ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    美花 ; (mei hua) (woncin)

    ลำดับตอนที่ #8 : 美花美花 "IF : ถ้า : 如果" ลำดับที่4

    • อัปเดตล่าสุด 10 มิ.ย. 54


    IF:ถ้า:如果@美花  "อีฟ ถ้า หลู่กั่ว ณ เหมยฮวา"
     

    IF:ถ้า:如果ลำดับที่4

    ถ้า.....ฮ่องเต้หน้าผี vs อ๋องน้อยหน้าปรุ   

           ใน ประวัติศาสตร์จีนได้มีบันทึกฉบับหนึ่ง กล่าวถึงฮ่องเต้หน้าตาอัปลักษณ์ไม่ต่างจากภูติผี ผิวหน้าปูดโปน ดวงตากร้าว แผลยาวคาดเฉียงผ่าครึ่ง จากหน้าผากซีกซ้ายลากผ่านริมฝีปากไปสุดที่สันกรามซีกขวา จมูกบานแบะ ริมฝีปากบิดเบี้ยว ผู้คนเชื่อว่าเป็นเพราะฤทธิ์คำสาปแช่งของพรรคพยัคฆ์กระโจน แต่ทว่ารูปกายนั้นเล่า สูงสง่าแข็งแกร่งกำยำสมชายชาตินักรบ เป็นผู้หมกหมุ่มในกามา มัวเมาในเพศชาย ฮ่องเต้ผู้นั้นมีนามว่า ซีวอน


            * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

               เวลา ล่วงเข้าบ่ายแก่ในที่ไม่ไกลจากวังหลวงมากนัก ตำหนักทู่หลงของท่าปาหยางอ๋อง ในห้องที่แสนวุ่นวาย สตรีนางหนึ่งกำลังโอดครวญด้วยความทรมานเจียนตาย หมอตำแยมากฝีมือก็ช่วยกันมาแต่กลางดึกของคืนวาน ในที่สุดเด็กทารกรูปร่างพิกลพิการก็ถือกำเนิด

              ในที่ไกลออกไปจนสุดจะนึกคิด ริมหน้าผาสูงตระหง่าน ชายชราพร้อมทารกแรกเกิดสองคนในมือกำลังอ่านสาสน์ที่ได้รับมาจากพญาเหยี่ยวอย่างพึงใจ

              "เจ้าตัวใหญ่ชื่อ ซีวอน ส่วนเจ้าตัวเล็กชื่อฮีชอล จงใช้สองชื่อนี้กอบกู้ศักดิ์ศรีของพยัคฆ์กระโจน"


           * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

        20ปีต่อมา

         ในพระราชวังหลวง กำลังครึกครื้นด้วยมีงานเลี้ยงฉลองพระราชสมภพครบรอบ20ปีขององค์ฮ่องเต้โฉดผู้ฉกชิงบุตรชายร่างบางของเหล่าขุนนางน้อยใหญ่มาเพื่อนสนองตัณหาตนเอง

          เหล่า ข้ารับใช้สังเกตุเห็นสีหน้าเบื่อหน่ายบนพระพักตร์ฮ่องเจ้หนุ่มต่างพากันหวาด กลัว มิรู้ว่าคืนนี้ใครจะโชคร้าย เป็นผู้ถูกเลือกไปโดนทรมานแก้ความเบื่อหน่าย

        "งานวันเกิดข้าทั้งที ทำไมมันแสนน่าเบื่อขนาดนี้"

           "ออก ไป ออกไปให้หมด" ขุนนางใหญ่รีบไล่เหล่านางรำที่กำลังฟ้อนรำอย่างประจบประแจง ย้ายร่างของตนเข้าใกล้ฮ่องเต้ กราบทูลของกำนัลแลกกับตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้น "ให้ข้าเรียกของที่นำมาถวาย ให้ฝ่าบาทเลยดีไหมกระหม่อม"

    "เอาซิ ถ้าขอที่เจ้านำมาถูกใจข้า จะตบรางวัลให้อย่างงามทีเดียว"  ใบหน้าอัปลักษณ์ยิ้มพราว จ้องมองขุนนางด้วยดวงตายากจะอ่านออก

    "เด็กๆ" เสียงแหบแห้ง ตะโกนเรียกก่อนที่เด็กหนุ่มหน้าสวย ผิวขาวร่างบาง เกือบยี่สิบคนจะเดินเรียงแถวมาให้ ฮ่องเต้หนุ่มทรงเลือก

    ใบหน้าอัปลักษณ์ยิ้มแสยะ บอกให้รู้ว่ามัวเมาในเพศรสมากเพียงไร อย่างน่ารังเกียจ กำลังพึงใจกับเด็กหนุ่มตรงหน้า

    "ข้า ก็มี ถวายเช่นกัน" ปาหยางอ๋อง อ๋องปลายแถวผู้ไม่มีผลงานใด ความดีความชอบ รีบเอ่ยแทรกก่อนผลักลูกชายผู้พิการใบหน้าปรุประบิดเบี้ยวออกมาให้ผู้คนทั้ง งานได้หัวเราะเยาะ "ฮีชอลลูกชายของกระหม่อมเอง"

    "เจ้าคนพิการนี้หรือที่เจ้าจะให้เรา เอาไปเป็นคนเลี้ยงม้ายังไม่สมกับค่าข้าวที่ต้องเสียให้มันเลย"  ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมองผู้ที่ปาหยางอ๋องนำมาให้อย่างดูแคลน แม้รูปทรงจะดูบอบบาง แต่หน้าตาแสนทุเรศ

    "ใช่ ท่านอ๋องทำแบบนี้หรือ ไม่เป็นการหมิ่นเกรียรติฮ่องเต้ไปหน่อยหรือ" ขุนนางผู้นำเด็กหนุ่มทั้งหลายมาถวายเอ๋ยอย่างสมเพชมองด้วยหางตา

    "อย่าง น้อยลูกข้าก็บริสุทธิ์ ไม่มีประวัติน่าสงสัยอย่างเด็กที่ท่านนำมา" ปาหยางอ๋องผู้ใจกล้านำลูกชายหน้าตาแสนทุเรศมาถวายตอบโต้ขุนนางเฒ่าเพื่อปิด บังความจริง ที่หวังในความดีความชอบ หรืออย่างน้อยที่สุด ก็เพื่อขจัดลูกชายพิการตัวอัปมงคล ให้พ้นจากบ้าน

    "เลิก เถียงกันได้แล้วน่ารำคาญ" สุรเสียงก้องบอกพระอารมณ์ที่กริ้วโกรธ ลุกจากพระที่มาคว้าข้อมมือบางของบุตรชายปาหยางอ๋องที่เอาแต่นิ่งเงียบ

    "หน้า ตาอัปลักษณ์เช่นเจ้า มีปัญญาทำให้เราพอใจได้หรือไร" สายพระเนตรทอดมองอย่างรังเกียจ สำรวจร่างกายพิกลพิการอย่างดูแคลน "หากเจ้าทำไม่ได้ก็จงรีบไสหัวไป" สุรเสียงทำให้ผู้คนหวาดกลัว ยกเว้นก็แต่ปาหยางอ๋องที่ยังคงยิ้มไม่สะท้าน ดีใจที่ขจัดลูกชั่วไปได้

    ใบ หน้าปรุประที่เอาแต่ก้มนิ่ง เงยหน้าขึ้นพร้อมดวงตาวาวโรจน์ สบพระเนตรที่มองอยู่ก่อน ขยับเขยื้อนร่างกางผิดรูปผิดร่างเข้าใกล้วรกายสูงที่ใบหน้าไม่ต่างภูติผี กลีบปากแห้งกร้้านสัมผัสลงบนริมฝีปากบิดเบี้ยว

    จุมพิต แสนเร่าร้อนที่ต่างก็แลกลิ้นกันอย่างดุเดือดไม่อายใคร ไม่สนใจหยาดน้ำใสที่ไหลเยิ้มเล็ดลอดออกมาจากจากปากของฮ่องเต้หน้าผีและอ๋อง น้อยหน้าปรุ พาเอาผู้คนที่มองต่างสะอิดสะเอียนนึกรังเกียจ แต่ต้องทนมองเพื่อรักษาหัวให้อยู่ติดกับบ่าต่อไป

    วรกายสูงเผลอไผลไปกับความอ่อนหวาน ไม่นึกเฉลียวใจว่าเหตุใด  ร่างกายที่พิกลพิการจึงดูคุ้นเคยกับการจูบ และยังมีรสจูบที่แสนเร่าร้อนถึงเพียงนี้

    หัคถ์หนาเอื้อมปลดสายคาดเอวจากเอวบาง สองมือล้วงข้าลูบไล้ผิวกายที่เนียนละเอียดผิดผิวหน้า  รั้ง ชุดพิธีการเต็มยศที่ร่างบางตรงหน้าสวมใส่ เปิดไหล่บางที่ไร้กล้ามเนื้อ เคลื่อนริมฝีปากร้อนลงมาจนสะดุดเข้ากับรอยนูนจากผิวเนียนบนแผ่นอกขาวผ่อง

    พระเนตรกร้าวจ้องมองรอยนูนขนาดใหญ่ที่ชะงักทุกการกระทำของพระองค์ มันเป็นแผลเป็นโปนจากผิวเนื้อ เหมือนถูกของมีคมทิ่มแทงอย่างแรง

    ทรง มองใบหน้าปรุประที่บิดเบี้ยวผิดรูปอย่าพิจารณา ก่อนอุ้มร่างพิการที่ใครต่อใครเบือนหน้าหนีขึ้นแนบพระอุระ เดินออกจากงานฉลองไม่สนใจผู้ใด

    "ไม่คิดเลยว่าฮ่องเต้จะมีความคิดประหลาด เอาคนพิการไปนอนด้วย"

    "แต่ข้าว่า ก็คงได้แค่คืนเดียวเท่านั้น"

