ลำดับตอนที่ #14
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : รู้จัก
\"นี่ แคมป์ นายลืมไว้ที่สภากาแฟ\"ฉันยื่นปึกกระดาษ ให้แคมป์ที่นั่งอยู่แล้วในที่ของตัวเอง ในเช้าวันจันทร์ ดูมันสิ ชิชะ ทำเป็นก้มหน้าอ่านหนังสือสังคม รู้หรอกว่าอะไร
\"วันนี้อากาศดีนะ นายไม่เปิดหน้าต่างละ\"ฉันพูดต่อคนเดียว ขณะนี้มีแต่ฉันกับนายแคมป์ เนื่องจากเพื่อนๆไปไหนกันหมดไม่รู้ ได้โอกาสดีทีเดียวที่จะเข้าไปตีสนิทนายแคมป์
\"แล้วทำการบ้านมาหรือยัง\"ฉันถามต่ออย่างอดทน
\"ฉันทำมาแล้วจะลอกไหม\"ฉันกำมือแน่น ขณะที่เอ่ยปากถามให้ตายสิ ความเงียบเป็นสิ่งที่ฉันได้รับกลับมาตลอด ฉันเหมือนยัยบ้าพูดอยู่คนเดียว
\"นายพูดหน่อยได้ไหม ฉันรู้ว่านายไม่ได้เป็นใบ้\"ฉันกระแทกมือลงบนโต๊ะนายแคมป์ โอ้ยเจ็บชะมัดยาด ไม่ได้ๆ ฟอร์มมาก่อน
\"วิธีนี้ไม่ได้ผลหรอกนะ\" เย้ ฉันทำให้นายนี่พูดได้แล้ว แต่เอ๊ะ พูดว่าอะไรนะ ฉันเลิกคิ้วขึ้นมองหน้าเขางงๆ ฟังมันไม่ค่อยชัดเท่าไหร่
นายแคมป์มองหน้าฉันนิดนึง ฉันไม่ชอบสีหน้าเขาตอนนี้เลย ดูเหมือนกำลังเยาะเย้ยฉัน แล้วพูดย้ำอีกครั้ง ช้าๆชัดๆ ทุกพยางค์เลยทีเดียว
“วิ ธี นี้ ไม่ ได้ ผล หรอก”แล้วคนพูดก็ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อไป
“งั้นวิธีไหนละ”ฉันหลุดปากถามเขาตรงๆ ก็ฉันไม่เคยจีบผู้ชายนี่นา ไอ้ผู้ชายจะมาจีบก็ไม่ค่อยมีหรอก เลยไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้ จะให้ทำยังไงได้ละ
“เธอถามกันอย่างนี้เลยหรอ”เขาเลิกคิ้วขึ้น
“yes.”ฉันพยักหน้า
“ฉัน.....”ก่อนที่แคมป์จะพูดอะไรออกมา ก็มีเสียดังขัดจังหวะขึ้นซะก่อน
“หนูกริ่ง”เสียงร้องประมานเสียงดังลั่น ฉันหันไปมองตามต้นเสียงที่ยืนยิ้มอยู่หน้าห้องทันที ยัยพลอยกับทับทิมนี่หว่า ยืนหน้าแป้นเชียว
“ขัดอะไรหรือเปล่า”ทับทิมถามขึ้น
“ก็ไม่หรอก มีอะไรหรอ”ฉันตอบ พลางลุกขึ้นเดินไปหายัยแฝดนรกทั้งสองคน
“คือเราว่าจะชวนไปหาอะไรกินที่โรงอาหารซะหน่อย หิว”พลอยลูบท้องตัวเองเบาๆ แล้วฉีกยิ้มกว้างมาให้ฉันอย่างน่าเตะจริงๆ
“ได้ๆ เดี๋ยวเอาตังค์ก่อน”ฉันเดินกลับไปที่โต๊ะตัวเอง หยิบกระเป๋าตังค์ที่อยู่ในกระเป๋านักเรียนขึ้นมา ปกติฉันไม่ชอบพกกระเป๋าตังค์ เพราะมันตุงตรงข้างกระโปรง เลยเก็บไว้ในกระเป๋านักเรียน พอจะใช้เงิน ก็เดินมาหยิบไปใส่ในกระเป๋ากระโปรง ไม่ต้องพกไปทั้งกระเป๋า
“แกไว้ในกระเป๋านักเรียนเดี๋ยวมันก็หายหรอก”พลอยบ่น
“มันยังไม่หายนี่”ฉันค้าน
“นั่นแหละ ไม่ระวังเดี๋ยวเหอะ หายแล้วจะมาร้องกระจองอแงไม่ได้นะ”พลอยพูดต่อขณะที่เราสามคนกำลังเดินลงบันไดตึกมา ทำไมสองคนนี้ไม่ยอมใช่ลิฟท์ก็ไม่รู้
“นี่ อย่าเดินเร็วสิ”ฉันเรียกสองคนนั้นที่เดินนำฉันไปสิบกว่าขั้นแล้ว ให้ตายสิ แล้วมันจะชวนฉันมาทำอะไร
“กริ่งนั่นแหละเดินช้า”ทับทิมหันมาว่า แล้วเดินลงบันไดต่อไป ดูสิ กระซิบกระซาบหัวเราะคิกคักกันให้ แล้วจู่ๆ สองคนนั้นก็เร่งความเร็วในการลงบันได
“รอด้วยสิ”ฉันร้องเรียก
“ตามให้ทันสิ”พลอยตะโกนมาจากข้างล่าง สองคนนั้นเปลี่ยนจากเดินเร็วๆ เป็นวิ่งลงบันไดแทน
“อย่าแกล้งกันสิ”ชิ รู้ก็รู้อยู่ว่าฉันกลัวการลงบันได ยังจะมาแกล้งกันอย่างนี้อีก ฉันไม่อยากถูกทิ้งนะ อย่าแกล้งกันสิ ฉันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แล้วพยายามเร่งความเร็วให้ทันไอ้แฝดนรกที่ลงไปถึงชั้นสองแล้ว
“ตามให้ทันสิ”เสียงทับทิมตะโกนมาจากข้างล่าง
“รอด้วยสิ”ฉันตะโกนลงไป แล้วเร่งฝีเท้า ให้ตายสิ ฉันพยายามจะไม่มองข้างล่างแล้วนะ แต่มันต้องเห็นอยู่ดี ดูสิ บันไดยาวเป็นทางลาดลงไปน่ากลัวจะตาย
ฉันพยายามหลับตาวิ่งลงบันไดด้วยความเร็วสูง เพราะกลัวเพื่อนมันจะทิ้งจริงๆ
โครม!!!
