ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Home คำนี้ยิ่งกว่ารัก (woncin fiction)

    ลำดับตอนที่ #17 : Protect & take care 100%

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ค. 53


     

      Protect & Take care            

                    “ซีวอน วันนี้ให้ฮีชอลดูบอลนะ นะ ฮีชอลอยากเชียร์อาร์เจนติน่า” ร่างบางที่แสนอ่อนโยนและห่างไกลกีฬาของผู้ชาย ที่คนยี่สิบคนลงมาแย่งเตะลูกกลมๆไปมารอบสนาม เพื่อให้อีกหนึ่งคนคอยปัดทิ้ง

                 

     

                    “แต่มันดึกนะครับ ฮีชอลจะดูจริงๆหรอครับ” ชายหนุ่มมองคนรักร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆ แปลกใจ ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะอยากดู ขนาดชาติตัวเองลงแข่งก็ไม่เห็นจะอยากดู แล้วนึกยังไงถึงได้อยากดูอาร์เจนตินาแข่งแบบนี้

     

                    “อื้อ อยากดู ก็มาราดอนน่าบอกไว้นี้หน่า ว่าถ้าได้เป็นแชมป์โลกแล้วจะแก้ผ้า ฮีชอลเลยอยากเอาใจช่วย นะ ซีวอนนะให้ฮีชอลดูนะ จะได้ดูเป็นเพื่อนซีวอนด้วยไง” ร่างบางใช้ศีรษะถูไถกับแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ก่อนจะเงยหน้ามองใบหน้าคมด้วยดวงตาแป๋วๆแบบที่ใครเห็นเป็นต้องใจอ่อน

     

                    “แล้วฮีชอลไปอยากดูคนแก่อ้วนเตี้ยแก้ผ้าทำไม ซีวอนแก้ผ้าน่าดูกว่าตั้งเยอะ” แม้ฮีชอลจะใช้อาวุธไม้ตาย แต่เพราะเหตุผลที่อยากดูมันทำให้คนรักไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

     

                    “อ่า ไม่ได้อยากดูสักหน่อย แค่อยากเอาใจช่วยเฉยๆ ให้ฮีชอลดูนะ นะ” อีกครั้งที่เสียออดอ้อนถูกใช้เพื่อคนรัก เหมือนที่ทำมาทุกครั้ง

     

                    “แล้วอยากดูซีวอนแก้ผ้าไหมครับ” ชายหนุ่มแหย่คนรักเล่นให้ใบหน้าหวานขึ้นสีเรื่อๆ อย่างที่ชอบทำ จ้องมองดวงตากลมโตด้วยดวงตาที่พราวระยิบ

     

                    “ซีวอน” ร่างบางขึ้นเสียงสูง อยากจะตีลงบนแขนล่ำ แต่รู้ว่าตีไปก็ไร้ประโยชน์ ยังไงคนถูกตีก็คงไม่สะท้าน เผลอๆอาจโดนเอาคืนอีก “ตกลงให้ฮีชอลดูไหม”

     

                    “อันแน่ ทำเป็นดุ ไม่ยอมตอบ อยากดูซีวอนแก้ผ้าใช่ไหมหล่ะ” ชายหนุ่มหัวเราะใส่ใบหน้าหวานที่เริ่มบูดบึ้ง ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่คนรักและแม่ของลูก(แมว)จะงอนจริงๆ “ก็ได้ครับ ให้ฮีชอลดูด้วยก็ได้” มือหนาๆลูบผมบางๆ ก่อนผลักให้มาพิงไหล่หนาของตนเอง

     

                    “แล้วซีวอนต้องเชียร์อาร์เจนตินาเหมือนฮีชอลนะ นะ” คนที่ถูกผลักให้พิงไหล่หนา ไถลตัวลงไปนอนหนุนตักแข็งๆ มีมือหนาลูบไล้ผมแผ่วเบาจนเคลิบเคลิ้ม ดวงตาโตเริ่มปรือลง

     

                    “เรื่องอะไรหล่ะครับ ซีวอนก็มีทีมที่อยากเชียร์เหมือนกันนี้นา ยังไงปีนี้เยอรมันก็ชนะ เชื่อซีวอนสิ เยอรมันไม่ยอมปล่อยให้ลุงแก่อ้วนเตี้ย ออกมาแก้ผ้าเพ่นพ่านหรอก” ซีวอนหัวเราะใบหน้าหวานที่ปากกับจมูกแทบจะยู่มาติดกัน ของคนแสนงอนที่น่ารัก

     

                    “อะไรเล่า มาพนันกันเลยดีกว่า ถ้าฮีชอลชนะ ซีวอนต้องยอมให้ฮีชอลไปช่วยงานเจย์ที่ร้าน ตกลงไหม” เสียงหวานๆเริ่มขุ่น เงยหน้ามองเจ้าของตักหนาที่นอนหนุนอยู่

     

                    “แล้วถ้าซีวอนชนะหล่ะครับ ซีวอนจะได้อะไรจากฮีชอล” น้ำเสียงแผ่วพร่า ดวงตาคมกล้าทอแสง

    ประกายวิบวับ ที่บอกให้รู้ว่าคนพูดหมายถึงอะไร เรียกสีหน้าแดงเข้มจากคนฟัง

     

                    “ก็...ก็...ซีวอนอยากได้อะไรหล่ะ” ดวงตากลมไม่กล้าสบตาคนรัก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเอาเป็นข้อแลกเปลี่ยนดี นึกในใจว่าไม่น่าชวนเลย

     

                    “อื้อ...ตามใจซีวอนหรอ งั้น ฮีชอลต้องทำตามที่ซีวอนสั่งหนึ่งอย่าง แล้วก็.......ต้องถอดเสื้อผ้าให้ซีวอนด้วย   ตกลงไหมครับ” ข้อแลกเปลี่ยนที่สอง ชายหนุ่มก้มลงกระซิบข้างใบหูเล็ก ยังหึงอยู่นิดๆ

     

                   มีคนรักหุ่นดี ซิกแพคเป็นลูกๆแบบนี้ อยากไปดูผู้ชายอ้วนเตี้ยแก้ผ้าได้ไงกัน....มันต้องสั่งสอน

     

                    “ง่า ข้อเดียวไม่ได้หรอ นะ” ฮีชอลเริ่มมองเห็นภัยร้ายที่กำลังคุกคามตนเอง ขอต่อรองกับคนรักด้วยไม้ตาย...ดวงตาแป๋วๆที่ซีวอนไม่เคยแข็งใจได้

     

                    “ไม่ได้ครับ ถ้าไม่ตกลงงั้นคืนนี้ฮีชอลก็ต้องเข้านอน ห้ามดู” ซีวอนหลบสายตาแสนน่ารัก ยื่นคำขาดที่พอจะคุ้มค่ากับการให้คนรักที่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กนอนดึก

     

                    “ก็ได้ คอยดูยังไงๆอาร์เจนตินาก็ต้องชนะ คอยดูเลย”

     

                    “ครับ แล้วผมจะคอยดูว่า ฮีชอลจะได้ดูใครแก้ผ้า ระหว่างผมกับตาแก่นั่น” ซีวอนยังไม่เลิกแกล้งคนรัก เสียงหัวเราะแสนสุขเรียกเจ้าแมวที่เดินออกมาจากห้องครัว ให้กระโดดขึ้นไปนอนซุกกับแขนเล็กของฮีชอล

     

                    ครอบครัวแสนสุข พ่อ แม่ ลูก(แมว) กำลังรอการถ่ายทอดสน ฟุตบอลโลกคู่หยุดโลก...ที่ผลออกมาแล้วบางคนต้องน้ำตาตก

     

           

     

            ร่างเล็กนอนยาวไปตามโซฟาตัวใหญ่ หนุนตักคนรักที่นั่งเป็นหมอนให้หนุน บนโต๊ะเต็มไปด้วยขนมขบเคี้ยวสารพัดที่จะทำให้ไม่หลับไปก่อนบอลจะจบ เสื้อฟ้าขาวที่ใส่อยู่ก็ตัวใหญ่ คอกว้างหลุดลงมาที่ไหล่เล็ก จนต้องหาผ้ามาห่มเพราะเป็นเสื้อที่ขโมยมาจากคน เพื่อนสนิทที่อยู่ข้างบ้านคุณลุงคุณป้า

     

                    “ตาปรือแล้วนะครับฮีชอล ไปนอนไหม เดี๋ยววันพรุ่งนี้ค่อยมาดูผลตอนเช้า เอาไหม” ชายหนุ่มก้มถามคนที่ตั้งตารอคอยถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ที่กว่าจะเริ่มก็ดึกดื่น เกินเวลานอนของเด็กอนามัย

     

                    “ไม่เอา ฮีชอลจะดู เดี๋ยวเกิดซีวอนโกงทำไง ไม่ได้หรอก ยังไงๆก็จะดูเนอะ ฮีบอมก็จะดูใช่ไหม” แมวตัวเล็กที่ถูกแปะสติกเกอร์ธงชาติสีฟ้าขาวแบบไม่รู้เรื่อง ร้องเหมียวตอบรับเหมือนจะรู้เรื่อง ก่อนจะซุกตัวลงบนช่องว่างของตักกว้างที่เหลืออยู่ของชายหนุ่ม

     

                      “ตามใจครับ แต่ถ้าง่วงก็หลับ ห้ามฝืนนะครับ” ชายหนุ่มบอกคนรักที่ยังไงก็เหมือนเด็กน้อยให้คอยเป็นห่วงตลอดเวลา

     

                    “อื้อ ซีวอนพูดมาก ดูนั่น นักบอลออกมาแล้ว” ร่างเล็กที่นอนหนุนตักชี้มือไปที่ทีวีจอใหญ่ มองนักบอลที่เดินออกมาพร้อมกับเด็กตัวเล็กน่ารักๆ นึกสงสัยไอ้พวกจะเดินออกมาที่สนามไม่ถูกหรือไง ถ้าไม่มีเด็กจูงมาเนี่ย

     

                    ชายหนุ่มพยายามจ้องจับผิดคนรักที่ดูตื่นเต้นกับเหล่าผู้ชายยี่สิบกว่าคนที่เดินออกมา อยากจะรู้นักว่ามันมีอะไรแอบแฝงในการดูบอลครั้งนี้นอกไปจากตาแก่อ้วยเตี้ยหรือเปล่า “ซีวอนชักสงสัยแล้วนะ ว่าฮีชอลแอบชอบนักบอลคนไหนหรือเปล่าเนี่ย”

     

                    “อะไรเล่า ฮีชอลไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อยที่จะชอบนักบอลหน้าตาดีอ่ะ” ร่างบางเงยหน้ามองคนรักอย่างงอนๆ ก่อนจะรู้สึกว่าไม่น่าเงยหน้ามองเลย ก็ตาคมๆที่ปรกติก็ดูดี แต่เวลาหึงมันน่ากลัวแปลกๆ จนอดหนาวๆร้อนๆไม่ได้

     

                    “ฮีชอลยังชอบซีวอนหน้าตาหล่อเลย” ชายหนุ่มยังคงไม่เลิกรากับความคิดของตัวเอง จ้องมองเสี้ยวหน้าที่นอนหนุนตักตัวเองอยู่

