ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Ts9]All my love รักนี้มอบให้คุณ [อ้นดิว*27]

    ลำดับตอนที่ #2 : Incidence love [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ค. 56


     เมฆหนาดำทะมึนกลุ่มใหญ่เข้าปกคลุมทั่วท้องฟ้ายามราตรี แสงจันทร์ที่เคยส่องสว่างกลับหดหายเหลือเพียงแสงจากไฟสาธารณะริมทาง ไฟจากตึกรามบ้านช่องและไฟหน้ารถนับหมื่นคันที่แล่นอยู่บนถนนสายใหญ่นี้ ผู้คนริมฟุตบาทต่างวิ่งกันเป็นพัลวัน เพื่อกลับให้ถึงที่หมายก่อนพายุลูกใหญ่ที่กำลังก่อตัวจะตกลงลงมาเสียก่อน

    ซ่า~~

    แต่ทว่าคงไม่ทัน พายุลูกใหญ่ที่เพิ่งก่อตัวพัดโหมกระหน่ำทั้งลมทั้งฝน รถยนต์นับหมื่นคันที่แน่นขนัดอยู่บนถนนยังคงไม่ขยับไปไหน

    ภายในรถออดี้สีดำเงา ยังคงมีชายหนุ่มหุ่นนายแบบนั่งเคาะพวงมาลัยอย่างใจเย็น ยามนี้คนอื่นคงเดือดเนื้อร้อนใจยังไงก็คงไปไม่ถึงที่หมายในเวลาอันใกล้นี้แน่ แต่คงต่างกับเขาที่นอกจากใจเย็นแล้วเขาก็ยังชอบสายฝนที่กำลังตกลงมาพร้อมกับลมพายุที่พัดโหมจนต้นไม่ริมทางเอนเอียงไปตามสายลม

    "ครับ" เขาขานรับโทรศัพท์ที่สั่นเตือนอยู่นาน

    "กำลังกลับครับ"

    "ฝนตกหนักมากเลย ผมขับรถอยู่ด้วย ยังไงเดี๋ยวผมโทรกลับนะครับพี่ผู้จัดการ" เขาว่าก่อนกดตัดสายและเหยียบคันเร่งเมื่อรถคันหน้าเริ่มขยับออกไป

    เมื่อรถออกมาถึงสี่แยกที่เป็นถนนแยกละสองเลนส์ ทำให้เขาคิดได้ว่าถ้าเขาไม่ไปไฟเขียวนี้คงต้องรออีกสักครึ่งชั่วโมงไฟเขียวถัดไปจึงจะมา  ถึงจะชอบสายฝนสายลมเท่าใดแต่อาชีพของเขาก็ไม่อาจทำให้เขาชักช้าได้

    ไฟเขียว

    "เร็วสิ!" เขาพูดเมื่อรถคันหน้าไม่ค่อยกระตือรือร้นกับไฟเขียวมากนัก

    ไฟเหลือง

    "ฉันไม่รอไฟเขียวอีกหรอกนะ"  รถคันหน้าออกไปแล้วในขณะที่รถออดี้ของเขาเพิ่งมาถึงเส้นจอดพอดี มีหรือผู้ชายคนนี้จะยอมรอไฟเขียวถัดไปอีกตั้งสามสิบนาที นั่นเพราะว่าทุกนาทีของเขาคือเงิน

    ไฟแดง

    เขาเหยียบคันเร่งให้จมมากขึ้นเพื่อข้ามไปแยกข้างหน้า แต่ทว่าแยกด้านข้างกลับมีมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์สีดำคันโตเร่งเครื่องออกมากพอดี เหตุการณ์แบบนี้ถ้าเป็นในหนังภาพคงตัดไปมาระหว่างรถออดี้สีดำเงาและบิ๊กไบค์คันโตที่กำลังพุ่งเข้าหาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเบรคหรืออย่างไร

    “เฮ้ย!!!!!!!!” เสียงร้องตกใจเพราะขาดสติของเจ้าของบิ๊กไบค์ดังลั่นออกมานอกหมวกกันน็อค พร้อมกับแสงไฟที่สาดเข้าบนใบหน้าของคนที่เพิ่งขับฝ่าไฟแดงมา

