ลำดับตอนที่ #15
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : คืบหน้า
ฉันวิ่งเข้าที่ในแถวทันที ก่อนที่จะถูกยัยสองคนนั่นคาดคั้นอะไรไปมากกว่านี้ น่ารำคาญจะตายไป นานๆทีฉันถึงจะมีโอกาสได้ยั่วอารมณ์พวกนั้นบ้าง ปกติ พลอยมักจะรู้ทันฉันตลอด จนแค่ขยับ มันก็รู้แล้วว่าฉันจะทำอะไร
หนักใจ
\"นักเรียนทั้งหมด ตรง\"เสียงจากประธานนักเรียนสุดหล่อ เจ้าของสมญานาม เป๊ปซี่ไอซ์ที่พี่ฟลุทเรียกนั่นเอง
ทั้งโรงเรียนพร้อมใจกันเงียบกริบ
\"เคารพธงชาติ\"สิ้นเสียงท่านประธานนักเรียน วงแบนด์เก็เริ่มบรรเลงเพลงชาติไทยทันที เสียงกลองดังได้ใจมากมายเลย เพราะมันอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลไปจากฉันซักเท่าไหร่
บอกตามตรงว่าฉันไม่ได้ตั้งใจร้องเพลงชาติเท่าที่ควรเลย เพราะเอาแต่มองหน้าพี่บลูประธานนักเรียนที่นำสวดมนตร์อยู่ตลอด พร้อมๆกับความคิดที่ลอยละล่องไปไกลทีเดียว
ทำไม พี่สองคนนี้เขาถึงคบกัน
ทำไมพี่ฟลุทพูดเหมือนไม่แคร์สายตาใคร
ทำไมพี่ฟลุทบอกว่า พี่ชัชเป็นแค่เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรพิเศษนอกจากเล่นกีฬาเป็น ทั้งๆที่พี่ชัชออกจะเก่ง
ทำไมพี่ฟลุทถึงพูดว่าตัวเองได้
แล้วทำไม....
ฉันต้องไปยุ่งเรื่องของเขาด้วย
ฉันส่ายหัวสลัดความคิด ต่อมความอยากรู้อยากเห็นทำงานตามสัญชาตญาณ แต่มันทำให้ฉันรู้สึกไม่ดี ที่เอาเรื่องชาวบ้านมาคิดอย่างนี้ ไม่ดีเลยจริงๆ แต่ใจฉันตอนนี้ ไม่อยากท่องคำปฏิญาณตนตามออกมาจากปากของพี่บลูเลยแม้แต่นิด ฉันสอดส่ายสายตามองไปทั่ว แล้วต้องสะดุด เมื่อเห็นว่าใครมายืนข้างฉัน
นายแคมป์
ฉันจ้องหน้าเขา ปกติเขาจะต้องยืนเยื้องไปข้างหลังกว่านี้ แต่ทำไมคราวนี้กลับมายืนอยู่ข้างๆฉันเลยละ
“นี่นาย ทำไมไม่เข้าที่ละ มาทำอะไรอยู่ตรงนี้”ฉันกระซิบถาม
“....”
“นาย”
“.....”
ฉันเริ่มชักจะหมดความอดทนแล้ว มองซ้ายมองขวา อาจารย์ไม่มี ฉันเลยถ่องเขาเบาๆ โดยลืมไปว่า แขนของฉัน ยังพันผ้าพันแผลไว้อยู่เลย
“โอ้ย”ฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บ
“เป็นอะไร”ได้ผลนายแคมป์หันมาพูดกับฉัน ด้วยเสียงตกใจ เออ...อันที่จริงคนโดนถ่องน่าจะเจ็บ แต่ฉันเจ็บแผลนี่นา เอาเหอะ คุ้มเมื่อคิดว่านายนี่ยอมลดตัวมาพูดด้วย
“เจ็บอะ”ฉันทำหน้าน่าสงสารสุดๆ
“โดนอะไรละ”เขาจับหมับเข้าที่แผลพอดีเป๊ะ ให้ตายสิ เจ็บชะมัด ฉันร้องครางออกมาเบาๆ ทำให้เขาสะบัดมือออกทันที แล้วยกแขนฉันขึ้น
