ลำดับตอนที่ #16
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : มัดมือชก
\"เออ...ช่างเหอะ ฉันไม่อยากรู้แล้วก็ได้ แต่แผลเธอน่ะ ไปห้องพยาบาลดีไหม\"เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆพลางถาม ทำไมนายต้องยื่นหน้ามาด้วย ทำยังกับจะจูบฉันแน่ะ
ฉันถอยหลังมาหนึ่งก้าวก่อนจะตอบด้วยเสียงปกติที่สุด
\"ฉันเพิ่งออกจากห้องพยาบาลมาเข้าแถวเอง พี่ฟลุททำแผลให้แล้ว\"
เขาพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเดินต่อไปอย่างช้าๆ ด้วยท่าทางที่เรียกได้ว่า ไม่เคยรีบร้อนอะไรเลยในชีวิต ยังไงซะโลกทั้งใบก็ต้องรอฉัน หน้านายตอนนี้ชวนเอาเท้าไปประทับเสียจริงๆ
\"นี่ๆ\"ฉันสะกิดหลังเขา มีคำถามนึงที่ฉันสงสัยตั้งแต่ตอนเข้าแถวแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้ถามเขาซักที
\"อะไร\"น้ำเสียงเขาดูรำคาญนิดๆ
\"ทำไมนายต้องเป็นห่วงฉันด้วยละ ในเมื่อตอนเช้า นายยังรำคาญฉันอยู่เลย\"ฉันพูดตรงๆไม่อ้อมค้อมเลยแม้แต่นิดเดียว จะว่าหน้าด้าน หรือเปล่าก็บอกไม่ถูก แต่ถ้าฉันมัวแต่ถ้าอ้อมโลกไปมา ฉันไม่แน่ใจว่าสติปัญญาของนายแคมป์จะมีมากพอที่จะเข้าใจได้หรือไม่ เลยต้องใช้คำพูดตรงๆเลยดีกว่าเนอะ
\"เป็นธรรมดา\"เขาตอบสั้นๆ แต่ไม่ได้ใจความ ฉันเกาหัวอย่างงงๆ แล้วก้าวเท้าให้ยาวที่สุดเท้าที่จะทำได้ นายนี่ท่าทางเดินเอื่อยๆ แต่ก้าวแต่ละก้าว ยาวชะมัด
\"ยังไง ไม่เคลียร์\"
\"นี่ ฉันก็เป็นห่วงทุกคนอยู่แล้ว\"เขาหยุดเดินแล้วมองหน้าฉัน
\"ยังไง นายเป็นห่วงทุกคน ไม่เคยเห็นนี่ว่านายจะห่วงใครมากกว่าตัวละครในเกมของนาย\"
\"นี่เธอ ฉันเห็นคนเจ็บใจคอไม่ให้เป็นห่วงได้ไง\"ฉันกำลังจะอ้าปากถามต่อ แต่เขากลับพูดต่ออย่างรวดเร็ว\"ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น ไปเรียนเหอะ\"เขาตัดบท
นี่ก็แปลก ไม่เห็นนายเคยจะสนใจเรียน นี่อะไร ไล่ให้ฉันไปเรียนเนี่ยนะ ท่าจะประสาทกลับละมั้งอย่างนี้ พูดไม่พูดไม่พูดเปล่า กลับเร่งฝีเท้าขึ้นไปอีก
ฉันรีบสาวเท้าให้ทันเขาเพื่อไปห้องเรียนทันที โอ้ย อารมณ์นายนี่มันขึ้นๆลงๆตลอดเลย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๊ยวหงุดหงิด เดี๋ยวอ่อนโยน
“ขออนุญาตเข้าห้องครับ”นายแคมป์พูด แล้วเดินเข้าไปโดยไม่รอคำอนุญาตจากอาจารย์ผู้สอนที่ยืนหัวโด่ อยู่เลยแม้แต่น้อย คาบนี้เรียนอะไรหว่า
“ขออนุญาตเข้าห้องค่ะ”ฉันพูดแล้วยืนรอคำอนุญาตจากอาจารย์
ฉันเหลือบตามองตารางสอนหลังห้อง เฮ้ย นี่มันคายไทยนี่หว่า ทำไมอาจารย์พรรณีถึงมายืนพูดอยู่หน้าห้องเนี่ย อาจารย์แกสอนภาษาอังกฤษไม่ใช่หรือไง
“เข้ามาสิ จะยืนอีกนานไหม”อาจารย์หันมาพูดกับฉันอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์
“เออ...คือ.....”
“อะไรของเธออีก ปุณฑรีก์”
“นี่ไม่ใช่คาบภาษาอังกฤษ”ฉันยกมือขึ้นเกาหัว
“แล้วทำไม”
“ก็อาจารย์สอนภาษาอังกฤษไม่ใช่หรอคะ”ฉันถามด้วยหน้าใสซื่อ
“ใช่ ฉันสอนภาษาอังกฤษ”
“แล้วทำไม...”