    "นอกจากไม่โปรดผู้หญิงแล้ว ยังชอบคนอับลักษณ์อีกหรือ"

           "แต่ข้าว่าสมดีนะ คนหน้าผีกับคนพิการ"


          * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

    ฮ่องเต้ หนุ่มอุ้มร่างพิการดำเนินกลับเข้ามาในห้องบรรทม วางร่างบางลงบนเตียงก่อนทาบทับหมายรุกราน หัตถ์หนารั้งเสื้อของคนที่พาเข้ามา เปิดเปลือยแผลเป็นให้เห็นเด่นชัด ว่ามันร้ายแรงเพียงใด และคงเจ็บไม่น้อยเมื่อครั้งเป็นแผลสด

    พระโอษญ์บิดเบี้ยวปิดประทับลงบนคอขาว สร้างรอยรักสีหวาน แต่กลับชะงักงันด้วยปลายคมของมีดสั้นในมือบางทิ่มจ่ออยู่ที่พระศอหนา

    "ฮึๆๆๆ ในที่สุดก็เผยตัวตนออกมาเสียที เจ้าเป็นใครแล้วฮีชอลตัวจริงอยู่ที่ใด" ฮ่องเต้หนุ่มไม่เพียงไม่ตกพระทัย กลับจับข้อมือเล็กไว้มั่น กดน้ำหนักตรึงร่างบางไว้มั่น ให้ไม่อาจขยับเขยื้อน

    "ข้า คือฮีชอล หมดเวลาของเจ้าแล้ว ฮ่องเต้โฉด" ร่างกายที่ดูพิการกลับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร้ว พลิกกายอย่างรวดเร็วขึ้นไปอยู่เหนือร่างหนาอย่างง่ายดาย แขนเรียวเงื้ออ่าหมายทิ่มแทงสุดแรง แต่กลับต้องปะทะกับกริชมังกรที่ทรงคว้าได้จากใต้หมอนอย่างทันท่วงที

    พระหัตถ์หนากระชากผมยาวที่หลุดรุ่น จนใบหน้าปรุประแหงนหงาย "เจ้าไม่ใช่ฮีชอลคนพิการ  เจ้าเป็นใครบอกมา"

    "ฉลาดอยู่บ้างนะเจ้า  ข้าคือคนแห่งพยัคฆ์กระโจน จะฆ่าเจ้าแทนท่านประมุข"

    ความ จริงที่ได้ยินทำให้ฮ่องเต้หนุ่มนิ่งอึ้ง คลายแรงที่รั้งผมไว้จนร่างบางเป็นอิสระสามารถเพิ่มน้ำหนักลงกับมีดสั้นจน ฮ่องเต้ผู้เพลี้ยงพล้ำ ต้องใช้แรงต้าน ปัดให้มีดสั้นเบี่ยงออกจนร่างบางเสียหลัก หล่นลงจากร่างที่คร่อมอยู่

    "ฝีมือแค่นี้คิดจะฆ่าข้าได้หรือไง"  ซี วอนจับบิดมือที่กำมีสั้นไว้แน่น พลิกร่างบางให้นอนคว่ำ กดน้ำหนักตัวล็อคร่างเล็กเพื่อไม่ให้ลุกขึ้นได้อีกจนสุรเสียงต้องเค้นลอด ผ่านไรฟัน "ข้าไม่รู้จักประมุขเจ้า"

    "โกหก เมื่อสองเดือนก่อนท่านประมุขลอบเข้ามาเพื่อสังหารเจ้า แต่ท่านประมุขก็เงียบหายไป" ใบหน้าบิดข้างเค้นคำพูดอย่างยากเย็นมือข้างที่เป็นอิสระ แนบชิดลำตัว แอบคลี่แผ่นโละหะบางที่ถูกลับจนแหลมคม เตรียมขว้างสะบัดยามร่างหนาเผลอ

    "เจ้าคงไม่ใช่ชั้นปลายแถวสินะ จึงรู้เรื่องนี้ บอกมาว่าเป็นใคร"

    "ข้าคือ..."มือบางเตรียมสาดสะบัดใบมีดบางที่แอบซ่อนไว้เข้าใส่ร่างสูงใหญ่ "ฮีชอลคนสนิทของท่านประมุขซีวอน"

    ซี วอนยึดข้อมือที่กำลังสะบัดใบมีดใส่พระองค์อย่างรวดเร็ว ผลักร่างเล็กให้พลิกไปทับแขนเรียวที่เคยถูกยึดไว้ จ้องมองใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างพินิจ "ประมุขเจ้าชื่อเดียวกับข้าเลยนี่"

     "ใช่ ทั้งข้าและท่านประมุขถูกตั้งชื่อตามเป้าหมายที่เราต้องสังหาร" คนสนิทของประมุขพรรครู้ดีว่าการพูดมาก ย่อมนำอันตรายมาสู่ตน แต่ในค่ำคืนนี้มีเพียงสองทางเลือก คือเป็นผู้สังหารฮ๋องเต้โฉด หรือ เป็นผู้ถูกฆ่า ไม่มีทางเลือกที่สาม

    ฮ่องเต้ ทรงละพระหัตถ์จากร่างเล็ก ลงจากแท่นบรรทมที่เป็นสนามรบย่อยๆ หันหลังให้คนที่นอนนิ่ง รินน้ำชาจากโต๊ะกลางห้องอย่างสบายพระทัย "อย่างนั้นหรือ"

    "เจ้า!" ฮีชอลมองอาการเช่นนั้นด้วยความแค้นเคือง คว้ามีดสั้นที่ตกอยู่บนแท่นบรรทมถลันเข้าหาร่างที่หันหลังอย่างรวดเร็ว หมายผิดชีพฮ่องเต้ด้วยมีดสั้นนี้

    ร่าวสูงที่ ดื่มชาอย่างสบายพระทัย พลิกตัวกลับมาเผชิญหน้าพร้อมกระบี่พริ้วไหวที่เคยวางอยู่บนโต๊ะ ระยะที่แม่นยำหยุดร่างเล็กไว้ที่ปลายกระบี่ ลำคอขาวแนบชิดกับปลายคม ดวงตาเบิกกว้าง จ้องมองรอยยิ้มเย็นเยือก รู้สึกได้ถึงเงามัจจุราชที่มาเยือนไม่กล้าแม้แต่จะกลืนน้ำตา(หรือน้ำลาย?)

    "เจ้ายังกล้าหลอกข้าอีกหรือ"

    "ข้า หลอกเข้าตรงไหนกัน" ใบหน้าพิกลพิการเลิกคิ้วเรียวอย่างสงสัย เวลานี้คงหมดทางเลือกนอกจากกลายเป็นผู้ถูกฆ่าแต่อย่างน้อยก็ได้แก้แค้นให้ ท่านประมุข...แม้จะไม่สำเร็จ

    "ตรงนี้อย่างไรเล่า" ข้อมือหนายกปลายกระบี่ทิ่มลงบนใบหน้าปรุประ เคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ครั้งให้ปลายกระบี่เคลื่อนไหวดั่งที่ใจต้องการ "เจ้า ไม่ใช่คนสนิทของประมุขพรรคพยัฆค์กระโจน" เศษเนื้อจากใบหน้าพิการร่วงกราวสู่พื้น จากรอยยิ้มเยือกเย็นกลายเป็นยิ้มเพียงมุมปาก และปรากฏรอยยิ้มในดวงตากร้าว

    "เจ้าคือฮีชอลคนรักของข้าต่างหากหล่ะ"

    ใบ หน้าสวยหวานเนียนเรียบที่เคยซ่อนอยุ่ภายใต้หน้ากากพนังมนุษย์ ฉายแววตกใจ จ้องหน้าบุรุษตรงหน้าอย่างหวาดระแวง มือที่ถือมีดสั้นอยู่ข้างลำตัว หากเกิดสิ่งใดก็พร้อมตายด้วยมีดเล่มนี้

    "ดูทำหน้าเข้า จ้อมมองหน้าข้าไว้ดีๆหล่ะ" มือหนาลอกผิวหนังมนุษย์ขึ้นจากลำคออย่างช้าๆ เปิดโฉมหน้าที่แท้จริงให้ร่างบาได้เห็น

    "ซีวอน! ท่าน ยังไม่ตาย ยังไม่ตายจริงๆด้วย" น้ำตาเม็ดเล็กไหลลงมาทันทีที่ได้เห็นใบหน้าอันแท้จริงของบุรุษตรงหน้า ก่อนถลันเข้าหาอ้อมกอดอันคุ้นเคย

    "ก็ยังไม่ตายหน่ะซิ แต่ก็เกือบตายเพราะเจ้ารู้ไหม" มือหนาลูบหลังบางของคนในอ้อมกอดที่ยังสั่นสะท้านเพราะความดีใจ

    ร่าง บางขืนตัวออกห่างอีกนิด สองมือยกขึ้นลูบไล้ใบหน้าหล่อคมของคนตรงหน้า จากเด็กที่เคยถูกฝึกมาด้วยกัน กลายเป็นคู่ซ้อมที่รู้ฝีมือ และคนรักที่รู้ใจ รวมถึงท่านประมุขที่ยอมรับด้วยใจจริง

    "รู้ไหมว่าข้าเป็นห่วงท่านแค่ไหน 2เดือน ที่ท่านลอบเข้าวังแล้วหายเงียบไป ทุกคนเป็นห่วงท่านมากนะ ทำไมไม่ส่งข่าวมาบ้าง บ้าที่สุด" จากความซาบซึ้งกลายเป็นโกรธเคือง สองมือบางทุบอกหนาไม่ออมแรง

