คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่๒
บทที่๒
เป็นจริงดังเจ้าอิเทียนเอ่ย เพียงชั่วน้ำเดือดหอหมื่นชากลับปรากฎไปด้วยเหล่าทหารองครักษ์หลายสิบนาย ความสำราญชั่วครั้งคราวของเขาจบสิ้นกัน พร้อมกับราชโองการ...เข้าเฝ้าทันทีที่ไปถึง
“ข้าไปล่ะกงกง วันหน้าหากมีโอกาสข้าจะแวะมาเยี่ยมเยือน” เจ้าอิเทียนเอ่ยกับเล่าอ้ายก่อนจะตวัดร่างขึ้นหลังอาชาสีน้ำตาลลักษณะงามตัวหนึ่ง โดยมีอดีตขันทีชราและบริวารหอหมื่นชาน้อมส่งเสด็จ
“หากทรงคิดออกมาอีก กระหม่อมเห็นต้องกราบทูลลาออก” ฝูผิงหยวนกล่าวเบาๆเมื่อเริ่มควบม้าออกเดิน
“ผิงหยวน เราเพิ่งล่วงรู้ว่าเจ้านิยมชมชอบพวกขันทีมากกว่าออกมาเที่ยวชมโลกภายนอก”
“กระหม่อมยินยอมมีรสนิยมแปลกประหลาดสักหน่อย เพื่อให้แน่ใจความปลอดภัยของท่านอ๋อง” องครักษ์หนุ่มยอมรับตามตรงเช่นนี้กลับไม่เป็นที่ถูกใจผู้ฟัง
เจ้าอิเทียนขุ่นมัวและรำคาญใจนัก ท่าที่ทั้งเหล่าองครักษ์และฝูผิงหยวนกระทำราวเขาเป็นนักโทษอุจฉกรรจ์ก็ไม่ปาน ตามจนติดถึงเพียงนี้ ขยับกายไปทางไหนกลับมีสายตาจับจ้องไปหมด...ประเสริฐ ในเมื่ออยากตามติดนัก จงตามให้ตลอดแล้วกัน
ไม่มีผู้ใดคาดคิด ท่านอ๋องหนุ่มผู้ชักม้าอยู่หน้าสุดใช้เท้าขวากระทุ้งสีข้างม้าอย่างแรง เจ้าม้าสีน้ำตาลปลอดทะยานฝีเท้าขึ้นราวติดปีก ด้วยฝีเท้าของยอดอาชาประกอบกับกำลังภายในมิต่ำทรามของเจ้าอิเทียนจึงทิ้งห่างกลุ่มผู้ติดตามไม่ยาก พริบตาก็ออกนอกเมืองไปไกลถึงเห็นลิบๆแล้ว
“ท่านอ๋อง!!! ทรงเล่นซุกซนอีกแล้ว” ฝูผิงหยวนครางพลางกระตุ้นม้าให้เร่งความเร็วขึ้น อันอาชาของเขานั้นแม้นมีฝีเท้าไม่ดีเท่าของเจ้าอิเทียน แต่ก็นับว่าเป็นอาชาชั้นดี รวมกับวิชาตัวเบาที่เขามีเหนือบุคคลในอารักขา เขาอาจตามทันภายในห้าลี้ ดังนี้จึงร้องสั่งเหล่าองครักษ์ให้ค่อยตามไป โดยเขาขับควบพาหนะเต็มฝีเท้าล่วงหน้าไปก่อน
เจ้าอิเทียนควบอาชาคู่ใจมาได้ครู่หนึ่งผ่านทางสองแพร่งอันมีพงหญ้าขึ้นรกเรื้อเป็นหย่อมๆ ก็เห็นว่าทิ้งห่างเหล่าองรักษ์ดีแล้วจึงค่อยผ่อนฝีเท้าอาชาลง เหลือเพียงย่างก้าวอย่างช้าๆเพื่อดื่มด่ำธรรมชาติอันงดงามรอบกาย
ออกนอกเมืองมาบรรลุไม่ถึงสิบลี้ ธรรมชาติยังความงามได้ถึงเพียงนี้ หากได้ออกไปท่องเที่ยวไกลๆจะเป็นเช่นไร ชีวิตคงเสมือนได้เสพสุขอยู่บนสรวงสวรรค์ก็ไม่ปาน ได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ใกล้ๆ เจ้าอิเทียนจึงโหนตัวลงจากอาชาเปลี่ยนเป็นจับจูงมันลัดเลาะไปตามทางจนบรรลุถึงริมลำธารสายน้อยสีมรกต สายน้ำที่ไหลเอื่อยนั้นใสกระทั่งเห็นเป็นหมู่มัจฉาว่ายแหวกอยู่เบื้องล่าง มือที่กุมบังเหียนอาชาปลดปล่อยออกให้มันเดินอยู่บริเวณนั้นอย่างเป็นอิสระ
บุรุษหนุ่มผู้สูงศักดิ์ ทรุดกายลงบนโขดหินหนึ่งใต้ร่มไม้ริมธารนั้น เอนกายลงอย่างสุขสำราญ ปล่อยจิตดื่มด่ำบรรยากาศโดยรอบจนพล่อยหลับไปไม่รู้ตัว
สวบ!!....สวบ!!!
เสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างแผ่วเบายิ่ง แต่กระนั้นก็ยังให้เจ้าอิเทียนรู้สึกตัวตื่นขึ้น หากกล่าวออกไปทั้งยังหลับตา
“ข้าหลบมานอนพักผ่อนเช่นนี้ เจ้ายังตามมาขัดขวางไม่เลิกราหรือ...ผิงหยวน”
สวบ!! สวบ!!! สวบ!!!! เสียงฝีเท้าดังขึ้นอีก แต่กลับเป็นของผู้คนหลายคน เจ้าอิเทียนฉุกคิดว่าผิดท่า ลืมตาขึ้นเห็นเป็นอิสตรีอายุราวสามสิบห้านางหนึ่ง กับดรุณีอายุราวสิบห้าสิบหกอีกสี่นางยืนรายล้อมโขดหินที่เขาทอดกายเหยียดยาวอยู่ แต่ละนางล้วนมีใบหน้าหมดจดยิ่ง
“เจ้าหนุ่ม หากไม่อยากทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ ก็มอบสิ่งที่เจ้าขโมยไปออกมา” สตรีชุดสีทองที่เป็นผู้อาวุโสที่สุดสืบเท้าออกมาข่มขู่
“สิ่งของอันใด ข้าไม่เข้าใจ”เจ้าอิเทียนลุกยืนด้วยความงุนงงยิ่งนัก
“ไข่มุกสุริยัน” ผู้ตอบคำเป็นสตรีชุดสีทองอายุรุ่นราวคราวเดียวกับคนแรก
“พวกท่านเข้าใจผิดอย่างยิ่งแล้ว ย่อมไม่ใช่ข้าแน่ที่ลักขโมยไข่มุกอะไรนั่นไป”
“ศิษย์วังเทวาล้วนเห็นกับตาว่าเป็นเจ้า ยังจะโป้ปดอีก”ครานี้เป็นดรุณีน้อยเสื้อสีชมพูนางหนึ่งเอ่ยคำกล่าวหา
“เช่นนั้นศิษย์วังเทวาที่ท่านเอ่ยอ้าง คงจดจำผู้คนผิดกระมัง”
“พวกเราไม่นิยมชมชอบการใช้กำลัง แต่หากไม่ส่งมอบไข่มุกสุริยันออกมา เจ้าบาดเจ็บล้มตายไปจะโทษเราอำมหิตโหดร้ายไม่ได้นะ”สตรีชุดสีทองกล่าวอย่างอดกลั้น
“ลูกผู้ชายกล่าวแต่คำสัตย์ ข้าไม่โป้ปดใคร ข้าไม่ทราบเรื่องราวที่ท่านกล่าวหา เป็นความสัตย์จริง” เจ้าอิเทียนเริ่มอารมณ์คุกกรุ่น วันนี้มิใช่วันที่ประเสริฐนัก ออกมาจากวังหลวงได้ทั้งทีใยประสบแต่เรื่องราวนักหนา ฝูผิงหยวนก็เช่นกัน ในยามที่ต้องการตัวเช่นนี้ ไม่ทราบไปอยู่ที่ใด ตริตรองอยู่หลายครามันผิดที่เขาเองที่ควบม้าหนีมาจนต้องมาประสบปัญหาเช่นนี้
“อาจารย์ กับคนเช่นนี้ไม่สมควรต่อความ ใช้กระบี่เจรจาประเสริฐกว่า”ดรุณีอีกนางในชุดสีฟ้าอ่อนเอ่ยพลันชักกระบี่ออกจากฝักลงมือจู่โจมไม่ให้เจ้าอิเทียนตั้งตัว
“ช้าก่อน...แม่นาง...แม่นาง...พวกท่านเข้าใจผิด” เจ้าอิเทียนเบี่ยงกายหลบหลีกเพลงกระบี่นั้นอย่างคล่องแคล่ว ก่อนพลิกฝ่ามือกระแทกสันมืออันแข็งแกร่งลงที่ข้อมือบางนั้นเบาๆหากกลับส่งให้ข้อมือเจ็บชาวาบ กระบี่ล่วงหลุดจากมือดรุณีน้อยนางนั้นในไม่ถึงสองเพลง
