ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    - - - Freezing love - - - (woncin )

    ลำดับตอนที่ #17 : - -FL- - 13 100%

    • อัปเดตล่าสุด 15 ส.ค. 53


    - -FL- - 13

     

                    หญิงสาวแสนบอบบาง ที่ชีวิตเคยสวยงามเสมอมากำลังสับสนกับความรู้สึกที่พึ่งได้รับรู้ เดินออกจากห้องของเด็กหนุ่ม ด้วยใจที่เลือนลอย หวังให้คนรักรอคอยจะเป็นที่พักใจ และที่ขจัดความสับสนเหล่านั้นให้หายไป

     

                    ร่างเล็กมองหน้าห้องที่ว่างเปล่าด้วยความผิดหวัง ชายหนุ่มที่เธอรักไม่เคยไปจากการมองเห็นของเธอในขณะที่ยังไม่เข้าใจกันแบบนี้

     

                    หญิงสาวเดินลงบันได และยังคาดหวังว่าจะได้พบเห็นชายหนุ่มยืนรออยู่ที่ด้านล่าง หวังว่าจะได้ยินเสียงทุ้ม แก้ตัวเรื่องที่ทำให้เธอโกรธเคือง หวังว่าจะมีอ้อมกอดอุ่นรอคอยเธออยู่ แต่กลับไม่เห็นใครสักคนที่เธอต้องการ

     

                    “ซีวอนไปไหนหรือคะ ป้าฮวางโบ” ยุนอาถามคนเก่าแก่ของบ้านที่ยืนอยู่

     

                    “เอิ่ม ออกไปแล้วคะ ลากคุณฮีชอลออกไปด้วย” หญิงกลางคนไม่รู้จะสงสารใครดีระหว่างคนที่โดนชายหนุ่มเจ้าของบ้านกระชากติดมือออกไปด้วยความรุนแรง หรือหญิงสาวตรงหน้าที่ดวงตาคู่สวยกำลังเต็มไปด้วยน้ำตาเพราะความผิดหวัง

     

                    ยุนอาเดินออกไปที่หน้าบ้านหลังใหญ่ มองเห็นหลังรถคันสวยออกไปจากบ้านไม่ไกล น้ำตาที่กำลังไหล มันหยดลงมาให้เธอได้รับรู้รสเค็มปร่า นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเรื่องผิดใจกัน แต่นี้เป็นครั้งแรกที่เธอถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

     

                    ไม่เคยที่เธอจะถูกคนรักละเลย ในเวลาแบบนี้ ....หรือบางอย่างกำลังแปรเปลี่ยนไป

     

                    ร่างบางรับรู้ในความอบอุ่นที่มอบให้จากด้านหลัง อ้อมกอดที่เข้ามาทดแทนคนที่ขับรถจากไปไกล เสียงทุ้มๆดังข้างหูปลอบประโลม พร่ำออกมากจากคนที่ขอเป็นเพียงที่ซับน้ำตายามเธอไม่มีใคร

     

                    “ร้องไห้ออกมาให้หมดนะครับ ไม่ต้องกลัวใครจะเห็น ผมจะเช็ดน้ำตาให้พี่เองนะครับ ปล่อยความเสียใจออกมาให้หมด อย่าเก็บเอาไว้ทำร้ายตัวเองอีกเลย ผมขอร้อง”

     

                    หญิงสาวสัมผัสได้ว่าคนพูดเองก็ร้าวรานใจไม่ต่างกันเลย ลมหายใจแผ่วร้อนและอบอุ่น บรรจงประทับบนขมับเพื่อปลอบประโลม และบอกให้รู้ว่ายังมีอีกหนึ่งคนที่จะไม่ทิ้งเธอไว้คนเดียว

     

                    หัวใจของเธอและเขาด้วยหรือเปล่า? ที่กำลังแปรเปลี่ยนไป

     

    * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

                 “นี้คุณ จะพาผมไปไหน” ร่างเล็กนั่งจ้องทางที่ไม่เคยคุ้น เบียดตัวให้ชิดกับประตูหันไปถามคนขับรถร่างสูงใหญ่อย่างไม่วางใจ

     

                    “ทำไม? เกิดนึกกลัวผมขึ้นมาหรือไง ไม่หรอก ผมไม่ทำอะไรแบบที่คุณต้องการหรอกฮีชอล” สายตาเย็นชาจ้องมองร่างเล็กในชุดทำงานแสนเรียบง่ายก่อนปรายตากลับไปยังถนนที่ทอดยาวออกนอกเมือง

     

                    “อะไรที่ผมต้องการคุณซีวอน คุณกำลังหมายถึงอะไร” ร่างบางที่นั่งเบียดประตูหันมาจ้องคนพูดที่ดูเหมือนว่าจะพูดออกมาโดยไม่ใส่ใจเลยว่าคนฟังจะรู้สึกเช่นไร

     

                    “ก็อะไรที่พวกวิปริตแบบคุณชอบไง นี้นั่งเงียบๆได้ไหม ผมเบื่อที่จะต้องพูดแล้ว น่ารำคาญ” ท้ายเสียงแผ่วลงไม่ได้ใส่ใจมากกว่าการจับจ้องถนนสายยาวที่เหมาะให้ประลองความเร็ว

     

                    คนที่โดนกล่าวว่าวิปริตนั่งนิ่งอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน ไม่คิดอยากสรรหาคำใดมากล่าวแก้ตัว ไม่แม้แต่จะมองหน้า เบือนหน้าหนีไปทางหน้าต่างปล่อยให้น้ำไหลลงมาเงียบๆ ภาพข้างนอกพร่าเบลอ ไม่รับรู้ว่าจะไปยังที่ใด

     

                    สองข้างทางที่ดูเงียบเหงา ตึกสูงค่อยๆหายไปทีละน้อย บอกให้รู้ว่าออกห่างจากตัวเมืองมามากแล้ว จากถนนสายหลัก เข้าสู่ถนเส้นเล็กมืดครึ้มด้วยต้นไม้น้อยใหญ่สองข้างทางที่โค้งตัวลงมาเป็นอุโมงค์ต้นไม้กันแสงแดดไม่ให้รอดผ่าน ร่างเล็กนั่งมองมันด้วยความแปลกใจในตัวชายหนุ่ม ไม่เข้าใจในการกระทำนี้เลย แต่ก็ทำได้เพียงนั่งเงียบรอเวลาให้รถคันหรูจอดลงในที่ใดที่หนึ่ง