“อาจารย์ประจำชั้น จะโฮมรูมนักเรียนไม่ได้หรือไงจ๊ะ”อาจารย์ถาม พลางยิ้มอย่างที่ตัวเองคิดว่าสวยหยาดเยิ้มที่สุด เออ... เยิ้มไปด้วยยาพิษน่ะนะ
“อ้าว”
“เธออย่าบอกนะว่าเธอลืมอาจารย์ประจำชั้นของตัวเอง”อาจารย์เดินเข้ามา พลางเอานิ้วจิ้มหัวฉัน ความรู้หนูจะหายไปไหมเนี่ย
“คือว่า ...เปล่าค่ะ หนูจำได้ แต่ว่านี่มันคาบไทยไม่ใช่หรือคะ”ฉันชี้ไปที่ตารางสอน
“ไหน”อาจารย์มองตามมือฉัน เหล่าเพื่อนๆในห้องมองหน้ากันเลิกหลั่ก ซุบซิบกันใหญ่ บางคนก็มองหน้าฉันอย่างกับจะเอาไปฆ่า ส่วนยัยแฟร์ดูจะเป็นจะตายเสียเหลือเกิน
“ใครเปลี่ยนตารางสอน”อาจารย์พรรณีเอ่ยเสียงเข้ม พลางใช้สายตาเขียวปั๊ดกวาดมองไปทั่วห้อง
“เออ...”
“ใคร”อาจารย์ตวาดเสียงเข้ม ก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า “ถ้าไม่พูดฉันจะทำโทษทั้งห้อง”
“คือ......”เสียงจากเพื่อนในห้องคนนึงที่ฉันไม่เคยคุยด้วยเลยแม้แต่นิดดังขึ้น
“มีอะไรว่ามา นายพิฆาต”
“ผมชื่อภิชาตครับ คือว่า ผมเปลี่ยนเอง”เขาพูดแก้ชื่อตัวเองอย่างติดๆขัดๆแล้วยอมรับผิด น่าภูมิใจในตัวเขามาก หาน้อยนะคนเดี๋ยวนี้ที่จะยอมรับสิ่งที่ตัวเองทำผิด
“ดี ทำผิดยอมรับผิด หลังเลิกคาบนี้ ไปพบครูด้วย เอาละ ปุณฑรีก์ เธอไปนั่งที่ คาบนี้คาบโฮมรูม”อาจารย์พูดน้ำเสียงประชดใส่ฉัน ก่อนจะพูดต่อไปเรื่อยๆ
“นี่ๆ เธอกับแคมป์มีอะไรกันหรอ ถึงได้โดยอาจารย์อึ่งอ่างแกเรียกไป”แฟร์ถามทันทีที่ก้นฉันหย่อนลงบนเก้าอี้
“คือว่า ...”ฉันเล่าเหตุการณ์เมื่อเช้าทั้งหมดให้แฟร์ฟัง ยัยแฟร์เองก็นั่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ ทีเวลาเรียนไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลย ที่เรื่องคนอื่นตั้งใจเชียว
“ก็แค่นี้แหละ”
“แค่นี้เอง”ยัยแฟร์มองฉันอย่างไม่ค่อยเชื่อถือ
“ใช่ แต่เธอรู้ไหมว่าทำไมเขาต้องเป็นห่วงคนอื่นด้วย”ฉันถาม ยัยนี่น่าจะรู้เรื่องชาวบ้านดีกว่าคนอื่นๆที่ฉันรู้จัก มากกว่าพลอยกับทับทิมเสียอีก
“ไม่แปลกหรอก พ่อเขาเป็นหมอ”แฟร์ตอบคำถามของฉัน คำตอบยังคงงงๆอยู่ พ่อเขาเป็นหมอแล้วเกี่ยวอะไรกับลูกด้วย ฉันเลิกคิ้วขึ้นมองหน้าแฟร์
“โง่หรือฉลาดน้อยเนี่ย ไม่เคยได้ยินหรอ ว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นน่ะ พ่อเขาเป็นหมอใจดี ตอนเด็กๆเขาก็เห็นทุกวัน มันก็เลยฝังลึกในจิตใจ กลายเป็นนิสัยส่วนตัวไปเลย แต่พอโตขึ้น ก็มีสิ่งกระตุ้นต่างๆภายนอก ทำให้นิสัยภายนอกของเขาเปลี่ยนไป แต่บางส่วนที่ได้รับการปลูกฝังตั้งแต่เด็กก็ยังคงอยู่ไง ฉันนึกว่าเธอจะเก่งซะอีก ให้คนโง่อย่างฉันมาอธิบายอยู่ได้”แฟร์อธิบายยาวเหยียดแล้วแอบเหน็บฉันนิดๆในตอนท้าย
“มันก็ต้องมีมองข้ามกันไปบ้างแหละ ว่าแต่ เธอรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง”
“แหะๆ”แฟร์ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะพูดต่อ “แม่ฉันเป็นเพื่อนกับแม่นายแคมป์น่ะสิ”
