ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    - - - Freezing love - - - (woncin )

    ลำดับตอนที่ #2 : - -FL- - 2 100%

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.พ. 53


    - -FL- - 2

     

                    เวลาที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ อาจทำให้ความทรงจำบางอย่างลางเลือนไปกับการเวลา หรือบางทีอาจไม่ต้องพึ่งพาการเวลา บางสิ่งที่ไม่ใส่ใจก็ไม่ถูกบันทึกเอาไว้ให้นึกถึงได้เลย...แต่สำหรับบางคน ต่อให้เกิดการเปลี่ยนอีกสักเท่าไหร่ ต่อให้เวลาผ่านไปนานเท่าใด ...เรื่องราวก็จะยังคงติดแน่นไม่เสื่อมคลาย เฉกเช่นเดียวกับเรื่องราวที่มาพร้อมกับสายฝนของร่างบาง...คิมฮีชอล

     

                    สายฝนที่โปรยปรายทำให้ร่างบางที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างในห้องนอนที่ใช้ร่วมกับคยูฮยอนมองอย่างแสนเศร้า ความทรงจำไหลย้อนกลับไปเมื่อวันที่เป็นนักศึกษา

     

    วันที่ฝนตก

     

    วันที่มีความกล้ามากพอ

     

    วันที่อกหัก

     

    วันนั้นกับวันนี้ ความรู้สึกไม่เคยเปลี่ยนไปเลย รักอย่างไรก็ยังคงรักอยู่อย่างนั้น แม้ว่าวันนี้ เขาจะไม่ใช่นักศึกษาคนเดิม แต่เป็น ฮีชอล พนักงานในบริษัทใหญ่ แล้วก็ตาม

     

    น้ำตาหยดเล็กๆค่อยๆไหลลงมา เมื่อนึกถึงวันเก่าๆ ร่างบางไม่คิดจะเช็ดน้ำตาให้จางหายไป เพราะคนสำคัญที่ทำให้เขาเป็นเขาในวันนี้เคยบอกไว้ว่า ร้องไห้เมื่ออยากร้อง อย่าเก็บความเจ็บเอาไว้ข้างใน

     

    “พี่ฮีชอลร้องไห้ อีกแล้ว” เสียงทุ้มของชายหนุ่มที่เติบโตขึ้นไม่เป็นลิงทโมนเหมือนวันเก่า มองหน้าพี่ชายต่างสายเลือด ก่อนจะเอื้อมมือหนามาเช็คน้ำตาออกให้อย่างเบามือ “ยังคิดถึงเรื่องของซีวอนอยุ่หรอ ฝนตกทีไร ร้องไห้ทุกทีเลย”

     

    “เอาหน่า  ปล่อยห็พี่ร้องเหอะ หรือว่าจะไม่ให้ร้อง” ร่างบางถามน้องชายด้วยรอยยิ้มแสนเศร้า และตาแดงกล่ำ

     

    “ไม่ร้องได้จริงหรอ ผมเห็นนะว่าฝนตกทีไร เป็นต้องร้องไห้ทุกทีเลย อย่าร้องอีกเลยนะ” น้องชายต่างสายเลือดแต่ความสัมพันธ์แสนแน่นแฟ้น นั่งจ้องพี่ชายที่ยอมเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าหวาน

     

    “ไม่ร้องไม่ได้หรอก คยู แม่ครูบอกพี่ไว้ อยากร้องก็ร้องอย่าเก็บไว้ เพราฉะนั้น นายอย่าห้ามเลยนะ” ร่างบางมองน้องชายด้วยดวงตาอ้อนวอน เพราะรู้ดีว่ายังไง คยูฮยอนก็ไม่มีทางขัดใจพี่ชายได้

     

    “โถ่! พี่ฮีชอล มองผมแบบนี้อีกแล้ว ผมเห็นพี่ร้องไห้ทีไรแล้วรู้สึกไม่ดีทุกทีเลย ทำไมนะไอ้คนที่ทำให้พี่ผมร้องไห้เป็นเพื่อนท้องฟ้าไม่มารับรู้บ้าง” คยูฮยอนได้แต่บ่นไปตามเรื่อง สุดท้ายก็ต้องมานั่งมองสายฝนผ่านหน้าต่างเป็นเพื่อนพี่ชาย

