว แถมท่าทางดูหยิ่งๆ ฉันรู้สึกว่าคุ้นหน้าคุ้นตามากเลยทีเดียวแต่นึกไม่ออกว่าใคร
“ขอบคะ...”
“ของเน่าๆอย่างนี้ยังจะมาให้อีก น้องฉันเขาไม่รับของสวะๆจากนายหรอก”พลอยลุกพรวดด่านายนั่นแทนทับทิม อะไรฟะ ฉันงงนะ ด่าไม่ด่าเปล่า พลอยยังดึงดอกไม้จากมือทับทิมมาเด็ดทีละดอก แล้วปาลงพื้นต่อหน้านายคนนั่น
ฉันก็ได้แต่เหวอสิคะ
“พลอย”ทับทิมร้องค้าน
“ทำไม”พลอยหันไปประจันหน้ากับทับทิม ตอนนี้คุณเธอดูเหมือนแม่เสือร้ายที่พร้อมจะขย้ำคุณได้ตลอดเวลา ตอนแรกฉันว่าจะช่วยห้ามซะหน่อย แต่พอเห็นพลอยเป็นอย่างนี้ ฉันจำต้องรักษาชีวิตไว้ ด้วยการนั่งมองตาปริบๆ
“พี่ทำอย่างนี้ไม่ได้ ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”ทับทิมมีน้ำโหขึ้นมาแล้ว
“หรอ”พลอยมองหน้าทับทิมด้วยสายตาหน้ากลัวมา มันเหมือนจะตัดขาดความเป็นฝาแฝดกันเลย อะไรเนี่ยฉันงงนะ ทำไมพลอยจะต้องทำอย่างนั้นด้วยละ มันต้องมีอะไรเมื่อเช้าแน่ๆเลย
นายผู้ชายหน้าด้าน ไม่ยอมเดินไปไหน มองสองสาวดาวโรงเรียนจ้องตากันอย่างกินเลือดกินเนื้อ ให้ตายสิ ฉันไม่ชอบนายนี่เลย ดูท่าทางหยิ่งๆ กวนส้นเท้าอย่างแรง  นายนี่ต้องมีอะไรที่ทำให้พลอยโมโหได้ แถมยังทำให้ทับทิมรับของจากผู้ชายได้ง่ายๆด้วย
“นายชื่ออะไร”ฉันตัดสินใจให้สองสาวจ้องหน้ากันต่อไป เพราะคงห้ามไม่ได้จริงๆ แล้วหันมาถามนายหน้าฝ่าเท้าแทน อย่างน้อยรู้เขารู้เราไว้ก็ไม่เป็นไร
“เธอไม่จำเป็นต้องรู้ ยัยหน้าจืด”เขาหันมาพูดใส่หน้าฉัน
“ไอ้หน้าส้นตี-น นาย ไอ้เลว แก แก ชิ”ฉันพยายามหยุดตัวเองก่อนจะสบถคำหยาบออกมามากกว่านั้น ฉันต้องเด็นเด็กดี ท่องไว้ๆ นายนี่ดูมีความสุขขณะมองดูเพื่อนฉันสองคนปะทะฝีปากกัน
“แกไม่ควรไปยุ่งกับมัน”พลอยเริ่มพูดด้วยเสียงเย็นๆบ่งบอกถึงความร้อนข้างในกำลังจะระเบิด
“ทำไมจะไม่ได้ หรือว่าเธอหึง”ทับทิมที่ดูหวานๆ กลับน่ากลัวขึ้นมาทันที เมื่อเธอลุกมาขึ้นเสียงกับพลอยที่มีท่าทีแปลกใจเล็กน้อย พลอยเองก็คงไม่เคยคิดละสิ ว่าน้องสาวคลานตามกันมาไม่ถึงสิบนาที จะกล้าขึ้นเสียงใส่เธอ ส่วนฉันไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นฝาแฝดสองคนนี้ ที่แทบจะคิดเหมือนกันตลอด มาทะเลาะกัน
“ไม่ ฉันแค่เห็นว่ามันเลว แกก็น่าจะรู้ ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว”พลอยเริ่มสั่น
“ไอ้หน้าส้นตี-น นายบอกฉันมา ว่าเกิดอะไรขึ้น”ฉันจำต้องหันไปพูดกับนายนี่อีกครั้ง
“ยัยหน้าจืด เธอไม่เกี่ยว”
“มีใครบอกฉันได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”ฉันหันไปถามยัยแฝดนรก
“เธอไม่เกี่ยว/เธอไม่เกี่ยว”สองสาวตวาดฉันกลับมา โอ้ย ฉันเริ่มโมโหแล้วนะ ไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะยะ คนมันก็มีความรู้สึก ฉันไม่ชอบบรรยากาศนี้เลย ทำไมต้องทะเลาะกันด้วย แล้วทำไมไม่รู้จักเล่าให้ฟังกันบ้าง