“เจ็บมากไหม”ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างนายแคมป์จะมีแววตาอ่อนโยนได้ขนาดนี้ ไม่รู้เพราะอะไร ฉันก้มหน้าหลบสายตาเขาทันที
“มากสิ”ฉันตอบ
“ยังไม่บอกเลยว่าโดนอะไร”
“นายแคร์หรือ ไม่เห็นนายคิดจะพูดกับฉันซักคำ”
“นี่ ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเธอนะ เธอมาพูดอย่างนี้ได้ไง พูดอย่างกับน้อยใจแฟน”เขาพูดเรียบๆ พลางจับแขนฉันอย่างเบามือ
“ไอ้บ้า”ฉันว่า ต่อให้ผู้ชายที่จับแขนฉันอยู่หน้าตาน่าเกลียดแค่ไหน แต่ถ้าเขามีแววตาอย่างนี้ คำพูดเช่นนี้ น้ำเสียงเช่นนี้ ฉันจะรู้สึกเขินขนาดนี้ไหมนะ
“อ้าวว่ากันอีก นี่ใครทำแผลให้เนี่ย ทำไมเลือดยังซึมอยู่เลย เขาไม่ได้ห้ามเลือดไว้ก่อนหรือไงนะ”นายแคมป์ส่ายหน้า แล้วทำท่าจะถกแขนเสื้อฉันขึ้น
ฉันนิ่งทำอะไรไม่ถูก เกิดมานอกจากพี่ชายสองคน พ่อ และญาติ ก็ไม่ค่อยมีผู้ชายหน้าไหน มีท่าทางเป็นห่วงเป็นใยฉันอย่างนี้ ฉันรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวที่แผ่กระจายไปทั่วใบหน้าอย่างช้าๆ หน้าฉันตอนนี้ คงแดงยิ่งกว่าดอกชบาแน่ๆเลย
“เฮ้ย นั่นทำอะไรกันน่ะ”เสียงห้าวๆใหญ่ๆดังขึ้นจากข้างหลัง
ฉันหันขวับไปตามต้นกำเนิดเสียง ทันทีที่พบใบหน้าของเจ้าของเสียง เสียงไซเรนก็ดังขึ้นในหัวฉันทันที โดยอัตโนมัติ
ตายแน่ ตายแน่ ตายแน่ ตายแน่~~~
ท่าอาจารย์วีรชัย ยืนจ้องฉันกับนายแคมป์นิ่ง หน้าอาจารย์เขาเหมือนกบอยู่แล้ว ตัวพองๆ(อ้วนๆ) อาจารย์ขา อึ่งอ่างชัดๆ แต่ว่า ความโหดของอาจารย์ไม่ใช่แค่หางอึ่งสิคะ ยิ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ชายหญิง ยิ่งแล้วใหญ่ แกมองฉันอย่างนี้ สงสัยคิดไปไกลแล้วแน่เลย
“พวกเธอทำอะไร นี่ในแถวนะ”อาจารย์แกชี้นิ้วมาที่แขนฉัน ที่นายแคมป์ถกแขนเสื้อของฉันขึ้นไปเลยข้อศอกแล้ว ฉันรีบดึงมือออกแล้วรูดแขนเสื้อลงทันที สายตานักเรียนทั้งหลายจ้องมาที่ฉันอย่างสนใจ
ไอ้อยากเด่นก็อยากอยู่หรอกนะ แต่ว่าไม่ใช่สถานการณ์อย่างนี้สิ ฉันไม่เอา
“เปล่านี่ฮะ”นายแคมป์ยกมือขึ้นหัว
“แล้วที่เธอสองคนทำน่ะอะไร”
“อาจารย์ค่ะ ในแถว”เสียงอาจารย์ผู้หญิงที่ฉันไม่คุ้นหน้าเลย สงสัยจะสอนม.5-6แน่เลย
“เธอสองคน จบแถวแล้วตามฉันมา คนอื่นหันมามองทำไมฟังสิ เขาประกาศอะไรอยู่”อาจารย์วีรชัยเริ่มเสียงดังขึ้น ทำเอานักเรียนทั้งหลายสะดุ้งหันกลับไปฟังพี่บลูสุดหล่อประกาศต่อทันที
ให้ตายเหอะ นี่ฉันจะซวยอะไรนักหนาเนี่ย