     

                    จากป่าสนกลายเป็นถนนเรียบทะเลที่ยาวไกลตามแนวหาด ก่อนจะสิ้นสุดเมื่อถึงท่าเรือที่ผู้คนไม่พลุ่กพล่านมากนัก ชายหนุ่มก้าวลงจากรถ ดวงตาถูกปิดไว้ด้วยแว่นตากันแดดสีเข้ม ทำให้ไม่รู้เลยว่า ดวงตาคู่นี้กำลังเป็นเช่นไร

     

                    “ฮึ นึกว่าจะทำตัวเป็นลูกคุณหนูต้องมีคนคอยบริการ” เสียงกระทบกระเทียบลอยมาให้ได้ยินทันทีที่ร่างบางลงจากรถอย่างงุนงง ฮีชอลก็ได้แต่ขบกัดริมฝีปากตัวเอง ไม่อยากเก็บมาใส่ใจ แต่ก็ทำไม่ได้จริงๆ...คำพูดของคนที่เรารัก มีหรือที่จะละเลยมันได้?

     

                    ชายหนุ่มร่างสูงเดินลิ่วไปข้างหน้า ไม่สนใจอีกคนที่มาด้วยกัน ต้องรีบเดินตามไปทั้งๆที่ก็ยังไม่เข้าใจว่ามาที่นี้ทำไม และก่อนที่ฮีชอลจะได้ร้องถาม ชายหนุ่มก็ก้าวลงเรือเร็วที่มีคนมาจอดรออยู่ก่อนแล้ว

     

                    “ลงมาฮีชอล” ชายหนุ่มหันไปตะคอกใส่คนที่ยืนอยู่บนฝั่งอย่างโมโห

     

                    “คุณจะไปไหนกันแน่ คุณซีวอน” ร่างเล็กร้องถามอย่างไม่แน่ใจ ไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มตรงหน้ากำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ แต่ที่รู้ๆคือ คงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเขา

     

                    “ไม่ต้องถามให้เรื่องมากหรอก ผมไม่พาคุณไปฆ่าแน่ๆ ลงมานี้” มือหนาเอื้อมมากระชากข้อมือเล็กให้ร่างบางล้มลงมาที่เรือ ก่อนจะให้สัญญาณให้คนขับเรือ พาเรืออกทะเล

     

                    “คุณซีวอน คุณจะพาผมไปไหน คุณซีวอน คุณกำลังทำอะไรกันแน่ พาผมกลับขึ้นฝั่ง” ฮีชอลตะโกนเสียงดังแข่งกับเสียงลมที่เรือปะทะผ่าน พยายามไม่ไปแถวๆกราบเรือ

     

                    “ทำไม อยากกลับขึ้นฝั่งก็กระโดดลงไปสิ ผมไม่ห้าม แต่ถ้าไม่กล้าก็หุบปากซะ” ชายหนุ่มหันมาตะคอกใส่ร่างเล็กที่ดูเหมือนว่าจะว่ายน้ำไม่เป็น

     

                    คิมฮีชอล ยอมกลับมานั่งเงียบๆ อยู่กลางลำเรือ มองทะเลกว้างเวิ้งว้างแล้วก็นึกกลัว ธรรมชาติที่สวยงามหากแต่ก็โหดร้ายเสมอ เหมือนกับชายหนุ่มที่เขารัก รูปโฉมที่งดงาม หากแต่ก็โหดร้ายและน่ากลัวสำหรับเขา

     

                    เรือลำเล็กแล่นฝ่าเกลียวคลื่นมาได้เกือบชั่วโมงในที่สุดก็ถึงเกาะที่ดูเงียบ เหมือนจะไร้ร้างผู้คนจนน่ากลัว หาดทรายขาวบริสุทธิ์ น้ำใสเหมือนแก้ว มองเห็นตัวปลาที่ว่ายน้ำอยู่ไม่ไกล ที่กลางเกาะยังสมบูรณ์ด้วยป่าเขียวเข้ม เห็นบ้านหลังเล็กอยู่ไม่ไกล

     

                    “ลงมา” ซีวอนกระชากเสียงใส่คนที่ยังยืนนิ่งอยู่บนเรือไม่กล้าลงมา จนชายหนุ่มโมโหกระโดดขึ้นเรืออีกครั้ง แล้วคว้าร่างเล็กบางเบา แบกพาดบ่า พาลงย้ำน้ำตื้น ก่อนจะโยนใส่พื้นทรายขาวละเอียด

     

                    “โอ้ย! คุณซีวอนทำบ้าอะไรของคุณ ผมเจ็บนะ”

     

                    “ไม่ต้องพูดมากมานี้” ชายหนุ่มไม่ปล่อยให้ร่างเล็กได้ปัดทรายออกจากตัว มือหนากระชากเจ้าของข้อมือเล็กให้เดินตามมา ไม่สนใจเสียงร้อง

                   

                    “ปล่อยนะ ผมเจ็บ ปล่อย คุณซีวอวน ผมเจ็บนะ ปล่อยผม” ร่างเล็กขืนแรงที่มากกว่า พยายามบิดข้อมือให้หลุดจากการฉุดกระชากที่ไม่ใสใจว่าจะล้มลุกคลุกคลานแค่ไหน

     

                    ดูเหมือนเสียงร้องและเรี่ยวแรงอันน้อยนิดของฮีชอลจะไม่ทำให้ร่างสูงหยุดลงได้ ชายหนุ่มยังลงลากร่างบางให้เดินตามไปอย่างไม่สนใจใดๆทั้งสิ้น ก่อนจะหยุดลงที่ตรงที่โล่งด้านหนึ่งของหาด มีบ้านหลังเล็กเป็นสิ่งปลูกสร้างเพียงหนึ่งเดียว

     

                “คุณพาผมมาที่เกาะนี้ทำไมกัน” ฮีชอลกลั้นใจถาม ทั้งที่มือก็ยังบีบนวดข้อมือแดงช้ำ ไม่รู้ว่าคำตอบที่ได้รับมันจะทำให้เจ็บหรือเปล่า แต่เพราะความสงสัย ยังไงก็ต้องถาม

     

