ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปฏิบัติการพิชิตใจ หนุ่มวัยใส หัวใจติดเกม

    ลำดับตอนที่ #12 : ยัยจืด

    • อัปเดตล่าสุด 29 ต.ค. 48


    ในที่สุดฉันก็สู้อดทนแบกศีรษะอันสวยงามของตัวเองให้อยู่บนบ่ามาถึงบ้านได้ หลังจากฝ่าฟันความอายจากการลืมจ่ายค่าแท็กซี่ ตอนนี้ฉันกำลังนั่งเขี่ยข้าวในจานไปมาอย่างเซ็งๆ



    กับข้าววันนี้ดูเป็นอะไรที่พื้นบ้านมาก สำหรับคนเมือง แต่กลับดูเป็นอาหารชุดใหญ่พอดู สำหรับคนบ้านๆ(ที่มาอยู่ในเมือง)อย่างฉัน ไม่ว่าจะเป็นขนมจีนน้ำยา ข้าวยำ แกงพุงปลา ฯลฯ แต่รสชาติของมันกลับกร่อยไป เมื่อคนที่รอกินข้าวเที่ยงด้วยยังไม่โผล่มาให้เห็น



    ส่วนเพื่อนๆทั้งหลายที่ฉันขนมาบ้าน หลังจากประชุมแบ่งงานกันไปเรียบร้อย ทุกคนกำลังจ้องอาหารตรงหน้าด้วยอารมณ์หลากหลายกันออกไป



    แฟร์จ้องอาหารอย่างไม่ละสายตา แล้วมองคนนู้นทีคนนี้ที เหมือนจะรอให้มีใครซักคนเริ่มตักอาหาร แล้วตัวเองจะได้กวาดกินให้เรียบ



    นิ้งนั่งเขี่ยข้าวยำที่อยู่ในจาน อย่างสงสัย สีหน้าและแววตาของเธอ เหมือนจะบอกว่า ไอ้นี้กินได้ไหมเนี่ย



    นายเอ กำลังหยิบผักทุกชนิดขึ้นมาพินิจพิเคราะห์อยู่นานสองนาน แต่ไม่ได้เอาเข้าปากเลย



    ส่วนนายแคมป์ยิ่งแล้วใหญ่ เล่นเอาช้อนนั่งเขี่ยกับข้าวมันซะทุกชนิด ราวกับสำรวจสูตรอาหารให้ครบ เพื่อจะไปทำกินที่บ้านซะเลย



    “แม่ค่ะ ไหนว่าพี่กลิ้งจะมาถึงตอน11โมงไง”ฉันหันไปถามแม่ที่นั่งนิ่งๆอยู่ฝั่งตรงข้าม



    “ไม่รู้สิ”แม่ส่ายหน้าพลางมองไปที่พ่ออย่างขอความเห็น



    “กลม ไปโทรถามอีกทีสิ”พ่อสั่งพี่กลม



    “พ่อ เพิ่งโทรไปตะกี้เอง สายไม่ว่าง จะให้โทรอีกแล้วหรอ”พี่กลมมองหน้าพ่ออย่างเบื่อหน่ายก่อนจะเดินอุ้ยอ้ายไปที่โทรศัทพ์ กดหมายเลข9หลัก แต่ไม่พูดอะไร



    “ว่าไง สายว่างหรือยัง”ฉันถาม



    “ยัยบ๊อง เพิ่งโทรเองยังไม่ติดเลย”นี่ถ้าพี่แกอยู่ใกล้ๆฉันหน่อย คงเขกหัวฉันอีกแน่ๆเลยทีเดียวชิ รู้อย่างนี้ไม่เอานิ้งมาด้วยก็ดี



    เพราะไอ้พี่ชายฉันมันหน้าหม้อสิคะ แฟร์เนี่ย ก็หน้าตาธรรมดา ค่อนไปทางขี้เหร่หน่อยๆ และไอ้พี่กลมเห็นบ่อยแล้วเลยไม่คิดจะหม้อ แต่เหยื่อรายใหม่ของพี่แกนี่สิ นิ้งจ๋าระวังตัวหน่อยน้า ก็นิ้งเป็นคนขาว หมวยๆนิดๆ น่ารักหน่อยๆ ตรงเสปกพี่เขาเลย



    พี่แกเลยจัดการหม้อซะ จนนิ้งแทบไม่ได้จับงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยทีเดียว ฉันรำคาญแทนมากมาย ถ้าเป็นฉันเองคงตบพี่ชายตัวเองกระเด็นกลิ้งไปหน้าปากซอยแล้ว(กลิ้งไกลหน่อยเพราะมันกลม)



