ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    美花 ; (mei hua) (woncin)

    ลำดับตอนที่ #3 : 美花 : 第二花 100% (rewrite)

    • อัปเดตล่าสุด 25 พ.ค. 53


    美花:二花

     

                    อ๋องน้อยลงจากเกี้ยวไม่สนใจท่านอ๋องผู้มีใบหน้าบึ้งตึ้งก่อนจะเดินลงส้นกลับเข้าตำหนักได้ยินเสียงแว่วๆไล่หลังว่าวันพรุ่งนี้จะมีคนจากวังหลวงมารับก่อนเที่ยง

     

                    “ไห่ซิน  ไห่ซินอยู่ไหน” ในตำหนักหลังเล็กเสียงเรียกหญิงสาวที่ถูกพามาดังลั่นตำหนักเสียจนหญิงสาวที่นอนพักผ่อนเพื่อรอเวลากลับมาของท่านเจ้าของตำหนักต้องสะดุ้งตื่น

     

                    “คะท่านอ๋อง กลับมาก็ตะโกนเรียกหาไห่ซินเสียงดังลั่นแบบนี้ คงเจอสาวงามลูกขุนนางที่เหมาะสมแล้วคิดขับไล่ไห่ซินใช่ไหมคะ” เสียงหวานๆ เรือนร่างอวบอิ่มในชุดตัวในบางๆบดเบียดเข้ากับชายหนุ่มร่างโปร่งในชุดเต็มยศ

     

                    “ไหนเลยหญิงสาวพวกนั้นจะสู้เจ้าได้กัน แต่ที่ข้าเรียกหาเจ้าเพราะไม่อยากสูญเสียเวลาแม้เพียงเสี้ยววิ พรุ่งนี้ก่อนที่ฟ้าจะสางข้าคงต้องจากอกอิ่ม เรือนกายอันเย้ายวนของเจ้าเข้าไปอยู่ในวัง” คำพูดตามวิสัยชายไม่ต้องอาศัยความจริงใจ กับหญิงสาวด้อยค่า ริมฝีปากวนไล้ตามผิวขาวเนียน นิ้วเรียวปลดชุดตัวในของหญิงสาวออก ไม่สนว่าที่ตรงนี้ไม่ใช่ห้องนอน หวังตักตวงความสุขสุดท้ายามค่ำคืนก่อนเข้าสู่สถานกักกันชั้นสูง

     

               * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

                     เวลาเกือบเที่ยงตรงร่างสูงโปร่งพร้อมด้วยทหารองค์รักษ์ฮ่องเต้หนึ่งนายเดินเข้าสู่พระราชฐานส่วนพระองค์ผ่านเหล่าตำหนักต่างที่มีสาวน้อยสาวใหญ่เยี่ยมหน้าออกมามองอ๋องน้อยปลายแถวผู้ขึ้นชื่อเรื่องหญิงสาว

     

    “ทำไมต้องเดินมา ข้าขี่ม้าไม่ได้หรือไง แต่ละที่ก็ห่างกันอยู่มาก หรือจะหาเกี้ยวให้ข้านั่งสักหน่อยก็ยังดี” เสียงบ่นที่ไร้การตอบสนอง ทำให้อ๋องน้อยไม่พอใจ “นี้ข้าพูดกับเจ้า ข้าเป็นอ๋องน้อยแห่งวังทู่หลง ไปหาเกี้ยวให้ข้าเดี๋ยวนี้”

     

                    “ถึงท่านจะเป็นอ๋องแห่งวังไหน  แต่ที่นี้ท่านเข้ามาในฐานะคนธรรมดาที่ต้องรับใช้องค์ฮ่องเต้ แล้วม้าท่านจะต้องได้รับอนุญาตจากองค์ฮ่องเต้เท่านั้น ส่วนเกี้ยวไว้ข้าจะหาให้ท่านคราวหน้า ส่วนตอนนี้ รออยู่นี้ก่อน ข้าจะเข้าไปทูลองค์ฮ่องเต้”

     

                    ร่างโปรง ยืนรออยู่หน้าตำหนักส่วนพระองค์เพียงลำพัง มองซ้ายมองขวา เห็นนางกำนัลหน้าตาดีมากมายเดินผ่านไป ก็ยิ่งมีกำลังใจมากขึ้นอย่างน้อยๆก็มีผู้หญิงสวยๆให้มองได้บ้าง

     