“ฉันเพื่อนพวกแกนะ”ฉันตวาด กลับ
“แล้วไง”พลอยหันมาถามฉัน
คนทั้งโรงอาหารจ้องมองมาที่พวกเรา เฮ้อ นานทีปีหนจะมีการทะเลาะวิวาทของผู้หญิงในโรงอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นพวกหน้าตาไม่ได้เรื่อง พอยัยสองคนนี้ทะเลาะกันเลยเป็นที่สนใจว่าดาวโรงเรียนจะทะเลาะกันทำไม นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อนฉันทะเลาะกันคงสนุกน่าดู ได้นั่งมองคนทะเลาะกันสะใจไปเลย
“แล้วไง ใครจะบอกฉันหน่อยได้ไหมว่านี่เรื่องอะไร อย่างน้อยถ้ารู้ก็จะได้บอกถูกว่าใครผิดใครถูก”ฉันพูดตรงๆตามความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวตอนนั้น
“เธอไม่ต้องยุ่ง”ทับทิมพูด แล้วหันมาจ้องตาพลอยต่อ
“นายบอกฉันมาว่าเกิดอะไร”ฉันจำใจต้องถามนายนี่อีกครั้ง
“เธอคงไม่มีค่าในสายตาเพื่อนเธอน่ะสิ เขาถึงไม่เล่าอะไรให้เธอฟัง คนอย่าเธอจืดชืดไร้ค่า”ฉันยังไม่เคยไม่สร้างความแค้นไว้กับนายคนนี้เลยนะ ทำไมมันด่าฉันปาวๆ
“แล้วนายละ มีค่านักหรือไง”
“มีค่าพอที่จะให้สองคนนี้ทะเลาะกันเพื่อฉันได้ก็พอ”ดูมันพูด ท่าทางหยิ่งยโสของมันทำเอาฉันเดือดพล่าน ปรี่เข้าไปง้างมือจะตบหน้าดำๆของมันทันที
หมับ
“เธอจะทำอะไรพี่ชายฉัน”นายแคมป์ผู้รั้งมือฉันไว้ ถามด้วยสายตาดุดัน
“ตบหน้ามัน”
“ถ้าเธอจะทำอย่างนั้นมาต่อยกับฉันดีกว่า”เขาท้า ฮึย์ นายเป็นลูกผู้ชายมากเลยนะ ท้าผู้หญิงต่อยเนี่ย เขาต้องท้าตบรู้ไหมนายบื้อ ฉันสะบัดมืออกอย่างรุนแรงแล้วฝาดฝ่ามือลงบนหน้าเขาทันที
“สำหรับนาย ไอ้บ้า ถ้าแกยังจะมาขัดขว้างฉันอยู่ละก็ อย่างอยู่เลย”ฉันอะละวาดกวาดของข้างตัว (ซึ่งอยู่บนโต๊ะ) ลงกับพื้นหมด มือไม้ไม่รู้ไปคว้าอะไรมาได้ ปามั่วไปทุกทิศทำเอาทุกคนหยุดสนใจยัยแฝดนรก แล้วหันมามองฉันทันที
“ไอ้สารเลว ฉันไม่รู้หรอกว่าทำไมแกถึงทำหน้าตายิ้มเยาะในขณะที่คนอื่นเข้าทะเลาะกันได้ แต่ฉันเกลียดขี้หน้านาย แล้วนายด้วยดูแลพี่ชายของนายดีๆ รู้ไหม ผู้หญิงเข้าไปต่อยกับผู้ชายหรอกนะ”ฉันโวยวาย แล้วเดินกระทืบเท้าจากไปทันที โอ้ยจะบ้าตาย อยากจะกรี๊ดให้หายหงุดหงิด
ที่ที่ฉันมายามงอนยัยแฝดนรกคือ...ห้องชีวะ
ที่นี่เด็กไม่ค่อยมากันสักเท่าไหร่เพราะกลัวกลิ่นเหม็นๆของฟอร์มาลีน แต่มันเป็นสถานที่ที่สงบมากในยามที่ฉันไม่ต้องการใคร
ฉันนั่งอยู่นานพอสมควร นานจนคิดว่าใครๆคงลืมฉันไปหมดแล้ว
“ทำไมไม่มีใครเห็นหัวฉันบ้างเลยนะ”ฉันพึมพำ พลางเอามือสางผมซึ่งหลุดลุ่ยจากการอะละวาดเมื่อกี้
“อ้าว เฮ้ย มีคนอยู่วะ”เสียงผู้ชายพูดขึ้นด้วยเสียงตกใจ ฉันไม่อยากพูดกับใคร ไม่อยากยุ่งกับใคร ทำไมต้องมีคนมาด้วยนะ จึงได้แต่ก้มหน้ากอดเข่า ปล่อยให้ผมยาวเลยเลยบ่า ปรกลงมา ปิดหน้า
“แกแน่ใจหรือวะไอ้ชัชว่าคน”
“โธ่ แล้วแกคิดว่าอะไรละ”
“ก็....”