“แล้วพ่อนายแคมป์เนี่ย ชะ...”ฉันอ้าปากจะถามต่อว่าพ่อนายแคมป์ชื่อะไร เผื่อจะเอามาล้อบ้าง พอสนุกปาก แต่เสียงที่แผดดังมาจากหน้าห้องทำเอาต้องหยุดชะงัก แล้วหันหน้ากลับไปทันที
“เธอสองคนน่ะ ฟังครูพูดอยู่หรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ”ไม่ใช่เสียงฉันนะ แต่เป็นเสียงของยัยแฟร์ที่ตอบไปเสียงดังฟังชัดซะยิ่งกว่าอะไรดี ทุกสายตาในห้องหันมาจับจ้องแฟร์ ฉันนี่แทบจะลงไปมุดใต้โต๊ะเลยทีเดียว
“เข้าห้องเรียนสาย แล้วยังจะมาพูดอีก ดีเลย เธอสองคนเป็นผู้จัดการ ทั้งออกแบบ วางตัวคนให้หาทีมงานตัด วย ให้เธอจัดการหมดเลยนะ”อาจารย์พูดฉอดๆ แล้วเดินออกไปจากห้องทันที ฉันกับแฟร์หันมามองหน้ากันโดยอัตโนมัติ
“อาจารย์พูดอะไรของแก”แฟร์เกาหัวแล้วถามฉันที่ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน
“ไม่รู้อะ เออ เก้าๆ รู้ไหมว่าเขาให้ทำอะไร”ฉันหันไปสะกิดเพื่อนผู้หญิงที่นั่งถัดไปจากนายแคมป์สองที่นั่ง
“อ๋อ แปลว่าไม่ได้ฟังจริงๆใช่ไหม ก็อาจารย์เขาประกาศเรื่องงานประกวดชุดแฟชั่นไง แต่ละห้องต้องส่งตัวแทนนางแบบ โดยใส่ชุดที่นักเรียนในห้องออกแบบกันเอง ตัดเย็บเอง”เก้าอธิบาย
“ห๊า งั้นฉันก็ต้องทำเองหมดเลยน่ะสิ”ฉันแหกปากลั่นอย่างตกใจ
“อ้าว ตะกี้ไม่ได้ฟังอาจารย์หรอ เอาเหอะ ก็เขาให้เธอเป็นคนจัดการ หมายถึงการแบ่งหน้าที่ การประสานงานอะไรพวกนี้ รวมทั้งการออกแบบชุดด้วย”เก้าอธิบายต่อด้วยน้ำเสียงปนความขบขันไว้นิดๆ
“เออๆ”ฉันพยักหน้า แล้วนั่งลงตามเดิม พลางหยิบหนังสือวิชาวิทยาศาสตร์ขึ้นมาเตรียมพร้อมเพื่อจะเรียน แต่จิตใจที่ไม่สงบและไร้สมาธิของฉันนี่สิ ปัญหาใหญ่
ฉันนั่งเหม่อตลอดคาบ โดยไม่ได้สนใจเลยว่าอาจารย์พูดอะไร สิ่งที่เข้าหู มันไม่ได้ซึมเข้าสมองเลยแม้แต่นิด มันทะลุผ่านออกหูอีกข้างไปอย่างง่ายดาย
“นี่ๆ กริ่ง ห้องแกใครใส่ชุดแฟชั่นอะ”พลอยถามขึ้นขณะที่เรากำลังนั่งโซ้ยมาม่าเป็นอาหารเที่ยงอย่างเอร็ดอร่อย
“ยังไม่รู้เลย พลอยได้ใส่หรอ”ฉันถามกลับ ด้วยเสียงเรียบๆ
“เปล่า อันที่จริงก็เกือบ แต่ว่าฉันปฎิเสธเสียงแข็งเลย”พลอยพูด มันก็ไม่แปลกหรอกถ้าพลอยจะได้ใส่ เพราะพลอยเป็นคนสวย ใครๆก็คงเลือกคนสวยๆใส่อยู่แล้ว ฉันคิด พลางฟังพลอยพูดต่อ
“ทับทิมต่างหาก ยัยนี่ไม่กล้าปฏิเสธ”พลอยพูด พลางเอานิ้วจิ้มหัวทับทิมเบาๆ อย่างแหย่เล่นๆ
“เอาเหอะ ยังไงก็ช่วยๆห้องหน่อย”ทับทิมพูดเบาๆ แต่ก็ยังสามารถได้ยินได้
“จ้า แม่พระ แล้วกริ่งออกแบบชุดใช่ไหม”พลอยหันไปพูดกับทับทิม ก่อนจะหันมาถามฉัน ฉันพยักหน้าน้อยๆ แล้วก้มลงกินต่อ โดยไม่สนใจยัยแฝดนรก
“แคมป์ๆมานั่งด้วยกันสิ”จู่ๆ เสียงจากยัยพลอยที่ตะโกนดังขึ้น ทำเอาฉันเงยหน้ามองทันทีทันใด โดยอัตโนมัติ พบกับนายแคมป์ที่กำลังถือจานข้าวราดคะน้าหมูกรอบ เดินเข้ามา
“ขอบใจ”นายแคมป์พูดขณะนั่งลงบนเก้าอี้ ฉันยังคงจ้องหน้าเขาเขม่ง
“เธอ ฉันไม่ได้หน้าเหมือนพี่ไก่จ๊วบหรอกนะ ไม่ต้องมองขนาดนั้น”เขาพูด
“ฉันแค่สงสัยว่านายมากินข้าวเป็นด้วยหรอ ทำไมนายไม่ไปตีโพริ่งหาแอปเปิ้ลกินล่ะ”ฉันเกิดอารมณ์อยากจะประชดขึ้นมา บวกกับความแปลกใจที่เห็นนายแคมป์กินข้าวกลางวันที่โรงอาหาร