     

    “อย่าให้เขารู้หน่ะดีแล้ว ให้เขามีความสุขกับคนที่เขารัก แค่นี้พี่ก็พอใจแล้ว”

     

    “แล้วต้องลงทุนขนาดไปทำงานในบริษัทพ่อเขาเลยหรือไงครับ คุณพี่” คยูฮยอน ย้อนถามพี่ชายด้วยสีหน้าทะเล้น ขับไล่บรรยากาศซึมเศร้าให้หายไป

     

    “มันก็เรื่องของฉันหน่า  เคยได้ยินไหม ไม่เห็นหน้า นาง ได้เห็นหลังคาบ้านก็ยังดี มันก็แบบนั้นอ่ะแหล่ะ ถามมากจริง” ร่างบางแกล้งทำเสียงขุ่นใส่น้องชาย  

     

    “พี่ฮีชอลว่า ถ้าเขาไม่มีพี่ยุนอา เขาจะมารักพี่ไหม” อยู่ดีๆ ชายหนุ่มร่างสูงก็ตั้งคำถามที่แม้แต่ฮีชอลเองก็ไม่เคยคิด มันดูเป็นคำถามที่น่ากลัวหากไม่ได้หลุดออกมาจากสีหน้าที่ยิ้มแย้มของชายหนุ่มในตอนนี้

     

    “จะบ้าหรือไง ถามอะไรแบบนี้ ต่อให้เขาไม่มียุนอาอยู่ข้างๆ เขาก็คงจะยังรักยุนอาแบบนั้นตลอดไป เพราะซีวอนหน่ะเป็นพวกรักใครรักจริง ไม่โลเลหลายใจแบบนายหรอก พ่อคาสโนวา” มือบางบีบจมูกโด่งๆของน้องชายอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้

     

    “ถามเฉยๆ แล้วมาลงที่ผมทำไมเนี้ย เดี๋ยวก็ฟ้องแม่ครูซะเลย เป็นพี่แกล้งน้องอีกแล้ว”  ร่างสูงโปร่งในชุดนักศึกษาของชายหนุ่มทำท่าจะออกจากห้องไปฟ้องแม่ครูจริงๆ หากไม่มีเสียงแหลมเล้กดังมาจากข้างนอกห้อง

     

    “พี่ฮีชอล พี่คยูขา  แม่ครูให้มาเรียกไปทานข้าวคะ” หนูน้อยวัยสี่ขวบที่ฟันหน้าพึ่งหลุดไป ร้องเรียกพี่ชายทั้งสองให้เปิดประตูไปร่วมอาหารเย็นที่แสนอบอุ่น

     

    “คร้าบ  มาเร็วพี่คยูอุ้มหนูไปดีกว่าเนอะ” คยูฮยอนเปิดประตูและอุ้มเด็กน้อยเดินนำหน้าไป หล่อยให้พี่ชายร่างบางเดินรั้งท้าย

     

    ฮีชอลมองแผ่นหลังของน้องชายที่ยืดตรง ร่างสูงในชุดนักศึกษา ที่ถลกแขนเสื้อขึ้น ช่างดูเป็นผู้ใหญ่ จนร่างบางเองอดตกใจไม่ได้...เวลาผ่านไปนานขนาดนี้ จนน้องชายตัวซนกลายเป็นหนุ่มหล่อ แต่เรื่องราวอดีตเขาก็ยังคงไม่สามารถลืมเลือนได้

     

    มันคงต้องใช้เวลาชั่วชีวิต ถึงจะลืมเลือนความรักครั้งนี้ได้

     

    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

     

    เวลาที่ยาวนาน นำพาความรักให้เดินผ่านกาลเวลา จนเมื่อถึง จุดหนึ่ง ที่คนสองคน คิดไว้ว่าไม่อาจอยู่ได้ หากใครสักคนไป  เวลาแบบนั้น ก็สมควรแล้วที่จะตัดสินใจเดินร่วมทางกันไปตลอดกาล

     

    ชายหนุ่มและหญิงสาวที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีขาวบริสุทธิ์ ดูเรียบง่ายสบายๆ แต่ก็คงความงามมของวัยหนุ่มสาว ผู้ที่ความรักกำลังเบ่งบายอยู่ในหัวใจ เบื้องหลังคนทั้งสองเป็นท้องทะเลกว้างสีฟ้าใส ดูไกลสุดลูกหูลูกตา