               “ไม่เห็นบ้านหลังนั้นหรือไง คุณรู้ไหม มันห่างไกลผู้คนดีนะ ถ้าผมจะทำอะไรคุณสักอย่างก็คงไม่มีใครรู้ว่าไหม” ซีวอนหันกลับมามองร่างเล็กที่ยืนเยื้องอยู่ด้านหลัง

     

                    เพราะดวงตาที่ถูกปิดด้วยแว่นกันแดด ทำให้ฮีชอลคาดเดาไม่ได้เลยว่าน้ำเสียงเย็นชา และคำพูดที่ดูน่ากลัวนั่น แท้จริงแล้วมีความหมายว่าอย่างไร “คุณหมายความว่าไงกัน คุณจะทำอะไรผม”

     

                    “ฮึ! วันนี้ถามคำนี้บ่อยเหลือเกินนะฮีชอล คิดว่าผมจะทำอะไรคุณหล่ะ สองคนบนเกาะร้างแบบนี้” ร่างหนาเดินเข้ามาใกล้มองร่างบางที่ดูสั่นเทา

     

                    ฮีชอลได้แต่เดินถอยหลังหนีอย่างช้าๆ ใบหน้าหวานแสดงออกว่ากำลังตื่นกลัวชายหนุ่มที่มีท่าทางคุกคาม ไม่น่าไว้ใจ     

                   

                     “ฮ่าๆๆๆ” เสียงหัวเราะก้อง ดูพอใจจากชายหนุ่มทำให้ร่างบางยืนนิ่งมองอย่างแปลกใจ “ คุณเป็นเลขาผมไม่ใช่หรือไง ผมจะมาทำงานต้องพาเลขามาด้วย หรือคิดว่าผมมีเลขาเอาไว้บูชากันหล่ะ คิดผิดแล้ว คิม ฮีชอล หรือนี้แอบคิดว่าผมจะนึกพิศวาสคุณจริงๆแล้วพามาเที่ยวหล่ะ” ซีวอนปรายตาคมมามองคนถามเพียงนิด ก่อนหันหน้ากลับไปมองท้องทะเลกว้างไกล มองนกทะเลบินโฉบเฉี่ยวหาปลากิน

     

                    “แล้วที่นี้มีงานอะไร ผมไม่เห็นอะไรสักอย่าง” ดวงตากลมมองไปรอบๆบ้าหนึ่งหลังที่ติดทะเลใสดูสงบสวยงามตามธรรมชาติ แต่ไม่เห็นจะมีอะไรสักอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นงานของนักธุรกิจหนุ่มด้านโรงแรม

     

                    “ผมจะทำให้ที่นี่เป็นบูติครีสอร์ท ที่มาวันนี้ก็ตั้งใจจะมาดูเพื่อวางแผนการสร้าง เข้าใจแล้วก็ไปสมุดมาจดด้วย กลับไปคุณต้องทำรายงานให้ผมพิจารณาอีกที” ชเว ซีวอน หันหน้าออกสู่ทะเล  น้ำเสียงจริงจังกับงานที่กำลังวางแผน

     

                    “จะให้ผมเอาอะไรมาจดหล่ะก็คุณเล่นลากผมมาจากบ้าน ไม่ทันได้หยิบอะไรติดมาสักอย่าง” ฮีชอลบ่นอุบอิบ นึกเคืองชายหนุ่มเป็นคนลากออกมา ไม่ให้เขาได้หยิบอะไรสักชิ้น

     

                    “ขอโทษ ผมกำลังโมโห” ชายหนุ่มพูดคำขอโทษออกมาเหมือนไม่มีสิ่งใดที่แปลกไป เมื่อทำผิดก็ต้องขอโทษอีกฝ่าย นี้คือสิ่งที่เขาเรียนรู้ตั้งแต่เด็ก

     

                    คำพูดที่ดูเรียบง่ายและออกมาจากใจของชายหนุ่ม ทำให้ฮีชอลได้แต่นิ่งฟังอย่างยินดี แอบยิ้มให้กับตนเอง ที่อย่างน้อยคนตรงหน้าก็มองเห็นว่าเขามีตัวตนอยู่บ้าง หากเมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า รอยยิ้มหวานกลับกลายเป็นยิ้มแสนเศร้า “เมื่อเช้าทำไมคุณต้องลากผมออกมา ไม่อยู่พูดกับยุนอาให้เรียบร้อยก่อน”

     

                    “เมื่อเช้า ถ้าผมไม่ออกมา รอที่จะพูดกับยุนอา ก็ไม่รู้ว่าคำพูดแบบไหนที่หลุดจากปากผม แต่ที่แน่ๆ มันคงเป็นคำพูดที่ทำให้ยุนอาเสียใจ แล้วเราก็คงทะเลาะกัน ผมไม่อยากทำให้คนที่ผมรักต้องเสียใจ ทนไม่ได้ที่ตองเห็นน้ำตา และยิ่งทนไม่ได้ที่จะเห็นคนอื่นมาเช็ดน้ำตาให้เขา แทนที่จะเป็นผม” ชายหนุ่มบอกเล่าเหตุผลที่ทำให้เลือกที่จะทำแบบนี้ โดยไม่รู้เลยว่าได้ทำให้บางคนเสียใจ

     

                    ฮีชอลยืนจ้องแผ่นหลังกว้าง คำพูดจากใจบอกให้รู้ว่าชายหนุ่มรักและทะนุถนอมคนรักมากแค่ไหน มันทำให้ร่างบางอดไม่ได้ที่จะอิจฉาน้องรหัสผู้ได้ครอบครองความรักจากชายคนนี้ ชายที่เขารัก หากแต่คงไม่มีวันได้เป็นจริง

     

                    “เอาเหอะ อย่าพึ่งพูดเรื่องอื่นเลย เรามาทำงานก็รีบทำงานให้เสร็จ คุณก็ฟังแล้วก็จำเอาแล้วกัน ถ้าไม่ทันตรงไหนก็ถามได้ เพราะกลับไปคุณต้องทำรายงานให้ผมอีกที ” ชายหนุ่มหันไปมองร่างเล็ก ก่อนจะเริ่มวางแผนอย่างจริงจังกับพื้นที่โล่งตรงหน้า

     

                   

