ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    - - - Freezing love - - - (woncin )

    ลำดับตอนที่ #4 : - -FL- - 4 100%

    • อัปเดตล่าสุด 12 มี.ค. 53


    - -FL- - 4

     

                    สายเกือบสิบโมงกว่าที่ประธานหนุ่มจะเข้ามาที่ห้องทำงานของตน ทันทีที่มาถึงก็เรียกเลขาที่นั่งอยู่หน้าห้องให้เข้าไปพบโดยไม่ให้เวลาตัวเองพักให้เหนื่อย เพราะอยากจะรู้สิ่งค้างคาใจตั้งแต่เมื่อเย็นวาน

     

                    “เมื่อวานน้องชายคุณที่ผมเจอ ถ้าจำไม่ผิด เขาชื่อ คยูฮยอนใช่ไหม”

     

                    คำถามแรกจากเจ้านายทำให้ร่างบางที่เตรียมรับคำสั่งในยามเช้าถึงกับงุนงง ในเมื่อไม่ใช่เรื่องงานอย่างที่คิดไว้ “เอ่อ...ครับ น้องชายผมชื่อ คยูฮยอน ไม่ทราบว่าทำให้อะไรคุณซีวอนไม่พอใจหรือเปล่าครับ” เพราะความน่ากลัวของคนตรงหน้า ทำให้ฮีชอลคิดไปไกลว่าน้องชายสุดที่รักคงทำอะไรสักอย่างให้ไม่พอใจเป็นแน่

     

                    “เปล่าหรอก เขาไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก ผมแค่สงสัย เขาไม่ใช่ ชเว คยูฮยอนใช่ไหม” ในนาทีแรกที่รู้ว่าสิ่งที่ตนคิดมาทั้งคืนนั้นถูกต้อง แต่ชายหนุ่มกลับไม่รู้สึกยินดีแม้แต่น้อย เป็นเพราะอะไรไม่รู้ แต่เขาไม่อยากให้เด็กหนุ่มที่เจอเมื่อวานมาเป็นน้องของตน

     

                    “ครับ น้องชายผม ชื่อ โจว คยูฮยอน ไม่ใช่ ชเว คยูฮยอน” ฮีชอลโล่งอกที่รู้ว่าน้องชายไม่ได้ทำอะไรให้เจ้านายหนุ่มไม่พอใจ ตอนนี้จึงได้แต่แปลกใจที่จู่ๆ คนอย่าง ชเว ซีวอนจะมาสนใจคนธรรมดาอย่างน้องชายตนเอง ทั้งๆที่แม้แต่คนที่เคยบอกรักยังจำไม่ได้

     

                    “อ้าว! เป็นน้องชายคุณไม่ใช่หรอ ทำไมใช้คนละนามสกุล หรือว่าคนละพ่อ” ซีวอนรู้ว่าคำถามออกจะเป็นการยุ่งเรื่องส่วนตัวมากเกินไป แต่เพราะชื่อที่เหมือนกันมากทำให้เขาสนใจในตัวเด็กชายคนนั้น 

     

                    “พวกเราคนละพ่อ คนละแม่ กันครับ”

     

                    “แล้ว พ่อแม่ของเด็กคนนั้นเป็นใคร” เพราะความแปลกใจและต้องการรู้ความจริง ทำให้คำถามดูเหมือนจะไล่ต้อนให้ได้ในคำตอบที่ต้องการ จนลืมความสุภาพไป

     

                    “ผมไม่ทราบครับ”

     

                    “อะไรกันเป็นที่น้อง แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อแม่ ผมไม่อยากจะรู้ว่าเลขาผมเลี้ยงเด็กหนุ่มไว้หรอกนะ คุณฮีชอล เพราะมันจะเสียชื่อโรงแรม ตกลงคุณกับเด็กคนนั้นเป็นอะไรกัน” ซีวอนเผลอขึ้นเสียงด้วยไม่พอใจที่ถามแล้วไม่ได้คำตอบที่ต้องการ สิ่งที่พูดออกไปจึงรุนแรงตามอารมณ์

     

                    คำถามของเจ้านายทำให้ร่างบางหน้าชา เหมือนถูกตบด้วยแรงมหาศาล  ถึงเขาจะไม่ใช่ผู้ชายปรกติทั่วไปที่ควรชอบผู้หญิง แต่ก็ไม่ใช่คนที่เลี้ยงใครไว้เพื่อเรื่องแบบนั้น เขาไม่รู้เลยว่าอะไรทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าคิดไปถึงเรื่องแบบนั้น

     