ฉันสะดุดเข้ากับขั้นบันได ลงไปนอนกลิ้งทับใครก็ไม่รู้อยู่หน้าระเบียงทางเดิน อู้ย เจ็บชะมัด ก้นฉันจะหักไหมเนี่ย น้ำตาแทบรั่ว ฉันเกลียดบันไดที่สุดเลยก้มลงมองขาตัวเอง แล้วต้องอึ้ง
เลือดค่ะ
เลือดสดๆไหลเป็นทางเลย ฉันไม่รู้สึกอะไรเลย เลือดมาจากไหน ฉันหันไปมองคนที่ฉันนั่งทับอยู่ ผู้หญิง ผมประบ่า มักจุกไว้สองข้าง หน้าตาสดใส นอนยิ้มเฉ่งอยู่เหมือนเต็มใจให้ฉันทับ มือข้างหนึ่งของเธอถือ เศษไม้กำใหญ่พอสมควร เปื้อนเลือดสีแดงสด เศษไม้ที่พอดูออกว่ามันเคยเป็นดินสอไม้กำหนึ่ง
ฉันขยับตัวไม่ให้ทับเธอ แล้วมองเธออย่างสำรวจ หน้ายิ้มแฉ่งของเธอทำให้ฉันถูกชะตาด้วยเป็นอย่างมาก เธอดูไม่มีรอยแผลอะไรเลย แล้วเลือดละ มาจากไหน
ฉันรู้สึกได้ถึงความชาบริเวณต้นแขน แล้วก้มลงมองแขนตัวเอง
กรี๊ดดดดดดดดดด
ฉันร้องลั่น  น้ำตาไหลพรากไม่ขาดสาย ความทรงจำอันเลวร้ายผุดขึ้นในหัวมากมาย เลือดเปรอะเต็มไปหมด เสื้อที่เคยเป็นสีขาว ตอนนี้กลับกลายเป็นสีแดงสด กระโปรงสีฟ้าน้ำทะเล มีรอยเลือดไหล
ฉันเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอยังคงยิ้มกว้าง
ยัยโรคจิต
“ร้องไห้ไม่สวยนะ ไปห้องพยาบาลกัน”เธอพูดขึ้นทั้งๆที่ยังยิ้ม แล้วพยุงฉันให้ลุกขึ้นยิน
น้ำตาฉันยังไหลพรากไม่ขาดสาย ฉันลุกขึ้นตามแรงดึง แล้วเบือนหน้าหนีแผลที่แขนอย่างหวาดเสียว
“อิอิ ตัวนี่ ร้องไห้เป็นเด็ก แผลแค่นี้เอง เดือนก่อนเค้ายังขาหักเลย เพิ่งถอดเฝือกเนี่ย มาๆ เดี๋ยวไปห้องพยาบาลกันนะหนูน้อย โอ๋ๆ อย่าร้องสิ”เธอหัวเราะแล้วลูบหัวฉันเบาๆ ราวกับฉันอายุห้าขวบ
“มัน ฮึก น่า ฮึก กลัว”ฉันพยายามกลั้นเสียงสะอื้นไว้สุดฤทธิ์
“ไม่เอาหน่า ห้องพยาบาลอยู่ชั้นหนึ่งเอง เห็นไหม ตัวตกลงมาถึงชั้นสอง เดี๋ยวเดินลงไปอีกชั้นก็ถึง”เธอพูด ไม่เอานะ ลงบันไดอีกหรอ แขนฉันยังไม่รู้สึกอะไร ชาอยู่เลย
“ไม่เอา ฉันไม่ลงบันได ไม่ ไม่”ฉันส่ายหน้า พลางใช้มือข้างปกติ ฉุดราวบันไดไว้
“กลัวบันไดหรอ ไม่เอาหน่า ไม่น่ากลัวเลย”ยัยยิ้มแฉ่งยังหัวเราะเบาๆ
“ไม่”ฉันตวาดเธอ
“โอ๋ๆ ไม่เอาหน่า ลงไปเหอะ”
“บอกว่า ม่ายยยยยยยยยยยยยย”ฉันยื้อราวบันไดไว้ไม่ยอมขยับเขยื้อน
“ทำอะไรน่ะ ฟลุท”เสียงผู้ชายดังขึ้นจากข้างหลังฉัน ฉันหลับตาปี๋ ไม่เอา ฉันไม่ลงบันไดนะ ไม่เด็ดขาดเลย
“จะพาคนนี้ไปห้องพยาบาล เขาตกบันไดลงมาทับฉัน ดินสิเลยทิ้มแขนเลือดไหลเลย”ฟลุทตอบไป โอเค ฉันรู้แล้วว่ายัยยิ้มแฉ่งชื่อฟลุท
“แล้วไม่ไปละ มาเกาะราวบันไดอย่างนี้ได้ไง”
“เขากลัว ไม่กล้าลงบันได ชัชมาก็ดีแล้ว มาช่วยอุ้มไปหน่อยแล้วกัน”ชัชหรือ ชัช พี่ชัชใช่ไหม ไม่น่านะ ถ้าคนนี้พี่ชัชช คนที่ชื่อฟลุทก็น่าจะเป็นรุ่นพี่น่ะสิ พี่ฟลุทหรือ ง่า ฉันตวาดรุ่นพี่นะเนี่ย
“ห๊า”เสียงอุทานจากพี่ชัช
“นะนะนะนะ”พี่ฟลุทอ้อน ฉันลืมตาขึ้นมาพบกับพี่ชัช ไอ้พี่หน้าหล่อ นักกีฬาโรงเรียนนั่นแหละ คราวก่อนแกล้งฉันไปแล้ว กำลังยืนเถียงกับพี่ฟลุท
“เออๆ ก็ได้ มาน้อง พี่อุ้ม”พี่ชัชว่า แล้วรวบร่างฉันขึ้นไปอย่างง่ายดาย เขาวิ่งลงบันได มาจนถึงห้องพยาบาลได้ โดยไม่สะดุดหรือไม่หอบเลยแม้แต่น้อย ส่วนพี่ฟลุทก็วิ่งตามมาติดๆ นี่ถ้ายัยแฝดนรกเห็นว่าพี่ชัชอุ้มฉันมา จะว่ายังไงนะ คงกรี๊ดสลบเลยละมั้ง
“เอาละได้แล้วนั่งนี่แหละครับ”พี่เขาวางฉันลงบนเตียง ขณะที่พี่ฟลุทวิ่งไปที่ตู้ยา
“ขอบคุณนะคะ”ฉันก้มหน้าไม่อยากสบตาเขาเดี๋ยวละลาย
“มาแล้วๆ เอาไอ้หน้าปลาจวด ออกไปเลยเดี๋ยวเค้าจะทำแผลกัน ชิ้วๆ”พี่ฟลุทไล่ แล้วหันมามองฉัน
“เราก็ถอดเสื้อสิ”
“ห๊า”
