คนมันคิดได้ - คนมันคิดได้ นิยาย คนมันคิดได้ : Dek-D.com - Writer

    คนมันคิดได้

    เรื่องนี้ก็มาให้ขำๆกานเล่น

    ผู้เข้าชมรวม

    1,447

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    1.44K

    ความคิดเห็น


    6

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ตลก-ขบขัน
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 ส.ค. 48 / 02:15 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      พิมพ์ 2 ทุ่ม ครึ่ง ของวันที่ 2 พ.ค.48
      คำแนะนำ
      เริ่มต้นจากการเริ่มเขียนไอ้นี่ซะก่อนนะคร้าบ แรงบันดาลใจของผมก็คือ ผมเห็นน้าเน็กเค้าก็โด่งดังจนไม่ลืมหูลืมตา จนไม่มีเวลาให้นาให้ไร่กันไปแล้ว เพิ่งออกสะเก็ดดาวช่องเก้าไปเมื่อตะกี้นี้ ก็เห็นว่า คนเครียดๆมันก็จะต้องมีการผ่อนคลาย สบายกระเพาะ เสนาะหูกันบ้างนะคร้าบ แต่ ฉบับนี้ สบายใจแน่คร้าบ เรียกว่าครบสูตรกันไปเลย เมื่อสบายใจ โลกนี้ก็เป็นสีจมปู ( เอ๊ะ ใช่รึป่าว ) ผมคิดว่าเล่มนี้คงสนุกกว่าเล่มของน้าเน็กนะคร้าบ คือแบบว่า คนเราไม่ได้อยู่กันที่การแสดงออกว่า น่าจะตลกนะ คนเราอาจจะมีตลกกันไม่เท่ากัน ไอ้เรานี่ก็จะไปสาระแนรู้ว่าเค้าตลกหรือไม่ตลกก็ใช่เรื่องอยู่ จึงเขียนหนังสือเล่มนี้ออกมาสู่ประชาชีเพื่อเป็นการประมวลความคิดเห็นของคนต่างชนชั้นว่าจะมีความตลกขบขันต่างกันเพียงใด คนที่คุณเห็นว่าตลกอาจจะเป็นคนขี้อิจฉาก็ได้ แหมใครจะไปรู้ล่ะคร้าบ
      และน้าเน็กเค้าให้คำนำว่า ไม่อ่านบ้านบึ้ม ผมขอมั่ง เอาเป็น ไม่ซื้อแม่แอ๊บละกัน

      คำเตือน(ใจ)
          ถ้าไม่ขำอย่าโทษคนเขียน ควรโทษตัวคุณเองและทบทวนดูว่า คุณเปิดใจให้กับตัวเองในการรับรู้เรื่องราวของคนอื่นๆได้ดีเพียงใด นอกจากจะรับรู้แต่เรื่องของตนเอง



      สเต็ปที่1 ดูคนให้ดูหน้า ดูหมาให้ดูเจ้าของ
          สเต็ปนี้ให้ข้อคิดเกี่ยวกับการทำนม เอ๊ย ดูคน ให้ดูอย่างมีหลักการเพื่อพิทักษ์องค์การสมาชิกประชาชาติ เราไว้ให้ยั่งยืน (เกี่ยวกันตรงไหน)  
          การเลือกหมาที่เราจะไปขอเค้าเอามาเป็นกรรมสิทธิ์ หรือ มีไว้ในครอบครองนั้น ไม่ต้องผ่านหูผ่านตาผู้พิทักษ์สันติราชแต่ประการใด แต่ต้องผ่าน ผู้เลี้ยง และ ผู้ขาย จนบัดนี้ก็ยังไม่มีกฎหมายข้อใดบัญญัติไว้ว่าการเลี้ยงหมาที่เคยเป็นของผู้อื่นนั้นผิดแต่อย่างใด แต่การเลือกหมานี่สิเป็นเรื่องที่ต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ ไม่เหมือนการเลือกมะม่วงเขียวเสวย หรือ มะม่วงแรดธรรมดาๆ ในกรณีนี้เป็นการ ขอรับอุปการะ หรือ สานฝันของหมาให้มีอนาคตที่ดีโดยย้ายโอนกรรมสิทธิ์เจ้าของคนหนึ่ง ไปเป็นของอีกคนหนึ่ง (พูดง่ายๆ ขอเค้ามาเลี้ยง)

      1.หมาไทย    ซึ่งการจะเลี้ยงหมาไทยนั้นไม่ต้องพิถีพิถันเท่ากับหมาเทศ เพราะกิจกรรมพิเศษสำหรับมันมีไม่กี่ประการเองครับ เช่น การพาไปเข้าฟิตเนส ( ออกกำลัง หรือ Exercise ) ที่สวนสาธารณะ หรือ การพาไปดินเนอร์ที่วัดใกล้บ้าน เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ต้องใส่ใจที่หมามากครับ ใส่ใจที่เจ้าของมันดีกว่า ว่าโหด ขี้โกง ชอบรีดไถตังค์ หรือ อันไซเมอร์กำเริบบางเวลารึเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นเราก็ไม่ควรที่จะรับอุปการะมัน คร้าบ ถ้าเจ้าของเก่าเกิดลืมและหาว่าเราไปพรากผู้เยาว์หมาเค้า ก็ ซวยเราสิครับ ยิ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เห็นวัยรุ่นฮิตแบกหมาใส่กระเป๋าอวดเพื่อน เลยอยากทำมั่ง ก็แค่เอาหมาใส่ลงไปในตะกร้าซักผ้าที่บ้าน แล้วหิ้วไปกะเค้าเท่านั้นเอง เดี๋ยวจะหาว่าเราไปขโมยหมาเขามา ซึ่งถ้าเกิดเรื่องแบบนี้เราก็เถียงยากครับ ก็มันเคยเป็นของเค้าจริงๆนี่ >’o’<

      2. หมาเทศ (ไม่ใช่เทศบาล)   เป็นหมาที่เดอร์น หรือ เรียกง่ายๆว่า ดัดจริต นั่นเอง ต้องเลือกแบบพิถีพิถันสุดๆ และเมื่อเลือกเป็นที่น่าพอใจแล้ว ก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีก เรียกอีกอย่างว่า นอนตายตาหลับนั่นเองนะโยมเอ๊ย สาธุ                            เฮ้ย!!!
      การเลือกหมาเทศนั้นต้องดูที่เจ้าของอีกแหละ แต่ต่างกันที่ เจ้าของหมาเทศนั้น ก็อาจจะเป็นได้ทั้งคนไทยและคนต่างชาติ (นี่ไม่รวมทั้ง มอญ พม่า ลาว เขมร และ พุกามนะ เดี๋ยวจะเป็นหมาเทศอีกความหมายหนึ่งไป) ถ้าเป็นคนไทยก็ดูจากหมากลุ่มแรกไปละกัน แต่ถ้าเป็นต่างประเทศ ให้ทำตัวน่าสงสารไว้ก่อน โดยเฉพาะถ้าเค้ามีหมาหลายตัว เราก็จะสามารถเลือกได้ในภายหลัง และแน่นอน เราก็จะต้องเลือกดีๆ (แต่เค้าจะให้หรือไม่ให้มันก็อีกประเด็นหนึ่ง) ก่อนอื่น เข้าไปทำท่าอยากจะมีเพื่อนไว้แก้เหงา และเฝ้าบ้าน ซักตัว และก็ต้องสัญญาว่าจะเลี้ยงดูมันให้อิ่มหนำสำราญจนกว่าชีวิตของคุณจะหาไม่ (เค้าคงนึกเนาะว่าคุณจะหาเหาใส่หัวทำไม) พอเค้าเริ่มสงสาร คุณอาจเพิ่ม แอ๊คติ้ง ของคุณให้สมจริงยิ่งขึ้น โดยการบีบน้ำตา เอ๊ะน้ำลาย เอ๊ยน้ำตาน่ะ ถูกแล้ว ให้เค้าเห็นจุดประสงค์อันน่าเลื่อมใสของคุณ ว่าคุณอยากได้หมาเค้าไปเทิดทูลจริงๆ
      และเมื่อคุณอุ้มหมาเค้าออกมาแล้ว อย่าพึ่งทำเสียแผนโดยการทำท่าดีใจเหมือนได้เงินล้านนะ
      ครับ ให้พ้นจากบ้านเจ้าของเดิมได้ประมาณ 200 เมตร คุณสามารถทำตามใจชอบได้ตามสบาย แต่ถ้าบ้านติดกันหรือ ตรงข้ามกันก็เสียใจด้วย ผมว่า คุณอย่าคิดไปขอหมาเค้ามาเลี้ยงเลยดีกว่า เรียกว่ายืมใช้ ดีกว่านะ ไม่ต้องเสียเวลาหาข้าวหาน้ำให้มันกินด้วย สบายใจดีออก

      3. หมาวัด   อันนี้ยังน่าฟังกว่าอันสุดท้ายนะครับ เพราะอันสุดท้ายเป็นกลุ่มที่น่าสงสารที่สุด เพราะหมาวัดยังมีข้าวกิน โดยไม่ถูกทิ้งโดยลำพัง มีเพื่อน และ ศัตรูอีกเป็นโขยง นับว่าได้รู้รสชาติของความเป็นหมาได้ดีกว่าหมากลุ่มอื่น เรียกได้ว่า ไม่เสียชาติเกิด ถึงจะโดนคนบางคนแย่งมาเกิดซะก่อน ก็ไม่เป็นไร ถือว่าทำบุญทำทานให้หมามันไป การจะขอหมาวัดมาเลี้ยงซักตัวสองตัวนั้นต้องใช้คำที่พิเศษกว่าคนอื่นนะครับ เพราะจะต้องขึ้นต้นด้วยคำว่า “กราบนมัสการหลวงพี่ หลวงพ่อ” ก็ว่ากันไป แล้วก็ตกลงทำสัญญาใจกันเล็กน้อย ก่อนไปก็แสดงความรักความเอ็นดูให้เจ้าอาวาสเห็นซักเล็กน้อย ถือว่ายากมากเลยนะครับ การขอหมากลุ่มนี้มาเลี้ยง ต้องฝึกฝนคำพูดให้ดี ( ซึ่งก็เรียนมาตั้งแต่ ป.6 ) แต่ก็มีผู้คนนิยมเลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย นับว่าฮ๊อตฮิตติดอันดับมาหลายสิบปี  ด้วยความที่เลี้ยงง่าย กินง่าย กตัญญูรู้คุณ คนไทยจึงนิยมเลี้ยง เพราะไม่อยากให้เสียข้าวแดงแกงร้อนไปเปล่าๆ