    ปี๊ดดดดดดดดด!!!! ตู้ม

    เสียงแตรของบิ๊กไบค์ดังก้องทั่วสี่แยก ตามมาติดๆด้วยเสียงของโศกนาฏกรรมที่มีรถออดี้ฝ่าไฟแดงแล้วมีมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ขับออกมาตอน 1 วินาทีแรกของไฟเขียว ปะทะกันจนรถออดี้ด้านข้างฝั่งข้างคนขับบุบเข้าไป และหมุนไปตามแรงกลางสี่แยกที่มีสายตานับแสนจับจ้องอยู่ บิ๊กไบค์คันโตลื่นไถลไปตามถนนจนคนขับลงมานอนกองกับพื้นซึ่งไม่ห่างกับบิ๊กไบค์มากนัก

    “อื้อ~~” เสียงครางเพราะความเจ็บปวดดังแผ่วๆก่อนเจ้าของบิ๊กไบค์จะหมดสติไป

    ควันสีขาวฟุ้งลอยขึ้นจากกระโปรงรถออดี้ที่ตอนนี้จอดสนิทแล้ว เบาะคนขับที่มีเซฟตี้ก็เริ่มทำงานให้คนขับปลอดภัย การจราจรกลางสายฝนเริ่มแน่นขนัดกว่าเดิม ตำรวจจราจรที่ยืนดูเหตุการณ์ก็เข้ามาทำหน้าที่ตามเดิม พร้อมกับรถพยาบาลฉุกเฉินที่ส่งเสียงและสาดไฟแดง น้ำเงินให้เห็นมาแต่ไกลทำให้รถที่อยู่ด้านหน้าเริ่มไปได้ แต่เมื่อรถพยาบาลมาถึงก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยเหมือนกันกว่าจะเคลียร์ถนนให้เหมือนเดิม

                           ...............................................................................................



    ในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวสะอาด ที่มีแสงไฟไม่สว่าง ชายหนุ่มร่างสูงที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงสีฟ้ายาวกลางห้องเริ่มรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงรอบๆตัวของเขา ภายใต้เปลือกตากลับมีดวงตาคู่สวยที่พยายามจะรับรู้สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปแต่กลับทำไม่ได้เพราะเปลือกตานั้นหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูก เขาพยายามลืมตาขึ้นจนนัยน์ตาดำเริ่มเห็นแสงสว่างที่ส่องตรงลงมาจากไฟหัวเตียง

    "รู้สึกตัวแล้วหรอ?" เสียงคุ้นหูทักขึ้น

    "..." เขาพยายามจะรับรู้ให้ได้ว่าเป็นใคร เสียงมันช่างคุ้นหูเขาเหลือเกิน

    "ค่อยๆลืมตานะ นายสลบไปนานมาก" เจ้าของเสียงนั่นส่งยิ้มบางให้ แม้คนที่นอนอยู่จะเห็นมันไม่ชัดก็ตาม

    "คะ.. ร.. ใคร?" เขาพึมพำเท่าที่จะขยับปากได้

    "นายว่าอะไรนะ...?" ร่างปริศนาเริ่มขยับเข้าใกล้เมื่อคนตรงหน้าเริ่มพูด

    "ใคร?" เสียงนั้นเริ่มชัดเจนขึ้น

    "ฉันหรอ" เขาถามย้ำ "อ้นไง อ้น กรกฎน่ะ" เขาตอบพลางรินน้ำในขวดลงแก้วแล้วส่งให้คนที่กำลังพูดพึมพำบางอย่างโดยไม่มีเสียง

    "ดื่มน้ำสิ"

    ร่างนั้นรับน้ำไปดื่มโดยเร็ว

    พรวด!