“ขออภัยด้วย”
สตรีอาวุโสพินิจดูฝ่ามือที่เจ้าอิเทียนใช้ ใจอดลอบชื่นชมในวรยุทธของบุรุษอายุเยาว์ตรงหน้ามิได้ หากแต่เมื่อเห็นศิษย์น้อยถูกพลั้งทำร้ายเช่นนี้กลับเปลี่ยนเป็นความคุกกรุ่นด้วยโทสะ
“เจ้า...เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่ต้องเกรงใจกันแล้ว”สตรีชุดสีทองตวัดอาวุธออกมาเห็นเป็นแส้สีทองเส้นยาวเส้นหนึ่ง ปลายแส้ตวัดอย่างรวดเร็วรุนแรงและดุดันยิ่ง ส่วนดรุณีน้อยทั้งหลายต่างชักกระบี่เข้าจู่โจมใส่
เจ้าอิเทียนอาศัยความว่องไวจู่โจมดรุณีน้อยทั้งหลายจนสามารถช่วงชิงกระบี่จากดรุณีนางหนึ่งมาได้ ก็หันมาร่ายรำเพลงกระบี่ต่อต้านสตรีอาวุโส
“ข้าใคร่อธิบาย พวกท่านหยุดมือก่อนได้หรือไม่” เจ้าอิเทียนเอ่ยก่อนรั้งกระบี่กลับมาเล็กน้อย มิคาดฝ่ายตรงข้ามไม่ยั้งมือไว้ไมตรี ก่อนที่ปลายแส้ของสตรีชุดทองจะตวัดโดนต้นแขนด้านซ้าย กลับมีอาวุธสอดแทรกเข้ามา เป็นกระบี่ลวดลายวิจิตรเล่มหนึ่ง ตัวกระบี่เป็นสีรุ้ง ยามตวัดควงออกปรากฎเป็นประกายรุ้งพรายและมีอานุภาพยิ่ง คมกระบี่นั้นกตัดแส้สีทองขาดจากกันเป็นสองส่วนในการตวัดเพียงคราเดียว ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้อาวุโสนางนั้น และเหล่าดรุณีทั้งหลาย
“เป็นผู้ใด บังอาจตัดแส้ไหมทองของข้า” สตรีชุดสีทองบัดนี้มีสีหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
ผู้มาเป็นบุรุษร่างสูงโปร่งสวมชุดแพรสีขาวปักเลื่อมเงินเนื้อดีผู้หนึ่ง หากใส่หมวกปีกบานปล่อยผ้าสีขาวโปร่งคลุมหน้าไว้ไม่ชัดเจนว่าเป็นผู้ใด
“ที่แท้ธิดาไหมทอง ต้องขออภัยผู้อาวุโสที่ล่วงเกิน ข้าพเจ้าเห็นสหายท่านนี้รั้งกระบี่ แต่ท่านกลับยังใช้อาวุธคุกคามไม่หยุดยั้ง เพื่อไม่ให้สหายท่านนี้ต้องบาดเจ็บ ข้าพเจ้าจึงต้องสอดแทรกเข้ามา”
“เจ้าเป็นใคร...วังเทวาจัดการสั่งสอนคน เจ้าเข้ามาสอดมือ อยากไม่ตายดีหรือไร”ธิดาไหมทองเสียงเกรี้ยวกราด
“ข้าย่อมไม่อยากสอด หากแต่พวกท่านทวงถามสิ่งของจากคนที่ไม่มีของ ให้สู้กันจนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปพบยมบาล สหายท่านนี้ก็ไม่อาจมอบไข่มุกสุริยันออกมาให้ท่านได้” บุรุษชุดขาวยืนกอดอกถือกระบี่อธิบายด้วยท่าทีสำราญใจยิ่ง
“เจ้าล่วงรู้ได้อย่างไรว่าเราทวงถามสิ่งใด”ธิดาไหมทองถาม