      4.หมาหลง   เฮ้อ!!  ฟังชื่อหมากลุ่มนี้แล้วก็น่าสงสารเสียจริงๆ ไม่คิดว่าในโลกจะยังมีผู้คนทอดทิ้งหมา (อาจจะเป็นประชาชนที่ขอเขามาเลี้ยงอีกทีใน 3 ข้อที่ผ่านมา ที่ไม่พอใจ หรือ ไม่เข้าใจกับหมาในสังกัดของตนเอง) ซึ่งก็มีอยู่มาก หรือ อาจจะเป็นหมาเอง ที่งอนเจ้าของแล้วก็หนีออกจากบ้าน เป็นเชิงว่า ชั้นสำคัญนะยะ ต้องตามหาชั้น แต่ก็ต้องพลัดพรากจากกันจริงๆ โดยที่ตัวเอง
      (ขอใช้คำว่า) เสือก จำทางกลับบ้านไม่ได้ซะนี่ แล้วที่ซวยก็คือ คนเก็บได้ หรือ ผู้ที่โชคดี มีภาระฟรีอีกครึ่งชีวิต อะไรประมาณนั้น การที่เราจะเลือกเก็บ ต้องดูให้ชัดๆลงไปเลยนะครั๊บ ว่าเรื่องจริงมันเป็นอย่างไร เค้ามีเจ้าของจริงรึเปล่า และ เจ้าของไม่ได้อยู่แถวนั้นจริงๆ ถ้าอยู่ละก็ ต้องรีบไป
      โรงพยาบาล ด่วน เลยครับ เค้าเรียกอาการนี้ว่า หน้าแตก แต่ที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ หมอไม่รับเย็บ ล่ะคร้าบ
      เมื่อเราแน่ใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะเอามันไปให้ได้ ก็ต้องดูก่อนนะครับ ว่ามันยังมีเยื่อใยให้กับคนรักเก่ารึเปล่า คุณก็ลืมมันซะเถอะ แต่ถ้ามันตามคุณต้อยๆ แบบที่คุณไม่ได้ให้ท่าให้ทาง และ ไม่มีรอยฟกช้ำดำเขียวเลยล่ะก็ โอเค ไปกันได้ เราคงเข้ากันได้ดี และคุณควรจะดูแลมันให้ดี แค่นี้ชีวิตมันก็รันทดมากพออยู่แล้ว
      เฮ้อ <’-’!> จบไปเรื่องนึง เสร็จประมาณ 4ทุ่ม 11 นาที


      สเต็ปที่ 2 ไก่งามเพราะขน คนตายเพราะไก่
          ปัจจุบันสถิติของคนเสียชีวิตในการกินสัตว์ปีกมากขึ้น โดยเฉพาะ เป็ด ไก่ แต่ในเรื่องนี้
      ขอยกตัวอย่างเกี่ยวกับไก่ให้ได้ทราบกันถึงสาเหตุของคนเสียชีวิต โดยที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับไก่

      ก. ไก่ที่เป็นไข้หวัดนก เมื่อประชาชนบริโภคไก่ประเภทนี้เข้าไป จะมีอาการเหมือนไก่ที่
      ตกมัน อ้อ! ลืมไปคนละประเด็น เมื่อประชาชนรับประทานเข้าไปจะเสียชีวิต ในเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ โดยที่ไวรัสนี้เราคุ้นๆหูกันมากในประเทศเพื่อนบ้าน เพราะว่ามีคนเสียชีวิตไปมากมายเหลือเกิน แต่ก็ไม่เท่าคลื่นสินามิ ที่พัดทั้งคนทั้งไก่ ( ไก่มันก็บอกมาว่า ไม่ใช่พวกแกเท่านั้นหรอกที่กลัวไอ้โรคบ้านี่ มันก็กลัวจนไม่กล้าที่จะออกไปพบปะผู้คน )
          ข.    ไก่จ๋า เป็นเพลงในอัลบั้มหนึ่งของพี่สายัณห์ สัญญา ที่ได้ขับร้องเอาไว้ ทำให้ประชาชนทั่วไป ที่มีเมียชื่อไก่นั้น ชอบซื้อกันมาฟัง โดยสาเหตุที่คนตายเพราะ ไก่จ๋า คือ คนแห่ไปซื้อเทปของพี่สายัณห์ กันหมด ไม่ว่าจะเป็น นายก ไปจนถึง นักเขียนการ์ตูนไส้แห้ง ซึ่งประชาชนคนไทย ส่วนใหญ่ มีฐานะไม่ค่อยดีซักเท่าไร จึงทำให้เกิดภาวะ กระเพาะขาดอาหาร เรียกว่า ไม่มีอะไรตกถึงท้อง ยิ่งคนที่เป็น แฟนพันธุ์แท้ของพี่สายัณห์ ยิ่งแล้วใหญ่ นั้นก็กวาดซื้อมันทั้งชุด ไม่ว่าจะเป็น
      คาราโอเกะ เทปเพลง ซีดี เทปผี หมดครับ หมดตัวสิ  T-T ไม่สนใจว่าที่บ้านลูกเมียจะยังนั่งรอกินข้าวอยู่หน้าสลอนหรือไม่ หรือ บางครอบครัวอาจจะหอบผ้าหอบผ่อนหนีไปอยู่กับบิดามารดาตามเดิม ด้วยความที่สามีชอบพี่สายัณห์เอามากๆนี่แหละ บางรายก็อดตาย บางรายก็ตรอมใจที่ตังค์หมดก็ยังซื้อไม่ครบ บางรายก็คิดถึงเมีย บางคนก็ดีใจจนหัวใจวายตายที่เมียหนีไป และเหตุผลอีกหลายประการ นับว่าเป็นเหตุผลที่สำคัญข้อหนึ่ง ที่ทำให้ประชาชนคนไทยลดลงไป

      ค.   ไก่นาตาฟาง นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้ประชาชนคนไทยลดลงเพราะไก่ ก็มันเป็นเพลงของพี่ก๊อต จักรพรรค์  อาบครบุรี  ที่ได้ขับร้องไว้ ก็ดังพอๆกับพี่สายัณห์นั่นแหละ
      ( หรือใครจะว่าก๊อตดังกว่าก็ไม่เถียง เพราะประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ไก่ )

      มาเรื่องเพลงลูกทุ่งมากไปละ เราไปดูไก่อย่างอื่นดีกว่า

      ง.  น้องไก่ นี่ก็อีก เพลงอีกละ เซ็งชะมัดเลยว่ะ ( ก็มันคิดได้อย่างนี้นี่หว่า T~t )

      เปลี่ยนแค่แนวเพลงเนี่ยนะ จะบ้าตาย

      จ.   ไก่คู่  ขอเกริ่นเรื่องที่มาของไก่คู่ก่อนนะคร้าบ ทางภาคเหนือนั้นเค้ามีพิธีที่เรียกกันว่า
      เลี้ยงผีปู่ย่า โดยที่พิธีจะเกิดขึ้นก็เกี่ยวข้องกับครอบครัวๆ นี่แหละคร้าบ ถ้าผู้ชายล่วงเกินหญิงนั้นเขาก็จะเลี้ยงหมูตัวนึง ให้กับผีบรรพบุรุษของตัวเอง แต่ถ้าเป็นผู้หญิงล่ะก็เลี้ยง ไก่คู่นึง ( สองตัวก็ว่ามา ) ตอนมีลูกก็เหมือนกัน ต้องเลี้ยงต้อนรับเหมือนเป็นการบอกบรรพบุรุษว่า เออ หนูมีลูกแล้วนะ  ว่างั้นน่ะ  เป็นการประกาศเป็นนัยๆว่า ผัวหนูก็มีน้ำยากินกับหนมจีนอยู่เหมือนกันนะคะ โดยที่มาของการเสียชีวิตนี่ก็มีให้เห็นไม่บ่อย แทบจะไม่เห็นเลยก็ว่าได้นะครับ ( มันเป็นจินตนาการอันบรรเจิดของผู้เขียนเอง >o< ) ก็คือ อาจจะเป็น แม่ หรือพ่อ หรือ ป้า หรือ อา อะไรก็ช่างที่ผิดหวังในตัวลูกหลานเหลนโหลนที่ตนรักและบูชามาเกือบจะครึ่งชีวิต มาทำอย่างนี้ได้อย่างไร หรือ เจ็บใจไอ้หนุ่มคนนั้น หรือ กินไก่แล้วปรากฏว่าเค้าเอาไก่แก่มาทำ เลยเหนียวติดคอ ตายไปเลย อะไรแบบนี้ ก็มีหลายเหตุผลล่ะครับ ให้เลือกสรรค์ ( เสร็จ 5 ทุ่ม พอดิบพอดี หัวตื้อชะมัด <+o+> )
      สเต็ปที่  3 งานเลี้ยง ย่อมมีวันเลิกรา
          ถ้าเราไปงานเลี้ยงรุ่น หรือว่า งานเลี้ยงอะไรต่อมิอะไร ถ้าสนุกก็ดีไป แต่ถ้า ไม่ใช่เรื่อง
      ของเรา เช่นงานบวชงานแต่ง อะไร แบบนี้ เราก็จะเกิดอาการที่ว่า เซ็ง มันก็จะเกิดผลเสียกับเรา อาจจะเป็นผลเสียที่ไม่รุนแรงเท่าไร  แต่เราก็จะเบื่องานประเภทนี้ขึ้นมา และทำให้ไม่ไปร่วมงานกับชาวบ้านชาวเมืองทำให้เค้าขาดซองจากเราไปหนึ่ง เกิดอาการขาดรายได้ขึ้นมา
      งานที่เราจะต้องไปอย่างยิ่งก็คือ
       งานเลี้ยงรุ่น อันนี้ต้องไปอย่างยิ่ง นานทีปีหน จะเจอเพื่อนเก่า ศัตรูที่มันตกอับจนไม่
      ชิ้นดี แฟนเก่าที่มันทิ้งเราไป หรือจะเป็น คนที่มันแอบชอบเราตั้งแต่อนุบาล แต่ตอนนี้มันกลับรวยเป็นเศรษฐีจนน่าเสียดาย งานแบบนี้ ไม่ค่อยเกิดความเซ็งหรอกครับ มันเป็นงานที่สนุกอยู่ไม่น้อย นอกจากจะได้เม้าท์จนปากถึงหูกันไปข้างหนึ่ง ยังสามารถอวดความสำเร็จของตัวเองให้เพื่อประมาทที่มันให้เราไว้ตอนผมเท่าติ่งหู อะไรแบบนี้ และก็ไม่มีปัญหาที่จะต้องไปออกงานเพราะไม่มีความเซ็งอะไรอยู่แล้ว
       งานบวช เป็นงานที่ใช้ความอดทนสูง เพราะนอกจากจะต้องแห่นาคตากแดดไปกับ
      เค้าเรายังต้องร้องเพลงเพื่อกลบเกลื่อนความเศร้าที่สุมอยู่ในอก เช่น แฟนทิ้ง น้ำไม่ไหล ค่าเช่าบ้านไม่ได้จ่าย นอนไม่หลับเพราะบ้านไม่ได้ติดแอร์ เราจึงต้องทำตัวให้หลุดโลกไปกะเค้า อาจจะมีบ้างที่ไม่อยากไป แต่เราก็ต้องไป มันเป็นการทำบุญอีกชนิดหนึ่ง ถ้าเราไปช่วยงานเค้า เค้าก็คงจะมาช่วยงานเราบ้างแหละน่า
       งานแต่ง อันนี้ก็น่าเศร้าอยู่ไม่น้อง ทั้งบรรดาคนโสดและไม่โสดก็มีเหมือนๆกันคือ
      ความอิจฉาตาร้อน เห็นเค้าข้าวใหม่ปลามันแล้ว อยากแต่งกับเขาเหลือเกิน ไอ้คนมีเมียแล้ว ก็เหมือนกัน อยากแต่งกับเขาบ้าง ทั้งๆที่เมียพี่ก็มานะ เราก็แค่ไปออกเสียงร้องเพลงไปกับเค้า เอาแนวเพลงเศร้าๆ ร้องไปเลย ไม่มีใครสังเกตถึงความเศร้าของคุณหรอก ถ้ายังเซ็งไม่เลิกไม่ต้องไปแซวเจ้าบ่าวเจ้าสาวให้มันเจ็บช้ำน้ำใจหรอก ไปหากลุ่มเพื่อน เอาเบียร์มาซดเล่นฆ่าเวลา เดี๋ยวงานเลิกก็จบ เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็อยากจะเข้าเรือนหอเร็วๆ แหละน่า
       งานวันเกิด เป็นงานที่แฮ้บปี้งานหนึ่ง เพราะไม่ต้องคิดมาก เพราะเค้ามี เราก็มี อาจจะ
      ไม่ใหญ่โตมโหฬาร แต่ก็มีล่ะว้า วันเกิดแค่เข้าไปอวยพร พอเป็นพิธี พอเค้าตัดเค้ก เราก็จะพ้นช่วงวิกฤต อ้า! อร่อย อาจจะห่อของขวัญไปแสดงความยินดีซักเล็กน้อย คุณอาจจะลงทุนไปซักสี่ซ้าห้าบาทแล้วก็แอบแฝงตัวเข้าไปในงานได้แล้ว



