คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : - -FL- -5 100.%
- -FL- - 5
บรรยากาศแสนเคร่งเครียด ของบ้านที่เคยมีแต่เสียงหัวเราะเพราะชายหนุ่มร่างสูงกำลังนั่งหน้าเครียดจ้องมองนาฬิกาที่เข็มสั้นยาว เดินไปทุกวินาที “นี้มันจะสองทุ่มแล้ว ไหนพวกคุณว่าวันนี้ผมจะได้คุยกับเด็กคนนั้น”
“คุณซีวอนคะ ช่วยลดเสียงของคุณลงหน่อย ดิฉันทราบว่าคุณอาจไม่พอใจ แต่นี้เวลานอนของเด็กๆ แล้วหากคุณยังตะคอกอยู่แบบนี้ คงไม่มีใครกล้าหลับ” น้ำเสียงแข็งๆของแม่ครูผู้ใจดี ทำให้ชายหนุ่มยอมสงบสติอารมณ์ของตัวเองลงได้
“ถ้าคุณซีวอนรีบ จะกลับก่อนดีไหมครับ” ฮีชอลที่กำลังกล่อมให้เด็กน้อยทั้งหลายเข้านอน แต่ไม่มีใครยอมนอนก็เพราะเสียงตะคอกโหดๆของแขกหน้าดุ และเสียงนิ่งๆเย็นของแม่ครู จนร่างบางต้องออกมาดู พร้อมกับเสนอทางเลือกให้เจ้านายหนุ่ม
“ฮึ ผมนึกแล้วว่าพวกคุณต้องมาลูกไม้นี้ ทำไมครับกะว่าจะได้อะไรจากเรื่องนี้หรือเปล่าหากว่าเด็กคนนั้นเป็นคยูฮยอนจริงๆ” ซีวอนไม่สนใจใครทั้งสิ้น นึกเพียงแต่ว่าทุกคนที่เข้ามาล้วนแล้วแต่ก็เพื่อผลประโยชน์ทั้งสิ้น
“หุบปากของคุณเดี๋ยวนี้เลย คุณซีวอน” ชายหนุ่มร่างสูงเหงื่อโทรมกาย เดินเข้ามาชี้หน้าชายหนุ่มร่างสูงที่เคยพบกันเพียงแค่ครั้งเดียว ตอนแรกที่คยูฮยอนตั้งใจไว้คือ จะแกล้งให้รอจนกระทั่งเลิกรอ แล้วกลับไปเอง หากแต่สิ่งที่เขามาได้ยินมันทำให้เลือดขึ้นหน้า คำพูดที่แสนดูถูก หลุดออกมากจากปากผู้ชายทึคิดจะอ้างตัวว่าเป็นพี่ชายเขา
“แล้วเธอหล่ะ มาถึงก็ชี้หน้าด่าคนอื่นอย่างนี้ ที่นี้เลี้ยงเด็กยังไง” สายตาคมของซีวอนกวาดมองหญิงสาวหนึ่งเดียวในที่นี้อย่างไม่มีความเคารพ ทั้งที่ๆผู้หญิงคนนี้แก่กว่าเขามาก
“หยุดลามปามแม่ครูนะคุณซีวอน” ร่างบางกล่าวกับชายหนุ่มด้วยความไม่พอใจ ถึงแม้คนตรงหน้าจะเป็นเจ้านาย เป็นคนที่แอบรักมานาน แต่ก็ไม่อาจให้มาดูถูกแม่ครู ผู้เปรียบเสมือนแม่ของตนเองได้
“พอเถอะ ทั้งคุณ ทั้งคยูฮยอน ฮีชอลก็ด้วย ไหนๆคยูฮยอนก็กลับมาแล้ว คุณจะพูดอะไรกับคยูฮยอนก็พูดกับเขาเหอะ แต่รู้ไว้ด้วยว่าเราที่นี้ไม่เคยหวังอะไรจากคุณ อย่าคิดว่าในสังคมมันจะมีแต่คนแบบนั้น เพราะมันจะทำให้โลกของคุณแคบ” หญิงสาวจูงมือของชายหนุ่มที่เธอเลี้ยงมาจนเติบใหญ่ ให้ออกจากห้องไปพร้อมกันเหลือทิ้งไว้เพียงชายหนุ่มทั้งสอง