ก็ปกตินายนี่เขาไม่กินอาหารกลางวันไปจองคอมพิวเตอร์ในห้องคอมเพื่อจะเล่นเกมไม่ใช่หรอ ทำไมวันนี้มากินข้าวที่นี่ได้ล่ะ
“เธอก็หาโพริ่งให้ได้ แล้วค่อยมาบอกฉัน ฉันจะได้ไปตีมา แต่ตอนนี้ขอกินข้าวก่อน หิว”เขาพูดเรียบๆ ทำเอาฉันสะอึก แล้วก้มหน้าก้มตากินอาหารชนิดหาสมบัติผู้ดีไม่
ฉันนั่งมองเขากินอาหารเรื่องๆ เพราะมาม่าของฉันเหลือแต่น้ำแกงแล้ว นายแคมป์นี่ก็หน้าตาไม่เลวแหะ แต่ทำไมกินได้น่าเกลียดอย่างนี้
“นี่นาย กินให้มันดีๆหน่อยไม่ได้หรือยังไง”ฉันเอ่ยปากถามอย่างระอา
“เอื่อง ออง อั้น”เขาพูดทั้งๆที่ข้าวเต็มปาก แล้วก้มหน้ากินต่ออย่างไม่สนใจใคร ชิ นายบ้า มาขอนั่งร่วมโต๊ะกนสุภาพสตรี แล้วยังจะมูมมาม
“นาย พูดอะไรฉันไม่รู้เรื่อง อีกอย่างนะ เวลากินอาหารกับคนอื่นเนี่ย หัดมีมารยาทซะบ้าง”ฉันพูดอย่างจริงๆจังๆ
นายแคมป์เงยหน้าขึ้นกลืนอาหารลงคออย่างลำบากยากเย็นเพราะมันเต็มปากไปหมด ก่อนจะคว้าน้ำมาดื่มอึกๆ แล้วพูดกับฉันด้วยเสียงชัดถ้อยชัดคำ
“แล้วที่เธอนั่งมองคนอื่นกินข้าว แล้วยังมาด่าเขาเนี่ย เรียกว่ามีมารยาทมากนักหรือยังไง”
“นี่นาย”ฉันลุกขึ้นยืน พลางอ้าปากจะด่า แต่ด่าไม่ออก แล้วหนหน้าไปหาพลอยและทับทิมแทน “ไปเหอะ ไม่อยากอยู่กับคนไร้มารยาท”ว่าแล้วฉันก็จ้ำออกไปทันที โดยไม่รอสองสาวฝาแฝดเลย
“นี่ กริ่ง แกต้องจับไอ้แคมป์นะโว้ย ไม่ใช่ด่ามันฉอดๆ แล้ววิ่งออกมาอย่างนี้”พลอยวิ่งกระหืดกระหอบตามหลังฉันมาจนทัน แล้วออกปากต่อว่าทันที
“ใช่ๆ กริ่งไม่ควรไปว่าแคมป์อย่างนั้นนะ”ทับทิมพูดบ้าง
“เชิญเข้าข้างกันตามสบายเลย”ฉันกระแทกเสียง แล้วเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เพื่อนรักฉันไม่เข้าข้างฉันเลย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้สองคนนี่ยังไม่ชอบหน้านายแคมป์อยู่เลย
สรุปได้ว่า มันเห็นแก่ตัว
เพราะถ้าฉันจีบนายแคมป์สำเร็จ ทับทิมก็จะไม่ต้องคบกับโต๊ะ
ส่วนพลอยก็ไม่ต้องมีน้องเขยเป็นเสาไฟฟ้า
“แกโกรธอะไรอีก”ทับทิมเร่งฝีเท้าวิ่งขึ้นมาถามฉัน ที่ขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่สบอารมณ์
“ใครจะไปโกรธดาวโรงเรียนได้ล่ะคะ”ฉันแดกดัน แล้วเดินหน้ามุ่ยต่อไปโดยไม่สนใจใครเลยแม้แต่นิด
“แกพูดดีๆหน่อยนะ อย่ามาพาล”พลอยเริ่มมีน้ำโหในน้ำเสียง ดี แกจะได้รู้บ้าง ว่าฉันไม่ยอมตามใครง่ายๆ แกต้องได้รับอารมณ์โกรธของฉันในตอนนี้
“ฉันพูดคำหยาบตรงไหน”ฉันหันหลังไปประชันหน้า
“เราสองคนว่ากริ่งไปสงบสติก่อน แล้วค่อยมาพูดกันดีกว่า”ทับทิมกับพลอยพูดขึ้นพร้อมกัน ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ เพราะสองคนนี้แทบจะเป็นคนเดียวกันแล้ว ฉันยักไหล่ พลางหันหลังกลับ มุงหน้าเดินตรงไปเรื่อยโดยไม่มีฝีเท้าวิ่งตามมาเหมือนเมื่อครู่
----------
เอาละ หลังไม่ได้อัพหลายวันเนื่องด้วยเหตุผลหลายประการ
1.ไม่สบาย
2.ไปค่าย
3.ไม่ว่าง
4.แย่งคอมไม่สำเร็จ
5.แฮรี่เล่ม6เข้า
6.หัวตัน
