คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : 美花美花 "IF : ถ้า : 如果" ลำดับที่4
IF:ถ้า:如果ลำดับที่4
ถ้า.....ฮ่องเต้หน้าผี vs อ๋องน้อยหน้าปรุ
ใน ประวัติศาสตร์จีนได้มีบันทึกฉบับหนึ่ง กล่าวถึงฮ่องเต้หน้าตาอัปลักษณ์ไม่ต่างจากภูติผี ผิวหน้าปูดโปน ดวงตากร้าว แผลยาวคาดเฉียงผ่าครึ่ง จากหน้าผากซีกซ้ายลากผ่านริมฝีปากไปสุดที่สันกรามซีกขวา จมูกบานแบะ ริมฝีปากบิดเบี้ยว ผู้คนเชื่อว่าเป็นเพราะฤทธิ์คำสาปแช่งของพรรคพยัคฆ์กระโจน แต่ทว่ารูปกายนั้นเล่า สูงสง่าแข็งแกร่งกำยำสมชายชาตินักรบ เป็นผู้หมกหมุ่มในกามา มัวเมาในเพศชาย ฮ่องเต้ผู้นั้นมีนามว่า ซีวอน
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
เวลา ล่วงเข้าบ่ายแก่ในที่ไม่ไกลจากวังหลวงมากนัก ตำหนักทู่หลงของท่าปาหยางอ๋อง ในห้องที่แสนวุ่นวาย สตรีนางหนึ่งกำลังโอดครวญด้วยความทรมานเจียนตาย หมอตำแยมากฝีมือก็ช่วยกันมาแต่กลางดึกของคืนวาน ในที่สุดเด็กทารกรูปร่างพิกลพิการก็ถือกำเนิด
ในที่ไกลออกไปจนสุดจะนึกคิด ริมหน้าผาสูงตระหง่าน ชายชราพร้อมทารกแรกเกิดสองคนในมือกำลังอ่านสาสน์ที่ได้รับมาจากพญาเหยี่ยวอย่างพึงใจ
"เจ้าตัวใหญ่ชื่อ ซีวอน ส่วนเจ้าตัวเล็กชื่อฮีชอล จงใช้สองชื่อนี้กอบกู้ศักดิ์ศรีของพยัคฆ์กระโจน"
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
20ปีต่อมา
ในพระราชวังหลวง กำลังครึกครื้นด้วยมีงานเลี้ยงฉลองพระราชสมภพครบรอบ20ปีขององค์ฮ่องเต้โฉดผู้ฉกชิงบุตรชายร่างบางของเหล่าขุนนางน้อยใหญ่มาเพื่อนสนองตัณหาตนเอง
เหล่า ข้ารับใช้สังเกตุเห็นสีหน้าเบื่อหน่ายบนพระพักตร์ฮ่องเจ้หนุ่มต่างพากันหวาด กลัว มิรู้ว่าคืนนี้ใครจะโชคร้าย เป็นผู้ถูกเลือกไปโดนทรมานแก้ความเบื่อหน่าย
"งานวันเกิดข้าทั้งที ทำไมมันแสนน่าเบื่อขนาดนี้"
"ออก ไป ออกไปให้หมด" ขุนนางใหญ่รีบไล่เหล่านางรำที่กำลังฟ้อนรำอย่างประจบประแจง ย้ายร่างของตนเข้าใกล้ฮ่องเต้ กราบทูลของกำนัลแลกกับตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้น "ให้ข้าเรียกของที่นำมาถวาย ให้ฝ่าบาทเลยดีไหมกระหม่อม"
"เอาซิ ถ้าขอที่เจ้านำมาถูกใจข้า จะตบรางวัลให้อย่างงามทีเดียว" ใบหน้าอัปลักษณ์ยิ้มพราว จ้องมองขุนนางด้วยดวงตายากจะอ่านออก
"เด็กๆ" เสียงแหบแห้ง ตะโกนเรียกก่อนที่เด็กหนุ่มหน้าสวย ผิวขาวร่างบาง เกือบยี่สิบคนจะเดินเรียงแถวมาให้ ฮ่องเต้หนุ่มทรงเลือก
ใบหน้าอัปลักษณ์ยิ้มแสยะ บอกให้รู้ว่ามัวเมาในเพศรสมากเพียงไร อย่างน่ารังเกียจ กำลังพึงใจกับเด็กหนุ่มตรงหน้า
"ข้า ก็มี ถวายเช่นกัน" ปาหยางอ๋อง อ๋องปลายแถวผู้ไม่มีผลงานใด ความดีความชอบ รีบเอ่ยแทรกก่อนผลักลูกชายผู้พิการใบหน้าปรุประบิดเบี้ยวออกมาให้ผู้คนทั้ง งานได้หัวเราะเยาะ "ฮีชอลลูกชายของกระหม่อมเอง"
"เจ้าคนพิการนี้หรือที่เจ้าจะให้เรา เอาไปเป็นคนเลี้ยงม้ายังไม่สมกับค่าข้าวที่ต้องเสียให้มันเลย" ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมองผู้ที่ปาหยางอ๋องนำมาให้อย่างดูแคลน แม้รูปทรงจะดูบอบบาง แต่หน้าตาแสนทุเรศ
