ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BBN แก๊งเด็กสะทานโลก

    ลำดับตอนที่ #2 : มีเรื่อง!!

    • อัปเดตล่าสุด 13 มี.ค. 50


                   "ย้าฮู้!  ปิดเรียนตั้งสัปดาห์นึงโว้ยยย!" 

                    เสียงดังก้องไปตลอดทั้งซอยที่พวกเด็กหนุ่มกำลังเดินอยู่ ดังขนาดปลุกสุนัขตื่นได้เป็นฝูงและถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเขาคงวิ่งกันวุ่นไปแล้ว 

                    "แกไม่ดีใจรึไง...อุตส่าห์ได้หยุดนะเว้ย" 

                    เด็กหนุ่มผมทองทักเด็กผมดำที่กำลังเหม่อลอยมองท้องฟ้ามือทั้ง 2 ประสานกันอยู่ที่ท้ายทอย

                     "ก็..." 

                     พลันสายตาเขามองไปทางรถรับส่งนักเรียนแต่สิ่งที่เขามองนั้นไม่ใช่รถรับส่งนักเรียนคันนั้น แต่เป็นสิ่งที่รถคันนั้นบังไว้ ซอยตรงข้าม...


     
                     ณ ซอยที่อยู่ในสายตาเบรด

                     "ปล่อยชั้นนะ"

                     เสียงแหลมเล็กของเด็กหญิง ผมยาวประบ่าสีดำขลับ นาม 'ฝ้าย' ดังขึ้นในซอยที่เปลี่ยวและมืดเพราะไฟฟ้าแถวนี้ขัดข้อง หากไม่มีแสงจันทร์ก็คงมองไม่เห็นอะไร
                        การพันธนาการจากเด็กหนุ่มผมสั้นสีแดง นัยตาสีดำ บุตรชายของมาเฟียชื่อดัง ถูกเลี้ยงด้วยเงินมาตั้งแต่เด็ก เด็กหนุ่มผู้นี้มีนามว่า 'เวฟ' เริ่มแน่นขึ้นเรื่อยๆเด็กสาวที่อยู่ในอ้อมกอดจึงหมดเรี่ยงแรงไปเรื่อยๆ จนกระทั้งดิ้นไม่ไหว
                        ชายสวมแว่นกันแดด พร้อมสูท 3 คน ยืนอยู่ล้อมอยู่แต่ละคนหันหลังให้กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น พวกเขายืนนิ่งไม่ไหวติงดุจรูปปั้น หากเห็นพวกเขาขยับคงจะเป็นเรื่องแปลกในยามนี้ และแล้ว


                        
                        พวกเขาก็ขยับตัว
                        ในท่าพร้อมต่อสู้ สายตาแต่ละคนจับจ้องไปตามแนวพุ่มไม้ที่เรียงรายไปตลอดสองฝั่งข้างทาง พวกเขายืนอย่างเงียบๆ หากไม่มีเสียงกรีดร้องของเด็กสาวคงจะเรียกได้ว่าเงียบสงัดเลยทีเดียว

                         ย้ากกกกกก!!
                        
                        บัดนี้ เด็กหนุ่มผมดำพร้อมสหาย 2 คน ยืนอยูหน้าชายร่างใหญ่ทั้ง 3 

                        "พวกแกเป็นใคร!"

                        ชายหนุ่มผมสีเพลิงเดินออกมาจากเด็กสาวพลางขยับคอเสื้อพองาม 
    เดินมาอยู่หน้าชายร่างยักษ์ทั้ง 3  

                        "พวกเราเป็นใครก็ช่าง...แต่แกทำกับคนที่ไม่มีปัญญาสู้มันไม่เหมาะจะเป็นลูกผู้ชายเลยนะ "

                        เขาไม่ตอบคำถาม  แต่กลับพูดยั่วโมโหกลับไป แต่มันไม่ได้ผลเมื่อรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าชายหนุ่มผมสีเพลิง