“ถอดเสื้อไง แผลอยู่ต้นแขน ถลกแขนเสื้อไปไม่ถึงหรอก ถึงไล่ไอ้หน้าปลาจวดออกไป อย่าบอกนะว่าไม่ได้ใส่เสื้อกล้าม”ก่อนที่พี่แกจะบ่นไปมากกว่านี้ฉันเลยพูดขึ้นขึ้นมาก่อน
“ค่ะ ใส่ๆ รอแปปนะคะ”
ฉันนั่งให้พี่ฟลุททำแผลให้ อย่างชำนาญการ ดูท่าทางพี่เขาจะทำแผลบ่อย ปากก็บ่นนู้นบ่นนี่ไปเรื่อย พี่เขาเป็นคนคุยเก่ง ชวนคุยสนุกเฮฮาดี หน้าพี่แกมีอยู่สองกริยา คือ ยิ้มกับหัวเราะเท่านั้น ฉันรู้สึกว่าตัวเองคุ้นชื่อพี่เขาอยู่ยังไงไม่รู้
“อะ รู้จักเค้าเป็นทางการนะ เค้าชื่อฟลุท ปรียนันท์ อยู่ม.5/3 สายวิทย์-คณิต แล้วตัวละชื่ออะไร”พี่ฟลุทแนะนำตัว
“เออ”
“ตัวละชื่ออะไร แนะนำตัวเองเลย”
“ชื่อหรือคะ ชื่อกริ่ง อยู่ ม.5/7 เดี๋ยวนะ พี่ชื่อฟลุท อยู่ม.5 สายวิทย์ งั้นพี่คงเป็นยัยตัวซวยที่ใครๆเขาพูดถึงใช่ไหม”ฉันถาม ชื่อพี่เขาดังกระฉ่อนมาก อยู่ในวงซุบซิบนินทากันหนาหูเลยทีเดียว มิน่าว่าชื่อเขาคุ้นๆ
“ใช่เลยจ๊ะ อิอิ รู้ว่าเค้าเป็นตัวซวย แล้วตัวรู้อะไรอีกจากวงซุบซิบนินทา”พี่เขาหัวเราะ ฉันไม่ชอบวิธีการที่พี่เขาพูดเลย เค้า กับตัว เหมือนพวกเกย์ยังไงไม่รู้สิ เอาเหอะ พี่เขาต๊องๆหน่อยนี่นา ตามที่ยัยพลอยนินทา เอ้ย เล่าให้ฉันฟัง
“เขาบอกกันว่าพี่เป็นแฟนประธานนักเรียน”ฉันพูดอย่างระวัง อันที่จริง เต็มๆว่า ประธานต่ำคว้าตัวซวยมาเป็นแฟน ยัยซวยบ้าติ๊งต๊อง ประธานไม่น่าเลย ฯลฯ แต่ว่า ไม่พูดดีกว่า
“แค่นั้นหรอ งั้นตัวคงเป็นคนที่เชยมาก เขาไม่ได้บอกหรอ ว่านายเป๊ปซี่ไอซ์ตาต่ำมาคว้าเค้าไปเป็นแฟน เค้ามันยัยติ๊งต๊อง คนอื่นไม่ได้พูดอย่างนี้หรอ”พี่ฟลุทพูดเหมือนพูดเล่น แล้วฉีกยิ้ม เป๊ปซี่ไอซ์หรอ ถ้าให้เดา น่าจะหมายถึงพี่บลู ประธานนักเรียนนะ
“แหะๆ”ฉันเกาหัว
“วันหลังบอกความจริงก็ได้ เค้าไม่โกรธหรอกนะ”ใครบอกว่าพี่เขาบ้าๆบอๆโง่ ทำไมรุ้ทันไปซะหมดอย่างนี้ละ
“อะค่ะ”
“เสร็จยัง”เสียงพี่ชัชถามจากหน้าห้องพยาบาล
“เสร็จแล้ว”พี่ฟลุทตะโกนตอบ
“เออนี่กริ่ง กริ่งว่านายชัชเป็นยังไง”จู่ๆพี่ฟลุทก็ถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย และไม่มีเหตุผลใดใดทั้งสิ้น ฉันจ้องหน้าพี่เขาอย่างงงๆ
“อย่ามองแบบนั้น ก็นายชัชอุตส่าห์ช่วยอุ้มตัวมาไง”
“ขา ก็ ไม่รู้สิ ไม่ได้คิดอะไรนี่นา”ฉันตอบความจริงไป ก็ตอนที่พี่ชัชอุ้มมาไม่ได้คิดอะไร แต่ว่าก่อนหน้านี้ ฉันปลื้มเขาสุดๆเลย
“หรอ ดีแล้ว ไม่ต้องคิดว่ามันเป็นคนดัง จริงๆมันก็ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่าเด็กผู้ชายคนนึง ที่เล่นกีฬาได้ แค่นั้นเอง ปกติพวกผู้หญิงจะกรี๊ดกร๊าดกันไปเรื่อย มันรำคาญ เค้าก็ปวดหู”พี่ฟลุทพูดซะยาว สรุปว่าพี่แกไม่ชอบเสียงกรี๊ดกร๊าดนั่นเอง
“ค่ะ”ฉันพยักหน้ารับคำ
“นี่ ยัยฟลุท ถ้าเธอไม่รีบไปเข้าแถว เดี่ยวสายฉันจะฟ้องพี่บลู”พี่ชัชเดินเข้ามาให้ห้อง แล้วเขกหัวพี่ฟลุทเบาๆ เออ... เบาๆของพี่ชัชน่ะนะ เพราะพี่ฟลุทแทบจะกระเด็นไปนั่งจ้ำบ๊ะอยู่บนพื้น
“ไอ้หน้าปลาจวด เบาๆหน่อยสิฟะ”พี่ฟลุทผลักพี่ชัช แล้วหันมายิ้มให้ฉัน
“ไปด้วยกันสิ”พี่ฟลุทถามฉัน ทำไมฟันพี่เขาขาวจัง แสบตาชะมัดเลย ฉันยกนาฬิกาขึ้นดู โอ้ว...7.15น.แล้ว อีก5นาที ออดจะดัง
“ค่ะ”ฉันพยักหน้า แล้วเดินออกมาจากห้องพยาบาลพร้อมกับรุ่นพี่ทั้งสองคน เวลาเดินกับคนดังเนี่ย ทุกอย่างดูเจิดจ้าไปหมด ยกเว้นตัวเรา กับยัยแฝดนรกฉันไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่ เพราะเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว แต่พี่สองคนนี้ ท่าจะดังกว่าสองคนนั่นอีก ใครๆก็หันมามอง
“ห้อง7ใช่ไหม”พี่ฟลุทถาม
“ค่ะ ดะ...”