    “ติดแล้วๆ”พี่ชายตัวกลมของฉันร้องลั่นอย่างตื่นเต้น



    “ไหนๆ”ฉันรีบวิ่งไปแย่งโทรศัพท์มาทันทีท่ามกลางสายตาแปลกๆอันหลากหลายอารมณ์ของเพื่อนๆ



    “ฮา โหลลลล”เสียงเล็กๆใสๆดังขึ้นทางปลายสาย



    “สวัสดีค่ะ น้องเนยใช่ไหม นี่น้ากริ่งนะ”ฉันรีบหันหลังให้พี่กลมที่ตั้งท่าจะแย่งโทรศัพท์ไปจากมือฉันทันทีห่อนกรอกเสียงไปตามสาย



    “ป่าวค่า น้องนาวปู๊ด”



    “กำ อยู่ไหนแล้วจ้า”ฉันรีบถามทันที ก่อนที่พี่ตัวดีจะแย่งโทรศัพท์ไปได้



    “อยู่บ้านก้า”



    “ไหนๆ อยู่ไหนแล้ว”พี่กลมแย่งโทรศัพท์ไปจากมือฉันอย่างรวดเร็ว แล้วเขย่งปลายเท้าขึ้นให้โทรศัพท์อยู่ไกลจากฉันมาที่สุดตราบที่สายยังไม่ขาด



    “เอามานะ”ฉันยื้อโทรศัพท์กับพี่



    “แบร้ ไม่ให้ ค่า น้องนาว เดี่ยวเจอกันนะคะ”พี่ชายฉันแลบลิ้นให้ฉันทีนึง ก่อนจะหันไปพูดจ๊ะจ๋ากับโทรศัพท์ต่อ



    “พี่กลมใจร้าย”ฉันบ่น ขณะที่เดินกลับโต๊ะอาหารอย่างอารมณ์เสีย เซ็งๆๆๆๆๆ น้องนาวยังอยู่บ้านอยู่เลย



    “ว่าไงกริ่ง  พี่ชายคนโตเราอยู่ไหนแล้ว”แม่ถามอย่างกระตือรือร้นมาก



    “อยู่บ้านค่ะ”ฉันตอบพลางกระแทกก้นตัวเองลงบนเก้าอี้



    “อะไรนะยังไม่ออกมาอีกหรอ”แม่ลุกพรวดขึ้นมาทันที



    \"เขาบอกว่าอยู่บ้านอยู่เลยค่ะแม่\"ฉันกระแทกช้อนส้อมกับโต๊ะ



    \"ห๊า อะไรนะ แล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้กิน\"นายแคมป์ทิ้งช้อนส้อม แล้วเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างหมดอารมณ์ทำให้พ่อ มองเขาอย่างเหล่ๆ



    “ก็รอหน่อยสิ”พ่อพูดนิ่งๆ



    “บ้านเนี่ยมันอยู่ปักษ์ใต้เลยนะคะ”ฉันเถียงพ่อ



    ยังไม่ทันที่พ่อจะโต้กลับ ก็มีเสียงคนเปิดประตูหน้าบ้าน ทำให้เราทุกคนต้องหันไปมองตามเสียงทันที ไม่เว้นแม้แต่บรรดาแขกทั้งสี่ของฉัน



    เด็กผู้หญิง ตัวสูงแค่เอว มัดจุกสองข้าง ผิวค่อนข้างคล้ำ แต่เนียนละเอียดในชุดกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดที่แขนตกลงมาถึงข้อศอก บ่งบอกถึงขนาดที่ใหญ่กว่าคนใส่อยู่มากโข เธอวิ่งเข้ามาพร้อมรอยยิ้มร่าสดใส ชวนให้คนมองหมั่นเขี้ยว



    ก่อนจะก้าวพ้นประตูรั้วมาได้ เด็กหญิงเตะประถางต้นไม้ที่พ่อของฉันบรรจงปลูกขึ้นมาอย่างแสนรัก ล้มลงไปนอนระเนระนาด สิ่งที่เธอทำหลังจากนั้น ไม่ใช่เดินเข้ามาอย่างเรียบร้อย พร้อมกับขอทาด้วยท่าทีสำนึกผิด แต่กลับเป็นการเหลือบมองกระถางน้อยที่น่าสงสาร แล้วแลบลิ้นปลิ้นตา ส่ายก้นไปมาให้ผู้ที่มองอยู่