“ทำไมคุณถึงคิดว่าผมเป็นน้องของคุณ คุณซีวอน” คยูฮยอนเริ่มเปิดประเด็นแบบไม่มีอ้อมค้อม ไม่อยากเสียเวลานั่งอยู่ตรงนี้นาน
“พ่อของฉันเล่าให้ฟังว่ามีลูกอีกคนชื่อ คยูฮยอน แล้วนายเป็นเด็กกำพร้าที่ชื่อคยูฮยอน คนแรกที่ฉันรู้จักโดยไม่ต้องตามหา” ซีวอนเอ่ยตรงๆกับคนที่ถาม ดวงตาคมจ้องมองเข้าไปให้ลึก มองหาเค้าความเหมือนที่อายมีอยู่ใบใบหน้าของเด็กหนุ่มตรงหน้า
“แล้วแค่นั้น คุณก็คิดว่าเป็นผม?” คยูฮยอนมองหน้าเจ้าของคำตอบอย่างอึ้งๆ ด้วยเหตุผลแค่นั้น ทำให้เขาต้องเข้ามาวุ่นวายกับคนแบบนี้ ทำให้คนแบบนี้มาดูถูกแม่ครูที่เขารัก
“ใช่เหตุผลแค่นี้แหล่ะ แต่ถ้าเป็นนายต้องตามหาคนที่ไม่รู้จัก แล้วก็มาเจอคนที่ชื่อเดียวกันแบบนี้จะไม่คิดเลยหรือไง”
“นั้นมันเรื่องของคุณ แต่ผมมั่นใจว่าผมไม่ใช่น้องคุณแน่ๆ” เสียงแข็งกร้าวเอ่ยอย่างมั่นใจ ไม่มีทางที่เขาจะยอมมีพี่ชายแบบนี้
“นายจะเอาอะไรมายืนยันว่าไม่ใช่น้องชายของฉัน” ชายหนุ่มมองใบหน้าที่อ่อนวัยกว่านิ่ง ใช้สายตาบีบบังคับให้ยอมเชื่อในสิ่งที่เขาคิด ไม่เคยมีใครคิดจะขัดใจคุณชายแห่งตระกูลชเวได้
“แล้วคุณจะเอาอะไรมาพิสูจน์ว่าเป็นพี่ชายผม” คนอย่างคยูฮยอนก็ไม่เคยมีใครมาบังคับได้เช่นเดีวยกันนอกเสียจาก แม่ครู และพี่ชายที่ดูอ่อนแอในเรื่องความรักอย่างฮีชอล
“ฉันจะให้ตรวจดีเอ็นเอ” ชายหนุ่มคิดว่าแล้วว่ายังไงก็คงต้องเจอคำถามนี้ และการพิสูจน์ทางการแพทย์ก็ดูจะเชื่อได้แน่นอน ไม่มีทางจะมีข้อโต้แย้งอื่นๆ
“ไม่ ผมไม่ตรวจ”
“ทำไม ไม่อยากเป็นคนในตระกูล ชเว หรือไง มีแต่คนเขาอยากเป็นกันนะ น้องชายฉัน อยากได้อะไรก็ได้ ” ถ้อยคำ และสายตาที่ทอดมอง ไม่ใช่แบบที่ พี่ที่ดีจะทำกันเลย แต่เพราะคนคนนั้นคือ ซีวอนคนที่ไม่รู้ว่าควรทำตัวเช่นไรกับ น้องที่ไม่เคยรู้จัก
“แต่ผมไม่อยากเป็นน้องชายของคุณ จะไม่มีการตรวจอะไรทั้งนั้น กลับไปได้แล้ว” ชายหนุ่มออกปากไล่ อย่างไม่เกรงใจใดๆทั้งสิ้น
“ก็ได้ แต่ฉันจะคอยดูว่านายจะดื้อได้แค่ไหน เมื่อถึงเวลาที่นายต้อง เป็น ชเว คยูฮยอน” ร่างสูงก้าวออกจากบ้านอย่างไม่สนใจใดๆทั้งสิ้น เพราะสุดท้ายแล้ว ยังไงความจริงก็ต้องเป็นแบบที่เขาคาดคิด
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
เวลาเช้าที่ฮีชอลมาถึงที่ทำงาน ร่างบางจ้องมองเวลา มันคือเวลาเข้างานที่ไม่สาย แต่กลับมีกระดาษโน็ตแผ่นเล็ก พร้อมลายมือ หวัด เรียกให้ไปพบทันทีที่มาถึง