“กริ่งงงงงงงงงงงงงง”ฉันพูดยังไม่จบประโยค ก็มีเสียงร้องตะโกนเรียกดังมาแต่ไกล จะใช่ใครที่ไหนละ ก็ยัยพลอยนี่เอง ส่วนทับทิมวิ่งตามพลอยเข้ามาเงียบๆ
“อ้าวเพื่อนหรอ งั้นพี่ไปเน้อ บาย”พี่ฟลุทฉีกยิ้มให้ฉัน วันนึงพี่เขายิ้มมากกว่าคนธรรมดากี่เท่าตัวเนี่ย ส่วนพี่ชัชเองก็ยิ้มให้ฉันเหมือนกัน แต่ยังเผื่อแผ่ไปยังเพื่อนของฉันด้วย ทำไมผู้ชายทั้งโลกนิสัยเหมือนกันหรือยังไงนะ พี่กลมก็หนึ่ง พี่กลิ้งก็หนึ่ง พี่ชัชอีกหนึ่ง
หลังจากพี่ทั้งสองหายลับสายตาไป
“กริ่งไปรู้จักสองคนนั้นได้ยังไง” ทับทิมเอ่ยปากถาม อย่างค่อนข้างเก็บอาการ ต่างจากพี่สาวฝาแฝดโดยสิ้นเชิง
“บอกมานะ พี่ชัชกับพี่ฟลุท แกไปสนิทขนาดเดินกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วแกทิ้งพวกฉันได้ยังไง”พลอยเขย่าตัวฉัน เจ็บแผลนะ ให้ตายสิ
“โอ้ย เจ็บ”ฉันร้องทำให้พลอยปล่อยทันที แล้วสำรวจร่างกายฉันอย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรตรงไหน”
“ม่ายบอก”
----------------
โย่วหลังจากหายไปหลายวัน(2วันเอง) กลับมาแล้วหุหุ
เมื่อวันศุกร์เราไปโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยมา  ไปหาเพื่อน เลยไปนั่งดูเขาซ้อมเชียร์ นั่งเฝ้าเพื่อนอยู่อย่างงั้นแหละ ตั้งแต่16.30-17.15น. มันสั่งให้เอานิยายไปให้อ่าน แต่ตัวมันดันซ้อมเชียร์ซะนี่ พอจะกลับ แม่โทรมา บอกว่าก๋งจะกินข้าวด้วย อยู่ไหน อะไรประมาณนี้ เขาเร่งให้เรากลับ แล้วไงอะ ตายสิคะ ไปยืนเรียกตุ๊กๆ หน้าโรงเรียน คราวก่อนได้50 คราวนี้ตั้ง70แน่ะ กว่าจะได้ไป ก็ได้คุยกับเพื่อนระหว่างนั่งรถกลับนี่แหละ เพราะรถติด กว่าจะไปถึงที่ทำงานพ่อ ก็18.00น.ได้ไปนั่งรอพ่ออีก
วันนี้ หุหุ ไปเรียนพิเศษสายครับท่าน ตื่นปกตินี่แหละ แต่รอห้องน้ำพี่ ระหว่างรอเลยลงมากินข้าวก่อน((พี่เราอาบน้ำเป็นชั่วโมงเลย))พอพี่ออก น้องเลยเข้าอาบต่อ เราเลยได้แต่นั่งรอ กว่าจะได้อาบน้ำ ปาไป10.00น. ตาย เราเรียน11.00น.ที่สยาม ไปเองไม่มีใครไปส่ง รีบอาบน้ำสระผม กว่าจะหมาด(ผมเรายาวเลยแห้งช้า)ได้ออกจากบ้าน10.30น. วิ่งสุดชีวิต เกือบลืมของขวัญวันเกิดเพื่อน นึกได้ลืมห่อนี่หว่า พอถึงสยาม เลยแวะเข้าร้านห่อให้หน่อย แม้ว่าจะเลยเวลาเข้าเรียนมา15นาทีแล้ว สรุป เข้าเรียนสายเกือบครึ่งชั่วโมงแน่ะ ดีว่าแค่เรียนเต้น ไปถึงเข้าวอร์มเสร็จพอดี เลยซ้อมเลย ซ้อมอยู่ น้องที่เข้าเรียนด้วยเอามือถือเราไปเล่น เรารำคาญเลยปิดเครื่งซะ ตั้งรหัสpinไว้ น้องมันก็กดมั่วสิ จนเครื่องล็อค ต้องไปเปลี่ยนซิมที่orange shopที่สยามดิสนู้น แต่ระหว่างจะไปนนี่สิ นัดเพื่อนไว้ให้มันโทรมาจะไปหา มือถือเจ๊ง ตายเลย ต้องนั่งรอ กว่าจะได้ไป ต้องเปลี่ยนซิม จ่ายอีก65บาท แล้วไปประตูน้ำ ซื้อชุดหางเครื่องให้เพื่อนในห้องประกวดวงลูกทุ่ง ขึ้นแท็กซ๊ ต่อค่าแท็กซี่อีก เยไปประตูน้ำในราคา40บาท แท็กซี่เขากดหยุดมิเตอร์ให้เลย ไอ้ชุดหางเครื่องเนี่ยหายากมาก กว่าจะหาร้านได้ ปาไปบ่ายสองครึ่ง แล้วกินข้าว ต่อรองราคาเขาอีก ได้ราคา3000บาท /8ชุด ก็โอ ตกชุดละ375บาทมันต้องสั่งตัด เพราะคนเต้นมันอ้วน ไม่มีไซด์ กว่าตกลงกันเสร็จ ก็4โมง กลับมาสยาม ด้วยตุ๊กๆ 50แน่ะ แพงกว่าแท็กซี่อีก แล้วเพื่อนเขาเลี้ยงเซเวนเซน หุหุ กว่าจะถึงบ้านก็18.00น. อาบน้ำกินข้าว แล้วมาอัพเนี่ย รอก่อนนะคะ