    ท่าทางแสบๆคันๆ ของเด็กหญิง ชวนเอ็นดู และน่าปวดหัวไปพร้อมๆกัน แล้วคุณจะ ปวดหัวกำลังสอง เพราะเธอมีกันมาสองคน หน้าตาเหมือนกันย่างกับเคาะออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน



    “เนย นาว”ฉันร้องเรียก แล้วลุกพรวดวิ่งไปหาหลานสาวทันที



    “ไหน น้องเนย มาให้อากริ่งหอมแก้มหน่อยสิ ข้างซ้ายหรือขวาก่อนดี”ฉันนั่งยองๆลงข้างหลานสาว พลางมองสีหน้าครุ่นคิดของหลานตัวน้องอย่างเอ็นดู



    “ข้างไหนก็เหมือนกันก๊ะ  ขอนาวหอมแก้มคุงอาดีก่า”น้องนาวไม่พุดเปล่ายังเขย่งเท้าน้อยๆขึ้นมาหอมแก้มซ้ายฉันฟอดใหญ่



    “หอมด้วยๆ”น้องเนยหอมแก้มขวาฉันอีกฟอด



    “ไหน ขออาหอมทีสิ”ฉันจัดการหอมแก้มซ้ายแก้มขวาของสองฝาแฝด แล้วลุกขึ้นจูงมือมาที่โต๊ะอาหาร ทิ้งให้พ่อแม่ของทั้งสองคนมองขำๆอยู่หน้าบ้าน



    “ปล่อยยัยรักหลานเขาไหนเหอะ  กลิ้ง อ้อย มากินข้าวกินปลากัน”แม่เอ่ยปากชวนอย่างดีใจ



    “พี่กลิ้งอะ ช้าชะมัด กินข้าว เดี๋ยวได้คุยกัน นี่ ยัยนางสาวไทย มากินข้าวได้แล้วเดี๋ยวหลานฉันจะอด”พี่กลมหันมาพูดกับฉันในประโยคสุดท้าย



    เอาเถอะ ถึงจะรู้ว่ามันแขวะ แต่เป็นนางสาวไทย ใครจะไม่ดีใจล่ะคะ



    “แล้วนี่ใคร ไม่แนะนำให้พี่รู้จักบ้างเลยหรอ เดี่ยวนี้ร้ายนะ เอาผู้ชายเข้าบ้าน”พี่กลิ้งถาม แล้วหย่อนก้นลงนั่งข้างนายแคมป์



    “วันหลังกลิ้งมากำหราบบ้างสิ”พ่อช่วยสนับสนุน สองคนนี้ร่วมใจกันหวงฉันซะจัง ยังกับว่าใครเขาจะมาหลงเสน่ห์ฉันมากมาย



    “โธ่ พ่อ พี่กลิ้ง ไม่ใช่อย่างนั้น นี่เพื่อนๆเค้า ไม่ใช่ผู้ชายทั้งหมด มีตั้งสี่คน ชายสองหญิงสอง พี่กลิ้งก็ดูแต่ผู้ชาย จับผิดอยู่ได้”ฉันจูงมือหลานมานั่งหน้าบ้าน เพราะโต๊ะคงไม่พอ แล้วเดินกลับมาเพื่อหยิบจาน



    “นี่นิ้ง แฟร์ เอ แล้วก็แคมป์ เพื่อนๆเค้าเอง มาทำรายงานด้วยกันอยู่ห้องเดียวกันทั้งนั้น น่ารักสู้ยัยแฝดนรกไม่ได้หรอก แต่ดีแล้วไม่งั้นพี่กลมหม้อแหลก”ฉันฟ้องพี่กลม พลางหันไปตักอาหารใส่จานให้หลาน



    “แล้วนิ้ง แฟร์ เอ แคมป์ นี่พี่ชายคนโตของฉัน กับพี่อ้อย แฟนเขา แต่งงานแล้วมีลูกแล้ว นู้นหลานฉัน น้องเนยกับน้องนาว อายุสี่ขวบน่ารักน่าหยิกมากถึงมากที่สุด เขาอยู่ปักษ์ใต้ แต่วันนี้มาเยี่ยม”ฉันร่ายยาว แล้วเดินไปป้อนหลานที่นั่งจ้องทีวี