“เธอๆ ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ ใกล้เวลาเรียนแล้วนะ คาบต่อไปฉันจะใช้ห้องนี้”ฉันเงยหน้ามองเขา ชายหนุ่มผมตั้งๆชี้โด่ชี้เด่ นั่งยองๆอยู่ข้างๆฉัน เอ๊ะ พี่คนนี้เขาเป็นนักกีฬานี่หว่า เคยเห็นตอนแข่งบาสปีก่อนๆนู้น ฉันยังจำได้เลย ว่ายัยแฝดนรกกรี๊ดพี่เขาแทบสลบ อันที่จริงฉันก็ว่าพี่เขาเท่นะ เท่มากๆ ฉันยังปลื้มเลย แต่ยัยสองคนนั่นมันเวอร์
ฉันไม่ควรนึกถึงยัยสองคนนั่น
“คะ..คือ ว่า แหะๆ เดี๋ยวไปแล้วคะ”ฉันลุกขึ้นยืนอย่างเกร็งๆ ก็พี่แกเล่นยื่นหน้ามาใกล้ซะแทบจะจูบกันได้อยู่แล้ว
“เธอไม่เป็นไรนะ ไม่ได้ร้องนะ”พี่เขายื่นหน้ามาใกล้ๆแล้วถาม
“ค่ะ”ฉันเกิดอาการพูดไม่ออก ได้แต่ค่ะค่ะอย่างเดียว เคยไหมเวลาเจอกับคนที่เราปลื้มมากๆ พอเขาพูดกับเราเราก็พูดไม่ออกซะงั้น นั่นแหละอาการที่ฉันเป็นอยู่ ตื่นเต้นจนบอกไม่ถูกเลย
“ไม่ได้ร้องไห้แน่นะ”พี่เขาย้ำ
“คะ คะ”ฉันพยักหน้า แล้วเอามือเสยผมไปทัดข้างหูให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินออกมาโดยไม่มองหน้าพี่เขาอีกเลย ไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าฉันเดินออกมาทั้งสภาพหัวยุ่งๆฟูๆ มันจะแย่แค่ไหน
“น้อง”นายพี่ชัชตะโกนเรียกฉันไว้ อะไรอีกล่ะ เหล่านักเรียนที่กำลังจะเดินไปเรียนกันต่างหันมามองฉันเป็นจุดเดียว ฉันจะทำอะไรได้ ตัวงี้ แข็งยิ่งกว่าท่อนไม่ซะอีก
“น้องทำกระเป๋าตังค์หล่น”พี่เข้าก้มหน้าลงมากระซิบข้างหู เนื่องจากเขาสูงกว่าฉันหลายเมตร เอ้ย หลายเซนติเมตร กรี๊ด
พี่ขา ทำอย่างนี้ต่อหน้านักเรียนทั้งโรงเรียนได้ยังไง ต้องไปทำที่ลับตาสิคะ
“คะ”ฉันยื่นมือไปรับกระเป๋าตังค์ แล้วก้าวเท้าจะเดินออกมา
“น้องๆมีอีกเรื่อง”อะไรอีกละ ฉันเริ่มรำคาญแล้วนะ
“หน้าแดงแจ๋แล้ว”เขาขยิบตาให้ฉันทีนึง ก่อนจะวิ่งจากไป ปล่อยให้ฉันยืนแข็งทื่ออยู่กับที่
กรี๊ด !!!!!
เสียงฉันเองคะ กรี๊ดอยู่ในใจ ไอ้รุ่นพี่บ้า เท่ซะเปล่า ดันทะลึ่งแซวคนทั่ว นิสัยไม่ดี
ฉันเดินกลับห้องเรียน คาบต่อไปวิชาอะไรหว่า วันนี้มีเรียนหกคาบ คาบแรกไทย คาบสองวิทย์ คาบสามคณิต อืม...คาบนี้คาบสี่น่าจะเป็น...สังคม ใช่แล้วสังคม สังคม อาจารย์ ชิตนี่หว่า ตายๆๆๆๆ ฉันจะวิ่งทันไหมนะ อีกห้านาที จากลานกว้างหน้าตึก4 ไปยังชั้น4 ตึก 1 ห้องเรียนสุดทางเดินของฉัน
ใส่เกียร์หมาสิคะ
ปรู๊ดดดดดดดดด
“แฮ่กๆ ขออนุยะ.....”ฉันมายืนหอบอยู่หน้าห้องของตัวเองยังไม่ทันจะเอ่ยครบประโยค อาจารย์ก็ปิดประตูใส่หน้าฉันทันที
ปัง
อะไรวะ งงนะ ทำไมต้องปิดประตูใส่หน้าฉันด้วย โอเคแหละ ฉันรู้ว่าฉันไม่สวย ระดับมิสแคนนาดา แต่ว่าฉันก็สวยกว่าอาจารย์แน่นอน หรือจะเถียงคะ ว่าอาจารย์สวยกว่าฉัน
“นี่ๆ ยัยลูกยอ ทำไมคราวนี้เธอสายด้วยละ”นายเอที่เพิ่งคลานมาถึงเอ่ยปากถามฉัน
“สายหรอ”
“นี่มัน12.32น.แล้ว เลยเวลาเข้ามา 2 นาที เธอก็รู้ว่าอาจารย์โหดแค่ไหน”เขายืนพิงประตูห้องอย่างสบายๆ เออ นายเอ เข้าห้องสายบ่อยนี่หว่า ลองถามนายนี่ดีกว่าว่าอาจารย์จะทำยังไง เด็กดีอย่างฉันไม่เคยเข้าสายน่ะ เลยไม่รู้
“เอๆ แล้วจะโดนอะไรไหม ชีวิตฉันยังมีอนาคตสุกสว่างอีกยาวไกลน้า”ฉันทรุดตัวลงนั่งกับพื้น
“ไม่มากหรอก แค่ไปวิ่งรอบสนามห้ารอบ แล้วก็เดินเก็บขยะทั่วโรงเรียนตอนเย็นหนึ่งชั่วโมง”เอพูดเหมือนเป็นเรื่องสบายๆ แต่สาวน้อยบอบบางอย่างฉันกลับไม่สบายด้วยเลย เมื่อวานก็กวาดถนน วันนี้วิ่งอีกหรือนี่
“เอาละ เธอสองคน”อาจารย์โผล่หน้าออกมา
“พูดตามนะ นี่คือคำสั่ง”อาจารย์สั่งอะไรแปลกแหะ
“เย็นนี้”
“เย็นนี้/เย็นนี้”ฉันกับนายเอพูดพร้อมกัน สงสัยนายเอจะเวอร์อาจารย์แค่ให้พูดตาม ไม่ได้สั่งให้ไปวิ่งรอบสนามซะหน่อย