                       "พวกแกอยากเป็นฮีโร่เหมือนในหนังเรอะ เปล่าประโยชน์น่า"

                       หนุ่มผมสีเพลิงพูดกระแทกกลับ  ทำลายกำแพงแห่งความสันติเด็กหนุ่มเบื้องหน้าลงเรียบร้อยแล้ว
                       มือที่กำไว้ข้างลำตัวของเด็กหนุ่มผมดำพุ่งไปข้างหน้าพร้อมความโกรธแค้น หมายจะกระแทกใบหน้าของไอ้หยิ่งเบื้องหน้าสักเปรี้ยง

              
                         
                         วูบบบบ

                         พลั่กกกกกกก

                         ก่อนจะถึงตัวไอ้หยิ่งข้างหน้า  ลำตัวเขาถูกกระแทกโดยอวัยวะเบื้องล่างของชายร่างยักษ์
    กระเด็นกลับไปถึงจุดที่พุ่งออกมา

                         "บอกแล้วไงว่าเปล่าประโยชน์" 

                        ชายหนุ่มผมสีเพลิงพูดหลังจากเดินกระแทกไหล่ของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล   แล้วเขาก็หยุดเดิน

                        "แต่ถ้าพวกนายอยากเป็นฮีโร่กันจริงๆ  ฉันก็จะให้ได้เป็น"

                        แล้วจึงก้าวขาเดินออกไปจากซอยโดยไม่หันมามองแม้แต่หางตา 

                        
                       กร๊อบบบ

                      เสียงหนึ่งดึงดูดความสนใจของเด็กหนุ่มทั้ง 3 ให้หันไปมอง  แล้วก็ต้อง ช็อค...
                      ชายร่างยักษ์ทั้ง 3 กำลังดัดนิ้วอย่างพร้อมเพรียงกันและทุกๆนิ้วจะมีเสียง  ป๊อก  ดังออกมา
    แม้อยุ่ห่างประมาณ 2 เมตรยังได้ยินอย่างชัดเจน แทบแยกไม่ออกว่าเสียงไหนมาจากนิ้วไหน
                     เด็กหนุ่มผมดำถูกพยุงขึ้นมายืนโดยสหายทั้งสอง    ในขณะที่ชายร่างยักษ์ทั้ง 3 กำลังย่างสามขุมเข้ามาเรื่อยๆ

                      "เจ็บชะมัดเลย"

                      เด็กหนุ่มผมดำบอก ขณะมือซ้ายกุมอยู่ที่ชายโครงด้านซ้าย

                      วูบบบบบ
     
                      เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลก้มตัวหลบขาที่ตวัดมาได้อย่างฉิวเฉียด  แล้วเตะสวนไปที่ข้อเท้าอย่างแรงดัง พลั่ก  แต่ข้อเท้านั้นกลับไม่สะทกสะท้าน  กลับยกขึ้นเหนือพื้นแล้วเหวี่ยงมากระแทกคางของเด็กหนุ่ม จนดัง พลั่ก เช่นเดียวกัน จนเด็กหนุ่มลอยละลิ่วไปกลางอากาศ  แล้วตกกระแทกกับพื้น

                      "นั่นสิ เจ็บจริงๆด้วย...อั่ก"

                      พูดจบก็สำรักเอาเลือดออกมากองกับพื้น ขณะพยายามใช้สองมือดันตัวลุกขึ้นยืนขึ้น   และถูกพยุงขึ้นโดยเด็กกหนุ่มผมสีทอง
                      หลังจากพยุงเพื่อนขึ้นเสร็จก็พุ่งไปที่ไอ้ยักษ์เบื้องหน้า  มือขวาง้างไปข้างหลังเตรียมอัดหน้าบุรุษร่างกำยำเบื้องหน้า

                      ปึก

                      พลั่กกก

                      บุรุษนั้นรับหมัดเอาไว้ได้อย่างง่ายดายแล้วเหวี่ยงกำปั้นยักษ์มาเสยคางเด็กหนุ่มผมทองกระเด็นย้อนกลับมา
                      ดุจเหล็กกระแทก
                      นิกกระอักเลือดออกมาพร้อมกับวัตถุสีขาว  เขาหยิบมันขึ้นมา...