     

    “เจ้าบ่าวเขยิบเข้าใกล้เจ้าสาวหน่อยครับ” ช่างภาพฝีมือดีที่ถูกจ้างมาเพื่อถ่ายภาพงานแต่งงานของลูกชายบริษัทใหญ่ กำลังบอกให้ว่าที่เจ้าบ่าวและว่าที่เจ้าสาวให้เขยิบแนบชิดกันมากกว่านี้ “อย่างนั้นแหล่ะครับคุณซีวอน”

     

    ชายหนุ่มเจ้าของชื่อ โอบกอดเอวบางของคนรักให้แบนชิดเข้ามา  จมูกโด่งลักลอบสูดดมความหอมบนแก้มเนียนก่อนจะหันมายิ้มอย่างสุขใจให้กับกล้อง  “วันนี้ยุนอาขี้อายจังเลย”

     

    “ก็คนตั้งเยอะตั้งแยะแหน่ะ” หญิงสาวที่ก้มหน้าไม่ยอมสบตากับกล้องที่กำลังลั่นซัตเตอร์ ไปเรื่อยๆ  เพื่อความเป็นธรรมชาติ    “ใครจะเหมือนซีวอนเล่า” ไม่เพียงแค่คำพูด แต่ดอกไม้ในมือมือเรียวฟาดลงบนแขนแกร่ง จนทีมงานที่อยู่บริเวณนั้นอดยิ้มให้กับความน่ารักของทั้งคู่ไม่ได้

     

    “เดี๋ยวผมจะให้คุณซีวอนนั่งคุกเข่าข้างหนึ่ง แบบกำลังขอความรักนะครับมือข้างหนึ่งถือดอกไม้ อีกข้างก็กุมมือคุณยุนอา ส่วนคุณยุนอาก็ถือชายกระโปรงไว้ข้างหนึ่ง นะครับ อย่าให้ละกับทราย ตกลงไหมครับ”

     

    “ได้ครับ” ชายหนุ่มตะโกนตอบเสียงดังก้องหาดทราบที่ไร้ผู้คน ด้วยตรงนี้เป็นหาดส่วนบุคคลของตระกูลชเวที่ใครก็ไม่อาจบุกรุกได้ ถ้าไม่ได้รับอนุญาต  ซีวอนจัดแจตาที่ช่างภาพ ขอแล้วก็ได้ภาพที่ดูสวยงามอ่อนหวาน ของหญิงสาวขี้อาย และชายหนุ่มสุดหล่อสมใจคนถ่ายรูป

     

    “รูปต่อไปผมขอ...”

     

    “ผมว่าพักก่อนดีกว่า ดูหน้ายุนอาคงจะเหนื่อยมากแล้ว” ชายหนุ่มไม่รอให้ช่างภาพได้ถ่ายรูปต่อไป เมื่อหันไปเห็นเหงื่อเม็ดโตบนใบหน้าหญิงสาว

     

    “เอางั้นก็ได้ครับ งั้นก็กันพักก่อนก็ได้” ทันทีที่ได้ยินคำว่า บรรดาทีมงานที่เป็นช่างหน้า ช่างผม ต่างกรูกันเข้มา บรรจงซับหน้าให้ชายหนุ่มร่างสูง มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่เข้ามาแย่งดูแลลูกชายนักธุรกิจใหญ่ไม่ทัน จำใจหันไปซับเหงื่ออย่างรุนแรงบนใบหน้าหญิงสาวที่แสนจะโชคดี

     

    “ผมซับเองดีกว่า” ซีวอนแย่งกระดาษทิชชู่ จากมือทีมงานมาบรรจงซับใบหน้าหวานที่ดูอ่อนแรงอย่างนุ่มนวล แล้วสองมือหนาก็จัดการทรงผมที่โดนลมทะเลตีจนเริ่มยุ่งให้กลับเข้าทรงสวยงาม “ไหวไหมยุนอา  วันนี้พอก่อนไหม”

     