                    “เราเป็นพี่น้องที่โตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วยกันครับ ไม่ใช่อะไรแบบที่คุณกำลังคิดดูถูกผมกับน้อง” เพราะความเสียใจ น้อยใจ ทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับชายหนุ่มอีกเลย เพราะกลัวว่าจะกักเก็บน้ำตาเอาไว้ไม่ได้

     

                    “ผมขอโทษ แต่ว่าคุณไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยหรือไง ชื่อพ่อ หรือแม่ หรืออะไรพวกนั้นหน่ะ” ถีงแม้จะเกิดมาอยู่เหนือใคร แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้มีนิสัยชอบดูถูกใคร แต่ไม่รู้ว่าทำไมท่าทีของเลขาเขา ทำให้นึกไปถึงเรื่องแบบนั้น จนเผลอหลุดปากออกไป  คงเป็นเพราะรูปร่างที่ดูบอบบาง และแววตาของน้องที่ดูจะรักและปกป้องพี่ชายจนเกินความจริง

     

                    “เท่าที่ผมเคยทราบจากแม่ครู เหมือนว่าแม่ของคยูฮยอนจะนามสกุล โจว แต่ก็ไม่มีใครทราบว่าชื่ออะไร ส่วน พ่อ ก่อนที่แม่ของเขาจะเสียก็ไม่ได้บอกใครไว้” ร่างบางเสียงอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียงพยายามนึกเท่าที่รู้แต่ก็ยังคงแปลกใจไม่หาย

     

                    “แล้วน้องคุณเขาไม่เคยถามหรือไง เรื่องของพ่อตัวเองแท้ๆ กลับไม่สนใจจะรู้” อารมณ์กรุ่นๆเริ่มกลับมาอีกครั้ง ในใจสงสารพ่อที่เสียไป พ่อคงจะเสียใจและน้อยใจหากรู้ว่าลูกชายอีกคนก็ไม่สนใจที่จะรู้ว่าพ่อของตัวเองเป็นใคร

     

                    “แม่ของคยูฮยอนเสียระหว่างที่คลอดครับ ถึงน้องชายผมอยากทราบก็คงถามไม่ได้” ร่างบางแก้ตัวแทนน้องชายที่กำลังถูกว่าทั้งที่ไม่ผิด ใครจะไม่อยากรู้ว่าพ่อแม่ของตัวเองเป็นใคร

     

                    “....”

     

                    “ไม่ทราบว่าคุณซีวอนถามเรื่องของน้องชายผมทำไมครับ” ฮีชอลทำใจกล้าลองถามเจ้านายหนุ่ม ในใจก็ไม่หวังคำตอบ แต่ถ้าได้รู้คำตอบก็คงจะดี

     

                    “พ่อของผมก่อนท่านเสีย ท่านกำลังตามหาลูกชายอีกคนที่เกิดกับผู้หญิงที่ผมเองก็ไม่รู้จัก ผมรู้เยงแค่ว่าเด็กคนนั้นชื่อ คยูฮยอน อายุก็ประมาณน้องชายของคุณ เขาเป็นน้องชายที่ผมไม่รู้จัก แต่ต้องมาตามหา แปลกดีใช่ไหม” ชายหนุ่มยิ้มเยาะให้กับตนเองที่ต้องมาตามหาคนที่ไม่เคยรู้เลยว่ามีตัวตน

     

                    “ไม่หรอกครับ เรื่องแบบนี้มีอยู่เสมอบนโลก แต่ดูคุณเหมือนไม่รู้สึกยินดีที่มีน้องชายอีกคน”

     

                    “ผมจะดีใจหรือเปล่า ไม่ใช่เรื่องที่ต้องบอกเลขา วันนี้จะกลับบ้านให้เข้ามาบอกผมด้วย ผมจะไปหาน้องชายคุณ ออกไปได้แล้ว” ชายหนุ่มไล่เลขาอย่างไม่พอใจ ด้วยรู้สึกว่ากำลังถูกก้าวล่วงเข้าสู่ความรู้สึกส่วนตัวที่เขาไม่ชอบให้ใครเข้ามานอกจากคนที่หญิงสาวที่เขารัก

     

                    ร่างบางเดินออกมาจากห้องพร้อมน้ำตาที่เริ่มกั้นไว้ไม่ได้ จึงเร่งฝีเท้าให้พ้นจากห้องทำงานที่แสนหนาวเหมือนใจของเจ้าของห้องที่แสนเย็นชา

     

    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

                    ห้าโมงเย็นเวลาเลิกงานของพนักงานทั่วไป เช่นเดียวกับร่างบางที่วันนี้ต้องเผชิญกับพายุอารมณ์เจ้านายทั้งวัน แทบอยากจะโทรเรียกหญิงสาวมาสยบพายุนี้ แต่ก็รู้ดีว่าถ้ายุนอามาจริงๆ ถึงแม้บรรยากาศจะดีขึ้น แต่ก็คงไม่พ้นต้องทนช้ำใจอยู่ดี สู้เจอกับอารมณ์ร้อนๆแบบนี้ดีกว่า