                    “เกาะนี้เป็นเกาะที่เราได้รับสัมปทานมาแล้ว ที่ด้านหน้า ตรงที่เรายืนอยู่ มันจะมีผาคอยกั้นลมไว้ให้ เพราะฉะนั้นตรงนี้ หากมีพายุก็จะไม่แรงมาก ผมจะให้มีบ้านพัก สักห้า-หกหลัง หรือถ้าจะมากกว่านั้นก็คงไม่เกินสิบหลัง แต่ละหลังจะอยู่ห่างกัน เพื่อความเป็นส่วนตัว แล้วก็จะให้แต่ละหลังมีสไตล์ที่แตกต่างกัน และต้องเข้ากับธรรมชาติที่รายล้อม คุณฟังทันไหม”     

     

                   ฮีชอลตั้งใจฟังสิ่งที่ชายหนุ่มจะพูด ดูเหมือนว่าธรรมชาติจะมีมนต์วิเศษ ทำให้ผู้ชายที่มักมีแต่วาจาร้ายๆ กลายเป็นผู้ชายธรรมดา ที่มีความห่วงใยให้และดูอบอุ่น  ไม่มีคำพูดที่ให้คนฟังต้องเจ็บปวด แม้จะไม่ได้รับความรัก แต่หากมันจะเป็นแบบนี้ตลอดไปก็คงดี....

     

                    “ส่วนด้านหลังที่ แต่เดิม มันคงเป็นที่พักของชาวประมงเวลาหยุดพักเรือมาก่อน เพราะว่าเท่าที่เคยมาดู มันมีพวกเครื่องมือต่างๆอยู่ ผมจะคงสภาพตรงนั้นไว้ แล้วก็จะสร้างบ้านหลังเดียวเท่านั้นให้ดูเป็นแบบบ้านโบราณ ใครที่มาพักก็จะได้เรียนรู้ชีวิตแบบดังเดิม แล้วก็ได้ออกไปหาปลาโดยใช้เรือคายัค สองลำล้อมจับปลา เพราะว่าเราได้โอโนะคุง ที่ขับเรือพาเรามา เขาเชี่ยวชาญเรื่องการออกทะเลและการตกปลา อ้อ แล้วก็ด้านหลังนั้น เดี๋ยวผมจะพาคุณไปดูอีกที ตอนกลางเย็นที่น้ำลดมันจะมีสันทรายโผล่ขึ้นมากลางน้ำ เราจะจัดให้เป็นโต๊ะดินเนอร์ อาหารก็ทำมาจากพวกที่หามาได้”

     

                    ฮีชอลฟังอย่างตั้งใจ แม้จะมีบ้างที่เผลอมองแผ่นหลังที่ดูอบอุ่นกว่าปรกติ วันนี้ดูเหมือนจะเป็นวันที่ทำงานได้อย่างมีความสุขมากกว่าปรกติ เป็นแบบนี้ทุกวันก็คงจะดี....

     

                    “คุณจำที่ผมพูดได้หมดหรือเปล่า ฮีชอล” ชายหนุ่มหันกลับมามองเลขาที่พามาด้วย ก่อนจะแหงนมองท้องที่ดูมืดครึ้ม ก่อนที่ฝนจะเทลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างบางรีบวิ่งนำเข้าไปในบ้านหลังเล็ก โชคดีที่มันไม่ได้ล็อคไว้

     

                    “บ้าเอ้ย อยู่ก็ตกลงมา สงสัยจะเป็นพายุด้วยแน่ๆ” ชายหนุ่มสบถออกมาทันทีที่เข้ามาหลบอยู่ในบ้านหลังเล็กเนื้อตัวต่างเปียกโชกทั้งคู่

     

                    “แต่ลมไม่แรงเท่าไหร่นี้ครับ คงไม่ใช่พายุหรอกมั้ง คุณโทรหาคุณโอโนะสิครับ ให้เขาออกเรือมารับ เพื่อจะออกมาได้” ฮีชอลพูดไปเพราะรู้ดีว่าซีวอนคงไม่อยากอยู่กับเขา

     

                    “ตรงนี้มันมีผาช่วยบังลม แต่เดี๋ยวผมจะลองโทรหาคุณโอโนะดูอีกทีว่าจะมาได้หรือเปล่า” ชายหนุ่มหันมาบอกร่างเล็กที่นั่งหนาวอยู่ในมุมบ้านก่อนจะหยิบโทรศัพท์โทรไปหาคนขับเรือ

     

                    ใบหน้าคมแสดงความไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะกดตัดสายโทรศัพท์ทิ้ง หันมามองร่างเล็กอย่างจนปัญญา “สงสัยเราคงต้องรออยู่ในนี้อีกนานเลย โอโนะคุงบอกว่า พายุแรงมาก คลื่นก็สูงเกินกว่าจะเสี่ยง”

     

                  “คุณหนาวหรือเปล่า เอาเสื้อผมไปใส่อีกตัวไป มันเปียกหน่อย แต่ก็ดีกว่าทนหนาว แล้วจะไม่สบาย” หนุ่มถอดเสื้อเชิ้ตที่ตนใส่อยู่ให้กับร่างบาง ถึงมันจะไม่หนา แต่ก็คงพออุ่นได้บ้าง

     

                    “แล้วคุณไม่หนาวหรือไง” ร่างบางมองเสื้อที่ถูกโยนลงมาบนตัวก่อนจะแหนงมองร่างสูงที่มีเพียงเสื้อกล้ามตัวบางเท่านั้นเอง  เพราะวันนี้ชายหนุ่มไม่ได้หยิบเสื้อสูทมาด้วย จึงมีเพียงเชิ้ตที่ถอดมาให้เขาแล้ว

     

                    “ไม่เป็นไรหรอก เฮ้อ!” ซีวอนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะนั่งลงที่พื้นไม่ห่างจากร่างบาง

     

                    ฮีชอลนั่งมองคนที่อยู่ห่างเพียงนิด แอบหัวเราะกับตัวเองเบาๆ ที่เคยเพ้อถึงเหตุการณ์แบบนี้ แต่มันคงจะดีกว่านี้ หากซีวอนจะมีหัวใจให้กัน แต่ตอนนี้ได้แค่ความอบอุ่นจากเสื้อตัวใหญ่ก็ดีเกินพอแล้ว
     

    * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

    ลมพายุพัดโหมกระหน่ำ เสียงฝนตกกระทบหลังสังกะสีดังระงมจนคนที่หลบฝนอยู่ภายในบ้านหลังน้อยไม่อาจข่มให้ตาหลับได้ แต่จะให้หันไปคุยกับอีกคนที่ต้องเผชิญชะตากรรมก็ดูจะเป็นเรื่องลำบาก