“ข้าพเจ้า”
“ข้าพเจ้า/ข้าพเจ้า”
“จะอุทิศแรงกายแรงใจ”
“จะอุทิศแรงกายแรงใจ/จะอุทิศแรงกายแรงใจ”
“เป็นอาสาสมัคร”
“เป็นอาสาสมัคร/เป็นอาสาสมัคร”
“กวาดพื้นโรงเรียนทั้งหมดแทนภารโรงให้สะอาด”
“กวาดพื้นโรงเรียนทั้งหมดแทนภารโรงให้สะอาด”นายเอท่องตาม เฮ้ย อะไรวะเนี่ย ฉันเงยหน้าไปมองอาจารย์ชิตที่ใช้สายตาดุบังคับให้ฉันพูดตาม
“กวาดพื้นโรงเรียนทั้งหมดแทนภารโรงให้สะอาด”สาวสวยจำเป็นต้องพูด
“ดี อย่าลืมทำตามคำพูดด้วย”
%%%%%%
หากการมองหน้าฝาแฝด ก็เหมือนกันการมองหน้าตัวเองในกระจกเงาแล้วละก็ สองสาวที่นั่งอยู่ริมสนาม คงไม่อยากจะมองหน้าตัวเองในกระจกเงาสักเท่าไหร่ เพราะทั้งคู่ต่างเมินหน้าหันหลังชนกัน โดยไม่สนใจอีกฝ่ายเลยแม้แต่นิด ชวนให้ฉันที่ยืนกวาดพื้นอยู่ไม่ไกลนัก เหลือบมองอย่างอึดอัดแทนเต็มทน
“เธอสองคนจะนั่งกันอย่างนี้หรอ”ฉันเอ่ยปากถาม
“เธออย่าพูดมาก รีบๆกวาดพื้นให้เสร็จจะได้กลับกัน”พลอยพูออย่างไม่ค่อยสบอารมณ์
“เสร็จแล้วละ เดี๋ยวไปเก็บของก่อน”
ตอนนี้ก็หกโมงแล้ว ยัยสองคนนั้นรอฉันตั้งแต่บ่ายสามโมงเย็น ฉันละปวดหัวกับพวกมันจริงๆ นั่งค้างอยู่อย่างนั้นตั้งนานแล้วไม่เปลี่ยนท่า หรือไม่ปริปาดคุยกันเลย แม้แต่นิด
“เอาละเสร็จแล้ว แต่ฉันไม่เข้าใจว่าพวกเธอจะรอฉันทำไม ในเมื่อเดี๋ยวฉันก็ต้องกลับรถเมล์คนเดียวอยู่แล้ว”ฉันคว้ากระเป๋าพลางเอ่ยปากถาม
“คือ....”ทับทิมกระสับกระส่ายไปมา
“เราขอโทษ/เราขอโทษ”
“ขอโทษ??เรื่องอะไร”
“เรื่องที่โรงอาหาร ฉันคิดว่าควรเล่าให้เธอฟัง แม้ว่าเราสองคนจะยังไม่ดีกันก็ตาม”พลอยพูดก่อน
“ใช่ยังไงเธอก็ควรรู้ไว้บ้าง”
“แล้วเรื่องมันเป็นยังไงละ เดี๋ยวฉันก็ต้องรีบกลับบ้าน”ฉันนั่งลงตรงกลางยัยแฝดนรก
พลอยมีท่าทีอึกอัก ส่วนทับทิมก็มองหน้าฉันแล้วเงียบ ไหนจะเล่าอะไรให้ฉันฟังเนี่ย มัวแต่เงียบ ฉันไม่มีหูทิพย์นะยะ ที่จะฟังได้โดยไม่มีใครเอ่ยปากพูดเนี่ย
“คือ...เออ...”ยัยพลอยที่ไม่เคยพูดติดขัดอะไรเลย กำลังพูดไม่ออกเจ้าค่ะ
“เอางี้ เราถามแล้วเธอสองคนตอบแล้วกันนะโอเคมะ”
---
แหะๆ แค่นี้ก่อนนะคะ โพส เถอะ พลีสสสสสสสส รักคนอ่านนะเจ้าคะ
มาแก้คำผิดแล้วเจ้าค่ะ
“พลอย เมื่อเช้าไปไหนมา ตามหาที่ห้องไม่เจอ”ฉันเมื่อถามทับทิมไม่ได้ ฉันจึงละสายตาละสาย หันไปถามพลอย ที่นั่งฟึดฟัดๆอยู่ตรงข้าม ตั้งแต่ลงมาทานข้าวแล้ว
ไอ้สองแฝดนรกนี่มันผีเข้าหรือไงนะ
“ยุ่ง”พลอยพูดเรียบๆ แต่น่ากลัวมากสำหรับฉัน ท่าทางวันนี้แม่คุณจะอารมณ์เสียมาจากไหนก็ไม่รู้
“ทับทิมๆ”
“...”เธอยังคงเหม่อต่อไปอย่างไม่สนใจฉันแม้แต่นิด นั่งยิ้มบิดไปบิดมาอยู่ได้ ตอนนี้ฉันชักรำคาญแล้วนะ สงสัยยัยพลอยก็คงรำคาญเหมือนกัน
“ทับทิม ข้าวมันอืดหมดแล้ว”
“พลอยเล่าอะไรให้ฟังหน่อยสิ ทำไมเธอสองคนเป็นแบบนี้”เมื่อเรียกสติทับทิมกลับคืนมาไม่ได้ ฉันเลยหันไปถามพลอย
\"แกจะรู้ไปหาพระแสงดาบอะไรวะ อย่า...\"ไม่ทันที่พลอยจะขุดคำขึ้นมาด่าฉันต่อก็มีเสียงจากใครคนหนึ่งทักทับทิมมาแต่ไกล
“น้องทับทิมครับ พี่ให้”ดอกกุหลาบสีแดงช่อโตได้ส่งมาให้ทับทิม คอยดูสิ เดี๋ยวทับทิมมันก็ต้องลุกขึ้น แล้วปาดอกไม้ใส่หน้าคนให้ พร้อมกับพูดด้วยเสียงดั่งนางมารว่า’อย่ามายุ่งกับฉัน แกไม่มีค่าพอ’อย่างที่ทำเป็นประจะเวลามีใครให้ของมัน
หนุ่มหลงผิดคราวนี้ เป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงผิวสีแทน ผมยาวผิดระเบียบโรงเรียนนิดหน่อย ตาโตคมเข้ม เครื่องหน้าจัดไว้อย่างลงตัว ถือว่าหน้าตาดีทีเดียว แถมท่าทางดูหยิ่งๆ ฉันรู้สึกว่าคุ้นหน้าคุ้นตามากเลยทีเดียวแต่นึกไม่ออกว่าใคร
“ขอบคะ...”