    “ไหวสิ ไม่เป็นไรหรอก” น้ำเสียงนุ่มทุ้มกระซิบถามแนบใบหูเล็ก ทำให้ใบหน้าเล็กแดงจัด  ถึงแม้ว่าสิงที่ชายหนุ่มทำจะเป็นเรื่องปรกติ แต่วันนี้ คนเยอะขนาดนี้ ความเคยชินไม่ลดความอายลงได้เลย

     

    “หน้าแดงขนาดนี้ แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นอะไร” ทั้งๆที่ก็รู้แต่ชายหนุ่มก็ยังอดแกล้งคนรักไม่ได้

     

    “พอเลย ไม่ต้องแกล้งแล้ว ถ่ายรูปต่อดีกว่า  ช่างคะ ถ่ายรูปต่อได้เลยคะ” ร่างบางข่มกลั้นความเขินอาย ดันชายหนุ่มให้ออกห่าง

     

    “เอาหล่ะครับ ตอนนี้แสงกำลังดี  ผมจะให้พวกคุณเดินเล่นบนชายหาดนะครับ คุณซีวอนช่วยจับชายกระโปรงให้คุณยุนอา จะเดินสะดวก ทำตัวตามสบายนะครับ คิดว่ามีอยู่แค่สองคน ไม่ต้องสนใจผม ตกลงนะครับ”  แล้วช่างกล้องก็ปล่อยให้คนทั้งสองเดินไปมาอย่างสบายๆ  ภาพบรรยากาศหวานตอนนี้มีอยู่เต็มกล้อง จนเป็นที่พอใจ “วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็ได้ครับ   แล้วผมจะ ล้างรูปไปให้ดูนะครับ”  

     

    ทีมงานที่เก็บข้าวของออกไปจนหมด เหลือเพียงแค่คู่รักที่กำลังจะเข้าพีธิวิวาห์ในเร็ววันนี้  เดินจูงมือกันริมทะเล หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองแล้ว ช่างภาพตาดี หันมาทันเก็บภาพหวานแบบเซลูเอดที่แสนเป็นธรรมชาติของคนทั้งคู่เป็นรูปสุดท้ายก่อนขึ้นลงไป ทิ้งให้คู่รักอยู่ในโลกส่วนตัวต่อไป        

                                       

                                                            
      (รูปแนวซีลูเอดคะ  ประมาณว่าเห็น ตัวหลักเป็นแค่เงาดำ) 
     



    “อีกไม่นานเราก็แต่งงานกันแล้ว ผมอยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆจัง  คงเป็นผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในโลก” มือบาง ในอุ้มมือใหญ่ ถูกจับขึ้นมาจุมพิต โดยไม่รู้ตัว

     

    ร่างบางได้แต่ยิ้มรับไม่พูดอะไรออกไป เพราะกำลังซึมซับความรักที่ได้รับจากชายหนุ่ม วาดฝันถึงวันที่ลูกผู้หญิงทุกคนจะมีความสุข...วันแต่งงาน กับคนที่รัก

     

    “เราจะมีลูกกันสักสองคน ผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้ชายคนหนึ่ง ผมก็จะเป็นพ่อที่ห่วงลูกสาว ส่วนยุนอาก็จะสอนให้ลูกชายของเราโตมาเป็นสุภาพบุรุษ ครอบครัวเราจะเล็กแต่อบอุ่น”

     

    “ฉันอยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆจังเลยคะ วันที่จะเห็นซีวอนแสนหล่อ วิ่งวุ่นกับเด็กตัวเล็กๆ “  ร่างบางในอ้อมกอดชายหนุ่ม อิงอกหนา ใบหน้ามีรอยยิ้มอย่างแสนสุข

     

    “ผมก็อยากมีวันนั้นเหมือนกัน แล้วผมจะทำให้ยุนอารู้ว่าเลือกคนไม่ผิด” พระอาทิตย์ดวงโตกำลังลาลับของฟ้า ลงไปในท้องทะเลกว้าง หากแต่คนทั้งสอง ก็ยังคงอิ่มอยู่ในความสุข

     

    Rrrrrrrrrrrrrrr

     