"ใช่ ท่านอ๋องทำแบบนี้หรือ ไม่เป็นการหมิ่นเกรียรติฮ่องเต้ไปหน่อยหรือ" ขุนนางผู้นำเด็กหนุ่มทั้งหลายมาถวายเอ๋ยอย่างสมเพชมองด้วยหางตา
"อย่าง น้อยลูกข้าก็บริสุทธิ์ ไม่มีประวัติน่าสงสัยอย่างเด็กที่ท่านนำมา" ปาหยางอ๋องผู้ใจกล้านำลูกชายหน้าตาแสนทุเรศมาถวายตอบโต้ขุนนางเฒ่าเพื่อปิด บังความจริง ที่หวังในความดีความชอบ หรืออย่างน้อยที่สุด ก็เพื่อขจัดลูกชายพิการตัวอัปมงคล ให้พ้นจากบ้าน
"เลิก เถียงกันได้แล้วน่ารำคาญ" สุรเสียงก้องบอกพระอารมณ์ที่กริ้วโกรธ ลุกจากพระที่มาคว้าข้อมมือบางของบุตรชายปาหยางอ๋องที่เอาแต่นิ่งเงียบ
"หน้า ตาอัปลักษณ์เช่นเจ้า มีปัญญาทำให้เราพอใจได้หรือไร" สายพระเนตรทอดมองอย่างรังเกียจ สำรวจร่างกายพิกลพิการอย่างดูแคลน "หากเจ้าทำไม่ได้ก็จงรีบไสหัวไป" สุรเสียงทำให้ผู้คนหวาดกลัว ยกเว้นก็แต่ปาหยางอ๋องที่ยังคงยิ้มไม่สะท้าน ดีใจที่ขจัดลูกชั่วไปได้
ใบ หน้าปรุประที่เอาแต่ก้มนิ่ง เงยหน้าขึ้นพร้อมดวงตาวาวโรจน์ สบพระเนตรที่มองอยู่ก่อน ขยับเขยื้อนร่างกางผิดรูปผิดร่างเข้าใกล้วรกายสูงที่ใบหน้าไม่ต่างภูติผี กลีบปากแห้งกร้้านสัมผัสลงบนริมฝีปากบิดเบี้ยว
จุมพิต แสนเร่าร้อนที่ต่างก็แลกลิ้นกันอย่างดุเดือดไม่อายใคร ไม่สนใจหยาดน้ำใสที่ไหลเยิ้มเล็ดลอดออกมาจากจากปากของฮ่องเต้หน้าผีและอ๋อง น้อยหน้าปรุ พาเอาผู้คนที่มองต่างสะอิดสะเอียนนึกรังเกียจ แต่ต้องทนมองเพื่อรักษาหัวให้อยู่ติดกับบ่าต่อไป
วรกายสูงเผลอไผลไปกับความอ่อนหวาน ไม่นึกเฉลียวใจว่าเหตุใด ร่างกายที่พิกลพิการจึงดูคุ้นเคยกับการจูบ และยังมีรสจูบที่แสนเร่าร้อนถึงเพียงนี้
หัคถ์หนาเอื้อมปลดสายคาดเอวจากเอวบาง สองมือล้วงข้าลูบไล้ผิวกายที่เนียนละเอียดผิดผิวหน้า รั้ง ชุดพิธีการเต็มยศที่ร่างบางตรงหน้าสวมใส่ เปิดไหล่บางที่ไร้กล้ามเนื้อ เคลื่อนริมฝีปากร้อนลงมาจนสะดุดเข้ากับรอยนูนจากผิวเนียนบนแผ่นอกขาวผ่อง
พระเนตรกร้าวจ้องมองรอยนูนขนาดใหญ่ที่ชะงักทุกการกระทำของพระองค์ มันเป็นแผลเป็นโปนจากผิวเนื้อ เหมือนถูกของมีคมทิ่มแทงอย่างแรง
ทรง มองใบหน้าปรุประที่บิดเบี้ยวผิดรูปอย่าพิจารณา ก่อนอุ้มร่างพิการที่ใครต่อใครเบือนหน้าหนีขึ้นแนบพระอุระ เดินออกจากงานฉลองไม่สนใจผู้ใด
"ไม่คิดเลยว่าฮ่องเต้จะมีความคิดประหลาด เอาคนพิการไปนอนด้วย"
"แต่ข้าว่า ก็คงได้แค่คืนเดียวเท่านั้น"
"นอกจากไม่โปรดผู้หญิงแล้ว ยังชอบคนอับลักษณ์อีกหรือ"
"แต่ข้าว่าสมดีนะ คนหน้าผีกับคนพิการ"
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
ฮ่องเต้ หนุ่มอุ้มร่างพิการดำเนินกลับเข้ามาในห้องบรรทม วางร่างบางลงบนเตียงก่อนทาบทับหมายรุกราน หัตถ์หนารั้งเสื้อของคนที่พาเข้ามา เปิดเปลือยแผลเป็นให้เห็นเด่นชัด ว่ามันร้ายแรงเพียงใด และคงเจ็บไม่น้อยเมื่อครั้งเป็นแผลสด
พระโอษญ์บิดเบี้ยวปิดประทับลงบนคอขาว สร้างรอยรักสีหวาน แต่กลับชะงักงันด้วยปลายคมของมีดสั้นในมือบางทิ่มจ่ออยู่ที่พระศอหนา