ร่างบางเคาะประตูสามครั้งตามมารยาท ถึงแม้จะเป็นเลขาส่วนตัว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะได้เข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวบ่อยนัก เพราะความส่วนตัวของเจ้าของห้อง ที่ไม่อนุญาตให้ใครเข้าห้องโดยไม่ได้รับอนุญาต
“เชิญ”
ในห้องทำงานอากาศเย็นเฉียบจากเครื่องปรับอากาศ กับร่างสูงหน้าขรึมที่เอาแต่ก้มหน้าอ่านเอกสารในมือ “นั่งรอไปก่อน”
“ครับ” ฮีชอลได้แต่รับคำ ก่อนจะยืนนิ่งก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าสบตาชายหนุ่มเจ้าของห้อง
“ผมอยากให้คยูฮยอนไปตรวจดีเอ็นเอ” เสียงทุ้มดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ โดยไม่มีที่มาที่ไป
“แล้ว..” ร่างบางมองหน้าชายหนุ่มด้วยความสงสัย ไม่แน่ใจว่ามันเป็นประโยคอะไร ระหว่าง ประโยคบอกเล่า หรือประโยคอะไรกันแน่
“ผมอยากให้คุณพาเขาไปตรวจดีเอ็นเอ”
ในที่สุดร่างบางก็เข้าใจ มันคือประโยคคำสั่งที่บังคับคนสองคนให้ทำเรื่องที่ฝืนใจพร้อมๆกัน “คุณจะให้ผมบังคับคยูฮยอนงั้นสิครับ”
“ถ้าเขายอม คุณก็ไม่ต้องไปบังคับก็ได้ มันขึ้นกับว่าคุณทำให้ยอมได้หรือเปล่า” ร่างสุงพูดแบบไม่สนใจสิ่งใด บางครั้งวิธีการก็ไม่สำคัญเท่ากับเป้าหมาย หากมันจะได้ผลที่น่าพอใจ
“แล้วทำไมคุณไม่ไปบอกเขาเองหล่ะคับ ในเมื่อคุณมั่นใจว่าคยูฮยอนเป็นน้องของคุณ แล้วทำไมคุณไม่พูดเอง หรือว่า กลัวว่าเขาจะไม่ยอม”
“คิม ฮีชอล” ชายหนุ่มเรียกชื่อเลขาด้วยเสียงกร้าว “ผมให้คุณมาเพื่อทำตามที่ผมสั่ง หน้าที่ของคุณคือเลขาไม่ใช่เจ้านายผม กรุณาจำไวด้วย”
“แต่สำหรับคยูฮยอน ผมคือพี่ชายของเขา และผมก็คงไม่บังคับให้น้องต้องทำอะไรที่ฝืนใจด้วย” ฮีชอลรู้ดีว่าตนเองเป็นแค่เลขา แต่สำหรับเรื่องนี้ เขาเองก็เป็นพี่ชายของคยูฮยอนด้วยเช่นกัน
“เสียใจ ผมสั่งคุณในฐานะเจ้านาย และคุณเป็นเลขาที่ต้องทำตามคำสั่งผม หากทำไม่ได้ คุณก็ควรพิจารณาตัวเอง”
“ผมยอมลาออก เพื่อความสบายใจของคยูฮยอน” คิม ฮีชอลสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะปล่อยออกมาพร้อมกับคำว่าลาออก
ทั้งๆที่งานนี้เป็นงานที่อยากทำ ตั้งใจทุ่มเทก็เพื่อตำแหน่งนี้
ทั้งๆที่นี้เป็นโอกาสเดียวที่จะได้ใกล้ชิดกับคนที่แอบรัก
แต่ถ้ามันต้องแลกกับความไว้ใจ ความสบายใจ ของน้องชายที่รักมาก เขาก็คงไม่ยอม
ครอบครัว ที่มีอยู่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด...