     

                    ร่างบางเคยนั่งฝันถึงวันที่ซีวอนจะหันมารัก และอารมณ์ดีเมื่อมีตนอยู่ข้างๆ แต่วันแบบนั้นก็คงไม่มีจริง ผู้ชายอย่างซีวอนหรือ จะมองคนอย่างฮีชอล...มันคงเป็นได้แค่ความฝัน

     

                    “คุณซีวอนครับ ผมจะกลับบ้านแล้ว จะให้รอหรือเปล่าครับ” มือบางกดอินเตอร์คอมบนโต๊ะตนเอง ถามเข้านายที่อยู่ในห้องอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ บางทีอาจจะเปลี่ยนใจไม่ตามหาแล้วก็ได้

     

                    “รอผมห้านาทีเดี๋ยวออกไป” เสียงห้วนๆ ดังออกมาจากอินเตอร์คอมเครื่องเล็ก ทำให้ร่างบางต้องหนักใจ รู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์ว่าต่อจากนี้ชีวิตคงต้องวุ่นวาย และวนเวียนอยู่บนความทุกข์

     

                    ฮีชอลได้แต่ยึกว่า ถ้าคนที่เจ้านายหนุ่มตามหาเป็นน้องชายเขาจริงๆ อะไรจะเกิดขึ้น ที่แน่ๆ คยูฮยอนจะต้องไม่ยินดีกับเองนี้แน่ๆ...ถึงแม้จะไม่เคยมีพ่อและแม่ แต่เด็กทุกคนก็มีครอบครัว มีพี่ มีน้อง มีแม่ครู และไม่เคยต้องการใครอื่นอีกเลย...เฮ้อ!! 

     

                    ร่างบางใช้เวลาคิดไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งเสียงเปิดประตูห้องพร้อมทั้งเสียงของชายหนุ่มที่ดังขึ้นจากข้างหลัง “ไปได้หรือยัง”

     

                    “ครับ”  ฮีชอลเดินตามร่างสูงโปร่งของเจ้านายไป อยากให้มีสักวันที่จะเดินเคียงคู่กันไป เดินจับมือ มอบความอบอุ่นให้แก่กัน อยากไปยืนแทนที่ของน้องรหัส...สักครั้งก็คงจะดี

     

    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

                    บรรยากาศภายในรถเต็มไปด้วยความอึดอัด ด้วยคนหนึ่งไม่คิดจะพูดอะไร ส่วนอีกคนก็ไม่รุ้ว่าควรจะพูดเรื่องอะไร ทั้งรถจึงตกอยู่ในความเงียบ สุดท้ายแล้วร่างบางก็เป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนาด้วยสิ่งที่ค้างคา “ถ้าเกิดน้องชายผมไม่ใช่คยูฮยอนคนที่คุณตามหา คุณจะทำยังไงต่อไปครับ”

     

                    “ผมก็คงตามหาไปเรื่อยๆ บางทีถ้าน้องคุณไม่ใช่ คุณก็อาจก็ต้องชวยผมตามหา ติดต่อกับพวกนักสืบ”  ชายหนุ่มตอบไปเรื่อยๆ ใบหน้าไม่ได้หันมองคนนั่งข้างๆเลย ดวงตาคมยังคงจับจ้องถนนที่เต็มไปด้วยรถ

     

                    “แล้วคุณจะรู้ได้ยังไงว่าใครเป็นน้องชายของคุณ”

     

                    “ผมจะให้ตรวจDNA เพราะผมเองก็ไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน อย่าว่าแต่เห็นหน้า ผมไม่เคยรับรู้แม้แต่การมีตัวตนของเขาด้วยซ้ำไป” หลังจบประโยตนี้ ทั้งรถก็กลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง

     

                    ร่างบางนั่งเงียบหันหน้าไปทางหน้าต่าง มองท้องถนนที่มีรถมากมายวิ่งขวักไขว้ แต่ในใจกลับคิดไปถึงความตั้งใจของชายหนุ่มที่จะหาน้องชายอีกคนให้เจอ ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่อยากเจอสักเท่าไหร่ แต่ที่ทำก็เพราะความตั้งใจของพ่อที่เสียไป ถ้าเป็นแบบนี้ใครน่าสงสารกว่า

     

                    น้องชายที่หายสาบสูญไป....เพราะพี่ชายไม่ต้องการ

     