    "โอ้ย!พอแล้ว ฮีชอลเจ้าจะฆ่าข้าหรือไง แรงก็ไม่ใช่น้อย" สองมือหนาจับข้อมมือเล็กไว้มั่น ริมฝีปากได้รูปปรากฏรอยยิ้มพราว ใบหน้าคมเข้มปราศจากรอยใดๆมองคนรักอย่างเอ็นดู "เจ้าเป็นห่วงข้ามากก็เลยรีบจัดการอ๋องพิการเพื่อลอบเข้าวีังวันนี้งั้นหรือ"

    "ก็ ใช่หน่ะสิ ปล่อยมือข้านะ" ใบหน้าหวานไม่เหลือเค้าความเป็นนักฆ่า ทำหน้าตาบูดบึ้ง ดึงข้อมือตัวเองแต่ก็ไม่สำเร็จ เท้าเล็กเตรียมยกขึ้นสูง

    ประมุขพรรคมองความแง่งอนของคนรักรีบยกเท้าหนีอย่างรู้ทันทั้งฝีมือและความคิด "ถ้า ยังไม่เลิกทำร้ายข้าเราจะไมยนคุยกันแบบนี้ แต่จะเปลี่ยนเป็นนอนคุยนะฮีชอล อารมณ์ข้ายังค้างอยู่นะ" ดวงตาคมจ้องมองอย่างสื่อความหมาย แล้วยังพาร่างเล็กเดิถอยหลังเข้าใกล้เตียงมากยิ่งขึ้น

    "ไม่เอา เรานั่งคุยกันเถอะนะ ข้ายังเหนื่อยอยู่เลย สู้กับท่านทีไรข้าเหนื่อยถึงเช้าทุกที ขืนนอนคุยกันข้าได้ตายพอดี"

    ไม่ตายหรอกหน่า เรื่องอะไรจะทำให้เจ้าตาย หรือไม่เชื่อฝีมือข้า หืมม์?" เสียงกระซิบถามแผ่วเบา ดวงตาเป็นประกาย หลอกล่อเหยื่อให้ตกหลุมพรางเป่าลมร้อนเข้าหูให้รู้สึกวูบวาบ

    "เชื่อ สิ" นักฆ่าหน้าหวานหลงเคลิ้มไปกับคำพูดของคนรัก เกือบพลาดตกหลุมพราง หากแต่ยั้งตัวไว้ได้ทัน เมื่อรู้สึกกำลังลอยจากพื้น "เฮ้ย! ไม่ใช่แบบนี้สิ เรานั่งคุยกันนะ" ดวงตากลมโตจ้องมองอย่างขอร้อง ความเหนื่อยล้าปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน

    "อย่าง เจ้านั่งคุยไม่ไหวแล้ว เชื่อข้าเถอะไปนอนคุยกัน ข้าสัญญาว่าคืนนี้แค่นอนคุยเฉยๆ ไม่ล่วงเกินอะไรทั้งนั้น หากเจ้าไม่ร้องขอ" ประมุขซีวอนผู้เป็นฮ่องเต้ตัวปลอมอุ้มคนรักไปวางบนที่นอนนุ่ม ใบหน้ายิ้มกริ่มเมื่อได้ฟังคำบ่นพึมพำจากร่างที่แนบชิดกับอกหนา

    "ใครจะไปร้องขอกันเล่า"

    ซี วอนวางนักฆ่าคนสวยลงนอนก่อนทิ้งตัวนอนลงเคียงข้าง แล้วฉุดรั้งร่างบางให้เข้ามาในอ้อมกอด ประคองหัวเล็กขึ้นหนุนแขนรอยยิ้มกระจ่างบนใบหน้า ความเงียบที่แสนอบอุ่นเข้าครอบคลุม จนชายหนุ่มอดเอ่ยถามไม่ได้ "ว่าไง มีเรื่องอะไร ถ้าเจ้าไม่พูด ข้าจะทำให้เจ้าร้องขอนะ"

     "ท่าน ซีวอน! ทำตัวให้สมเป็นประมุขพรรคที่ท่านอาจารย์ไว้ใจหน่อยได้ไหม" ฮีชอลจ้องมองอย่างไม่พอใจ ที่ทำตัวไม่น่าเคารพทั้งที่อาจารย์อุตส่าห์เลือกให้สืบทอด

    "ก็ ตอนนี้ข้าไม่ใช่ประมุขพรรคเสียหน่อย แต่ข้าเป็นฮ่องเต้โฉดมั่วโลกีย์ต่างหาก" ใบหน้าคมขำขันก่อนจะแกล้งร้องโอดโอยเมื่อถูกนิ้วเรียวบิดเข้าที่แขนล่ำ

    "ท่านนี่ทำเป็นเล่น ทำไมหลังจากลอบฆ่าฮ่องเต้โฉดได้แล้วถึงเงียบหายไป ไม่ส่งข่าวกลับมาเลย"

    "ข้า ขอโทษ แต่เป็นเพราะยังจัดการอะไรไม่เรียบร้อย สองเดือนที่ผ่านมา ข้าพยายามเร่งจัดการขุนนางโฉดทั้งหลาย คิดไว้ว้่าเรียบร้อยเมื่อไหร่จะส่งข่าวกลับไป แต่เจ้าก็ชิงเข้ามาเสียก่อน" ชายหนุ่มประทับริมฝีปากลงบนขมับบางอย่างแสนคิดถึงสองเดือนแล้วที่ไม่ได้ นอนกอดกันแบบนี้

    "แล้วท่านรู้ได้อย่างไรว่า อ๋องพิการนั่นเป็นข้าถึงได้...รับจูบทั่งที่หน้าตาก็อัปลักษณ์หรือว่า... เป็นใครก็ได้" ดวงตากลมจ้องมองคนรักอย่างคาดคั้น ริมฝีปากเล็กยื่นออกมาอย่างไม่พอใจ

    "คิดมาก จังฮีชอล" ใบหน้าคมมองหน้าคนรักอย่างเอ็นดู จะก้มลง จุมพิตที่กลีบปากอิ่ม แต่กลับโดนหลบอย่างรวดเร็ว "ก็กลิ่นน้ำมันหอมของเจ้าไงเล่า แค่เข้าใกล้ข้าก็รู้แล้ว  แล้วยิ่งมั่นใจเมื่อได้ เห็นแผลเป็นนั่น" จมูกโด่งสูดกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของร่างบางอย่างชื่นใจ มือลูบไล้แผบเป็นบนอกขาวที่ได้มาระหว่างที่ฝึกซ้อม "ข้าขอโทษเรื่องแผลเจ้านะ"

    "อีก แล้ว! ข้าฟังท่านจนเบื่อแล้วนะ ทีทำอย่างอื่นไม่เคยรู้สึกผิด" ใบหน้าสวยแดงกล่ำกับคำพูดของตนเองยามพูดถึงสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ซุกหน้ากับอกหนาหนีสายตาที่เปล่งประกาย ก่อนกลับมาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง "ข้าปลอมตัวไม่เนียนขนาดนั้นเลยหรือ ก็ว่าแกล้งทำพิการเหมือนแล้วนะ"

    "เจ้า หน่ะปลอมตัวแนบแนียนที่สุดแล้ว แต่เพราะข้ารักเจ้า จึงจดจำได้ทุกอย่างที่เป็นฮีชอลของข้า" ซีวอนยิ้มปลอบใจคนรัก เมื่อใบหน้าสวยพองลมจนแก้มป่องไม่พอใจฝีมือตนเอง

    "นี้ ขนาดจำได้ เล่นซะแขนข้าเกือบหัก แล้วยังเอากระบี่มาจิ้มอีก" นักฆ่าคนสวยผู้เกือบพลากท่าบ่นกระหอดกระแปด ก่อนฝั่งเขี้ยวคมลงบนแขนใหญ่ที่หนุนนอนอยู่

    "โอ้ ยฮีชอล ไม่เจอแค่สองเดือนเจ้าคิดถึงข้าขนาดต้องทำให้ช้ำไปทั้งตัวเลยหรือไง" ชายหนุ่มจับหัวเล็กไม่ให้ดิ้นหนี ทอดมองอย่างเอ็นดู "ก็ข้าไม่สู้เจ้าเลย ไม่เห็นหรือแค่ป้องกันตัวเท่านั้น คนกำลังเคลิ้มอยู่ดีๆ เอามีดมาจิ้มคอ ส่วนกระบี่ก็แค่แหย่เจ้าเล่นเท่านั้นเอง"

    "ท่านแค่ป้องกันตัวข้ายังสู้ไม่ได้ จะมีวันที่ข้าชนะท่านบ้างไหม" ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ปลงตกกับฝีมือตนเอง

    "เจ้าชนะข้าเสมอฮีชอล" เสียงทุ้มกระซิบข้างหูยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้เห็นคนรักหน้าแดงกล่ำ

     "ท่าน ซีวอนเราจะเอายังไงต่อ ข้าไม่ได้เอายางแปะหน้ามาพรุ่งนี้จะออกไปได้อย่างไหร่ แล้วท่านจะแจ้งเรื่องนี้กับพรรคเมื่อไหร่" ร่างบางถามยาวยืดกลบเกลื่อนความอายที่คนรักสร้างขึ้น ทั้งที่ดวงตาก็ปรือเต็มที่แล้ว

    "จะยากอะไร ข้ามียางแปะหน้าอีกมาก พรุ่งนี้เจ้าก็ปลอมตัวออกไปเก็บของย้ายเข้ามาอยู่กับข้า แล้วข้าจะลอบส่งข่าวให้ทุกคน แล้วเราค่อย อ้าว! ฮีชอลหลับไปแล้วหรือ" ซีวอนจ้องมองร่างในอ้อมกอดอย่างแสนรักโอบร่างบางเข้ามาแนบชิด ต่อจากนี้ชีวิตจะเปลี่ยนผันไปเพียงใด แต่แค่ได้อยู่เคียงข้างกันก็พอแล้ว
      