                      "ฟัน ช้านนนนน.."

                      เด็กหนุ่มตะโกนเสียงดังพร้อมมือกุมปากที่มีเลือดสีแดงสดกำลังไหลทะลักออกมา  แล้วมือที่กำฟันกรามก็เกร็งแน่นจนเห็นรอยนูนเป็นทางยาวจากหลังมือถึงข้อมือขึ้นมาอย่างชัดเจน  
                      เด็กหนุ่มที่พรั่งพร้อมด้วยความโกรธแค้นก็ยืนขึ้นมือที่กุมปากลดระดับลงจนอยู่ข้างลำตัวแล้วกำแน่นเช่นเดียวกับข้างที่มีฟันอยู่ในมือ  แล้วพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง 
                      หมัดแรกจากบุรุษร่างยักษ์พุ่งมาข้างหน้าหวังจะทำให้ฟันอีกซี่เป็นอันต้องลาขาดจากเหงือก

                      
                     มันพลาดเป้า..

                     เด็กหนุ่มผมทองก้มหลบได้ทันท่วงที แล้วเหวี่ยงหมัดข้างขวาที่ง้างไว้รอท่ากลับไปกระแทกหน้าท้องของบุคคลเบื้องหน้า  จนตัวงอคลุกเข่าแล้วก้มตัวแนบไปกับพื้น แต่กลับไม่มีเสียงร้องครวญครางที่คนปกติน่าจะร้องออกมาเมื่อโดนอัดกระแทกด้วยแรงขนาดนั้น
                     แล้วเขาก็ยืนขึ้นโดยไม่รู้ถึงอันตรายที่กำลังเคลื่อนที่มาด้วยความเร็วหมายจะกระแทกให้กระดูกหัก  
                     เด็กหนุ่มหันมาข้างหลัง เห็นบุรุษร่างยักษ์อยู่ไม่ไกลเกิน 1 เมตร ก็เกร็งข้อเท้ากระโดดพุ่งเข้าไป

                      พลั่กก

                     บุรุษร่างยักษ์หงายหลัง โครม ลงกระแทกพื้นเพราะเข่าลอยของเด็กหนุ่มผมทอง  เป็นอีกครั้งที่ไม่ได้ยินเสียงร้องของบุรุษที่นอนเอามือขวากุมหน้า  มือซ้ายกุมท้อง  นอนตัวงออยู่บนพื้น  
                     เด็กหนุ่มยังคงยืนนิ่ง  โดยมีเพื่อนสองคนยืนดูอยู่ข้างหลังอย่างเงียบปล่อยให้เพื่อนอีกคนจัดการไปเรื่อยๆเพราะรู้นิสัยกันดี 
                     ยังเหลือชายร่างยักษ์อีกหนึ่งคนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ข้างหลัง  เขายังยืนนิ่งประเมินสถานการณ์อยู่ ไม่นานนักเขาก็วิ่งมา...
                     หมัดแรกของนิกพลาดเป้า  กลับถูกกระแทกกลับด้วยกำปั้นที่พุ่งมาจากข้างล่าง เสยคางเด็กหนุ่มลอยขึ้นไปบนอากาศ แล้วร่วงลงมาหลังกระแทกพื้นนอนตัวงอมือสองข้างกุมท้อง
                     บุรุษคนนั้นยังไม่หยุดพุ่งมาทางบาส  

