ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    "GHOST" in my life

    ลำดับตอนที่ #4 : "เขา" ของคุณเชย

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ย. 53



                    
                    แอบมาร่วมโปรเจค  เขา  แบบเนียนๆ  เพราะอ่านที่คุณไอซ์เล่าแล้วนึกถึงหลายๆครั้งในชีวิต  ที่พบเจอกับ  เขา  ชนิดที่เรียกได้ว่า...ลืมไม่ลง   เรามาเริ่มจากเรื่องที่เชยรู้สึกว่ามัน 
    close up  ใกล้ชิดติดขอบที่สุดก็แล้วกันนะคะ 

    เชยต้องออกตัวไว้ก่อนว่า   ปรกติเชยไม่ใช่คนขี้กลัวสักเท่าไหร่   แม้เชยจะเชื่อว่า  เขา  มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้  ไม่ว่าจะอยู่ในมิติที่เท่าไหร่ก็ตาม   แต่เชยก็ไม่เคยผวากับอะไรเล็กๆน้อย  เช่น  เสียง  แสง  หรืออะไรที่วูบไหวผ่านตา  เชยมักจะจัดเรื่องพวกนี้ให้เป็น...เรื่องคิดไปเอง  อยู่เสมอๆ 

    แต่ทว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ก็เพิ่มดีกรีความกลัว  เขา  ของเชยจนทุละปรอทไปได้อย่างง่ายดาย

    เมื่อประมาณ 5 ปีก่อน  เชยกับพี่สาวขึ้นมาประชุมสำคัญที่กรุงเทพ 2 วัน  เราเลือกที่จะพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง   โรงแรมคุณภาพดีราคาประหยัดสำหรับข้าราชการทั่วประเทศ    ทันทีที่ไปถึงที่พักพี่สาวของเชยจัดการแสดงบัตรข้าราชการเพื่อขอเข้าพัก  แต่คำตอบที่ได้รับกลับกลายเป็นว่า  ห้องเต็ม  ทุกชั้นเต็มแน่นไปด้วยข้าราชการทั่วประเทศที่มาประชุมเรื่องเดียวกันกับเรา

    แน่นอนว่าพี่สาวเชยโมโหมาก  เพราะก่อนจะขึ้นมาพี่สาวได้ทำการโทรมาเชคล่วงหน้าแล้ว    เขายืนยันว่ามีที่พักเพียงพอสำหรับเรา  แต่เมื่อเรื่องกลายเป็นแบบนี้  แทนที่พี่สาวเชยจะตัดใจและไปหาที่พักที่อื่น  พี่สาวคนเก่งดันเลือกที่จะโวยและตื้อ  พี่สาวเชยยืนยันว่าจะรออยู่ตรงนี้จนกว่าจะได้ที่พักตามที่ตกลงกันไว้   พนักงานที่คุยกับพี่สาวถึงกับหน้าถอดสี   เพราะพี่สาวเชยขนาดไม่พุดก็ดูน่ากลัวแล้ว  ไม่ต้องคิดถึงตอนโมโห  เพราะเธอจะน่ากลัวมากถึงมากที่สุด

    พนักงานหลบหายไปด้านหลังประมาณ 20 นาที   ก่อนที่จะมีหญิงอีกคนเดินออกมารับหน้าแทนเธอ   เหลือเชื่อจริงๆที่การโวยวายของพี่สาวเชยได้ผล  พนักงานคนใหม่บอกว่าพวกเขามีห้องว่างสำหรับเราแล้ว 1 ห้อง   ห้องที่ว่าก็ทำเลแสนดี  อยู่ชั้น  1  ตรงสุดทางเดินนี่เอง   ช่างเป็นโชคดีในโชคร้ายสำหรับสองพี่น้องตาดำๆ

    พนักงานส่งกุญแจห้องและบอกทางให้เรา   มันไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย  เพราะแค่ไม่กี่ก้าวเราก็ถึงหน้าห้อง  สภาพห้องสะอาดสะอ้านเหมือนในทุกๆครั้งที่ได้มาพัก   ทั้งพี่สาวเชยและตัวเชยรู้สึกโล่งใจจริงๆที่ไม่ต้องแบกข้าวของทั้งหมดไปหาที่พักที่อื่น  เราจัดการเก็บของและออกไปหาอะไรทานกันนิดหน่อย   จนประมาณ 3 ทุ่มเราก็กลับมาที่ห้อง