    "อาจ ไม่มีใครรรู้จักตัวตนของเจ้าและข้า แต่ทุกคนต้องจำฮ่องเต้ซีวอนและอ๋องฮีชอลไปอีกนานแสนนาน โลกจะรับรู้ความรักที่เรามีให้แก่กันแม้เราสองจะลาลับโลกนี้ไป"


    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

    ใน บันทึกประวัติศาสตร์ได้กล่าวไว้อีกว่าหลังขึ้นครองราชย์ได้เพียงสองเดือน จากฮ่องเต้โฉดได้กลายเป็นฮ่องเต้ผู้ห่วงใยประชาชน ปกครองบ้านเมืองอย่างสงบสุข ขับไล่ขุนนางชั่ว ขยายอาณาเขตให้กว้างขวาง เลิกนิสัยมัวเมาในเพศรส ไม่มีฝ่ายในทั้งชีวิตมั่นในรักเดียวเพียงฮีชอลอ๋องน้อยผู้มีใบหน้าปรุประบิด เบี้ยวรูปร่างพิกลพิการเท่านั้น

         * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* EnD~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

    Special

           มีตำนานรักของฮ่องเต้หน้าผีและอ๋องน้อยหน้าปรุ เล่าสืบขานต่อมานับพันปี

         ในคืนที่จันทร์เต็มดวงดลบัลดาลให้ฮ่องเต้หน้าผีและอ๋องหน้าปรุกลายเป็นชาย หนุ่มรูปงามแสนสง่า และอ๋องน้อยผู้มีใบหน้าอ่อนหวานแสนบอบบาง พากันออกมาชื่นชมแสงจันทร์


           * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

    Talk

     

                   เอาตอนใหม่มาลง ขอบคุณไอเดียของคุณเชยด้วยนะคะ แต่ว่าเปลี่ยนให้เบาลงนิดๆๆ แต่ว่าอาจจะมึนหน่อยๆนะคะ ถ้าอ่านแล้วงงๆ ถามได้นะคะ
                  ส่วนของการต่อสู้ดูอึนๆ เพราะไอซ์ไม่ถนัดจริงๆ ขอโทษนะคะ 

                    นี้อาจเป็นอีฟสุดท้ายแล้วเพราะเรื่องก็ใกล้จบแล้ว แต่ถ้าไอซ์นึกคึกอะไรได้ก็จะเอามาเพิ่มอีกนะคะ

                    เซี่ยเซี่ยหนี่ 05.10.10



    IF
    :ถ้า:如果ลำดับที่3

     

    ถ้า.....ท่านอ๋องน้อยโดนตบแล้ว.....(อ้างอิงตอนที่ห้า)    

     

                    ฮ่องเต้หนุ่มรีบเสด็จพระราชดำเนินจนแทบจะกลายเป็นวิ่ง ไปยังตำหนักที่ส่วนตัวของท่านอ๋องน้อย ต้นกำเนิดเสียงดังอึกทึกในเวลานี้ ทิ้งหัวหน้าองค์รักษ์ผู้เชื่องช้าไว้เบื้องหลัง

     

            ภาพที่ทรงทอดพระเนตรคือน้องน้อยถือกริชประจำตระกูลไว้มั่น หมายจะปลิดชีพตนเองให้หนีพ้นจากความอับอาย เหล่าทหารได้แต่ยืนอยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าใกล้

     

                    เมื่อมือเล็กบางเคลื่อนไหว เป้าหมายถือหัวใจของตนเอง ฮ่องเต้ซีวอนไม่อาจประทับทอดพระเนตรให้คมแหลมของอาวุธแทงเสียดเข้าหัวใจของคนที่กำลังมีความสำคัญต่อพระองค์ ทรงถลาเข้ารับคมกริชนั่นไว้ พระโลหิตไหลอาบแดงฉานหยดสู่พื้นเบื้องล่าง

     

                    ผู้คนทั้งหลายต่างแน่นิ่ง พระโลหิตที่หลั่งออกมา ไม่ควรที่ต้องหลังด้วยสาเหตุเช่นนี้  โทษบัญญัติไว้ชัดเจนแล้วว่า คนผู้นั้นสมควรโดนประหารเก้าชั่วโคตร

     

                    เพลี้ย.............

     

                    เหนือกว่าที่ผู้ใดจะคาดคิด พระหัตถ์หนาชุ่มโชกด้วยพระโลหิต ประทับเต็มแรงที่แก้มเล็กใสของผู้ที่หมายปลิดชีพตนเอง หยาดเลือดไหลซึมมุมปาก และพระโลหิตเปรอะเปื้อนข้างแก้ม   

     

                    ใบหน้าหวานหันตามแรงประทับ ฟันขาวซี่เล็กหลุดติดออกมาด้วย ดวงตากลมมองเจ้าฟันที่เบื่อกับการยึดเกาะเหงือกด้วยสายตาตกตะลึง ก่อนหมกสติลงทันทีเพราะความโศกที่ต้องจากลาฟันแท้ซี่น้อย

     

    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

    พระพักตร์กระวนกระวาย ทรงดำเนินไปมาอยู่ห้าแท่นบรรทม เฝ้าตรัสถามหมอหลวงว่าเมื่อไหร่น้องน้อยจะฟื้นขึ้นมาเสียที แม้คำตอบที่ทรงได้รับจะเหมือนเดิมว่า อ๋องน้อยปลอดภัยแล้ว อีกไม่นานก็ตื่นขึ้นมาแล้ว

     

            “อื้อ” เสียงแผ่วเบาของคนที่หมดสติไป ทำให้บุรุษทั้งหมดในห้องที่ต่างกระวนกระวายต้องหันมามองจ้องร่างน้อยบนแท่นบรรทม ฮ่องเต้หนุ่มถลาตัวเข้าไปโอบประคองเอาไว้

     

                    “เป็นอย่างไรบ้าง ฮีชอล พี่ขอโทษ พี่...”

     

                    “เดี๋ยวท่านอย่าพึ่ง ข้าหิวน้ำ” อ๋องน้อยยกมือขึ้นห้าม รู้สึกแปลกๆเวลาพูด ยิ่งดื่มน้ำ ยิ่งเหมือนว่าน้ำมันลอดเข้ามามากกว่าปรกติ

     

                    เหล่าบุรุษต่างฐานะ จ้องมองร่างเล็กบนพระแท่น ต้องเบือนหน้าไปทางอื่นทุกครั้งที่เห็นริมฝีปากเล็กๆเผยออกจากกัน แล้วยิ่งเห็นดวงตากลมโกรอกไปมาเหมือนสงสัยยิ่ง ไม่อาจกลั้นได้หมอหลวงเฒ่าถึงกับปล่อยลมพรืดออกมา

     

                    “พวกท่านหัวเราอะไรกัน” ร่างเล็กกวาดสายตามองไปยังเหล่าผู้มากวิชาสาขาต่างๆ ต่างกั้นหัวเราะหน้าแดงหน้าดำ เหมือนว่าการมีอ๋องน้อยนอนป่วยเป็นเรื่องน่าขันเสียอย่างนั้น

     

                    “เอิ่มมมม ฮีชอล พี่” ทรงตรัสได้เพียงแค่นั้น ไม่อาจกลั้นพระอารมณ์ขันไปได้มากกว่านี้แล้ว “คือเจ้า ดูเอาเองแล้วกัน” ทรงหยิบโลหะมันเงา สะท้อนภาพให้อ๋องน้อยได้ดูใบหน้าตัวเอง ที่ฟันหน้าหายไปหนึ่งซีก

     

                    “ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” แล้วหลังจากนั้นคนพึ่งฟื้นก็หมดสติไปอีกรอบรับไม่ได้กับสภาพฟันหน้าหายไปหนึ่งซีก

     

                    “ท่านครู ท่านให้ใครก็ได้ไปคิดทำฟันปลอมให้เราหน่อยสิ เราสงสารฮีชอลหากต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ไปตลอด น้องเราต้องยอมรับมันไม่ได้แน่” ทรงหันไปอ้อนวอนท่านราชครู ขุนนางเฒ่าผู้มีความรอบรุ้เก่งกาจในสารพัดด้าน

     

                    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

                    “หิวววววววววววววว” เวียงโวยวายอื้ออึงเมื่อไม่อาจกินอะไรตรงหน้าได้เลยมาจากพระตำหนักส่วนพระองค์ฮ่องเต้หนุ่มที่ท่านอ๋องทรงยึดไว้

     

                    “เจ้าก็กินสิ เขาก็เอาอาหารมาไว้ให้เจ้าแล้ว แล้วจะโวยวายทำไมอีกฮีชอล”

     

                    “ก็ข้ากินไม่ได้ พอเอาเข้าปากมันก็ไหลพรวดลงไป ข้ายังไม่ได้เคี้ยวเลยนะ ท่านก็พูดได้สิ ท่านเป็นคนทำข้าฟันหลุดนิ แล้วเมื่อไหร่ท่านราชครูจะนำฟันปลอมมาให้ข้าเล่า”

     

                    “เจ้าก็รอสิ สิ่งที่เจ้าต้องการมันเคยมีที่ไหนกัน ทั้งทหาร ทั้งขุนนางต่างก็หากรรมวิธีกันอยู่ เข้าใจบ้างไหม” ทรงถามน้องน้อยเหมือนว่ากำลังเอ็ดเด็กตัวน้อย

     

                    “เฮ้อ ป่านนี้เฉียนกุ้ยคิดถึงข้าแย่แล้ว ข้าเป็นแบบนี้แล้วจะกล้าออกไปหาใครได้เล่า หิววววววว หิวว”

     

                    “มานี้เดี่ยวพี่ป้อนให้เจ้าเอง” ทรงมีรับสั่งเช่น หากแต่ทรงตักข้าวพระโอษฐ์องค์เอง ทรงเคียวอย่างละเอียด ก่อนจะบังคับใบหน้าน้องน้อยให้หันมา แล้วทรงปิดปากขี้โวยวายให้แน่นสนิทผลักดันอาหารแสนละเอียดเข้าไปในปากเล็กจนหมด ก่อนถอนพระโอษฐ์ออกมา