      
                      วูบบบ

                     บุรุษร่างยักษ์ก้มหลบเข่าลอยของเบรดที่หวังช่วยเพื่อน  และเหวี่ยงหมัดขึ้นไปเสยคางเด็กหนุ่มผมดำที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศ   ลอยละลิ่วขึ้นไปด้านบนสูงจากพื้นประมาณ 2 เมตร
                      ยังไม่ทันจะตกกระแทกพื้น  กำปั้นหนักๆที่ถูกง้างเตรียมไว้แล้วก็พุ่งแหวกอากาศ  กระทบกับใบหน้าของเบรดอย่างแม่นยำ
                      เขายังไม่หยุด..
                      วิ่งเข้ามาทางเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล มือข้างซ้ายง้างไว้เตรียมขยี้เด็กหนุ่มตรงหน้า ให้ละเอียดคามือ 
                     เด็กหนุ่มก้มตัวลงต่ำหลบหมัดแรกของบุรุษร่างยักษ์ ทำให้หมัดคว้าน้ำเหลวไป   
                     เขาเกร็งข้อเท้า ดีดตัวขึ้นพร้อมหมัดที่เล็งคางของบุรุษร่างยักษ์ไว้แล้ว

                    พลั่ก

                    หมัดของบาสเสยคางเข้าเต็มๆ ทำเอาชายร่างยักษ์ขาหลุดลอยออกจากพื้นเล็กน้อย ใบหน้าก็บิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้าใส่ ลงไปนอนสลบเหมือดบนพื้นอย่างแน่นิ่งไม่กระดุกกระดิก แม้แต่ปลายนิ้ว


                                                            -2-
                   

                    บัดนี้เด็กหนุ่มทั้ง 3 นั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวในร้านอาหารข้างทางกับเด็กสาวคนหนึ่ง
                    "เธอเป็นอะไรหรือเปล่า"
     
                    เบรดเริ่มถามก่อนเพราะเห็นว่าเด็กสาวที่อยู่ข้างหน้านิ่งเงียบมานาน
                    เด็กสาวไม่ตอบยังนั่งสั่น งั่กๆ อยู่ในสายตาของเด็กหนุ่มทั้ง 3 ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ เป็นเชิงว่า 'ไม่'
                    เด็กหนุ่มทั้ง 3 มองหน้ากันอย่างงงๆ 'ไม่เป็นไร แล้วสั่นทำไม' เบรดหันกลับไปทางเด็กสาว

                    "บ้านเธออยู่ไกลไหม" 

                    เบรดถามต่อ แต่เด็กสาวกลับก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาตรงๆกับเด็กหนุ่มผมดำเบื้องหน้าที่กำลังถามคำถาม 

                    "ให้ฉันไปส่งไหม"

                    เบรดถามคำถามต่อไปเมื่อเห็นเด็กสาวนิ่งเงียบมานาน  ไม่นานก็พยักหน้าช้าๆ เป็นเชิงว่า 'ก็ได้'  
                    เด็กหนุ่มมองหน้าสหาย 2 คนที่กำลังจะกระดกแก้วน้ำเปล่าเข้าปาก
                    สหายทั้ง 2 มองกลับ
                    นิกลุกพรวดขึ้น แล้วกล่าวเสียงเรียบ
                    "งั้นพวกฉันกลับก่อนละกัน"
                   แล้วเดินออกไปนอกร้านพร้อมกับเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล หายไปในความมืด
                   เบรดหันกลับมาทางเด็กสาว   ที่กำลังก้มหน้าก้มตาไม่ยอมพูดจา

                   "จะไปหรือยัง"

                   เด็กหนุ่มผมดำถามอีกรอบ  เด็กสาพยักหน้าน้อยๆอีกครั้ง 

      
                    
     
                   บ้านของฝ้ายอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เกิดการปะทะกันของเด็กหนุ่มกับชายร่างยักษ์  เดินเข้าไปในซอยอีกประมาณ 30 เมตรก็ถึงบ้านของเด็กสาว   บัดนี้เด็กหนุ่มและเด็กสาวก็มาถึงหน้าบ้านแล้ว

                  "เธอไม่เป็นอะไรแน่นะ"