                    หรือชายหนุ่มที่นั่ง...เพราะต้องฝืนใจในสิ่งที่ไม่ยอมรับ

     

                    เพราะมัวแต่คิดอะไรไปเรื่อยๆ ทำให้ร่างบางต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงตะโกนข้างๆหู ก่อนจะหันไป พบกับรอยยิ้มแรกที่เขาได้เห็นจากชายหนุ่ม ลักยิ้มเล็กๆ มันทำให้รอยยิ้มนี้ดูอ่อนโยน และอบอุ่น เป็นอีกด้านที่ฮีชอลไม่เคยเห็น และไม่เคยได้รับจากชายหนุ่มเลย

     

                    “ฮ่าๆๆ  คุณตกใจขนาดนี้เลยหรือไง แค่ผมถามว่า น้องชายคุณนิสัยเป็นยังไงบ้าง สงสัยผมจะเรียกเสียงดังเกินไป ขอโทษหล่ะกันครับ” เพราะท่าทางที่ดูเป็นธรรมชาติของเลขาที่ไม่ต้องนิ่งเกร็งแบบเวลางานทำให้ชายหนุ่มเกิดนึกชอบท่าทางแบบนี้จนเผลอหัวเราะออกมาเสียงดัง “ผมไม่ได้หัวเราะคุณนะ” ชายหนุ่มรีบออกตัวก่อนที่ร่างบางจะนึกว่าเขาเสียมารยาท

     

                    “เอ่อ..ครับ” ร่างบางใบหน้าขึ้นสีด้วยความอายที่เผลอทำอะไรตลกๆออกมา แต่ก็ดีใจที่ได้รับทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่มีเสน่ห์แบบนี้ จนอยากจะเป็นเจ้าของทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะและหัวใจ ของผู้ชายคนนี้ตลอดไป “เมื่อกี้คุณถามใช่ไหมครับว่าน้องชายผมเป็นยังไง”

     

                    “ใช่ คุณลองบอกหน่อยสิ เผื่อผมจะได้ทำใจ ว่าบางทีอาจต้องเจอกับเด็กชายจิตป่วน หรือว่ามีน้องเป็นอัจฉริยะระดับโลก” เวลาอารมณ์ของซีวอนมันทำให้เจ้าตัวมีคำพูดเล่นๆ เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด เพียงแต่ว่า อารมณ์แบบนี้มันไม่ค่อยได้เกิดขึ้นสักเท่าไหร่

     

                    “ไม่หรอกครับ คยูฮยอนก็เหมือนเด็กผู้ชายทั่วไป ชอบเล่นดนตรี เกม แต่ไอ้อันหลังเนี้ยออกจะหนักอยู่สักหน่อย แล้วก็ไม่ค่อยชอบเที่ยวสักเท่าไหร่ เพราะพวกเราทุกคนก็รู้ว่า แม่ครูลำบากแค่ไหน พวกเราพี่ๆน้องๆ ก็เลยค่อนข้างต้องประหยัดเงิน อย่างเมื่อก่อน ตอนที่ผมยังเรียนอยู่ แม่ครูก็ต้องหาเงินมาคนเดียว แต่ตอนนี้ดีขึ้นหน่อย ผมหาเงินได้ แล้วอีกหน่อยพอเจ้าตัวแสบเรียนจบก็คงช่วยกันหาเงินได้อีกแรง แค่นี้ก็น่าจะดีขึ้น”

     

                    รอยยิ้มใสๆของคนพูดทำให้ชายหนุ่มสามารถซึมซับความรู้สึกดีๆได้ “ดูที่คุณพูดไม่ให้ความรู้สึกของบ้านเด็กกำพร้าเลยนะ”

     

                    “ครับ พวกเราอยู่กันแค่สิบคนเท่านั้นเอง แล้วก็อยุ่กันแบบเป็นครอบครัว มีแม่ครูเป็นศูนย์กลางของทุกชีวิต มีความสุขดีครับ”

     

                    “นั่นสิ ผมฟังก็อบอุ่นดีนะ อบอุ่นกว่าผมที่อยู่กับพ่อมาทั้งชีวิต แต่พ่อไม่เคยมีเวลาให้ผมเลย” ความอบอุ่นที่ชายหนุ่มไม่เคยได้รับจากผู้เป็นพ่อ ทำให้ความรักที่ได้จากคนรักที่แสนอ่อนโยนอย่างยุนอาเป็นสิ่งสำคัญที่หล่อเลี้ยงให้ดำเนินชีวิตมาได้ “แต่ผมก็ยังโชคดีนะที่มียุนอา ความรักของเธอทำให้ผมมีทุกวันนี้ได้”

     