    ยังไม่มีเรื่องผิดปรกติอะไรทั้งสิ้น  ทุกอย่างราบลื่นจนเชยไม่คิดเลยว่า  อีกไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนี้  จะเกิดเหตุการณ์ที่เชยต้องจำไปชั่วชีวิตขึ้น

    เชยกับพี่สาวเข้านอนในเวลาไม่ดึกมากนัก  เชยหลับไปง่ายๆแบบไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมาก  อาจจะเพราะว่าเหนื่อยจากการเดินทางทำให้ร่างกายมันล้าและเรียกร้องการนอนหลับพักผ่อน   นานเท่าไหร่ไม่รู้แต่เชยมั่นใจว่ามันคงดึกมากแล้ว  อยู่ดีๆ  แสงจากทีวีที่อยู่ตรงปลายเท้าก็สว่างวาบขึ้น  เชยเป็นพวกที่ขี้รำคาญ  เชยจะนอนไม่ได้เลยหากในห้องมีแสงสว่างลอดเข้ามา  เชยค่อยๆปรือตาขึ้นทีละนิด  ในใจเริ่มโวยวายพี่สาวที่นึกยังไงมาเปิดทีวีดูเอาป่านนี้ 

    ผ้าห่มที่คลุมถึงคอถูกลดลงไปตรงหน้าอก   ก่อนที่เชยจะผงกหัวขึ้นเล็กน้อย  และสิ่งที่เชยเห็นก็ทำให้เชยงงถึงกับพูดไม่ออก

    ตรงปลายเตียงและปลายเท้าของเชยปรากฏร่างคน 2 คนกำลังนั่งอยู่  ทั้ง 2 นั่งหันหลังให้เชยและพี่สาว  คุณเชื่อมั้ยว่า  ในมือของ 1 ในนั้นกำลังถือรีโมททีวีอยู่  ใช่  เขา  ถือรีโมททีวีอยู่  และพยายามเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ  แต่ทว่าทีวีมันก็ไม่เปลี่ยนตาม  ภาพบนจอเป็นเหมือนทีวีที่ไม่มีสัญญาณเสียง ซ่าๆ  ดังระงมไปทั่วทั้งห้อง   แต่ เขา คนนั้นก็ไม่ละความพยายาม    เขา ยังกดทีวีเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ  ในขณะที่อีกคนกำลังนั่งนิ่งไม่ไหวติง 

    มันชัดเจนสำหรับเชยจริงๆ  ปลายเท้ารู้สึกถึงที่นอนที่ยุบลงไปจากแรงกดของ  เขา  คนนั้น  ในตอนนั้นเชยแทบจะกลั้นหายใจกันเลยทีเดียว  กลัวว่า  เขา  จะรู้ว่าเชยตื่นมาเห็นเขาแล้ว   กลัวว่า  เขา  จะไม่พอใจ   เชยดึงผ้าห่มกลับมาที่เดิมก่อนจะค่อยๆยกมันขึ้นมาคลุมโปงอย่างเงียบเชียบ  หัวใจเหมือนจะออกมาเต้นอยู่ที่ปาก   ปลายเท้าที่อยู่ใกล้  เขา  แค่ไม่กี่นิ้วกำลังเย็นเฉียบ   อยากดึงมันออกมาให้ห่างแต่ก็กลัวเกินจะขยับตัวได้

    อีกครั้งที่เชยไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปนานแค่ไหน   และแล้วเสียงซ่าๆจากทีวีตรงปลายเท้าก็เงียบลง  เชยเริ่มโล่งใจแต่ก็ไม่กล้าโผล่ออกมานอกผ้าห่ม   เพราะเชยไม่แน่ใจว่า เขา ทั้ง 2 จะไปแล้วจริงๆรึเปล่า   แต่ว่าไม่กี่นาทีต่อมาความสงสัยของเชยก็กระจ่าง  เมื่อตรงโต๊ะหัวเตียงข้างๆหู มีเสียงคนรินน้ำจากขวดใส่แก้ว