หลังจากการเข้าแถวอันแสนน่าเบื่อหน่าย นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันภาวนาให้การเข้าแถวผ่านไปอย่างเชื่องช้าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ทำไมทุกครั้งที่เราต้องการให้เวลาเคลื่อนคล้อยไปอย่างช้าๆ เวลามักจะผ่านไปเร็วอยู่เสมอ
ครั้งนี้ก็เช่นกัน
“นักเรียนทั้งหมด เข้าชั้นเรียนได้”เสียงนรกจากอาจารย์เสื้อสีเหลืองอ๋อยหน้าไมค์พูดขึ้น
ฉันมองไปทิศทางที่นายแคมป์ยืนอยู่ นายนั่นล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลยแม้แต่นิด ผิดกับฉันที่เริ่มจะสั่นๆขึ้นมาแล้วสิเนี่ย
“นี่ๆ”ฉันจิ้มแขนนายนั่น
“ไปกัน”เขาพูดสั้นๆ แต่ได้ใจความยาวเหยียด ฉันปล่อยให้ตัวเองถูกเขาลากไปตามทาง ในใจสวดมนตร์ภาวนาให้เกิดปาฏิหาริย์ ไม่งั้นฉันได้ตายคาห้องอาจารย์แกแน่ๆ
นายแคมป์ลากฉันมาเรื่อยๆ จนถึงห้องอาจารย์วีรชัย น่าสงสัยว่านายนี่ไม่กลัวอาจารย์อึ่งอ่างบ้างหรือไงกันนะ เห็นจ้ำพรวดลูกเดียวเลย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
นายแคมป์อีกนั่นแหละที่เคาะประตูห้องอาจารย์เมื่อเดินมาถึง ฉันเองมองซ้ายมองขวาหาอาจารย์ท่านอื่นเป็นที่พึ่งทันทีอย่างหวาดหวั่น
“เธอกลัวอะไรนักหนา มาสิ เข้าไปเหอะ”นายแคมป์มองหน้าฉันอย่างหมิ่นๆ พลางเปิดประตูเข้าไป
“ฉันไม่ได้ทำผิดบ่อยๆนี่นา”ฉันเถียงเบาๆ
“เธอสองคนจะยืนอยู่หน้าประตูอีกนานไหม”เสียงอาจารย์อึ่งอ่างที่เคารพรักอย่างสูงดังขึ้น
“ไม่นานหรอฮะ”นายแคมป์ตอบ แล้วหันมาพูดกับฉันต่อ นายนี่กล้าดีแหะ อย่างว่าว่าคนมันคงเคยทำผิดบ่อยจนชิน ฉันสิ นานทีปีหน เสียประวัติหมดเลย
“เธอยังไม่บอกเลยว่าแผลนี่ได้จากไหน”เขาถาม
“พวกเธอสองคนหยุดคุยกันได้แล้ว”อาจารย์อึ่งอ่างแกยังคงพยายามสั่งเราสองคน ฉันมองหน้าอาจารย์แล้วหันกลับมามองนายแคมป์
“เดี๋ยวสิฮะ ไหนมาบอกมาก่อน”ประโยคแรกเขาหันไปต่อรองกับอาจารย์ ส่วนประโยคหลังเขาหันมากระซิบกับฉัน
“เดี๋ยวเล่าได้ไหม อาจารย์เขารอนานแล้วนะ”ฉันพูดกับนายแคมป์ที่ทำหน้าเบื่อหน้า ก่อนจะพยักหน้ารับ แล้วเดินตรงไปหาอาจารย์
“พวกเธอสองคนเป็นอะไรกัน”อาจารย์ยิงคำถามแรก
“ไม่มีใครเป็นอะไรนี่ฮะ สบายดี นอกจากยัยนี่ เป็นแผลที่แขนนิดหน่อย”นายแคมป์ตอบอย่างกวนประสาทที่สุด
“ตอบให้ตรง”อาจารย์เอ่ยเสียงเข้ม
“แล้วไม่ตรงตรงไหนครับ อาจารย์บอกว่าเป็นอะไรกัน ก็ผมบอกไปแล้วว่าสบายดีไง”นายแคมป์พูดด้วยท่าทางสบายๆไม่เดือดเนื้อร้อนใจ แต่ฉันรู้สึกร้อนรนมาก