                    รอยยิ้มบางๆบนใบหน้าหวานกลับกลายเป็นยิ้มเศร้า ทึ่สุกท้ายแล้ว ยุนอาก็ยังคงเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของชายหนุ่ม คงไม่มีเวลาหรือนาทีใด ที่ยุนอาจะไม่ครอบครองความคิดถึงของ๙วอนเลย “บางที น้องชายที่คุณกำลังตามหาอยู่ อาจเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณต้องการทดแทนให้ก็ได้นะครับ อย่างน้อยคุณก็ยังไม่ได้อยู่เพียงลำพัง แต่ยังมีคนในครอบครัว อีกหนึ่งคนที่จะอยู่กับคุณ”

     

                    “ผมก็ขอให้เป็นแบบที่คุณว่า” 

     

    บรรยากาศภายในรถไม่ได้ดูอึกอัดอีกเลยเมื่อคนสองคน ต่างก็พูดคุยเรื่องราวต่างที่พอจะนึกออก สำหรับชายหนุ่มมันเหมือนเป็นการลดช่องว่างระหว่าง เจ้านายและลูกน้อง...แต่สำหรับร่างบางมันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข ที่ได้เข้าใกล้คนที่รัก แม้เพียงเล็กน้อยก็พอ

     

    รถคันหรูจอดนิ่งสนิทหน้าบ้านหลังไม่ใหญ่ แต่ก็มีที่กว้างพอให้คนหลายคนอยู่อาศัยสนามหญ้าหน้าบ้านเต็มไปด้วยเด็กเล็กวันกำลังโต ห้าหกคน วิ่งเล่นไปมาอย่างสนุกสนาม ไม่สนใจรถแปลกตาที่มาจอด ผิดกับหญิงวัยกลางคนที่มองมาที่รถอย่างนึกสงสัย แต่แล้วความสงสัยก็หมดไปเมื่อเห็นร่างบางที่ตเลี้ยงมาลงมาจากรถคันนั้น “ฮีชอล รถหน่ะลูก”

     

                    “รถเจ้านายผมครับ” ร่างบางก้าวลงมาหาแม่ครูก่อนจะไหว้ อย่างที่เคยทำตั้งแต่เด็ก รอให้ชายหนุ่มลงมาจากรถ แล้วจึงเอ่ยแนะนำ “คุณ ชเว ซีวอน ครับ เป็นเจ้านายของผม คุณซีวอน ครับ นี้แม่ครูกาอินครับ”

     

                    ชายหนุ่มโค้งศีรษะให้อย่างเคารพ “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่า คยูฮยอนอยู่หรือเปล่าครับ”

     

                    คำถามตรงๆ ไม่มีอ้อมค้อม หรือเกริ่นนำ สร้างความแปลกใจให้แก่คนถูกถาม จนใบหน้าที่มีริ้วรอยบ่งบอกวันที่ล่วงโรย แสดงความแปลกใจ ส่งสายตาให้ชายหนุ่มร่างโปร่งที่ตนเลี้ยงมาอธิบายให้เข้าใจ

     

                    “คือว่า คุณซีวอนสงสัยหน่ะครับ ว่าเจ้าคยูฮยอนของเรา อาจเป็นน้องชายของเขา ก็เลยอยากจะคุยกับเจ้าตัวแสบหน่ะครับแม่ครู” ฮีชอลขยายาความเข้าใจให้แก่แม่ครู

     

                    “อ้อ คยูฮยอนยังไม่กลับมาหรอกคะ แต่ว่าถ้าคุณอยากจะถามหรือคุยอะไรกับเขา ดิฉันว่าคงจะไม่ได้อะไรเพิ่ม เพราะคยูฮยอนเองก็ไม่เคยเจอหน้า พ่อ หรือแม่ เหมือนกัน ครอบครัวของเขามีเพียงแต่ที่นี้เท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นๆก็ไม่มีใครรู้อะไรอีก คุณน่าจะหาผิดแล้วหล่ะคะ”

     

                    “แต่ผมว่าอาจจะไม่ผิดก็ได้ครับ ถ้าไม่รบกวนเกินไป ผมอยู่เจอเขาได้ไหมครับ อย่าให้ผมรู้สึกว่าผมกำลังถูกพวกกีดกันเลยนะครับ” น้ำเสียงสุภาพแต่ก็แฝงไว้ด้วยความกระด้างบวกกับแววตานิ่ง ทำให้แม่ครูผู้ผ่านอะไรมามากมายได้แต่ยิ้มน้อย

     