      สเต็ปที่ 4 เมาไม่ขับ แล้วกรูจะกลับยังไง
          อันนี้ก็น่าเห็นใจผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วไป ก็ต้องมีกันบ้าง ดริ้งกันมาหลายแก้ว ขับไม่ไหว ก็ขอแนะนำวิธีกลับบ้านที่ ฮิตติดอันดับชาร์ท และใช้อย่างได้ผลกับผู้ที่เมาแล้วไม่อยากขับ

      1. อาศัยเค้ากลับ อันนี้อาจเป็นญาติพี่น้อง ไอ้คนที่มันกินกับเรา ต้องรับผิดชอบชีวิตและ
      ทรัพย์สินให้เราก่อน ในเมื่อเราไปกินกับมัน พอถึงบ้าน เมียจะว่าไงก็ค่อยว่ากันอีกที
      โดยการที่เราจะไปอาศัยรถเค้านั้นเราจะต้องทำทีเป็นว่า กรูไม่ไหวแล้ว อ๊อก ทำให้เค้ารู้สึกว่าเราอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง เค้าจะไปส่งเราโดยปลอดภัยครบ 32 รึเปล่านั้นก็แล้วแต่ดวงของคุณล่ะคร้าบ
      2. โบกรถกลับ อันนี้เป็นความสามารถเฉพาะตัวนะครับ ว่าคุณจะใช้สมองส่วนไหนที่
      คิดเอาคำพูดอันไพเราะออกมาให้เค้าเห็นใจในความเมาของคุณ คุณต้องทำกริยาตามความเป็นจริง ไม่ใช่บ้าเกินเหตุ เดี๋ยวเค้าจะว่าคุณเป็นไอ้โรคจิตหนีจากโรงบาลมาแล้วแย่เลย
      3. คลานกลับ เป็นวิธีที่ต้องใช้ตัวเข้าแลกนิดหน่อย คุณต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัว
      ( อีกแหละ) ถ้ามันไกลเกินไป ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นเดิน หรือ กลิ้งไปก็ได้นะครับ วิธีนี้ อาจเป็นที่ไม่พอใจของคนใช้ที่บ้าน หรือ แม่บ้านคุณได้ เพราะทำให้เปลืองแฟ้บในการซักมากกว่าเดิม ถึง 2 – 3 เท่า และคุณอาจไม่ปลอดภัยทันทีที่ถึงบ้าน เพราะเมียไม่ต้องตีหน้าขอบคุณกับคนที่มาส่งเรา เป็นนัยน์ว่า นางฟ้ารออยู่ที่บ้าน อะไรประมาณนั้น แต่วิธีนี้เป็นวิธีที่ไม่นิยม เพราะถ้าคลานผิดที่อาจจะโดนสิบล้อกลิ้งทับได้
      4. นอนนั่นซะเลย เป็นวิธีการหนึ่ง ในการรอคู่ชีวิตมารับ ถ้ากินกันที่ระเบียงบ้านเพื่อนก็
      ยึดที่ตรงนั้นซะ แล้วก็อย่าลืมขอหมอนมันมาใบนึงนะ อย่าไปยืมเมียมันมาเชียว เดี๋ยวจะมีการฆาตกรรมเกิดขึ้น แต่ถ้าเมียใครใจแข็ง ไม่มารับก็ถือว่าเป็นเวรเป็นกรรมของตัวเองละกัน
          5.   ร้องไห้ทำเป็นว่างอนกับเมีย อันนี้ต้องตีหน้าเศร้าซักนิด ให้เพื่อนสงสารไปก่อน ส่วนที่บ้านเมียจะงงเป็นไก่ตาแตกก็ช่างมัน เดี๋ยวก็มาเอาอกเอาใจเอง ( อันนี้อาจจะมีเป็นบางกรณี ) แล้วเพื่อนก็จะโทรไปต่อว่าเมียเราว่าไม่สนใจ แล้วเมียที่รักก็จะมารับพร้อมทำหน้าตกใจเล็กน้อย กรณีตัวอย่าง  โถพี่ พี่อย่าโกรธแววเลยนะ แววไม่ได้ตั้งใจจะลืมคลุกข้าวให้พี่ พี่ไม่น่าจะหนีออกนอกบ้านมาหากินแบบนี้ อันนี้ก็เป็นบางครอบครัวนะครับ เราก็ควรทำงอนไปก่อน แต่พอถึงบ้านไม่รู้ว่าบ้านไหนหลังคาจะถล่มบ้างนะครับ





      สเต็ปที่ 5 การดูคน
          หมดเรื่องงานสังสรรค์กันไปแล้ว มาดูเรื่องนี้กันดีกว่า นี่ไม่ใช่การดูเฉยๆนะครับ เป็นการดูอย่างมีหลักการ และดูให้ลึกซึ้ง ถ่องแท้ ถึงแก่นข้างใน ดูด้วยใจ ไม่ใช่ที่สายตาอย่างเดียว การดูคนนั้น เราจะต้องรู้วิธีสังเกตคนเบื้องต้น ว่าคนแบบนี้ จะเป็นคนน่าคบหรือไม่ คนแบบนั้นจะเข้ากับเราได้ไหม จะไปสอดคล้องกับเรื่องการเลือกคู่ครองของตนในสเต็ปต่อไปด้วยครับ
      ผู้ชาย
       ผู้ชายที่ชอบมองผู้หญิงตรงหน้า
      ถือเป็นผู้ชายที่น่าคบที่สุด เพราะว่า เค้าสนใจที่ความสวยความงามของหน้าตาผู้หญิง ไม่ใช่ที่อย่างอื่น และเป็นผู้ชายที่มีความเป็นสุภาพบุรุษสูงมากๆ

       ผู้ชายที่ชอบมองผู้หญิงตั้งแต่คอลงไปถึงเอว
      เป็นผู้ชายที่ไม่ค่อยน่าไว้วางใจเท่าใดนัก เพราะจะมองผู้หญิงในลักษณะเป็นศิลป์มากเกินไปหน่อยจนไม่น่าไว้วางใจ

       ผู้ชายที่มองผู้หญิงตั้งแต่เอวลงไปถึงเข่า
      ข้อนี้ยิ่งไม่น่าไว้วางใจยิ่งกว่า ไอ้พวกนี้ เรียกได้ว่า ทรามตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ควรคบอย่างยิ่ง และถ้ายิ่งชอบมองแล้วยิ้มไปด้วย อี๋ ทุเรศที่สุด โรคจิต

       ผู้ชายที่ชอบมองผู้หญิงตั้งแต่ขา(แข้ง)ลงไปถึงเท้า
      เป็นผู้ชายที่ขี้อายมากๆ และชื่นชอบผู้หญิงที่มีเสน่ห์ มีเรียวขาที่สวยงาม เป็นสุภาพบุรุษ

       ผู้ชายที่ชอบมองผู้หญิงตั้งแต่หัวจรดเท้า
      มี 2 กรณี กรณีแรก เป็นผู้ชายที่สำอางค์ และเลือกในการคบผู้หญิงอย่างมาก ไม่ชอบผู้หญิงที่มีกริยาไม่เรียบร้อย และถือเรื่องครอบครัวและการเงินมากกว่าเรื่อง sex
      กรณีที่สอง อย่างนี้เค้าไม่เรียกผู้หญิงแล้วล่ะ เค้าเรียกสาวประเภทสอง คือมองแบบ อิจฉาหรือตั้งข้อรังเกียจผู้หญิง ที่มีความสวยงามเกินหน้าเกินตา แบบว่าชั้นอยากมีนมเหมือนแกจังเลย
          
      1. ผู้ชายที่ชอบสีดำ เป็นผู้ชายที่ชอบความเท่ห์ ความแมน อยากเด่นในหมู่สาวๆ อยากเป็นจุดสนใจที่ใครๆก็ถามหา แบบว่า มีสาวที่ไหนกรูไปที่นั่น อะไรทำนองนี้

      2. ผู้ชายที่ชอบสีจมปู แหมอันนี้ก็มีกันบ้าง เค้าอาจจะไม่ใช่กระเทยก็ได้นี่ ก็ยังมีผู้ชายที่ชอบสีนี้ คืออาจจะเป็นเดะสำอางค์ ชอบความสงบ สดใส มองโลกในแง่ดี

      3. ผู้ชายที่ชอบสีฟ้า เป็นผู้ชายที่ชอบความทันสมัย ไม่ชอบความเริ่ด ไม่ชอบผู้หญิง แรด ( ซะงั้น ) มองโลกในแง่ดี มีความพยายามในการทำเรื่องต่างๆได้ดี

      4. ผู้ชายที่ชอบสีแดง มีความเป็นแมนสูง จิตใจแข็งแกร่ง มองโลกในแง่ร้ายนิดๆ มีความทะเยอทะยานสูง ชอบความเด่น ชอบความทันสมัย ส่วนมากอารมณ์ร้าย

      5. ผู้ชายที่ชอบสีม่วง อาจจะเป็นกระเทยได้ แต่ก็มีแมนบางคนชอบสีนี้ มีความอ่อนไหว มองโลกในแง่บวกปนลบ ไม่ค่อยสดใส ชอบความสงบ แต่ก็อินเตอร์นิดๆ เรียกว่า ชีวิตทำไมมันรันทดเช่นนี้เนี่ย

      6. ผู้ชายที่ชอบสีขาว มีศิลป์ในตัวเองจริงๆ เท่ห์แบบไม่โดดเด่น ชอบความสงบ เรียบง่าย ชอบความสะอาด

      7. ผู้ชายที่ชอบสีเขียว ชอบความเป็นธรรมชาติ ขยัน สงบ เยือกเย็น ไม่ชอบความหวือหวา ถือคติ บุญคุณต้องทดแทน แค้นอย่าชำระ

      8. ผู้ชายที่ชอบสีเทา ก็เท่ห์บางเวลา มีความเศร้าในชีวิตประจำวัน ไม่ชอบความสดใส เห็นที่ไหน หมั่นไส้ทุกที  อิจฉาคนอื่นที่เค้ามีความสุข ว่างั้น

      9. ผู้ชายที่ชอบสีเหลือง ชอบความสดใส สว่าง รักความเป็นธรรม ไม่ชอบความเท่ห์ เท่าไร เรียกว่า พร้อมจะบวชได้ทุกเมื่อ

      10. ผู้ชายที่ชอบสีรุ้ง อันนี้เรียกว่า โคตระสดใสเลยเพ่ อีกนัยน์หนึ่งคือ บ้าแล้วว่ะ
      บางคนก็มองในแบบศิลป์ แต่คงเป็นส่วนน้อยอ่ะนะ ~o~




      ผู้หญิง
       ผู้หญิงที่ชอบช๊อบปิ้ง
      เป็นคนที่ไม่ค่อยน่าคบ คนธรรมดาที่ไหนเค้าจะมาช๊อบกันทุกวันล่ะ จิงมะ ( อาจจะมีคนเถียง ก็ใช่ก็คงจะมี แต่ก็คงมีน้อยในโลกใบนี้ถ้าเทียบกับคนจนๆ  พวกนี้เค้าเรียกว่า Irregular human

       ผู้หญิงที่ชอบเข้าวัด
      อันนี้ไม่ได้ว่าบ้า แต่คงเป็นคนธรรมะธรรมโม ปัจจุบันมีบุคคลประเภทนี้น้อยมาก ควรคบไว้เพื่อเป็นศรีแก่ตัว