                  เด็กหนุ่มถามเพื่อความมั่นใจ 

                  "ค่ะ"

                  เด็กสาวตอบกลับพร้อมกับพยักหน้าช้าๆ เป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มได้ยินเสียงหวานๆของเด็กสาวและเป็นครั้งแรกที่เด็กสาวกล้าสบตากับเด็กหนุ่ม

                  "ถ้าไม่รังเกียจ ฉันอยากรู้ชื่อเธอ" 

                  "ฝ้ายค่ะ"

                  เด็กสาวตอบกลับอย่างรวดเร็ว 
     
                  "งั้นฉันกลับก่อนนะ ไว้จะมาเยี่ยมใหม่"

                  เบรดทำท่าจะเดินกลับก็ยังหันมองผ่านไหล่ ดูใบหน้าที่น่ารักจับใจของเด็กสาวผมสีน้ำตาลที่อยู่เบื้องหลัง

                  "ขอบคุณมากนะคะ"

                  เสียงนั้นดังตามหลังเด็กหนุ่มมา 

                  
                  
                  "น่ารักอะไรแบบนี้นะ" 

                   มันดังขึ้นใจห้วงความคิดของเด็กหนุ่ม ขณะเดินไปท่ามกลางแนวพุ่มไม้ที่เรียงรายอยู่ข้างทาง  
                  ขณะกำลังคิดถึงเด็กสาวที่เขาเพิ่งจะไปส่งถึงหน้าบ้าน กลับได้ยินเสียงดังมาจากแนวพุ่มไม้ชวนให้สงสัย เด็กหนุ่มหยุดเดิน พยายามฟังเสียงนั้นอีกรอบ

                  แล้วมันก็ดังอีกรอบ...
                  ตรงนั้นไง  ด้านขวาของเบรดนี่เอง
                  เขาเดินเข้าไปหาเสียงนั้นอย่างช้าๆ แต่ท่าทางของเบรดดูจะไม่มีความวิตกกังวลว่าสิ่งที่อยู่หลังพุ่มไม่นั้นจะเป็นอะไร
                  บัดนี้เขาอยู่ห่างจากพุ่มไม้เบื้องหน้าไม่ถึง 1 เมตรแล้ว  
                  เด็กหนุ่มก้อมหน้าไปใกล้ๆ

                 พรวดดด

                 เหวออออออ!

                สัตว์ 4 ขา ตัวใหญ่ถึงขนาดยืน 4 ขา เทียบกันคนแล้วอาจใหญ่ถึง 2 ส่วน 3 ของความสูงคน  ขนสีขาว  หูยาวคล้าบหมาป่า หางยาวเป็นพวง โผล่พรวดออกมา เล่นเอาเบรดตกใจร้องเสียงดัง  เข่าอ่อนทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น
                แท้จริงแล้วมันคือ....

                "หมา !?" 

                รู้ดังนั้นเด็กหนุ่มก็ปาดเหงื่อ  พลางออกแรงดันตัวเองขึ้นจากพื้นแล้วปัดกางเกงเอาฝุ่นออก  ปล่อยให้ไอ้ตูบยักษ์นั่งมองอย่างนิ่งเฉย 

                "ไปๆ กลับบ้านแกซะ"

                ขณะออกปากไล่สายตากลับสะดุดกลับสิ่งที่สวมอยู่ตรงคอของมัน ดูคล้ายปลอกคอสีดำธรรมดา แต่ที่ไม่เหมือนปลอกคอสุนัขคือขนาดของมันที่ใหญ่เสียจนถ้ามองไกลๆอาจเข้าใจว่าเจ้าตูบนี่เอาท่อนเหล็กมาแขวนคอเล่นก็ได้
               เด็กหนุ่มกำลังจะเอื้อมมือไปจับปลอกคอยักษ์นั่น  แต่เจ้าสุนัขพันธุ์ยักษ์กลับหลังหันแล้ว  ออกแรงเกร็งข้อเท้าจนกล้ามเนื้อบิดดัง ปึด!  ผลักตัวของมันให้พุ่งออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว 
               เบรด สังเกตุเห็น ความแข็งแรงของเจ้าสุนัขยักษ์ที่วิ่งหายเข้าไปในความมืดเพราะความเร็วที่มันเพิ่งสร้างตอนวิ่งจากไปมันไม่ใช่ความเร็วของสุนัขธรรมดา  มันเร็วพอๆกับรถแข่งชั้นเยี่ยมคันหนึ่ง 

