เพื่อนซี้มีไว้ให้รัก ๒๔ ชั่วโมง
เพื่อน ไม่จำเป็นต้องวัยเดียวกัน เพศเดียวกัน ศาสนาเดียวกัน ประเทศเดียวกัน ทุกคนบนโลกใบนี้สามารถเป็นเพื่อนกันได้...
ผู้เข้าชมรวม
147
ผู้เข้าชมเดือนนี้
7
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เพื่อนซี้มีไว้ให้รัก ๒๔ ชั่วโมง
ตอน รับ ลวงตา
คุณนายเพ็ญศรี ที่จริงนางไม่อยากให้ใครเรียกนางว่า “คุณนาย” สักเท่าไหร่หรอก
“อย่าเรียกคุณนงคุณนายอะไรเลย ฉันก็คนบ้านนี้มาตั้งแต่เกิดเรียกศรีอย่างเดิมน่ะดีแล้ว”
คุณนายศรีน่ารักอย่างนี้แหละ ญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านถึงชอบนางและมากไปกว่านั้นนางชอบของเก่าโดยเฉพาะจักรยานคู่ใจที่ซ่อมแล้วซ่อมอีกนางก็ไม่ยอมขายทิ้งซื้อใหม่ นางยังใช้คันเดิมและวันนี้นางก็พาจักรยานคันเก่าของนางไปบ้านคุณนายสายสมร ภรรยานายอำเภอรงค์ที่เพิ่งย้ายมาเมื่อ 3 เดือนก่อน
คุณนายสายสมรชอบในน้ำใจคุณนายเพ็ญศรีมากๆ วันแรกที่เจอกันคุณนายเพ็ญศรีไม่แค่มาต้อนรับนายอำเภอเหมือนชาวบ้านคนอื่นๆที่ต้อนรับตามพิธีแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน คุณนายเพ็ญศรีอยู่ช่วยยกของ จัดของจนถึงเย็นจึงขี่จักรยานกลับบ้าน คุณนายสายสมรถามคุณนายเพ็ญศรีว่า
“คุณนายไม่พักบ้านพักนายตำรวจหรือคะ”
“ไม่หรอกจ้ะคุณนาย บ้านฉันอยู่ไม่ไกลจากโรงพักก็เลยอยู่บ้านตัวเองดีกว่าสบายใจดีไม่ต้องขนย้ายยุ่งยากจ้ะ”
“คุณนายเกิดที่นี่เหรอคะ”
“จ้ะ ฉันเกิดบ้านนี้โตบ้านนี้ก็หวังจะตายบ้านนี้ด้วยจ้ะ อ้อ.คุณนายนายอำเภอจ๊ะอย่าเรียกฉันคุณนายเลยจ้ะเรียกศรีเฉยๆ ก็พอจ้ะ ฉันไม่คุ้นจ้ะ”
คุณนายเพ็ญศรีของผู้กำกับชาญยิ้มจนตาหยีแต่ก็ยังสวยตามประสาชาวบ้านๆ ของนาง คุณนายสายสมรถึงกับอ้าปากถอนใจแบบให้ลมออกทางปาก
“โล่งอก ฉันก็คิดว่าคุณนายผู้กำกับฯจะถือยศถือศักดิ์ซะอีก ถ้าคุณนายเพ็ญศรีไม่ให้ฉันเรียกคุณนาย คุณนายก็ห้ามเรียกฉันคุณนายนายอำเภอเหมือนกัน คุณนายต้องเรียกฉันหมอนคำเดียวตกลงมั้ยคะ”
“ตกลงจ้ะ แหม.คุณนายสายสมรนี่ใจดีไม่ถือตัวเลยนะจ๊ะฉันชอบจ้ะไม่เหมือนคุณนายนายอำเภอคนก่อนต้องให้เรียกคุณนายทุกคำเลยจ้ะ อ้อ.ฉันเผลอไปไม่ควรเอามาพูด คุณนาย..เอ้ย.คุณหมอนลืมๆ ไปเถอะนะจ๊ะ”
คุณนายสายสมรถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่กับการพูดจาซื่อๆ ตรงๆ ของคุณนายเพ็ญศรี