    น้ำทั้งแก้วถูกเทลงบนเจ้าตัวเพราะว่าไม่มีแรงแม้แต่การถือแก้วน้ำ

    "เห้ย! อย่าขยับนะๆ" คนที่เพิ่งยื่นน้ำให้ตกใจจนลนไปหมด รีบคว้าผ้าเช็ดหน้าสีขาวขึ้นมาซับตามแขนก่อนจะกดเรียกนางพยาบาลให้มาเปลี่ยนชุดใหม่ให้

    "นอนนิ่งๆนะ ฉันเรียกพยาบาลเเล้ว พอนายตรวจอาการเสร็จ เปลี่ยนชุดเสร็จฉันจะเข้ามาคุยด้วยนะ" เขาส่งยิ้มจริงใจให้จนเห็นลักยิ้มบางๆที่ข้างแก้ม แล้วค่อยๆเดินออกไปนอกห้อง

     

    ผมจำได้ว่าผมกำลังขับบิ๊กไบค์อยู่บนถนน ตอนนั้นฝนตกหนักมากแล้วผมก็ขับรถออกจากแยกเพื่อข้ามไปอีกแยก แล้วก็มีรถสีดำวิ่งมา แล้วก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย พอรู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่ที่นี้แล้วครับ แล้วคนเมื่อกี้ ชื่ออะไรนะ 'อ้น กรกฎ' หรอ ที่เขาบอกน่ะ นักร้องที่ดังๆในช่วงนี้คนนั้นหรือครับ

    แกร๊ก!

    เสียงลูกบิดประตูห้องถูกหมุนทำให้ผมต้องหยุดความคิดทั้งหมด เพื่อรับการตรวจและจับใจความว่าคุณหมอพูดอะไรกับผมบ้าง

    "เดี๋ยวเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าสักครู่นะคะ" นางพยาบาลร่างเล็กพูดกับผม ผมว่าเธอควรไปเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เด็กมากกว่าการมาเปลี่ยนเสื้อผ้าผมนะ

    "ไม่เป็นไรครับ ผมเปลี่ยนเองได้"

    "จะได้ยังไงละคะ คุณนะบาดเจ็บอยู่นะ" เธอบอกกับผมด้วยรอยยิ้มที่ดูให้กำลังใจ

    "ผมหรอ?" ผมไม่รู้สึกว่าบาดเจ็บเท่าไหร่เลยนะ

    "คะ คุณขาหักนะคะ"

    "ผมจะขาหักได้ยังไง ผมไม่เห็นรู้สึกอะไรที่ขาเลย"

    "มันไม่รู้สึกหรอกคะ เขาเฝือกอยู่นี่ค่ะ ตอนเกิดอุบัติเหตุบิ๊กไบค์คุณพลิกคว่ำและมาทับขาคุณนะคะ แล้วคุณก็สลบไป คุณไม่รู้สึกตัวหรอกคะ"

    ผมพยายามจะไม่เชื่อที่คุณพยาบาลพูด ถึงมันจะดูเป็นจริงเป็นจังก็เถอะ ไม่มีทางที่นักกีฬาทีมชาติอย่างผม จะขาหักหรอกครับ ผมค่อยๆก้มมองขาตนเองที่อยู่ภายใต้ผ้าห่มสีฟ้าอ่อนๆ มันไม่จริงใช่ไหมครับ ผมค่อยๆใช้มือที่มีเรียวแรงอันน้อยนิด เอื้อมไปดึงผ้าห่มออกจากขาทั้งสองข้างของตัวเอง แม้กระทั่งดึงผ้าออกผมยังไม่รู้สึกเลย แล้วผมจะขาหักได้ยังไงจริงไหมครับ

    "เดี๋ยวอีกสักครู่คุณหมอจะมาตรวจอีกครั้งนะคะ" คุณพยาบาลพูดพลางนำผ้าชุบน้ำแล้วบิดหมาดๆ

    ผ้าสีฟ้าอ่อนๆค่อยๆเคลื่อนออกจากอวัยวะเบื้องล่างของผม พร้อมกับหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ทั้งกลัวทั้งตื่นเต้น ผมกลั้นใจหลับตาและภาวนาขอให้คุณพยาบาลล้อผมเล่น 'เอาว่ะ!' ใจของผมบอกให้ผมดึงผ้าออกแล้วค่อยๆลืมตามองมัน