              "อะไรของมัน" 

                เด็กหนุ่มเกาหัว แกรกๆ ก่อนจะเดินออกจากซอยนั้น 


              กลุ่มเมฆบนท้องฟ้าในคืนนี้รวมตัวกันบดบังแสงจันทรามิให้ส่องผ่านมา ณ บริเวณเด็กหนุ่ม  ทำให้มันมืดมิด
              ที่ๆพวกเขาอาศัยอยู่คือโรงแรมเก่าๆ หลังหนึ่ง ที่ทว่าภายในกลับต่างกันกับภายนอกอย่างสุดขั้ว เมื่อเข้ามา
              ทางเดินกลับโรงแรมของพวกเด็กหนุ่ม เป็นซอยที่ไม่มีแสงไฟข้างทาง เป็นทางที่พวกเขาขนานนามว่า 'ทางเดินมัจจุราช'  นั่นก็เพราะบรรยากาศชานสยองขวัญเพราะเสียงลมพัดใบไม้แห้งริมทางเสียงดัง ชวนให้หวีดหวิว ดุจเสียงปีศาจจากนรก  เบรดต้องทนเดินในสภาพเช่นนั้นเป็นระยะทางกว่า  30  เมตร 
               แต่ความรู้สึกของเบรดกลับตรงกันข้ามกับสภาพแวดล้อม  มือทั้ง  2 ผสานกันอยู่ท้ายทอย หน้าแหงนขึ้นมองฟ้า เป็นท่าเอกลักษณ์ของเขาแสดงถึงความรู้สึกสบาย   ซึ่งสหายทั้ง 2 รู้ดี  

               
               ฟุ่บๆๆ

               มือทั้ง 2 ข้างของเด็กหนุ่มลดระดับจนลงมาแนบข้างลำตัว เมื่อได้ยินเสียงวัตถุประหลาดตามแนวต้นไม้ทั้ง 2 ข้างทาง 
                เบรดพยายามเพ่งมองตามเสียงนั้น แต่เพราะความมืดที่ปกคลุมรอบด้านทำให้แย่ไปใหญ่

               ฟ้าววว

               "อะไรวะ" 
       
               พลันร่างกายเหมือนถูกควบคุมโดยสิ่งอื่น  ร่างกายไม่เป็นไปตามใจคิด  ดวงตาเริ่มพร่ามัว  รู้สึกเหมือนจะหลับ  แต่ใครจะรู้ว่าตอนนี้ร่างกายเขาถูกควบคุมโดยสิ่งอื่นที่ไร้ตัวตน หรือที่เรียกว่า 'ถูกสิง 'นั้นเอง
               ร่างกายไร้วิญญาณนั้นย่อตัวต่ำเกือบติดพื้น มือสองข้างจิกนิ้วลงบนพื้น  แล้วก้มหน้าลงช้าๆ
               ถึงร่างกายจะขยับเขยื้อนได้   แต่ภายใต้ใบหน้านั้นกำลังหลับใหล ไม่รู้ว่าร่างกายของตนนั้นกำลังทำอะไรอยู่
               กล้ามเนื้อขาและข้อเท้าเกร็งจัดจนมองเห็นเส้นนูนขึ้นเป็นทางยาวตั้งแต่เท้าจนถึงต้นขา 
               ร่างนั้นดีดข้อเท้า พุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว นิ้วทั้งสิบขูดพื้นเป็นรอย  ความเร็วนั้นเทียบเท่ากับสุนัขที่เขาพบที่หน้าปากซอยนั้น เร็วพอจะแข็งกันได้เลย
               ขณะวิ่งผ่าสายลม เสียงใบไม้เสียดสีกับกับวัตถุประหลาดที่พุ่งขนาบข้าง ยังดังอยู่ไม่ขาดสาย
               ร่างไร้วิญญาณค่อยๆ เร่งความเร็ว จนเสียงทั้งสองทางเงียบไป  แต่ก็ยังรักษาความเร็วไว้ได้ แล้วมุ่งหน้าไปโรงแรม