     

                    ร่างเล็กที่แม้จะมีเสื้อห่อหุ้มอยู่ถึงสองชั้น แต่ก็เป็นแค่เสื้อเชิ้ตเนื้อเบาที่ไม่อาจกั้นความหนาวเย็นของอากาศได้ นั่งชันเข่ากอดตัวเองไว้แน่น ดวงตากลมหลุบลงที่พื้นอยากจะลอบมองอีกคนที่นั่งอยู่ไม่ห่าง แต่ก็ได้เพียงแค่นั่งมองเงาลางๆที่สะท้อนลงพื้นยามฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา

     

                    ชายหนุ่มร่างสูงมีเพียงเสื้อกล้ามพอดี ไม่อาจปกป้องร่างกายให้พ้นจากความหนาวเย็นและละอองฝนที่สาดเข้ามา แม้จะแข็งแรงมากเพียงใดแต่ก็ไม่อาจทนต่อสภาพอากาศที่เลวร้ายได้ ฟันขาวกระทบกันดังกึกๆๆ ร่างกายที่เต็มด้วยกล้ามเนื้อสั่นเทาเพราะความหนาวเย็นสติเริ่มพร่าเลือนแต่ก็ยังฝืนทรงตัวเอาไว้

     

                    ทุกครั้งที่ฟ้าผ่าลงมาร่างเล็กจะยิ่งกอดตัวเองเอาไว้แน่นๆ น้ำตาไหลงลงมาช้าๆ ภาพวันเก่าๆย้อนกลับมาทุกครั้งที่เห็นสายฝน และวันนี้กับผู้ชายคนเดิม ในวันที่ฝนตก อยากได้อ้อมกอดอุ่นปลอบใจให้คลายความกลัว แต่ก็เป็นไปได้ยาก....รอยยิ้มแสนสวยจึงแย้มออกมาทั้งที่น้ำตายังไหลริน

     

                    ฮีชอลนั่งก้มหน้าหลุบตาไม่มองพื้นไม่กล้ามองไปทางชายหนุ่มอีกคน แต่ถึงอย่างนั้นเสียงของฟันที่กระทบกันก็ยังดังให้ได้ยินไม่ขาด จนไม่อาจทนเฉยเมยได้ต่อไป

     

                    ร่างกายที่แข็งแรงดูเหมือนกำลังสั่นเทา กอดตัวเองเอาไว้แน่นไม่ต่างจากที่ร่างบางกำลังทำอยู่ ริมฝีปากบางดูซีดจนน่าตกใจ แต่ใบหน้ากลับแดงกล่ำด้วยพิษไข้ จนน่ากลัว ฮีชอลค่อยๆเขยิบเข้าไปใกล้ๆ จนสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่แผ่ออกมา

     

                    “คุณซีวอน คุณๆ ไหวไหม” มือเล็กสัมผัสเนื้อตัวที่ร้อนผ่าว อย่างตกใจ ถอดเสื้อของชายหนุ่มที่ตนเองใส่อยู่ ใส่คืนให้กับเจ้าของ แต่เพราะความชื้นที่ยังมีอยู่เล็กน้อยบนเสื้อตัวบางทำให้คนที่ไร้สติไปแล้วได้แต่ครางฮืออย่างขัดใจ

     

    “ทนเอาหน่อยนะครับแถวนี้ไม่มีอะไรจะมาเช็ดให้คุณได้ อื้อ! อย่าเอาเสื้ออกได้ไหม เดี๋ยวก็หนาวตายหรอก” ร่างเล็กไม่เพียงแค่ดุคนที่กำลังไม่รู้สึกตัวหากแต่ยังถอดเสื้อของตนเองให้ชายหนุ่มอีกชั้นด้วย ทำให้ช่วงบนเปลือยเปล่าไร้เนื้อผ้าใดๆมาปิดบังกาย นั่งมองคนที่ไร้สติแต่ยังคงดื้อด้านปัดเสื้อสองตัวให้ออกจากกาย

      

                    ฮีชอลนั่งมองคนตัวโตที่เอาแต่ครางฮือ ปัดเสื้อที่ห่มออกให้ หากว่าซีวอนเกิดรู้สึกตัวตอนนี้ก็คงไม่พ้น ได้พ่นคำพูดร้ายๆออกมาแน่ ก็เขาเล่นไม่ใส่เสื้ออะไรเลยแถมยังมานั่งจ้องนิ่งสงบ คล้ายกับทุกคืนที่เกิดขึ้นให้ห้องนอนของชายหนุ่ม

     

                    “ฮือๆๆ หนาว หนาว” เสียงแหบพร่าหลุดออกจากปากสีซีดจนฮีชอลได้แต่กลุ้มใจ ไม่รู้จะทำยังไง ป่านนี้แล้วพายุก็ยังไม่หยุด ในบ้านหลังนี้ก็ไม่มีอะไรเลย ดีแค่ไหนที่มีหลังคากับผนังครบสี่ด้าน อย่าหวังจะให้มียาหรืออะไรที่พอจะเอามาดูแลคนป่วยได้ ให้เอามาผ้าเช็ดหน้าไปโดนน้ำฝนมาเช็ดตัวก็คงจะทำให้หนาวขึ้นไปอีก

     

                    “แล้วคุณจะให้ผมยังไง เสื้อก็มีแค่นี้ มันชื้นนิดๆคุณก็บอกว่าหนาว และจะให้ผมก่อกองไฟเผาบ้างหลังนี้เลยไหม คุณถึงจะอุ่นหน่ะ ห่ะ?” ฮีชอลถามประชดคนที่ไม่ได้สติ ในใจก็เป็นห่วงแต่ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เสื้อที่มีก็ถอดห่มให้หมดแล้ว ก็ไม่เอา แล้วจะให้ทำยังไง?.........