\"วันนี้อากาศดีนะ นายไม่เปิดหน้าต่างละ\"ฉันพูดต่อคนเดียว ขณะนี้มีแต่ฉันกับนายแคมป์ เนื่องจากเพื่อนๆไปไหนกันหมดไม่รู้ ได้โอกาสดีทีเดียวที่จะเข้าไปตีสนิทนายแคมป์
\"แล้วทำการบ้านมาหรือยัง\"ฉันถามต่ออย่างอดทน
\"ฉันทำมาแล้วจะลอกไหม\"ฉันกำมือแน่น ขณะที่เอ่ยปากถามให้ตายสิ ความเงียบเป็นสิ่งที่ฉันได้รับกลับมาตลอด ฉันเหมือนยัยบ้าพูดอยู่คนเดียว
\"นายพูดหน่อยได้ไหม ฉันรู้ว่านายไม่ได้เป็นใบ้\"ฉันกระแทกมือลงบนโต๊ะนายแคมป์ โอ้ยเจ็บชะมัดยาด ไม่ได้ๆ ฟอร์มมาก่อน
\"วิธีนี้ไม่ได้ผลหรอกนะ\" เย้ ฉันทำให้นายนี่พูดได้แล้ว แต่เอ๊ะ พูดว่าอะไรนะ ฉันเลิกคิ้วขึ้นมองหน้าเขางงๆ ฟังมันไม่ค่อยชัดเท่าไหร่
นายแคมป์มองหน้าฉันนิดนึง ฉันไม่ชอบสีหน้าเขาตอนนี้เลย ดูเหมือนกำลังเยาะเย้ยฉัน แล้วพูดย้ำอีกครั้ง ช้าๆชัดๆ ทุกพยางค์เลยทีเดียว
“วิ ธี นี้ ไม่ ได้ ผล หรอก”แล้วคนพูดก็ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อไป
“งั้นวิธีไหนละ”ฉันหลุดปากถามเขาตรงๆ ก็ฉันไม่เคยจีบผู้ชายนี่นา ไอ้ผู้ชายจะมาจีบก็ไม่ค่อยมีหรอก เลยไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้ จะให้ทำยังไงได้ละ
“เธอถามกันอย่างนี้เลยหรอ”เขาเลิกคิ้วขึ้น
“yes.”ฉันพยักหน้า
“ฉัน.....”ก่อนที่แคมป์จะพูดอะไรออกมา ก็มีเสียดังขัดจังหวะขึ้นซะก่อน
“หนูกริ่ง”เสียงร้องประมานเสียงดังลั่น ฉันหันไปมองตามต้นเสียงที่ยืนยิ้มอยู่หน้าห้องทันที ยัยพลอยกับทับทิมนี่หว่า ยืนหน้าแป้นเชียว
“ขัดอะไรหรือเปล่า”ทับทิมถามขึ้น
“ก็ไม่หรอก มีอะไรหรอ”ฉันตอบ พลางลุกขึ้นเดินไปหายัยแฝดนรกทั้งสองคน
“คือเราว่าจะชวนไปหาอะไรกินที่โรงอาหารซะหน่อย หิว”พลอยลูบท้องตัวเองเบาๆ แล้วฉีกยิ้มกว้างมาให้ฉันอย่างน่าเตะจริงๆ
“ได้ๆ เดี๋ยวเอาตังค์ก่อน”ฉันเดินกลับไปที่โต๊ะตัวเอง หยิบกระเป๋าตังค์ที่อยู่ในกระเป๋านักเรียนขึ้นมา ปกติฉันไม่ชอบพกกระเป๋าตังค์ เพราะมันตุงตรงข้างกระโปรง เลยเก็บไว้ในกระเป๋านักเรียน พอจะใช้เงิน ก็เดินมาหยิบไปใส่ในกระเป๋ากระโปรง ไม่ต้องพกไปทั้งกระเป๋า
“แกไว้ในกระเป๋านักเรียนเดี๋ยวมันก็หายหรอก”พลอยบ่น
“มันยังไม่หายนี่”ฉันค้าน
“นั่นแหละ ไม่ระวังเดี๋ยวเหอะ หายแล้วจะมาร้องกระจองอแงไม่ได้นะ”พลอยพูดต่อขณะที่เราสามคนกำลังเดินลงบันไดตึกมา ทำไมสองคนนี้ไม่ยอมใช่ลิฟท์ก็ไม่รู้
“นี่ อย่าเดินเร็วสิ”ฉันเรียกสองคนนั้นที่เดินนำฉันไปสิบกว่าขั้นแล้ว ให้ตายสิ แล้วมันจะชวนฉันมาทำอะไร
“กริ่งนั่นแหละเดินช้า”ทับทิมหันมาว่า แล้วเดินลงบันไดต่อไป ดูสิ กระซิบกระซาบหัวเราะคิกคักกันให้ แล้วจู่ๆ สองคนนั้นก็เร่งความเร็วในการลงบันได
“รอด้วยสิ”ฉันร้องเรียก
“ตามให้ทันสิ”พลอยตะโกนมาจากข้างล่าง สองคนนั้นเปลี่ยนจากเดินเร็วๆ เป็นวิ่งลงบันไดแทน
“อย่าแกล้งกันสิ”ชิ รู้ก็รู้อยู่ว่าฉันกลัวการลงบันได ยังจะมาแกล้งกันอย่างนี้อีก ฉันไม่อยากถูกทิ้งนะ อย่าแกล้งกันสิ ฉันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แล้วพยายามเร่งความเร็วให้ทันไอ้แฝดนรกที่ลงไปถึงชั้นสองแล้ว
“ตามให้ทันสิ”เสียงทับทิมตะโกนมาจากข้างล่าง
“รอด้วยสิ”ฉันตะโกนลงไป แล้วเร่งฝีเท้า ให้ตายสิ ฉันพยายามจะไม่มองข้างล่างแล้วนะ แต่มันต้องเห็นอยู่ดี ดูสิ บันไดยาวเป็นทางลาดลงไปน่ากลัวจะตาย
ฉันพยายามหลับตาวิ่งลงบันไดด้วยความเร็วสูง เพราะกลัวเพื่อนมันจะทิ้งจริงๆ
โครม!!!