                    “ฉันไม่ได้กีดกันอะไรคุณหรอกนะคะ เพียงแต่ว่าคยูฮยอนเองก็ไม่เคยรู้เรื่องของตัวเองเหมือนกัน คงให้คำตอบไม่ได้ว่าเป็นน้องชายที่คุณตามหาหรือเปล่า แล้วฉันก็คิดว่า ถ้าให้คุณซึ่งเป็นคนแปลกหน้า พูดเรื่องที่ละเอียดอ่อนแบบนี้ มันก็คงไม่ดีทั้งตัวคยูฮยอนเองและคุณเอง ฉันเลี้ยงเขามา ฉันรู้นิสัยของเขาดีคะ ว่าถ้าคุณไปพูดเรื่องนี้ เขาจะต่อต้านคุณจนถึงที่สุด อะไรที่เขารู้สึกว่ามันฝืนใจ และเป็นการบังคับ คยูฮยอนจะไม่ยอมรับ แต่ถ้าเป็นสิ่งที่เขาอยากทำ เขาจะทำจนถึงที่สุด ทางที่ดีวันนี้คุณกลับไปก่อนดีกว่าคะ แล้วฉันกับฮีชอลจะพูดเรื่องนี้กับเขาเอง”   

     

                    “ แล้วพวกคุณจะพูดกับเขาเมื่อไหร่ หรือจะแกล้งทำเป็นลืมเรื่องนี้ไป” ชายหนุ่มแปลกใจในท่าทีของหญิงตรงหน้า หากแต่ก็ยังคงไม่แน่ใจว่า จะได้รับการช่วยเหลือจริงๆ แม้จะรู้ว่าการพูดคุยกับคยูฮยอนด้วยตัวเองวันนี้คงไม่ได้ผลที่ดีสักเท่าไหร่

     

                    “พรุ่งนี้คุณจะได้พูดเรื่องนี้กับเขาด้วยตัวเอง แต่สำหรับวันนี้ ฉันขอพูดกับเขาเอง ตกลงไหมคะ” กาอินส่งรอยยิ้มแสนอ่อนโยนและเป็นมิตรมาให้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ชายหนุ่ม

     

                    รอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนทำให้ซีวอนนึกไปถึงแม่ ที่เสียไป ตอนนี้ได้แต่นึกอิจฉาคนที่อยู่ที่นี้ ที่ได้รับความรักอันอแสนอบอุ่น จากหญิงตรงหน้า “ก็ได้ครับ แล้ววันพรุ่งนี้ผมจักลับมาอีกครั้ง ขอบคุณมากนะครับ” ชายหนุ่มค้างศีรษะให้แก่หญิงตรงหน้าอีกครั้งก่อนจะหันหลังกลับไปขึ้นรถ โยไม่บอกลาอีกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นเลย

     

                    “เฮ้อ เจ้านายฮีชอลนี้เอาแต่ใจตัวเองจังเลย แล้วยังดุไม่ไว้ใจเลยสักคน” กาอินหันมาโอบกอดร่างบางก่อนจะพากันเดินเข้าไปในตัวบ้าน ตามเด็กตัวเล็กตัวน้อย ที่ได้เวลากินข้าว

     

                    “งี้แหล่ะ เด็กขาดความอบอุ่น แต่เผอิญว่าที่บ้านรวย”

     

                    “นั่นสิ น่าสงสารจัง ถ้าเจ้าคยูฮยอนโตในที่แบบนั้นจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้เนอะ”

     

                    “จะแย่ยิ่งกว่านี้อีกครับ ผมมั่นใจ แค่นี้ก็เอาแต่ใจตัวเองที่สุดแล้ว” แม้คำพูดจะบอกว่าเหนื่อยใจกับน้องชายคนนี้ แต่แววตาที่มองไปไกลก็ทำให้ผู้ใหญ่ที่ผ่านอะไรมาเยอะ มองออกถึงความรู้สึกภายใน

     

                    “เฮ้อ! แต่ถ้าเป็นน้องเขาจริงๆเราก็คงต้องให้คยูฮยอนไปอยุ่กับเขานะฮีชอล เพราะดูท่าเขาจะไม่มีใคร แล้วนี้เป็นครอบครัวคนสุดท้ายของเขาไม่ใช่หรอ เราไม่ควรแยกครอบครัวใครเขานะ”

     

                    รอยยิ้มอ่อนโยนที่แม่ครูมีให้กับทุกคนเสมอมาทำให้ร่างบางยิ้มกว้าง โอบกอดรอบเอวบาง “ครับท่านแม่”

     

    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

                    สามทุ่มกว่าเวลาที่เด็กเล็กทั้งหมดถูกพาไปเข้านอนโดยมีพี่ชายหน้าหวานที่ใจดีบ้าง ใจร้ายบ้างตามแต่อารมณ์ ในขณะที่แม่ครูได้แต่นั่งรอให้เจ้าตัวแสบของบ้านกลับมา เพื่อคุยเรื่องสำคัญ