    เสียงโทรศัพท์ ในกระเป๋ากางเกงของร่างสูงดังขัดบรรยากาศที่แสนเงียบสงบ จนเจ้าของแอบไม่พอใจเล็กๆ กรอกเสียงห้วนลงไป ไม่ทันได้มองเบอร์ที่โทรเข้ามา “สวัสดีครับ ซีวอนครับ”

     

    “คุณซีวอนครับ รีบมาที่โรงพยาบาลด่วนเลยนะคับ ท่านประธานรถคว่ำ ตอนนี้อยู่ในห้องผ่าตัดครับ”  ข่าวร้ายที่ได้รับผ่านโทรศัพท์ ทำให้ชายหนุ่มร่างสูงแทบไร้แรงพยุงกาย ใบหน้าคมซีดลงอย่างตกใจ 

     

    ข่าวร้ายของพ่อในวันที่ลูกมีความสุข!!!

     

      * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

     

    ชายหนุ่มร่างสูง รีบวิ่งไปตามทางเดินยาวไกล กลิ่นของโงพยาบาลไม่เคยมีใครชอบ แต่ตอนนี้ ซีวอนไม่สนใจอีกแล้ว ห้องไอซียูที่พ่อถูกย้ายมาอยู่เป็นจุดหมายเดียวที่เขาต้องรีบไปให้เร็วที่สุด...ก่อนที่อะไรจะสายเกินไป

    “คุณซีวอน รีบเข้าไปข้างในเถอะครับ ท่านรอคุณอยู่” เลขาวัยกลางคนของพ่อที่รออยู่ด้านนอก รีบเข้าไปช่วยชายหนุ่ม ใส่เสื้อคลุมและคลุมให้เรียบร้อย ไม่อยากให้เสียเวลาไปโดยไร้ค่า

     

                    ภายในห้องที่เย็นเชียบ ชายหนุ่มมองไปยังกลางห้อง ร่างสูงใหญ่ ที่มีเครื่องมือแพทย์ระโยงระยางพร้อมเครื่องช่วยหายใจ และลมหายใจที่โรยริน จอมอนิเตอร์เชื่อมต่อกับกล้องตัวจิ๋วแสดงให้เห็นเลือดจากบาดแผลภายในที่ไหลออกมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

     

                    “พ่อ” น้ำตาลูกผู้ชายที่ไม่ไหลมานาน นับจากวันที่ผู้เป็นมารดาจากไป กำลังไหลออกมา เพราะรับรู้ได้ถึงการสูญเสียที่คงจะเกิดขึ้นอีกไม่นาน

     

                    “มาแล้วหรอ ซีวอน พ่อรอลุกอยู่นะ” แม้จะบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน แต่ก็ยังมีรอยยิ้มให้ลูกชายที่รักเสมอ ลูกที่เลี้ยงมาเองกับมือ เฝ้าดูแลและตามใจ วันนี้จะเป็นผู้ใหญ่พอหรือยังที่จะก้าวต่อไปลำพัง ปราศจากมือที่เคยโอบอุ้ม “มานั่งใกล้ๆพ่อหน่อย”

     

                    “ครับพ่อ” พ่อผู้เป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต พ่อที่ดูแลเขามาเพียงลำพัง ไม่ยอมมีใครใหม่ ก็เพื่อจะมอบความรักให้กับลูกชายได้อย่างเต็มที่ “พ่อต้องแข็งแรงนะ”

     

                    “อย่าบังคับพ่อเลยซีวอน เห็นเลือดไหม มันไหลออกมาเยอะเชียว แม่ของลูกเขาก็มารอตั้งนานแล้วนะ แต่พ่อขอเจอหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้าย อย่าร้องสิ ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ” แม้เสียงจะเหนื่อยอ่อน แต่ใบหน้าที่มีเค้าความหล่อคม ก็ยังคงยิ้มแย้ม “อีกหน่อยต้องดูแลทุกอย่างของตระกูลคนเดียวแล้ว อย่ามัวเถลไถลแบบเมื่อก่อนอีกนะ”

     

                    “ไม่...พ่อต้อง อยู่คอย สอนงาน ผมก่อนสิ  ผมทำไม่เป็นหรอกนะ” น้ำตาหยดไหล ให้คำพูดขาดห้วงเป็นคำๆ  ชายหนุ่มไม่สนใจจะเช็ดน้ำตา

     