“งั้นคุณก็ออกไปเก็บของได้เลยคุณ คิม ฮีชอล ผมไล่คุณออก” คำสั่งเฉียบขาดไม่มีสะดุด ไม่มีเวลาสำหรับการตัดสินใจ
ฮีชอลได้แต่ก้มศีรษะยอมรับคำสั่ง ที่ร่างกายหยุดชะงัก แต่มันเป็นทางเลือกเดิน และจะต้องเดินไปให้ถึงที่สุด ไม่มีทางสำหรับกลับหลัง
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
คิม ฮีชอลเดินหอบหิ้วสิ่งต่างๆกลับเข้ามาในบ้านอย่างคนหมดแรง ดวงหน้าใสมีคราบน้ำตาที่คงปัดทิ้งมาตลอดทาง ดวงตากลมโตบวมช้ำแดงเรื่อ
“เป็นอะไรไปลูก” เสียงอ่อนโยนของแม่ครูที่กำลังนั่งมองเด็กๆเล่นกันแต่สายตามองเห็นร่างบางเดินโซเซเข้ามา จึงรีบเดินเข้าไปพยุง
“เปล่าหรอกครับแม่ครู ฮีชอลไม่ได้เป็นอะไร ไม่เป็นอะไรเลย” คำพูดแสนเบา ดวงตาเลื่อนลอย ย้ำกับตัวเองมาตลอดทาง ว่าไม่เป็นอะไร
“มาเดี๋ยวแม่ครูช่วยถือให้นะ” มือบางหยาบกร้านจากการทำงานหนัก พยายามแย่งของจากมือของชายหนุ่มที่เลี้ยงมา
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมถือเองได้” ร่างบางยื้อกล่องพลาสติกที่ถือไว้ไม่ส่งให้แม่ครู ไม่ยอมให้ใครถือ
“ฮีชอล เราหน่ะ มือสั่นขนาดนี้แล้ว ยังจะดื้ออีก มาให้แม่ครูถือเถอะ” ในที่สุดแม่ครูก็ได้กล่องพลาสติคมาถือไว้ในมือ ก่อนจะสั่งให้เด็กมาช่วยกันพยุงร่างบางเข้าไปในห้องนอน “เด็กๆออกไปก่อนนะลูกนะ ให้พี่ฮีชอลพักนะคะ”
“ครับ/คะ” เสียเล็กเสียงน้อย ขานรับ ก่อนเดินขบวนออกจากห้องนอนของพี่ชาย
“นอนนะลูก” มืออบอุ่นที่คุ้นเคยลูบศีรษะเล็กอย่างที่เคยทำ ดั่งเวลาที่กล่อมนอน
“แม่ครูครับ ผมลาออกจากงานแล้วนะ” น้ำเสียงแผ่วเบาปนกระแสเสียงสะอื้น ออกมาจากใบหน้าที่ซุกอยู่กับหมอน
“...” ความนิ่งเงียบจากแม่ครู ไม่ใช่เพื่อตำหนิร่างบาง แต่เป็นช่วงเวลาที่รอให้คนอีกคนได้ระบายความในใจออกมาทั้งหมด
“ผมรักเขา แต่ผม...เขาเป็นคนรักของยุนอา แม่ครูครับ ผมรักเขา” คำขึ้นต้น และลงท้ายที่เหมือนกันบ่งบอกความสับสนในใจของร่างบาง
แม่ครูนิ่งฟังความสับสนในใจของเด็กน้อยที่เลี้ยงมา มองภายนอก ฮีชอลอาจแข็งแกร่งเป็นพี่ชายคนโตที่น้องๆหวาดกลัว แต่ภายในแล้วกลับอ่อนแอเป็นเด็กน้อยที่ไร้เดียงสา
“ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมเป็นมันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง ผมรู้ว่าเขามีเจ้าของแล้ว แต่ผมก็รักเขา ผมควรทำไงดี” น้ำตาหยดเล็กๆ ไหลออกมาอย่างสุดกลั้น ไม่มีทางแล้วสำหรับความรักที่ไร้คนรับรู้
“ทำใจให้สบายเถอะนะฮีชอล ตื่นมาแล้วทุกอย่างจะจางหายไป ปล่อยมันเป็นแค่ความฝันร้ายนะลูกนะ หลับแล้วตื่นมาให้สดใส เป็นฮีชอลคนเดิมของน้องๆที่นี้” เสียงเย็นๆ กับมือบางที่ลูบไล้อย่างอ่อนโยนกล่อมร่างบางให้เข้าสู่ห้วงนิทรา