“ของเน่าๆอย่างนี้ยังจะมาให้อีก น้องฉันเขาไม่รับของสวะๆจากนายหรอก”พลอยลุกพรวดด่านายนั่นแทนทับทิม อะไรฟะ ฉันงงนะ ด่าไม่ด่าเปล่า พลอยยังดึงดอกไม้จากมือทับทิมมาเด็ดทีละดอก แล้วปาลงพื้นต่อหน้านายคนนั่น
ฉันก็ได้แต่เหวอสิคะ
“พลอย”ทับทิมร้องค้าน
“ทำไม”พลอยหันไปประจันหน้ากับทับทิม ตอนนี้คุณเธอดูเหมือนแม่เสือร้ายที่พร้อมจะขย้ำคุณได้ตลอดเวลา ตอนแรกฉันว่าจะช่วยห้ามซะหน่อย แต่พอเห็นพลอยเป็นอย่างนี้ ฉันจำต้องรักษาชีวิตไว้ ด้วยการนั่งมองตาปริบๆ
“พี่ทำอย่างนี้ไม่ได้ ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”ทับทิมมีน้ำโหขึ้นมาแล้ว
“หรอ”พลอยมองหน้าทับทิมด้วยสายตาหน้ากลัวมา มันเหมือนจะตัดขาดความเป็นฝาแฝดกันเลย อะไรเนี่ยฉันงงนะ ทำไมพลอยจะต้องทำอย่างนั้นด้วยละ มันต้องมีอะไรเมื่อเช้าแน่ๆเลย
นายผู้ชายหน้าด้าน ไม่ยอมเดินไปไหน มองสองสาวดาวโรงเรียนจ้องตากันอย่างกินเลือดกินเนื้อ ให้ตายสิ ฉันไม่ชอบนายนี่เลย ดูท่าทางหยิ่งๆ กวนส้นเท้าอย่างแรง  นายนี่ต้องมีอะไรที่ทำให้พลอยโมโหได้ แถมยังทำให้ทับทิมรับของจากผู้ชายได้ง่ายๆด้วย
“นายชื่ออะไร”ฉันตัดสินใจให้สองสาวจ้องหน้ากันต่อไป เพราะคงห้ามไม่ได้จริงๆ แล้วหันมาถามนายหน้าฝ่าเท้าแทน อย่างน้อยรู้เขารู้เราไว้ก็ไม่เป็นไร
“เธอไม่จำเป็นต้องรู้ ยัยหน้าจืด”เขาหันมาพูดใส่หน้าฉัน
“ไอ้หน้าส้นตี-น นาย ไอ้เลว แก แก ชิ”ฉันพยายามหยุดตัวเองก่อนจะสบถคำหยาบออกมามากกว่านั้น ฉันต้องเด็นเด็กดี ท่องไว้ๆ นายนี่ดูมีความสุขขณะมองดูเพื่อนฉันสองคนปะทะฝีปากกัน
“แกไม่ควรไปยุ่งกับมัน”พลอยเริ่มพูดด้วยเสียงเย็นๆบ่งบอกถึงความร้อนข้างในกำลังจะระเบิด
“ทำไมจะไม่ได้ หรือว่าเธอหึง”ทับทิมที่ดูหวานๆ กลับน่ากลัวขึ้นมาทันที เมื่อเธอลุกมาขึ้นเสียงกับพลอยที่มีท่าทีแปลกใจเล็กน้อย พลอยเองก็คงไม่เคยคิดละสิ ว่าน้องสาวคลานตามกันมาไม่ถึงสิบนาที จะกล้าขึ้นเสียงใส่เธอ ส่วนฉันไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นฝาแฝดสองคนนี้ ที่แทบจะคิดเหมือนกันตลอด มาทะเลาะกัน
“ไม่ ฉันแค่เห็นว่ามันเลว แกก็น่าจะรู้ ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว”พลอยเริ่มสั่น
“ไอ้หน้าส้นตี-น นายบอกฉันมา ว่าเกิดอะไรขึ้น”ฉันจำต้องหันไปพูดกับนายนี่อีกครั้ง
“ยัยหน้าจืด เธอไม่เกี่ยว”
“มีใครบอกฉันได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”ฉันหันไปถามยัยแฝดนรก
“เธอไม่เกี่ยว/เธอไม่เกี่ยว”สองสาวตวาดฉันกลับมา โอ้ย ฉันเริ่มโมโหแล้วนะ ไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะยะ คนมันก็มีความรู้สึก ฉันไม่ชอบบรรยากาศนี้เลย ทำไมต้องทะเลาะกันด้วย แล้วทำไมไม่รู้จักเล่าให้ฟังกันบ้าง