“อาจารย์ เช่นนั้น คงเป็นมันที่เป็นผู้ช่วงชิงไข่มุกสุริยันที่แท้จริง”ดรุณีเยาว์วัยชุดสีชมพูเอ่ย
“แม่นาง ข้าล่วงรู้เรื่องของพวกเจ้าใช่ว่าข้าจะเป็นคนเอาไข่มุกสุริยันไป เจ้าปรักปรำสหายท่านนี้ไม่พอ บัดนี้มาปรักปรำข้าอีกคนหรือ”บุรุษชุดขาวหัวเราะในลำคอ
“หากไม่ใช่เป็นเจ้าเอาไป เช่นนั้นเจ้าย่อมรู้แน่ว่าเป็นผู้ใด”ธิดาไหมทองกล่าวอย่างแน่ใจยิ่ง
“หากข้าไม่ปริปากเล่า”
“เจ้าตาย!!!”ธิดาไหมทองแม้นสิ้นแส้ไหมทองแล้วก็ยังไม่สิ้นพิษสง นางฉวยโอกาสโคจรลมปราณใช้กำลังภายในเข้าทำร้ายบุรุษชุดขาว
“ฝ่ามือแสงตะวัน!!!”แสงสีทองวาบออกจากฝ่ามือทั้งสองข้างแผ่รัศมีเป็นวงกว้างยังให้ต้นไม้ที่เคยอยู่เบื้องหลังบุรุษปริศนาชุดขาวที่พลิ้วกายหลบทันแหลกสลายเป็นจุลในทันที
“ผู้อาวุโสท่านอารมณ์ร้ายยิ่ง”บุรุษชุดขาวยังก่อกวนไม่หยุดหย่อน เจ้าอิเทียนที่ชมดูเหตุการณ์อยู่ใกล้ๆอดขบขันมิได้
“สหายท่านนี้ ข้าพเจ้ามาช่วยท่าน ท่านกลับยืนขบขันมองดูข้าต่อตีกับพวกนาง ช่างไร้น้ำใจนัก”
“ดูท่านออกเก่งกล้า ยังต้องการความช่วยเหลืออีกหรือ”เจ้าอิเทียนยิ้มในหน้าหากสาวก้าวเข้ามาร่วมวงด้วย
“พวกเจ้าบอกอาจารย์เรามาตามตรง เป็นผู้ใดเอาไข่มุกสุริยันของเราไป พวกเราเสียเวลามากแล้ว” ดรุณีนางหนึ่งเกลี่ยกล่อม
“แม่นาง...ไข่มุกสุริยันนั้นเป็นสมบัติของอดีตราชวงศ์ถัง วังเทวาเอ่ยอ้างเป็นเจ้าของเช่นนี้ไม่ละอายใจบ้างหรือ”บุรุษชุดขาวถามเสียงเรียบ หากคำพูดนั้นกลับสะกิดใจเจ้าอิเทียนยิ่งนัก พลันนึกขึ้นได้ว่าไข่มุกสุริยันเป็นหนึ่งในสามสมบัติล้ำค่าของราชวงศ์ถังที่ล่มสลายไป หากสมบัติสามสิ่งนี้หายสาบสูญไปพร้อมกับพวกราชวงศ์ที่แตกฉานซ่านกระเซ็นไฉนยามนี้ชาวยุทธเบื้องหน้าเหล่านี้กลับเอ่ยถึงมัน หรือพวกราชวงศ์เก่าจะหวนกลับมาอีกครา
“เรื่องกาลก่อนข้าไม่ใส่ใจ หากวันนี้ไข่มุกสุริยันอยู่ในครอบครองวังเทวา ดังนั้นอย่าว่าแต่เป็นเจ้า ต่อให้เป็นราชนิกุลราชวงศ์ถังก็อย่าหมายเอาไปได้ เมื่อเจ้าสองคนไม่ร่วมมือ ข้าจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียบ้าง” กล่าวจบธิดาไหมทองก็จู่โจมด้วยกำลังภายในอีกครา คราวนี้นางใช้พลังวัตรเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน
“ฝ่ามือแสงตะวัน!!!”