       ผู้หญิงที่ชอบความรุนแรง
      คิดเองละกัน ชื่อก็บอกอยู่แล้ว

       ผู้หญิงที่อินโนเซน
      เป็นผู้หญิงที่อ่อนต่อโลก จะเรียกว่าโง่ ก็ไม่ผิด ที่ไม่รู้อะไรเลย แม้กระทั่งคนที่เค้าจะมีลูกกันได้ ไม่ใช่ขอพรจากศาลพระภูมิอย่างเดียวนะ ( รับไม่ได้ ว่างั้น )

       ผู้หญิงที่ชอบร้องเพลง
      เป็นผู้หญิงที่มีความสดใส และ จินตนาการที่ดี ควรคบ เพราะวันวันไม่ทำความเดือดร้อนให้ใคร เอาแต่แหกปากร้องเพลง ( แต่ถ้าไม่เพราะก็อีกเรื่องนึงนะ )

       ผู้หญิงที่ชอบอ่านหนังสือแนวฆาตกรรม อาชญากรรม
      คบได้นะ แต่ควรระวังตัว ว่ามันจะเอามีดมาจี้คอเราเมื่อไร

      1. ผู้หญิงที่ชอบสีดำ เป็นผู้หญิงที่ชอบความเท่ห์ ความแมน อยากเด่นในหมู่เพื่อนๆ อยากเป็นจุดสนใจที่ใครๆ ก็ถามหา อาจจะมีทอมอยู่ในหมู่นี้ด้วยจำนวนหนึ่ง

      2. ผู้หญิงที่ชอบสีจมปู แบบอันนี้ก็คือมีความเป็น ผู้ยิ้งผู้หญิง อยู่ในร่างกาย คือแบบว่าเจ๊แก เกิดมาเพื่อเป็นผู้หญิงจิงๆ บางคนก็ชอบเพราะเป็นสีที่ดูแล้วอ่อนโยน

      3.    ผู้หญิงที่ชอบสีฟ้า เป็นคนง่ายๆ แบบว่า กินมาม่าไม่ต้องใส่น้ำร้อนก็ได้ ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบสีนี้เพราะเป็นสีของโดเรม่อน

      4. ผู้หญิงที่ชอบสีแดง มีความมั่นใจในตัวเองสูง เป็นคนทันสมัย ไม่ชอบความล้าหลัง ไม่ค่อยยอมรับความจริง เช่นไม่อยากยอมรับว่า แม่เป็นคนร้อยเอ็ด อะไรปามานนั้น

      5.  ผู้หญิงที่ชอบสีม่วง เป็นคนชอบความอินเตอร์ และ คิดมาก มองโลกในแง่ร้าย ไม่ชอบการแข่งขัน เพราะกลัวผลออกมาจะไม่เป็นอย่างที่คิด

      6. ผู้หญิงที่ชอบสีขาว มีความมั่นใจสูง ชอบความเก๋ ชอบอะไรที่ เมกๆเอา ไม่ชอบอะไรที่สำเร็จรูป ( ชอบกินมาม่าว่างั้น )

      7. ผู้หญิงที่ชอบสีเขียว ส่วนใหญ่ที่พบเจอมาก็เรียนเก่งนะ สดใส ชีวิตมีหลายรสชาติ ชอบลองความแปลกใหม่ ชอบประยุกต์สิ่งรอบตัวมาใช้ ให้คนอื่นใช้

      8. ผู้หญิงที่ชอบสีเทา หม่นหมองเป็นที่สุด เช่นเดียวกับผู้ชาย

      9. ผู้หญิงที่ชอบสีเหลือง ชอบดอกทานตะวันแน่เลย สดใส ถ้าซักผ้าก็คงไม่ขยี้ เพราะกลัวสีจาง เฮ้อ เศร้า มีความเป็นผู้นำนิดๆ แต่ไม่โดดเด่น ยอมรับความจริงเสมอเมื่อเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น

          10.   ผู้หญิงที่ชอบสีรุ้ง อันนี้เรียกว่า สดใสในแบบของเรา ไม่ชอบทำตัวเหมือนคนอื่น  ชอบแหวกแนว แต่ก็ดูดี
      ( หมดไปแล้วกับเรื่องการดูคน คิดแทบตายแมร่งได้แค่นี้ เฮ้อ เศร้า T-t )

      สเต็ปที่ 6 แฟน
          ฮ่าๆๆ ในที่สุด ในที่สุดก็มาถึงสเต็ปนี้กันซะที ฮ่า รอคอยมานาน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราเสริมเติมแต่งขึ้น แต่จริงๆน่ะ ความรักมันบังคับไม่ได้ มันมีแค่สองอย่างเท่านั้น คือ รัก และ ไม่รัก
      และข้อปฏิบัติก็คือ จะรัก หรือ เลิกรัก มันก็มีแค่นี้แหละ คนที่ใช่ ยังไงยังไงมันก็ใช่ คนที่ไม่ใช่ อ่อยให้ตายมันก็ไม่มีทางสมหวัง เข้าใจรึยัง แต่สเต็ปนี้ไม่ได้ให้มาปลงนะครัาบ ให้แนวทางในการเลือกคบคนเป็นแฟน คือแบบว่า ถ้าดูผิดตั้งแต่ต้น ก็จะถอนตัวลำบาก ถ้ามารู้ทีหลังว่า เราไม่ชอบคนแบบนี้น่ะ จะปฏิเสธยังไง เราจะทำใจยังไงถ้าเค้าทิ้งเราไปหาแฟนใหม่ มีข้อชี้แนะในการทำใจ ทั้งหมดก็จะรวมอยู่ในสเต็ปนี้  เชิญติดตามต่อได้เลยคร้าบ

      ฟ.แฟนนั้นหายาก ต้องลำบากคอยเอาใจ ต้องแย่งกับใครๆ เหนื่อยแค่ไหนก็ต้องทน
      ถ้าเมิงหมั่นโทรหา ไม่โทรมาก็ไม่สน อย่าให้กรูต้องทน กรูไม่สน เมิงทำใจ
      ตอนนี้เราก็จะเข้าเรื่องเลย อย่างแรกก็คือ การเลือกเฟ้นหาสาว และ หนุ่มงามที่จะมาเป็นแฟนเรา
      - ต้องเป็นคนที่เข้ากับเราได้ ข้อนี้อธิบายยาก แต่ผมก็จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดที่ดูดีที่สุด คือ ที่เราอยู่ด้วยแล้วเรามีความสุข ไม่เกร็ง ไม่ว่าเค้าจะเป็นยังไงเราก็รับได้ เราไม่รำคาญ และถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงแย่ทั้งเราและแฟน ตอนแรกก็ต้องคบเป็นเพื่อนกันไปก่อน ถ้าอยู่ๆมาขอเลย เราก็รับเลย เราจะลำบากเพราะถอนตัวไม่ขึ้น เอาเป็นว่า ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า ถ้าจะให้ดีก็ต้องบอกก่อนว่า เราจะลองคบกับดู ว่าเราไปด้วยกันได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็ต้องบอกว่า เราจะเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมนะ แต่ส่วนใหญ่ ไม่ค่อยจะเป็นแบบนั้นหรอก
      - ต้องเป็นคนที่เอาใจใส่เราด้วย ไม่ใช่ว่าเข้ากับเราได้อย่างเดียว เพราะอาจจะเป็นเพราะคุณกำลังหลงเค้าอยู่ เค้าจะต้องดูแลคุณด้วย ไม่ใช่ว่าคุณได้ดูแลเค้าก็พอ มันไม่ใช่ นี่มันเป็นความคิดของเด็กๆ เราต้องดูแลกัน เพราะถือว่า โตๆกันแล้ว ไม่ใช่เด็กที่ต้องให้คนอื่นป้อนข้าวอยู่ อย่างเช่น ถ้าจะให้เราโทรไปหาเค้าทุกวัน โดยที่เค้าไม่เคยที่จะโทรมาเลย นั่นมันก็น่าคิด คุณควรจะคิดได้แล้วว่า เค้ากำลังคบเราเพื่อหวังอย่างอื่นอยู่รึเปล่า เราควรจะคบด้วยสมองด้วย ไม่ใช่ใจอย่างเดียว
      - ต้องไม่ไปกุ๊กกิ๊กกะใคร ข้อนี้สำคัญ ถ้าเป็นเพื่อนกันจิงๆ อย่างที่บอกก็ดีไป แต่ถ้ามีหลักฐานว่าเป็นมากกว่านั้น ก็ควรที่จะเลิกได้ ไม่แนะนำให้ ให้อภัย เพราะจะเคยตัว และ ต่อไปเราจะคุมไม่อยู่ เพราะคนบางคนก็สามารถหลอกเราให้ตายใจได้ โดยที่จะเป็นคำถามคาใจเราว่า ทำอย่างนี้กับเราได้อย่างไร แล้วใครจะตอบคุณ ในเมื่อมันก็ทำไปแล้ว
      - ต้องเสียสละเพื่อกันได้เสมอ ไม่ใช่เสียตัวนะ เสียสละนี่ก็ไม่ใช่ตะบี้ตะบันเสียสละจนหมดเนื้อหมดตัว ต้องเสียสละในเรื่องที่จำเป็น เราก็ต้องดูด้วย ว่าทำให้ครอบครัวเราเสียหายรึเปล่า เพราะขณะนั้น คนคนนั้นยังไม่ได้รวมเป็นครอบครัวเดียวกับเราเลย และก็อย่าไปคิดว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็จะเป็นแล้ว อย่าลืมว่า ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน เราต้องถือว่าครอบครัวเราสำคัญที่สุด เพราะยังไงเราก็อยู่มานานกว่าเราอยู่กับแฟน  
      - ต้องรักครอบครัวเราด้วย ข้อนี้สำคัญมากๆ มันทำให้เราสบายใจมากขึ้นเมื่อได้อยู่กับเค้า ( แบบว่า ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ น่ะ ) และถ้าแต่งงานแต่งการกันไป จะได้ไม่ต้องปรับตัวให้ยุ่งยาก
      นี่ก็เป็นข้อแนะนำคร่าวๆให้ได้ไปขบคิดกันเล่นๆ อ่านแล่วก็อย่าเครียดนะคร้าบ มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดไว้ทุกประการ คุณไม่จำเป็นต้องหาคนที่เป็นแบบนี้ทุกข้อ เพราะคนแบบนั้น ไม่มีหรอก ในโลกนี้น่ะ อาจจะมีแค่ ข้อ สองข้อก็โอเคละ ยังไงก็ให้กำลังใจคนที่กำลังคบกานนะคร้าบ