“ถ้าอย่างนั้นถามใหม่ว่าพวกเธอสงคนมีความสัมพันธ์กันยังไง”อาจารย์อึ่งอ่างถามเสียงเข้มกว่าเดิม พร้อมๆกับพองตัวไปด้วยในเวลาเดียวกัน อึ่งอ่างขึ้นอืดครับท่าน น่ากลัวชะมัด
“เพื่อนร่วมห้อง”นายแคมป์ตอบไม่มีหางเสียง
“ขนาดจับมือถือแขนเนี่ยนะ”
“ครับ อาจารย์อย่าเป็นหนูโบฯได้ปะ คือว่าเราก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยหรือว่าอะไรมากกว่านั้นซะหน่อย แค่เขาเป็นแผลที่ต้นแขน แล้วผมจะเปิดดูแค่นั้นเอง”ตาย นายแคมป์ นายไปว่าอาจารย์เขาเป็นหนูโบฯเลยหรือ ตายแน่ๆ
“นี่ นายคนนี้ไม่มีสัมมาคารวะเอาซะเลย ไหนละแผล”อาจารย์หันมาถามฉัน
ฉันอิดออด ก็จะให้เปิดให้ดูกันง่ายๆหรอ แผลมันอยู่บนมาก ต้องถอดเสื้อเลยนะ ฉันสบตานายแคมป์อย่างอ้อนวอนสุดฤทธิ์
“อาจารย์ลามก จะไปขอดูเขาได้ไง มันอยู่ลึกมาก หรือว่าที่แท้ก็เฒ่าหัวงู”มีใครเคยบอกนายไหมแคมป์ว่านายอาจจะตายเพราะปาก ฉันให้ช่วยพูดอะไรซักอย่าง แต่นายไปว่าอาจารย์เลยนะนั่น
“เธอ”อาจารย์ลุกขึ้นตวาดชี้หน้านายแคมป์ หน้าอาจารย์เปลี่ยนจากสีแดงเข้ม กลายเป็นสีม่วงไปซะแล้ว
เหมือนอึ่งอ่างถูกย้อมสีเลย
“เธอสองคนไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฉันจะหักคะแนนความประพฤติของพวกเธอสองคน ชื่ออะไรมาเขียนไว้ซะ แล้วเย็นนี้อย่าลืม ฉันจะทำโทษให้พวกเธอช่วยคนสวนตัดหญ้า”สิ้นเสียงนายแคมป์เองก็ยอมแพ้ เดินตรงไปเขียนขึ้นทันทีอย่างว่าง่ายที่สุด
ว่าง่ายจนแปลกประหลาด
ฉันก้มหน้าลงจะเขียนชื่อตัวเองลงบนกระดาษใบเดียวกัน แล้วก็ต้องสะดุดกับอะไรบางอย่าง
‘นายอัครพล มิ่งเมือง ม.6/10’
มันไม่ใช่ชื่อนายแคมป์นี่นา ฉันเงยหน้าขึ้นมองหน้านายแคมป์ที่จ้องฉันอยู่ก่อนแล้ว
“มั่วชื่อเลย เอาให้ม.6/10เหมือนกันแล้วกัน”เขาก้มหน้าลงมากระซิบข้างหูฉัน มิน่า นายนี่ถึงดูกล้านัก ที่แท้ความผิดก็ไม่เข้าตัวเลย
ชื่ออะไรดีหว่า ฉันจ้องกระดาษเปล่าซักพัก แล้วตัดสินใจเขียนลงไป
ฉันจัดการพับกระดาษใบนั่นส่งให้อาจารย์ แล้วรีบดึงนายแคมป์ชิ่งออกมาทันที อย่างรวดเร็วที่สุดเพราะกลัวอาจารย์แกจะเปิดกระดาษออก
“ทำไมต้องรีบด้วย”เขามองหน้าฉันอย่างงงๆ แต่วิ่งตามแรงดึงฉันมา
“เดี๋ยวอาจารย์จับได้”ฉันตอบ
“จับอะไร”
“จับได้ว่านายกับฉันมั่วชื่อไงฉันตอบพลางชะลอฝีเท้าเมื่อเห็นว่าใกล้ถึงห้องตัวเองแล้ว
“ยังไง”เขายังทำหน้าเป็นเครื่องหมายปรัศนีย์
“ชื่อที่ฉันเขียน.....”