    ในทันทีที่ดวงตาของผมส่องสะท้อนกับอวัยวะที่ผมเคยใช้มันทุกวัน หัวใจทั้งดวงของผมคล้ายจะแตกสลายลงไป ขาข้างหนึ่งของผมตอนนี้มันกลับมีปูนปลาสเตอร์อ่อนๆเคลือบอยู่และมีผ้าสีขาวพันอยู่รอบๆ ขาที่ผมจะใช้มันวิ่ง ใช้มันเตะฟุตบอล ใช้มันทำอะไรอีกหลายๆอย่างในชีวิตตอนนี้ไม่มีแล้วครับ น้ำตาลูกผู้ชายที่ผมไม่เคยหลั่งไหลให้ใครกลับเอ่อล้นออกมาจากดวงตาสีดำสนิท มันไหลอาบสองข้างแก้ม ชีวิตของผมจะทำอะไรได้ถ้าไร้ซึ้งขาข้างใดข้างหนึ่ง

    นักกีฬาทีมชาติอย่างผมที่กำลังจะลงแข่งในอีกไม่นานต้องมาเป็นอะไรแบบนี้ ความฝันทั้งชีวิตของผมเหมือนถูกพังลงอย่างไม่เป็นท่า มันไม่ควรเป็นแบบนี้ใช่ไหมครับ มันต้องไม่เป็นแบบนี้ มันต้องเป็นความฝันแน่ๆ

    "อ้ากกกกกก!" ผมร้องลั่นเพราะความเจ็บปวดหลังจากที่ใช้มือทั้งสองทุบลงที่ต้นขาเหนือเฝือกสีขาว

    "คุณทำอะไรค่ะ?" คุณพยาบาลถามผมอย่างตกอกตกใจจนเผลอปัดอ่างน้ำลงที่พื้น "อย่าทำแบบนี้เลยนะค่ะ เดี๋ยวจะยิ่งหักไปกันใหญ่" เธอเข้ามาจับข้อมือของผมเป็นเชิงห้ามปราม

    ปัง!!

    ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างแรงจนปะทะเข้ากับผนังห้องอีกฝั่ง

    "เป็นอะไรน่ะ?!" เสียงคุ้นหูของอ้นดังเข้ามาก่อนที่ตัวเขาจะเดินมาดูสภาพผมทางอีกฝั่งของเตียง

    "ออกไป!" เขาผงะไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ

    "ฉันขอโทษนะ ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอก" เขาว่าพลางมองขาของผม

    "เพราะนาย เพราะนายคนเดียว ฉันจะไม่มีวันให้อภัยคนอย่า
    งนายเด็ดขาด" ผมพูดในขณะที่น้ำตาไหลล้นออกมาโดยกลั้นไว้ไม่อยู่ เพราะความเสียใจที่สูญเสียขาข้างหนึ่งไป ถึงแม้มันจะเป็นแค่ชั่วคราว ไม่ได้เป็นไปทั้งชีวิต แต่นักกีฬาอย่างผม ผมรู้เรื่องนี้ดี
    'คนที่ประสบอุบัติเหตุจนขาหัก จะไม่มีโอกาสลงเล่นฟุตบอลในสนามได้เลย' ขาของเราจะใช่การได้ไม่เหมือนเดิมหรอกครับ

    "ไอ้พวกคนดังก็แบบนี้แหละ พอดังแล้วนึกจะทำอะไรก็ทำตามอำเภอใจ! ไม่สนใจคนอื่นหรอกว่าจะเดือดร้อน! จะรู้สึกยังไง!!" ผมตะโกนทั้งน้ำตา

    ตอนนี้ความรู้สึกของผมตีกันมั่วไปหมด ความรู้สึกแย่ๆที่ไม่เคยมีมากขนาดนี้ถาโถมเข้ามาในความคิด ในชีวิต มันเกาะกุมหัวใจของผมจนรู้สึกแย่ไปหมด อนาคตของผมมันเหมือนกับการหลับตาลง เราจะมีแต่ความมืดมิด มันไร้หนทางซึ่งจะเดินไปข้างหน้า แม้แต่ขาที่จะใช้เดิมผมยังไม่มีเลยครับ ถ้ามันไม่ฝ่าไฟแดงแล้วมาชนบิ๊กไบค์ผม ผมคงไม่มีสภาพอย่างตอนนี้ อนาคตของผมคงไม่เป็นแบบนี้ คนอย่างมันจะไม่ได้รับการอภัยจากผมหรอกครับ คนอย่างมันไม่สมควรได้รับความรู้สึกดีๆจากใครด้วยซ้ำ.....
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×