     

                    “ยุนอา ผมหนาว กอดผมหน่อย ที่รักกอดซีวอนหน่อย” เสียงเพ้อเรียกชื่อคนรักทำให้ร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะมองอย่างน้อยใจ...แม้รู้ว่าไม่มีสิทธิ์

     

                    “ถ้าผมขอเป็นคนนั้น สำหรับคุณ คุณจะโกรธผมไหม” ฮีชอลไม่รอคำตอบจากคนไร้สติที่ได้แต่เพ้อเพราะพิษไข้ ค่อยๆเอื้อมแขนออกไปอย่างหวาดกลัว สัมผัสผิวเนื้อที่ร้อนผ่าว โอบกอดคนป่วยเอาไว้ หวังให้ไออุ่นจากกายถ่ายทอดถึงกัน

     

                    น้ำตาเม็ดใสคลอขังอยู่ในดวงตากลมโตส่องแสงแวววับ ก้อนสะอื้นที่ขึ้นมาจากลำคอต้องกลั้นเอาไว้ไม่ให้หลุดเสียงสะอื้นออกมา กลัวทำให้อีกคนที่กำลังเคลิ้มสบายรู้สึกตัว.....ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกอุปโลกน์ให้เป็นสาวน้อยแสนน่ารัก แต่ความเจ็บช้ำไม่เคยลดลงเลย

     

                    “อุ่นจัง อุ่นกว่าเมื่อกี้ตั้งเยอะ ขอบคุณนะครับยุนอา” ชายหนุ่มเพ้อไปไกลไม่รับรู้เลยว่าเจ้าของอ้อมกอดแสนอบอุ่นนี้จะไม่ใช่คนที่เขามักเรียกว่า...ที่รัก

     

                    แม้จะลางเรือนแต่สิ่งที่ซีวอนพอจะรับรู้ได้คือ ไออุ่นแบบนี้ช่างคุ้นเคยเหมือนเคยได้สัมผัสอยู่ทุกค่ำคืน เป็นไออุ่นที่กล่อมให้หลับสนิทยิ่งขึ้น ไออุ่นที่มักพบในความฝัน

     

                    เขื่อนน้ำตาที่สร้างไว้ดูเหมือนจะไม่อาจรองรับน้ำตาที่มากล้นได้ หยาดน้ำใสๆไหลงลงอาบใบหน้าหวานอย่างช้า เสียงสะอื้นที่อุตส่าห์เก็บไว้หลุดออกมาเพราะคำว่า...ที่รัก...ที่ร่างบางฉวยโอกาสขโมยมันมาจากเจ้าของ ได้แต่นึกสมเพชตัวเอง แต่คนเรา....ขอเห็นแก่ตัวบ้าง

     

                    คงไม่ผิดเกินไปใช่ไหม

     

                    “ร้องไห้ทำไมครับ สงสารซีวอนหรอ ผมไม่เป็นไรหรอก แค่มีคุณอยู่ใกล้ๆเดี๋ยวก็หายแล้ว” มือร้อนผ่าวแช็ดแก้มใสที่เปื้อนคราบน้ำตา รอยยิ้มอ่อนแรงถูกส่งมาให้กับคนรักที่แสนน่าถนอม

     

                    ยิ่งกลั้นก็เหมือนว่าน้ำตาจะยิ่งไหลริน ร่างบางได้แต่เชิดหน้าขึ้นไม่ยอมให้น้ำตาได้ไหลไปมากกว่านี้ ไม่อยากให้ตัวเองต้องน่าสมเพชไปมากกว่านี้

     

                    ผิวกายที่แนบชิดกันและกันสร้างความอบอุ่นให้คนป่วย มือร้อนผ่าวลูบไล้ทั่วใบหน้าหวานดึงรั้งลงมาให้มองเห็นได้ชัด ริมฝีปากร้อนด้วยพิษไข้กวาดเช็ดน้ำตาที่ไหลริน ก่อนจะมาหยุดที่ริมฝีปากอิ่มสีสด

     

    จุมพิตแสนหวานที่ต่างบรรจงมอบให้กัน ทำให้สติร่างบางเตลิดไปแสนไกล มือหนาที่ประคองใบหน้าเล็ก โอบรั้งให้สัมผัสได้แนบแน่นยิ่งขึ้น ความร้อนถูกถ่ายทอด แลกเปลี่ยนความหวานล้ำที่หาไม่ได้จากน้ำตาล เรียวลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากหวาย กวาดหาลิ้นบางที่ซุกซ่อนตัวอยู่

     

                    สติที่โบยบินไปกับความหวาน กลับมาทันทีที่รู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมพยายามแทรกริมฝีปากและเรียวฟันเข้ามา แม้ฮีชอลจะรักคนตรงหน้าแม้ข้างหน้ามากแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจลืมเลือดได้คือ ผู้ชายคนนี้มีเจ้าของแล้ว...และเจ้าของก็ช่างเป็นหญิงสาวผู้น่ารัก... เป็นน้องรหัสแสนดี...แล้วเขาจะเป็นพี่ที่แย่ได้อย่างไร

     

                    “คุณซีวอน ผมฮีชอล ไม่ใช่ยุนอา อย่าทำแบบนี้” มือบางผลักชายหนุ่มให้ออกห่าง ให้ใบหน้าคมได้มองเห็นให้ชัดเจนว่าใครที่อยู่ตรงนี้ “ ผมไม่ใช่คนที่คุณรัก มองผมสิ มองให้ชัดว่าผม ฮีชอลที่คุณรังเกียจไง” คำพูดที่แสนร้ายกายแต่ก็ต้องพูดเพื่อให้ชายหนุ่มได้สติ มันช่างเจ็บปวดที่ต้องตอกย้ำตัวเองแบบนี้

     

                    “ฮีชอล!” ชายหนุ่มได้สติ เพราะเสียงร้องและแรงผลักจากคนตัวเล็กๆที่คงใช้แรงทั้งหมดเพื่อทำให้เขามีสติขึ้น ชายหนุ่มมองร่างเล็กตรงหน้ารับรู้แล้วว่าเป็นใคร

     

                    พายุฝนที่โหดร้ายสงบลง....แต่ พายุอารมณ์แสนหวานกำลังก่อตัวขึ้นบนเกาะกลางทะเล

     

                    มือหนาที่ยังร้อนผ่าวเพราะผิดไข้ กดร่างเล็กให้นอนลงกับพื้น ริมฝีปากร้อนซุกไว้ตามซอกคอขาว ผิวขาวใสทั่วเรือนร่างถูกทิ้งรอยไว้ทุกครั้งที่ริมฝีปากร้อนเรือนผ่าน มือหยาบลูบไล้ไปทั่วแผ่นอกเรียบเนียนละเอียด ความปรารถนาที่ถูกเก็บไว้มานาน อยากทะนุถนอมหญิงคนรักจนถึงคืนวันแต่งงานถูกระบายใส่ร่างกายที่สวยงามของคนที่เคยดูถูกตลอดมา

     

                    ร่างเล็กขัดขืนจนไร้เรี่ยวแรง เมื่อความปรารถนาของชายหนุ่มก็เป็นสิ่งที่ร่างเล็กต้องการจากส่วนลึกเช่นกัน แม้รู้ดีว่าเมื่อผ่านพ้นไปแล้ว สิ่งที่ได้รับจะเป็นความทุกข์แสนสาหัส เมื่อไม่อาจหักห้ามได้ สุดท้ายได้แต่ปล่อยใจให้เพริดไปกับความสุขที่กำลังได้รับ

                   

                    แล้วเตรียมเจ็บไปกับแผลเป็นที่จะตรึงแน่นในหัวใจ.....