     

                    “อะไร ฮีชอลเคยพูดที่ไหนว่าซีวอนหล่อ ซีวอนอ่ะหลงตัวเอง ฮีชอลหล่อกว่ายังไม่เคยชมตัวเองเลย” แม้จะกลัวกับตาคมๆดุๆ แต่ก็ยังไม่เลิกเถียง ก่อนจะละสายตาปรือๆไปดูทีวี

     

                    “อะไรเนี้ย พูดอย่างนี้ไม่ต้องดูบอลแล้วดีกว่า ถอดเสื้อวัดกันเลยว่าใครหล่อกว่ากัน” ซีวอนทำท่าเอาจริงมือหนาเลิกเสื้อที่ใส่อยู่กะจะวัดความหล่อให้คนที่บอกว่าหล่อกว่าได้อายหน้าแดง และไร้เรี่ยวแรงกับค่ำคืนแสนเร่าร้อน

     

                    “เฮ้ย จะทำอะไรอ่า ไม่เอานะๆๆ ให้ฮีชอลดูบอลนะ” ดวงตากลมโตจ้องมองชายหนุ่มอย่างอ้อนวอน มองเห็นรำไรว่าถ้าซีวอนไม่ยอมจะโดนอะไร “ยังไงๆคนอื่นก็มองว่าซีวอนหล่อกว่าฮีชอลแหล่ะนะ อย่าทำแบบนี้นะ” 

     

              “ก็นึกว่าอยากวัดว่าใครหล่อกว่ากัน แต่ฮีชอลแต่สำหรับซีวอน ฮีชอลน่ารักที่สุดนะครับ” คำหวานที่กระซิบใส่หูทำให้คนรักหน้าแดงกล่ำ จนต้องหันหน้าไปซุกกับหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ

     

                    ทันที่ที่ร่างบางละสายตาจากทีวีจอยักษ์ ชายหนุ่มร่างสูงเสื้อเบอร์สิบสามในทีวีก็ทำประตูแรกให้กับเยอรมัน จนทำให้ชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งเป็นหมอนหนุนดีใจแบบไม่เก็บอาการทั้งที่เกมพึ่งเริ่มไปได้แค่สามนาที

     

                    “ฮีชอลแย่แน่เลย แบบนี้” ชายหนุ่มยิ้มปากแทบฉีก ดีใจเสียงดังจนลูกแมวน้อยตกใจ ลงจากโซฟาไปซุกอยู่ที่ห้องครัว แววตามีความสุขมองใบหน้าหวานที่จ้องมองทีวีอย่างแค้นเคือง

     

                    “ไม่มีทางหรอก แค่อ่อยให้เฉยๆ ไม่อากให้ดูเหมือนว่ารังแกเด็ก แบร่” ลิ้นเล็กสีชมพูอย่างคนสุขภาพดีแล่บออกมาให้ชายหนุ่มก่อนหันหน้าไปมองเจ้าจอสี่เหลี่ยมอีกครั้ง ในใจนึกไม่ชอบหน้าเจ้าเสื้อเบอร์สิบสามเท่าไหร่

     

                    ไหนว่าเป็นเลขไม่มงคลไง...แล้วมันทำประตูตั้งแต่นาทีที่สามได้ไง....??????

     

                    ร่างเล็กนอนหนุนตักคนรัก มีลุกขึ้นมาลุ้นบ้างเมื่อเกือบได้ประตู แต่ก็ต้องกลับลงไปนอนเหมือนเดิมด้วยความเซ็ง ใบหน้าหวานตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับโค๊ชข้างสนาม ฟันขาวขบกัดริมฝีปากอิ่มแน่น

     

                    “ ฮีชอลอย่าเครียดขนาดนั้นสิครับ จะแพ้ก็ต้องแพ้ ต่อให้ฮีชอลเครีดมากขึ้น อาร์เจรตินาก็ไม่ชนะหรอกครับ คนเก่งของซีวอน” ชายหนุ่มฝังจมูกลงบนแก้มนุ้นเต็มแรง จนคนที่กัดริมฝีปากตัวเองอยู่ต้องปล่อยหันมามองหน้ายิ้มอารมณ์ดีของคนรัก

     

                    “ซีวอนอ่า  ยังไงๆก็ชนะ อาร์เจนตินาแค่ปล่อยให้ตายใจเท่านั้นเอง ยังเหลือครึ่งหลังอีกตั้งสี่สิบห้านาที ไม่แพ้หรอก เชื่อเหอะ” ช่วงพักครึ่งร่างบางก็หันมาสนใจคนรักที่นั่งอยู่ ดวงตากลมปรือลงไปทุกที แต่ก็ยังฝืนจะจะดูให้ได้

     

                    “แต่ว่าพอลมันเลือกเยอรมันนะครับ ฮีชอล”

     

                    “เรื่องของปลาหมึก ฮีชอลไม่ใช่ปลาหมึกสักหน่อย” ดวงตากลมที่ใกล้ปิดลงทุกทีส่งค้อนให้ชายหนุ่ม ฝากเลยไปถึงไอ้นักเตะเบอร์สิบสามของเยอรมันที่อยู่แอฟริกาใต้

     

                    “อ้อ เพราะฮีชอลไม่ใช่ปลาหมึกนี้เอง แต่รู้ไหมว่าซีวอนเนี้ย เพื่อนสนิทกับปลาหมึกเลยนะ” ชายหนุ่มกลัวคนรักไม่เข้าใจกับสิ่งที่พูดมือหนาสอดเข้าใต้เสื้อตัวโคร่งที่ไม่เคยเห็นของคนรัก ลูบไล้ผิวเนียนนุ่มด้วยความรัก

     

                    “หยุดเลยนะซีวอน ไม่เล่นแบบนี้สิ ไหนบอกว่าจะให้ฮีชอลดูบอลไง แล้วทำแบบี้จะได้ดูไหมอ่า” มือบางๆจับข้อมือหนาเอาไว้แน่น ใบหน้าแดงกล่ำ ดวงตากลมโตจ้องมองคนรักอย่างงอนๆ

     

                    “อ่า ก็แค่จะให้รู้ว่าสนิทกับปลาหมึกจริงๆ ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยสักหน่อย ฮีชอลคิดทะลึ่งๆกับซีวอนแน่เลย” ประโยคสุดท้ายชายหนุ่มขึ้นเสียงสูง ยิ้มมีความสุขทั้งใบหน้าไม่เว้นแม้แต่ดวงตาคม

     

                    “อะไรเล่า เปล่าสักหน่อย” คนไม่ได้คิดอะไร ปฏิเสธเสียงสั่น หน้าแดงกล่ำ หลบสายตาคมๆที่เต็มไปด้วยแววล้อเลียนด้วยการหันหน้าซุกหน้าท้องชายหนุ่ม แล้วฝั่งคมเขี้ยวลงไป

     

                    “ฮีชอลลลลลลลลลลลล!!” เสียงของชเว ซีวอนตะโกนลั่นยามดึกเพราะความเจ็บที่ถูกกัด เจ็บจนต้องชำระแค้น....

     

                    ชายหนุ่มก้มลงมองใบหน้าหวานที่ยิ้มพราวด้วยดวงตาเจ้าเล่ห์ สองมือหนาประคองศีรษะเล็กขึ้นมา เอื้อมมือหนาไว้ที่ท้ายทอยกันคนตัวเล็กเบี่ยงหนี ใบหน้าคมโน้มตัวลง ฝีปากอุ่นสัมผัสกับริมฝีปากอิ่มสีแดงเรื่อ เรียวลิ้นไล่กวาดต้อน เปลี่ยนมุมให้บดเบียดและแนบชิด ส่งต่อความหวานล้ำที่เร่าร้อนให้ร่างบางได้รับรู้

    ก่อนจะริมออกมาเพื่อให้คนรักได้สูดอากาศ ในขณะริมฝีปากร้อนจัดไล่เล็มความหวานจากผิวขาวใสที่เปลี่ยนเป็นแดงเรื่อ

     

                    “อื้อ ซีวอนบอลมาแล้ว” ร่างเล็กผลักอกหนาๆอย่างอ่อนแรง ใบหน้าหวานแดงกล่ำ ไม่กล้าสบตาคนรัก ได้แต่กัดริมฝีปากตนเองก่อนจะโดนสัมผัสริมฝีปากอีกครั้ง จนอ่อนแรงได้แต่ยินยอมปล่อยให้ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของชายหนุ่ม จนต้องร้องขออากาศเพื่อหายใจ

     

                    “ดูบอลหรือจะต่อที่ห้องครับ คนดี” เสียงกระซิบแผ่วพร่าที่ข้างหูเหมือนจะเปิดโอกาสให้คนรักได้เลือก แต่สิ่งที่กระทำมันไม่ใช่ เมื่อชายหนุ่มย้ำสัมผัสลงไปอย่างเรียกร้อง ไม่ปล่อยที่ว่างให้ร่างบางได้คิด

    “กลับห้องนะครับ ”

     

                    ร่างเล็กมองคนรักอย่างช่างใจแทบไม่เหลือที่ว่างของสมองไว้คิดสิ่งใดได้แต่ยอมให้ชายหนุ่มโอบอุ้มกลับเข้าห้อง ในขณะที่ริมฝีปากของคนทั้งสองแทบไม่แยกห่างจากกัน

     

                    ผลบอลคู่นี้ คงต้องรอดูวันพรุ่งนี้ซะแล้ว .....ส่วนวันนี้ก็.........................คงต้องเข้าห้องนอน  


           
            

                  “ฮีชอลครับ ตื่นได้แล้วครับ คนเก่ง จะตื่นหรือเปล่า ไม่ตื่นซีวอนจับปล้ำกลางวันแสกๆแบบนี้เลยนะ” เสียงกระซิบข้างหูไม่เข้าหูคนฟังที่ยังอยู่ในอาการง่วงงุน แต่เพราะคำขู่สุดท้ายจำต้องกระเด้งตัวขึ้นมา เปิดดวงตารับแสงจ้าของพระอาทิตย์ยามสายวันอาทิตย์

     

                    “อื้ออออ  ไม่เอานะ แค่นี้ก็จะตายแล้ว” ร่างบางงัวเงียในชุดนอนสบายๆที่เมื่อคืนมีคนใจดีอุ้มไปอาบน้ำพร้อมเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เสร็จสรรพ ในขณะที่คนใจดีกลับใส่แค่กางเกงขายาวเพียงตัวเดียว

     

                    “คร้าบ ก็ถ้าฮีชอลเป็นเด็กดีก็ไม่ทำอะไรหรอกครับ ซีวอนออกจะรักฮีชอลมากขนาดนี้” ชายหนุ่มโอบกอดคนรักเบาๆ จมูกโด่งฝังลงบนแก้มใสๆ “ซีวอนทำอาหารเที่ยงไว้ให้แล้ว จะทานบนเตียงหรือที่โต๊ะดีครับคนขี้เซา”

     