พลังสายสีทองอร่าม แผ่ออกมาพุ่งตรงสู่บุรุษหนุ่มทั้งสองที่ยืนอยู่เบื้องหน้า เจ้าอิเทียนเห็นพลังที่ส่งออกรุนแรงเหนือความคาดหมาย ก็ลอบตระหนกอยู่ในใจสีหน้าแปรเปลี่ยนขึ้นมาวูบหนึ่ง เหลือบมองบุคคลผู้ยืนอยู่ด้านข้างกลับเห็นมันยืนนิ่งไม่ไหวติง ท่าทีเฉื่อยชาราวเห็นสิ่งตรงหน้าเป็นเพียงละครปาหี่ฉากหนึ่ง สร้างความแปลกใจแก่ท่านอ๋องหนุ่มยิ่งนัก หากในยามคับขันเช่นนี้จำต้องละความสงสัยลง หันมาโคจรพลังวัตรเตรียมรับแรงปะทะจากสตรีอาวุโส พลันร่างในชุดขาวด้านข้างกลับสาวเท้าไปยืนขวางเบื้องหน้า ฝ่ามือสะบัดออกวูบหนึ่ง หยุดยั้งพลังที่พุ่งตรงมาได้อย่างง่ายดาย
“ฝ่ามือไร้รูป...” ธิดาไหมทอง ตระหนกกึ่งประหลาดใจ เจ้าหนุ่มอายุเยาว์กลับมีพลังวัตรลึกล้ำใช้พลังฝ่ามือระดับยอดได้ เช่นนี้หรืออาจารย์ของมันเป็นท่านผู้นั้น!! หากชาวยุทธ์ล้วนล่วงรู้อาวุโสผู้นั้นถอนตัวจากยุทธภพไปร่วมหลายสิบปี อีกทั้งไม่มีผู้คนพบเห็นมาเนิ่นนานแล้ว มิทราบเจ้าหนุ่มนี่ไปฝึกปรือฝีมือจากที่ใดมา
เจ้าอิเทียนที่ชมดูอยู่เบื้องหลังอัศจรรรย์ใจนัก ในวังหลวงที่เคยคุ้นมียอดฝีมือมากมาย หากฝ่ามือพิสดารทรงอานุภาพเช่นนี้กลับเพิ่งเคยพบเห็นเป็นครั้งแรกและผู้ที่ช่วงใช้มันนั้น เมื่อคาดเดาเอาจากน้ำเสียงรูปร่างลักษณะ ดูไปแล้วอายุคงรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขา ในยามนี้จึงรู้สึกนับถือและเลื่อมใสคนตรงหน้านัก
การที่ธิดาไหมทอง ประลองพลังวัตรกับบุรุษชุดขาวนี้ แต่ละฝ่ายนับได้ว่าเสี่ยงชีวิตอยู่บนเส้นด้ายอันบางเบา แม้นเสียสมาธิเพียงวูบเดียวอาจถูกพลังวัตรอีกฝ่ายหนึ่งล่วงล้ำทำร้ายจนร่างกายบอบช้ำถึงเจ็บสาหัสได้ ถึงกระนั้นธิดาไหมทองกลับมีคำสั่งแก่เหล่าศิษย์น้อยของนางให้คุกคามทวงถามไข่มุกสุริยันเอากับเจ้าอิเทียน
“จินยี้...ระหว่างเรารับมือเจ้าคนชอบสอดเรื่องชาวบ้านนี้ เจ้ากับศิษย์น้องจัดการสั่งสอนเจ้าหนุ่มนั่น บังคับให้มันมอบไข่มุกออกมา ข้าไม่เชื่อว่ามันจะมิรู้เห็นอันใด”
“ศิษย์รับคำสั่ง” ดรุณีชุดสีชมพูรับคำพลันชักกระบี่พุ่งปราดออกไปหมายจ้วงแทงเจ้าอิเทียน โดยมีศิษย์น้องทั้งสามติดตามอยู่เบื้องหลัง