"ฮึๆๆๆ ในที่สุดก็เผยตัวตนออกมาเสียที เจ้าเป็นใครแล้วฮีชอลตัวจริงอยู่ที่ใด" ฮ่องเต้หนุ่มไม่เพียงไม่ตกพระทัย กลับจับข้อมือเล็กไว้มั่น กดน้ำหนักตรึงร่างบางไว้มั่น ให้ไม่อาจขยับเขยื้อน
"ข้า คือฮีชอล หมดเวลาของเจ้าแล้ว ฮ่องเต้โฉด" ร่างกายที่ดูพิการกลับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร้ว พลิกกายอย่างรวดเร็วขึ้นไปอยู่เหนือร่างหนาอย่างง่ายดาย แขนเรียวเงื้ออ่าหมายทิ่มแทงสุดแรง แต่กลับต้องปะทะกับกริชมังกรที่ทรงคว้าได้จากใต้หมอนอย่างทันท่วงที
พระหัตถ์หนากระชากผมยาวที่หลุดรุ่น จนใบหน้าปรุประแหงนหงาย "เจ้าไม่ใช่ฮีชอลคนพิการ เจ้าเป็นใครบอกมา"
"ฉลาดอยู่บ้างนะเจ้า ข้าคือคนแห่งพยัคฆ์กระโจน จะฆ่าเจ้าแทนท่านประมุข"
ความ จริงที่ได้ยินทำให้ฮ่องเต้หนุ่มนิ่งอึ้ง คลายแรงที่รั้งผมไว้จนร่างบางเป็นอิสระสามารถเพิ่มน้ำหนักลงกับมีดสั้นจน ฮ่องเต้ผู้เพลี้ยงพล้ำ ต้องใช้แรงต้าน ปัดให้มีดสั้นเบี่ยงออกจนร่างบางเสียหลัก หล่นลงจากร่างที่คร่อมอยู่
"ฝีมือแค่นี้คิดจะฆ่าข้าได้หรือไง" ซี วอนจับบิดมือที่กำมีสั้นไว้แน่น พลิกร่างบางให้นอนคว่ำ กดน้ำหนักตัวล็อคร่างเล็กเพื่อไม่ให้ลุกขึ้นได้อีกจนสุรเสียงต้องเค้นลอด ผ่านไรฟัน "ข้าไม่รู้จักประมุขเจ้า"
"โกหก เมื่อสองเดือนก่อนท่านประมุขลอบเข้ามาเพื่อสังหารเจ้า แต่ท่านประมุขก็เงียบหายไป" ใบหน้าบิดข้างเค้นคำพูดอย่างยากเย็นมือข้างที่เป็นอิสระ แนบชิดลำตัว แอบคลี่แผ่นโละหะบางที่ถูกลับจนแหลมคม เตรียมขว้างสะบัดยามร่างหนาเผลอ
"เจ้าคงไม่ใช่ชั้นปลายแถวสินะ จึงรู้เรื่องนี้ บอกมาว่าเป็นใคร"
"ข้าคือ..."มือบางเตรียมสาดสะบัดใบมีดบางที่แอบซ่อนไว้เข้าใส่ร่างสูงใหญ่ "ฮีชอลคนสนิทของท่านประมุขซีวอน"
ซี วอนยึดข้อมือที่กำลังสะบัดใบมีดใส่พระองค์อย่างรวดเร็ว ผลักร่างเล็กให้พลิกไปทับแขนเรียวที่เคยถูกยึดไว้ จ้องมองใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างพินิจ "ประมุขเจ้าชื่อเดียวกับข้าเลยนี่"
"ใช่ ทั้งข้าและท่านประมุขถูกตั้งชื่อตามเป้าหมายที่เราต้องสังหาร" คนสนิทของประมุขพรรครู้ดีว่าการพูดมาก ย่อมนำอันตรายมาสู่ตน แต่ในค่ำคืนนี้มีเพียงสองทางเลือก คือเป็นผู้สังหารฮ๋องเต้โฉด หรือ เป็นผู้ถูกฆ่า ไม่มีทางเลือกที่สาม
ฮ่องเต้ ทรงละพระหัตถ์จากร่างเล็ก ลงจากแท่นบรรทมที่เป็นสนามรบย่อยๆ หันหลังให้คนที่นอนนิ่ง รินน้ำชาจากโต๊ะกลางห้องอย่างสบายพระทัย "อย่างนั้นหรือ"
"เจ้า!" ฮีชอลมองอาการเช่นนั้นด้วยความแค้นเคือง คว้ามีดสั้นที่ตกอยู่บนแท่นบรรทมถลันเข้าหาร่างที่หันหลังอย่างรวดเร็ว หมายผิดชีพฮ่องเต้ด้วยมีดสั้นนี้
ร่าวสูงที่ ดื่มชาอย่างสบายพระทัย พลิกตัวกลับมาเผชิญหน้าพร้อมกระบี่พริ้วไหวที่เคยวางอยู่บนโต๊ะ ระยะที่แม่นยำหยุดร่างเล็กไว้ที่ปลายกระบี่ ลำคอขาวแนบชิดกับปลายคม ดวงตาเบิกกว้าง จ้องมองรอยยิ้มเย็นเยือก รู้สึกได้ถึงเงามัจจุราชที่มาเยือนไม่กล้าแม้แต่จะกลืนน้ำตา(หรือน้ำลาย?)