     

                    ชายหนุ่มซุกซบหาความหวานจากเรือนร่างที่เคยถูกปกปิดไว้ สิ่งที่ไม่เคยได้รับจากหญิงสาวกำลังจะถูกปรนเปรอโดยอีกหนึ่งคนที่เคยตั้งแง่รังเกียจเอาไว้มากมาย ทุกสิ่งที่ทำเต็มไปด้วยสติและการรับรู้ แต่ก็ยังทำ...และหลงมัวเมาไปกับกลิ่นหอมยั่วยวน

     

                    มือหนาเลื่อนปลดกระดุม ลากซิปลงต่ำ ดึงกางเกงที่เกาะเกี่ยวรอบเอวเล็กลง เกือบสุดปลายขาเรียว สะโพกกลมนิ่มถูกบีบ อีกมือยังคงปรนเปรอยอดอกเม็ดเล็กบนแผ่นอกขาว เรียงเสียงหวานหูให้ดังลอดมาจากคอขาว กลบเสียงต่างๆที่อยู่รายบ้านหลังน้อย...จนกระทั่ง

     

                    “คุณซีวอนครับ คุณซีวอน ผมมารับแล้วครับ รีบกลับขึ้นฝั่งเหอะเดี๋ยวพายุจะมาอีกรอบ” สำเนียงแปร่งของโอโนะคนขับเรือชาวญี่ปุ่นดังขึ้นท่ามกลางเสียงครางแสนหวาน

               * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

                    ดึกมากแล้วทั่วท้องฟ้าเต็มไปด้วยก้อนเมฆสีคลำ สายฝนโปรยปรายลงมาเป็นสาย ในห้องมืดที่ไม่คุ้นเคย ยุนอาตื่นขึ้นมาพร้อมกับรู้สึกได้ถึงไออุ่นของคนที่นอนอยู่ข้างกาย  

     

                    หญิงสาวมองเสี้ยวข้างของคนที่หลับสนิท...คนนี้ไม่ใช่คนที่เธอตั้งใจจะฝากชีวิตไว้ด้วย...ไม่ใช่คนที่เคยคิดจะสละความบริสุทธิ์....แต่เป็นคนนี้ที่เดินเข้าในใจเธออย่างรวดเร็วจนไม่ทันรู้ตัว

     

                    แต่คนนั้น คนที่ได้เป็นคนรักของเธออยู่ที่ไหน...ป่านนี้ไม่มีแม้แต่โทรศัพท์มาหาหรือพูดคุย

     

                    เมื่อตอนเช้าที่เธอไปบ้านคนรัก แต่กลับกลายเป็นว่าเธอกับเขาทะเลาะกัน เธอได้น้องชายคนรักเข้าปลอบประโลมได้รับรู้เรื่องราวภายในใจ ที่ควรเก็บซ่อนไว้

     

                    แต่มันไม่สำคัญเลยว่าเด็กหนุ่มจะคิดเช่นไร หากเธอไม่ได้คิดเช่นเดียวกัน

     

                    * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

                 เด็กหนุ่มพาแฟนสาวของพี่ชายกลับเข้าไปในบ้าน ดวงตาคู่สวยแดงกล่ำ “คยูฮยอนพี่กลับก่อนนะ”

     

                   “แล้วพี่จะไปไหนครับ ให้ผมไปส่งนะ ผมไม่ยอมให้พี่ขับรถคนเดียวแบบนี้แน่” เด็กหนุ่มมองใบหน้าขาวเนียนที่ยังมีน้ำตาไหลลงมาไม่หยุด แล้วแบบนี้จะปล่อยให้ขับรถกลับบ้านได้อย่างไร

     

                    “ไม่เป็นไรหรอก เขายังไม่ห่วงพี่เลย เราก็มีเรียนไม่ใช่หรอ พี่กลับเองได้” หญิงสาวบอกปัดเวลานี้เธอยังไม่รู้เลยว่าจะไปทีไหน แต่ไม่อยากจะอยู่ที่นี้ และไม่อยากเป็นภาระใครอีกต่อไป

     

                    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ป่ะ พี่อยากไปไหน บอกผมนะ ผมจะพาพี่ไปเองนะครับ ให้ผมได้ทำหน้าที่แทนเขาบ้าง ในวันที่เขาไม่อยู่แบบนี้” ดวงตาคมอ้อนวอนอย่างเศร้าสร้อยจนหญิงสาวใจอ่อน

     

                    “ตามใจ แต่พี่ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหนดี แค่ไม่อยากอยู่ที่นี้แล้ว” เป็นครั้งแรกที่เธอกับเขาทะเลาะกัน เป็นครั้งแรกที่เขาเมินเฉยเธอไปแบบนี้ แล้วจะให้เธอรู้ได้อย่างไรว่าควรทำอะไร

     

                    “งั้นไป...หาแม่ครูกันไหมครับ ทุกครั้งที่ผมหรือพี่ฮีชอลมีปัญหา แม่ครูจะช่วยเราได้เสมอ ไปกันนะครับ”  เด็กหนุ่มจูงมือบางมาขึ้นรถ พาตัวเองไปยังที่นั่งคนขับ โน้มตัวคาดเบลให้กับหญิงสาว ใกล้ชิดจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ

     

                    “แล้วจะไม่เป็นการรบกวนแม่ครูหรอ คยูฮยอนที่จะพาพี่ไปแบบนี้”

     