      * การทำใจเกี่ยวกับคนที่อกหัก *
      อันนี้ก็พูดง่ายนะครับ แต่ก็ปฏิบัติกันยากเหลือเกิน โดยเฉพาะคนที่รักจริง ทุ่มซะหมดใจ ส่วนคนที่ง่ายๆ ไม่คิดมาก หรือ ไม่ค่อยใส่ใจก็ทำใจง่ายหน่อย ไม่ใช่เค้าเป็นคนไม่ดีนะครับ เพราะเค้ารู้จักใช้รักให้เป็นประโยชน์กับเค้าให้มากที่สุดตะหาก เพราะวัย และ สถานที่ อาจจะไม่เอื้อที่จะให้เค้าคนนั้นมีความรักที่มั่นคง ก็เลยมีไว้เพื่อ แก้เหงา ถ้าผิดหวังก็ให้หาคนใหม่ก็แค่นั้น ไม่มีใครหรอก ที่จะเจอ รักแรกแล้วก็ใช่เลย มีซะ เศษ0.0001 ส่วน 10 เท่านั้นเองในโลกนี้น่ะ
      ในฐานะคนที่เคย ก็จะขอให้คำแนะนำในการทำใจนะครับ
          อันดับแรกก็ให้ทบทวนว่า เราเลิกกัน หรือ โดนปฏิเสธแล้วจริงๆ จริงไม่จริงก็คิดไว้เลย ว่ามันคือความจริง เป็นการทำใจให้ยอมรับความจริง และทำให้เราเข้มแข็งขึ้น เมื่อคิดได้แล้ว ขอร้องไห้ซักชุด เอาแบบว่า หยุดเมื่อไรก็พอเมื่อนั้น อาจจะต้องใช้เวลาซักนิด แต่ก็ทำไปเถอะ มันเป็นขั้นตอนบังคับนี่นา
          อันดับต่อมา ให้ไปดูคู่รักคนอื่นบ่อยๆ ให้มันปลง ตอนแรกอาจจะมีอิจฉาเล็กๆในใจ แต่พอทำไปทำมา มันก็จะชินไปเอง และก็คิดว่า มันก็มีอยู่แค่นั้น คุย จับมือ พาไปเที่ยว อะไรแบบนี้ ไม่เห็นจะมีอะไร เราไม่มีก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย คิดว่า เราก็ไม่ได้อดอยากอะไรนี่นา
          ถ้ายังคิดอยู่ ก็ไปหาอะไรเล่นให้หายคิดเรื่องนี้ อาจจะเล่นดนตรี เล่นกีฬา เล่นการพนัน     ( อันนี้ล้อเล่น ) ให้มันลืมไปเป็นพักๆ และต่อมามันก็จะลืมคิดซะจนสนิท บางทีเรามานึกได้อีกทีก็คงจะพูดว่า นี่กรูลืมคิดเรื่องนี้มาได้กี่ปีแล้วเนี่ย มันทำให้เราเข้มแข็งขึ้นมาบ้างได้แล้วใช่ป๊ะ
          ต่อมา สำหรับคนที่ไม่ต้องการให้คนดูถูกเหยียดหยาม ก็ อาจจะหันไปคบกับคนใหม่ โดยที่เราก็ต้องบริสุทธิ์ด้วย ไม่ใช่ไปหลอกเค้าต่อ มันก็จะไม่จบซักที แต่ถ้าคนที่ไม่ถืออะไรมากก็เอาเวลามาอ่านหนังสือ อาจจะเป็นการ์ตูน นิยาย ดิกชันนารี ก็ได้ 555 เมื่อเราลืมได้ ชีวิตเราก็จะเป็นปกติสุข คุณควรคิดว่า ไม่ได้มีเค้าคนเดียวที่จะมาบงการชีวิตของเราให้อยู่หรือไปได้ คนอื่นอีกมากมายก็ยังรักเรา พ่อแม่ก็ยังไม่ได้จากเราไปพร้อมๆกับเขานี่นา จะเสียใจอะไรมากเกินเหตุ ก็คิดเข้าข้างตัวเองไปซักพัก เดี๋ยวก็ลืมไปได้เอง แค่นี้เอง ไม่ได้มีขั้นตอนอะไรมากเลย
      10 อันดับคำพูดที่เน่าและเป็นที่น่าเบื่อที่สุด ของการบอกเลิก ควรหยุดใช้
      1. เราไปด้วยกันไม่ได้ ( นึกว่ากรูอยากไปรึไงล่ะ )
      2. ผมขอโทษ  ( กรูไม่ให้อภัย )
      3. ผมรัก…….. ( มาบอกกรูไม )
      4. เราคงต้องจบลงแค่นี้ ( ทำไมล่ะ แบตหมดเหรอจ๊ะ )
      5. คุณดีเกินไป ( ดีจนเมิงต้องทิ้งกรูไปมีคนใหม่เนี่ยนะ )
      6. ต่อไปนี้คงไม่มีคำว่าเราอีกแล้วนะ ( พจนานุกรมยกเลิกใช้ไง๊ )
      7. เป็นเพื่อนกันนะ ( ถ้ากรูอยากเป็นแค่เพื่อน กรูไม่ทำถึงขนาดนี้หรอก )
      8. แม่ผมบอกให้เลิกคบกับคุณ ( ไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม )
      9. ผมรักคุณ แต่ผมก็รัก…ด้วย ( หัวใจเมิงเป็นโรงแรมรึไง , ก๊อบกันเห็นๆ )
      10. ผมไม่ได้รักคุณ ( อ่าว ชิบ…พูดงี้ก็สวยดิ )

      10 อันดับ คำพูดบอกรักที่เน่าที่สุด แต่ก็ยังใช้ได้อยู่
      1. ผมรักคุณนะ ( เน่าชิบ )
      2. เราเป็นแฟนกันเถอะ ( ง่ายขนาดนั้นเลย )
      3. ผมเป็นมากกว่าเพื่อนได้ไม๊ ( เรื่องอะไร )
      4. ผมมีอะไรจะบอก ( ก็รีบๆบอกสิวะ )
      5. คุณมีแฟนรึยัง ( ถามกรูงี้หมายควายว่าไงกันแน่ )
      6. ขอที่น้อยๆในหัวใจเอาไว้ให้ผมจองได้ไม๊ครับ ( เต็มแล้ว )
      7. อยากมีแฟนจังเลย ( เกี่ยวไรกับกรู๊ )
      8. บ้านพี่ขาดคนหุงข้าว ( หุงเองไม่เป็นไง๊ )
      9. กลับบ้านไม่ถูก หลงอยู่ในหัวใจคุณ ( ใครใช้เมิงเข้าไป๊ )
      10. ตุ๊บ   โอ้ย  ตกหลุม หลุมรักน่ะ ( ก็ขึ้นมาดิ อยู่นานเดี๋ยวเน่าคาใจกรูล่ะ ยุ่งเลย )

      คนที่กำลังอยู่ในช่วงอินเลิฟก็อย่าลืมดูแลคนรอบข้างด้วยนะคร้าบ
      ความรักไม่เคยทำร้ายใคร ไม่จริง มันมี 2 ด้านเสมอ




      สเต็ปที่ 7 คิดถึงอ่ะ ทำไงดี
          ความคิดถึง เป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ ทุกคนก็เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน เฮ้อ มันทรมาณเหมือนกานนะคร้าบ ยิ่งคิดถึงบ้านนี่ทรมาณที่ซู้ดเลยล่ะ เราก็มีวิธีปฏิบัติง่ายๆให้หายคิดถึงสิ่งที่เราคิดถึงอยู่
      ก. ทำงาน ยิ่งทำยิ่งเครียด ว่าไปนั่น นี่เป็นวิธีที่สำเร็จได้โดยบางคนเท่านั้น ทำงานไปร้องเพลงไป คิดกับงานให้มากกว่าเรื่องที่คิดถึงอยู่ จะทำให้เรา ลืมได้เป็นบางเวลา
      ข. อ่านหนังสือ นี่ส่วนใหญ่ใช้ได้ผลดีจริงๆนะ เค้าว่ากันว่า อ่านหนังสือ แล้วจิตใจก็จดจ่อกับหนังสือ และหนังสือนั้นต้องเป็นที่น่าสนใจของเราด้วย อาจจะเป็น อัตชีวประวัติ ยิ่งอยากรู้ก็ยิ่งสนใจอยากอ่าน และจะทำให้เราลืมเรื่องอื่นไปได้
      ค. วาดรูป อันนี้ไม่ค่อยได้ผล นอกจากอยู่ในสถานที่แปลกใหม่ เช่นไปวาดรูปที่ โคลอสเซียม กำแพงเมืองจีน ซิดนีโอเปร่าเฮ้าส์ อะไรทำนองนี้ แต่ถ้าไม่มีที่ไป ก็วาดได้ และเราก็จะรู้สึกผ่อนคลายได้ด้วยกับการวาดรูป ไม่เครียดกับการคิดถึง เช่น วาดรูปอะไรที่เกี่ยวกับเค้าคนนั้น อาจจะเป็นสถานที่ความทรงจำดีๆ ที่เคยไปด้วยกัน หรือ อื่นๆ
      ง. แต่งเพลง อันนี้ต้องมีความเชี่ยวชาญเล็กน้อย แต่ถ้าไม่มีประสบการณ์ ไม่แนะนำ ถ้าแต่งต่อไม่ได้จะเครียดกันเข้าไปใหญ่ แต่ถ้าแต่งได้ จะรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
      จ. ดูหนัง นี่เป็นอีกวิธีที่ได้ผล แต่อย่าไปดูหนังเศร้าเข้าล่ะ ต่อมน้ำตาจะตื้นขึ้นมา 3 เซนเลยทีเดียว การดูหนังที่ตลก และตื่นเต้นก็จะเป็นการช่วยให้เราลืมเรื่องที่คิดถึงได้เช่นเดียวกัน และที่ดี เราจะได้รับความรู้จากหนังเรื่องนั้น ไม่มากก็น้อย ( ถ้าดูหนังพวกประวัติศาสตร์อ่ะนะ )
      ฉ. ทำอาหาร อันนี้ก็เป็นสิ่งที่เราทุกคนสามารถทำได้ และควรทำ นอกจากจะมีอะไรกินแล้ว มันทำให้เราได้ลองทำอาหารที่ไม่เคยทำ ทำให้เราลืมเรื่องที่คิดไปได้ เพราะการทำอาหารนั้น แสนจะผ่อนคลายและมีความสุข
      ช. ทวงหนี้ นี่เป็นวิธีที่ได้ปลดปล่อยอารมณ์ที่ไม่ดีทั้งหมดในวันนี้ออกมา ระเบิดไปเลย กับลูกหนี้ ( เป็นวิธีที่ไม่เหมาะสม เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ควรอยู่ในความพิจารณาของผู้ปกครอง ) เราก็ทวงๆไปกะมัน ทั้งๆที่รู้ว่ามันก็ไม่มีให้ เรียกได้ว่าไปปล่อยความเครียด บางวันอาจจะฟลุ๊กได้ทุนคืนซักบาทสองบาทก็ได้
      ซ. ปลูกต้นไม้ ( วิธีนี้สมควรเป็นอย่างยิ่ง เด็กๆควรเอาไว้ดูเป็นตัวอย่าง ) ปลูกได้ทุกเมื่อ ยกเว้นเวลากลางดึก ปลูกได้ ยิ่งปลูกมากก็ยิ่งมีประโยชน์กับเราและคนรอบช้าง และเราก็ได้บุญด้วย ไม่เหมือนข้อ ช.
      ฌ. เข้าร้านเสริมสวย ข้อนี้ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ผู้หญิงทุกวัยใช้เป็นสถานที่เม้าท์ และ สอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน นอกจากจะได้รับความรู้กลับไปแล้ว ยังสบายใจขึ้นอีกด้วย
      สเต็ปที่ 8 ปัญหาหัวใจ
          เราก็พูดเรื่องหัวใจกันไปก็หลายเรื่องแล้วนะคร้าบ เรื่องนี้เป็นเรื่องของหัวใจจริงๆซักที เราจะมาทำความรู้จักกับโรคที่เกี่ยวกับหัวใจที่มีกันมากมายเหลือเกินในขณะนี้ และก็ข้อควรปฏิบัติ สาเหตุ วิธีแก้ไข มาครบสูตรในเรื่องนี้นะครับ
      + หัวใจตีบ เฮ้อได้ยินชื่อแล้วก็ใจแป้ว โรคนี้เป็นโรคที่อันตรายมาก
      ตีบ แปลว่า แคบ , น้อย แสดงว่า โรคนี้ เรียกอีกโรคก็คือ โรค ใจน้อยนั่นเอง
      สาเหตุ รู้สึกว่าตัวเองมีคนดูแลน้อยเกินไป หรือ คนที่ดูแลอยู่ ให้ความสำคัญน้อยลง อันตรายถึงชีวิต เพราะอาจจะคิดสั้น เพื่อเรียกความสนใจจากคนรอบข้าง ไม่ควรปล่อยไว้นานๆ
      ข้อควรปฏิบัติ ควรพาไปเที่ยวบ่อยๆ อย่าแสดงความรำคาญให้เห็น ห้ามปฏิเสธเมื่อถูกขอร้อง ส่วนผู้ปฏิบัติก็ได้แต่ทำอย่างเดียวล่ะคร้าบ คือ ทำใจ