"เจ้ายังกล้าหลอกข้าอีกหรือ"
"ข้า หลอกเข้าตรงไหนกัน" ใบหน้าพิกลพิการเลิกคิ้วเรียวอย่างสงสัย เวลานี้คงหมดทางเลือกนอกจากกลายเป็นผู้ถูกฆ่าแต่อย่างน้อยก็ได้แก้แค้นให้ ท่านประมุข...แม้จะไม่สำเร็จ
"ตรงนี้อย่างไรเล่า" ข้อมือหนายกปลายกระบี่ทิ่มลงบนใบหน้าปรุประ เคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ครั้งให้ปลายกระบี่เคลื่อนไหวดั่งที่ใจต้องการ "เจ้า ไม่ใช่คนสนิทของประมุขพรรคพยัฆค์กระโจน" เศษเนื้อจากใบหน้าพิการร่วงกราวสู่พื้น จากรอยยิ้มเยือกเย็นกลายเป็นยิ้มเพียงมุมปาก และปรากฏรอยยิ้มในดวงตากร้าว
"เจ้าคือฮีชอลคนรักของข้าต่างหากหล่ะ"
ใบ หน้าสวยหวานเนียนเรียบที่เคยซ่อนอยุ่ภายใต้หน้ากากพนังมนุษย์ ฉายแววตกใจ จ้องหน้าบุรุษตรงหน้าอย่างหวาดระแวง มือที่ถือมีดสั้นอยู่ข้างลำตัว หากเกิดสิ่งใดก็พร้อมตายด้วยมีดเล่มนี้
"ดูทำหน้าเข้า จ้อมมองหน้าข้าไว้ดีๆหล่ะ" มือหนาลอกผิวหนังมนุษย์ขึ้นจากลำคออย่างช้าๆ เปิดโฉมหน้าที่แท้จริงให้ร่างบาได้เห็น
"ซีวอน! ท่าน ยังไม่ตาย ยังไม่ตายจริงๆด้วย" น้ำตาเม็ดเล็กไหลลงมาทันทีที่ได้เห็นใบหน้าอันแท้จริงของบุรุษตรงหน้า ก่อนถลันเข้าหาอ้อมกอดอันคุ้นเคย
"ก็ยังไม่ตายหน่ะซิ แต่ก็เกือบตายเพราะเจ้ารู้ไหม" มือหนาลูบหลังบางของคนในอ้อมกอดที่ยังสั่นสะท้านเพราะความดีใจ
ร่าง บางขืนตัวออกห่างอีกนิด สองมือยกขึ้นลูบไล้ใบหน้าหล่อคมของคนตรงหน้า จากเด็กที่เคยถูกฝึกมาด้วยกัน กลายเป็นคู่ซ้อมที่รู้ฝีมือ และคนรักที่รู้ใจ รวมถึงท่านประมุขที่ยอมรับด้วยใจจริง
"รู้ไหมว่าข้าเป็นห่วงท่านแค่ไหน 2เดือน ที่ท่านลอบเข้าวังแล้วหายเงียบไป ทุกคนเป็นห่วงท่านมากนะ ทำไมไม่ส่งข่าวมาบ้าง บ้าที่สุด" จากความซาบซึ้งกลายเป็นโกรธเคือง สองมือบางทุบอกหนาไม่ออมแรง
"โอ้ย!พอแล้ว ฮีชอลเจ้าจะฆ่าข้าหรือไง แรงก็ไม่ใช่น้อย" สองมือหนาจับข้อมมือเล็กไว้มั่น ริมฝีปากได้รูปปรากฏรอยยิ้มพราว ใบหน้าคมเข้มปราศจากรอยใดๆมองคนรักอย่างเอ็นดู "เจ้าเป็นห่วงข้ามากก็เลยรีบจัดการอ๋องพิการเพื่อลอบเข้าวีังวันนี้งั้นหรือ"
"ก็ ใช่หน่ะสิ ปล่อยมือข้านะ" ใบหน้าหวานไม่เหลือเค้าความเป็นนักฆ่า ทำหน้าตาบูดบึ้ง ดึงข้อมือตัวเองแต่ก็ไม่สำเร็จ เท้าเล็กเตรียมยกขึ้นสูง
ประมุขพรรคมองความแง่งอนของคนรักรีบยกเท้าหนีอย่างรู้ทันทั้งฝีมือและความคิด "ถ้า ยังไม่เลิกทำร้ายข้าเราจะไมยนคุยกันแบบนี้ แต่จะเปลี่ยนเป็นนอนคุยนะฮีชอล อารมณ์ข้ายังค้างอยู่นะ" ดวงตาคมจ้องมองอย่างสื่อความหมาย แล้วยังพาร่างเล็กเดิถอยหลังเข้าใกล้เตียงมากยิ่งขึ้น
"ไม่เอา เรานั่งคุยกันเถอะนะ ข้ายังเหนื่อยอยู่เลย สู้กับท่านทีไรข้าเหนื่อยถึงเช้าทุกที ขืนนอนคุยกันข้าได้ตายพอดี"
ไม่ตายหรอกหน่า เรื่องอะไรจะทำให้เจ้าตาย หรือไม่เชื่อฝีมือข้า หืมม์?" เสียงกระซิบถามแผ่วเบา ดวงตาเป็นประกาย หลอกล่อเหยื่อให้ตกหลุมพรางเป่าลมร้อนเข้าหูให้รู้สึกวูบวาบ
"เชื่อ สิ" นักฆ่าหน้าหวานหลงเคลิ้มไปกับคำพูดของคนรัก เกือบพลาดตกหลุมพราง หากแต่ยั้งตัวไว้ได้ทัน เมื่อรู้สึกกำลังลอยจากพื้น "เฮ้ย! ไม่ใช่แบบนี้สิ เรานั่งคุยกันนะ" ดวงตากลมโตจ้องมองอย่างขอร้อง ความเหนื่อยล้าปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน
"อย่าง เจ้านั่งคุยไม่ไหวแล้ว เชื่อข้าเถอะไปนอนคุยกัน ข้าสัญญาว่าคืนนี้แค่นอนคุยเฉยๆ ไม่ล่วงเกินอะไรทั้งนั้น หากเจ้าไม่ร้องขอ" ประมุขซีวอนผู้เป็นฮ่องเต้ตัวปลอมอุ้มคนรักไปวางบนที่นอนนุ่ม ใบหน้ายิ้มกริ่มเมื่อได้ฟังคำบ่นพึมพำจากร่างที่แนบชิดกับอกหนา
"ใครจะไปร้องขอกันเล่า"
ซี วอนวางนักฆ่าคนสวยลงนอนก่อนทิ้งตัวนอนลงเคียงข้าง แล้วฉุดรั้งร่างบางให้เข้ามาในอ้อมกอด ประคองหัวเล็กขึ้นหนุนแขนรอยยิ้มกระจ่างบนใบหน้า ความเงียบที่แสนอบอุ่นเข้าครอบคลุม จนชายหนุ่มอดเอ่ยถามไม่ได้ "ว่าไง มีเรื่องอะไร ถ้าเจ้าไม่พูด ข้าจะทำให้เจ้าร้องขอนะ"
"ท่าน ซีวอน! ทำตัวให้สมเป็นประมุขพรรคที่ท่านอาจารย์ไว้ใจหน่อยได้ไหม" ฮีชอลจ้องมองอย่างไม่พอใจ ที่ทำตัวไม่น่าเคารพทั้งที่อาจารย์อุตส่าห์เลือกให้สืบทอด
"ก็ ตอนนี้ข้าไม่ใช่ประมุขพรรคเสียหน่อย แต่ข้าเป็นฮ่องเต้โฉดมั่วโลกีย์ต่างหาก" ใบหน้าคมขำขันก่อนจะแกล้งร้องโอดโอยเมื่อถูกนิ้วเรียวบิดเข้าที่แขนล่ำ
"ท่านนี่ทำเป็นเล่น ทำไมหลังจากลอบฆ่าฮ่องเต้โฉดได้แล้วถึงเงียบหายไป ไม่ส่งข่าวกลับมาเลย"
"ข้า ขอโทษ แต่เป็นเพราะยังจัดการอะไรไม่เรียบร้อย สองเดือนที่ผ่านมา ข้าพยายามเร่งจัดการขุนนางโฉดทั้งหลาย คิดไว้ว้่าเรียบร้อยเมื่อไหร่จะส่งข่าวกลับไป แต่เจ้าก็ชิงเข้ามาเสียก่อน" ชายหนุ่มประทับริมฝีปากลงบนขมับบางอย่างแสนคิดถึงสองเดือนแล้วที่ไม่ได้ นอนกอดกันแบบนี้
"แล้วท่านรู้ได้อย่างไรว่า อ๋องพิการนั่นเป็นข้าถึงได้...รับจูบทั่งที่หน้าตาก็อัปลักษณ์หรือว่า... เป็นใครก็ได้" ดวงตากลมจ้องมองคนรักอย่างคาดคั้น ริมฝีปากเล็กยื่นออกมาอย่างไม่พอใจ
"คิดมาก จังฮีชอล" ใบหน้าคมมองหน้าคนรักอย่างเอ็นดู จะก้มลง จุมพิตที่กลีบปากอิ่ม แต่กลับโดนหลบอย่างรวดเร็ว "ก็กลิ่นน้ำมันหอมของเจ้าไงเล่า แค่เข้าใกล้ข้าก็รู้แล้ว แล้วยิ่งมั่นใจเมื่อได้ เห็นแผลเป็นนั่น" จมูกโด่งสูดกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของร่างบางอย่างชื่นใจ มือลูบไล้แผบเป็นบนอกขาวที่ได้มาระหว่างที่ฝึกซ้อม "ข้าขอโทษเรื่องแผลเจ้านะ"
"อีก แล้ว! ข้าฟังท่านจนเบื่อแล้วนะ ทีทำอย่างอื่นไม่เคยรู้สึกผิด" ใบหน้าสวยแดงกล่ำกับคำพูดของตนเองยามพูดถึงสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ซุกหน้ากับอกหนาหนีสายตาที่เปล่งประกาย ก่อนกลับมาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง "ข้าปลอมตัวไม่เนียนขนาดนั้นเลยหรือ ก็ว่าแกล้งทำพิการเหมือนแล้วนะ"
"เจ้า หน่ะปลอมตัวแนบแนียนที่สุดแล้ว แต่เพราะข้ารักเจ้า จึงจดจำได้ทุกอย่างที่เป็นฮีชอลของข้า" ซีวอนยิ้มปลอบใจคนรัก เมื่อใบหน้าสวยพองลมจนแก้มป่องไม่พอใจฝีมือตนเอง
"นี้ ขนาดจำได้ เล่นซะแขนข้าเกือบหัก แล้วยังเอากระบี่มาจิ้มอีก" นักฆ่าคนสวยผู้เกือบพลากท่าบ่นกระหอดกระแปด ก่อนฝั่งเขี้ยวคมลงบนแขนใหญ่ที่หนุนนอนอยู่
"โอ้ ยฮีชอล ไม่เจอแค่สองเดือนเจ้าคิดถึงข้าขนาดต้องทำให้ช้ำไปทั้งตัวเลยหรือไง" ชายหนุ่มจับหัวเล็กไม่ให้ดิ้นหนี ทอดมองอย่างเอ็นดู "ก็ข้าไม่สู้เจ้าเลย ไม่เห็นหรือแค่ป้องกันตัวเท่านั้น คนกำลังเคลิ้มอยู่ดีๆ เอามีดมาจิ้มคอ ส่วนกระบี่ก็แค่แหย่เจ้าเล่นเท่านั้นเอง"
"ท่านแค่ป้องกันตัวข้ายังสู้ไม่ได้ จะมีวันที่ข้าชนะท่านบ้างไหม" ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ปลงตกกับฝีมือตนเอง