                    “เที่ยงแล้วหรอเนี้ย เพราะซีวอนนั่นแหล่ะ บอลก็อดดู แล้วยังจะ.....” ร่างบางหาคำมาต่อไม่ถูกได้แต่เขินอายเพราะเรื่องเมื่อคืน ที่ยิ่งคิดก็ยิ่งเขิน ฟาดมือลงบนไหล่เปลือยเต็มแรง

     

                    “คิดอะไรอยู่ครับ  แน่ะ เดี๋ยวนี้ทะลึ่งใหญ่แล้ว” ซีวอนหัวเราะกับอาการเขินอายของคนรักที่คิดไปถึงเรื่องเมื่อคืน “ว่าไงครับ กินบนเตียงหรือบนโต๊ะ หืม”

     

              “กินบนโต๊ะดีกว่า กินบนที่นอนเดี๋ยวหกเลอะเทอะ เนอะ”

                    “แล้วเดินไหวหรือครับ เมื่อคืน ออกจะ....” ชายหนุ่มลายกเสียงยาวจงใจแกล้งคนรักให้ยิ่งตัวแดงหน้าแดง พลางก็หลบฝ่ามือบางๆที่กระหน่ำตีแก้เขิน

     

                    “ซีวอนสุดหล่อ อุ้มฮีชอลไปหน่อนนะ นะ” ร่างบางผลักตัวเองขึ้นไปนั่งบนตัวชายหนุ่ม สองมือโอบรอบคอหนา หน้าพิงอยู่กับไหล่หนา จ้องมองใบหน้าคมอ้อนวอนเล็กๆ

     

                    “ครับผม จะบริการเป็นอย่างดี อุ้มถึงที่ แถมเป็นเก้าอี้สุดนุ่มและป้อนอาหารให้ถึงปากเลย”  ชายหนุ่มทำจริงอย่างที่ปากว่า อุ้มร่างเล็กไปที่โต๊ะทานข้าวตัวเล็กที่มีถ้วยใส่ข้าวต้มสำเร็จรูปรออยู่

                   

                    ซีวอนหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่นั่งประจำมีร่างบางผิวชมพูแสนน่ารักที่ดูอ่อนล้านั่งอยู่บนตัก ใบหน้าที่เล็กเกือบเท่าฝ่ามือยังฝังแน่นกับไหล่หนา สองแขนก็ยังโอบรอบคอไม่ยอมปล่อย

     

                    “หันหน้าอย่างนั้นแล้วซีวอนจะป้อนได้ไงครับ”

     

                    “ไม่เอากินอาหารซีวอนทีไร ฮีชอลปวดท้องทุกที ไม่กินหรอก ซีวอนกินไปเหอะ” ริมฝีปากสีแดงเรื่อที่เจ่อบวมนิดๆ พูดเจื้อยแจ้วให้เก้าอี้กิตติมศักดิ์ เสี่ยงกินอาหาร โดยที่คนพูดก็ยังไม่เห็นว่ามีอะไรรออยู่บนโต๊ะเป็นมื้อเที่ยง

     

                    “ไม่ปวดท้อหรอกครับ แต่ถ้าไม่ทานอ่ะ ปวดแน่ๆ นี้ซีวอนไม่ได้ทำเอง แค่เติมน้ำร้อนสามนาทีเอง กินนะครับ รองท้องก่อน แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องบอลกันนะครับคนเก่ง” ชายหนุ่มจุมพิตบนศีรษะเล็กที่ปกคลุมด้วยเส้นผมอ่อนนุ่ม ไม่ลืมเรื่องที่ตกลงไว้ตั้งแต่เมื่อคืน แม้จะไม่ได้ดูบอลจนจบก็ตาม

     

                    “อาร์เจนตินาชนะใช่ไหม” เสียเล็กถามอย่างดีใจ แววตาที่แหงนมองหน้าคมๆกระชากใจสาวๆ ดูมีความหวังเต็มเปี่ยม นึกดีใจว่าจะได้ไปป่วนเพื่อนสนิทที่ร้าน

     

                    “จะชนะได้ไงครับ ก็เมื่อคือฮีชอลได้ดูซีวอนแก้ผ้าไม่ใช่มาราดอนน่าแก้ผ้าสักหน่อย” ใบหน้าเปื้อนยิ้ม บอกผลบอลให้คนรักรู้ทางอ้อม

     

                    “อะไรเนี้ยเป็นแบบนี้ได้ไงกันอ่า  เยอรมันโกงแน่ๆ เชื่อสิ” ร่างบางออกอาการงอแง จากที่จะย้อมให้คนรักป้อนข้าว กลายเป็นเบือนหน้าหนี

     

                    “ได้ดูซีวอนแก้ผ้าแล้วว่าเยอรมันโกงได้ไงครับ ซีวอนแก้ผ้าน่ามองกว่าตาแก่อ้วนเตี้ยอีก แถมฮีชอลก็ชอบใช่ไหมหล่ะ ซีวอนรู้นะ เมื่อคืนฮีชอลออกจะมือซน แถมจิกหลังซีวอนเป็นแผลอีก” ซีวอนเอาเรื่องที่คนรักทำไปโดยไม่รู้ตัวมาพูดในตอนเที่ยงแบบนี้  มีใครบ้างที่จะไม่อาย

     

                    “ซีวอนนนนนนนนนน” กำปั้นเล็กๆของมือบางๆฟาดลงกลางหลังคนรักที่เต็มไปด้วยรอยเล็บที่เกิดจากิจกรรมเมื่อคืน “ยังจะพูดอีก ก็ใครเล่า อยู่ดีๆก็ทำแบบนั้น แถมไม่ให้ฮีชอลเลือกด้วย อดดูบอลเลย”

     

                    “อ้าว! โทษซีวอนได้ไง อาร์เจนตินาแหล่ะเล่นไม่เอง รู้ไหม แพ้เยอรมันเท่าไหร่ตั้งสี่ศูนย์ ก็แปลว่าซีวอนต้องแก้ผ้าให้ฮีชอลดูสี่ครั้ง แทนตาแก่ไม่ได้เรื่องคนนั้น” น้ำเสียงชายหนุ่มเหมือนไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก แต่ดวงตามันปกปิดนิสัยจริงๆไม่มิด

     

                    “ไม่อยากก็ไม่ต้อง ใครไปขอร้องกันเล่า แค่เมื่อคืนก็ปวดไม่หายแล้ว” ร่างเล็กอุบอิบกับตนเองในประโยคสุดท้าย แต่เหมือนว่าอีกคนจะได้ยินและชอบใจ

     

                    “ก็นี้แหล่ะน้า เขาถึงว่าการพนันไม่ดี ดูอย่างซีวอนที่ชนะพนัน แต่ก็ต้องมาแก้ผ้า แถมเจ็บตัวให้ฮีชอลจิกเล็บบ้างแหล่ะ ทุบบ้างแหล่ะ แล้วดูอย่างฮีชอลที่แพ้พนันก็ต้องทำตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ เห็นไหมครับ ไม่มีผลดีเลย อย่าไปพนันกับใครนะ ถ้าอยากเล่น เล่นกับซีวอนคนเดียวพอรู้ไหมครับ” น้ำเสียงที่เคยทุ้มนุ้ม กลายเป็นจริงจังเมื่อสอนคนรักให้รู้ถึงโทษของการพนัน แล้วยั ง กำชับไม่ให้ไปเล่นแบบนี้กับใคร

     

                    “คร้าบคุณครู” ฮีชอลล้อเลียนคนรักที่ยังนั่งเป็นเก้าอี้

     

                    “ดีมาก ที่เชื่อฟังนะครับ แต่ตอนนี้ต้องทานข้าวแล้วนะ แล้วซีวอนจะคิดดูอีกทีว่าจะปรับฮีชอลยังไงดี” ชายหนุ่มยังไม่เลิกต้อนคนรักให้ทานข้าวต้มสำเร็จรูปที่อุตส่าห์ต้มน้ำ และเทน้ำร้อนใส่

     

                    “ซีวอนเป่าก่อนสิ มันยังร้อนอยู่เลย” มือเล็กชี้ไปที่ชามข้ามต้นที่มีควันลอยอยู่บางๆ คิดจะทำแค่ อ้าปากให้กว้าง เคี้ยวข้าวให้ละเอียด ก่อนกลืนลงคอ แค่นั้นจริงๆ

     

                    “ครับผม เมื่อก่อนไม่เห็นช่างอ้อนขนาดนี้เลยนะเนี้ย” ชายหนุ่มเป่าข้าวร้อนๆในช้อน ป้อนเข้าสู่ปากเล็กที่อ้ารออยู่ ก่อนจะหลุดหัวเราะจนได้ค้อนสวยๆมาหนึ่งที “แหม ก็ออกจะเหมือนลูกนกขนาดนี้ไม่ให้ซีวอนหัวเราะได้ไงครับ ลูกนกของซีวอน”

     

                    ชายหนุ่ม ทั้งเป่า ทั้งป้อน จนหมดข้ามต้มหมดชาม แต่กว่าจะหมดได้ ก็ป้อนข้าวผ่านอย่างอื่นที่ไม่ใช่ช้อนไปหลายที ได้กำไรไปหลายครั้ง จนริมฝีปากที่เจ่อบวมเล็กๆ กลายเป็นบวมขึ้นกว่าเดิม

     

                    “อิ่มไหมครับ” ชายหนุ่มมองแก้มยุ้ยที่กักตุนข้าวเอาไว้ ให้ใบหน้าหวานพยักหน้ารับ “งั้นก็มาพูเรื่องของเรากันเนอะ  ซีวอนใจดีลดเงื่อนไขให้ฮีชอลเอาไหมครับ”

     

                    “เอา  ซีวอนของฮีชอลหล่อที่สุดเลย” ไม่ใช่แค่คำพูดที่เอาใจ แต่ร่างบางบรรจงจุมพิตลงบนแก้มสากที่ไรหนวดเริ่มขึ้น

     

                    “งั้นก็ ตัดที่ฮีชอลต้องถอดเสื้อให้ซีวอนออก เหลือแค่ทำตามคำสั่งของซีวอนหนึ่งข้อ ก็พอเนอะ ตกลงไหมครับ หรือว่า ฮีชอลอยากถอดเสื้อให้ซีวอน” ชายหนุ่มยังไม่เลิกแกล้งคนรัก

     

                    “ง่า ตัดข้อนั้นออกอ่ะดีแล้ว แล้วซีวอนจะให้ฮีชอลทำอะไรหรอ เอาง่ายๆ ไม่ทะลึ่งนะ” ฮีชอลรีบดักคอคนรักเอาไว้ก่อน เพราะรู้จักนิสัยกันมานาน รู้ว่าหน้าโหดๆแบบนี้เป็นคนแบบไหน

     

                    “อะไรกันฮีชอลคิดไม่ดีกับซีวอนหรือไง ไอ้เรากะแค่จะให้ลงไปซื้อเบียร์สักกระป๋อง สองกระป๋องเท่าเอง ได้ไหมครับ” ตาคมๆที่มีหลากหลายอารมณ์ซ่อนอยู่ ตอนนี้เหมือนว่ากำลังขอร้องคนรักให้ทำเรื่องยิ่งใหญ่เกินกว่าการลงไปที่ร้านสะดวกซื้อข้างล่าง

     

                    “ได้ครับ แต่ซีวอนไม่ต้องแก้ผ้าครบสี่รอบหรอกนะ ซีวอนชนะนี้นา”

     

                    “อื้อ ไม่ได้หรอก ก็พูดเอาไว้แล้ว อย่าลืมนะครับ ไปซื้อเบียร์ให้ซีวอน แล้วขึ้นมาดูซีวอนแก้ผ้ารอบที่สอง”  

     

                    “ง่ะ ต้องลงไปเลยหรอ” ร่างบางต่อรองกลับชายหนุ่ม แต่เหมือนว่าวันนี้ซีวอนจะไม่ใจอ่อนง่ายๆเลย ฮีชอลผู้บาดเจ็บจากการแข่งขันฟุตบอลระหว่างเยอรมันนีและอาร์เจนตินา จึงต้องลงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าลงไปซื้อเบียร์ตามที่ผู้ชนะแสนใจร้ายสั่งมา

     

                    แล้วก็ต้องกลับหาทางเลี่ยง ไม่ต้องดูคนรักแก้ผ้า......