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
เวลาบ่ายๆ ที่เด็กทุกคนต้องนอนกลางวัน แต่วันนี้มีรถคันหรูมาจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าบ้าน ทำให้เด็กๆต่างแอบมองผ่านกระจกบานใส
“ตอนนี้คยูฮยอนไม่อยู่นะคะ” แม่ครูเดินออกมาดักหน้าร่างสูง ไม่อยากให้ชายหนุ่มเดินเข้าไปในบ้าน
“ผมไม่ได้มาหาคยูฮยอน แต่มาหาคุณ” ซีวอนมองหน้าหญิงตรงหน้า พอจะเข้าใจว่าเขาคงไม่ได้รับอนุญาติให้เข้าไปในบ้านหลังนั้น
“คุณมาหาดิฉัน ทำไมคะ” คนที่เคยมีเสียงหวานแต่เวลานี้กลับเสียงแข็งกร้าว มองหน้าชายหนุ่มด้วยดวงตานิ่งสงบ
“ผมอยากให้คยูฮยอนตรวจดีเอ็นดี เพื่อที่จะได้รู้ว่า เขาเป็นน้องของผมจริงๆ” ครั้งนี้ ซีวอนรู้แล้วว่ากับคนที่นี้มีเพียงความอ่อนโยนเท่านั้นที่จะทำให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ
“แต่คยูฮยอนเขาไม่ต้องการตรวจ ฉันคงไม่สามารถบังคับเขาได้” หญิงสาวรู้ดีว่าเด็กหนุ่มที่เลี้ยงนิสัยเป็นเช่นไร การบังคับไม่ช่างออกที่ดีเลยสักนิด
“ผมทราบว่าพวกคุณไม่อยากบังคับเขา แต่ครอบครัวผมไม่เหลือใครแล้วนอกจากเขา มันแตกต่างจากพวกคุณที่มีครอบครัว มีความสุข แต่ผมไม่เหลือใครเลย เข้าใจผมนะครับ” เรื่องของครอบครัว เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และทุกคนที่นี้ให้ความสำคัญมากที่สุด....ซีวอนได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอดีตเลขา
นิสัยของนักลงทุนที่ดี ต้องมองเห็นจุดอ่อนและ จุดแข็งของคู่ค้า และคู่แข่ง
“คุณซีวอน แล้วฉันจะลองพูดกับคยูฮยอนเอง ไม่ใช่เพื่อคุณ แต่เพื่อคยูฮยอนจะได้มีครอบครัวที่เป็นของเขาจริงๆ” เสียงของแม่ครูนิ่มนวล อ่อนหวานดังเดิม ใบหน้าปรากฏริ้วรอยตามกาลเวลายิ้มให้กำลังใจชายหนุ่มตรงหน้า
“ขอบคุณครับ หากเขาเป็นน้องของผมจริงๆก็คงดี ผมจะได้ไม่ต้องโดดเดี่ยวอีกต่อไป”
“ฉันจะลองพูด แต่ตอนนี้คุณกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวเขากลับมาแล้วจะไม่ยอมฟังเหตุผลอะไร”
“ครับ” รอยยิ้มบางเบาเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์เมื่อหันหลังให้กับหญิงกลางคนที่ยังคงยืนส่งรอยยิ้มอ่อนโยนมาให้เขา
ทั้งหมดก็แค่ฉากหน้า...เพื่อผลประโยชน์...เพื่อสิ่งสุดท้ายที่พ่อต้องการ
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
เวลาอาหารค่ำกว่าสิบชีวิตมานั่งร่วมโต๊ะอาหาร เสียงเด็กตัวเล็กดังเจี๊ยวจ๋าว สร้างความรื่นเริงให้แก่ร่างบางที่เจ็บปวดจากความรัก จนความหม่นเศร้าค่อยๆจางไป ผิดกับแม่ครู กาอินของทุกคนที่กำลังนิ่งเงียบ บางครั่งก็นั่งเหม่อมองหน้าคมของคยูฮยอนนิ่ง จนทั้งฮีชอลและคยูฮยอนสังเกตได้