                    “พ่ออยู่ไม่ได้หรอกลูก ในบริษัทมีคนที่มีความสามารถอยู่อีกมาก พวกเขาจะสอนลูกแทนพ่อเอง พ่อคงอยู่ได้อีกไม่เท่าไหร่ จำไว้นะ จงซื่อสัตย์กับตัวเองให้มากที่สุด แล้วทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี” เสียงไอ ที่ออกมาพร้อมกับเลือด ก่อนที่คำสอนสุดท้ายในชีวิตจะจบลง

     

                    “ไม่นะพ่อ ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น พ่อครับ พ่อต้องอยู่สอนผมสิ ไม่มีพ่อแล้วผมจะอยู่ยังไง”

     

                    “ลูกยังมีหนูยุนอา แต่พ่อต้องไปอยู่เป็นเพื่อนแม่แล้วนะ ปล่อยให้แม่เขาอยู่คนเดียวมานานเกินไปแล้ว แม่เขามารอพ่อนานแล้ว”

     

                    “พ่ออออ” เสียงร้องไห้คร่ำครวญเหมือนเด็กเล็กทั้งที่รู้อยู่ว่ายังไงสิ่งที่ร้องขอก็คงไม่มีทางได้เป็นจริง เลือดที่ออกภายในช่องท้อง ยังคงไหลอย่างต่อเนื่อง  มองเห็นความน่ากลัวได้ชัดเจนจากจอมอนิเตอร์ “พ่อต้องอยุ่กับผมสิ ที่บ้านมันใหญ่เกินกว่าจะให้ผมอยู่คนเดียว”

     

                    “ไม่หรอก  พ่อ...” ท่าทางคิดถึงบางอย่างของชายที่เหนื่อยล้าก่อนจะตัดสินใจบางอย่าง ด้วยเวลาที่เหลืออยู่น้อยนิด ความผิดที่ติดตัวมาตลอดยี่สิบปี คงต้องฝากให้ลูกชายสะสาง “ตามหาคนคนหนึ่งให้พ่อ แล้วลูกจะไม่ต้องอยู่ในบ้านหลังนั้นเพียงลำพัง รับเข้ามาอยู่กับลูก ดูแลเขา ทดแทนส่วนที่พ่อไม่มีโอกาสได้ทำ”

     

                    คำพูดแปลกประหลาดของผู้เป็นพ่อ ทำให้ชายหนุ่ม ฟังอย่างตั้งใจ “ตามหา คยูฮยอน ให้พ่อที ขอโทษเขาแทนพ่อด้วย”

     

                    “คยูฮยอน ใครครับพ่อ”

     

                    “น้องชายอีกคนของลูก!!  คำตอบของผู้เป็นพ่อทำให้ได้รับสายตากล่าวโทษ สายตาแห่งความไม่เชื่อใจ

     

                    การถูกทรยศความเชื่อใจ เป็นยังไง วันนี้ชายหนุ่มรู้แล้ว ความเชื่อใจที่เคยมีให้กับพ่อ มันถูกทำลายลงในวินาทีนี้เอง คำถามมากมายที่เกิดขึ้น อัดแน่น จนอยากเดินห้องจากห้องนี้ไป แต่เพราะรู้ว่านี้ คือครั้งสุดท้ายที่จะได้เห็นลมหายใจของพ่อ ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะเผชิญหน้ากับความเสียใจครั้งนี้

     

                    “ลูกอาจจะโกรธเกลียดพ่อ แต่อย่าโกรธน้อง เขาไม่รู้เรื่องด้วย มันเป็นความผิดของพ่อ พ่อขอโทษนะลูก”  คำขอโทษครั้งสุดท้ายจากไปพร้อมลมหายใจ เสียงสัญญาณชีพร้องดัง ช่วยตอกย้ำการสูญเสีย ร่างสูง ถูกกันออกจากเตียงขาว ทั้งหมอและพยาบาลต่างวุ่นวายกับการยื้อชีวิตบุคคลสำคัญ แต่สุดท้าย ก็คงไม่มีใครหนีพ้นสิ่งที่เรียกว่าความตายได้เลย

     

                    ซีวอนเดินสภาพไร้สติเดินออกมาจากห้อง ไม่รับรู้สิ่งใดๆ เหมือนว่าโลกทั้งได้แตกสลายลง