     

                    “เป็นไง คราวนี้กินได้หรือยัง พี่ว่า พี่ต้องป้อนเจ้าด้วยวิธีแล้วหล่ะ จนกว่าฟันปลอมจะมาถึง ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถกินอะไรได้ ดูสิ ผอมไปตั้งเยอะแล้ว” ทรงตรัสพลางก็ป้อนตนเอง เคี้ยวๆให้ละเอียดแล้วป้อนร่างเล็กที่นิ่งงัน นั่งช็อคจนไม่อาจโต้ตอบใดๆ

     

                    อ๋องน้อยจำต้องทนรับการป้อนจากฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์เป็นเวลากว่าเกือบเดือนหารู้ไม่ว่า ฟันปลอมกระดูกสัตว์ชิ้นแรกของโลก วางอยู่ในห้องทรงงานตั้งแต่วันที่สองนับจากมีพระดำรัสสั่งไว้กับท่านราชครู

     

             * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

    Talk

     

                    เอิ่มมมมมมมมมมมมม อับอายตัวเองคะ คือเอิ่มมมมมมมมมม  ทุกคนที่ผ่านมาอ่านคงมีคำถามในใจว่า................อะไรของแกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

                    แฮ่ๆๆๆ  ไม่มีอะไรจะแก้ตัว กับความอับอายครั้งนี้นอกจากว่า.... ไอซ์อ่านหนังสือเรื่องหนึ่งคะ แล้วร้องไห้ตั้งแต่เล่มหนึ่ง ยันเล่มสอง แล้วก็มาสะดุดกึกกับภาพเลดี้ฮี  สองอารมณ์มาปนเปกัน กลายเป็นแบบนี้แหล่ะคะ

                   

                    เซี่ยเซี่ยหนี่ 16.08.10





    IF
    :ถ้า:如果ลำดับที่2
     
     
    ถ้า.....คืนชมจันทร์แล้วฮ่องเต้เคลิ้ม (อ้างอิงจากตอนที่สี่)   
     
                    สองชายหนุ่มนั่งร่ำสุราชมพระจันทร์ดวงกลมโต จนใบหน้าหวานแดงเรื่อ พูดจาไม่รู้เรื่อง มือไม้ไม่อยู่กับที่   หากแต่ฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์กลับยังคงนั่งยิ้มสบายพระทัยไม่ได้เคลิ้มไปกับดีกรีแสนแรงของเหล้าจากกุ้ยโจว ปล่อยให้อ๋องน้อยพล่ามไปเรื่อยเปื่อย
     
                    อ๋องน้อยเดินโซเซจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ลุกขึ้นมานั่งเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ข้างๆผู้สูงศักดิ์      มือบางๆลูบไล้ตามโครงหน้าเรียวยาว เริ่มสัมผัสไรหนวดแข็งๆแต่ก็ไม่สนใจ เอื้อมดันท้ายทอยกว้างให้รับสัมผัสเร่าร้อนจากริมฝีปากร้อนอวลด้วยกลิ่นสุราชั้นดี
     
                    ฮ่องเต้หนุ่มแม้จะเคยได้สัมผัสหญิงสาวที่รับเข้ามาคนอื่นๆ แต่สัมผัสของนางเหล่านั้นกลับสู่สัมผัสร้อนของคนๆนี้ไม่ได้เลย ค่อยๆรับรู้ความหวานของริมฝีปากจนต้องคว้าเอวบางเข้าแนบชิด ก่อนจะตกตะลึงเมื่อรู้ถึงมือเล็กๆเริ่มไม่อยู่สุข แต่เพราะความรู้สึกดีที่ไม่เคยได้รับทำให้พระองค์หลงใหลและมัวเมาไปกับสัมผัสที่กำลังปรนเปรออยู่ในเวลานี้
     
                    และสุดท้ายมันก็จบลงที่อ๋องน้อยได้ฮ่องเต้หนุ่มมาครอบครอง........
     
             * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
                  
            “อ้าว ถึงกับหมดแรงไปเลยหรือเนี่ย ท่านช่างบอบบางเสียจริง ฮ่องเต้ของข้า อ๋องน้อยจะพาท่านกลับตำหนักเองนะ อย่ากังวลไปเลย ร่างเล็กๆที่บัดนี้ได้ชื่อว่าเป็นผู้ครอบครองฮ่องเต้ได้แต่ยิ้มอยู่คนเดียวให้ลมฟ้าและดาวเดือน แขนเรียว ยกร่างหนาหนักขึ้นตั้งใจจะอุ้มกลับห้อง อย่างที่เคยทำให้สาวงามมานับไม่ถ้วน หากแต่ เพราะรูปร่างที่แตกต่าง แค่จะยก ร่างสูงใหญ่ของฮ่องเต้กลับไม่เขยื้อนสักนิด
     
                    เฮ้อ ตัวใหญ่เสียจริง คืนนี้ท่านนอนนี้ไปก่อนหล่ะกัน อยากตัวใหญ่กว่าสามีตัวเองทำไม แล้ววันพรุ่งนี้อ๋องน้อยจะมารับขวัญนะ ฮ่องเต้ที่รัก อ๋องน้อยเจ้าสำราญยอดปลดเสื้อกันคลุมเนื้อหนาให้คนที่ต้องนอนตากน้ำค้างในคืนนี้ ก่อนที่ตัวเองจะเดินกลับตำหนักอย่างสบายใจ แม้จะติดโซเซนิดๆเพราะความเมาก็ตาม
     
                * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
     
             อื้ออออเสียงครางในลำคอของคนจำต้องตื่นนอน เมื่อเสียงของนกที่ขับกล่อมยามเช้ามันช่างดังลั่นเหมือนว่ามาร้องอยู่ข้างๆหู วรกายสูงสง่าตื่นบรรทมด้วยความไม่สบายตัว เหลียวมองไปรอบๆอย่างตั้งสติ
     
                   
            นี้มัน....ในสวน........เมื่อคืน! 
            
                      ฮ่องเต้หนุ่มนั่งนิ่งนึกย้อนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพราะความเมาและอารมณ์ที่เคลิบเคลิ้ม ไม่ต้องให้ใครมาบอกก็รู้ว่า....เมื่อคืนคงเสียทีให้แก่อ๋องน้อยเจ้าสำราญจอมเจ้าชู้เป็นแน่
     
                    แต่มันจะมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ไม่มีครั้งสอง....และจะต้องทวงตำแหน่งกลับคืนมา
     
                    พระองค์ค่อยลุก ค่อยๆดำเนิน หากแต่ไม่ละทิ้งความสง่าในสายเลือด ทั้งที่ภายในเจ็บแทบปวดร้าว นึกสงสารเหล่าสตรีทั่งแผ่นดินที่ต้องทนเผชิญกับเจ็บปวดทรมานหากก็ไม่เคยปริปากบอกชายผู้เป็นสามี บัดนี้ทรงเข้าใจแล้วว่า เหตุใด จึงมีสารพัดยาบำรุงสตรีทั้งหลาย ก็สมควรอยู่หรอก ในเมื่อสตรีล้วนเป็นผู้เสียสละถึงเพียงนี้
     
                    ในท่สุดฮ่องเต้หนุ่มซีวอน ผู้เสียท่าให้แก่อ๋องฮีชอลก็ดำเนินกลับมาถึงตำหนักส่วนพระองค์ที่มีองค์รักษ์คนสนิทรอคอยอยู่ด้านหน้า อ้าว ซึงฮยอนมารอเราหรอกหรือ
     
                    กระหม่อม ท่านราชครูให้กระหม่อมมาดูฝ่าบาทว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ป่านนี้แล้วจึงยังไม่ตื่น
    บรรทม แต่เกล้าหม่อมไม่ทราบว่าพระองค์ไม่ได้บรรทมที่ตำหนัก ก็เลยมารออยู่ที่นี้ องค์รักษ์แจงเหตุผลที่มายืนคอยอยู่หน้าตำหนักส่วนพระองค์
     
                    ไปบอกท่านราชครูนะว่าเราไม่เป็นอะไร แล้วก็วันนี้เราจะไม่ไปไหน ใครมีเรื่องด่วนก็ไปให้เอารายงานไปให้เราที่ห้อง อ้อ! แล้วก็เดี๋ยวไปเรียกท่านอ๋องมาหาเราด้วยนะ ทรงสั่งองค์รักษ์คนสนิทในคราวเดียวก่อนจะเดินเข้าห้องบรรทมด้วยพระพักตร์อ่อนล้าทั้งที่เป็นเวลาเช้า
     
                    เช้านี้ของฮ่องเต้หนุ่มช่างโหดร้ายเสียจนทรงอยากให้เป็นเพียงแค่ฝันร้ายเท่านั้น แต่ความจริงก็คือความจริง ที่ต้องผ่านมันไปให้ได้ แล้ววันพรุ่งนี้ที่สดใสจะรออยู่
     
                    ผ่านไปเพียงไม่นานประตูที่เปิดกว้าง ปรากฏร่างเล็กที่ทำให้พระองค์ต้องมาทนทุกข์อยู่แบบนี้ ใบหน้าหวานช่างดูแจ่มใส แตกต่างจากพระองค์ยิ่งนัก
     
                    อ่า ท่าน ตื่นแล้วหรือ เจ็บมากใช่ไหม ข้าจะดูแลท่านเองนะ จะรับผิดชอบให้ดีที่สุดเลยร่างเล็กไม่ได้ดูตัวเองเลยสักนิด ความแตกต่างของร่างกายมีมากแค่ไหน ไม่ได้นึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่แค่จะพาฮ่องกลับมานอนที่ห้องก็ทำไม่ได้
     