                    “ท่านอ๋อง ฮ่องเต้ให้มาเชิญเข้าไปด้านใน” องค์รักษ์เดินออกมารับอ๋องน้อยให้ตามเข้าไปในตำหนักใหญ่ ก่อนจะพาเข้าไปในห้องทรงอักษรที่ฮ่องเต้ประทับอยู่

     

                    “ดูจากท่าทางเจ้าน่าจะเป็นน้องเราหนึ่งปี อายุขนาดนี้แล้ว ท่านอาได้สอนอะไรเจ้าบ้างหรือยัง” องค์ฮ่องเต้ถามญาติห่างๆอย่างใจดี มองใบหน้าอย่างพิจารณา แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นความเงียบไร้คำตอบใดๆ แม้แต่การพยักหน้าหรือส่ายหน้า

     

                    “ท่านอาคงไม่ได้สอนอะไรเจ้าเลยสินะ ถ้างั้นเราจะสอนเจ้าเอง ให้มาเป็นต้นห้องคอยดูแลชีวิตและการเป็นอยู่ของเรา เราจะได้สอนงานให้เจ้าด้วย ดีไหม” ยังคงมีรอยยิ้มบนพระพักตร์ แต่พระเนตรเริ่มนิ่งเฉย มีเพียงคนสนิทที่สังเกตุได้ว่าฮ่องเต้เริ่มไม่พอพระทัย

     

                    “ข้าบอกว่าไม่ดีได้ไหม ข้าบอกว่าไม่ทำได้ไหม แล้วจะถามทำไม”

     

                    “เจ้า” เสียงองค์รักษ์หนุ่มไม่พอใจที่อ๋องปลายชั้นไม่ใช้คำราชาศัพท์กับองค์เหนือหัว ทั้งยังกล่าววาจาที่ไม่สมควร

     

                    “อย่าเลยซึงฮยอน ฮีชอลเป็นน้องเราไม่เป็นอะไรหรอก ที่ถามมาก็ดีแล้ว ใช่ เราไม่ให้เจ้าเลือก นี้คือคำสั่งเจ้าต้องมาเป็นต้นห้องให้เรา”

     

                    “รับด้วยเกล้า” ฮีชอลผู้ต่อไปนี้ต้องกลายเป็นต้นห้องรับคำสั่งอย่างเบื่อหน่ายจากที่เคยสั่งให้คนอื่นทำให้ตลอดเวลากลายเป็นว่าต้องมารับใช้ผู้อื่น

     

                    “ออกไปได้แล้ว ข้างหน้าจะมีคนมาพาเจ้าไปที่ห้อง แล้วขาดเหลืออะไรก็บอกให้คนมาจัดการให้”

     

                    “พระองค์ให้คนไม่เอาไหนแบบนั้นมาเป็นต้นห้องจะดีหรือพ่ะย่ะคะ” องค์รักษ์ประจำพระองค์ท้วงทันทีเมื่อลับหลังต้นห้องคนใหม่ 

     

                    “เจ้าไม่เคยได้ยินหรืออย่างไรว่า ให้เก็บมิตรสหายไวไกลตัวแต่ให้เก็บศัตรูไว้ใกล้ชิด เราจะหาทางจับผิดแล้วไล่สองพ่อลูกนี้ออกห่างจากประชาชน เพราะถ้าปล่อยไว้ ก็คงกดขี่ข่มเหงชาวบ้านไม่เลิก แต่ถ้าจะให้ไล่ออกจากเมืองหลวงโดยไม่มีสาเหตุก็กระไรอยู่ อย่างน้อยปาหยางอ๋องก็เป็นอาของเรา” องค์ฮ่องเต้รับสั่งอธิบายสิ่งที่คิดไว้

     

                    “กระหม่อมตื้นเขินกว่าจะเข้าใจ ต่อไปนี้จะหาทางจับผิดท่านอ๋อง ทุกก้าวย่าง”

     

                    “ดีแล้ว แต่อย่าให้รู้ตัว เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าเราหาทางกลั่นแกล้ง แล้วจะไม่ดี”

     

                    “กระหม่อม” องค์รักษ์ร่างหนาเดินออกไปจากห้องทรงอักษร ค่อยๆแอบตามอ๋องน้อยที่พึ่งเข้าวังไปอย่างจับผิด ปล่อยให้องค์ฮ่องเต้ทรงอยู่เพียงลำพัง

     

                    เราจะทำยังไงกับเจ้าดีนะฮีชอล ถึงจะไม่เป็นการโหดร้ายเกินไปสำหรับท่านอาและเจ้า

                   

              * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

                     วันแรกที่อ๋องน้อยต้องเปลี่ยนมาเป็นต้นห้องของฮ่องเต้ มันเหมือนเป็นวันสิ้นอิสระภาพที่เคยมีมาตลอด18ปี ต้องมานั่งเฝ้าใครคนหนึ่งเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยทำ แม้แต่สาวงามก็ไม่เคยต้องทนนั่งเฝ้าแบบนี้

     

                    “เบื่อแล้วหรือฮีชอล” ฮ่องเต้หนุ่มเงยพระพักตร์ขึ้นจากรายงานที่ขุนนางตามหัวเมืองต่างๆส่งมาให้ เห็นต้นห้องคนใหม่นั่งหน้าบู้ ตาปรือๆเหมือนคนจะหลับ

     

                    “อือ เบื่อแล้ว ท่านให้ข้าออกไปข้างนอกบ้างไม่ได้หรือไง นะ” อ๋องน้อยอ้อนวอนขอจากฮ่องเต้เหมือนที่เคยขอกับท่านพ่อได้

     

                    “อยากไปก็ไป แต่ห้ามออกนอกส่วนพระราชฐานของเรา แล้วต้องกลับมาที่นี้ก่อนเวลาที่เราจะออกว่าราชการ เจ้าต้องนั่งฟังข้อราชการด้วยตกลงไหม”

     

                    “ตกลงงั้นข้าไปก่อนนะ” ไม่มีคำราชาศัพท์ ไม่มีคำขอบคุณ แม้แต่นิดก่อนที่จะออกจากห้องทรงอักษร

     

                    อ๋องน้อยแห่งวังทู่หลงมองเขตพระราชฐานส่วนพระองค์ฮ่องเต้ ที่แห่งนี้ไม่มีหญิงสาวสักนางเข้ามาได้ ช่างเป็นที่น่าเบื่อหน่ายยิ่งนัก จะออกไปส่วนอื่นก็ไม่ได้ แต่อย่านึกว่าอ๋องฮีชอลจะยอมสิ้นลายอยู่ในนี้

     

                    “สวัสดีเราเป็นอ๋องน้อยแห่งตำหนักทู่หลง เจ้าชื่ออะไร” ท่านอ๋องเดินตรงเข้าหาหนุ่มน้อยหน้าหวานท่าทาง แช่มช้อย คงเป็นขันทีรับใช้ในเขตนี้

     

                    “เรียนท่านอ๋องข้าชื่อ เฉียนกุ้ย เป็นขันทีประจำห้องสรง” หนุ่ยน้อยที่พึ่งกล่าวพ้นวัยเด็กก้มหน้าเอียงอายท่านอ๋องแห่งตำหนักทู่หลงที่กิตติศัพท์ความเจ้าชู้เลื่องลือไปทั่ว

     

                    “เจ้านี้ช่างน่ารักดีจัง ประจำห้องสรง งั้นก็คงอาบน้ำให้ข้าได้บ้างกระมัง หรืออย่างไร” เรียวนิ้วขาวเกลี่ยไล้ตามผิวหน้าขาว ริมฝีปากแดงอิ่ม ดูน่าลิ้มลองกว่าเด็กหนุ่มจากหอโคมแดง ที่เคยเข้าไปยามเบื่อหน่ายอะไรเดิมๆ

     

                    “ข้ามิทราบ ถ้าหากท่าน....แต่ฮ่องเต้” เฉียนกุ้ยถูกส่งเข้ามาอยู่ในวังแต่เล็ก แม้จะเป็นขันทีหน้าหวานที่หมายปองของเหล่าทหารส่วนพระองค์แต่ก็ไม่เคยมีใครเปิดเผยความในใจ หรือแสดงท่าทางให้ได้ประหม่าเช่นนี้เลย

     

                    “ฮ่องเต้ทำไมเหล่า เจ้ากลัวหรือ อย่ากลัวไปเลย แค่อาบน้ำให้ข้าคงไม่เป็นไร คืนนี้ไปอาบน้ำให้ข้าหน่อยได้ไหมเฉียนกุ้ย” แววตาออดอ้อน ท่าทางขอร้องมีหรือที่ขันทีผู้อ่อนต่อโลกจะตามทัน ได้แต่พยักหน้ารับด้วยใบหน้าแดงชาด

     

                    ทั้งคำพูดและท่าทางของอ๋องน้อยเจ้าสำราญล้วนอยู่ในสายตาของซึงฮยอนองค์รักษ์ประจำพระองค์ฮ่องเต้ “ดี ทำแบบนี้บ่อยๆนะท่านอ๋อง ท่านกับพ่อของท่านจะได้ออกจากเมืองหลวงในเร็ววัน ไม่ต้องอยู่เป็นที่เคืองพระทัยฮ่องเต้นาน”