“ฉันเพื่อนพวกแกนะ”ฉันตวาด กลับ
“แล้วไง”พลอยหันมาถามฉัน
คนทั้งโรงอาหารจ้องมองมาที่พวกเรา เฮ้อ นานทีปีหนจะมีการทะเลาะวิวาทของผู้หญิงในโรงอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นพวกหน้าตาไม่ได้เรื่อง พอยัยสองคนนี้ทะเลาะกันเลยเป็นที่สนใจว่าดาวโรงเรียนจะทะเลาะกันทำไม นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อนฉันทะเลาะกันคงสนุกน่าดู ได้นั่งมองคนทะเลาะกันสะใจไปเลย
“แล้วไง ใครจะบอกฉันหน่อยได้ไหมว่านี่เรื่องอะไร อย่างน้อยถ้ารู้ก็จะได้บอกถูกว่าใครผิดใครถูก”ฉันพูดตรงๆตามความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวตอนนั้น
“เธอไม่ต้องยุ่ง”ทับทิมพูด แล้วหันมาจ้องตาพลอยต่อ
“นายบอกฉันมาว่าเกิดอะไร”ฉันจำใจต้องถามนายนี่อีกครั้ง
“เธอคงไม่มีค่าในสายตาเพื่อนเธอน่ะสิ เขาถึงไม่เล่าอะไรให้เธอฟัง คนอย่าเธอจืดชืดไร้ค่า”ฉันยังไม่เคยไม่สร้างความแค้นไว้กับนายคนนี้เลยนะ ทำไมมันด่าฉันปาวๆ
“แล้วนายละ มีค่านักหรือไง”
“มีค่าพอที่จะให้สองคนนี้ทะเลาะกันเพื่อฉันได้ก็พอ”ดูมันพูด ท่าทางหยิ่งยโสของมันทำเอาฉันเดือดพล่าน ปรี่เข้าไปง้างมือจะตบหน้าดำๆของมันทันที
หมับ
“เธอจะทำอะไรพี่ชายฉัน”นายแคมป์ผู้รั้งมือฉันไว้ ถามด้วยสายตาดุดัน
“ตบหน้ามัน”
“ถ้าเธอจะทำอย่างนั้นมาต่อยกับฉันดีกว่า”เขาท้า ฮึย์ นายเป็นลูกผู้ชายมากเลยนะ ท้าผู้หญิงต่อยเนี่ย เขาต้องท้าตบรู้ไหมนายบื้อ ฉันสะบัดมืออกอย่างรุนแรงแล้วฝาดฝ่ามือลงบนหน้าเขาทันที
“สำหรับนาย ไอ้บ้า ถ้าแกยังจะมาขัดขว้างฉันอยู่ละก็ อย่างอยู่เลย”ฉันอะละวาดกวาดของข้างตัว (ซึ่งอยู่บนโต๊ะ) ลงกับพื้นหมด มือไม้ไม่รู้ไปคว้าอะไรมาได้ ปามั่วไปทุกทิศทำเอาทุกคนหยุดสนใจยัยแฝดนรก แล้วหันมามองฉันทันที
“ไอ้สารเลว ฉันไม่รู้หรอกว่าทำไมแกถึงทำหน้าตายิ้มเยาะในขณะที่คนอื่นเข้าทะเลาะกันได้ แต่ฉันเกลียดขี้หน้านาย แล้วนายด้วยดูแลพี่ชายของนายดีๆ รู้ไหม ผู้หญิงเข้าไปต่อยกับผู้ชายหรอกนะ”ฉันโวยวาย แล้วเดินกระทืบเท้าจากไปทันที โอ้ยจะบ้าตาย อยากจะกรี๊ดให้หายหงุดหงิด
ที่ที่ฉันมายามงอนยัยแฝดนรกคือ...ห้องชีวะ
ที่นี่เด็กไม่ค่อยมากันสักเท่าไหร่เพราะกลัวกลิ่นเหม็นๆของฟอร์มาลีน แต่มันเป็นสถานที่ที่สงบมากในยามที่ฉันไม่ต้องการใคร
ฉันนั่งอยู่นานพอสมควร นานจนคิดว่าใครๆคงลืมฉันไปหมดแล้ว
“ทำไมไม่มีใครเห็นหัวฉันบ้างเลยนะ”ฉันพึมพำ พลางเอามือสางผมซึ่งหลุดลุ่ยจากการอะละวาดเมื่อกี้
“อ้าว เฮ้ย มีคนอยู่วะ”เสียงผู้ชายพูดขึ้นด้วยเสียงตกใจ ฉันไม่อยากพูดกับใคร ไม่อยากยุ่งกับใคร ทำไมต้องมีคนมาด้วยนะ จึงได้แต่ก้มหน้ากอดเข่า ปล่อยให้ผมยาวเลยเลยบ่า ปรกลงมา ปิดหน้า
“แกแน่ใจหรือวะไอ้ชัชว่าคน”
“โธ่ แล้วแกคิดว่าอะไรละ”
“ก็....”