             

                                                                         

                     ร่างเล็กๆ ตัวบางๆ หน้าแดงกล่ำเพราะความร้อนของอากาศ เดินหิ้วข้าวของพะรุงพะรัง เต็มไปด้วยสารพัดยี่ห้อขนม แล้วยังจะมีกระป๋องอาหารสำหรับลูกแมวแสนรัก ทั้งๆที่ตั้งใจจะออกมาซื้อแค่เบียร์สามกระป๋องตามที่คนชนะพนันสั่ง แต่ว่าให้ฮีชอลมาซื้อคนเดียวมันก็เลย....มากมายไปด้วยขนมแบบนี้

                   

                    “เมี้ยวๆๆ เมี้ยว” เสียงแหลมเล็กแสนออดอ้อนจนน่าสงสาร คล้ายกับที่ได้ยินบ่อยๆจากปากลูกแมวตัวน้อยที่ห้อง ทำให้ร่างเล็กต้องหันไปมองรอบๆตัว หาที่มาของเสียงก่อนจะเจอกับเจ้าของเสียงตัวเล็กผอมแห้ง หน้าตามอมแมม เป็นแมวไร้คนดูแลนอนอยู่ริมทางเดิน

     

                    “หิวใช่ไหม อย่ามองแบบนั้นสิ” ฮีชอลที่รักแมวขี้อ้อนเป็นชีวิตจิตใจ ไม่สามารถทนต่อสายตาเว้าวอน อันน่าสงสารได้ ต้องลงนั่งยองๆลูบหัวเล็กๆด้วยความเมตตาอันสูงส่ง “แปปนะ เดี๋ยวดูก่อนว่าพอมีอะไรให้แกกินได้บ้าง อย่าพึ่งร้องนะ”

     

                    ร่างเล็กใจดี รื้อค้นในถุงหลายใบที่หอบหิ้วมา “อื้อ นี้ไงมีอาหารฮีบอมอยู่ ฮีบอมคงไม่โกรธหรอกเนอะ ถ้าจะแบ่งอาหารมาให้น้องตัวเล็กๆแบบนี้” คิม ฮีชอลพูดกับตัวเองไม่สนสายตาแปลกๆ และอยากรู้อยากเห็นจากคนที่เดินผ่านไปมา

     

                    มือบางเปิดกระป๋องอาหารแมวที่โฆษณาไว้ว่าเพื่อสุขภาพดีห้าประการของแมวที่คุณรักที่ตั้งใจจะซื้อไว้ให้ลูกแมวตัวน้อยกินเล่นยามเบื่ออาหารเม็ดแห้ง หรือบางทีเผื่อคลุกกับข้าวเพื่อไม่ให้ซ้ำซากจำเจจนเกิดการเบื่ออาหาร

     

    กลิ่นปลาทะเลและกุ้งในเจลลี่เหนียวหนืดโชยออกมาจากกระป๋อง จมูกเล็กที่เปียกแฉะน้ำมูกไหลเยิ้มบ่งบอกว่ากำลังป่วย ฟุดฟิดไปมา ก่อนที่ขาเล็กสั้นจะพยุงร่างกายที่ผอมโซจนเห็นซี่โครงขึ้นมอง ดวงตากลมมองร่างบางที่เทกระป๋องให้อาหารลงบนพื้นอย่างไม่วางใจ

     

                    “กินเหอะหน่านะ ไม่กินก็ต้องทนหิวเดี๋ยวก็ปวดท้องหรอก ไม่ทำอะไรหรอก” ฮีชอลอ่านสายตาจากแมวน้อยออก ก่อนจะยอมถอยห่างออกมานิดหนึ่ง เพื่อให้เจ้าสิ่งมีชีวิตแสนอ่อนแอ เดินเข้าไปใกล้อาหารที่กองไว้ มองลิ้นเล็กที่ค่อยๆแล่บออกมาเลียเนื้อปลาบนพื้นจนหมดอย่างรวดเร็ว

     

                    “เอาอีกไหม?” เสียงหวานๆถามอีกครั้งก่อนจะเทอาหารจากกระป๋องลงบนพื้นอีกครั้ง เขยิบตัวเข้าไปใกล้ดูเหมือนว่าเจ้าตัวเล็กจะเริ่มไม่ระวังตัว กินอาหารบนพื้นแบบมูมมาม จนหมดอย่างรวดเร็ว

     

                    “เมี้ยวๆๆๆๆๆ” เสียงร้องลั่น เรียกให้ร่างบางนั่งหัวเราะ เทอาหารลงไปอีกอย่างมีความสุข มือบางลูบหัวกลมอย่างเอ็นดู แต่เพราะมันไม่ใช่ฮีบอมที่ยอมให้ฮีชอลทำทุกอย่าง เพราะมันเป็นแมวข้างถนนที่ต้องป้องกันตัวเอง และไม่วางใจมนุษย์ ปากเล็กๆที่มีเขี้ยวพึ่งขึ้นหันมากัดเข้าที่ปลายนิ้ว เล็บคมๆข่วนเข้าที่มือขาวในทันทีก่อนจะหันไปจัดการกับอาหารต่อ ทั้งที่พึ่งกัดคนให้

     

                    “โอ้ย กัดทำไมเล่า ไม่น่ารักเลย คอยดูจะฟ้องฮีบอมว่าแกแย่งอาหารฮีบอม แล้วก็กัดฮีชอลแบบนี้ ดูดิ เลือดซิบๆเลย” ร่างเล้กบ่นกับลูกแมว อยากผลักมันกระเด็นแต่ก็สงสาร

     

    สุดท้าย...จึงได้แต่เทอาหารจากกระป๋อให้แมวมูมมามกินต่อไป

     

                    “แค่กๆๆๆ” ลูกแมวผอมๆสำลักแค่กๆเพราะความตระกระจนคนนั่งมองหัวเราะนิด ก่อนจะเหลียวมองรอบตัว หาน้ำมาให้ แต่มันก็ไม่มี

     

                    “สมน้ำหน้ากินเร็วขนาดนั้น กลัวใครแย่งหรือไง แปปนะหาน้ำก่อน” ดวงตากลมมองไปตามสองข้างทางก็ไม่มีร้านขายของเลย แล้วที่ซื้อมาก็ไม่มีน้ำนอกจาก...เบียร์

     

                    “กินเบียร์ของซีวอนแทนน้ำไปก่อนได้ไหมอ่า” เหมือนจะถามแต่มันก็เป็นแค่คำบอกเล่า เมื่อเก็บกระป๋องอาหารแมวที่หมดเกลี้ยง แล้วเปิดกระป๋องเบียร์ของคนรักที่สั่งให้มาซื้อ เทลงบนพื้นที่เป็นหลุม หวังให้เป็นแอ่งน้ำสำหรับลูกแมว “ค่อยๆกินนะ เดี๋ยวสำลัก”

     

                    ดูเหมือนว่าเจ้าแมวจะฟังภาษาคนไม่ออกเมื่อมันกินด้วยความกระหาย ร่างบางต้องเทให้อีก...อีก...และอีก...จนต้องเปิดกระป๋องที่สอง                                                                   

               



                

                 

    ชเว ซีวอนนั่งดูทีวีพลางลูบแมวตัวไม่เล็กบนตัก สายตาเหลือบไปมองทางนาฬิกาทุกห้านาที ตอนนี้ไม่เหลือสมาธิไว้สนใจเรื่องราวในกล่องสี่เหลี่ยมที่กำลังนั่งพล่ามเรื่องราวของฟุตบอลโลก เมื่อคนแสนรักหายไปซื้อเบียร์เกือบชั่วโมงแล้ว จะโทรหาก็ไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปด้วย คิดแล้วมันน่าตีจริงๆ

     

              “ฮีบอม แม่เรานี้น่าตีจริงๆ โทรศัพท์ก็ไม่เอาไป เกิดอะไรขึ้นจะติดต่อใครได้ไหมเนี้ย  เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวฮีบอมเฝ้าบ้านนะครับ แล้วพ่อจะออกไปตามหาแม่ ถ้าแม่กลับมาบอกให้แม่โทรหาพ่อด้วยนะ” ชายหนุ่มก้มบอกกับลูกชายคนละสายพันธ์ หวังจะให้มันเข้าใจ แต่ก็ไม่ลืมเขียนโน็ตทิ้งเอาไว้ เผื่อจะสวนทางกัน

     

              ชายหนุ่มเดินไปตามเส้นทางที่มักเกาะเกี่ยวกุมมือกันยามออกไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้คอนโด ลมแรงกรรโชกพัดพาเศษฝุ่นให้ปลิวว่อน ดวงตาคมแหงนมองท้องฟ้าที่มืดครึ้ม เมฆฝนตั้งเค้าบอกให้รู้พายุใหญ่กำลังจะมาแน่ 

     

                    “ฮีชอลนะ ฮีชอล อยู่ไหนครับเนี่ย ถ้าฝนตกจะทำยังไง” ตอนนี้ไม่เพียงกังวลที่คนรักหายไป แต่เพราะฝนที่กำลังตก และตัวชายหนุ่มเองก็ไม่ได้ร่มออกมา ฮีชอลก็ไม่ได้เอาร่มมา เกิดฝนตกขึ้นมาคงแย่...ตัวเขาไม่เท่าไหร่ แต่คนที่ไม่แข็งแรงนี้สิ

     

    เฮ้อ! อยู่ไหนครับเนี่ย.....