     

                    คุณชายเจ้าสำราญเดินหาชมสวนงามในเขตต้องห้ามไปเรื่อยๆ ไม่สนใจเวลา ผู้คนที่เดินผ่านมาก็มีเพียงทหารหน้าโหด หรือไม่ก็ขันทีแก่เหี่ยว ไม่มีใครสักคนที่ชวนมองได้เหมือนเฉียนกุ้ย

     

                    “ท่านอ๋อง ฮ่องเต้ทรงเรียกหาท่านนานแล้วนะ ใยจึงมาเดินชมสวนอยู่แถวนี้” เหลียกงกง หัวหน้าขันทีในวังหลวงรีบเดินมาหาอ๋องน้อยที่พึ่งเข้ามาในวัง ก่อนจะจับมือลากๆๆไปยังตำหนักส่วนพระองค์ฮ่องเต้

     

                    “ท่านเหลียงกงกง ลากข้ามาทำไม ฮ่องเต้ให้ข้าไปที่ท้องพระโรงไม่ใช่ที่นี้”

     

                    “ก็ฮ่องเต้ทรงว่าราชการเสร็จแล้วและทรงต้องการจะสรงน้ำ ก่อนจะเสวยมื้อค่ำแล้วก็รอท่านอยู่นี้”

     

                    “อยากสรงน้ำก็ให้เฉียนกุ้ยมาทำเรื่องอะไรข้าต้องไปอาบน้ำให้คนอื่น ขนาดตัวข้าเองยังต้องมีคนมาอาบให้” อ๋องน้อยผู้เคยสบายสะบัดมืออกจากมือเหี่ยวๆ ตั้งท่าจะเดินหนี หากไม่มีสองทหารประจำประตูใช้หอกกั้นทางออก

     

                    “นั้นเมื่อก่อนแต่ตอนนี้ท่านเป็นต้นห้อง ต้องดูแลฝ่าบาททุกเรื่อง ตั้งแต่ทรงตื่นบรรทมจนเข้าบรรทม ตั้งแต่สรงน้ำไปจนถึงเรื่องการเสวย”

     

                    “แต่ข้าไม่ใช่ทาส หรือขันทีที่จะทำอะไรแบบนั้นนะท่านเหลียงกงกง”

     

                    “แต่ท่านต้องทำ ฝ่าบาทรออยู่” หัวหน้าขันที ผลักชายหนุ่มสูงโปร่งที่ยังต้องฝึกอีกมากเข้าไปห้องสรงก่อนจะปิดประตูในทันใด

     

                    “มาแล้วหรือฮีชอล เราให้เจ้ากลับมาเวลาที่เราต้องว่าราชการ ทำไมถึงกลับมาป่านนี้” เสียงทุ่มจากร่างสูงที่นั่งอยู่ในอ่างไม้มีควันลอยขึ้นบางเบา บ่งบอกอุณหภูมิของน้ำในอ่าง

     

                    “ท่านอาบน้ำเองได้ คงไม่ต้องให้ข้าอาบให้ งั้นข้าไปก่อนนะ” ท่านอ๋องผู้เกียจการดูแลใคร รีบหาข้ออ้างออกจากห้องสรง

     

                    “ข้าถามแต่เจ้าไม่ตอบ ข้าสั่งแล้วเจ้าไม่ทำ นี้ก็จะละเลยหน้าที่อีกงั้นสิ น่าเสียดายเป็นถึงอ๋องแห่งวังทู่หลงแต่กลับไม่ได้เรื่องสักอย่าง”

     

            เพราะคำพูดที่รู้สึกได้ว่ากำลังเหยียดหยาม คนที่กำลังละเลยหน้าที่จึงต้องหันกลับมาทำหน้าที่ตามบัญชา อย่างไม่เต็มใจ สองมือขัดหลังฮ่องเต้อย่างแรง

     

                    “วันนี้มีทหารมาแจ้งกับข้าว่าเจ้าพูดคุยกับเฉียนกุ้ยงั้นหรือ” ฮ่องเต้ชวนคุยไปถึงเรื่องที่วันนี้มีคนมาแจ้งให้รู้ว่าต้นห้องเข้ามาวันแรกก็สร้างเรื่องให้แล้ว

     