                    “ไม่หรอกครับ แม่ครูของผมใจดี มีแต่พี่จะรังเกียจหรือเปล่า เด็กที่นั่นเป็นเด็กกำพร้า เหมือนผม เหมือนพี่ฮีชอล ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีใคร บางทีอาจมีพฤติกรรมแปลกๆไปบ้าง” เสียงทุ่มเศร้าหมองลงเมื่อนึกถึงชะตากรรมร่วมกันของเด็กที่นั่น

     

                    “ไม่หรอก ทั้งเราและก็พี่ฮีชอลออกจะเป็นคนดีไม่ใช่หรือไง” ใบหน้าหวาน ดวงตากลม จ้องมองเด็กหนุ่ม ที่คิดมากไปเอง

     

                    “พี่ฮีชอลเป็นคนดีครับ และก็อ่อนแอ แต่ผมอาจไม่ใช่คนดีอย่างที่พี่คิดไว้ก็ได้ อย่าไว้ใจผมเลย ขนาดคนรักของพี่ชาย ผมยังแอบรัก แล้วแบบนี้จะเป็นคนดีได้ไง”

     

                    “คยูฮยอน” หญิงสาวพึมพำชื่อของคนที่ขับรถให้เธอนั่ง เจ้าของชื่อหันมาส่งรอยยิ้มอ่อนแรงให้กับเธอ

     

                    “ช่างมันเถอะครับ พี่อย่าไปใส่ใจเลย แค่เตรียมเวียนหัวกับเจ้าพวกลิงที่บ้านแม่ครูดีกว่า”

     

                    ตลอดทั้งวันหญิงสาวแทบจะลืมความทุกข์ใจที่มีเพราะความซนของเด็กน้อย ความใจดีของแม่ครูและความร่าเริงของเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนจะย้อนตัวเองกลับไปเป็นเด็กเล่นกับน้องๆ

     

                    แต่แล้วอย่างไรเธอก็หนีความทุกข์ไปไม่ได้ เมื่อเธอก้าวออกมาจากบ้านที่มีแต่ความครึกครื้น เธอก็กลับไปสู่เรื่องเดิมที่วนเวียนอยู่ในสมอง “คยูฮยอนพี่ไม่อยากกลับบ้านเลย”

     

                    “แล้วพี่จะไปไหนครับ มืดแล้วนะครับ ป่านนี้พี่ซีวอนอาจกำลังตามตัวพี่อยู่ก็ได้...”

     

                    “ไม่หรอก ซีวอนถ้าเขาตามตัวพี่อยู่ป่านนี้คงโทรมาแล้ว แต่ไหนหล่ะ โทรศัพท์พี่เงียบ ของเราก็เงียบไม่ใช่หรอ”

     

                    “ก็ได้ครับ” เด็กหนุ่มยอมทำตามที่หญิงสาวว่า พาไปยังแหล่งบันเทิงยามค่ำคืนที่ประดับประดาด้วยสีสันมากมาย เชิญชวนเหล่าผีเสื้อกลางคืนไปเที่ยวเล่น

     

                    หญิงสาวดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า ดื่ม ดื่ม แล้วก็ดื่ม จนเมามาย แต่สติสุดท้ายที่ได้รับรู้คือ ความสุขแปลกใหม่ที่เธอไม่เคยรู้จัก และลิ้มลอง เนื้อตัวเบาหวิวเหมือนว่ากำลังล่องลอย

     

                    จนกระทั่งตื่นมาในสภาพเปลือยเปล่า ไม่ต่างจากคนที่นอนอยู่ข้างกายเลย โทรศัพท์ที่เงียบเหงาไม่มีมิสคอลจากใครสักคน

     

                    วันนี้เกิดอะไรขึ้น เธอคงต้องกลับไปนั่งมองความสัมพันธ์ของเธอและคนรัก และเด็กหนุ่มที่นอนอยู่ข้างกาย มองให้แน่ชัดว่าใครกันที่เธอต้องการ ใครกันที่จะเดินไปพร้อมกัน

     

                    หญิงสาวลุกขึ้นแต่งตัว เดินออกจากห้องที่ไม่คุ้นเคย หันกลับไปมองเดกหนุ่มที่ยังนอนนิ่ง บนโต๊ะหัวเตียงมีกระดาษโน้ตที่เธอเขียนทิ้งเอาไว้

     

                    “อย่าโทษตัวเองกับเรื่องในคืนนี้ ขอเวลาพี่คิดทบทวนสักนิด”

     

              * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

    Talk

                    ครบร้อยแล้ววววววววววววววววววววววววววค่า งึมงำ ทุกคนเข้าใจแบบไอซ์ไหมอ่า ว่า ยุนอาและโจบคยู เขา มีอะไรกันแล้วนะคะ (เพื่อว่าไม่คิดแบบนั้น)  ไอซ์ไม่บรรยายฉากนะคะ ก็เรื่องนี้วอนซิน นี้นา จะบรรยายฉากคยูยุนทำไม ใช่ไหมคะ ไว้รอฉากคยู....  ดีกว่า หุหุ

                    เหมือนจะง่ายไปหรือเปล่าคะ แต่ว่า แอลกอฮอล์มันทำให้อะไรง่ายเสมอแหล่ะคะ (ข้ออ้างที่น่าเกลียด)  ส่วนตอนหน้านั้นก็........... งึมงำ คุณชายเย็นชาแกจะว่าไงบ้างไม่รู้ทั้งเรื่องบนเกาะ และบนฝั่ง      

    ขอบคุณทุกคอมเม้มท์คะ 

     

                 




    #5 : ความคิดเห็นที่ 306
    เอาเลยคยูเอาเลย ทำไรทำเลย เข้าข้างเต็มที่
    ทนวอนไม่ไหวแล้ว
    วอนซินอึมครึมจริง แล้วจะรักกันได้มั๊ยเนี่ย

    ว่าแต่คยูจะรักยุนอาป่าว
    แล้วมินนี่ของเค้าอะ เอาไปไว้ไหน

    เรื่องนี้ไม่มีคยูมินนะคะ
    แต่ว่า ไอซ์ไดพล็อตมาใหม่ เรื่องสั้น
    ที่อาจจะคยูมิน แต่ว่าคงไม่ใช่เร็วๆนี้คะ
    ขอโทษนะคะ

    Name : H20 [ IP : 117.47.122.105 ]
    Email / Msn: -
    วันที่: 22 กรกฏาคม 2553 / 07:37

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×