“ได้ๆ ฉันลืมๆ เออนี่คุณศรี วันเสาร์มาทานข้าวบ้านฉันนะ ตำส้มตำทานกัน”
“โอ๋ได้เลยจ้ะ ฉันจะแสดงฝีมือส้มตำปลาร้าให้กิน คุณนายเอ้ย คุณหมอน ฉันพูดคำว่ากินติดปากไอ้ทานเทินน่ะพูดไม่ค่อยเป็น ฉันขอพูดคำว่ากินได้มั้ยจ๊ะ”
คำถามนี้ทำเอาคุณนายสายสมรหุบยิ้มแทบจะทันทีไม่ใช่เพราะคำพูดตรงๆ ของคุณนายเพ็ญศรีแต่เป็นคำขอนั่นต่างหากที่คุณนายสายสมรพูดไม่ออก
“คุณศรีพูดตามสบายเถอะ ฉันไม่ว่าอะไรหรอก ฉันพูดทานกับคุณนายคุณหญิงที่เคยรู้จักมันติดมาคิดว่าคุณศรีจะใช้คำนี้ด้วย ฉันมาเจอคุณศรีฉันสบายใจที่สุดเลยรู้มั้ย เรามาเป็นเพื่อนกันนะคุณศรีนะ”
คุณนายสายสมรยื่นมือซ้ายมาให้คุณนายเพ็ญศรีจับ คุณนายเพ็ญศรียกมือไหว้คุณนายสายสมรก่อนจะจับมือกับคุณนายนายอำเภอไม่จับมือเดียวแต่จับทั้งสองมือเขย่าอย่างดีใจ คุณนายสายสมรยิ้มจนเกือบจะร้องไห้กับความน่ารักของคุณนายเพ็ญศรี
“จ้ะ เราจะเป็นเพื่อนกัน เป็นเพื่อนแบบคุยได้ทุกเรื่องนะจ๊ะคุณหมอน คุณหมอนอายุมากกว่าฉันมั้ยจ๊ะ ฉันสี่สิบแปดจ้ะ”
“คุณศรีสี่สิบแปด ฉันแก่กว่าสามปี”
“แก่กว่าสามปีก็ห้าสิบเอ็ดคุณหมอนเป็นพี่ฉัน ฉันเรียกพี่หมอนได้มั้ยจ๊ะ”
“ได้จ้ะ”
คุณนายสายสมรหัวเราะชอบใจ อะไรจะมาเจอคนตรงขนาดนี้ คุณนายเพ็ญศรีขี่จักรยานกลับบ้านร้องเพลงไปตลอดทางจะไม่ให้อารมณ์ดีได้อย่างไรล่ะก็มีเพื่อนใหม่เป็นถึงคุณนายนายอำเภอแถมไม่ถือเนื้อถือตัวด้วย
จากวันนั้นเป็นต้นมาคุณนายเพ็ญศรีไปมาหาสู่ที่บ้านพักนายอำเภอไม่เคยขาด วันไหนมีแกง มีต้ม มีเลียงก็ตักมาให้คุณนายกับนายอำเภอเกือบทุกวัน นายอำเภอรงค์ก็ดูจะชอบใจคุณนายเพ็ญศรีมากถึงกับเชิญมากินข้าวมื้อเย็นด้วยตัวเอง
“คุณศรีเย็นนี้มากินข้าวด้วยกันนะเดี๋ยวผมจะไปเชิญผู้กำกับชาญด้วย มานะ”
“จ้ะ”
คุณนายเพ็ญศรียิ้มแก้มแทบแตกทีเดียวรีบปั่นจักรยานกลับบ้านเตรียมตำน้ำพริกแกงส้มดอกแคกับปลาช่อนที่แวะซื้อในตลาดสด ผู้กำกับชาญเลิกงานกลับเข้าบ้านเห็นภรรยาขลุกอยู่ในครัวสาละวนกับเตากับหม้อก็รู้ว่าเตรียมทำกับข้าวไปกินบ้านนายอำเภอ ไอ้เรื่องที่จะไปกินมือเปล่าไม่มีเสียละสำหรับเพ็ญศรี
ผู้กำกับชาญอายุ 54 ปีแต่งงานตอนอายุ 30 กับหญิงสาวชนบทที่งามทั้งกายทั้งใจ เขาเป็นคนกรุงเทพฯแต่กลับมาหลงรักสาวบ้านนอกและเป็นความรักที่เขาไม่เคยเสียใจหรือช้ำใจกับความรักครั้งนี้ยกเว้นเรื่องเดียวเท่านั้น...เรื่องเดียวที่เขาพยายามลืมมัน...