“เอ้าเด็กๆไปนอนนะครับ เดี๋ยวพี่ไปอ่านนิทานให้ฟัง” พี่ชายใจดี พาเด็กๆเกือบสิบคนเดินไปเข้าห้องนอน ปล่อยให้พี่ชายได้คุยกับแม่ครูอย่างสบายๆไม่มีตัวป่วน
“แม่ครูเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ดูเงียบๆตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว” คิม ฮีชอลเดินออกมานั่งข้างแม่ครูบนเก้าอี้หน้าบ้าน ลมเย็นๆทำให้จิตใจปลอดโปร่ง
“เปล่าหรอกลูก ฮีชอลอย่ากังวลไปเลย แม่ครูแค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยเท่านั้นเอง แล้วเราปวดหัวหรือเปล่า” เสียงหวาน ดวงตาโศกมองใบหน้าหวานของชายหนุ่ม อย่างรักใคร่ ไม่อยากให้ต้องแบกรับอะไรไปมากกว่านี้
“ไม่หรอกครับ ดีขึ้นแล้ว แต่แม่ครูคิดอะไรอยู่ บอกฮีชอลไม่ได้หรือครับ” ใบหน้าใสลอยเข้ามาใกล้ใบหน้าของแม่ครูที่ยังคงเค้าความสวยงามเมื่อในอดีต
“บอกได้ แต่รออีกคนหนึ่งมาก่อน เรื่องของเขา เฮ้อ ฮีชอล แม่ครูเครียดจัง” ลมหายใจถูกผ่อนยาว ระบายความอัดอั้นออกมา
“เรื่องของคยูกับคุณซีวอนหรอครับ” ดวงตากลมโตหม่นเศร้าลง เมื่อต้องเอ่ยชื่อเจ้านายเก่า ที่ยังคงอยู่ในหัวใจ
“ผมกับเขาไม่มีอะไรกันนะครับแม่ครู” เสียงดังลั่นดังจากด้านหลัง เรียกให้ทั้งสองต้องหันไปมอง ก่อนจะพบชายหนุ่มทำหน้ายุ่ง กับประโยคที่เชื่อมด้วยคำว่า กับ
“ผมกับเขาไม่มีทางเป็นญาติกันหรอกนะครับ แม่ครูอย่าคิดตามที่ผู้ชายคนนั้นพูดเด็ดขาดเลยนะครับ” คยูฮยอนรีบเดินเข้ามาหาแม่ครูและพี่ชายหน้าสวย “ผมไม่ได้เป็นน้องเขาจริงๆนะครับ ผมเป็นลูกแม่ครู เป็นน้องพี่ฮีชอล แค่นั้นเองนะครับ อย่าคิดตามที่เขาพูดนะ”
“ถ้าคมั่นใจ ก็ยอมตรวจดีเอ็นดีตามใจเขาไปเถอะลูก ถ้าผลมันไม่ใช่แบบที่เขาต้องการ เขาจะได้ไม่ต้องยุ่งกับเราอีก” แม่ครูเสนอทางเลือกให้ชายหนุ่ม อย่างใจเย็น เพราะรู้ดีว่าคนอย่างคยูฮยอนไม่ยอมแน่ๆถ้าหากถูกบังคับให้ทำอะไรที่ฝืนใจ
“นั่นสิ ยอมตรวจ เขาจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับเราอีก พี่ว่าก็ดีนะ จะได้หมดเรื่อง ไม่มีอะไรค้างคาอีกต่อไป แต่ถ้านายยังดื้ออยู่แบบนี้ เขาก็ไม่ยอมปล่อยเราไปง่ายๆเหมือนกัน” ฮีชอลช่วยแม่ครูหว่านล้อม อยากให้จบปัญหานี้ลงไปสักที ไม่อยากมีวงจรชีวิตที่ต้องยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว
“แต่กลัวนี้ครับ บางอย่างบอกว่าผมไม่ควรตรวจเลย” ชายหนุ่มเกิดอาการไม่มั่นใจ เพราะในส่วนลึกมีบางอย่างที่บอกว่า สิ่งที่เขากลัวมันอาจเป็นความจริงก็ได้
“ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกลูก ต่อให้คยูจะเป็น โจว คยูฮยอน หรื ต้องเป็น ชเว คยูฮยอน จริงๆ แต่ก็จะเป็นคยูของแม่ครู ของฮีชอล แล้วก็ของน้องที่นี้ทุกคน”
“ผมจะตรวจก็ได้ครับ แต่ทุกคนต้องสัญญากับผมก่อนนะครับว่า ถ้าไม่ใช่ เขาจะไม่มายุ่งกับเราอีก” ชายหนุ่มมองรอยยิ้มอ่อนหวานของคนทั้งสองที่คอยเติมเต็มกำลังใจให้เขามาตั้งแต่เด็ก และวันนี้มันก็ทำให้เขากล้าตัดสินใจอีกครั้ง
“สัญญาจ๊ะ” แม่ครูออกปากรับรองเช่นเดียวกับฮีชอลที่พยักหน้าแข็งขัน งั้นพรุ่งนี้ผมจะไปโรงพยาบาลให้หมอเจาะเลือด”
แม่ครูได้แต่ยิ้มอ่อนโยน รับฟังแผนการของเด็กหนุ่ม นึกดีใจ หากเป็นคยูฮยอนคนที่กำลังตามหา คนทั้งคู่ก็จะได้พบกับครอบครัวจริงๆที่หายไป แต่หากไม่ใช่ซีวอนก็จะไม่มาวุ่นวายและสร้างความเจ็บปวดให้กับฮีชอลโดยไม่รู้ตัว
หลังการเจาะเลือดเพื่อพิสูจน์ดีเอ็นดี คยูฮยอนเดินมาจากห้องเจาะเลือดด้วยใบหน้าขาวซีด จนพี่ชายที่รออยู่หน้าห้อง ต้องเดินเข้ามาประคองด้วยรอยยิ้มล้อเลียน
“อะไรกันโดนไปแค่นี้ ทำหน้าซีดเชียวคยู เดี๋ยวสาวๆเดินมาขายหน้าเขาตาย”
“อะไรกันเล่า พี่ลองไปให้เขาดูดเลือดออกมาดิ เป็นหลอดขนาดนั้น ใช้จริงแค่นิดเดียวไม่รู้จะเอาไปทำไมหนักหนา” ชายหนุ่มโวยวายกลบเกลื่อนอาการกลัวเลือดของตนเอง
“เอาหน่า นิดๆหน่อย” ร่างบางตบบ่าน้องชาย อย่างปลอบใจก่อนใบหน้าหวานจะซีดลงไป เมื่อเห็นร่างสูงอีกหนึ่งที่พึ่งมาถึง
“ขอบใจที่นายมานะคยูฮยอน” ซีวอนมองหน้าคนที่อาจเป็นน้องชายของตนเอง มองเลื่อนมาถึงข้อพับที่มีก้อนสำลีแปะอยู่ก่อนจะมองย้อนขึ้นไปบนหน้าขาวซีด ทำให้รอยยิ้มเล็กเกิดขึ้นที่มุมปากบาง
“ผมมา เพราะคุณจะได้เลิกยุ่งกับพวกเราสักที ยังไงผมก็ไม่มีทางเป็นน้องชายคุณได้หรอก” ชายหนุ่มหน้าซีดกลับกลายเป็นสีแดง เพราะความโกรธ มองหน้าชายหนุ่มร่างสูงอย่างถือดี
“ไว้เราคอยดูผลก็แล้วกัน อย่าพึ่งสรุปไปเอง ไหนๆก็อุตส่าห์มาตรวจแล้ว” ซีวอนพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเจาะเลือดโดยมองผ่านร่างบางที่เดินประคองคยูฮยอนไว้
“พี่ครับ กลับกันเหอะ” คยูฮยอนจับมือพี่ชายบีบแน่น รับรู้ได้ถึงความเสียใจของร่างบางที่กำลังประคองเขาอยู่
“อือ กลับบ้านกันเหอะ” ฮีชอลพยักใบหน้าหวาน กลั้นน้ำหยดเล็กๆที่เหมือนจะไหลลงมา ทั้งที่ก็รู้มาตลอดว่าตนเองไม่ใช่คนสำคัญมากพอ...แต่อย่างน้อยในฐานะ อดีตคนร่วมงาน
“คนแบบนั้นพี่ชอบไปได้ไงกัน ไม่มีอะไรดีเลย ชอบมองเราด้วยหางตา นิสัยก็แย่ ไม่มีอะไรดีเลย ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าถ้าผมเป็นน้องชายเขาจะทำไงกัน คนแบบใครไปชอบนะ...”