"เจ้าชนะข้าเสมอฮีชอล" เสียงทุ้มกระซิบข้างหูยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้เห็นคนรักหน้าแดงกล่ำ
"ท่าน ซีวอนเราจะเอายังไงต่อ ข้าไม่ได้เอายางแปะหน้ามาพรุ่งนี้จะออกไปได้อย่างไหร่ แล้วท่านจะแจ้งเรื่องนี้กับพรรคเมื่อไหร่" ร่างบางถามยาวยืดกลบเกลื่อนความอายที่คนรักสร้างขึ้น ทั้งที่ดวงตาก็ปรือเต็มที่แล้ว
"จะยากอะไร ข้ามียางแปะหน้าอีกมาก พรุ่งนี้เจ้าก็ปลอมตัวออกไปเก็บของย้ายเข้ามาอยู่กับข้า แล้วข้าจะลอบส่งข่าวให้ทุกคน แล้วเราค่อย อ้าว! ฮีชอลหลับไปแล้วหรือ" ซีวอนจ้องมองร่างในอ้อมกอดอย่างแสนรักโอบร่างบางเข้ามาแนบชิด ต่อจากนี้ชีวิตจะเปลี่ยนผันไปเพียงใด แต่แค่ได้อยู่เคียงข้างกันก็พอแล้ว
"อาจ ไม่มีใครรรู้จักตัวตนของเจ้าและข้า แต่ทุกคนต้องจำฮ่องเต้ซีวอนและอ๋องฮีชอลไปอีกนานแสนนาน โลกจะรับรู้ความรักที่เรามีให้แก่กันแม้เราสองจะลาลับโลกนี้ไป"
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
ใน บันทึกประวัติศาสตร์ได้กล่าวไว้อีกว่าหลังขึ้นครองราชย์ได้เพียงสองเดือน จากฮ่องเต้โฉดได้กลายเป็นฮ่องเต้ผู้ห่วงใยประชาชน ปกครองบ้านเมืองอย่างสงบสุข ขับไล่ขุนนางชั่ว ขยายอาณาเขตให้กว้างขวาง เลิกนิสัยมัวเมาในเพศรส ไม่มีฝ่ายในทั้งชีวิตมั่นในรักเดียวเพียงฮีชอลอ๋องน้อยผู้มีใบหน้าปรุประบิด เบี้ยวรูปร่างพิกลพิการเท่านั้น
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* EnD~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
Special
มีตำนานรักของฮ่องเต้หน้าผีและอ๋องน้อยหน้าปรุ เล่าสืบขานต่อมานับพันปี
ในคืนที่จันทร์เต็มดวงดลบัลดาลให้ฮ่องเต้หน้าผีและอ๋องหน้าปรุกลายเป็นชาย หนุ่มรูปงามแสนสง่า และอ๋องน้อยผู้มีใบหน้าอ่อนหวานแสนบอบบาง พากันออกมาชื่นชมแสงจันทร์
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
Talk
เอาตอนใหม่มาลง ขอบคุณไอเดียของคุณเชยด้วยนะคะ แต่ว่าเปลี่ยนให้เบาลงนิดๆๆ แต่ว่าอาจจะมึนหน่อยๆนะคะ ถ้าอ่านแล้วงงๆ ถามได้นะคะ
ส่วนของการต่อสู้ดูอึนๆ เพราะไอซ์ไม่ถนัดจริงๆ ขอโทษนะคะ
นี้อาจเป็นอีฟสุดท้ายแล้วเพราะเรื่องก็ใกล้จบแล้ว แต่ถ้าไอซ์นึกคึกอะไรได้ก็จะเอามาเพิ่มอีกนะคะ
เซี่ยเซี่ยหนี่ 05.10.10
IF:ถ้า:如果ลำดับที่3
ถ้า.....ท่านอ๋องน้อยโดนตบแล้ว.....(อ้างอิงตอนที่ห้า)
ฮ่องเต้หนุ่มรีบเสด็จพระราชดำเนินจนแทบจะกลายเป็นวิ่ง ไปยังตำหนักที่ส่วนตัวของท่านอ๋องน้อย ต้นกำเนิดเสียงดังอึกทึกในเวลานี้ ทิ้งหัวหน้าองค์รักษ์ผู้เชื่องช้าไว้เบื้องหลัง
ภาพที่ทรงทอดพระเนตรคือน้องน้อยถือกริชประจำตระกูลไว้มั่น หมายจะปลิดชีพตนเองให้หนีพ้นจากความอับอาย เหล่าทหารได้แต่ยืนอยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าใกล้
เมื่อมือเล็กบางเคลื่อนไหว เป้าหมายถือหัวใจของตนเอง ฮ่องเต้ซีวอนไม่อาจประทับทอดพระเนตรให้คมแหลมของอาวุธแทงเสียดเข้าหัวใจของคนที่กำลังมีความสำคัญต่อพระองค์ ทรงถลาเข้ารับคมกริชนั่นไว้ พระโลหิตไหลอาบแดงฉานหยดสู่พื้นเบื้องล่าง
ผู้คนทั้งหลายต่างแน่นิ่ง พระโลหิตที่หลั่งออกมา ไม่ควรที่ต้องหลังด้วยสาเหตุเช่นนี้ โทษบัญญัติไว้ชัดเจนแล้วว่า คนผู้นั้นสมควรโดนประหารเก้าชั่วโคตร
เพลี้ย.............