เย็นนั้นผู้กำกับชาญขอให้สิทธิ์ผู้กำกับออกคำสั่งกับภรรยาทั้งที่ไม่เคยออกคำสั่งอะไรได้เลยแต่วันนั้นคุณนายเพ็ญศรีต้องยอมนั่งรถเก๋งผู้กำกับไปกินข้าวบ้านนายอำเภอเพราะหม้อแกงส้มกับถาดปลาเค็มนิลแดดเดียวบรรทุกใส่ท้ายรถจักรยานคันเก๋าของคุณนายไม่ได้ เย็นนั้นมิตรภาพของนายอำเภอกับผู้กำกับและศรีภรรยาทั้งสองงอกเงยประดุจถั่วงอกเพราะมันโตเร็วมากๆ
เช้าวันเสาร์คุณนายเพ็ญศรีตื่นเช้าเหมือนทุกวันแต่วันนี้นอกจากจะทำกับข้าวให้สามีแล้วยังสอยมะละกอจากต้นสวนข้างครัว เก็บพริกสดจากต้น มะนาวจากต้นอีกเช่นกัน ได้มะละกอมาล้างใส่ถุงพลาสติก พริกสด มะนาว หยิบมะขามเปียกใส่ถุงรวมกัน เสร็จจากมะละกอหันไปจกปลาร้าออกจากไหใช้มือล้วงลงไปจับปลาร้าออกใส่ถุงพลาสติกหรือถุงร้อนใส่อาหารนั่นแหละ บ้านคุณนายเพ็ญศรีทำปลาร้ากินเอง คุณนายลงมือทำปลาเอง ขอดเกล็ดผ่าท้องควักไส้พุงออกหมดแล้วก็แช่น้ำในกะละมังไว้เลย ปลาที่ใช้ทำปลาร้าใช้ปลาทุกประเภทส่วนมากคุณนายเพ็ญศรีใช้ปลาเกล็ดน้ำจืดเหตุผลว่าอร่อยแค่นั้นแหละ
ทำปลาแช่ในน้ำเปล่าหลายชั่วโมง ถ้าทำเช้าแช่ถึงเย็นให้ปลาลุ่มเนื้อก็ประมาณเกือบเน่ามั้ง คุณนายว่าปลาเน่าจะทำปลาร้าอร่อยไม่ใช่เก็บปลาเน่ามาทำนะซื้อปลาสดมาทำให้เน่ามันต่างกันตรงไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน คุณนายบอกว่าใช้ปลาสดมาทำให้เน่า
หลังจากแช่ปลาได้ที่ (เน่าได้ที่) ก็ล้างปลาสองสามน้ำให้สะอาดจากนั้นใส่เกลือเม็ด ใส่ไปหยำไปให้เข้ากันต้องใช้มือขยำให้ความเค็มเข้าเนื้อปลา เหม็นยังไงก็ต้องขยำไปเรื่อยๆ จนหมาดมือหรือฝืดมือนั่นแหละ ทีนี้ก็ใส่ปลาขยำได้ที่แล้วลงในไห ไม่ใช่โอ่งนะเพราะทำกินเองไม่ได้ทำขายแต่บางบ้านทำขายแต่ใส่ไหนี่แหละ กดปลาให้เสมอกันแล้วปิดปากไหใช้ถุงพลาสติกทับด้วยผ้ามัดปากให้แน่นใช้ผ้าห่อขี้เถ้า (เถ้าถ่าน) วางทับปากไหอีกทีกันแมลงวันตอมหรืออาจไข่ใส่ปากไห
ต่อมาอีก 7 วันจกปลาหมักในไหออกมาใส่หม้อหรือกะละมังก็ได้ เอาชนิดที่คนสะดวกเพราะต้องใส่ข้าวคั่ว ข้าวคั่วทำมาจากข้าวเปลือกคั่วให้เหลืองหอมไปทั้งหมู่บ้านเล็กๆ คั่วเหลืองดีแล้วก็เอาไปใส่ครกตำ ตำจนแหลก ควักจากครกใส่ตะแกรงร่อนเอาแต่รำไว้แล้วตำกากต่อแล้วก็ร่อนอีก ทีนี้จะได้ข้าวคั่วหอมน่ากิน เอาข้าวคั่วนั่นแหละมาใส่ปลาเหม็นๆ ที่เอาออกจากไห คลุกเคล้าข้าวคั่วกับปลาจากรื่นมือจนฝืดมือ