     

              ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าอยากจะเจอร่างบางและพากลับห้องก่อนที่ฝนจะเทลงมาให้เปียกปอน เดินมาตั้งไกลก็ยังไม่เจอคนรัก จนเริ่มเป็นห่วงมากขึ้นทุกทีตามระยะทางที่แสนไกล

     

                    “ฮีชอล” ชายหนุ่มตะโกนเสียงดังเมื่อเห็นร่างเล็กที่ตามหานั่งจุ้มปุ๊กอยู่กับพื้นเทเบียร์ให้ตัวอะไรสักอย่าง ความห่วงเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแล้วในตอนนี้ “ทำอะไรทำไมไม่กลับบ้านสักที”

     

                    “เบาๆสิซีวอน เดี๋ยวไอ้ตัวเล็กก็ตกใจหรอก” ฮีชอลยังคงห่วงใยในเจ้าลูกแมวตัวเล็กจนลืมไปว่าเสียงที่ถามเมื่อกี้มันช่างแสนโหด แบบที่นานๆทีจะได้ยิน

     

                    “ตกใจก็ช่างมันสิ ซีวอนถามว่าทำไมไม่กลับบ้าน ซีวอนเป็นห่วงนะ” ชายหนุ่มเสียงดังมากขึ้น ไม่สนใจคำเตือนของคนรัก ดึงร่างบางให้ลุกขึ้น “กลับบ้านได้แล้วครับเดี๋ยวฝนตกแล้วจะไม่สบาย”

     

                    “อื้อ” ร่างเล็กยอมลุกขึ้นยืน เก็บของที่รื้อออกมาใส่ถุงให้เรียบร้อย มองลูกแมวที่ยืนโซเซไปมา แบบงงๆปนขำๆ แม้แต่คนที่ทำหน้าเคร่งยังอดมองด้วยความประหลาดใจไม่ได้

     

                    “ฮีชอลให้อะไรมันกิน ทำไมดูแปลกๆแบบนี้”

     

                    “ก็...อาหารของฮีบอมกับ...คือ ฮีชอลหาน้ำไม่ได้ก็เลยให้เทเบียร์ให้มันกินอ่ะ” ร่างบางบอกอ้อมแอ้มกับเจ้าของเบียร์ที่เทให้แมวไป

     

                    “ฮีชอลให้ลูกแมวกินเบียร์เนี้ยหน่ะ”

     

                    “อื้อ ก็มันหิวน้ำ แล้วหาน้ำไม่ได้เลยให้เบียร์ไป มันกินใหญ่เลย ตั้งสองกระป๋องแหน่ะ สงสัยไม่ได้กินน้ำมาหลายวันแล้วน่าสงสารเนอะ ซีวอนไม่โกรธใช่ไหม”

     

                    “ครับ ไม่โกรธหรอก แต่ทีหลังฮีชอลอย่าหายไปนานๆแบบนี้อีกนะ แล้วก็อย่าให้ฮีบอมกินเบียร์นะ” ชายหนุ่มไม่วายเตือนคนรัก คิดในใจว่าคงเลี้ยงเด็กมาผิดวิธีแน่ๆ ถึงได้ซื่อแบบนี้ ว่าแต่...

     

                    ฮีชอลหน่ะ....ซื่อ หรือโง่กันแน่....ถึงได้มอมเบียร์ลูกแมวด้วยความหวังดีแบบนี้

     

                    ขอให้แกโชคดีนะ ไอ้ลูกแมว....

     

                    “รีบเดินดีกว่าเดี๋ยวฝน....ฝนตกแล้ว” ซีวอนพูดไม่ทันขาดคำ ฝนเม็ดใหญ่ก็เทลงมาอย่างหนัก ชายหนุ่มรีบดึงร่างบางเล็กเข้าหลบฝนใต้กันสาดเล็กที่ฝนก็สาดเข้ามาได้ จนต้องโอบกอดร่างบางเข้ามาแนบชิด ใช้ลำตัวที่สูงใหญ่กว่าบังเม็ดฝนที่สาดเข้ามาโดนคนตัวเล็ก

     

                    “อ่ะ” เสียงอุทานหวานตกใจเสียงฟ้าร้องจนต้องรีบมุดเข้าหาแผ่นอกหนาหาที่ปกป้องในขณะที่อีกคนได้แต่หัวเราะขำ “หัวเราะอะไรเล่า”

     

                    “ก็หัวเราะฮีชอลไงครับ โตเป็นแม่แมวแล้ว ยังกลัวเสียงฟ้าร้องอีก โอ๋ คนดีไม่ร้องนะครับ” ชายหนุ่มหยอกเย้าคนรักอย่างมีความสุขท่ามกลางเม็ดฝนที่สาดเข้ามา

     

                    “ฮีบอม! ซีวอน ป่านนี้ฮีบอมต้องกลัวแน่เลย กลับบ้านกันนะ ฮีบอมขี้กลัวกว่าฮีชอลอีกนะ” ร่างบางดึงท่อนแขนชายหนุ่มให้ออกวิ่งไปตามทาง ฝ่าสายฝนที่ยังกระหน่ำ ไม่มีทีว่าจะซาลงไป

     

                    “ฮีชอลรอให้ฝนซาก่อนดีไหม เดี๋ยวเป็นหวัดนะ” ซีวอนขืนแรงเอาไว้ก่อนพาเดินกลับเข้าไปใต้ร่ม ไม่มีทางที่แรงน้อยๆของฮีชอลจะลากไปไหนได้อีก

     

                    “ไม่เอา กว่าจะซา ฮีบอมต้องร้องไห้แน่ๆ ไปเหอะ” แรงน้อยๆพยายามดึงชายหนุ่มให้วิ่งตามอีกครั้ง

     

                    “งั้นเอางี้นะครับ” ชายหนุ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวเดียวที่ใส่อยู่ ออกกางเหนือศีรษะเล็กให้ร่างบาง วิ่งฝ่าสายฝนออกไปพร้อมกัน

     

                    แม้สายฝนจะเทกระหน่ำจนหนาวสั่น แต่ใบหน้าหวานกลับร้อนผ่าวและแดงกล่ำ เมื่อต้องแนบชิดกับชายหนุ่มที่เปลือยท่อนบน แม้จะเคยเห็นอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ใช่ยามที่อยู่ต่อหน้าใครต่อใคร หรือที่สาธารณะแบบนี้

     

                    “ฮีชอลเป็นอะไร หน้าแดงกล่ำเลย ไม่สบายหรือเปล่า” ชายหนุ่มกระซิบข้างหูเล็กถามร่างบาง คนที่มองผ่านมาคงเข้าใจว่าผู้ชายสองคนยืนหอมแก้มอยู่ริมถนน

     

                    “เปล่าไม่ได้เป็นอะไรหรอก แต่ซีวอนอ่ะ ถอดเสื้อแบบนี้ไม่อายคนหรอ” ดวงตากลมโตถามชายหนุ่มขณะที่ก็ก้าวขาสั้นๆด้วยความไว

     

                    “อายแล้วฮีชอลป่วยไม่เอาหรอกครับ ใครจะมองก็ช่างเขาสิ แค่ฮีชอลของซีวอนไม่เป็นอะไรก็พอแล้วหล่ะครับ” ขายาวๆของชายหนุ่มก้าวช้าๆเพื่อให้อีกคนได้เดินเคียงข้าง ชายหนุ่มไม่ได้สนใจสายตาของใครต่อใครที่มองมา ชายหนุ่มรับรู้ถึงสายตาทุกคู่ บางคนก็มองว่าประหลาด บางคนก็ยิ้มให้ และบางคนก็จับจ้องอยู่แต่อกที่เปลือยเปล่า

     

                    หลายคนที่มองมาล้วนแล้วแต่อิจฉาร่างบางที่ยืนอยู่ภายใต้เสื้อตัวบางที่ชายหนุ่มบรรจงกางกันฝน แผงอกที่ดูกว้าง หน้าท้องที่ขึ้นเป็นลูก อยากจะลองไล้มือสัมผัส  ท่าทางที่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาทั่วไป หากได้เป็นเจ้าของก็คงดี แต่ทุกคนที่มองมาก็รู้ว่า คนคนนี้มีเจ้าของแล้ว เจ้าของที่ได้ครอบครองทุกอย่าง ร่างกาย และจิตใจเป็นของคนเดียว...คนที่เดินเคียงข้างกันไป

     

                    “พูดไปเหอะ ถ้าป่วยแล้วฮีชอลไม่ดูแลนะ จะส่งเข้าโรงบาลให้อยู่กับหมอกับเข็มฉีดยาเลย” ฮีชอลยกเอาสิ่งที่ตัวเองกลัวมาขู่ก็เพราะความรัก หากซีวอนเป็นอะไรไป ฮีชอลก็คงอยู่ไม่ได้

     

                    “แล้วก็นางพยาบาลสวยๆด้วยนะครับ ฮีชอลอย่าลืมสิ” เสียงหัวเราะของชายหนุ่มดังก้อง ก่อนต้องรีบก้าวเดินเพื่อให้ทันขาเล็กๆที่วิ่งหนีไปข้างหน้า “โกรธหรือครับ ซีวอนล้อเล่นนะ อย่าเดินหนีสิ เดี๋ยวไม่สบายนะครับ”

     

                    “ไม่ต้องเลย อยากไปอยู่กับนางพยาบาลสวยๆก็ไปเลย ฮีชอลมันงี่เง่า ขี้งอน ไม่ได้เรื่องใช่ไหม ไปเลย คนใจร้าย” แม้ฮีชอลจะพยายามวิ่งออกจากเสื้อที่กางแทนร่ม แต่ขาสั้นๆก็ไม่มีทางวิ่งหนีขายาวๆของชายหนุ่มได้อยู่ดี

     

                    “แล้วยังไงอ่าครับ ถึงใครจะสวยกว่า ถึงฮีชอลจะงี่เง่า ขี้งอน ไม่ได้เรื่องมากกว่านี้ ซีวอนก็จะอยู่กับฮีชอล อยู่กับฮีชอลคนที่ซีวอนเลี้ยงมา คนที่ซีวอนรักสุดใจคนนี้”

     

                    “ซีวอน” แก้มใสแดงกว่าเดิมจ้องมองหน้าชายหนุ่มที่อยู่ชิดใกล้ ดวงตากลมจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาสีเข้มส่งยิ้มหวานมาให้

     

                    “ครับ? คนดีของซีวอน” ชายหนุ่มยิ้มรับ หวังจะได้รับคำหวานๆให้ชื่นใจ

     

                    “ถึงคอนโดแล้ว เรามาวิ่งแข่งกันเหอะ” ในที่สุดฮีชอลก็หาทางเลี่ยงจากบรรยากาศชวนเขินอาย เท้าเล็กรีบวิ่งหนีเข้าไปในตัวตึก ปล่อยให้อีกคนยืนตากฝนอยู่ที่เดิมพร้อมรอยยิ้มเอ็นดูคนรักขี้อายที่วิ่งหนีไปไกล...แต่ยังไงก็ไม่พ้นหรอกครับ คนเก่ง

     

                    ชายหนุ่มเดินเข้ามาหาร่างบางที่ยืนรออยู่ใต้ตึก เสื้อสีน้ำเงินเข้มเปียกแนบกับร่างบางที่ขาวซีดเพราะความหนาวเย็น มือหนาที่อบอุ่นกอบกุมมือเย็นๆเอาไว้ พากลับเข้าไปในห้อง ทิ้งเม็ดฝนให้ตกหนักอยู่ข้างนอก

     

    ทันทีที่ชายหนุ่มเปิดประตูห้องเข้าไป ฮีชอลวางของทั้งหมด แล้วรีบถลาไปหาลูกแมวน้อยที่ซุกตัวอยู่บนโซฟาอย่างสบายใจ ไม่มีทีท่าว่าจะกลัวอะไร