    ไปแล้วต่อหน้า แตกลงไปพร้อมกันถึงสองใบ

     

    โลกของครอบครัวที่เต็มไปด้วยความสุข ตอนนี้พ่อทิ้งเขาเอาไว้เพียงลำพัง จะไม่มีอีกแล้ว ความสุขที่เคยได้รับ ความรัก ความเอื้ออารี ความห่วงใย ต่อไปนี้จะไม่มีอีกแล้ว

     

                    และโลกอีกใบ...โลกที่พ่อสอนให้ขาสร้าง โลกที่พ่อเอาไปด้วยพร้อมๆกับชีวิตของพ่อเอง ความซื่อสัตย์ ซื่อตรงต่อหัวใจ...พ่อทรยศความไว้ใจที่เขามีให้

     

                    พ่อปิดบังเรื่องนี้มาตลอดเลยใช่ไหม..คนนั้นที่พ่อให้ดูแล ให้รับเข้ามาอยู่ด้วย ใครที่ไหนก็ไม่รู้ พ่อจะให้ผมรักและเอ็นดูเขาหรือครับ พ่อใจร้ายกับผมเกินไปหรือเปล่า..?

     

                    “ซีวอน” มือบางแตะลงบนไหล่หนาที่สั่นสะท้าน สัมผัสแผ่วเบาเรียกให้ชายหนุ่มกลับสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง

     

                    ใบหน้าคมอาบด้วยน้ำตา ตกอยู่ในอ้อมกอดของแขนเรียว ใบหน้าซุกอยู่กับบ่าเล็กที่ดู ไม่สนใจผู้คนที่เดินไปมา “ยุนอา ผมไม่เหลือใครแล้ว พ่อทิ้งผมไปแล้ว”

     

                    “คุณยังมีฉันไงคะ  ยุนอายังอยู่ตรงนี้นะ” แม้จะเสียใจ หรือใจหายแค่ไหน แค่ตอนนี้ยุนอารู้ตัวดีว่าเป็นที่ยึดที่เดียวของชายหนุ่มตรงหน้า คนที่ดูเหมือนเข้มแข็ง แต่แท้จริงแล้ว กลับอ่อนไหว

     

                    “คุณจะไม่ทิ้งผมไปใช่ไหมยุนอา จะไม่ใจร้ายกับผมใช่ไหม”

     

                    “คะฉันจะอยู่กับคุณ  ยุนอาสัญญา”

     

                    “ขอบคุณครับ”คำสัญญาที่ชายหนุ่มยึดถือเป็นหลักของชีวิตทั้งชีวิต จารลงในหัวใจ ไม่มีวันลืมได้เลย ตราบจนวันหนึ่ง เมื่อคำสัญญานั้นสิ้นสุดลง..

     

    To~Be~con

     

    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

    Talk

               9อนที่สอง อยากตั้งชื่อว่า เน่าสนิท 555  กี้เป็นน้องชายวอน  พี่น้องหน้าตาดี ทั้งคู่เลย  

                 ดูๆแล้ว ตอนนี้ค่อนข้างหลายอารมณ์สับสนไปมา อย่างว่า ไอซ์กำลังอึนกับชีวิตช่วงสุดท้ายในมหาลัยคะ แงงง

                  ตอนนี้ไอซ์ขอไว้อาลัยแด่คุณลุง ที่จากไปในอ้อมกอดของป้า โดยที่ยังคงรู้สึกตัวตลอดเวลา เพราะหมอใช้กล้อง ส่องเข้าไปในท้อง เห็นเลือดไหลออกมาตลอด แต่คุณลุงก็ยังคงยิ้มให้ป้าเสมอ จนนาทีสุดท้าย แอบซึ้งมากๆ  เลยขออนุญาตเอามาใช้นะคะ 
               ทำไมดูเงียบจังเลย  ไม่สนุกหรอคะ บอกได้นะ  ไอซ์จะได้ปรับปรุง ตัวเอง  นี้จริงจังนะคะ เริ่มเครียดแล้ว

     

    ใครมีสอบก็ตั้งใจอ่านหนังสือนะคะ

     

    ขอบคุณทุกคอมเม้มท์คะ

                   

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×