                    จะดูแลเราจริงๆหรือ ฮ่องเต้หนุ่มถามย้ำเพื่อความมั่นใจ ทรงกำลังวางแผนบางอย่างที่จะทวงคืนสิ่งที่เสียไป แม้มันจะเรียกกลับมาไม่ได้ แต่อย่างน้อย...มันก็ทดแทนได้
     
                    จริงๆสิ ขอแค่ท่านทำหน้าที่ของสนนท่านอ๋องฮีชอลคนนี้อย่างเต็มใจ ข้าก็จะดูแลท่านเป็นอย่างดี จะตั้งใจช่วยแบ่งเบาภาระงานเมืองที่หนักหนา จะดูแลยามท่านป่วยไข้ จะทำให้ท่านรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงองค์น้อยๆที่แสนบอบบาง และต้องการการเอ็นดูที่แสนอบอุ่นจากข้าคนพูดได้แต่เพ้อฝันอยู่ในอากาศ ไม่มองพักตร์ผู้ฟังบางเลยว่ารู้สึกแย่เพียงใด
     
                    ฮ่องเต้หนุ่มทำพักตร์สยดสยองกับคำว่าเจ้าหญิงองค์น้อย นึกอยากถามนพูดว่าลืมส่องกระจกออกมาหรือเช่นไร หรือว่าที่ตำหนักรับรองไม่มีกระจก หรือแก้วตาของอ๋องผู้นี้เสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร ถึงได้กล้าพูดคำนี้ออกมา ไม่ได้มองดูตัวเองเลยใช่ไหม? แต่ในเมื่อพูดมันออกมาแล้ว ก็ควรต้องรับผิดชอบของตนเองบ้าง งั้นเจ้าอุ้มเราไปอาบน้ำหน่อยสิ เราว่าเจ้าก็คงเคยอุ้มสาวงามหรือเด็กหนุ่มหน้าหวานไปอาบน้ำเช่นกัน หลังเสร็จเรื่องพวกนี้
     
                    ก็เคยแต่....แต่ข้าทำไม่ได้หรอก ทำได้ข้าคงอุ้มท่านกลับมานอนที่ห้องแล้ว ให้ข้าช่วยประคองไปจะเหมาะสมกว่าหรือไม่ ให้ข้าอุ้มฮ่องเต้ ใครที่ไหนเห็นเขาจะเอาไปว่าลับหลังเอาได้นะ ในที่สุดข้ออ้างแสนสวยหรูก็ออกมาจากคนที่บอกว่าจะให้การเอ็นดูที่แสนอบอุ่น
     
                    งั้นหรอกหรือ ก็จริงของเจ้า งั้นเราไปเองแล้วกันนะ แม้จะทรงทำเป็นคล้อยตามหากในพระทัยกลับนึกหัวเราะขำอ๋องน้อยผู้นี้ ถ้างั้นคืนนี้เจ้าตามใจเราหน่อยได้ไหมสุรเสียงดัดหวาน คล้ายจะออดอ้อน ทำให้คนได้ยินถึงกับขนลุก
     
                    ท่านจะทำอะไรหรือ อ๋องน้อยนึกถามอย่างไม่วางใจ 
     
                    เราอยากชมจันทร์อีก เราชมจันทร์กับเจ้าแล้วช่างมีความสุขเหลือเกินใบหน้าคมสันจ้องมองอย่างวิงวอน ทั้งพระชนม์ชีพมีเพียงไม่กี่คนที่พระองค์จะขอร้องเช่นนี้
     
                    ท่านขอขนาดนี้มีหรือที่ข้าจะปฏิเสธ คืนนี้ข้าจะเป็นคนเตรียมการทุกอย่างเองข้าจะทำให้ท่านมีความสุขเสียยิ่งกว่าคืนก่อนอีก อ๋องน้อยรู้สึกเหมือนผีเสื้อยามเห็นดอกไม้บานแรกแย้ม ความปิติบังเกิดขึ้นภายในใจ
     
                    เราก็เชื่อเช่นนั้นว่าเราจะมีความสุขยิ่งกว่าคืนก่อน เจ้าออกไปได้แล้ว เราจะอาบน้ำ แล้วพักผ่อนอีกสักหน่อย เจ้าเองก็เช่นกันนะควรไปพักผ่อนเอาแรงให้ดี เพราะคืนนี้คงยาวนานกว่าคืนก่อนคำพูดที่แฝงเป็นนับชัดเจนหากแต่ความดีใจ กำลังบดบังให้อ๋องน้อยนึกระแวงและสงสัย
     
                    คืนนี้....จะยาวนานและมีความสุขยิ่งกว่าคืนก่อนเก่า......
     
             * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
     
             ยามเย็นพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า เหลือเพียงดวงจันทร์เหลืองนวลสวยเด่นข่มแสงวิบวับจากดวงดาราท่ามกลางผืนฟ้าสำดำทะมึน อ๋องน้อยให้คนมาทูลเชิญฮ่องเต้ที่พักผ่อนเอาแรงมาทั้งวัน
     
                    ในสวนสวยถูกประดับด้วยดวงโคมเล็กๆผูกห้อยจากกิ่งหลิวที่โอนอ่อนเอนตามลม กลิ่นหอมจากดอกไม้กลางคืนโบยพัดไปทั่ว เสียงหรีดเรไรร้องระงงขับกล่อมแทนเสียงพิณจากหัวหน้าวงหลวง  
     

                    โต๊ะหินพรั่งพร้อมไปด้วยสารพัดอาหารเครื่องเคียงของมึนเมาที่ได้เหล้าชั้นดีดองโสมสมุนไพรเพื่อบำรุงที่อ๋องน้องเป็นคนตระเตรียมเองกับมือ
     
            สองชายหนุ่มยศสูงนั่งร่ำสุราอย่างครื้นเครงใบหน้าหวานแดงเรื่อ ในขณะที่ชายหนุ่มอีกหนึ่งกำลังยิ้มมองอย่างพอพระทัย แล้วยิ่งร่างบางเริ่มโอนเอน ฮ่องเต้หนุ่มก็ยิ่งสมหวัง
     
              พระหัตถ์หนาคว้าร่างบางที่แทบทรงกายไม่อยู่เข้ามาแนบชิดบรรจงมอบความอ่อนโยนผ่านริมฝีปากคละคลุ้งกลิ่นสุราจนร่างเล็กยินยอมปล่อยใจ สองแขนเรียวโอบรั้งพระศอหนาให้แนบชิดเสียยิ่งกว่าเก่า แสงเรืองนวลของพระจันทร์ถูกละเลย อาหารรสเยี่ยม หรือจะสู้รสหวานจากริมฝีปากที่ได้เชยชิม
     
            ต่อจากนี้...การแก้แค้นแสนหวานและรุนแรงจึงเริ่มต้นขึ้น ไร้ซึ่งท่าทีว่าจะจบลง...จนกว่าใครสักคนซึ่งแน่นอนว่าเป็นอ๋องน้อยจะหมดแรงและสิ้นท่าลงไป
     
     
                    ทำใครต่อใครมามาก พอถึงตอนนี้กลับสลบเสียแล้วหรือฮีชอลเสียงทุ้มหัวเราะแผ่วเบา ก่อนจะจัดการให้เสื้อกลับขึ้นมาคลุมร่างบางดังเดิม นับแต่พรุ่งนี้คงได้เปลี่ยนจากตำแหน่งต้นห้องกลายเป็นคนในห้อง
                   
                    และสุดท้ายฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์ก็ทำในส่วนที่พระองค์ไม่ได้รับการปฏิบัติจากอ๋องน้อยในคืนก่อน นั้นคือโอบอุ้บร่างไร้สติขึ้นแนบพระอุระกว้าง พากลับห้องบรรทมที่อบอุ่นกว่ากลางสวนเช่นนี้
     
              * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
     
                   อ๋องน้อยคนสวยลืมตาขึ้นรับภาพเช้าวันใหม่ที่ไม่แจ่มชัด ร่างกายที่บอบช้ำไม่อาจแกล้งลืมสิ่งที่ผ่านพ้นไปในคืนก่อน ความรู้สึกที่แสนแตกต่างกัน ตอกย้ำสถานะที่เปลี่ยนไปแค่ชั่วคืน อยากลุกเดินแล้วหลบหน้าผู้คน แต่ร่างกายที่บอบช้ำก็คร่ำครวญว่าไม่อาจทำแบบนั้นได้
     
                    ตื่นแล้วหรือ ฮีชอล เป็นอย่างไร เจ็บตรงไหนไหมเจ้าของห้องดำเนินเข้ามาใกล้ที่นอน ก้มพระพักตร์มองร่างเล็กที่นอนนิ่ง จะลุกแต่ละทีแสนลำบาก
     
                    เจ็บสิ ถามได้ ท่านก็เคยเป็น แล้วมาถามข้าทำไมเล่า คืนนี้ท่านต้องยอมให้ข้าด้วย เรื่องอะไรกัน ตัวเองเป็นสนมของข้าแล้วมาทำแบบนี้ได้ไงกัน ข้าไม่ยอมหรอกนะหน้าหวานเชิดรั้งขึ้น บอกให้รู้ถึงความเอาแต่ใจ
     
                    ฮ่องเต้หนุ่มอยากจะหัวเราะลั่นกับท่าทีเหมือนเด็ก แต่ก็ต้องอดพระทัยไว้ นั้นมันอดีต แต่ตอนนี้เจ้าต่างหากที่เป็นสนมของพี่ ต่อไปเมื่อเจ้ากำเนิดโอรสให้พี่ เจ้าก็ขึ้นเป็นฮองเฮา ใหญ่กว่าอ๋องตั้งเยอะ ไม่ดีใจหรอกหรือ เป็นสนมพี่โอกาสก้าวหน้าสูงนะ
     
                    จะบ้าหรือไงเล่า ข้าไปให้กำเนิดโอรสให้ท่านได้ไงกัน ไม่รู้แหล่ะ คืนนี้ท่านต้องเป็นของข้า ต้อง ไม่งั้นข้าไม่ยอมจริงๆด้วยคงเพราะลืมไปว่าร่างกายกำลังระบม ร่างเล็กดิ้นไปมาบนที่นอนแล้วก็ต้องชะงัก เมื่อความปวดร้าวมันเสียดแทงขึ้นมา โอ้ย!
     