     

    “ไหนฮีชอลบอกว่าฮีบอมขี้กลัวไงครับ ดูก็ออกจะสบายใจที่ฝนตก มีแต่แม่อย่างฮีชอลนั่นแหล่ะที่กลัวฟ้าร้อง” ซีวอนล้อคนรักที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่บนพื้น จ้องมองเจ้าลูกแมวตัวแสบที่ทำหน้าสบายใจเกินไป “ฮีชอลไปอาบน้ำได้แล้วครับ นั่งแบบนี้เดี๋ยวก็ป่วยพอดี ”

     

                    “อื้อ ไปอาบแล้ว ตาแก่ขี้บ่น” ร่างเล็กยู่จมูกก่อนจะหายลับเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับเสื้อคลุมที่หอบเข้าไปด้วย ปล่อยเสียงหัวเราะลั่นไว้เบื้องหลัง

     

              คิม ฮีชอลวิ่งผ่านน้ำออกมาจากห้องน้ำอย่างรวดเร็ว แล้วก็เจอชายหนุ่มที่มีผ้าขนหนูผืนใหญ่พันรอบเอวหนาไร้ไขมันเอาไว้ ให้หน้าแดงเล่นๆ “ทำไมไม่แต่งตัวหล่ะ”

     

                    “ก็รอฮีชอลไงครับ มานั่งที่นี้นะ จะได้เช็ดผมให้” ชายหนุ่มอุ้มร่างเล็กๆมาวางบนปลายเตียง โปะผ้าขนหนูผืนเล็ก ค่อยเช็ดเส้นผมอ่อนนุ่มที่ยาวละต้นคอให้อย่างอ่อนโยน เช็ดไปเรื่อยๆ ท่ามกลางความเงียบที่แสนอบอุ่น จนผมหนาแห้งสนิทเป็นที่พอใจ

     

                    “แต่งตัวนะครับ ซีวอนไปทำข้าวต้มก่อนนะ” ชายหนุ่มเดินออกจากห้อง ไปทำข้าวต้มสำเร็จรูปต้มน้ำสามนาทีไม่ต้องต้มให้คนรัก ที่กำลังแต่งตัวอยู่

     

                    “ข้ามต้มสำเร็จรูปอีกแล้ว” ร่างบางเดินออกมาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ก้มมองถ้วยข้าวต้มสำเร็จรูปบนโต๊ะที่ชายหนุ่มทำเอาไว้ให้ ก่อนบ่นนิดๆ

     

                    “หรือจะให้ซีวอนทำข้าวต้มให้ฮีชอลจริงๆ กล้าทานหรือครับ” ชายหนุ่มนั่งมองคนรักทานข้าวต้มร้อนๆ อย่างมีความสุข

     

                    “ไม่เอาหรอก เอาแบบสามนาทีไม่ต้องต้มก็ได้ แบบนั้นเดี๋ยวฮีชอลอาหารเป็นพิษตาย” คิม ฮีชอลตักข้าวต้มร้อนๆเข้าปากจนหมด

                   

    “ทานหมดแล้ว ก็กินยากันไว้ก่อนนะครับ” ชายหนุ่มวางยาสองเม็ดลงบนมือบางที่เอื้อมออกมารับ กินยาขมๆดีกว่าไป นอนให้หมอฉีดยาเป็นไหนๆ

     

                    “ซีวอนไม่กินหรอ เดี๋ยวไม่สบายนะ โดนฝนมากกว่าฮีชอลอีก” ร่างเล็กเอ่ยเตือนคนรักที่ยังมีแค่ผ้าขนหนูพันเอวเอาไว้

     

                    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ซีวอนแข็งแรงกว่าฮีชอลตั้งเยอะ”

     

                    “ตามใจ แต่ถ้าเป็นอะไรนะ อย่ามาอ้อนให้ดูแลนะ” ดวงตากลมมองใบหน้าคมอย่างขัดใจที่ไม่ยอมกินยา ทีคนอื่นหล่ะเป็นห่วงสารพัด แต่ไม่ยอมดูแลตัวเอง

     

                    “ครับ ไม่อ้อนหรอก เพราะยังไงฮีชอลก็ต้องดูแลซีวอน ถ้าซีวอนป่วย เผลอๆจะร้องไห้ด้วยเชื่อสิ” ชายหนุ่มกล่าวอย่างเชื่อมั่น

     

                    “เรื่องอะไรจะไปดูแล คนไม่ห่วงตัวเอง” ร่างเล็กขึ้นเสียงสูง ใบหน้าหวานเชิดขึ้น อย่างงอนๆ

     

    ซีวอนมองอาการเหล่านี้ด้วยความขบขัน ก่อนลุกเดินไปหอมแก้มเนียน กระซิบข้างหูเล็กๆ เสียงแผ่ว........“ก็เพราะฮีชอลรักซีวอนไงครับ”

     

              “ซีวอนไปอาบน้ำก่อนนะครับ แล้วอย่าลืมไปปลอบลูกขี้กลัวด้วยนะครับคุณแม่”

     

                    “ซีวอนบ้า” ร่างเล็กๆที่นิ่งอึ้งอยู่นาน ตะโกนไล่หลังชายหนุ่มที่หายเข้าไปในห้องนอน  ปล่อยให้อีกคนลูบแก้มตัวเองเบาๆพร้อมรอยยิ้มหวาน



                

                 เสียงครางครือ ยามดึกปลุกร่างเล็กให้ตื่นขึ้นมา ดวงตากลมจับจ้องชายหนุ่มร่างใหญ่ที่นอนอยู่เคียงข้าง ซุกตัวลงไปขอไออุ่น ช่วยทำให้หลับสบายอย่าทีเคย แต่ต้องสะดุ้ง เมื่อไออุ่น มันกลายเป็นไอร้อนผ่าวที่แผ่ออกมา“ซีวอนไม่สบายหรอ”
     
                    “อุ้ย! ตัวร้อนจี๋เลย” มือบางอังชิดหน้าผากกว้าง ต้องรีบชักมือออกมาเพราะความร้อนที่ขึ้นสูง ใบหน้าหวานมองเสี้ยวหน้าคมที่เหงื่อผุดพราย ริมฝีปากแห้งส่งเสียงครางครือลอดออกมาจากลำคอหนา
     
                    ฮีชอลลงจากที่นอนเดินเข้าห้องน้ำ ก่อนกลับออกมาพร้อมกับอ่างที่เต็มไปด้วยน้ำ และผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก เช็ดไปตามร่างกายใหญ่เพื่อลดความร้อนที่แผ่ออกมา
     
                   “เสื้อก็ไม่ค่อยอยากจะใส่นอน เมื่อเย็นก็ทำเก่ง เป็นไงหล่ะ ” ผ้าขนหนูเล็กในมือบากเช็ดซับใบหน้าที่เหงื่อผุดขึ้นมา ริมฝีปากอิ่มก็บ่นเบากลัวว่าจะไปรบกวนคนที่หลับอยู่ให้ตื่นขึ้นมา
     
                    “หนาว ฮีชอล หนาว” เสียงเพ้อของคนไข้ขึ้นทำให้ร่างบางได้แต่อมยิ้มกับตัวเอง แม้ในเวลาที่ไม่รู้สึกตัว แต่ชายหนุ่มก็ยังคงคิดถึงเสมอ
     
                    “ก็หนาวอ่ะสิ ไม่ยอมใส่เสื้อ ผ้าห่มก็ไม่ยอมห่ม” แม้จะดีใจ แต่คนเฝ้าไข้ก็ยังหาเรื่องบ่นไปได้เรื่อยๆ ฮีชอลมองหาเสื้อนอนที่คนรักคงเอาไปยัดไว้ที่ไหนสักแห่งในห้อง ทั้งๆที่ก็จัดเป็นชุดไว้ให้แล้ว แต่ก็ยังอุตส่าห์จะใส่แค่กางเกง
     
                    “ซีวอนตื่นมาใส่ก่อนนะ ซีวอน” นิ้วเรียวสะกิดเรียกคนรักที่มักตื่นง่าย แต่วันนี้กลับไม่ยอมตื่นขึ้นมา เรียกข้างหูก็ไม่ยอมตื่น จนคนเรียกต้องถอดใจ “ใส่ให้ก็ได้” ตวัดเสียงนิดๆ ส่งค้อนให้คนหลับ หากแต่ก็ยอมให้ในที่สุด
     
                    แขนใหญ่ๆถูกยัดใส่เข้าไปแขนเสื้ออย่างยากลำบากเมื่ออีกคนยังหลับไม่รู้เรื่อง “ใส่ได้แล้วหนึ่งแขน แล้วจะยังไงต่อหล่ะทีนี้ ตัวก็ใหญ่ หนักก็หนัก เป็นไรขึ้นมา ต้องใช้กี่คนหามเนี้ย ซีวอนนนนน” ฮีชอลได้แต่บ่นอยู่คนเดียวท่ามกลางความมืด ขนาดลูกแมวแสนรักก็แต่ผงกหัวขึ้นมาก่อนนอนหมอบลงไปอีกครั้งบนเบาะที่มุมห้อง
     
                    มือเล็กๆแรงน้อยๆ พลิกตัวคนรักให้หันตะแคงข้างมาทางตนเองอย่างยากลำบาก และทันทีที่จับชายหนุ่มร่างหนาตะแคงได้ มือหนาๆก็โอบรอบเอวบาง ใบหน้าคมซุกอยู่ที่หน้าท้องแบนราบ ริมฝีปากร้อนผ่าว แนบชิด
     
                    “เฮ้ย หลับจริงไหมอ่า ซีวอน ซีวอน” อีกครั้งที่ลองเขย่าตัวคนรัก แต่มันก็ไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง “หลับอยู่ใช่ไหมเนี่ย” ร่างบางจับเสื้อขึ้นคลุมแผ่นหลังกว้าง ก่อนจะแงะแขนอีกข้างที่โอบรอบเอวให้คลายออก แต่ไม่ยักรู้ ทำไมคนหลับถึงมีแรงขืนแบบนี้
     
                    “ซีวอนนนนนนนนนน” ฮีชอลแผดเสียงเบาใส่คนหลับ แต่มันก็ดูจะไม่ได้ผล เมื่อคนตื่นง่าย ยังไงๆก็ไม่ยอมตื่น สุดท้ายก็ต้องอ้อมแขนเสื้อมาด้านหลังตนเองค่อยๆใส่แขนคนที่ยังเกาะเอวบางไว้ไม่ยอมปล่อย กว่าจะเรียบร้อยก็เล่นเอาเหงื่อตก จะแงะให้กลับไปนอนดีๆอย่างเดิมก็ไม่ได้แล้ว
     
                    คนป่วยตัวใหญ่ ขยับท่าทางการนอนไปมาอีกสองสามครั้ง ก่อนที่ศีรษะใหญ่ หน้าผากร้อนๆจะขยับขึ้นไปหนุนบนตักนิ่ม สองมือไม่ยอมปล่อยเอวบาง ปล่อยให้คนที่เป็นหมอนได้แต่ถอนหายใจ
     