      + หัวใจขาดเลือด ชื่อก็มีที่มาจาก หัวใจ + ขาดเพื่อน และก็แผลงมาเป็นโรคนี้ได้
      เพื่อน คือบุคคลที่สามารถทำให้เราหายเศร้าได้ ที่มาของโรคนี้อีกอย่างก็คือ หัวใจเหงา
      สาเหตุ อาจจะเป็นที่นิสัยที่ไม่สามารถเข้ากับคนอื่นได้ ทำให้เกิดโรคหัวใจขาดเพื่อนขึ้น
      ไม่ค่อยอันตราย ถ้าแก้ไขทันท่วงที
      ข้อควรปฏิบัติ หาเพื่อนให้ตัวเองให้เร็วที่สุด ไม่ควรเอาแต่ใจตนเองจนเกินไป เพราะจะทำให้เพื่อนทิ้งเราไปได้ และจะเรียกได้ว่า โรคหัวใจขาดเพื่อนกำเริบ

      + ลิ้นหัวใจรั่ว ข้อนี้ มีที่มาจาก ลิ้น+หัวใจ+รั่ว ข้อนี้ก็อันตรายนะครับ เพราะรั่วทีเดียวสองที่เลย เป็นปัญหาของคนไข้ที่จะต้องเสียเงิน อุดทั้งหัวใจ อุดทั้งลิ้น เปลืองตังค์นะ
      สาเหตุ ชอบกินปลาหมึกปิ้งโดยไม่เอาไม้เสียบออกก่อน และ ไม่ได้เคลือบฟลูออไรล์ที่หัวใจไว้ ทำให้ถูงแมงเจาะหัวใจเลย ฉมน้ามหน้า
      ข้อควรปฏิบัติ คงไม่มีทางแก้แล้ว ก็คุณ ( เสือก ) ไม่ทำเหมือนชาวบ้านชาวช่องเค้านี่
      ทีหลังจำไว้ ถ้าที่ไหนมีการเคลือบหัวใจ พาลูกหลานไปทำทันที และ การที่จะกินปลาหมึกปิ้งก็เอาไม้เสียบออกก่อน ก็แค่นั้น ~o~

      + หัวใจวาย ชื่อเต็มๆของโรคนี้คือ Heart Yellow Youy ( อ่านว่า ฮาร์ท เยลโล่ ย้วย )
      เป็นโรคที่ไม่มีทางแก้ไข เมื่อเกิดขึ้น ผู้ป่วยจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เกิดจาก ที่น้ำเหลืองได้ออกมาจากหัวใจแล้ว เพราะว่าหัวใจไม่เต่งตึงกระชับ ทำให้ของเหลวชนิดนี้ออกมา ( เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรอยู่ในความดูแลของผู้ปกครอง อีกละ ) และเสียชีวิตทันที
      + หัวใจคิดฮอด โรคนี้จะเป็นๆหายๆ ไม่ค่อยมีใครที่จะรอดพ้นโรคนี้ไปได้ ก็มีบ้างบางคน ส่วนใหญ่เกิดกับบุคคลที่มีความรักแล้ว
      สาเหตุ ห่างไกลจากคนรัก หรือ มันถูกรางวัลที่หนึ่งยังไม่ได้ไปแสดงความยินดี อะไนประมาณนี้
      ข้อควรปฏิบัติ ไปหาเค้าเซ่ ง่ายที่สุด แต่ถ้าทำไม่ได้ ให้ไปดูในสเต็ปที่ 7

      + หัวใจฮำฮอน โรคนี้จะคล้ายๆกับโรคหัวใจคิดฮอด เป็นโรคที่ทำความ รำคาญ และ
      ทรมาณกับผู้ป่วยมาก เพราะมันมักแก้ไม่หาย สาเหตุและข้อปฏิบัติให้ดูที่ หัวใจคิดฮอด

      + หัวใจขาดรัก โอ๊ย อันนี้เป็นกันทั่วบ้านทั่วเมือง อย่าไปคิดว่ามีคุณคนเดียวที่เป็นโรคนี้ คนอื่นเค้าก็เป้น คุณก็ลองคิดดูสิเนี่ย ถ้าคนอื่นเค้าไม่เป็น เค้าจะหากงหากิ๊กกันทำไมให้เสียเวลา
      สาเหตุ ต้องการคนรัก และคนที่เค้ารัก มาดูแลชีวิต และทรัพย์สิน
      ข้อปฏิบัติ หาด้วยตนเองโดยดูจากสเต็ปที่ 6

      + หัวใจไกลปืนเที่ยง อืม อันนี้ไม่ใช่โรคแล้วเพ่ มานละครหลังข่าวช่อง7เมื่อ 3 ปีที่แล้ว

      + หัวใจโป่งพอง หรือ หัวใจพองโต อันนี้เป็นโรคที่ผสมผสานโรคถุงลมโป่งพองกับโรคหัวใจธรรมดาเข้าด้วยกัน เค้าเรียกว่า Mix To Max ( ชื่อคล้ายๆยี่ห้อมาม่า ) ผู้ป่วย มักจะเป็นบุคคลที่เห็นสาวๆ แล้วก็หัวใจเต้นแรง ชอบสูบบุหรี่
      สาเหตุ ก็ทั้งสูบบุหรี่ เหล่สาว ตกใจง่าย อย่างนี้ จะให้ไม่เป็นได้ไง เค้าหาชื่อโรคไม่ได้ต่างหาก เลยได้เป็นชื่อนี้
      ข้อปฏิบัติ ทางการแพทย์ยังไม่มีวิธีการรักษาแน่ชัด ถ้าจะรักษาจริงๆต้องใช้เงินถึง 7 หลัก จึงให้ป้องกันไว้ก่อน คือ เลิกทำเรื่องที่ว่ามาซะ

      ( เสร็จสิ้นซะที 2 สเต็ป เหนื่อยชิบ แทบคิดไม่ออก 5 ทุ่มพอดี วันที่ 5 ไปละ ง่วง >~<)



      สเต็ปที่ 9 รักใครให้ดื่มนม
      เฮ้อ มาถึงเรื่องนี้ อย่าได้คิดลึกไปเชียว ก็อยากจะบรระยายให้มันยาวๆแบบในสเต็ปแรก เดี๋ยวคุณผู้อ่านจะว่าเราคิดอะไรไม่ออกรึยังไงถึงได้สั้นลงทุกทีๆ
      นม เนี่ยเป็นสิ่งที่มนุษย์ หรือ ภาษาอังกฤษเค้าเรียก Human (ขอเดาะปะกิดให้มันเท่ห์ๆหน่อย ) ต้องการตั้งแต่เกิด มีมานานตั้งแต่ก่อนพระเจ้าเหานุ่งกางเกงหูรูดซะอีก เพราะ เมื่อครั้นเรายังไม่มีฟัน มี เขี้ยวไว้กัดไว้แงะอะไรนั้น เราก็จะกินได้แค่ของเหลวเท่านั้นเอง( ก็คือนม ) มันทำให้เราได้รับสารอาหารที่ดีที่สุดในตอนนั้น และทำให้เราโตเร็ว จนกลายมาเป็นไอ้ชาติชั่วได้ในปัจจุบัน ( แสดงว่านมนี่ไม่ดีเลยเนาะ ) ตอนนี้เราจะมาทำความรู้จักกับความหมายของการให้นมต่างๆ ว่า ถ้าให้นมแบบไหน จะรู้สึกอย่างไรกับผู้รับ ( แต่จุดประสงค์ของผู้ให้จริงๆก็ไม่ตรงตามที่บอกไว้เสมอไป เพราะการให้นมนั้นก็บอกความหมายดีๆแก่ผู้รับอยู่แล้ว )
       นมอัดเม็ด
      ข้อนี้อาจจะโหดไปซักนิด บอกความหมายแก่ผู้รับว่า อีกไม่นานกรูจะมารุมเมิง

       นมผง
      ข้อนี้ก็บ่งบองได้ด้วยว่าเจตนาร้าย คือ พรุ่งนี้ไปส่งเฮโรอีนให้หน่อยดิ ลูกค้าสั่ง ส่วนจำนวนก็คงโทรคยอีกที ( แล้วทำไมเมิงไม่โทรคุยกานทั้งแต่แรก เสียดายนมเจงๆ )

       นมกระป๋อง เฮ้อ ความหมายไม่ดีทั้งนั้น
      คือก็คล้ายๆกับอันที่กล่าวมาคือ เดี๋ยวเมิงได้โดนอัดเป็นกระป๋องแน่ ไม่เชื่อก็ลองดูดิ

       นมเย็น
      บอกว่า ใจเย็นๆก่อนดิ เดี๋ยวแผนเผาบ้านเมียน้อยแตกหมด ( เมียหลวงเว้า )

       นมร้อน
      ก็หน้าหนาวให้กินนมเย็นก็ บรรลัย หมดสิ ตับแข็งกันพอดี ( เกี่ยวรายกานวะ )

       นมปั่น
      ประมาณว่าอยากให้พาไปเล่นชิงช้าสวรรค์ ( ซะงั้น )

       นมแพะ
      กรูไปยิงเมียคนข้างบ้าน เมิงช่วยรับเคราะห์กรูไปที

       ชานม
      อยากให้รู้เอาไว้ ว่า   เมื่อวานเหยียบตีนกรูซะจนชามาจนถึงวันนี้


       นมกล่อง อันนี้อาจจะแยกย่อยสาขาไปตามรส และ ตามความเหมาะสม

      - นมถั่วเหลือง
      เมียเมิงโคตระ หน้าตาดีเลยว่ะ ( ตรงข้ามนะเพ่ แบบว่าชื่อนมคล้ายๆ ตา)

      - นมจืด
      ประมาณแดกดันนิดๆ ว่าแกอ่ะ ไอ้หน้าจืด ทำยังไงก็ไม่หล่อขึ้นมาร๊อก

      - นมหวาน
      แบบว่า คนรับก็หน้าหวาน คนให้ก็หน้าบานไปตามๆกัน ฮิๆๆ

      - นมเปรี้ยว
      อืม บ่งบอกให้คนรับรู้เป็นนัยน์ๆว่า แกก็แค่ของที่เค้าแปรรูปมาอีกที ไม่ได้ดีตั้งแต่ชาติกำเนิด

      - นมรสช๊อกโกแลต
      คม เข้ม น่ะ หรือว่า น้องดำตับเป็ด นั่นแหละ ความหมายใกล้เคียง

      - นมรสสตอเบอร์รี่
      โลกนี้เป็นสีชมพู เมื่อมีคุณกับผม ประมาณว่า บอกเลิฟเป็นนัยน์ๆ