“เธอๆ ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ ใกล้เวลาเรียนแล้วนะ คาบต่อไปฉันจะใช้ห้องนี้”ฉันเงยหน้ามองเขา ชายหนุ่มผมตั้งๆชี้โด่ชี้เด่ นั่งยองๆอยู่ข้างๆฉัน เอ๊ะ พี่คนนี้เขาเป็นนักกีฬานี่หว่า เคยเห็นตอนแข่งบาสปีก่อนๆนู้น ฉันยังจำได้เลย ว่ายัยแฝดนรกกรี๊ดพี่เขาแทบสลบ อันที่จริงฉันก็ว่าพี่เขาเท่นะ เท่มากๆ ฉันยังปลื้มเลย แต่ยัยสองคนนั่นมันเวอร์
ฉันไม่ควรนึกถึงยัยสองคนนั่น
“คะ..คือ ว่า แหะๆ เดี๋ยวไปแล้วคะ”ฉันลุกขึ้นยืนอย่างเกร็งๆ ก็พี่แกเล่นยื่นหน้ามาใกล้ซะแทบจะจูบกันได้อยู่แล้ว
“เธอไม่เป็นไรนะ ไม่ได้ร้องนะ”พี่เขายื่นหน้ามาใกล้ๆแล้วถาม
“ค่ะ”ฉันเกิดอาการพูดไม่ออก ได้แต่ค่ะค่ะอย่างเดียว เคยไหมเวลาเจอกับคนที่เราปลื้มมากๆ พอเขาพูดกับเราเราก็พูดไม่ออกซะงั้น นั่นแหละอาการที่ฉันเป็นอยู่ ตื่นเต้นจนบอกไม่ถูกเลย
“ไม่ได้ร้องไห้แน่นะ”พี่เขาย้ำ
“คะ คะ”ฉันพยักหน้า แล้วเอามือเสยผมไปทัดข้างหูให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินออกมาโดยไม่มองหน้าพี่เขาอีกเลย ไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าฉันเดินออกมาทั้งสภาพหัวยุ่งๆฟูๆ มันจะแย่แค่ไหน
“น้อง”นายพี่ชัชตะโกนเรียกฉันไว้ อะไรอีกล่ะ เหล่านักเรียนที่กำลังจะเดินไปเรียนกันต่างหันมามองฉันเป็นจุดเดียว ฉันจะทำอะไรได้ ตัวงี้ แข็งยิ่งกว่าท่อนไม่ซะอีก
“น้องทำกระเป๋าตังค์หล่น”พี่เข้าก้มหน้าลงมากระซิบข้างหู เนื่องจากเขาสูงกว่าฉันหลายเมตร เอ้ย หลายเซนติเมตร กรี๊ด
พี่ขา ทำอย่างนี้ต่อหน้านักเรียนทั้งโรงเรียนได้ยังไง ต้องไปทำที่ลับตาสิคะ
“คะ”ฉันยื่นมือไปรับกระเป๋าตังค์ แล้วก้าวเท้าจะเดินออกมา
“น้องๆมีอีกเรื่อง”อะไรอีกละ ฉันเริ่มรำคาญแล้วนะ
“หน้าแดงแจ๋แล้ว”เขาขยิบตาให้ฉันทีนึง ก่อนจะวิ่งจากไป ปล่อยให้ฉันยืนแข็งทื่ออยู่กับที่
กรี๊ด !!!!!
เสียงฉันเองคะ กรี๊ดอยู่ในใจ ไอ้รุ่นพี่บ้า เท่ซะเปล่า ดันทะลึ่งแซวคนทั่ว นิสัยไม่ดี
ฉันเดินกลับห้องเรียน คาบต่อไปวิชาอะไรหว่า วันนี้มีเรียนหกคาบ คาบแรกไทย คาบสองวิทย์ คาบสามคณิต อืม...คาบนี้คาบสี่น่าจะเป็น...สังคม ใช่แล้วสังคม สังคม อาจารย์ ชิตนี่หว่า ตายๆๆๆๆ ฉันจะวิ่งทันไหมนะ อีกห้านาที จากลานกว้างหน้าตึก4 ไปยังชั้น4 ตึก 1 ห้องเรียนสุดทางเดินของฉัน
ใส่เกียร์หมาสิคะ
ปรู๊ดดดดดดดดด
“แฮ่กๆ ขออนุยะ.....”ฉันมายืนหอบอยู่หน้าห้องของตัวเองยังไม่ทันจะเอ่ยครบประโยค อาจารย์ก็ปิดประตูใส่หน้าฉันทันที
ปัง
อะไรวะ งงนะ ทำไมต้องปิดประตูใส่หน้าฉันด้วย โอเคแหละ ฉันรู้ว่าฉันไม่สวย ระดับมิสแคนนาดา แต่ว่าฉันก็สวยกว่าอาจารย์แน่นอน หรือจะเถียงคะ ว่าอาจารย์สวยกว่าฉัน
“นี่ๆ ยัยลูกยอ ทำไมคราวนี้เธอสายด้วยละ”นายเอที่เพิ่งคลานมาถึงเอ่ยปากถามฉัน
“สายหรอ”
“นี่มัน12.32น.แล้ว เลยเวลาเข้ามา 2 นาที เธอก็รู้ว่าอาจารย์โหดแค่ไหน”เขายืนพิงประตูห้องอย่างสบายๆ เออ นายเอ เข้าห้องสายบ่อยนี่หว่า ลองถามนายนี่ดีกว่าว่าอาจารย์จะทำยังไง เด็กดีอย่างฉันไม่เคยเข้าสายน่ะ เลยไม่รู้