    ฉันค่อยๆป้อนข้าวป้อนน้ำหลานไปเรื่อย หูก็เงี่ยฟังการสนทนาบนโต๊ะอาหาร



    “รู้จักกันกี่ปีแล้วล่ะ”เริ่มรายการซักฟอกเพื่อนๆของฉัน โดยท่านพี่ใหญ่



    “ปีเดียวค่ะ”แฟร์ตอบ



    “สนิทกันมากหรอ”พี่อ้อยถาม



    “พอสมควรค่ะ”แฟร์ยังเป็นคนตอบเช่นเดิม



    “แล้วเรียนที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง”พี่กลิ้งถาม



    “ก็ดีค่ะ”นิ้งตอบค่อยๆ ดูไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ ก็สมควรล่ะว่าถูกซักซะ



    “ก็ดียังไงล่ะ”โห พี่ชายฉันเห็นทีฉันต้องไปขัดไว้ก่อนดีกว่า เดี๋ยวเพื่อนฉันจะกลัวจนหัวหดซะก่อน

    แต่ก่อนที่ฉันจะลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะอาหาร ก็มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้น



    “ขอโทษนะครับ ผมว่า พี่ซักพวกเรา ยิ่งกว่าตำรวจซักผู้ต้องหาซะอีกครับ”ทายสิ ใครเอ่ยที่พูดวาจาสามหาวสี่หาวนี่ขึ้นมา



    “แล้วนายล่ะ เรียนเป็นยังไง เกรดเทอมที่แล้วได้เท่าไหร่”พี่กลิ้งเปลี่ยนเป้าหมายจากยัยนิ้งมาถามเจ้าของวาจาสามหาวแทนในทันที



    “1.53ครับ”น้ำเสียงภูมิใจในสิ่งที่ไม่น่าภูมิใจเลยแม้แต่นิด เกือบจะตกอยู่มะรอมมะร่อแล้วนะนั่น ถ้าฉันได้เกรดเท่านั้นมีหวังโดนพ่อกับแม่ฉะตายคาที่แน่นอน100%



    “กริ่งเทอมที่แล้วได้เท่าไหร่”พี่ชายฉันหันมาถามฉันที่เดินเข้ามา



    “3.98”ฉันตอบ อย่างไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่ แล้วเอ่ยปากถามพี่อ้อยต่อเลย“แล้วนี่ที่สวนใครดูแลอยู่คะ พี่อ้อย”



    “พี่ให้คนงานเขาดูจ๊ะ เออ แล้วนี่เพื่อนๆกริ่งเขามาทำอะไรเต็มบ้านเลย”พี่อ้อยขา ทำไมต้องจับผิดหนูด้วย แค่พี่กลิ้งคนเดียวก็จะตายอยู่แล้ว



    “พอดีจับพลัดจับพลูได้อยู่กลุ่มเดียวกัน เลยขนกันมาทำรายงานที่บ้านนี่แหละ”ฉันอธิบาย



    “แล้ว....”ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไรต่อ ก็มีเสียงใสๆ ดังขึ้นจากข้างๆตัว



    “คนไหนแฟนอากริ่งก๊ะ”พลานสาวสุดรักสุดสวาทของฉัน ถามพ่อตัวเอง อย่างอินโนเซนท์มากๆ ไม่รู้เลยว่าคนเป็นอากำลังจะตายด้วยสายตาพิฆาตของพ่อตัวเอง



    ฉันควรจะเรียกหลานสาวสุดเลิฟ ว่าเป้นแฝดนรกจูเนียร์ไหมเนี่ย น่าหมั่นไส้พอๆกับยัยแฝดนรกเพื่อนสนิทฉันเลย ว่าไหม



    “O.o” เกิดอาการตะลึงสิคะ



    “ถามอากริ่งสิลูก”พี่กลิ้งพูดกับนาวเนย น้องนาว



    “คุงอาก๊า ใครเป็นคุงอาเขยก๊า”ดูเด็กถามเข้าสิ อยากรู้นักว่าใครสอน ฉันหันไปมองหน้าเพื่อนๆอย่างขอความช่วยเหลือสุดๆ



    “Don’t me.”นายเอตอบ แล้วส่ายหน้าสุดฤทธิ์



    “งั้นคนนี้....”