ฉันสะดุดเข้ากับขั้นบันได ลงไปนอนกลิ้งทับใครก็ไม่รู้อยู่หน้าระเบียงทางเดิน อู้ย เจ็บชะมัด ก้นฉันจะหักไหมเนี่ย น้ำตาแทบรั่ว ฉันเกลียดบันไดที่สุดเลยก้มลงมองขาตัวเอง แล้วต้องอึ้ง
เลือดค่ะ
เลือดสดๆไหลเป็นทางเลย ฉันไม่รู้สึกอะไรเลย เลือดมาจากไหน ฉันหันไปมองคนที่ฉันนั่งทับอยู่ ผู้หญิง ผมประบ่า มักจุกไว้สองข้าง หน้าตาสดใส นอนยิ้มเฉ่งอยู่เหมือนเต็มใจให้ฉันทับ มือข้างหนึ่งของเธอถือ เศษไม้กำใหญ่พอสมควร เปื้อนเลือดสีแดงสด เศษไม้ที่พอดูออกว่ามันเคยเป็นดินสอไม้กำหนึ่ง
ฉันขยับตัวไม่ให้ทับเธอ แล้วมองเธออย่างสำรวจ หน้ายิ้มแฉ่งของเธอทำให้ฉันถูกชะตาด้วยเป็นอย่างมาก เธอดูไม่มีรอยแผลอะไรเลย แล้วเลือดละ มาจากไหน
ฉันรู้สึกได้ถึงความชาบริเวณต้นแขน แล้วก้มลงมองแขนตัวเอง
กรี๊ดดดดดดดดดด
ฉันร้องลั่น  น้ำตาไหลพรากไม่ขาดสาย ความทรงจำอันเลวร้ายผุดขึ้นในหัวมากมาย เลือดเปรอะเต็มไปหมด เสื้อที่เคยเป็นสีขาว ตอนนี้กลับกลายเป็นสีแดงสด กระโปรงสีฟ้าน้ำทะเล มีรอยเลือดไหล
ฉันเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอยังคงยิ้มกว้าง
ยัยโรคจิต
“ร้องไห้ไม่สวยนะ ไปห้องพยาบาลกัน”เธอพูดขึ้นทั้งๆที่ยังยิ้ม แล้วพยุงฉันให้ลุกขึ้นยิน
น้ำตาฉันยังไหลพรากไม่ขาดสาย ฉันลุกขึ้นตามแรงดึง แล้วเบือนหน้าหนีแผลที่แขนอย่างหวาดเสียว
“อิอิ ตัวนี่ ร้องไห้เป็นเด็ก แผลแค่นี้เอง เดือนก่อนเค้ายังขาหักเลย เพิ่งถอดเฝือกเนี่ย มาๆ เดี๋ยวไปห้องพยาบาลกันนะหนูน้อย โอ๋ๆ อย่าร้องสิ”เธอหัวเราะแล้วลูบหัวฉันเบาๆ ราวกับฉันอายุห้าขวบ
“มัน ฮึก น่า ฮึก กลัว”ฉันพยายามกลั้นเสียงสะอื้นไว้สุดฤทธิ์
“ไม่เอาหน่า ห้องพยาบาลอยู่ชั้นหนึ่งเอง เห็นไหม ตัวตกลงมาถึงชั้นสอง เดี๋ยวเดินลงไปอีกชั้นก็ถึง”เธอพูด ไม่เอานะ ลงบันไดอีกหรอ แขนฉันยังไม่รู้สึกอะไร ชาอยู่เลย
“ไม่เอา ฉันไม่ลงบันได ไม่ ไม่”ฉันส่ายหน้า พลางใช้มือข้างปกติ ฉุดราวบันไดไว้
“กลัวบันไดหรอ ไม่เอาหน่า ไม่น่ากลัวเลย”ยัยยิ้มแฉ่งยังหัวเราะเบาๆ
“ไม่”ฉันตวาดเธอ
“โอ๋ๆ ไม่เอาหน่า ลงไปเหอะ”
“บอกว่า ม่ายยยยยยยยยยยยยย”ฉันยื้อราวบันไดไว้ไม่ยอมขยับเขยื้อน
“ทำอะไรน่ะ ฟลุท”เสียงผู้ชายดังขึ้นจากข้างหลังฉัน ฉันหลับตาปี๋ ไม่เอา ฉันไม่ลงบันไดนะ ไม่เด็ดขาดเลย
“จะพาคนนี้ไปห้องพยาบาล เขาตกบันไดลงมาทับฉัน ดินสิเลยทิ้มแขนเลือดไหลเลย”ฟลุทตอบไป โอเค ฉันรู้แล้วว่ายัยยิ้มแฉ่งชื่อฟลุท
“แล้วไม่ไปละ มาเกาะราวบันไดอย่างนี้ได้ไง”
“เขากลัว ไม่กล้าลงบันได ชัชมาก็ดีแล้ว มาช่วยอุ้มไปหน่อยแล้วกัน”ชัชหรือ ชัช พี่ชัชใช่ไหม ไม่น่านะ ถ้าคนนี้พี่ชัชช คนที่ชื่อฟลุทก็น่าจะเป็นรุ่นพี่น่ะสิ พี่ฟลุทหรือ ง่า ฉันตวาดรุ่นพี่นะเนี่ย
“ห๊า”เสียงอุทานจากพี่ชัช
“นะนะนะนะ”พี่ฟลุทอ้อน ฉันลืมตาขึ้นมาพบกับพี่ชัช ไอ้พี่หน้าหล่อ นักกีฬาโรงเรียนนั่นแหละ คราวก่อนแกล้งฉันไปแล้ว กำลังยืนเถียงกับพี่ฟลุท
“เออๆ ก็ได้ มาน้อง พี่อุ้ม”พี่ชัชว่า แล้วรวบร่างฉันขึ้นไปอย่างง่ายดาย เขาวิ่งลงบันได มาจนถึงห้องพยาบาลได้ โดยไม่สะดุดหรือไม่หอบเลยแม้แต่น้อย ส่วนพี่ฟลุทก็วิ่งตามมาติดๆ นี่ถ้ายัยแฝดนรกเห็นว่าพี่ชัชอุ้มฉันมา จะว่ายังไงนะ คงกรี๊ดสลบเลยละมั้ง
“เอาละได้แล้วนั่งนี่แหละครับ”พี่เขาวางฉันลงบนเตียง ขณะที่พี่ฟลุทวิ่งไปที่ตู้ยา
“ขอบคุณนะคะ”ฉันก้มหน้าไม่อยากสบตาเขาเดี๋ยวละลาย
“มาแล้วๆ เอาไอ้หน้าปลาจวด ออกไปเลยเดี๋ยวเค้าจะทำแผลกัน ชิ้วๆ”พี่ฟลุทไล่ แล้วหันมามองฉัน
“เราก็ถอดเสื้อสิ”
“ห๊า”