เหตุผลที่สำคัญที่สุดคือแย่งคอมไม่ได้ ตอนแรกแย่งกับน้องสองคน ตอนนี้พี่เข้ามาแย่งกันอีก สนุกพิลึก กว่าจได้ใช้คอมนี่สิ เอฮ้อ รักคนอ่านน้า โสพะหน่อยเน้อ
----------
ไม่สบายค่ะ เป็นหวัดนิดหน่อยกินยาง่วงเลย หยุดเรียนมาสองวันแล้ว พรุ่งนี้จะไปค่ายกลับมาวันอังคารเรียนต่ออีก อิอิ แค่นี้ก่อนนะคะ รักคนอ่าน โพสๆๆหน่อยนะคะ
ฉันถอยหลังมาหนึ่งก้าวก่อนจะตอบด้วยเสียงปกติที่สุด
\"ฉันเพิ่งออกจากห้องพยาบาลมาเข้าแถวเอง พี่ฟลุททำแผลให้แล้ว\"
เขาพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเดินต่อไปอย่างช้าๆ ด้วยท่าทางที่เรียกได้ว่า ไม่เคยรีบร้อนอะไรเลยในชีวิต ยังไงซะโลกทั้งใบก็ต้องรอฉัน หน้านายตอนนี้ชวนเอาเท้าไปประทับเสียจริงๆ
\"นี่ๆ\"ฉันสะกิดหลังเขา มีคำถามนึงที่ฉันสงสัยตั้งแต่ตอนเข้าแถวแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้ถามเขาซักที
\"อะไร\"น้ำเสียงเขาดูรำคาญนิดๆ
\"ทำไมนายต้องเป็นห่วงฉันด้วยละ ในเมื่อตอนเช้า นายยังรำคาญฉันอยู่เลย\"ฉันพูดตรงๆไม่อ้อมค้อมเลยแม้แต่นิดเดียว จะว่าหน้าด้าน หรือเปล่าก็บอกไม่ถูก แต่ถ้าฉันมัวแต่ถ้าอ้อมโลกไปมา ฉันไม่แน่ใจว่าสติปัญญาของนายแคมป์จะมีมากพอที่จะเข้าใจได้หรือไม่ เลยต้องใช้คำพูดตรงๆเลยดีกว่าเนอะ
\"เป็นธรรมดา\"เขาตอบสั้นๆ แต่ไม่ได้ใจความ ฉันเกาหัวอย่างงงๆ แล้วก้าวเท้าให้ยาวที่สุดเท้าที่จะทำได้ นายนี่ท่าทางเดินเอื่อยๆ แต่ก้าวแต่ละก้าว ยาวชะมัด
\"ยังไง ไม่เคลียร์\"
\"นี่ ฉันก็เป็นห่วงทุกคนอยู่แล้ว\"เขาหยุดเดินแล้วมองหน้าฉัน
\"ยังไง นายเป็นห่วงทุกคน ไม่เคยเห็นนี่ว่านายจะห่วงใครมากกว่าตัวละครในเกมของนาย\"
\"นี่เธอ ฉันเห็นคนเจ็บใจคอไม่ให้เป็นห่วงได้ไง\"ฉันกำลังจะอ้าปากถามต่อ แต่เขากลับพูดต่ออย่างรวดเร็ว\"ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น ไปเรียนเหอะ\"เขาตัดบท
นี่ก็แปลก ไม่เห็นนายเคยจะสนใจเรียน นี่อะไร ไล่ให้ฉันไปเรียนเนี่ยนะ ท่าจะประสาทกลับละมั้งอย่างนี้ พูดไม่พูดไม่พูดเปล่า กลับเร่งฝีเท้าขึ้นไปอีก
ฉันรีบสาวเท้าให้ทันเขาเพื่อไปห้องเรียนทันที โอ้ย อารมณ์นายนี่มันขึ้นๆลงๆตลอดเลย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๊ยวหงุดหงิด เดี๋ยวอ่อนโยน
“ขออนุญาตเข้าห้องครับ”นายแคมป์พูด แล้วเดินเข้าไปโดยไม่รอคำอนุญาตจากอาจารย์ผู้สอนที่ยืนหัวโด่ อยู่เลยแม้แต่น้อย คาบนี้เรียนอะไรหว่า
“ขออนุญาตเข้าห้องค่ะ”ฉันพูดแล้วยืนรอคำอนุญาตจากอาจารย์
ฉันเหลือบตามองตารางสอนหลังห้อง เฮ้ย นี่มันคายไทยนี่หว่า ทำไมอาจารย์พรรณีถึงมายืนพูดอยู่หน้าห้องเนี่ย อาจารย์แกสอนภาษาอังกฤษไม่ใช่หรือไง
“เข้ามาสิ จะยืนอีกนานไหม”อาจารย์หันมาพูดกับฉันอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์
“เออ...คือ.....”
“อะไรของเธออีก ปุณฑรีก์”
“นี่ไม่ใช่คาบภาษาอังกฤษ”ฉันยกมือขึ้นเกาหัว
“แล้วทำไม”
“ก็อาจารย์สอนภาษาอังกฤษไม่ใช่หรอคะ”ฉันถามด้วยหน้าใสซื่อ
“ใช่ ฉันสอนภาษาอังกฤษ”
“แล้วทำไม...”