    “ไม่มีทั้งนั้นแหละจ๊ะ เพื่อนๆอาไม่ใช่แฟน”ฉันก้มตัวไปตอบเด็ก “เอาละ กินข้าวเสร็จแล้วไปทำรายงานกันเหอะ จานทิ้งไว้นะคะ เดี๋ยวมาล้างให้”ฉันพูด แล้วดึงนิ้งกับแฟร์ให้ลุกขึ้นตามมา



    ความรู้สึกของฉันตอนนี้ บอกได้อย่างเดียว ว่าอายจนแทบจะแทรกพื้นกระเบื้องในครัวหนีไปให้ไกลจากตรงนี้ ไกลสุดขอบฟ้าเลยได้ยิ่งดี เป้าหมายของฉันกำลังมองฉันตาค้าง ก่อนจะลุกขึ้นเดินตามฉันมา นิ้งเองก็ได้แต่อึ้ง เดินตามมาเหมือนกับหุ่นยนต์ดูป้อนคสั่ง คนที่ดูจะมีปฏิกิริยาต่างจากคนอื่น ก็คือยัยแฟร์ ที่กำลังหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว



    “ว่าที่ลูกเขยบ้านนี้ก็ดีนะแคมป์”ยัยตัวดีเอ่ยแซว



    “ไม่เห็นดีตรงไหน”แคมป์ตอบเสียงเรียบ



    “มีแฟนเรียนกเก่งไม่ดีหรอ”แฟร์ถามต่อ



    “เก่งน่ะดี แต่คนนี้ จืดชืด”นายแคมป์ พูด นี่ฉันอยู่ตรงนี้นะ พวกนายจะมองข้ามหัวฉันไปเลยหรอ ทำไมไม่คิดถึงจิตใจคนอื่นบ้าง ฉันหันหลังกลับไปประจันหน้ากับนายแคมป์ทันที



    “นายบ้าเกม หยุดพูด แล้วเดินตามมาเงียบๆ”



    “แฟร์ชวนฉันคุย เขาถามฉันตอบ แค่นั้นเอง ทำไมยอมรับไม่ได้หรอว่าตัวเอง มันจืดชืด”นายแคมป์เถียง



    นับหนึ่งถึงสิบไว้นะ กริ่ง เอาละ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ท่องไว้ เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก เอาละ พุทธ โธ ตั้งสติไว้ อย่าไปสนใจ



    “หลับตาทำไม เจ็บละสิ ยัยจืด”



    แล้วฉันก็ตระหนัก ว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม



    กรรมที่มันก่อขึ้นเมื่อกี้



    พลั่ก!!!



    “หุบปาก ถ้านายไม่อยากเป็นผีเฝ้าบ้านนี้นะ”ฉันคว้าเอากระป๋องอะไรก็ไม่รู้ที่อยู่ใกล้มือ ฟาดเข้าไปที่หลังนายแคมป์เต็มแรง



    “เอาละ เอนายไปเข้าเกม แล้วสอบถามคนในเกมเกี่ยวกับทัศนคติที่ว่า คิดยังไงว่าเล่นเกมแล้วการเรียนจะเสีย”ฉันหันไปสั่งเอ



    “นิ้ง กับแฟร์ช่วยกันออกแบบป้าย แล้ว ตัด ฟิวเจอร์บอร์ดพวกนี้ ทำได้เลยนะ เดี๋ยวฉันจะไปสรุปข้อมูล เข้าใจไหม”นิ้งกับแฟร์พยักหน้างึกๆ



    “เธอสั่งไอ้พวกนี้ตั้งแต่เช้าแล้ว”แฟร์เอ่ย



    “งั้นก็ทำสิ”ฉันแทบจะขึ้นเสียงเลยทีเดียว



    “ส่วนนาย แคมป์ ไปเดินแจกแบบสอบถามหน้าปากซอย ตรงสภากาแฟ เร็วๆด้วย”ฉันสั่ง แล้วเดินตรงไปที่โต๊ะหนังสือทันที





    --------

    คอมเจ๊งโทษทีนะคะ นี่แอบมาเล่นที่ทำงานแม่ เดี๋ยวกลับไปเอาคอมที่ซ้อมคาดว่าน่าจได้อัพตอนดึกคืนนี้ แต่ไม่รับปากดีกว่า เดี๋ยวผิดสัญญาเหมือนวันก่อน ขอโทษด้วยนะคะ

    -----

    แค่นี้ก่อนนะซ้อมเชียร์เหนื่อยมากเลยค่ะ แต่หนูจะทำเต็มที่ เพื่อPDS สู้ๆ เดี๋ยวจบสาธิตสามัคคีแล้วมาอัพเน้อ รักคนอ่านนะคะ โพสๆๆๆๆ พลีส

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×