     

                    “โอ้ย เหนื่อยๆๆๆ  แม่ครูคร้าบ คยูฮยอนกลับมาแล้วคร้าบบบบบบบ”เสียงร้องโอดครวญดังขึ้นมาจากประตูบ้าน ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้ามาในบ้าน และทันทีที่เข้ามาในบ้าน ร่างสูงก็ล้มลงตัวลงนอนบนโซฟาแคบ หนุนตักนุ่มของแม่ครูทันที

     

                    “ไปไหนมา กลับซะมืดค่ำเชียวคยูฮยอน น้องๆรอให้พี่คยูไปอ่านนิทานให้ฟัง จนฮีชอลต้องเข้าไปจัดการเองเลยนะ” มือเล็บบางลูบกลุ่มผมหนาด้วยความอาทร

     

                    “โอะงั้นก็แย่สิครับ ป่านนี้เด็กๆโดนพี่เลี้ยงใจร้ายฆ่าตายหมดแล้วแน่ๆ แย่จัง”

     

                    “ไปแหย่พี่เขาอีก ไปไหนมา ยังไม่ได้บอกแม่ครูเลยนะ”

     

                    “ไปซ้อมดนตรีหน่ะครับ เหนื่อยจังเลย แต่ยังดีกลับมาบ้านมีตักนุ่มๆให้หนุน” ดวงตารีที่ส่อเค้าความเจ้าเล่ห์หลับตาลงเหมือนเด็กน้อยที่น่ารัก

     

                    “ นี้คยูฮยอนแม่ครูมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง ตั้งใจฟังแล้วช่วยแม่ครูคิดหน่อยสิ” กาอินก้มมองใบหน้าใสของเด็กหนุ่มที่ตอนนี้หลับตาพริ้ม พร้อมรอยยิ้ม

     

                    “ครับ ผมจะใช้สมองน้อยๆช่วยคิดนะนะครับ ฮ้าว  ง่วงจัง”

     

                    “อย่าพึ่งหลับนะ วันนี้มีคนมาหาแม่ครู บอกว่าเขาเป็นพี่ชายของเด็กที่นี้ อยากจะคุยกับน้องของเขา เพราะว่าเด็กคนนี้เป็นญาติคนสุดท้ายของเขา คยูฮยอนว่าแม่ครูควรทำยังไงดีจ๊ะ”

     

                    “ก็ให้เขาได้คุยสิครับ ยังไงมันก็เป็นเรื่องของเขา เราเองก็ใช่ว่าจะตัดสินใจแทนเด็กได้ทุกเรื่อนี้นา ว่าแต่เขามาใครครับ” ดวงตารี ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง รับฟังว่านี้เป็นข่าวดีของน้องคนไหน

     

                    “เขาชื่อ ชเว ซีวอนจ๊ะ เจ้านายของพี่ชายเราอ่ะแหล่ะ” ใบหน้าหวานยังคงยิ้มอย่างอ่อนหวาน มือบางจับใบหน้าคมเอาไว้

     

                    “เอ๋ ชเว อย่าบอกนะครับว่าเป็น ชเว ซึงรี เจ้าเด็กยักษ์จะมีพี่ชายเป็น ชเว ซีวอนเนี้ยนะครับ โอโห้ อะไรจะโชคดีขนาดนั้น หมอนั่นรวยมากเลยนะครับแม่ครู แต่นิสัยแย่” คยูฮยอนพูดออกไปตามที่เห็นและความรู้สึกส่วนตัวที่ไม่ชอบผู้ชายที่ทำให้พี่เจ็บ แต่ก็อดยินดีกับน้องชายที่ตัวโตกว่าใครเพื่อนไม่ได้

     

                    “นั่นสิ โชตดีนะ แต่เขาไม่ได้มาหาท๊อปหรอก เขามาหาเด็กที่ชื่อ โจว คยูฮยอน ตะหาก”  มือบางจับไหล่ชายหนุ่มเอาไว้แน่นไม่ยอมให้ลุกไปไหน เพราะรู้ดีว่าเด็กน้อยตรงหน้าจะมีพฤติกรรมเช่นไร

     

                    “แม่ครูครับ คงไม่ได้บอกว่าผมเป็นน้องเขาหรอกนะ”              

     

                    “ใช่จ๊ะ คยูฮยอนอาจเป็นน้องของเขา  ครอบครัวสุดท้ายที่เขาเหลืออยู่”

     

                    “ไม่อ่ะ ผมไม่มีพี่ชายแบบนั้น อีกอย่างใครเป็นพ่อเป็นแม่ ผมยังไม่รู้เลย แล้วเขาเป็นใคร อยู่ดีๆมาบอกว่าเป็นพี่ชายผม เขาสติแตกไปแล้วแน่ๆ”