“อาจารย์ประจำชั้น จะโฮมรูมนักเรียนไม่ได้หรือไงจ๊ะ”อาจารย์ถาม พลางยิ้มอย่างที่ตัวเองคิดว่าสวยหยาดเยิ้มที่สุด เออ... เยิ้มไปด้วยยาพิษน่ะนะ
“อ้าว”
“เธออย่าบอกนะว่าเธอลืมอาจารย์ประจำชั้นของตัวเอง”อาจารย์เดินเข้ามา พลางเอานิ้วจิ้มหัวฉัน ความรู้หนูจะหายไปไหมเนี่ย
“คือว่า ...เปล่าค่ะ หนูจำได้ แต่ว่านี่มันคาบไทยไม่ใช่หรือคะ”ฉันชี้ไปที่ตารางสอน
“ไหน”อาจารย์มองตามมือฉัน เหล่าเพื่อนๆในห้องมองหน้ากันเลิกหลั่ก ซุบซิบกันใหญ่ บางคนก็มองหน้าฉันอย่างกับจะเอาไปฆ่า ส่วนยัยแฟร์ดูจะเป็นจะตายเสียเหลือเกิน
“ใครเปลี่ยนตารางสอน”อาจารย์พรรณีเอ่ยเสียงเข้ม พลางใช้สายตาเขียวปั๊ดกวาดมองไปทั่วห้อง
“เออ...”
“ใคร”อาจารย์ตวาดเสียงเข้ม ก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า “ถ้าไม่พูดฉันจะทำโทษทั้งห้อง”
“คือ......”เสียงจากเพื่อนในห้องคนนึงที่ฉันไม่เคยคุยด้วยเลยแม้แต่นิดดังขึ้น
“มีอะไรว่ามา นายพิฆาต”
“ผมชื่อภิชาตครับ คือว่า ผมเปลี่ยนเอง”เขาพูดแก้ชื่อตัวเองอย่างติดๆขัดๆแล้วยอมรับผิด น่าภูมิใจในตัวเขามาก หาน้อยนะคนเดี๋ยวนี้ที่จะยอมรับสิ่งที่ตัวเองทำผิด
“ดี ทำผิดยอมรับผิด หลังเลิกคาบนี้ ไปพบครูด้วย เอาละ ปุณฑรีก์ เธอไปนั่งที่ คาบนี้คาบโฮมรูม”อาจารย์พูดน้ำเสียงประชดใส่ฉัน ก่อนจะพูดต่อไปเรื่อยๆ
“นี่ๆ เธอกับแคมป์มีอะไรกันหรอ ถึงได้โดยอาจารย์อึ่งอ่างแกเรียกไป”แฟร์ถามทันทีที่ก้นฉันหย่อนลงบนเก้าอี้
“คือว่า ...”ฉันเล่าเหตุการณ์เมื่อเช้าทั้งหมดให้แฟร์ฟัง ยัยแฟร์เองก็นั่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ ทีเวลาเรียนไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลย ที่เรื่องคนอื่นตั้งใจเชียว
“ก็แค่นี้แหละ”
“แค่นี้เอง”ยัยแฟร์มองฉันอย่างไม่ค่อยเชื่อถือ
“ใช่ แต่เธอรู้ไหมว่าทำไมเขาต้องเป็นห่วงคนอื่นด้วย”ฉันถาม ยัยนี่น่าจะรู้เรื่องชาวบ้านดีกว่าคนอื่นๆที่ฉันรู้จัก มากกว่าพลอยกับทับทิมเสียอีก
“ไม่แปลกหรอก พ่อเขาเป็นหมอ”แฟร์ตอบคำถามของฉัน คำตอบยังคงงงๆอยู่ พ่อเขาเป็นหมอแล้วเกี่ยวอะไรกับลูกด้วย ฉันเลิกคิ้วขึ้นมองหน้าแฟร์
“โง่หรือฉลาดน้อยเนี่ย ไม่เคยได้ยินหรอ ว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นน่ะ พ่อเขาเป็นหมอใจดี ตอนเด็กๆเขาก็เห็นทุกวัน มันก็เลยฝังลึกในจิตใจ กลายเป็นนิสัยส่วนตัวไปเลย แต่พอโตขึ้น ก็มีสิ่งกระตุ้นต่างๆภายนอก ทำให้นิสัยภายนอกของเขาเปลี่ยนไป แต่บางส่วนที่ได้รับการปลูกฝังตั้งแต่เด็กก็ยังคงอยู่ไง ฉันนึกว่าเธอจะเก่งซะอีก ให้คนโง่อย่างฉันมาอธิบายอยู่ได้”แฟร์อธิบายยาวเหยียดแล้วแอบเหน็บฉันนิดๆในตอนท้าย
“มันก็ต้องมีมองข้ามกันไปบ้างแหละ ว่าแต่ เธอรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง”
“แหะๆ”แฟร์ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะพูดต่อ “แม่ฉันเป็นเพื่อนกับแม่นายแคมป์น่ะสิ”
“แล้วพ่อนายแคมป์เนี่ย ชะ...”ฉันอ้าปากจะถามต่อว่าพ่อนายแคมป์ชื่อะไร เผื่อจะเอามาล้อบ้าง พอสนุกปาก แต่เสียงที่แผดดังมาจากหน้าห้องทำเอาต้องหยุดชะงัก แล้วหันหน้ากลับไปทันที