“พอเหอะ คยูฮยอน อย่าพูดถึงเลย” ร่างบางบอกกับน้องชายด้วยดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตา ใบหน้าหวาน ไม่อาจปกปิดความเศร้าในใจได้
“ขอโทษครับพี่” ต่อจากนั้นความเงียบก็เข้าครอบคลุมสองพี่น้องตลอดทางจนถึงบ้าน ไม่มีใครเอยสิ่งใดออกมาอีกเลย
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
หนึ่งอาทิตย์แห่งการรอคอยในที่สุดก็ถึงวันที่หมอนัดฝังผลการพิสูจน์เลือด คยูฮยอนมาพร้อมกับพี่ชายคนเดิมที่มารับฟังผลเป็นเพื่อน และทำใจเพื่อการจากลา...วันนี้จะเป็นวัดสุดท้ายที่จะมองด้วยความอาวรณ์...จะเป็นวัดสุดท้ายที่จะได้ใกล้ชิด
ชายหนุ่มร่างสูงเดินเข้ามาพร้อมด้วยรอยยิ้มมั่นใจ เหมือนว่าทุกสิ่งที่ต้องการมาอยู่ในมือเรียบร้อย “เตรียมย้ายของเข้ามาอยู่ในบ้านตระกูลชเวหรือยัง ชเว คยูฮยอน”
“ไม่ ผมไม่มีทางเป็นน้องของคุณได้หรอก” เด็กหนุ่มมองหน้าชายหนุ่ม ด้วยความมั่นใจเช่นกัน
ดวงตาคมสองคู่จ้องมองกันอย่างไม่ลดละ จนมือบางต้องสะกิดไหล่บางของน้องชายเมื่อเห็นนายแพทย์เดินออกมา
“ผลการตรวจเลือดออกมาแล้วนะครับ ผลการพิสูจน์DNAของคุณชเว ซีวอน และ คุณ โจว คยูฮยอน พบว่า คุณทั้งสองมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันแน่นอนครับ”
“ขอบคุณครับ” เป็นเสียงของคิม ฮีชอลที่ขอบคุณนายแพทย์ผู้ทำการตรวจ แทนน้องชายที่นิ่งอึ้ง ไม่อาจหาคำพูดใดๆได้ในตอนนี้
“ฮึ เลิกมั่นใจตัวเองได้แล้วสิ คยูฮยอน พรุ่งนี้ฉันจะส่งคนไปรับมาอยู่ที่บ้าน เตรียมตัวให้พร้อมด้วยหล่ะ” ร่างสูงเดินจากไปอย่างด้วยรอยยิ้มของผู้ชนะ แผ่นหลังตั้งตรงเดินจากไปอย่างช้าๆ และมั่นคง
“ไม่นะพี่ ผมไม่ใช่น้องของเขา ผมไม่เป็น ใม่ใช่ผม” น้ำตาของคยูฮยอนค่อยๆไหลออก ผลการตรวจที่ออกมามันทำลายชีวิตของเขาให้พังทลายลง
“อย่าร้องไห้นะ ไม่ว่านายจะเป็นใคร แต่นายก็ยังเป็นน้องชายของพี่และเป็นลูกของแม่ครูเสมอนะ” ร่างบางกอดปลอบน้องชายตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมกอด รับรู้ได้ถึงความเสียใจและผิดหวังที่มีอยู่เต็มอกของน้องชาย
จากวันนี้เส้นทางเดินที่คิดว่าจะตัดขาด คงต้องพันเกี่ยวเป็นเกลียวเชือกที่แน่นแฟ้น ไม่มีทางหลุดออกจากกัน
To ~ Be ~ Con
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
Talk
ฟิคสั้นรายวันครบแล้วคะ สั้นมากๆอ่า สั้นจริงๆ หุหุ จบลงอย่างมีความสุข ในที่สุด กี้ก็ต้องเป็นน้องชายวอนจริงๆด้วย อิอิ
ขอบคุณทุกคอมเม้มท์ และกำลังใจคะ
ความคิดเห็น