“เธอเขียนชื่อว่าอะไรหรอ”เขาถามก่อนที่ฉันจะพูดจบประโยคเสียอีก
ฉันหัวเราะออกมาดังลั่น แทบจะลงไปกลิ้งกับพื้นเมื่อนึกถึงชื่อที่เขียนลงไปในใบนั่น
‘นางสาวอึ่งอ่าง นามสมมุติ ม.6/10’
----------
แก้คำผิดค่า
---------------------
สวัสดีค่า
แหะๆ หายไปนานเลย ไม่ได้อู้นะ ไม่ได้ขี้เกียจด้วยแต่ว่า เราไปเข้าค่ายยุวกาชาดมา 3วัน 2คืน ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ อดเรียนพิเศษเลย แล้วก็ไม่ได้แตะคอมเลยด้วยค่ายค่อนข้างเซ็ง เราเบื่อๆ จะหลับแหล่ ไม่หลับแหล่ กลับมาปุ๊บ ก็กินขนม อาบน้ำ มาอัพเลยนะ แต่ว่าแค่นี้ก่อนได้ไม่คะ ง่วงมา อยู่ค่ายได้นอนตี1มั้ง ตื่นตี5 ปกติเราต้องนอน10ชั่วโมงไม่งั้นไม่ตื่น แทบตาย สงสัยอาจจะไม่สบาย เป้นหวัด อากาศเย็นสบายดี แต่เย็นเกินไปหน่อย วิทยากรพูดมากไปนิด รักคนอ่านน้า
โพสด้วยนะคะ
หนักใจ
\"นักเรียนทั้งหมด ตรง\"เสียงจากประธานนักเรียนสุดหล่อ เจ้าของสมญานาม เป๊ปซี่ไอซ์ที่พี่ฟลุทเรียกนั่นเอง
ทั้งโรงเรียนพร้อมใจกันเงียบกริบ
\"เคารพธงชาติ\"สิ้นเสียงท่านประธานนักเรียน วงแบนด์เก็เริ่มบรรเลงเพลงชาติไทยทันที เสียงกลองดังได้ใจมากมายเลย เพราะมันอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลไปจากฉันซักเท่าไหร่
บอกตามตรงว่าฉันไม่ได้ตั้งใจร้องเพลงชาติเท่าที่ควรเลย เพราะเอาแต่มองหน้าพี่บลูประธานนักเรียนที่นำสวดมนตร์อยู่ตลอด พร้อมๆกับความคิดที่ลอยละล่องไปไกลทีเดียว
ทำไม พี่สองคนนี้เขาถึงคบกัน
ทำไมพี่ฟลุทพูดเหมือนไม่แคร์สายตาใคร
ทำไมพี่ฟลุทบอกว่า พี่ชัชเป็นแค่เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรพิเศษนอกจากเล่นกีฬาเป็น ทั้งๆที่พี่ชัชออกจะเก่ง
ทำไมพี่ฟลุทถึงพูดว่าตัวเองได้
แล้วทำไม....
ฉันต้องไปยุ่งเรื่องของเขาด้วย
ฉันส่ายหัวสลัดความคิด ต่อมความอยากรู้อยากเห็นทำงานตามสัญชาตญาณ แต่มันทำให้ฉันรู้สึกไม่ดี ที่เอาเรื่องชาวบ้านมาคิดอย่างนี้ ไม่ดีเลยจริงๆ แต่ใจฉันตอนนี้ ไม่อยากท่องคำปฏิญาณตนตามออกมาจากปากของพี่บลูเลยแม้แต่นิด ฉันสอดส่ายสายตามองไปทั่ว แล้วต้องสะดุด เมื่อเห็นว่าใครมายืนข้างฉัน
นายแคมป์
ฉันจ้องหน้าเขา ปกติเขาจะต้องยืนเยื้องไปข้างหลังกว่านี้ แต่ทำไมคราวนี้กลับมายืนอยู่ข้างๆฉันเลยละ
“นี่นาย ทำไมไม่เข้าที่ละ มาทำอะไรอยู่ตรงนี้”ฉันกระซิบถาม
“....”
“นาย”
“.....”
ฉันเริ่มชักจะหมดความอดทนแล้ว มองซ้ายมองขวา อาจารย์ไม่มี ฉันเลยถ่องเขาเบาๆ โดยลืมไปว่า แขนของฉัน ยังพันผ้าพันแผลไว้อยู่เลย
“โอ้ย”ฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บ
“เป็นอะไร”ได้ผลนายแคมป์หันมาพูดกับฉัน ด้วยเสียงตกใจ เออ...อันที่จริงคนโดนถ่องน่าจะเจ็บ แต่ฉันเจ็บแผลนี่นา เอาเหอะ คุ้มเมื่อคิดว่านายนี่ยอมลดตัวมาพูดด้วย