      - นมรสวานิลา
      แก้มคุณช่างน่าหอมเหมือนวานิลา

      - นมรสกาแฟ
      อาวุโสแล้วนะ เพราะกาแฟ มันรสชาติ แก่

      - นมรสกล้วยหอม
      ชั้นว่าหน้าแกเหมือนลิงเลยว่ะ


      สเต็ปที่ 10 เกาะสวาด หาดสวรรค์
          เกาะ คือ พื้นดินที่ ยื่นโผล่เหนือน้ำ โดยไม่มีพื้นที่อื่นติดต่อเลย เหมือนเราเอาแก้วน้ำไปคว่ำในกะละมังที่มีน้ำ และเอามดไปวางไว้บนนั้น อย่างนี้เค้าเรียกว่า ติดเกาะ ( เป็นไงล่ะ ขำไม่ออกเลย ) สเต็ปนี้จะเป็นเรื่องของ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีในโลกนี้ ( ที่จริงมันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แค่เกาะที่นึกได้ตอนนี้น่ะ เอาแบบคร่าวๆไปก่อน ผู้เขียนความรู้ยังเด็ก เมียยังสาว ลูกชายยังไม่โต เฮ้ย อย่าคิดลึก ) เราจะได้ทราบถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่เราเคยได้ยินชื่อ แต่ เออ มันเป็นยังไงหว่า เพื่อให้ท่านได้พิจารณาไว้เป็นที่เที่ยวที่ประหยัด และ เลือกที่จะไปเที่ยว กระเป๋าจะได้หนักอยู่ตลอดเวลา
      1. เกาะพีพี เป็นเกาะที่มีเด็กจ้ำม่ำอยู่เป็นจำนวนมาก น่าสนใจ ถ้าจะพาครอบครัวไปเที่ยวไม่ควรเอาห่วงยางไป อาศัยเกาะเด็กที่เล่นน้ำลอยอืดอยู่แถวๆนั้นเกาะไปก่อน ถ้าหากว่าจะจม เป็นการประหยัดไปได้อีกทาง เหมาะกับยุคน้ำมันแพงอย่างนี้
      2. เกาะตะปู ต้องระวังถ้าหากจะเล่นน้ำ ควรทาน้ำมันให้เรียบร้อยก่อนลง เพราะสนิมอาจจะเกาะท่านได้ โดยเราอาศัยหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่ว่า เหล็กไม่ทำปฏิกริยาทางเคมีกับน้ำมัน ( ในที่สุดกรูก็โยงกานได้ 555 )
      3. เกาะมะนาว ถ้าจะไปต้องเตรียม เครื่องยำ และเครื่องส้มตำไปให้เรียบร้อยก่อน แต่ไม่ต้องเอามะนาว มะขามเปียกไปให้เสียเวลา ที่เกาะนั้นเค้ามีอยู่แล้ว ขอให้มีเครื่องยำอื่นๆเถอะ เดี๋ยวนี้มะนาวแพง ราคาจะเท่าไข่ไก่อยู่แล้ว ประหยัดไว้ ไม่เสียหาย
      4. เกาะกลาปากอส เกาะนี้ ชื่อยาว ไม่น่าไปเท่าไร อยู่ต่างประเทศ ไม่น่าสนใจหรอก มีแต่คนเค้าไปทำสารคดี คุณจะไปเที่ยวหรือไปแอบจิต ดูสัตว์กันแน่
      5. เกาะสุมาตรา เกาะนี้ก็ชื่อแปลกๆ ไม่เหมือนในไทย ชื่อง่ายๆ แต่เกาะนี้ไม่ค่อยปลอดภัย อยู่ที่อินโดนีเซีย เป็นเกาะที่เสียหายจากคลื่นซึนามิมากที่สุด ไม่ควรไปอย่างยิ่งในฤดูที่มีลมมรสุม ถ้ารักชีพตนและลูกเมีย อย่าไป
      6. เกาะช้าง ชื่อก็บอกอยู่แล้ว ว่าช้างน่ะเยอะ เดี๋ยวมันหาว่าเป็นพวกเดียวกะมานล่ะ แย่เลยนา ไปเที่ยวก็ได้ แต่จะฟุ่มเฟือย เป็นภาระซื้อกล้วยซื้ออ้อย ไปให้มันกินอีก เดี๋ยวมานจะหาว่ามาเยี่ยมทั้งที ทำไมไม่มีของฝาก ถ้าจะไป แนะนำให้ไป สวนสัตว์ดุสิตดีกว่านะคร้าบ ไม่ต้องให้มากเท่าไร เพราะคนอื่นเค้าก็เอาไปกันอยู่แล้ว ( ออกแนว งกนิดๆนะ ว่ามั้ย )
      7. เกาะเสม็ด เป็นเกาะที่อยู่ทางภาคใต้ของไทย ไม่มีอะไรแนะนำ ( ก็กรูไม่เคยไปนี่หว่า )
      8. เกาะสมุย เช่นเดียวกับเกาะเสม็ด ( จะให้เล่ายังไง คิดไม่ออกนี่ )
      9. เกาะเมียกิน นี่เป็นเกาะที่สบายที่สุด และคุณแทบจะไม่ต้องเสียเงินซักบาทเลย น่าสนใจมากหากจะไปให้แน่ใจซะก่อนว่าจะไม่ตกลงมาแข้งขาหัก
      10. เกาะแน่นๆนะน้องนะ เป็นเกาะที่มีหนูมากที่สุด ( น ) ใครอยากไปก็ไปนะครับ แต่ถ้าเกรงใจผู้ใหญ่ทางบ้าน ( ผู้เป็นใหญ่ถึงจะถูก ) ก็ไม่ควรทำ นึกแล้วเศร้านะครับ แต่ก็อย่าเลย ใช้ได้เฉพาะกับ มอเตอร์ไซค์รับจ้างเท่านั้นแหละ

      สเต็ปที่ 11  อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น
      เผลอแป๊บเดียวผ่านมาตั้งสิบกว่าสเต็ปแล้วหรือนี่ ฮ่า ดีใจจัง
      การปั้นวัวปั้นควายนั้นผู้ปั้น จะต้องมีความเชียวชาญในการปั้นมาก คือแบบไปอาศัยเค้ามาหลายบ้านแล้ว การปั้นจะต้องมีความรู้พื้นฐานของรูปต่างๆได้
       รูปนูนต่ำ เป็นรูปที่ผู้หญิงไม่ชอบเลย เพราะถ้านูนแล้ว ต่ำเมื่อไร จะแสดงถึงความชราทันที
       รูปนูนสูง เป็นที่ชื่นชอบของทั้งผู้หญิง และ ผู้ชาย เพราะแสดงถึงความ สาว และ อึ๋ม
       รูปสามมิติ เป็นรูปที่เห็นได้สามด้าน คือ สูง กว้าง ยาว เป็นสิ่งที่แมวใช้มองผู้หญิงที่จะเลือกมาเป็นดารา
       รูปทรงกลม เป็นรูปที่พบเห็นได้ทั่วไป ตามสถานที่ต่างๆ เช่น มะนาว มะกรูด
       รูปทรงกรวย เป็นรูปที่เด็กๆชอบมาก เพราะส่วนใหญ่ไว้ใส่ไอติม
       รูปทรงสามเหลี่ยม เป็นรูปทรงที่อันตรายน้อยที่สุด เพราะ มีแค่ 3 เหลี่ยม
       รูปทรงแปดเหลี่ยม ตรงข้ามกับรูปทรงสามเหลี่ยมไง
       รูปทรงห้าเหลี่ยม ก็มีเหลี่ยมห้าเหลี่ยมไงเล่า
       รูปทรงพีระมิด เป็นรูปทรงที่คำนวณยากที่สุด จากสูตร เศษหนึ่งส่วนสามคูณพื้นที่ฐานคูณสูง ก็คือ เศษหนึ่งส่วนสามของสี่เหลี่ยมไง โดยที่สีเหลี่ยมนั้นมีฐานเท่ากัน นึกภาพออกไม๊ ถ้านึกไม่ออกก็ช่างคุณเถอะ แต่คำนวณยากมั๊กๆ เพราะอาจจะมีเรื่องรากที่สองเข้ามาเกี่ยวข้อง เฮ้อ คิดแล้วกลุ้ม
       รูปทรงกระบอก อันนี้ใช้เป็นสรรพนามเรียกจำนวนข้าวหลาม และ ปืนได้
       รูปทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ อันนี้ไม่เกี่ยวกันละเพ่ มานชื่อยอดเจดีย์สมัยสุโขทัยไม่ใช่หรือ
      เมื่อได้ทราบรูปทรงต่างๆ กันไปมากมายแล้ว เราก็จะมาเรียนรู้วิธีการปั้น วัว และควาย ไว้ประดับบารมีนะคร้าบ มีวัสดุ และ ขั้นตอน ดังนี้
      อุปกรณ์
       ดินเหนียวอย่างดี  1 ถุง
       มีด    1 เล่ม
       น้ำ  1 ลิตร
       อะไรก็ได้ที่มาตกแต่งหน้าวัว และ ควาย อาจจะเป็นเมล็ดถั่ว หรือ เพชรพลอยก็ได้
      วิธีปั้น
       นวดดินให้เป็นเนื้อเดียวกัน และ ไม่ให้เละจนเกินไป
       ปั้นส่วนตัวให้เสร็จ โดยมี 4 ขา มีหาง เหมือนคุณผู้อ่านเลยครับ
       ใช้มีดทำให้ดินเรียบเสมอกัน แลดูสวยงาม
       ปั้นส่วนหัว โดยมี แฮ่ๆ ….เหมือนท่านผู้อ่านอีกเช่นเดียวกัน
       นำตาไปติด แต่อย่ากดลึกจนเกินไป เพราะจะทำให้ตาหายลงไปในหัวและจะดูเป็นวัวไม่มีตา
       นำส่วนหัวมาต่อกับส่วนตัว โดยให้มีขนาดสมดุลกัน ห้ามต่อทางหางเด็ดขาด จะกลายเป็น วัวพิการไปซะอย่างงั้น
       ตากแดดให้แห้ง แล้วนำมาปรุงอาหารตามใจชอบ เช่น ลาบวัวตัวลาย และ ลาบควายตัวดำ อะไรแบบนี้ ไหนๆก็บอกไปละ จะให้สูตรไปสูตรนึงละกานนะ ถือว่าใจดีสุดๆแล้วนะ ( ยิ่งกว่าเฮียที่แถมลูกชิ้น กับ ลุงที่ขายไอติมแท่งหน้า รร. อีก )