                    “อยู่แบบนี้แล้วจะเช็ดตัวยังไงหล่ะซีวอน” มือบางลูบหน้าผากกว้าที่ยังมีเหงื่อผุดขึ้นมา ปัดเส้นผมที่ปรกหน้า ให้ออกจากใบหน้าคม แขนเรียวเอื้อมมือคว้า ผ้าขนหนูจนสุดมือ เอามาลูบแผงอกหนาที่ยังไม่ได้ติดกระดุมเสื้อ
     
                    คนตัวเล็กมือสั้นๆ พยายามเอื้อมไปจุ่มน้ำในอ่างแก้วที่วางบนโต๊ะหัวเตียง มาเช็ดๆลูบๆตามลำตัวคนป่วยก่อนจะโปะผ้าชื้นๆลงบนหน้าผากกว้าง นั่งจ้องคนที่หลับอยู่ด้วยความเป็นห่วง
     
                    “เฮ้อ แล้ววันพรุ่งนี้จะตื่นไหวไหมนะ ไม่ยอมดูแลตัวเอง มัวแต่ห่วงคนอื่น คราวหลังห่วงตัวเองบ้างสิ ซีวอน อย่าเอาแต่ห่วงฮีชอลอยู่แบบนี้ รู้ไหม” เสียงเล็กๆเอ่ยถามคนป่วยที่นอนไม่รู้เรื่อง สองมือก็คอยเปลี่ยนผ้าโปะกลางหน้าผาก คอยเช็ดตัวลดความร้อน จนฟ้าเกือบสว่าง จึงได้เผลอหลับไป ทั้งที่บนตักก็ยังคงมีอีกคนหนุนนอน


                 

    แสงแดดยามเช้าลอดผ่านม่านเป็นลำแสงเข้ามาในห้องที่มืดสลัว ส่องดวงตาคมดุให้ต้องเปิดกว้างรับเช้าวันใหม่ที่มาเยือนพร้อมกับความรู้สึกไม่สบายตัวก่อนที่จะปิดลงไปอีกเพราะความง่วงงุน มือควานหาอีกคนที่มักนอนซุกอยู่ในอก แต่วันนี้กลับไม่มี จนต้องเปิดเปลือกตาเพื่อมองหา

     

    “ฮีชอล อ้าว!” ชายหนุ่มถึงกับตกใจ ต้องรีบลุกขึ้นนั่งเมื่อเห็นคนที่มองหานั่งเป็นหมอนให้หนุน คอเล็กพับลง ดวงตากลมโตปิดสนิท “นั่งหลับหรือเนี่ย เมื่อยคอ เมื่อยตัวแย่แล้ว” ชายหนุ่มพยายามประคองคนรักให้นอนราบลงไปกับที่นอน แต่กลายเป็นทำให้คนหลับลืมตาตื่นขึ้นมา

     

                    “ตื่นแล้วหรอซีวอน  ยังมีไข้อยู่ไหม” ดวงตากลมโตของคนที่โดนจับให้นอนลงจ้องมองใบหน้าคมของคนรักที่นั่งอยู่ข้างๆ มือบางอังกับหน้าผากกว้าง ก่อนจะยิ้มอย่างพอใจ “ตัวไม่ค่อยร้อนแล้ว ดีจัง”

     

                     ชายหนุ่มโน้มตัวไปหาให้คนรักได้อังหน้าผากตนเองอย่างสบายไม่ต้องเอื้อมแขนไกล แม้เช้านี้จะไม่สบาย แต่ก็เป็นเช้าที่อวลไปด้วยความรัก ความอ่อนโยน“ฮีชอลเฝ้าไข้ซีวอนทั้งคืนเลยหรอครับ หืม เมื่อยไหมครับ ซีวอนนวดขาให้นะ” ชายหนุ่มจับขาเล็กให้เหยียดยาว วางลงบนหน้าขาตัวเอง บีบนวดขาเล็กอย่างเบามือ

     

                    “ไม่ต้องหรอก ซีวอนป่วยอยู่นะ นอนต่อเหอะนะ” แรงน้อยๆของฮีชอลดึงคนรักตัวใหญ่ให้ลงมานอนอยู่เคียงข้างกัน ก่อนจะถูกคว้าเอาไปในอ้อมอกร้อนๆ

     

                    “นอนต่อไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวซีวอนต้องอาบน้ำไปทำงานนะ หรือว่าฮีชอลจะตามไปเช็ดตัวซีวอนถึงที่ห้องทำงาน ดีไหมครับ นางพยาบาลคนสวย ” ซีวอนแกล้งเย้าคนรัก รู้ทั้งรู้ให้ตายยังไงฮีชอลก็คงไม่ยอมไปที่บริษัทแน่ๆ

     

                    “ใครอนุญาตให้ซีวอนไปทำงาน ไม่รู้แหล่ะวันนี้ซีวอนก็ต้องอยู่บ้าน ห้ามไปทำงาน เดี๋ยวฮีชอลจะโทรไปหาคุณลุงเอง” ร่างบางขืนตัวออกมา ทำตาน่ากลัวที่หลอกเลียนมาจากชายหนุ่ม

     

              “ทำตาแบบแบบนั้นไม่ปวดตาหรอครับ อย่าทำเลยนะ เดี๋ยวซีวอนอดใจไม่ไหวนะ” ริมฝีปากร้อนจุมพิตลงบนเปลือกตาขาวใส ให้คนรักไม่ทำตาเข่มงที่ดูน่ารักแทนที่จะน่ากลัวแบบนั้น

     

                    “ซีวอนอ่า วันนี้ไม่ไปทำงานนะ เดี๋ยวฮีชอลโทรบอกคุณลุงเอง”

     

                    “ไม่ได้หรอกครับ จริงๆนะ วันนี้มีประชุมใหญ่มากๆด้วย ถ้าซีวอนไม่ไปหล่ะน่าเกลียดแย่เลย”

     

                    “แต่ถ้าซีวอนไปแล้วอาการหนักกว่าเดิมหล่ะ ไม่ไปนะ  ห่วงตัวเองบ้างสิ ไม่ใช่ห่วงแต่คนอื่นกับงานแบบนี้” ดวงตากลม และน้ำเสียงจริงจังที่เต็มไปด้วยความห่วงใยทำให้คนฟังยิ้มกว้าง ต้องคว้าคนรักเอามากอดไว้แน่นๆอีกครั้ง

     

                    “คนอื่นที่ไหนครับ ที่ซีวอนห่วงก็มีแต่เด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจที่ชื่อ ฮีชอลเท่านั้นแหล่ะครับ ซีวอนสัญญานะว่าประชุมเสร็จแล้วจะรีบกลับมาให้นางพยาบาลคนสวยเช็ดตัว นะครับ” เสียงทุ่มอ่อนลง ไม่อยากขัดใจคนรัก แต่งานวันนี้ก็สำคัญ

     

                    “ไม่ต้องเลย ประชุมทีไรกว่าจะเลิกฮีชอลก็คอยจนหลับทุกที ซีวอนลองคิดดูสิ สมมุติว่าเป็นฮีชอลที่ป่วย ซีวอนก็ขังฮีชอลไว้แต่ในห้องนี้เหมือนกัน แล้วถ้าซีวอนไปทำงาน กลับมาแล้วไข้ขึ้นอีก ที่ฮีชอลอดนอนเมื่อคืนมันก็ไร้ค่าหน่ะสิ รู้งี้นะเมื่อคืนไม่ดูแล ปล่อยให้ไข้ขึ้นสูงๆ เช้ามาไปไหนไม่ได้เลย” ร่างบางเอ่ยอย่างคนแสนงอน ปากบางเริ่มยู่เข้าหากัน

     

                    “ก็ฮีชอลไม่ค่อยแข็งแรงนี้ ไม่เหมือนซีวอนหรอก นี้สายแล้ว ซีวอนไปอาบน้ำก่อนนะครับ” ชายหนุ่มลุกขึ้นจากที่นอน แต่ติดที่มีร่างบางรีบพลิกตัวขึ้นมานอนทับเอาไว้ทั้งตัว เพราะรู้ว่าแค่แรงคงสู้คนตัวใหญ่ไม่ได้ “ฮีชอลทำแบบนี้ ไม่ใช่แค่ซีวอนจะไม่ไปทำงานนะ แต่ฮีชอลจะลำบากเอานะครับ มานอนทับกันแบบนี้ ดูเหมือนฮีชอลจะยั่วซีวอนนะเนี้ย”

     

                    ลมร้อนๆที่เป่าชิดริมหูจากร่างข้างใต้ เรียกให้คนที่นอนทับอยู่หน้าแดงกล่ำ “บ้า ทะลึ่ง ป่วยแล้วยังเป็นแบบนี้อีก นอนนิ่งๆเลย ถ้าไม่อยากให้ฮีชอลหล่นจากตัวซีวอนไปที่พื้นหน่ะ”  มือบางเอื้อมหยิบโทรศัพท์มือถือของคนรัก กดหาเบอร์ที่คุ้นเคยดี ใบหน้าหวานยิ้มสมใจ ในขณะที่อีกคนได้แต่นอนมองนิ่งๆ ไม่กล้าขยับตัว กลัวคนรักหล่นจากตัวที่อยู่ริมเตียงแล้วจะร่วงไปที่พื้น

     

                    /โทรมาแต่เช้ามีอะไร รีบมาทำงานได้แล้วเว้ย อย่ามั่วโอ้เอ๋อยู่กับฮีชอล/ เสียงห้วนๆของชายชรา ทำให้ร่างบางได้แต่มู่หน้า ส่งค้อนให้โทรศัพท์ ปล่อยให้คนข้างใต้หัวเราะเบาๆ

     

                    “ไม่ใช่ซีวอนครับ คุณลุง ฮีชอลเองครับ” เสียงใสๆกรอกลงไปในโทรศัพท์ ทั้งที่แอบงอนคุณลุงอยู่นิด ที่รับโทรศัพท์เสียงโหด

     

                    /อ้าว! ฮีชอลหรอลูก ลุงนึกว่าเจ้าซีวอนมันโทรมา แล้วมีอะไรหืม โทรหาลุงแต่เช้าเชียว นี้ป้าเขาบ่นคิดถึงอยู่แหน่ะ/ ปลายสายเมื่อรู้ว่าใครโทรมา จากถ้อยเสียงกระด้าง กลายเป็นอบอุ่นทันทีสำหรับหลานชายคนโปรด

     

                    “ฮีชอลจะโทรมาลางานให้ซีวอนครับคุณลุง  ซีวอนป่วย เมื่อวานตากฝน แล้วก็ไม่ยอมรีบอาบน้ำ วันนี้ให้ซีวอนลาหยุดนะครับ” เสียงเล็กๆบอกกับคุณลุง พร้อมกับฟ้องเสร็จสรรพ

     

                    /อ้าวหรอ อืม ให้มันพักแหล่ะดีแล้ว เราดูแลเจ้าตัวยุ่งก็ระวังติดนะลูก เอางี้ไหม ฮีชอลมาอยู่กับลุงกับป้าก่อน แล้วเดี๋ยวลุงส่งคนที่บ้านไปดูแลเจ้าซีวอนมัน/ คุณลุงหาทางเลือกให้กลัวตัวเล็กๆ ขี้อ้อนของหลานชายคนสวยจะไม่สบายตาม