“เจ็บอะ”ฉันทำหน้าน่าสงสารสุดๆ
“โดนอะไรละ”เขาจับหมับเข้าที่แผลพอดีเป๊ะ ให้ตายสิ เจ็บชะมัด ฉันร้องครางออกมาเบาๆ ทำให้เขาสะบัดมือออกทันที แล้วยกแขนฉันขึ้น
“เจ็บมากไหม”ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างนายแคมป์จะมีแววตาอ่อนโยนได้ขนาดนี้ ไม่รู้เพราะอะไร ฉันก้มหน้าหลบสายตาเขาทันที
“มากสิ”ฉันตอบ
“ยังไม่บอกเลยว่าโดนอะไร”
“นายแคร์หรือ ไม่เห็นนายคิดจะพูดกับฉันซักคำ”
“นี่ ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเธอนะ เธอมาพูดอย่างนี้ได้ไง พูดอย่างกับน้อยใจแฟน”เขาพูดเรียบๆ พลางจับแขนฉันอย่างเบามือ
“ไอ้บ้า”ฉันว่า ต่อให้ผู้ชายที่จับแขนฉันอยู่หน้าตาน่าเกลียดแค่ไหน แต่ถ้าเขามีแววตาอย่างนี้ คำพูดเช่นนี้ น้ำเสียงเช่นนี้ ฉันจะรู้สึกเขินขนาดนี้ไหมนะ
“อ้าวว่ากันอีก นี่ใครทำแผลให้เนี่ย ทำไมเลือดยังซึมอยู่เลย เขาไม่ได้ห้ามเลือดไว้ก่อนหรือไงนะ”นายแคมป์ส่ายหน้า แล้วทำท่าจะถกแขนเสื้อฉันขึ้น
ฉันนิ่งทำอะไรไม่ถูก เกิดมานอกจากพี่ชายสองคน พ่อ และญาติ ก็ไม่ค่อยมีผู้ชายหน้าไหน มีท่าทางเป็นห่วงเป็นใยฉันอย่างนี้ ฉันรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวที่แผ่กระจายไปทั่วใบหน้าอย่างช้าๆ หน้าฉันตอนนี้ คงแดงยิ่งกว่าดอกชบาแน่ๆเลย
“เฮ้ย นั่นทำอะไรกันน่ะ”เสียงห้าวๆใหญ่ๆดังขึ้นจากข้างหลัง
ฉันหันขวับไปตามต้นกำเนิดเสียง ทันทีที่พบใบหน้าของเจ้าของเสียง เสียงไซเรนก็ดังขึ้นในหัวฉันทันที โดยอัตโนมัติ
ตายแน่ ตายแน่ ตายแน่ ตายแน่~~~
ท่าอาจารย์วีรชัย ยืนจ้องฉันกับนายแคมป์นิ่ง หน้าอาจารย์เขาเหมือนกบอยู่แล้ว ตัวพองๆ(อ้วนๆ) อาจารย์ขา อึ่งอ่างชัดๆ แต่ว่า ความโหดของอาจารย์ไม่ใช่แค่หางอึ่งสิคะ ยิ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ชายหญิง ยิ่งแล้วใหญ่ แกมองฉันอย่างนี้ สงสัยคิดไปไกลแล้วแน่เลย
“พวกเธอทำอะไร นี่ในแถวนะ”อาจารย์แกชี้นิ้วมาที่แขนฉัน ที่นายแคมป์ถกแขนเสื้อของฉันขึ้นไปเลยข้อศอกแล้ว ฉันรีบดึงมือออกแล้วรูดแขนเสื้อลงทันที สายตานักเรียนทั้งหลายจ้องมาที่ฉันอย่างสนใจ
ไอ้อยากเด่นก็อยากอยู่หรอกนะ แต่ว่าไม่ใช่สถานการณ์อย่างนี้สิ ฉันไม่เอา
“เปล่านี่ฮะ”นายแคมป์ยกมือขึ้นหัว
“แล้วที่เธอสองคนทำน่ะอะไร”
“อาจารย์ค่ะ ในแถว”เสียงอาจารย์ผู้หญิงที่ฉันไม่คุ้นหน้าเลย สงสัยจะสอนม.5-6แน่เลย
“เธอสองคน จบแถวแล้วตามฉันมา คนอื่นหันมามองทำไมฟังสิ เขาประกาศอะไรอยู่”อาจารย์วีรชัยเริ่มเสียงดังขึ้น ทำเอานักเรียนทั้งหลายสะดุ้งหันกลับไปฟังพี่บลูสุดหล่อประกาศต่อทันที
ให้ตายเหอะ นี่ฉันจะซวยอะไรนักหนาเนี่ย
หลังจากการเข้าแถวอันแสนน่าเบื่อหน่าย นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันภาวนาให้การเข้าแถวผ่านไปอย่างเชื่องช้าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ทำไมทุกครั้งที่เราต้องการให้เวลาเคลื่อนคล้อยไปอย่างช้าๆ เวลามักจะผ่านไปเร็วอยู่เสมอ