                    เป็นไงเล่า อยากดื้อนัก พี่ก็เป็นของเจ้าอยู่แล้ว เจ้าไม่ต้องกลัวหรอก แล้วก็หยุดดิ้นรนให้ตัวเองเจ็บหนักได้แล้ว ถ้าเกิดน้องของพี่เป็นอะไรไป ใครจะมาดูแลพี่คืนนี้เล่าจริงไหม องค์หญิงๆน้อยที่แสนบอบบางของพี่ นิ้วพระหัตถ์ไล้ไปบนใบหน้าหวาน ทวนคำที่ได้ยินมาจากอ๋องน้อยอย่างนึกสนุก
     
                    ไม่เอา ไม่ใช่แบบนี้สิ ท่านต้องเป็นสนมข้าสิ ไม่เอาแบบนี้นะ แม้ไม่อาจเขยื้อนกายได้ ริมฝีปากเล็กใช่ว่าจะหยุดทำงานยังส่งเสียงประทวงอยู่แบบนั้น
     
                    ถ้าเจ้าดื้อรั้น พี่จะทำเจ้าตอนนี้เลยนะ ไม่ให้พักไปจนถึงวันพรุ่งนี้เลย โตแล้วฮีชอลหัดยอมรับความจริงบ้างเถิด ดูตัวเองสิ แล้วมองตัวพี่ก็เห็นอยู่ คืนแรกนั้นพี่แค่เผลอไป แต่มันจะไม่มีแบบนั้นอีกแล้ว เจ้ายอมรับมันสะ เลิกฝันหวาน แล้วยอมรับตำแหน่งสนมเอกจากเรา เป็นน้องน้อยที่แสนน่ารัก รอวันขึ้นเป็นฮองเฮา ลืมเรื่องของเจ้ากับหญิงงามเหล่านั้นให้หมด เข้าใจไหม พระสุรเสียงดุทำให้คนที่นอนอยู่กับที่นอนได้แต่นิ่งฟัง จ้องมองตาแป๋ว ไม่กล้าหืออะไรอีก
     
                    เขาใจแล้ว ต่อไปนี้น้องจะทำตนเป็นสนมที่ดี จะเรียบร้อยไม่ยุ่งเกี่ยวกับหญิงใดอีก ขอแค่อย่างเดียวเท่านั้นร่างเล็กชูนิ้วเรียวขึ้นมา บอกให้รู้ว่าอย่างเดียวเท่านั้นจริงๆ
     
                    น้องของพี่ขออะไร พี่ก็ให้ทั้งนั้นแหล่ะพระพักตร์คมระบายด้วยรอยยิ้มกว้าง
     
                    ถ้างั้น ท่านห้ามไปมีคนอื่นนอกจากน้องคนนี้ แล้วห้ามรุนแรงกับแบบเมื่อคืนด้วย ได้ไหมท่านพี่ท้ายเสียงลงเสียงหวานที่สุดในชีวิต ปลงตกในชีวิตที่คงไม่อาจกลับสู่ตำแหน่งเดิมได้อีกแล้ว
     
                    ได้สิ พี่จะไม่มีใครอีกนอกจากน้องตัวยุ่งแล้วก็จะไม่รุนแรงกับเจ้า ถ้าพี่อดทนได้ พระเนตรระยิบระยับมองคนเจ็บอย่างเจ้าเล่ห์
     
                    ทำไมต้องมี ถ้า ด้วยเล่า ไม่มีไม่ได้หรือ
     
                    ไม่ได้หรอก พี่ก็ต้องเผื่อไว้ก่อนสิ เกิดพี่ห้ามใจไม่ได้แล้วทำอย่างไรกัน ใช่ไหม ยังง่วงอยู่หรือเปล่าฮีชอล
     
                    ง่วง
     
                    งั้นก็หลับนะ พี่จะกล่อมเจ้าเอง น้องน้อยของพี่สองร่างล้มตัวลงนอนเคียงกัน พากันเข้าสู่นิทราแสนสุข ไม่มีผู้ใดมารบกวน
     
                    ตลอดรัชสมัยฮ่องเต้ซีวอนผู้ทรงรักษาสัญญาที่ให้ก็ไม่มีผู้ใดอื่นเลย มีเพียงรักเดียว....น้องน้อยฮีชอลที่แสนเพียบพร้อมและอ่อนหวานน่ารัก หากแต่สัญญาอีกข้อ กลับไม่เคยทำได้เลย......   

               * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
    Talk
     
                    พักสมองตัวเองจากเอฟแอลที่ปั่นไปมึนไปมานั่งปั่นฮวา ฮาๆ เลยได้เองนี้มาคะ
                    จะมีสักกี่คนคะ ที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ได้ 555 แต่ถ้าไม่ผ่านช่วงแรกมา ก็คงไม่เจอความหวานของท่านพี่และน้องน้อยคู่นี้ กับ ถ้าที่2 นี้
                    อันนี้ไม่มีเอ็นซีนะคะ มีเท่าที่เลยแหล่ะคะ อ่านแล้วเป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับซินวอนเล็กๆของไอซื เรื่องนี้ รับได้ไหมคะ
     
                       เซี่ยเซี่ยหนี่ 21.07.10





    IF:ถ้า:如果ลำดับที่1


     
    ถ้า.....ไม่ใช่แม่นางไห่ซินแต่เป็นแม่นางฮีชอล
     
                    ค่ำคืนในยามบ้านเมืองสงบสุข ผู้คนต่างออกมาหาความสำราญ สองข้างทางร้านค้า ผู้คนครึกครื้น เที่ยวสนุกสนามในโรงเหล้า โรงน้ำชาและ หอนางโลม 
     
                    เร่ เข้ามา ท่านทั้งหลาย วันนี้หอเราจะประมูลแม่นางฮีชอล หญิงงามผู้บริสุทธิ์ดั่งหิมะ อ่อนหวานดั่งดอกไม้แรกแย้ม เข้าเมืองหลวงมาเพื่อหาเงินรักษาแม่ที่แก่เฒ่า เสียงหวานแหลมสูงของแม่เล้าเรียกให้เหล่าคุณชายน้อยใหญ่ ไปจนถึงเหล่าองค์ชายผู้มั่งคั่ง สนใจจะแย่งชิงตัวฮีชอล สาวงาม ที่ชื่อเสียงเป็นที่ร่ำลือตั้งแต่ยังไม่เปิดตัว
                   
                  คุณชายหนุ่ม ก้าวย่างเข้าไปในหอนางโลมชั้นสูง กลิ่นยาสูบคละคลุ้ง หมอกกำยานกำจายไปทั่ว สร้างเสน่ห์แบบลึกลับให้กับเหล่าสาวน้อยหน้าหวานในชุดน้อยชิ้น แลดูเย้ายวน
     
                ร่างบอบบางยืนแน่นิ่งใบหน้าหวานบอกกำลังเซ็งเต็มที่ มองดูเหล่าคุณชายที่อยู่ข้างล่างแบบเบื่อๆ ไม่มีอะไรที่น่าสนใจ เว้นแต่คุณชายร่างสูงที่นั่งอยู่ไกลลิบ ความเงียบขรึมทำให้แตกต่างจากคนอื่น 
     
                 ดวงตากลมโต จ้องมองชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นจนรู้สึกตัว ต้องมองขึ้นไปบนเวที จ้องมองคนข้างบนกลับอย่างไม่วางตา
     
                 ดวงตาสองคู่มองสบกัน หนึ่งคือ ตากลมโตมองอย่างถือดี อีกหนึ่งคู่แสนคม หรี่ตามองอย่างพิจารณาด้วยความสนใจใคร่รู้
     
            “นี้ฮีชอล แกก็พูดอะไรบางสิ พูดอ่ะ พูดเสียงของเจ๊เจ้าของหอนายโลม แอบกระซิบอยู่หลังม่าน หลังจากเห็นนายเอกของคืนนี้ยืนนิ่ง เหมือนถูกสะกด ด้วยอะไรบางอย่าง
     
                    แล้วเจ้จะให้ข้าพูดอะไรเล่า ชายหนุ่มบนเวทีหันไปหาเจ้เจ้าของร้านไม่รู้ต้องพูดอะไร
     
                    แกก็พูดๆไปเหอะ จะขับกลอน ร้องเพลง เล่นดนตรี เอาเลย ไม่ใช่ยืนบื้ออยู่แบบนี้
     
                    เออ ลงเสียงหนักกับเจ้าของร้านก่อนกลับมาประจันหน้ากับสายตาหื่นกระหายของผู้ชายหลายสิบ ยิ่งมองก็ยิ่งขยะแขยง แต่คนเราไม่มีทางเลือกเท่าไหร่นัก เออ...ข้าชื่อฮีชอล เล่นดนตรีไม่เป็น ร้องเพลงไม่เอาไหน ท่องกลอนได้บทหนึ่ง   เขาว่างไร้ผู้คน แม้แต่เสียงกระซิบที่ห่างไกลยังได้ยิน เดินกลับไปในป่าลึก ทุ่งหญ้าสะท้อนแสงช่างเป็นกลอนที่ไร้ความหมายเสียนี้กระไรตามประสานิกายเซน แต่มันก็แฝงถึงความเงียบสงบที่หาได้ยากนักแม้แต่ในจิตใจคน
     