“เธอสองคนน่ะ ฟังครูพูดอยู่หรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ”ไม่ใช่เสียงฉันนะ แต่เป็นเสียงของยัยแฟร์ที่ตอบไปเสียงดังฟังชัดซะยิ่งกว่าอะไรดี ทุกสายตาในห้องหันมาจับจ้องแฟร์ ฉันนี่แทบจะลงไปมุดใต้โต๊ะเลยทีเดียว
“เข้าห้องเรียนสาย แล้วยังจะมาพูดอีก ดีเลย เธอสองคนเป็นผู้จัดการ ทั้งออกแบบ วางตัวคนให้หาทีมงานตัด วย ให้เธอจัดการหมดเลยนะ”อาจารย์พูดฉอดๆ แล้วเดินออกไปจากห้องทันที ฉันกับแฟร์หันมามองหน้ากันโดยอัตโนมัติ
“อาจารย์พูดอะไรของแก”แฟร์เกาหัวแล้วถามฉันที่ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน
“ไม่รู้อะ เออ เก้าๆ รู้ไหมว่าเขาให้ทำอะไร”ฉันหันไปสะกิดเพื่อนผู้หญิงที่นั่งถัดไปจากนายแคมป์สองที่นั่ง
“อ๋อ แปลว่าไม่ได้ฟังจริงๆใช่ไหม ก็อาจารย์เขาประกาศเรื่องงานประกวดชุดแฟชั่นไง แต่ละห้องต้องส่งตัวแทนนางแบบ โดยใส่ชุดที่นักเรียนในห้องออกแบบกันเอง ตัดเย็บเอง”เก้าอธิบาย
“ห๊า งั้นฉันก็ต้องทำเองหมดเลยน่ะสิ”ฉันแหกปากลั่นอย่างตกใจ
“อ้าว ตะกี้ไม่ได้ฟังอาจารย์หรอ เอาเหอะ ก็เขาให้เธอเป็นคนจัดการ หมายถึงการแบ่งหน้าที่ การประสานงานอะไรพวกนี้ รวมทั้งการออกแบบชุดด้วย”เก้าอธิบายต่อด้วยน้ำเสียงปนความขบขันไว้นิดๆ
“เออๆ”ฉันพยักหน้า แล้วนั่งลงตามเดิม พลางหยิบหนังสือวิชาวิทยาศาสตร์ขึ้นมาเตรียมพร้อมเพื่อจะเรียน แต่จิตใจที่ไม่สงบและไร้สมาธิของฉันนี่สิ ปัญหาใหญ่
ฉันนั่งเหม่อตลอดคาบ โดยไม่ได้สนใจเลยว่าอาจารย์พูดอะไร สิ่งที่เข้าหู มันไม่ได้ซึมเข้าสมองเลยแม้แต่นิด มันทะลุผ่านออกหูอีกข้างไปอย่างง่ายดาย
“นี่ๆ กริ่ง ห้องแกใครใส่ชุดแฟชั่นอะ”พลอยถามขึ้นขณะที่เรากำลังนั่งโซ้ยมาม่าเป็นอาหารเที่ยงอย่างเอร็ดอร่อย
“ยังไม่รู้เลย พลอยได้ใส่หรอ”ฉันถามกลับ ด้วยเสียงเรียบๆ
“เปล่า อันที่จริงก็เกือบ แต่ว่าฉันปฎิเสธเสียงแข็งเลย”พลอยพูด มันก็ไม่แปลกหรอกถ้าพลอยจะได้ใส่ เพราะพลอยเป็นคนสวย ใครๆก็คงเลือกคนสวยๆใส่อยู่แล้ว ฉันคิด พลางฟังพลอยพูดต่อ
“ทับทิมต่างหาก ยัยนี่ไม่กล้าปฏิเสธ”พลอยพูด พลางเอานิ้วจิ้มหัวทับทิมเบาๆ อย่างแหย่เล่นๆ
“เอาเหอะ ยังไงก็ช่วยๆห้องหน่อย”ทับทิมพูดเบาๆ แต่ก็ยังสามารถได้ยินได้
“จ้า แม่พระ แล้วกริ่งออกแบบชุดใช่ไหม”พลอยหันไปพูดกับทับทิม ก่อนจะหันมาถามฉัน ฉันพยักหน้าน้อยๆ แล้วก้มลงกินต่อ โดยไม่สนใจยัยแฝดนรก
“แคมป์ๆมานั่งด้วยกันสิ”จู่ๆ เสียงจากยัยพลอยที่ตะโกนดังขึ้น ทำเอาฉันเงยหน้ามองทันทีทันใด โดยอัตโนมัติ พบกับนายแคมป์ที่กำลังถือจานข้าวราดคะน้าหมูกรอบ เดินเข้ามา
“ขอบใจ”นายแคมป์พูดขณะนั่งลงบนเก้าอี้ ฉันยังคงจ้องหน้าเขาเขม่ง
“เธอ ฉันไม่ได้หน้าเหมือนพี่ไก่จ๊วบหรอกนะ ไม่ต้องมองขนาดนั้น”เขาพูด
“ฉันแค่สงสัยว่านายมากินข้าวเป็นด้วยหรอ ทำไมนายไม่ไปตีโพริ่งหาแอปเปิ้ลกินล่ะ”ฉันเกิดอารมณ์อยากจะประชดขึ้นมา บวกกับความแปลกใจที่เห็นนายแคมป์กินข้าวกลางวันที่โรงอาหาร
ก็ปกตินายนี่เขาไม่กินอาหารกลางวันไปจองคอมพิวเตอร์ในห้องคอมเพื่อจะเล่นเกมไม่ใช่หรอ ทำไมวันนี้มากินข้าวที่นี่ได้ล่ะ