ครั้งนี้ก็เช่นกัน
“นักเรียนทั้งหมด เข้าชั้นเรียนได้”เสียงนรกจากอาจารย์เสื้อสีเหลืองอ๋อยหน้าไมค์พูดขึ้น
ฉันมองไปทิศทางที่นายแคมป์ยืนอยู่ นายนั่นล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลยแม้แต่นิด ผิดกับฉันที่เริ่มจะสั่นๆขึ้นมาแล้วสิเนี่ย
“นี่ๆ”ฉันจิ้มแขนนายนั่น
“ไปกัน”เขาพูดสั้นๆ แต่ได้ใจความยาวเหยียด ฉันปล่อยให้ตัวเองถูกเขาลากไปตามทาง ในใจสวดมนตร์ภาวนาให้เกิดปาฏิหาริย์ ไม่งั้นฉันได้ตายคาห้องอาจารย์แกแน่ๆ
นายแคมป์ลากฉันมาเรื่อยๆ จนถึงห้องอาจารย์วีรชัย น่าสงสัยว่านายนี่ไม่กลัวอาจารย์อึ่งอ่างบ้างหรือไงกันนะ เห็นจ้ำพรวดลูกเดียวเลย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
นายแคมป์อีกนั่นแหละที่เคาะประตูห้องอาจารย์เมื่อเดินมาถึง ฉันเองมองซ้ายมองขวาหาอาจารย์ท่านอื่นเป็นที่พึ่งทันทีอย่างหวาดหวั่น
“เธอกลัวอะไรนักหนา มาสิ เข้าไปเหอะ”นายแคมป์มองหน้าฉันอย่างหมิ่นๆ พลางเปิดประตูเข้าไป
“ฉันไม่ได้ทำผิดบ่อยๆนี่นา”ฉันเถียงเบาๆ
“เธอสองคนจะยืนอยู่หน้าประตูอีกนานไหม”เสียงอาจารย์อึ่งอ่างที่เคารพรักอย่างสูงดังขึ้น
“ไม่นานหรอฮะ”นายแคมป์ตอบ แล้วหันมาพูดกับฉันต่อ นายนี่กล้าดีแหะ อย่างว่าว่าคนมันคงเคยทำผิดบ่อยจนชิน ฉันสิ นานทีปีหน เสียประวัติหมดเลย
“เธอยังไม่บอกเลยว่าแผลนี่ได้จากไหน”เขาถาม
“พวกเธอสองคนหยุดคุยกันได้แล้ว”อาจารย์อึ่งอ่างแกยังคงพยายามสั่งเราสองคน ฉันมองหน้าอาจารย์แล้วหันกลับมามองนายแคมป์
“เดี๋ยวสิฮะ ไหนมาบอกมาก่อน”ประโยคแรกเขาหันไปต่อรองกับอาจารย์ ส่วนประโยคหลังเขาหันมากระซิบกับฉัน
“เดี๋ยวเล่าได้ไหม อาจารย์เขารอนานแล้วนะ”ฉันพูดกับนายแคมป์ที่ทำหน้าเบื่อหน้า ก่อนจะพยักหน้ารับ แล้วเดินตรงไปหาอาจารย์
“พวกเธอสองคนเป็นอะไรกัน”อาจารย์ยิงคำถามแรก
“ไม่มีใครเป็นอะไรนี่ฮะ สบายดี นอกจากยัยนี่ เป็นแผลที่แขนนิดหน่อย”นายแคมป์ตอบอย่างกวนประสาทที่สุด
“ตอบให้ตรง”อาจารย์เอ่ยเสียงเข้ม
“แล้วไม่ตรงตรงไหนครับ อาจารย์บอกว่าเป็นอะไรกัน ก็ผมบอกไปแล้วว่าสบายดีไง”นายแคมป์พูดด้วยท่าทางสบายๆไม่เดือดเนื้อร้อนใจ แต่ฉันรู้สึกร้อนรนมาก
“ถ้าอย่างนั้นถามใหม่ว่าพวกเธอสงคนมีความสัมพันธ์กันยังไง”อาจารย์อึ่งอ่างถามเสียงเข้มกว่าเดิม พร้อมๆกับพองตัวไปด้วยในเวลาเดียวกัน อึ่งอ่างขึ้นอืดครับท่าน น่ากลัวชะมัด
“เพื่อนร่วมห้อง”นายแคมป์ตอบไม่มีหางเสียง
“ขนาดจับมือถือแขนเนี่ยนะ”
“ครับ อาจารย์อย่าเป็นหนูโบฯได้ปะ คือว่าเราก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยหรือว่าอะไรมากกว่านั้นซะหน่อย แค่เขาเป็นแผลที่ต้นแขน แล้วผมจะเปิดดูแค่นั้นเอง”ตาย นายแคมป์ นายไปว่าอาจารย์เขาเป็นหนูโบฯเลยหรือ ตายแน่ๆ