“เดี๋ยว...แม่นาง” เจ้าอิเทียนเสียงหลง เอี้ยวตัวหลบหลีกกระบี่คมกริบนั้น หากช้าไปคมกระบี่กรีดถูกแขนเสื้อด้านขวาขาดเป็นรอยยาว ไม่นานโลหิตสีแดงเข้มก็เริ่มไหลซึมออกมาทีละน้อย เจ้าอิเทียนเห็นอีกฝ่ายเป็นสตรีจึงไม่ปรารถนาลงมือรุนแรงด้วย มาถึงยามนี้ความใจอ่อนกลับทำให้ต้องเจ็บตัว ในใจจึงรู้สึกเดือดดาลขึ้นมา เริ่มตอบโต้ดรุณีทั้งสี่กลับบ้าง
“ท่าน จนบัดนี้ยังไม่แยกแยะว่าผู้ใดรู้เรื่องราว ผู้ใดไม่เกี่ยวข้อง” บุรุษชุดขาวเริ่มมีโทสะเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า
“ไม่ได้ไข่มุกสุริยันคืน ข้าไม่รามือเด็ดขาด” ธิดาไหมทองเสียงเย็น เร่งผลักดันพลังภายในให้แผ่พุ่งออกมาอีก
“คนดื้อรั้นเช่นท่าน ข้าออมมือไปก็เปล่าประโยชน์” ธิดาแห่งวังเทวาฟังดังนั้นค่อยทราบ ที่แท้ฝ่ายตรงข้ามใช้พลังวัตรไม่เต็มที่ แต่ถึงขนาดนั้นแล้วนางกลับรู้สึกตึงมือไม่น้อย
ทันใดมีเสียงฝีเท้าม้ามุ่งตรงมา กลับเป็นฝูผิงหยวน องครักษ์ประจำตัวเจ้าอิเทียน
กลุ่มผู้คนที่ต่อสู้กันอยู่ตรงหน้าทำให้องครักษ์หนุ่มใจวาบ อีกทั้งเมื่อมาถึงกลับเห็นท่านอ๋องถูกรุมล้อมด้วยสตรีสาวสี่นางที่ล้วนแล้วแต่ชักกระบี่เข้าฟาดฟันใส่ ทั้งแขนขวาชุ่มโชกด้วยโลหิตก็ตื่นตระหนกใจยิ่ง พลิ้วกายลงจากหลังม้าเข้าช่วยเหลือผู้เป็นเจ้าชีวิตในทันที
ธิดาไหมทองเห็นผู้มาใหม่มีฝีมือไม่น้อย จิตใจวิตกกังวลห่วงศิษย์สาวทั้งสี่ขึ้นมา ในใจก็ร้อนรุ่มคิดหาทางช่วยเหลือ พลันเงาร่างสายหนึ่งวูบออกมาจากดงไม้ใกล้ๆ ถลันเข้ามาประทับฝ่ามือใส่กลางหลังธิดาไหมทอง ส่งพลังอันแข็งแกร่งผ่านร่างธิดาไหมทองผนึกรวมเป็นสายเดียวกับฝ่ามือแสงตะวันที่นางใช้ พุ่งปะทะกับพลังฝ่ามือของบุรุษชุดขาว พลังกระแทกรุนแรงเช่นนี้ย่อมทำให้บุรุษชุดขาวบาดเจ็บสาหัสแน่นอน หากไม่คาดคิดมันถึงกลับสามารถโคจรพลังสวนกลับได้ แรงโต้ตอบนั้นส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายผละออกจากกัน ต่างฝ่ายต่างซวนเซถอยหลังไปหลายก้าว
“ศิษย์พี่!!” ธิดาไหมทองกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง หากเอ่ยเรียกอย่างยินดีแม้น้ำเสียงอ่อนแรง เงาร่างนั้นเป็นสตรีวัยใกล้เคียงกับกับธิดาไหมทอง หากสวมใส่อาภรณ์สีเงิน เค้าหน้านั้นงดงามไม่แพ้ศิษย์น้อง อีกทั้งมีเหงื่อผุดพรายออกมาเต็มหน้าผากเช่นเดียวกัน ที่แท้แม้นางเป็นผู้โคจรพลังช่วยเหลือศิษย์น้องก็กลับถูกฝ่ามือที่บุรุษชุดขาวสวนกลับมาทำร้ายมิใช่น้อย