                    หลังจากการร่ายบทกลอนแบบคนเมาเสร็จ ทั่วทั้งหอนางโลมก็เงียบสนิท ดั่งว่ากำลังหาความเงียบสงบดั่งบทกลอนที่ร่างบางกล่าวออกมา
     
                    พวกคุณชายอย่าไปหาความเงียบดั่งบทกลอนกันเลย เรามาครึกครื้นกันดีกว่า ท่านว่าฮีชอลของข้าควรราคาเท่าไหร่ดี เจ้เจ้าของหอนางโลมรีบขัดความสงบก่อนที่เหล่าคุณชายจะเข้าถึงความเป็นเซนไปมากกว่านี้
     
                 ข้าให้สามร้อยตำลึงคุณชายชุดขาว กล่าวขึ้นดังกว่าใคร
     
                ข้าให้ห้าร้อยตำลึง เสียงดังต่อท้ายไม่ถึงเสี้ยววิโดยคุณชายหนุ่มชุดดำ
     
               ข้าให้ห้าร้อยห้าสิบตำลึงถึงแม้ว่าวันนี้จะมีแต่เหล่าคุณชายตระกูลดัง ถึงแม้ของประมูลวันนี้จะงามหยด แต่ท่าทางของฮีชอลก็ไม่ทำให้ราคาประมูลพุ่งสูงเท่าไหร่
     
                   ข้าให้หนึ่งพันตำลึงเสียงจากคุณชายหนุ่มที่นั่งอยู่ไกลลิบจ้องมองการประมูลมานาน ปิดราคาประมูลของนายโลมหน้าสวยที่หนึ่งพันตำลึง
     
                   มีคุณชายคนไหนอีกไหมคะ อ่า ไม่มีแล้ว ฮีชอลเจ้ารีบไปขอบคุณท่านชายผู้นั้นสิ ลงไป แล้วเอ่อวันนี้วันดี เราเปิดห้องให้แล้วที่ชั้นบนด้วยนะคะมือเหี่ยวย่นของอาเจ้ ผลักร่างบางจนหล่นจากเวที ให้เดินหนีบๆไปหาคุณชายรูปงามที่ผ่านเกมจ้องตากันมา
     
                   เจ้าดูไกลๆก็ว่าสวย ยิ่งใกล้ก็ยิ่งสวยนัก นิ้วเรียนไล้ตามโครงหน้าของสาวงามที่ประมูลมาได้มือไวคว้าเอวบางเข้ามาใกล้ ก่อนจะเดินไปตามทางที่เจ้เจ้าของร้านบอกไว้
     
                  ร่างบางบนเตียงผ้าแพร ผิวขาวใส เสื้อตัวนอกถูกเปลื้องออก อกแบนๆ สร้างความตกตะลึงแก่ชายหนุ่มที่ประมูลมา เจ้าเป็นผู้ชายยยย!
     
                    ก็ใช่ แล้วทำไม ทำไม่ลงใช่ไหมเล่า หุหุ ขอบคุณสำหรับเงินที่ท่านประมูลข้ามานะ เล่ห์เหลี่ยมที่ทำให้แม่นางฮีชอลยังบริสุทธิ์ดั่งหิมะแรกก็เพราะแท้จริงแล้ว แม่นางฮีชอลเป็นผู้ชาย หุหุ
     
                    เจ้าคิดว่าข้าทำไม่ลงงั้นหรือ เจ้ารู้จักน้อยเกินไปแล้ว แม่นางฮีชอล ฮึๆๆๆริมฝีปากหยักฝังลงบนลำคอขาว เปลื้องอาภรณ์บางเบาที่ปกปิดผิวกายขาวนวล อย่างผู้ชนะ
     
                    ม่ายย มันต้องไม่ใช่แบบนี้ ฮีชอลได้แต่ตะโกนก้องในใจ ปิดตำนานนางโลมเลื่องชื่อ ผู้แสนบริสุทธิ์ เพราะคุณชายหนุ่มที่ประมูลนางมาราคาแสนถูก
     
                    แต่แม่นางฮีชอลอาจยินดีหากรู้ว่า คุณชายหนุ่มที่แท้แล้วคือ....ใคร?
                   
                    คนทั้งสองว่ายวนในห้วงความสุข เสียงแผ่วเบาจากความสุข ดั่งประสานเป็นท้วงทำนองยามค่ำคืนที่ใครได้ฟังคงไม่อาจข่มตาหลับได้ จนกระทั่งฟ้าเรืองแสงสีทองด้วยอำนาจแห่งอาทิตย์ดวงเดียวของโลก
     
                    แงงงงงงงงงง ฮืออออออออออออออ ม่าย ชีวิตข้า ท่านนนนนนนนนนนน ตื่นมารับผิดชอบข้าเลยนะ เอาความบริสุทธิ์ข้าคืนมานะ คุณชายยยยยย ตื่น แงงงงงงงงงงง เสียงร้องไห้โวยวายของนางโลมชั้นสูงที่ถูกประมูลมา ไม่สนใจรักษาภาพพจน์ เขย่าแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของคนที่นอนอยู่ข้างๆ
     
                    โอ้ยยยยยยยยยย อะไรนักหนาของเจ้าเล่า ไม่เหนื่อยหรือยังไง หรืออยากต่ออีกรอบ วันนี้ข้าว่างนะ มาม่ะ มาหาพี่มาสาวน้อยสายตาหื่นๆผิดกับเมื่อคืนวาน จับร่างบางใต้ผ้าแพรมาไว้ใต้ร่างอีกครั้ง ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
     
                    ร่างบางดึงผ้าแพรสีสดที่ห่มคลุมขึ้นมาถึงลำคอระหงที่เต็มไปด้วยรอยรัก ใบหน้าสวยเริ่ด เหยเก เสียงร้องไห้ กระซิกๆอยู่ในลำคอ
     
                    ฮ่าๆๆๆ เราไม่แกล้งเจ้าแล้ว เจ้านี้ช่างน่ารักสะจริงๆ อบรมนิสัยสักหน่อยก็คงจะเป็นคู่ชีวิตของเรา เจ้าอยากให้เรารับผิดชอบด้วยวิธีนี้ไหม เสียงทุ้มถามอย่างเต็มใจที่จะรับผิดชอบ
     
                    แต่ข้าเป็นผู้ชายนะ แล้วท่านจะ เอ่อ...จะ ดีหรือ?” นางโลมเพศชายถามอย่างไม่มั่นใจ แม้จะเริ่มเบิกตาโตกับตำแหน่งคุณนายแห่งตระกูลดังสักตระกูล นั่งนับเงินคงสบายกว่าหลอกลวงใครต่อใครว่าเป็นหญิง
     
                    เอาหน่า เราถามก็ตอบ
     
                    อือ หน้าหวานๆเบี่ยงหนีไปทางหน้าต่างกว้าง ไม่กล้าสบตาทั้งที่ก็พยักหน้าหงึกหงัก
     
                    อ่า งานนี้ท่านราชครูคงดีใจที่ข้าหาคนคู่ใจได้สักที เจ้าเตรียมรับการอบรมจากวังหลวงได้เลย แล้วก็เดี๋ยวคงมีคนจากในวังมารับ ระหว่างนี้เราก็ต่อจากเรื่องเมือคืนไปพลางๆก่อนแล้วกันร่างสูง พลิกตัวขึ้นทับร่างบางอีกครั้ง ในขณะที่อีกคนยังไม่ทั้งตั้งตัว ดีว่าใช้มือยันเอาไว้สุดแรง
     
                    ท่านเป็นใคร ทำไมมีราชครู มีวังหลวง บอกมาท่านเป็นใคร...เป็นขันทีหนีเที่ยวใช่ไหม หรือเป็นลูกศิษย์ของราชครู
     
                    อ่า! ข้าลืมบอกเจ้าไปหรือนี้ เราคือฮ่องเต้ซีวอน มาม่ะฮีชอล มาทำหน้าที่ของฮ่องเฮากันดีกว่า พระโอษฐ์หนาปิดทับริมฝีปากบางที่กรีดร้องสร้างความหนวกหูให้คนอื่น
     
                    ม่ายยยยยยยยยยยยยยยย ชีวิตข้า ม่ายยยยยยยยยยยยยยย
     
                    ตำนานนางโลมแสนสวยที่ถูกปิดไปเมื่อคืน แต่วันนี้ตำนานบทใหม่กำลังจะเริ่ม....ฮ่องเฮาฮีชอล  
     
     
               * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
     
    Talk
     
            อ่าสั้นๆคะ สามหน้าครึ่งแต่ว่า กะให้ฮา แต่ดันไม่ฮา เศร้าจิต
                    ดูเหมือนจะสั้นแค่นี้ แต่ไอซ์ใช้เวลานานกว่าครึ่งวัน ด้วยเหตุผลหลายประการหลายประการ
                    พูดกันเรื่องกลอน เป็นกลอนที่ชื่อว่า ทุ่งเลี้ยงกวางของ หวางเว่ย กวีสมัยราชวงศ์ถัง ไอซ์ไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวกะกวางตรงไหน แต่ที่แน่ๆคือ เป็นกลอนแบบนิกายเซน ที่เน้นความเรียบง่ายและเงียบสงบ
                    ส่วนถ้า...ที่ทั้งสามท่านเสนอ มีแน่นอนคะ เพราะเป็นสามถ้า ที่ไอซ์ตั้งใจไว้ แต่คงอีกนานกว่าจะโผล่
                    ส่วนของคุณเชย น่าสนนะคะ คล้ายรักระหว่างรบ ดูยากอ่า แค่วอหลอด ไอซ์ยังดองนานชาติ แต่ว่าไอซ์จะพยายามนะคะ
                    ขอบคุณzonkที่ตรวจคำผิดให้คะ   
     
               เซี่ยเซี่ยหนี่  17.06.10 

    Jelly fish
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×