“ถอดเสื้อไง แผลอยู่ต้นแขน ถลกแขนเสื้อไปไม่ถึงหรอก ถึงไล่ไอ้หน้าปลาจวดออกไป อย่าบอกนะว่าไม่ได้ใส่เสื้อกล้าม”ก่อนที่พี่แกจะบ่นไปมากกว่านี้ฉันเลยพูดขึ้นขึ้นมาก่อน
“ค่ะ ใส่ๆ รอแปปนะคะ”
ฉันนั่งให้พี่ฟลุททำแผลให้ อย่างชำนาญการ ดูท่าทางพี่เขาจะทำแผลบ่อย ปากก็บ่นนู้นบ่นนี่ไปเรื่อย พี่เขาเป็นคนคุยเก่ง ชวนคุยสนุกเฮฮาดี หน้าพี่แกมีอยู่สองกริยา คือ ยิ้มกับหัวเราะเท่านั้น ฉันรู้สึกว่าตัวเองคุ้นชื่อพี่เขาอยู่ยังไงไม่รู้
“อะ รู้จักเค้าเป็นทางการนะ เค้าชื่อฟลุท ปรียนันท์ อยู่ม.5/3 สายวิทย์-คณิต แล้วตัวละชื่ออะไร”พี่ฟลุทแนะนำตัว
“เออ”
“ตัวละชื่ออะไร แนะนำตัวเองเลย”
“ชื่อหรือคะ ชื่อกริ่ง อยู่ ม.5/7 เดี๋ยวนะ พี่ชื่อฟลุท อยู่ม.5 สายวิทย์ งั้นพี่คงเป็นยัยตัวซวยที่ใครๆเขาพูดถึงใช่ไหม”ฉันถาม ชื่อพี่เขาดังกระฉ่อนมาก อยู่ในวงซุบซิบนินทากันหนาหูเลยทีเดียว มิน่าว่าชื่อเขาคุ้นๆ
“ใช่เลยจ๊ะ อิอิ รู้ว่าเค้าเป็นตัวซวย แล้วตัวรู้อะไรอีกจากวงซุบซิบนินทา”พี่เขาหัวเราะ ฉันไม่ชอบวิธีการที่พี่เขาพูดเลย เค้า กับตัว เหมือนพวกเกย์ยังไงไม่รู้สิ เอาเหอะ พี่เขาต๊องๆหน่อยนี่นา ตามที่ยัยพลอยนินทา เอ้ย เล่าให้ฉันฟัง
“เขาบอกกันว่าพี่เป็นแฟนประธานนักเรียน”ฉันพูดอย่างระวัง อันที่จริง เต็มๆว่า ประธานต่ำคว้าตัวซวยมาเป็นแฟน ยัยซวยบ้าติ๊งต๊อง ประธานไม่น่าเลย ฯลฯ แต่ว่า ไม่พูดดีกว่า
“แค่นั้นหรอ งั้นตัวคงเป็นคนที่เชยมาก เขาไม่ได้บอกหรอ ว่านายเป๊ปซี่ไอซ์ตาต่ำมาคว้าเค้าไปเป็นแฟน เค้ามันยัยติ๊งต๊อง คนอื่นไม่ได้พูดอย่างนี้หรอ”พี่ฟลุทพูดเหมือนพูดเล่น แล้วฉีกยิ้ม เป๊ปซี่ไอซ์หรอ ถ้าให้เดา น่าจะหมายถึงพี่บลู ประธานนักเรียนนะ
“แหะๆ”ฉันเกาหัว
“วันหลังบอกความจริงก็ได้ เค้าไม่โกรธหรอกนะ”ใครบอกว่าพี่เขาบ้าๆบอๆโง่ ทำไมรุ้ทันไปซะหมดอย่างนี้ละ
“อะค่ะ”
“เสร็จยัง”เสียงพี่ชัชถามจากหน้าห้องพยาบาล
“เสร็จแล้ว”พี่ฟลุทตะโกนตอบ
“เออนี่กริ่ง กริ่งว่านายชัชเป็นยังไง”จู่ๆพี่ฟลุทก็ถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย และไม่มีเหตุผลใดใดทั้งสิ้น ฉันจ้องหน้าพี่เขาอย่างงงๆ
“อย่ามองแบบนั้น ก็นายชัชอุตส่าห์ช่วยอุ้มตัวมาไง”
“ขา ก็ ไม่รู้สิ ไม่ได้คิดอะไรนี่นา”ฉันตอบความจริงไป ก็ตอนที่พี่ชัชอุ้มมาไม่ได้คิดอะไร แต่ว่าก่อนหน้านี้ ฉันปลื้มเขาสุดๆเลย
“หรอ ดีแล้ว ไม่ต้องคิดว่ามันเป็นคนดัง จริงๆมันก็ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่าเด็กผู้ชายคนนึง ที่เล่นกีฬาได้ แค่นั้นเอง ปกติพวกผู้หญิงจะกรี๊ดกร๊าดกันไปเรื่อย มันรำคาญ เค้าก็ปวดหู”พี่ฟลุทพูดซะยาว สรุปว่าพี่แกไม่ชอบเสียงกรี๊ดกร๊าดนั่นเอง
“ค่ะ”ฉันพยักหน้ารับคำ
“นี่ ยัยฟลุท ถ้าเธอไม่รีบไปเข้าแถว เดี่ยวสายฉันจะฟ้องพี่บลู”พี่ชัชเดินเข้ามาให้ห้อง แล้วเขกหัวพี่ฟลุทเบาๆ เออ... เบาๆของพี่ชัชน่ะนะ เพราะพี่ฟลุทแทบจะกระเด็นไปนั่งจ้ำบ๊ะอยู่บนพื้น
“ไอ้หน้าปลาจวด เบาๆหน่อยสิฟะ”พี่ฟลุทผลักพี่ชัช แล้วหันมายิ้มให้ฉัน
“ไปด้วยกันสิ”พี่ฟลุทถามฉัน ทำไมฟันพี่เขาขาวจัง แสบตาชะมัดเลย ฉันยกนาฬิกาขึ้นดู โอ้ว...7.15น.แล้ว อีก5นาที ออดจะดัง
“ค่ะ”ฉันพยักหน้า แล้วเดินออกมาจากห้องพยาบาลพร้อมกับรุ่นพี่ทั้งสองคน เวลาเดินกับคนดังเนี่ย ทุกอย่างดูเจิดจ้าไปหมด ยกเว้นตัวเรา กับยัยแฝดนรกฉันไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่ เพราะเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว แต่พี่สองคนนี้ ท่าจะดังกว่าสองคนนั่นอีก ใครๆก็หันมามอง
“ห้อง7ใช่ไหม”พี่ฟลุทถาม
“ค่ะ ดะ...”