                    “ข่าวไวดีจัง ใช่เฉียนกุ้ย คนอาบน้ำของท่าน ทำไม? หรือท่านหึง ถ้าเป็นมากกว่าคนอาบน้ำของท่านข้าไม่ยุ่งก็ได้นะ ในวังคงพอเหลือขันทีให้ข้าอีกบ้าง” อ๋องน้อยรีบถามเป็นการใหญ่ ให้แย่งคนของใครเป็นไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นเด็กของฮ่องเต้ คงยากที่จะได้มา

     

                    “ฮึ เจ้าคิดว่าเราเป็นคนเช่นเจ้าหรือไงกัน ข้าแค่สงสารเด็ก ข้าเห็นเฉียนกุ้ยตั้งแต่ที่เขายังเล็ก แล้วถ้าต้องมาเห็นเขาเสียใจเพราะความรักปลอมๆของเจ้าก็คงน่าเศร้า หากเจ้าไม่ได้รักจริงก็ถือว่าเด็กคนนี้ข้าขอหล่ะกัน”

     

                    “ลองฮ่องเต้ซีวอนเป็นคนขอใครจะขัดได้ ข้าจะละเว้นไว้คนก็แล้วกัน ข้าอาบน้ำให้ท่านเสร็จแล้วข้าไปได้แล้วใช่ไหม” ต้นห้องคนใหม่ผู้ไม่รู้หน้าที่ กำลังจะผละออกหากไม่มีเสียงร้องเรียก

     

                    “ยังเจ้าต้องแต่งตัวให้ข้าก่อน” องค์ฮ่องเต้หันมาทางร่างโปรงที่เตี้ยกว่าพระองค์เล็กน้อย พิศหน้าใกล้ ก็บังเกิดรอยยิ้ม “ความจริงหน้าเจ้าก็หวาน รูปร่างก็เล็กไม่คิดว่าจะมีทหารคนใดมาชอบเจ้าแบบที่เจ้าเข้าพูดคุยกับเฉียนกุ้ยบ้างหรือไร”

     

                    สายพระเนตรทอดมองตลอดเรือนร่างที่ชื้นน้ำ ทำให้เสื้อผ้าแนบไปกับลำตัว ส่งผลให้ชายหนุ่มผู้ไม่เคยถูกใครจ้องแบบนี้ได้แต่มองแบบไม่พอใจสักเท่าไหร่ “ท่านมองข้าทำไม

     

                    “เปล่า เราก็แค่สงสัยเจ้าทำบาปกับผู้คนมามาก แล้วเมื่อบาปนั้นตามทันมันจะเป็นเช่นไร”

     

                    “บาปอะไรฝ่าบาท ถึงการที่ข้าไม่จริงจังกับความรัก แต่ก็ใช่ว่าหญิงเหล่านั้นจะจริงใจ แต่งตัวเสร็จแล้วข้ากลับได้หรือยัง”

     

                    “ยัง ท่านเหลียงไม่บอกกับเจ้าหรอกหรือว่าเป็นต้นห้องต้องนอนที่ พื้นหน้าเตียงเราด้วย” องค์ฮ่องเต้ย้อนถาม พร้อมกับมองต้นห้องคนใหม่ที่ดูว่าจะไม่ได้เรื่องสักอย่าง

     

                    “ที่พื้น”

     

                    “ใช่ที่พื้น แล้วเราก็ง่วงแล้ว เจ้าก็ต้องไปดูแลเราได้แล้ว” พระองค์เดินนำต้นห้องคนใหม่ไปยังห้องบรรทม พื้นหน้าเตียงได้จัดที่ไว้พร้อมสำหรับต้นห้องเรียนร้อย ในขณะที่ต้นห้องก็จำใจทิ้งตัวลงนอน

     

                        * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

    Talk

     

                     ครบร้อยแล้วคะ มาอีกหนึ่งตอน อ๋องน้อยก็คิดจะจีบขันทีอีกหนึ่งคน ช่างเป็นคนเจ้าชู้ไม่ค่อยเลือกจริงๆ เฮ้อ คิดแล้วกลุ้ม

                    ที่ว่าจะให้อ๋องน้อยจีบฮ่องเต้ เกิดฮ่องเต้ติดใจหรือใจอ่อน มันจะกลายเป็นซินวอนไปเลยนะคะ ทนได้หรือเปล่า อิอิ  อย่าเครียดคะ อย่าเครียด

                เรื่องนี้ไม่มีคำราชาศัพท์มาให้กังวล แถมอ๋องน้อยก็แทบจะพูดเป็นเพื่อนเล่นกับฮ่องเต้ คงไม่รู้สึกแปลกเท่าไหร่นะคะ

     

    เซี่ยเซี่ยหนี่

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×