     

                    เสียงดังโวยวายของน้องชายทำให้ร่างบางต้องรีบออกมา “เสียงดังใส่แม่ครูทำไม เขาก็ยังไม่ได้ยืนยันสักหน่อยว่าเราเป็นน้องเขาจริงๆ เขาแค่อยากมาพูดคุย แล้วก็ขอให้ตรวจDNAเท่านั้นเอง อย่าพึ่งคิดอะไรไปไกลสิ อีกอย่างนายไม่สงสารคุณซีวอนหรือไงเขาไม่มีใครแล้วนะ”

     

                    “ไม่อ่ะ ผมไม่พูด ไม่ตรวจอะไรทั้งนั้น จะบ้าหรอ พี่คนไม่รู้จักกัน ผมมีแค่แม่ครู พี่ฮีชอล แล้วก็เด็กๆที่นี้เท่านั้น คนอื่นผมไม่สนหรอกนะ”

     

                    “คยูฮยอนจ๊ะ ลุกยังมีแม่ครู แต่เขาไม่มีใครอีกแล้วนะ ถ้าเป็นลูกจะทำยังไง ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกว่าทั้งโลกใบนี้ไม่มีใครอีกแล้ว ไม่เหลือใครเลยที่จะเป็นพี่เป็นน้อง” เสียงอ่อนโยนของแม่ครุช่วยตะล่อมให้โกดื้ออารมณ์เย็นลง

     

                    “ก็เรื่องของเขาสิครับ เกี่ยวกับผมนี้ โถ่แม่ครูครับอย่ามองผมแบบนั้นสิ” ดวงตาอ่อนโยน แต่ตัดพ้ออยู่ในที ทำให้เด็กดื้ออย่างคยูฮยอนอารมณ์สงบลงได้ “เขายังมีใครอีกตั้งหลายคนที่อยู่ข้างๆนะครับ แล้วยังมีอีกตั้งคน ที่อยากจะอยู่ข้างๆแบบสุดๆอ่ะครับ” ประโยคสุดท้าย ดวงตาคมตวัดมองหน้าพี่ชายยตัวเอง

     

                    “แต่แม่ครูสัญญาไว้กับเขาแล้วนะ ว่าวันพรุ่งนี้จะให้เขาคุยกับลูก อย่าให้คำพูดของแม่ครูเชื่อถือไม่ได้แล้วแต่นะจ๊ะ แม่ครูเคารพการตัดสินใจของคยูฮยอน”

     

                    น้ำเสียงเศร้า กับคำพูดที่บอกว่าได้พูดมัดเกรียติของตนเองไว้กับการกระทำของเขาทำให้ชายหนุ่มได้แต่ฮีดฮัดขัดใจ “ก็ได้ครับ พรุ่งนี้ผมจะคุยกับใคร คนใจร้าย มีแต่คนใจราย ไม่สงสารคยูเลย ไปหาน้องๆดีกว่า” แล้วชายหนุ่มก็ลุกขึ้นไปที่ห้องเด็กน้อยที่กำลังนอนหลับอยู่

     

                    สองคนที่มองตามหลังไปได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก ถึงแม้คยูฮยอนจะไม่พอใจ อต่ก็เชือมั่นได้ว่า พรุ่งนี้ คยูฮยอนจะยอมพบกับซีวอนแน่นอน

     

    To ~ Be ~ Con

     

    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

     

    Talk

                    ครบร้อยแล้วคะ ไวเนอะ อิอิ ความจริงต้องแต่ง อาฟเตอร์ให้เสร็จก่อน แต่ว่า อาฟเตอร์ตอนนี้ ไม่ไหวอ่า ปั่นไป เหมือนวอนเป็นผู้ชายงี่เง่าไงไม่รู้อ่าคะ ก็เลยมาปั่นอันนี้ สุดท้าย สองพี่น้องก็ยังไม่เจอกัน เฮ้อ

                    ตอนนี้มีแอบหวานนิดหน่อยนะคะ เพราะไอซ์กลัวพี่ojsujuจับน้ำร้อนกรอกปากวอน 555

                    ไอซ์จะทำตามคำแนะนำของ พี่ojsujuอย่างเคร่งครัดนะคะ ขอบคุณคะ

                    มีน้องฝากขายของเอสเจคะ เพราะว่าน้องเขาต้องไปต่างประเทศ ถ้าสนใจติดต่อได้ที่ newchan48@hotmail.com คะ

     

            ขอบคุณทุกคอมเม้มท์และทุกกำลังใจนะคะ   

     

     

                   

     

                   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×