เหนือกว่าที่ผู้ใดจะคาดคิด พระหัตถ์หนาชุ่มโชกด้วยพระโลหิต ประทับเต็มแรงที่แก้มเล็กใสของผู้ที่หมายปลิดชีพตนเอง หยาดเลือดไหลซึมมุมปาก และพระโลหิตเปรอะเปื้อนข้างแก้ม
ใบหน้าหวานหันตามแรงประทับ ฟันขาวซี่เล็กหลุดติดออกมาด้วย ดวงตากลมมองเจ้าฟันที่เบื่อกับการยึดเกาะเหงือกด้วยสายตาตกตะลึง ก่อนหมกสติลงทันทีเพราะความโศกที่ต้องจากลาฟันแท้ซี่น้อย
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
พระพักตร์กระวนกระวาย ทรงดำเนินไปมาอยู่ห้าแท่นบรรทม เฝ้าตรัสถามหมอหลวงว่าเมื่อไหร่น้องน้อยจะฟื้นขึ้นมาเสียที แม้คำตอบที่ทรงได้รับจะเหมือนเดิมว่า อ๋องน้อยปลอดภัยแล้ว อีกไม่นานก็ตื่นขึ้นมาแล้ว
“อื้อ” เสียงแผ่วเบาของคนที่หมดสติไป ทำให้บุรุษทั้งหมดในห้องที่ต่างกระวนกระวายต้องหันมามองจ้องร่างน้อยบนแท่นบรรทม ฮ่องเต้หนุ่มถลาตัวเข้าไปโอบประคองเอาไว้
“เป็นอย่างไรบ้าง ฮีชอล พี่ขอโทษ พี่...”
“เดี๋ยวท่านอย่าพึ่ง ข้าหิวน้ำ” อ๋องน้อยยกมือขึ้นห้าม รู้สึกแปลกๆเวลาพูด ยิ่งดื่มน้ำ ยิ่งเหมือนว่าน้ำมันลอดเข้ามามากกว่าปรกติ
เหล่าบุรุษต่างฐานะ จ้องมองร่างเล็กบนพระแท่น ต้องเบือนหน้าไปทางอื่นทุกครั้งที่เห็นริมฝีปากเล็กๆเผยออกจากกัน แล้วยิ่งเห็นดวงตากลมโกรอกไปมาเหมือนสงสัยยิ่ง ไม่อาจกลั้นได้หมอหลวงเฒ่าถึงกับปล่อยลมพรืดออกมา
“พวกท่านหัวเราอะไรกัน” ร่างเล็กกวาดสายตามองไปยังเหล่าผู้มากวิชาสาขาต่างๆ ต่างกั้นหัวเราะหน้าแดงหน้าดำ เหมือนว่าการมีอ๋องน้อยนอนป่วยเป็นเรื่องน่าขันเสียอย่างนั้น
“เอิ่มมมม ฮีชอล พี่” ทรงตรัสได้เพียงแค่นั้น ไม่อาจกลั้นพระอารมณ์ขันไปได้มากกว่านี้แล้ว “คือเจ้า ดูเอาเองแล้วกัน” ทรงหยิบโลหะมันเงา สะท้อนภาพให้อ๋องน้อยได้ดูใบหน้าตัวเอง ที่ฟันหน้าหายไปหนึ่งซีก
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” แล้วหลังจากนั้นคนพึ่งฟื้นก็หมดสติไปอีกรอบรับไม่ได้กับสภาพฟันหน้าหายไปหนึ่งซีก
“ท่านครู ท่านให้ใครก็ได้ไปคิดทำฟันปลอมให้เราหน่อยสิ เราสงสารฮีชอลหากต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ไปตลอด น้องเราต้องยอมรับมันไม่ได้แน่” ทรงหันไปอ้อนวอนท่านราชครู ขุนนางเฒ่าผู้มีความรอบรุ้เก่งกาจในสารพัดด้าน
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
“หิวววววววววววววว” เวียงโวยวายอื้ออึงเมื่อไม่อาจกินอะไรตรงหน้าได้เลยมาจากพระตำหนักส่วนพระองค์ฮ่องเต้หนุ่มที่ท่านอ๋องทรงยึดไว้
“เจ้าก็กินสิ เขาก็เอาอาหารมาไว้ให้เจ้าแล้ว แล้วจะโวยวายทำไมอีกฮีชอล”
“ก็ข้ากินไม่ได้ พอเอาเข้าปากมันก็ไหลพรวดลงไป ข้ายังไม่ได้เคี้ยวเลยนะ ท่านก็พูดได้สิ ท่านเป็นคนทำข้าฟันหลุดนิ แล้วเมื่อไหร่ท่านราชครูจะนำฟันปลอมมาให้ข้าเล่า”