              การวิ่งเป็นระยะทางเกือบ 30 เมตร  ด้วยความเร็วขนาดนั้น  ใช้เวลาเพียงสองนาทีกว่า เท่านั้นเอง  และมันไม่ได้สร้างความเหน็ดเหนื่อยให้แก่ร่างกายนั้นเลยแม้แต่น้อย
              ในที่สุดก็มาถึงที่ๆ พวกเด็กหนุ่มอาศัยอยู่ มันเป็นโรงแรม ใหญ่และเก่ามากหลังหนึ่ง 
              ร่างนั้นยืนอยู่หน้าประตูไม่สักขนาดใหญ่  ก่อนจะทรุดลง แล้วก็ล้มลงนอนราบกับพื้นอย่างคนหมดแรง  


             ปังงงงง...

             ประตูไม้สักเปิดออก  พร้อมกับชายวัยชรา ไว้เครา สวมแว่นตา และเสื้อคลุมยาวลากพื้น  ที่รีบเดินมายังร่างกายบัดนี้นอนหมดสภาพอยู่บนพื้น  ก้มตัวลงและช้อนเอาร่างนั้น เข้ามาภายในโรงแรม
             ภายในดูจะแตกต่างกับรูปลักษณ์ภายนอกอย่างสิ้นเชิง...
             เมื่อเดินเข้ามา  สิ่งแรกที่จะเห้นคือ เสาขนาดยักษ์ ที่มีไว้ค้ำอาคารทั้งหลัง  ซ้ายมือเป็นเคาเตอร์ ขวามือมีประตูไม้สักที่สักเป็นรูปดอกไม้นานาชนิด  สำหรับเข้าห้องอาหาร ด้านหน้าถัดจากเสาคือบันได และ ลิฟท์ สำหรับขึ้นไปยังชั้นอื่นๆ และสิ่งที่สวยงามที่สุดเห็นจะเป็น ดวงไฟที่ห้อยลงมาจาเพดาน...ดวงไฟที่ติดอันดับหนึ่งในสิบดวงไฟที่สวยที่สุดในโลก                                                                      
             เกือบทั้งหมดทำจากคริสตัลใสสะท้อนแสงไฟระยิบระยับ ตรงกลางทำเป็นรูปดอกกุหลาบสีแดง ดูแล้วน่าจะทำจากสิ่งที่เป็นเหลี่ยมๆ สะท้อนแสงได้หลายดอกมากระจุกกันอยุ่เป็นพุ่ม
             บัดนี้ชายราร่างสูง  ยืนอยู่หน้าโต๊ะอาหารสามตัวที่ถูกลากมาวางต่อกัน สองมือค่อยๆวางร่างเด็กหนุ่มลงบนโต๊ะ 
            เสียงลมหายใจแผ่วเบาราวกับคนใกล้ตาย  ร่างกายอ่อนปวกเปียกราวกับคนตาย
            ชายชราถอนใจก่อนจะพึมพำออกมา

            "ไปเจออะไรมาอีกละครับคุณหนู"   