“อาจารย์!!! อาจารย์ป้า!!!” เป็นดรุณีทั้งสี่ที่เรียกหา การปะทะกันด้วยพลังฝ่ามือของบุคคลทั้งสามเมื่อครู่ทำให้พวกนางต้องรามือจากเจ้าอิเทียนและฝูผิงหยวนผละมาหาอาวุโสทั้งสองด้วยความห่วงใย
ขณะที่เจ้าอิเทียนสาวเท้าไปหาบุรุษชุดขาวที่ยืนนิ่งอยู่ โดยมีฝูผิงหยวนติดตามไป เข้าไปใกล้จึงสามารถสังเกต ฝ่ามืออีกฝ่ายเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ คาดว่าใบหน้าที่ถูกปกปิดด้วยหมวกผ้าโปร่งบางนั้นก็เช่นกัน
“สหาย...ท่านบาดเจ็บ”
“ไม่หนักหนา...”บุรุษชุดขาวตอบเสียงเบา จากนั้นจึงสืบเท้าเข้าหากลุ่มคนวังเทวา
“พวกท่านบาดเจ็บมิใช่น้อย ดึงดันสู้ต่อไปมีแต่จะบอบช้ำหนักขึ้น กลับไปเสียเถิด”
“วังเทวาไม่เลิกราเพียงเท่านี้แน่” พวกนางบัดนี้บาดเจ็บสาหัสจึงไม่รั้นดึงดันต่อไป ยินยอมล่าถอยแต่โดยดี
ลับร่างสตรีทั้งหกนาง เจ้าอิเทียนค่อยหันมาทางบุรุษผู้มากน้ำใจที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
“ขอบคุณท่าน ที่ช่วยเหลือในครั้งนี้”
“เห็นผู้เดือดร้อน เป็นใครย่อมต้องเข้าช่วยเหลือ อย่าได้เกรงใจเลย...บาดแผลท่านลึกไม่ใช่น้อย...ท่านรับนี่ไว้ เป็นยาสมานแผล” เห็นบุรุษชุดขาวล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อหยิบขวดสีขาวใบเล็กออกมาส่งให้ มือชื้นเหงื่อนั้นสั่นเล็กน้อยจนแทบสังเกตไม่ได้
“ขอบคุณ แม่นางน้อยผู้นั้นมือหนักอย่างยิ่ง”เจ้าอิเทียนกล่าวพลางหัวเราะน้อยๆ หากทำให้ฝูผิงหยวนสวนความกลับในทันที
“คุณชาย ท่านหลบหนีมาจนประสบเหตุร้าย บัดนี้ยังมีอารมณ์ขันอีก”
“ท่านทั้งสอง...หมดเรื่องแล้ว...ข้าต้องขอลาก่อน” บุรุษชุดขาวเอ่ย จากนั้นหมุนกายเตรียมจากไป
“ช้าก่อนสหาย...ข้ายังไม่ทราบนามท่าน”เจ้าอิเทียนเรียกอีกฝ่ายไว้ แล้วกล่าวต่อ
“ข้าเจ้าอิเทียน คนสนิทข้านามฝูผิงหยวน ไม่ทราบนามอันสูงส่งท่านคืออะไร”
“ที่แท้ท่านอ๋องเก้า กับ องครักษ์ฝู...นับว่าวันนี้ข้ามีวาสนา...ได้พบพานพวกท่าน” เสียงบุรุษชุดขาว ดูไม่ตื่นเต้นแม้แต่น้อย คลับคล้ายสามารถคาดเดาได้แต่แรก
“ท่านอ๋องอันใด ข้าเบื่อหน่ายจนตายแล้ว ท่านเรียก อิเทียน กับ ผิงหยวนเถิด” เจ้าอิเทียนถอนใจราวได้ฟังสิ่งแสลงหูยิ่ง ขณะฝูผิงหยวนลอบส่ายหน้าน้อยๆ
“ตกลง...ข้าพเจ้าแซ่หลี่ เรียกว่า หยวนจี๋” กล่าวจบร่างก็พลิ้วกายจากไปราวสายลมพัดผ่าน ทิ้งเจ้าอิเทียนและฝูผิงหยวนให้ครุ่นคิดสงสัย ไฉนสหายใหม่ผู้นี้รีบร้อนนัก
ความคิดเห็น