“เจ้าก็รอสิ สิ่งที่เจ้าต้องการมันเคยมีที่ไหนกัน ทั้งทหาร ทั้งขุนนางต่างก็หากรรมวิธีกันอยู่ เข้าใจบ้างไหม” ทรงถามน้องน้อยเหมือนว่ากำลังเอ็ดเด็กตัวน้อย
“เฮ้อ ป่านนี้เฉียนกุ้ยคิดถึงข้าแย่แล้ว ข้าเป็นแบบนี้แล้วจะกล้าออกไปหาใครได้เล่า หิววววววว หิวว”
“มานี้เดี่ยวพี่ป้อนให้เจ้าเอง” ทรงมีรับสั่งเช่น หากแต่ทรงตักข้าวพระโอษฐ์องค์เอง ทรงเคียวอย่างละเอียด ก่อนจะบังคับใบหน้าน้องน้อยให้หันมา แล้วทรงปิดปากขี้โวยวายให้แน่นสนิทผลักดันอาหารแสนละเอียดเข้าไปในปากเล็กจนหมด ก่อนถอนพระโอษฐ์ออกมา
“เป็นไง คราวนี้กินได้หรือยัง พี่ว่า พี่ต้องป้อนเจ้าด้วยวิธีแล้วหล่ะ จนกว่าฟันปลอมจะมาถึง ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถกินอะไรได้ ดูสิ ผอมไปตั้งเยอะแล้ว” ทรงตรัสพลางก็ป้อนตนเอง เคี้ยวๆให้ละเอียดแล้วป้อนร่างเล็กที่นิ่งงัน นั่งช็อคจนไม่อาจโต้ตอบใดๆ
อ๋องน้อยจำต้องทนรับการป้อนจากฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์เป็นเวลากว่าเกือบเดือนหารู้ไม่ว่า ฟันปลอมกระดูกสัตว์ชิ้นแรกของโลก วางอยู่ในห้องทรงงานตั้งแต่วันที่สองนับจากมีพระดำรัสสั่งไว้กับท่านราชครู
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
Talk
เอิ่มมมมมมมมมมมมม อับอายตัวเองคะ คือเอิ่มมมมมมมมมม ทุกคนที่ผ่านมาอ่านคงมีคำถามในใจว่า................อะไรของแกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
แฮ่ๆๆๆ ไม่มีอะไรจะแก้ตัว กับความอับอายครั้งนี้นอกจากว่า.... ไอซ์อ่านหนังสือเรื่องหนึ่งคะ แล้วร้องไห้ตั้งแต่เล่มหนึ่ง ยันเล่มสอง แล้วก็มาสะดุดกึกกับภาพเลดี้ฮี สองอารมณ์มาปนเปกัน กลายเป็นแบบนี้แหล่ะคะ
เซี่ยเซี่ยหนี่ 16.08.10
IF:ถ้า:如果ลำดับที่2
“อ้าว ถึงกับหมดแรงไปเลยหรือเนี่ย ท่านช่างบอบบางเสียจริง ฮ่องเต้ของข้า อ๋องน้อยจะพาท่านกลับตำหนักเองนะ อย่ากังวลไปเลย” ร่างเล็กๆที่บัดนี้ได้ชื่อว่าเป็นผู้ครอบครองฮ่องเต้ได้แต่ยิ้มอยู่คนเดียวให้ลมฟ้าและดาวเดือน แขนเรียว ยกร่างหนาหนักขึ้นตั้งใจจะอุ้มกลับห้อง อย่างที่เคยทำให้สาวงามมานับไม่ถ้วน หากแต่ เพราะรูปร่างที่แตกต่าง แค่จะยก ร่างสูงใหญ่ของฮ่องเต้กลับไม่เขยื้อนสักนิด
ฮ่องเต้หนุ่มนั่งนิ่งนึกย้อนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพราะความเมาและอารมณ์ที่เคลิบเคลิ้ม ไม่ต้องให้ใครมาบอกก็รู้ว่า....เมื่อคืนคงเสียทีให้แก่อ๋องน้อยเจ้าสำราญจอมเจ้าชู้เป็นแน่
โต๊ะหินพรั่งพร้อมไปด้วยสารพัดอาหารเครื่องเคียงของมึนเมาที่ได้เหล้าชั้นดีดองโสมสมุนไพรเพื่อบำรุงที่อ๋องน้องเป็นคนตระเตรียมเองกับมือ
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
IF:ถ้า:如果ลำดับที่1
Jelly fish
ความคิดเห็น