“เอๆ แล้วจะโดนอะไรไหม ชีวิตฉันยังมีอนาคตสุกสว่างอีกยาวไกลน้า”ฉันทรุดตัวลงนั่งกับพื้น
“ไม่มากหรอก แค่ไปวิ่งรอบสนามห้ารอบ แล้วก็เดินเก็บขยะทั่วโรงเรียนตอนเย็นหนึ่งชั่วโมง”เอพูดเหมือนเป็นเรื่องสบายๆ แต่สาวน้อยบอบบางอย่างฉันกลับไม่สบายด้วยเลย เมื่อวานก็กวาดถนน วันนี้วิ่งอีกหรือนี่
“เอาละ เธอสองคน”อาจารย์โผล่หน้าออกมา
“พูดตามนะ นี่คือคำสั่ง”อาจารย์สั่งอะไรแปลกแหะ
“เย็นนี้”
“เย็นนี้/เย็นนี้”ฉันกับนายเอพูดพร้อมกัน สงสัยนายเอจะเวอร์อาจารย์แค่ให้พูดตาม ไม่ได้สั่งให้ไปวิ่งรอบสนามซะหน่อย
“ข้าพเจ้า”
“ข้าพเจ้า/ข้าพเจ้า”
“จะอุทิศแรงกายแรงใจ”
“จะอุทิศแรงกายแรงใจ/จะอุทิศแรงกายแรงใจ”
“เป็นอาสาสมัคร”
“เป็นอาสาสมัคร/เป็นอาสาสมัคร”
“กวาดพื้นโรงเรียนทั้งหมดแทนภารโรงให้สะอาด”
“กวาดพื้นโรงเรียนทั้งหมดแทนภารโรงให้สะอาด”นายเอท่องตาม เฮ้ย อะไรวะเนี่ย ฉันเงยหน้าไปมองอาจารย์ชิตที่ใช้สายตาดุบังคับให้ฉันพูดตาม
“กวาดพื้นโรงเรียนทั้งหมดแทนภารโรงให้สะอาด”สาวสวยจำเป็นต้องพูด
“ดี อย่าลืมทำตามคำพูดด้วย”
%%%%%%
หากการมองหน้าฝาแฝด ก็เหมือนกันการมองหน้าตัวเองในกระจกเงาแล้วละก็ สองสาวที่นั่งอยู่ริมสนาม คงไม่อยากจะมองหน้าตัวเองในกระจกเงาสักเท่าไหร่ เพราะทั้งคู่ต่างเมินหน้าหันหลังชนกัน โดยไม่สนใจอีกฝ่ายเลยแม้แต่นิด ชวนให้ฉันที่ยืนกวาดพื้นอยู่ไม่ไกลนัก เหลือบมองอย่างอึดอัดแทนเต็มทน
“เธอสองคนจะนั่งกันอย่างนี้หรอ”ฉันเอ่ยปากถาม
“เธออย่าพูดมาก รีบๆกวาดพื้นให้เสร็จจะได้กลับกัน”พลอยพูออย่างไม่ค่อยสบอารมณ์
“เสร็จแล้วละ เดี๋ยวไปเก็บของก่อน”
ตอนนี้ก็หกโมงแล้ว ยัยสองคนนั้นรอฉันตั้งแต่บ่ายสามโมงเย็น ฉันละปวดหัวกับพวกมันจริงๆ นั่งค้างอยู่อย่างนั้นตั้งนานแล้วไม่เปลี่ยนท่า หรือไม่ปริปาดคุยกันเลย แม้แต่นิด
“เอาละเสร็จแล้ว แต่ฉันไม่เข้าใจว่าพวกเธอจะรอฉันทำไม ในเมื่อเดี๋ยวฉันก็ต้องกลับรถเมล์คนเดียวอยู่แล้ว”ฉันคว้ากระเป๋าพลางเอ่ยปากถาม
“คือ....”ทับทิมกระสับกระส่ายไปมา
“เราขอโทษ/เราขอโทษ”
“ขอโทษ??เรื่องอะไร”
“เรื่องที่โรงอาหาร ฉันคิดว่าควรเล่าให้เธอฟัง แม้ว่าเราสองคนจะยังไม่ดีกันก็ตาม”พลอยพูดก่อน
“ใช่ยังไงเธอก็ควรรู้ไว้บ้าง”
“แล้วเรื่องมันเป็นยังไงละ เดี๋ยวฉันก็ต้องรีบกลับบ้าน”ฉันนั่งลงตรงกลางยัยแฝดนรก
พลอยมีท่าทีอึกอัก ส่วนทับทิมก็มองหน้าฉันแล้วเงียบ ไหนจะเล่าอะไรให้ฉันฟังเนี่ย มัวแต่เงียบ ฉันไม่มีหูทิพย์นะยะ ที่จะฟังได้โดยไม่มีใครเอ่ยปากพูดเนี่ย
“คือ...เออ...”ยัยพลอยที่ไม่เคยพูดติดขัดอะไรเลย กำลังพูดไม่ออกเจ้าค่ะ
“เอางี้ เราถามแล้วเธอสองคนตอบแล้วกันนะโอเคมะ”
---
แหะๆ แค่นี้ก่อนนะคะ โพส เถอะ พลีสสสสสสสส รักคนอ่านนะเจ้าคะ
มาแก้คำผิดแล้วเจ้าค่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น