“เธอก็หาโพริ่งให้ได้ แล้วค่อยมาบอกฉัน ฉันจะได้ไปตีมา แต่ตอนนี้ขอกินข้าวก่อน หิว”เขาพูดเรียบๆ ทำเอาฉันสะอึก แล้วก้มหน้าก้มตากินอาหารชนิดหาสมบัติผู้ดีไม่
ฉันนั่งมองเขากินอาหารเรื่องๆ เพราะมาม่าของฉันเหลือแต่น้ำแกงแล้ว นายแคมป์นี่ก็หน้าตาไม่เลวแหะ แต่ทำไมกินได้น่าเกลียดอย่างนี้
“นี่นาย กินให้มันดีๆหน่อยไม่ได้หรือยังไง”ฉันเอ่ยปากถามอย่างระอา
“เอื่อง ออง อั้น”เขาพูดทั้งๆที่ข้าวเต็มปาก แล้วก้มหน้ากินต่ออย่างไม่สนใจใคร ชิ นายบ้า มาขอนั่งร่วมโต๊ะกนสุภาพสตรี แล้วยังจะมูมมาม
“นาย พูดอะไรฉันไม่รู้เรื่อง อีกอย่างนะ เวลากินอาหารกับคนอื่นเนี่ย หัดมีมารยาทซะบ้าง”ฉันพูดอย่างจริงๆจังๆ
นายแคมป์เงยหน้าขึ้นกลืนอาหารลงคออย่างลำบากยากเย็นเพราะมันเต็มปากไปหมด ก่อนจะคว้าน้ำมาดื่มอึกๆ แล้วพูดกับฉันด้วยเสียงชัดถ้อยชัดคำ
“แล้วที่เธอนั่งมองคนอื่นกินข้าว แล้วยังมาด่าเขาเนี่ย เรียกว่ามีมารยาทมากนักหรือยังไง”
“นี่นาย”ฉันลุกขึ้นยืน พลางอ้าปากจะด่า แต่ด่าไม่ออก แล้วหนหน้าไปหาพลอยและทับทิมแทน “ไปเหอะ ไม่อยากอยู่กับคนไร้มารยาท”ว่าแล้วฉันก็จ้ำออกไปทันที โดยไม่รอสองสาวฝาแฝดเลย
“นี่ กริ่ง แกต้องจับไอ้แคมป์นะโว้ย ไม่ใช่ด่ามันฉอดๆ แล้ววิ่งออกมาอย่างนี้”พลอยวิ่งกระหืดกระหอบตามหลังฉันมาจนทัน แล้วออกปากต่อว่าทันที
“ใช่ๆ กริ่งไม่ควรไปว่าแคมป์อย่างนั้นนะ”ทับทิมพูดบ้าง
“เชิญเข้าข้างกันตามสบายเลย”ฉันกระแทกเสียง แล้วเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เพื่อนรักฉันไม่เข้าข้างฉันเลย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้สองคนนี่ยังไม่ชอบหน้านายแคมป์อยู่เลย
สรุปได้ว่า มันเห็นแก่ตัว
เพราะถ้าฉันจีบนายแคมป์สำเร็จ ทับทิมก็จะไม่ต้องคบกับโต๊ะ
ส่วนพลอยก็ไม่ต้องมีน้องเขยเป็นเสาไฟฟ้า
“แกโกรธอะไรอีก”ทับทิมเร่งฝีเท้าวิ่งขึ้นมาถามฉัน ที่ขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่สบอารมณ์
“ใครจะไปโกรธดาวโรงเรียนได้ล่ะคะ”ฉันแดกดัน แล้วเดินหน้ามุ่ยต่อไปโดยไม่สนใจใครเลยแม้แต่นิด
“แกพูดดีๆหน่อยนะ อย่ามาพาล”พลอยเริ่มมีน้ำโหในน้ำเสียง ดี แกจะได้รู้บ้าง ว่าฉันไม่ยอมตามใครง่ายๆ แกต้องได้รับอารมณ์โกรธของฉันในตอนนี้
“ฉันพูดคำหยาบตรงไหน”ฉันหันหลังไปประชันหน้า
“เราสองคนว่ากริ่งไปสงบสติก่อน แล้วค่อยมาพูดกันดีกว่า”ทับทิมกับพลอยพูดขึ้นพร้อมกัน ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ เพราะสองคนนี้แทบจะเป็นคนเดียวกันแล้ว ฉันยักไหล่ พลางหันหลังกลับ มุงหน้าเดินตรงไปเรื่อยโดยไม่มีฝีเท้าวิ่งตามมาเหมือนเมื่อครู่
----------
เอาละ หลังไม่ได้อัพหลายวันเนื่องด้วยเหตุผลหลายประการ
1.ไม่สบาย
2.ไปค่าย
3.ไม่ว่าง
4.แย่งคอมไม่สำเร็จ
5.แฮรี่เล่ม6เข้า
6.หัวตัน
เหตุผลที่สำคัญที่สุดคือแย่งคอมไม่ได้ ตอนแรกแย่งกับน้องสองคน ตอนนี้พี่เข้ามาแย่งกันอีก สนุกพิลึก กว่าจได้ใช้คอมนี่สิ เอฮ้อ รักคนอ่านน้า โสพะหน่อยเน้อ
----------
ไม่สบายค่ะ เป็นหวัดนิดหน่อยกินยาง่วงเลย หยุดเรียนมาสองวันแล้ว พรุ่งนี้จะไปค่ายกลับมาวันอังคารเรียนต่ออีก อิอิ แค่นี้ก่อนนะคะ รักคนอ่าน โพสๆๆหน่อยนะคะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น