    จ้อก ~  จ้อก ~

    มันใกล้มากค่ะ  ที่สุดในชีวิตแล้วจริง  เชยรับรู้เลยว่า  เขา ได้มาอยู่ตรงหน้าเชยแล้ว  เพียงแค่เชยใจกล้าและลดผ้าห่มลงเชยก็คงจะสามารถสบตาปิ๊งๆกับ เขา ได้เลย  แน่นอนว่าเชยไม่ทำ 

    เชยนอนฟังการเคลื่อนไหวของเขาทั้ง 2 ไปเรื่อยๆ  จากการรินน้ำดื่มเปลี่ยนเป็นเปิดประตูตู้เสื้อผ้า  เข้าห้องน้ำและทำโน้นทำนี้ราวกับ  เขา ยังอาศัยอยู่ในห้องนี้เป็นปรกติ   โชคดีจริงๆที่เขาไม่ล้มตัวลงนอน ...

    เช้าวันต่อมา  เชยตื่นพร้อมกับสภาพที่เรียกได้ว่าแย่สุดๆ   เชยแทบไม่ได้นอนเพราะกว่าเสียงพวกนั้นจะหายไปก็เกือบเช้า   เชยทำใจให้ข่มตานอนต่อไม่ได้จริงๆ   ลายบนผ้าห่มที่นอนมองมาทั้งคืนมันติดตาจนเชยแทบจะบอกได้เลยว่ามันถูกถักทอจากด้ายกี่เส้น  แต่ว่าเรื่องทุกอย่างก็ถูกปิดเงียบ   เชยยังไม่กล้าพูดถึงหรือเล่าอะไรให้พี่สาวฟังทั้งนั้น

    พอตกเย็นหลังจากที่เราประชุมเสร็จ  เชยบอกตรงๆว่าเริ่มกลัวอีกครั้ง  คืนนี้เชยจะเจอ  เขาทั้ง 2 อีกรึเปล่า  แต่ในตอนนั้นเองที่พี่สาวเชยเดินไปที่เคาเตอร์ของโรงแรม   ตรงนั้นมีกระเป๋าและของใช้ของเราวางรออยู่   พี่สาวหันไปคุยอะไรนิดหน่อยกับพนักงานแล้วก็หิ้วของออกมาเลย  เชยงงมากถึงมากที่สุด  เกิดอะไรขึ้น  เรายังมีประชุมอีก 1 วันไม่ใช่เหรอ  เชยเลยอ้าปากถามพี่สาวที่ยังเดินหน้านิ่งไปที่รถของเรา

    “ใครจะนอนเข้าไปลงผีทั้งนั้น!!!

    คำตอบเดียวของพี่สาวที่เชยได้รับ  ใช่แล้ว  ตลอดค่ำคืนที่ผ่านมา  พี่สาวก็รู้เห็นและได้ยินเหมือนที่เชยได้ยิน  แต่พี่สาวก็ไม่พูดและไม่ทักเหมือนที่เชยทำ  พี่สาวไปบอกกับทางที่พักและเขาก็ดูเหมือนจะรับรู้ราวกับมันเป็นเรื่องปรกติ  พี่สาวเลยสั่งว่า   ตอนเย็นกลับมาขอให้ทางที่พักช่วยเก็บของที่อยู่ในห้องทั้งหมดออกมาให้ด้วย  เพราะพวกเราไม่เอาแล้ว

    เราจากมาพร้อมความสงสัย  พนักงานไม่ยอมบอกอะไรพี่สาวสักอย่าง  ว่า เขา ที่เราเห็นเมื่อคืนคือใคร  แต่มีสิ่งหนึ่งที่เรารู้ซึ้งและชัดเจนในใจที่สุดคือ  หากโรงแรมบอกว่าห้องเต็ม  จงตัดใจและไปหาที่อื่นซะ  อย่าตื้อและอย่าดื้อดึง  เพราะเราไม่รู้ว่า  ห้องที่เขาให้เรามา  มันจะ  ว่าง  จริงๆอย่างที่เขาบอกรึเปล่า

     

    End.

    Jelly Fish

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×