      ลาบวัวตัวลาย ลาบควายตัวดำ
      อืม สูตรนี้อาจจะต้องใช้ความพยายามในการทำเล็กน้อย ถ้ารวมตั้งแต่การปั้นมาจนถึงการปรุงรส ก็ใช้เวลานานถึง 3 ปี ( รอให้วัวควายมานโตก่อนรึไงเล่า )เครื่องปรุงก็มี
      เครื่องลาบที่โขลกจนละเอียดยิบๆ เลือดสดๆ เนื้อปั่นสดๆ น้ำปลา มะนาว ซอสตราแห้วบิน ผงชูรสตราหัวกระทิอร่อยดี เชอร์รี่แดง
      เราก็เอาทุกอย่าง ยกเว้นเชอร์รี่ มาคลุกรวมกันปรุงรสตามใจชอบ เติมซอสตราแห้วบิน กับ ผงชูรสตราหัวกระทิอร่อยดี แล้วก็ใช้มือขยุ้มขยำให้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน ใส่ผักที่ใช้กินกับลาบลงไป ตักใส่จานประดับประดาด้วยเชอร์รี่ และถ้าไม่สวยงามพอก็สามารถนำพลุหรือ ดอกไม้ไฟมาตกแต่งได้ ท่านผู้ใดที่กลัวพยาธิใบไม้ในตับในม้ามก็ควรจะผัดให้สุกเสียก่อนนะคะ สเต็ปนี้ก็ขอลาเพียงเท่านี้ เพราะ เรายังมีเรื่องที่ต้องติดตามอีกตั้งเรื่องนึง
      สเต็ปที่ 12 จากกันไป ไหยังอยู่
      นี่ก็เป็นสเต็ปสุดท้ายกันแล้วนะครับ การจากกันนี่เป็นเรื่องของสัจธรรมเลยก็ว่าได้ มีพบต้องมีจาก มีพรากกันไป บางคนก็ไม่คิดอะไร แต่บางคนที่มีความผูกพันธุ์ก็ต้องทำใจกันซักนิสนึง เวลาของการพบกัน ถ้าเป็นความทรงจำที่ดีน่ะก็รู้สึกว่าเร็ว แต่ก็ไม่สามารถเลือนหายไปจากความทรงจำเราได้ แต่ถ้าเป็นความททรงจำที่ไม่ดี ไม่นานมันก็จะหายไปจากใจเราเอง เราก็อาศัยแค่เวลาเท่านั้น ถึงแม้มันจะรู้สึกว่านาน แต่เมื่อเรานึกถึงมันขึ้นมาอีกที เราก็จะรู้สึกโล่งที่ผ่านมันมาได้ แต่เราก็จะพูดถึงแต่เรื่องดีๆละกันครับ ก็นี่เป็นสเต็ปสุดท้ายที่เราจะได้อยู่ด้วยกันแล้วนี่ครับ ผมก็จะมาพูดกันถึงเรื่องนี้กันอย่างครบทุกเม็ดเลยครับ และจะยกตัวอย่างหนังในดวงใจไปด้วย
      . จากไปรบ
      โห อันนี้มาแนวรุนแรงซักนิส อย่างเช่นเรื่อง Pearl harbor , Troy, Starwar , the lord of the rings
      พวกนี้เป็นเรื่องที่ไม่อาจจะขัดขืนได้ การไปรบนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น สำหรับคนที่มีความรักแล้วต้องจากกันไปรบนี่ก็ทรมาน และเสี่ยงไปพร้อมๆกัน มีคำพูดที่ว่า -ที่รักผมถูกสั่งให้มาเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ ผมไม่อาจรู้อนาคตได้ ถ้าพรุ่งนี้ผมต้องตาย ผมก็อยากจะให้เรามีความสุขกันที่สุด ในคืนนี้- อ่าวเฮ้ย แต่ก็มีอ่ะ ในเรื่อง Pearl harbor(เป็นฉากที่ทหารคุยกะนางพยาบาล) นี่ก็เป็นสิ่งที่คนรักจะมอบให้กันก่อนที่จะจากกันไป(มอบอะไรหว่า) บางรายก็ไม่อาจทำร้ายความรักได้ เช่น -ไม่ไม่ ผมไม่อาจทำแบบนี้กับคุณได้ ผมไม่อยากให้คุณต้องเสียใจกับสิ่งที่ผมทำในคืนนี้ ผมไม่อยากทำลายมัน- -คุณทำลายมันไม่ได้หรอกเรฟ T~T-(ฉากที่พระเอก Pearl harbor เกือบเข้าโรงแรมนางเอกแต่ก็เป็นคนดีซะอย่างนั้น ควรเอาเป็นตัวอย่างอย่างมากๆ) การที่คนเราจะจากกันเพราะรบนั้น มันเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถห้ามได้ ซึ้งว่ะ แต่ขอบอก เรื่องนี้เพื่อนพระเอกมาตีท้ายครัวซะงี้ เพราะคิดว่าพระเอกตายแล้ว (พูดเรื่องนี้มากไปแล้ว ถ้าจับใจความไม่ได้ก็ช่างมันไปก่อน เพราะยังไงไปรบก็ต้องเสี่ยงอยู่แล้ว ใครอยากจะทิ้งลูกเมียไปหาลูกปืนล่ะคร้าบ)
      ..จากไปเรียน Girls Friend , means girl
      อันนี้ก็น่าสงสาร แต่ทำไงได้ เมื่อเค้าไปหาอนาคตที่สดใสก็ต้องปล่อยเค้าไป ถ้ายิ่งคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็เสือกไสเต็มที่ กลัวมานไม่ได้ดิบได้สุก เอ๊ย ได้ดี แต่ถ้าเป็นแฟนก็จะ แบบว่า – ช้างอย่าไปเลยนะ มาอยู่กะเราดีกว่า - อันนี้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ถ้าจะให้ดีต้องแบบนี้ – ช้างไปเถอะนะ ตั้งใจเรียนให้ได้เกรด4 เราจะรอช้างอยู่ที่นี่ แล้วอย่าแอบมีกิ๊กนะ- อันนี้แอบมีฝากฝังเรื่องกิ๊กอีก แต่ก็ดีกว่าตัวเลือกแรก เราก็ได้แต่ภาวนาให้เค้าเรียนจบไวๆ และกลับมาหาเลี้ยงเราซะที ไรปามานนั้น เราก็ตั้งใจอยู่ทางนี้ แบบว่าเหมือนนางงามสันติภาพค่า รักเด็ก ( แล้วมานเกี่ยวไรกานล่ะ แมร่ง )
      …จากไปอย่างไม่มีวันกลับ The letter , Jersey girl , Titanic , Winstruck
      ฮื่อ ๆๆ ไม่น่าเลย คนเรา เพิ่งจะมาพบกันก็เมื่อสายเกินไป /เพิ่งจะได้ขอแต่งงานก็สายเกินไป/เพิ่งใช้หนี้เสร็จมาด่วนจากไป/เพิ่งจะมีน้องก็มาจากกันไป และเหตุผลอีกมากมายที่เราจะต้องพบเจอกันอยู่เสมอๆ ก็มีคนตายทุกวัน บนโลกใบนี้ แหม คำพูดนี้มักเจอบ่อยๆ ในหนัง และก็งานศพ เราก็จะบีบน้ำตาสงสารเค้ากันทุกครั้งที่เห็นคนต้องพลัดพราก ( ในใจก็คิดแต่ว่า ขออย่าให้กรูเจอแบบนี้เล้ย สาธุ ) นึกแล้วก็สงสารคนที่เจอเหตุการณ์แบบนี้นะครับ ก็ดูดิ ดูเดอะเลตเตอร์ซะจนน้ำตาท่วมจอ ไททานิกก็ไม่เบา ทำให้ซึ้งจนน้ำมูกน้ำลายไหล  ก็อยากจะให้กำลังใจคนที่จากกันแบบนี้นะครับว่า สังขารของคนเรานะมันไม่ใช่เวลาตอนอาหารกลางวัน (เที่ยงนั่นเอง มุกฝืดไปหน่อยโทดที )เราไปกำหนดอะไรใครไม่ได้หรอก เราทำได้ก็แค่เพียง ทำวันนี้ให้ดีที่สุด วันที่เค้ายังอยู่กับเรา ไม่ใช่ว่าจะรอให้รู้ก่อนว่าเราเหลือเวลาเท่านี้นะ ค่อยทำ เราจะต้องทำอย่างเสมอต้นเสมอปลาย แล้วหลังจากนั้น เราก็จะเหลือแค่ความทรงจำดีๆ ที่มีไว้เก็บอยู่ในใจ จะได้ไม่เกิดความรู้สึกผิดในใจว่า ทำไมตอนมันอยู่ไม่ยอมไปซื้อโอเลี้ยงให้มัน แถมงานศพมานยังไปกินโอเลี้ยงมันอีก สำนึกผิดแล้วโดดน้ำตายตามมันไปอีกล่ะก็ มีหวังได้ไปเจอกันบนสวรรค์แน่ โชคร้ายก็ตกนรกหลุมที่ 18 บึงตามาเซอร์วิสอย่างที่ป้าอัศบอกไว้ล่ะยุ่ง นักเรียนลองดูสีว่า ว่า ว่า ………. เราจึงควรทำดีกับทุกคนไว้ ก่อนที่จะสายเกินไป แม้ว่าเราจะเกลียดเขาแค่ไหนก็ตาม แต่นี่ไม่ใช่การตี2หน้านะครับ แต่เราควรทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ใช่หวังอะไรจากคนคนนั้น เราต้องพยายามห้ามจิตใจส่วนที่ไม่ดีเอาไว้ ( ออกแนวธรรมะธรรมโมเลยกรู )ก็ขอฝากไว้แค่นี้ละกาน ทำไม่ได้ก็ลอกเค้าไป ตายไปตกนรกหลุมที่ 18 บึงตามาเซอร์วิส
      * หมายเห็ด ตัวที่เอียงคือ คำพูดป้าอัศ
      ….จากไปเพราะใจมันสั่ง (ถูกทิ้ง) The Mie (เดอะ เมีย)
      อันนี้ก็สงสารคนถูกทิ้งจิงๆ เลยครับ ไม่ได้ตั้งตัวมาก่อนก็ถูกทิ้งซะอย่างงั้นน่ะ มันก็ช่วยไม่ได้ ก็คนมันไม่รักกันแล้ว อยู่ไปก็มีแต่ช้ำใจ งั้นก็อย่าอยู่ด้วยกัน นี่คือเหตุของการทิ้งกันไป ก็เท่านั้นแหละ เดี๋ยวก็ลืมได้เองเนาะ
      …..จากไปทำงาน แม่อายสะอื้น , How to lose the guy in 10 days , Fly me to love
      อันนี้ไม่ค่อยจะเศร้าเท่าไหร่ร๊อก มันก็เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วเมื่อนานๆไป ( ตอนนี้หมดอารมณ์คิดเล็กน้อย ) จากไป คนทางบ้านก็ไม่เห็นล้มหายตายจากไปโดยทันทีทันใด ดีซะอีกได้ตังค์ด้วย อยากจะรู้นึกว่ากุงเต๊บมันมีอะไรดีนักหนา มันมีที่ขุดทองไง๊ กลับมาถึงได้มีทองประดับเต็มตัว ยังกะพระพุทธรูปทรงเครื่องอย่างนี้
      ……จากไปมีเมียใหม่  เดอะเมีย อีกแหละ
      อันนี้มันน่าน้อยใจนัก รักใดเล่าจะเท่ารักสามี แต่ถ้ามานเฉือกมีกงมีกิ๊กล่ะก็ ไม่น่าเอาไว้ซักเท่าไร แม่บ้านบางที่ก็ เฉือน บางที่ก็วางยา และอื่นๆอีกมากมาย ตามจินตนาการอันบรรเจิดเลิศล้ำสมศักดิ์สมศรีของใครของมัน ส่วนคุณพ่อบ้านที่ใจกว้าง แบ่งเวลาส่วนตัวไปให้เมียน้อยนี่ก็เกินไปหน่อย อยากทำบุญทำไมไม่บอกเมีย ให้มันพาไปบวชซะ

      ท้ายที่สุด
      และแล้วก็มาถึงหน้านี้ เราจะต้องจากกันอีกนานเชียว และก็ไม่รู้ว่าจะได้พบเจอกันอีกเมื่อไหร่ หวังว่าเราคงได้พบกันบนกระดาษA4 ขาวๆแผ่นแบบนี้อีก ใจจริงผมก็ไม่อยากจะจากท่านผู้อ่านไปร๊อก แต่คนพิมพ์น่ะสิ เค้าต้องไปทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติ ( เรียนหนังสือ ) ผมก็ได้แค่บอกท่านผู้อ่านผ่านเค้ามานี่แหละ ว่า ผมจะคิดถึงและอยู่ในใจท่านผู้อ่านตลอดไป และจะจำไว้ว่าผมเคยมอบความสุขผ่านหมึกพิมพ์มาให้ท่านผู้อ่านได้อ่านกันคลายเครียด หวังว่าคงชอบเรื่องที่ได้อ่านไปครับ ผมก็ไม่มีอะไรมาก ที่เขียนนี่ก็เพราะ อยากให้ท่านผู้อ่านอ่านแล้วมีความสุข ผมคิดว่าคงได้รับกำลังใจที่ดีกลับมา ถึงผมจะไม่มีตัวตนให้ได้กรี๊ด และ ขอลายเซ็นกัน แต่ผมก็บอกแล้วไง ว่าผมอยู่ในใจพวกคุณเสมอ

      ( 5 ทุ่ม 40นาที ของวันจันทร์ที่ 9 พ.ค. 48 พิมพ์เสร็จและก็ โล่งว่ะ แมร่ง >’o’< )


      คิดถึงท่านผู้อ่านเสมอ
                  Peetatee
                
                     9. may. 48
                 23.45 P.M.

      ถ้ามีคำใดไม่สุภาพขออภัยด้วย อารมณ์มานพาไป ทำให้ขำน่ะ บาย
      ขอบคุณที่อ่านจนจบ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×