            ชายชราสอดมือเข้าใต้ข้อพับตรงเข้าและคอแล้วยกขึ้น   เขาเดินฉับๆ ออกจากห้องอาหารแล้วขึ้นบันไดที่หมุนวนเป็นวงกลมกว้างๆ ไปชั้นสามของตึก เดินไปตามางตรงที่มีแสงไฟสีส้มประดับและให้แสงอยู่สองฝั่งทางเดิน  ทางเดินถูกปูด้วยพรหมสีแดง บนพรหมถูกตกแต่งด้วยฝีมือปลายพู่กันของช่างศิลป์ระดับโลกเป็นรูปงานเต้นรำที่คนทุกคนในภาพนั้นล้วนแต่ถูกแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มที่ดูอบอุ่น  ทำให้ผู้ที่เดินอยู่ยนพรหมนี้ทุกคนล้วนแต่มีความสุขตามไปด้วย
            แต่ใครจะหารู้ไม่ว่าว่าบุคคลที่อยู่ในรูป ในมุมมืดปลายสุดของพรหมนั้นคือ มัจจุราช...

           
             เดินมาจนถึงห้องสุดท้ายของแถวนี้ก็เป็นห้องของเบรด  ชายชราค่อยๆ วางขาของเด็กหนุ่มลงแต่มืออีกข้างยังพยุงคอเอาไว้  แล้ว้ลวงกีเป๋าหยิบกุญแจออกมาไขประตูห้อง ก่อนจะเก็บเข้ากระเป๋าและอุ้มขึ้นมา
             เข้ามาภายในห้องดวงไฟกลางห้องและรอบห้องก็สว่าง ส่องแสงสีขาวนวลและสีส้มอ่อนๆออกมา  นับว่าเป็นห้องระดับวีไอพีที่มีการประดับตกแต่งอย่างสวยงาม เครื่องใช้มีครบครัน ขนาดห้องกว้างพอที่จะจอดรถไว้ได้ถึง 4 คัน  ห้องแบ่งเป็นสองฝั่ง  คือด้านหน้า ซึ่งเป็นส่วนที่มีไว้ต้อนรับแขกภายในห้องรับแขก มีห้องครัวขนาดเล็กรวมอยู่  อีกส่วนเป็นห้องส่วนตัว คือห้องนอนและห้องน้ำนั่นเอง   

             ชายชราเดินเข้ามาถึงห้องนอน แล้วค่อยๆ วางร่างไร้สติลงบนเตียง ที่ดูเหมือนจะได้รับการทำความสะอาดอยู่เสมอ ผ้าห่มและหมอนถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ  หัวเตียงทำจากไม้สลักเป็นรูปหัวใจติกปีกสองข้าง ข้างบนรูปหัวใจ ถูกแกะเป็นคำว่า  "For My Son"  ข้างเตียงเป็นโต๊ะวางแจกันดอกไม้
            สิ้นเสียงประตูปิด    เด็กหนุ่มค่อยๆ ลืมตาขึ้น ภาพแรกที่เห็นคือเพดานห้องของเขา  

            "เหนื่อยชะมัด"  
      
            พูดพลางบีบนวดกล้ามเนื้อขาและแขนไป  

              ก๊อก ก๊อก

              ประตูเปิดออกพร้อมกับแม่บ้านร่างใหญ่ถือถาดที่มีแก้วนมวางอยู่ข้างบน  เธอเดินมาแล้วค่อยๆ ยกแก้วนมแล้ววางบนโต๊ะข้างๆ เตียงอย่างเบามือ

              "ขอบคุณมากครับ ป้าแจ่ม"

              แม่บ้านที่ถูกเรียกว่า 'ป้าแจ่ม' หันมายิ้มอย่างเป็นมิตร แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสดใส

              "ไม่เป็นไรค่า" 

              พูดเสร็จก็เดินออกจากห้องแล้วปิดประตูอย่างเงียบๆ  ขณะที่เด็กหนุ่มกะลังลุกขึ้นเดิน  เขาก็ต้องเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นเพราะกล้ามเนื้อเมื่อยล้าเกินกว่าจะขยับเขยื้อนร่างกายได้  

              "พรุ่งนี้จะเดินไหวหรือเปล่าเนี่ย"

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×