“กริ่งงงงงงงงงงงงงง”ฉันพูดยังไม่จบประโยค ก็มีเสียงร้องตะโกนเรียกดังมาแต่ไกล จะใช่ใครที่ไหนละ ก็ยัยพลอยนี่เอง ส่วนทับทิมวิ่งตามพลอยเข้ามาเงียบๆ
“อ้าวเพื่อนหรอ งั้นพี่ไปเน้อ บาย”พี่ฟลุทฉีกยิ้มให้ฉัน วันนึงพี่เขายิ้มมากกว่าคนธรรมดากี่เท่าตัวเนี่ย ส่วนพี่ชัชเองก็ยิ้มให้ฉันเหมือนกัน แต่ยังเผื่อแผ่ไปยังเพื่อนของฉันด้วย ทำไมผู้ชายทั้งโลกนิสัยเหมือนกันหรือยังไงนะ พี่กลมก็หนึ่ง พี่กลิ้งก็หนึ่ง พี่ชัชอีกหนึ่ง
หลังจากพี่ทั้งสองหายลับสายตาไป
“กริ่งไปรู้จักสองคนนั้นได้ยังไง” ทับทิมเอ่ยปากถาม อย่างค่อนข้างเก็บอาการ ต่างจากพี่สาวฝาแฝดโดยสิ้นเชิง
“บอกมานะ พี่ชัชกับพี่ฟลุท แกไปสนิทขนาดเดินกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วแกทิ้งพวกฉันได้ยังไง”พลอยเขย่าตัวฉัน เจ็บแผลนะ ให้ตายสิ
“โอ้ย เจ็บ”ฉันร้องทำให้พลอยปล่อยทันที แล้วสำรวจร่างกายฉันอย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรตรงไหน”
“ม่ายบอก”
----------------
โย่วหลังจากหายไปหลายวัน(2วันเอง) กลับมาแล้วหุหุ
เมื่อวันศุกร์เราไปโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยมา  ไปหาเพื่อน เลยไปนั่งดูเขาซ้อมเชียร์ นั่งเฝ้าเพื่อนอยู่อย่างงั้นแหละ ตั้งแต่16.30-17.15น. มันสั่งให้เอานิยายไปให้อ่าน แต่ตัวมันดันซ้อมเชียร์ซะนี่ พอจะกลับ แม่โทรมา บอกว่าก๋งจะกินข้าวด้วย อยู่ไหน อะไรประมาณนี้ เขาเร่งให้เรากลับ แล้วไงอะ ตายสิคะ ไปยืนเรียกตุ๊กๆ หน้าโรงเรียน คราวก่อนได้50 คราวนี้ตั้ง70แน่ะ กว่าจะได้ไป ก็ได้คุยกับเพื่อนระหว่างนั่งรถกลับนี่แหละ เพราะรถติด กว่าจะไปถึงที่ทำงานพ่อ ก็18.00น.ได้ไปนั่งรอพ่ออีก
วันนี้ หุหุ ไปเรียนพิเศษสายครับท่าน ตื่นปกตินี่แหละ แต่รอห้องน้ำพี่ ระหว่างรอเลยลงมากินข้าวก่อน((พี่เราอาบน้ำเป็นชั่วโมงเลย))พอพี่ออก น้องเลยเข้าอาบต่อ เราเลยได้แต่นั่งรอ กว่าจะได้อาบน้ำ ปาไป10.00น. ตาย เราเรียน11.00น.ที่สยาม ไปเองไม่มีใครไปส่ง รีบอาบน้ำสระผม กว่าจะหมาด(ผมเรายาวเลยแห้งช้า)ได้ออกจากบ้าน10.30น. วิ่งสุดชีวิต เกือบลืมของขวัญวันเกิดเพื่อน นึกได้ลืมห่อนี่หว่า พอถึงสยาม เลยแวะเข้าร้านห่อให้หน่อย แม้ว่าจะเลยเวลาเข้าเรียนมา15นาทีแล้ว สรุป เข้าเรียนสายเกือบครึ่งชั่วโมงแน่ะ ดีว่าแค่เรียนเต้น ไปถึงเข้าวอร์มเสร็จพอดี เลยซ้อมเลย ซ้อมอยู่ น้องที่เข้าเรียนด้วยเอามือถือเราไปเล่น เรารำคาญเลยปิดเครื่งซะ ตั้งรหัสpinไว้ น้องมันก็กดมั่วสิ จนเครื่องล็อค ต้องไปเปลี่ยนซิมที่orange shopที่สยามดิสนู้น แต่ระหว่างจะไปนนี่สิ นัดเพื่อนไว้ให้มันโทรมาจะไปหา มือถือเจ๊ง ตายเลย ต้องนั่งรอ กว่าจะได้ไป ต้องเปลี่ยนซิม จ่ายอีก65บาท แล้วไปประตูน้ำ ซื้อชุดหางเครื่องให้เพื่อนในห้องประกวดวงลูกทุ่ง ขึ้นแท็กซ๊ ต่อค่าแท็กซี่อีก เยไปประตูน้ำในราคา40บาท แท็กซี่เขากดหยุดมิเตอร์ให้เลย ไอ้ชุดหางเครื่องเนี่ยหายากมาก กว่าจะหาร้านได้ ปาไปบ่ายสองครึ่ง แล้วกินข้าว ต่อรองราคาเขาอีก ได้ราคา3000บาท /8ชุด ก็โอ ตกชุดละ375บาทมันต้องสั่งตัด เพราะคนเต้นมันอ้วน ไม่มีไซด์ กว่าตกลงกันเสร็จ ก็4โมง กลับมาสยาม ด้วยตุ๊กๆ 50แน่ะ แพงกว่าแท็กซี่อีก แล้วเพื่อนเขาเลี้ยงเซเวนเซน หุหุ กว่าจะถึงบ้านก็18.00น. อาบน้ำกินข้าว แล้วมาอัพเนี่ย รอก่อนนะคะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น