“นี่ นายคนนี้ไม่มีสัมมาคารวะเอาซะเลย ไหนละแผล”อาจารย์หันมาถามฉัน
ฉันอิดออด ก็จะให้เปิดให้ดูกันง่ายๆหรอ แผลมันอยู่บนมาก ต้องถอดเสื้อเลยนะ ฉันสบตานายแคมป์อย่างอ้อนวอนสุดฤทธิ์
“อาจารย์ลามก จะไปขอดูเขาได้ไง มันอยู่ลึกมาก หรือว่าที่แท้ก็เฒ่าหัวงู”มีใครเคยบอกนายไหมแคมป์ว่านายอาจจะตายเพราะปาก ฉันให้ช่วยพูดอะไรซักอย่าง แต่นายไปว่าอาจารย์เลยนะนั่น
“เธอ”อาจารย์ลุกขึ้นตวาดชี้หน้านายแคมป์ หน้าอาจารย์เปลี่ยนจากสีแดงเข้ม กลายเป็นสีม่วงไปซะแล้ว
เหมือนอึ่งอ่างถูกย้อมสีเลย
“เธอสองคนไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฉันจะหักคะแนนความประพฤติของพวกเธอสองคน ชื่ออะไรมาเขียนไว้ซะ แล้วเย็นนี้อย่าลืม ฉันจะทำโทษให้พวกเธอช่วยคนสวนตัดหญ้า”สิ้นเสียงนายแคมป์เองก็ยอมแพ้ เดินตรงไปเขียนขึ้นทันทีอย่างว่าง่ายที่สุด
ว่าง่ายจนแปลกประหลาด
ฉันก้มหน้าลงจะเขียนชื่อตัวเองลงบนกระดาษใบเดียวกัน แล้วก็ต้องสะดุดกับอะไรบางอย่าง
‘นายอัครพล มิ่งเมือง ม.6/10’
มันไม่ใช่ชื่อนายแคมป์นี่นา ฉันเงยหน้าขึ้นมองหน้านายแคมป์ที่จ้องฉันอยู่ก่อนแล้ว
“มั่วชื่อเลย เอาให้ม.6/10เหมือนกันแล้วกัน”เขาก้มหน้าลงมากระซิบข้างหูฉัน มิน่า นายนี่ถึงดูกล้านัก ที่แท้ความผิดก็ไม่เข้าตัวเลย
ชื่ออะไรดีหว่า ฉันจ้องกระดาษเปล่าซักพัก แล้วตัดสินใจเขียนลงไป
ฉันจัดการพับกระดาษใบนั่นส่งให้อาจารย์ แล้วรีบดึงนายแคมป์ชิ่งออกมาทันที อย่างรวดเร็วที่สุดเพราะกลัวอาจารย์แกจะเปิดกระดาษออก
“ทำไมต้องรีบด้วย”เขามองหน้าฉันอย่างงงๆ แต่วิ่งตามแรงดึงฉันมา
“เดี๋ยวอาจารย์จับได้”ฉันตอบ
“จับอะไร”
“จับได้ว่านายกับฉันมั่วชื่อไงฉันตอบพลางชะลอฝีเท้าเมื่อเห็นว่าใกล้ถึงห้องตัวเองแล้ว
“ยังไง”เขายังทำหน้าเป็นเครื่องหมายปรัศนีย์
“ชื่อที่ฉันเขียน.....”
“เธอเขียนชื่อว่าอะไรหรอ”เขาถามก่อนที่ฉันจะพูดจบประโยคเสียอีก
ฉันหัวเราะออกมาดังลั่น แทบจะลงไปกลิ้งกับพื้นเมื่อนึกถึงชื่อที่เขียนลงไปในใบนั่น
‘นางสาวอึ่งอ่าง นามสมมุติ ม.6/10’
----------
แก้คำผิดค่า
---------------------
สวัสดีค่า
แหะๆ หายไปนานเลย ไม่ได้อู้นะ ไม่ได้ขี้เกียจด้วยแต่ว่า เราไปเข้าค่ายยุวกาชาดมา 3วัน 2คืน ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ อดเรียนพิเศษเลย แล้วก็ไม่ได้แตะคอมเลยด้วยค่ายค่อนข้างเซ็ง เราเบื่อๆ จะหลับแหล่ ไม่หลับแหล่ กลับมาปุ๊บ ก็กินขนม อาบน้ำ มาอัพเลยนะ แต่ว่าแค่นี้ก่อนได้ไม่คะ ง่วงมา อยู่ค่ายได้นอนตี1มั้ง ตื่นตี5 ปกติเราต้องนอน10ชั่วโมงไม่งั้นไม่ตื่น แทบตาย สงสัยอาจจะไม่สบาย เป้นหวัด อากาศเย็นสบายดี แต่เย็นเกินไปหน่อย วิทยากรพูดมากไปนิด รักคนอ่านน้า
โพสด้วยนะคะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น