หลังจากนั้นล้างไหให้สะอาดแล้วเอาปลาขยำกับข้าวคั่วใส่ในไหอีกครั้งผูกปากให้เรียบร้อยเหมือนครั้งก่อนไม่ให้แมลงวันไข่ใส่ได้แล้วก็ทิ้งไว้ครึ่งเดือนหรือ 1 เดือนค่อยเปิดไห คราวนี้แหละจากของเหม็นๆ กลายเป็นหอมขึ้นมาทันที (เฉพาะคนกินปลาร้าเท่านั้นนะ) ฝีมือการทำปลาร้าของคุณนายเพ็ญศรีเป็นที่ขึ้นชื่อของหมู่บ้าน พอหลนปลาร้ากลิ่นหอมกระจายไปทั่วหมู่บ้าน คนโน้นก็หมดหรือยังซื้อโลสิ คนนี้ก็หมดหรือยังซื้อโลสิ คุณนายบอกว่า แหม.ถ้าขยันทำปลาหน่อยละก็จะเป็นแม่ค้าขายปลาร้าให้ดู คุณนายไม่ขี้คุยแต่นางคุยจริงๆ
เตรียมมะละกอ พริก ปลาร้า มะขามเปียก กระเทียม น้ำตาลปี๊บแล้วหันมานับนิ้วว่าขาดอะไรอีกที่ขาดต้องไปหาในตลาดสด มะเขือเทศ ปูเค็ม มะกอก (สำหรับใส่ส้มตำปลาร้า ลูกคล้ายๆ มะกอกน้ำแต่พอแก่จะมีผิวสีน้ำตาลเข้มเมล็ดใหญ่) ผักกินกับส้มตำเก็บยอดกระถินริมรั้ว ใบชะพลูในสวนหลังบ้านเพิ่มมาอีก ผู้กำกับตื่นมาเห็นภรรยาเตรียมมะละกอก็รู้ว่าต้องมีการตำส้มตำในมื้อเที่ยงแน่นอน
“ศรี จะไปตำส้มตำเลี้ยงใครที่ไหนอีกล่ะ”
“บ้านพี่หมอน ไปด้วยกันนะ นายอำเภอก็อยู่ ไปนะพี่”
“มันจะดีเหรอ เขาไม่ได้ชวนพี่ ศรีไปคนเดียวเถอะ”
“กลัวคนจะว่ารึไงเข้าออกบ้านนายอำเภอบ่อยเกินรึไงพี่ ใครมันจะว่ายังไงก็ชั่งปะไร เราไม่ได้เข้าไปประจบสอพอสักหน่อย ไปเถอะขนของขึ้นรถเร็ว ถ้ากลัวคนว่าก็ไปส่งฉันก่อนค่อยกลับบ้าน”
คุณนายเพ็ญศรีได้ยินปากหอยปากปูปากปลาว่าผู้กำกับบ่อยๆ แต่ก็ไม่สนใจเพราะรู้ว่าสามีของนางไม่เคยประจบใคร นายอำเภอคนก่อนเชิญไปกินเลี้ยงที่บ้านพักวันหยุดก็ไปตามคำเชิญไม่ใช่แค่ผู้กำกับชาญคนเดียว นายตำรวจยศน้อยกว่าอีกหลายคนไปพร้อมกันถ้าจะประจบก็ประจบเกินกว่าสิบคนคุณนายผู้กำกับจึงไม่ใส่ใจคนชอบว่าเผลอๆ ได้ยินกับหูก็ตอบกลับเจ็บแสบ
“ถ้าไม่นินทาจะได้ขึ้นสวรรค์นะรู้มั้ยแต่ที่กำลังนินทาผัวฉันอยู่เนี่ยตกนรกยกทีมเชื่อฉันสิ”
ผลงานอื่นๆ ของ ปีย์วรา,ผกาย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ปีย์วรา,ผกาย
ความคิดเห็น