     

                    “ไม่เป็นไรหรอกครับคุณลุง ให้ฮีชอลดูแลซีวอนเองดีกว่าครับ แล้วคุณลุงกับคุณป้าเป็นไงบ้างครับ”  เมื่อไดคำตอบที่พอใจใบหน้าก็ยิ้มร่า ผิดกับอีกคนที่นอนเป็นเบาะไม่นิ่มสักเท่าไหร่

     

                    /ลุงหน่ะสบายดี แต่ป้าเราเขาบ่นคิดถึงแหน่ะ นี้ก็ฝากลุงไปว่าเจ้าซีวอนเหมือนกัน ไม่ยอมพาเรากลับไปหาสักที เสาร์อาทิตย์ว่างก็ไปมาหา/

     

                    เสียงตัดพ้อจากผู้มีพระคุณทำให้ร่างเล็กได้แต่หน้าแดงก็เสาร์อาทิตย์ทีไร โดนซีวอนแกล้งให้ต้องนอนหมดแรงอยู่บนที่นอนทุกที

     

                    /ลุงขอคุยกับซีวอนหน่อยสิลูก มันตื่นหรือยัง/

     

                    “ตื่นแล้วครับคุณลุง สักครู่นะครับ” มือบางยื่นโทรศัพท์ให้กับคนที่นอนยิ้มหน้าหล่อ ไม่มีทีท่าว่าจะหนักบางเลย ฮีชอลเลยแกล้งกลิ้งไปมา บนเท้าคางมองหน้าเจ้าเล่ห์ที่รับโทรศัพท์ไป

     

                    “หวัดดีครับพ่อ”

     

                    /ว่าไงแก ไปทำอะไรมา ม้าถึกๆถึงได้ป่วยได้ห่ะ/ จากที่อ่อนโยนกับหลานชายกลายเป็น ห้วนๆกับลูกชายทันที

     

                    “อะไรเนี่ยพ่อ ทีกับผมหน่ะ ไม่เห็นนุ่มนวลเหมือนคุยกับฮีชอลเลย แม่อีกคน บ้านนี้ลำเอียงรักหลานชายมากกว่าหรือไงเนี่ย” แม้จะพูดเหมือนน้อยใจ แต่คนพูดกลับยกยิ้มให้หลายชายบ้านนี้ มืออีกข้างโอบกอบเอาไว้กันไม่ให้หล่น

     

                    /ลูกชายอย่างแกมันน่าให้อ่อนโยนไหมเล่า แล้วว่าไง ฮีชอลว่าไปตากฝนมาหรือไง ทำไมไม่ดูแลตัวเอง โตแล้วนะเว้ย/

     

                    “ก็หลานสุดที่รักของพ่อนั้นแหล่ะ มัวแต่เล่นกับแมว กลับบ้านช้าผมเลยต้องไปตาม ก็เลยตากฝน ไม่สบายแบบนี้” ดวงตาคมจ้องมองคนเล่นกับแมวด้วยรอยยิ้ม ไม่สนว่าใบหน้าหวานเริ่มเชิดขึ้นอีกครั้ง

     

                    /เออ งั้นก็แล้วที่ฮีชอลไม่เป็นอะไร นี้อยู่บ้านก็ดูแลตัวเองดี อย่าแกล้งฮีชอลด้วย นี้ถ้าฮีชอลติดไข้แล้วแม่แกรู้ ฉันไม่ช่วยนะเว้ย/

     

                    “อะไรเนี่ย ไม่รักลูกชายหรอครับ แถมยังห้ามแกล้งฮีชอลอีก แล้วจะให้ผมทำอะไรได้ครับ” ชายหนุ่มโอดครวญ หากแต่มือหนาที่โอบเอวบางค่อยๆสอดเข้าไปใต้เสื้อเนื้อนิ่ม ยกยิ้มเจ้าเล่ห์  มองใบหน้าหวาน อย่างมีความสุข

                    /แกก็นอนไป อยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร แล้วถ้าอาการไม่ดีขึ้น พรุ่งนี้ก็ยังไม่ต้องมา แค่นี้นะ พักผ่อนเยอะๆ อย่ารังแกฮีชอลนะเว้ย แม่เราเขาฝากบอกมา/

     

                    “ครับพ่อ” มือหนาวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะดังเดิม สายตายังไม่ละจากร่างบางที่อยู่บนตัว มือหนาก็ยังสนุกกับการลูบแผ่นหลังเนียน อีกมือก็ล็อคเอวบางไม่ให้หนีไปไหน

     

                    “ปล่อยนะ ปล่อยได้แล้ว จะได้ไปทำอาหารให้ซีวอนไง ไม่หิวหรอ” สถานการณ์แบบนี้ สอนให้ร่างบางรู้ว่า อ้อนเท่านั้นที่ได้ผล แต่ถ้าอ้อนมากไปก็ไม่ดี

     

                    “หิวซิครับ หิวมากเลย ไม่ได้กินฮีชอลตั้งหนึ่งคืน”

     

                    “อื้อ ไม่เอาสิซีวอน ให้ฮีชอลไปทำอาหารนะ นะสุดหล่อของฮีชอล”  ดวงตากลม หลบสายตาที่แพรวพราว ศีรษะเล็กซบอยู่บนแผงอก ไถแก้มๆนุ่มเข้ากับอกหนาๆ “แล้วซีวอนก็ไปอาบน้ำไง นะๆๆๆ”

     

                    “นี้ฮีชอลใจร้ายขนาดจะให้คนป่วยอาบน้ำเองเลยหรือครับ  มันน่าน้อยใจนะเนี่ย เมื่อก่อน หรือตอนฮีชอลป่วย ซีวอนออกจะดูแลอย่างดี เช็ดตัวให้ ป้อนข้าวป้อนยา แถมเป็นเครื่องทำความอุ่นแบบส่วนตัวให้อีก แล้วดูตอนนี้สิ ฮีชอลใจร้ายที่สุดเลย” ชายหนุ่ม ปล่อยคนรักให้ลงจากตัว ก่อนจะพลิกหนีไปอีกด้าน นอนกอดอกเหมือนเด็กมีปัญหา

     

              “ โอ๋ ไม่งอนนะครับ น้องซีวอน อย่างอนพี่ฮีชอลนะ” ร่างบางหัวเราะร่ากับท่าทางของเด็กชายซีวอน   ส่งนิ้วก้อยเล็กๆไปง้อ แต่ก็ไม่ผล สุดท้ายต้องใจอ่อนให้กับผู้ชายตัวใหญ่ๆ กล้ามโตๆ “ก็ได้ เช็ดตัวให้ก็ได้”

     

                    “จริงนะครับ ต้องเช็ดตัวทุกครึ่งชั่วโมงด้วยนะ” คนป่วยขี้งอนหันกลับมาหาทันที พร้อมข้อเสนอที่ทำให้คนตาโต ต้องเบิ่งตามอง  “แต่ถ้าฮีชอลไม่อยากทำก็ได้ครับ ซีวอนเข้าใจ” เสียงแสนเศร้า ทิ้งท้ายก่อนหันหลังให้อีกครั้ง

     

                    “ง่า ไม่ใช่แบบนั้น  เช็ดตัวให้ก็ได้ แต่ซีวอนห้ามแกล้งฮีชอลนะ” ในที่สุดคนตัวเล็กก็ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของคนรักอยู่ดี ยอมตกหลุมพรางเพราะน้ำเสียงแสนเศร้า และท่าทางหงอยๆ

     

                    “ครับ ไม่แกล้งแน่ๆ แต่ตอนนี้ซีวอนเหม็นตัวเองแล้ว เช็ดตัวกันเลยนะ” ตอนนี้ชายหนุ่มวัยยี่สิบกว่าๆ ได้แปลงร่างเป็นเด็กชายวัยสองขวบไปแล้ว

     

                    “ไม่กินข้าวก่อนหรอ เดี๋ยวหิวนะ”

     

                    “ไม่ จะเช็ดตัว นี้ซีวอนถอดกระดุมเสื้อแล้วนะ  อ้าว! จะไปไหน” ชายหนุ่มคว้ามือคนรักเอาไว้ทันทีที่เห็นว่าร่างบางกำลังจะลุกหนี

     

                    “ก็จะไปเอาน้ำกับผ้ามาเช็ดตัวซีวอนไง”

     

                    “รีบกลับมานะ ซีวอนคิดถึง” ร่างบางได้ฟังคำพูดของชายหนุ่มแล้วได้แต่หน้าแดง ซีวอนป่วยแล้วกลายเป็นเด็กแบบนี้ทุกทีเลย  ทั้งขี้อ้อน ทั้งขี้งอน ยิ่งกว่าฮีบอมอีก

     

                    ชายหนุ่มมองตามหลังร่างบางไป คิดในใจว่าหากป่วยแล้วดีขนาดนี้ ต่อไปน่าจะป่วยบ่อยๆ ไว้อ้อนฮีชอล โบราณท่านถึงว่า.....ความมีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ

     

                    “ฮีชอลครับ ซีวอนถอดเสื้อเสร็จแล้วนะ” ชายหนุ่มตะโกนเข้าไปในห้องน้ำ ส่วนตัวเองก็นอนแผ่หราบนที่นอนอย่างสบายใจ

     

                    ร่างบางไม่ตอบคำ หากแต่เดินถืออ่างแก้วที่ใช้ตั้งแต่เมื่อคืนออกมาด้วย ร่างบางมองใบหน้าคมของชายหนุ่ม ได้แต่คิดในใจว่าคงไม่ลำบากเท่ากับเมื่อคืน

     

                    แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย.....

     

                    “ซีวอน อยู่นิ่งๆสิ ไหนว่าจะให้ฮีชอลเช็ดตัวให้ไง” มือบางที่กำลังเช็ดตามใบหน้าคม ถูกยึดไว้ด้วยมือของคนป่วย ก่อนจะลามาแถวๆริมฝีปากร้อนผ่าว

     

                    “ก็ฮีชอลเอาแต่เช็ดหน้าไม่ยอมเช็ดตัวสักที ซีวอนก็หนาวนะครับ”

     

                    “ก็ได้ ก็ได้ ทำไมพอซีวอนป่วยแล้วเป็นแบบนี้อ่า” ร่างบาง เช็ดทั่ว แผงอกจรดหน้าท้องไร้ไขมัน ให้ทั่ว ก่อนให้คนรักนอนคว่ำ เพื่อเช็ดหลังกว้าง ตลอดเวลาก็ถูกจับจ้องด้วยสายตาที่ชวนให้เขินอาย แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ “เสร็จแล้ว  เดี๋ยวซีวอนเปลี่ยนเสื้อผ้านะ ฮีชอลจะได้ไปทำอาหารให้ทาน”

     

                    “อะไรกันครับ ขาซีวอนหล่ะ ฮีชอลยังไม่ได้เช็ดเลยนะ” ชายหนุ่มรีบบอกคนรัก พร้อมกับยกยิ้มให้เห็น ไม่ปิดบังเลยว่ากำลังแกล้งอยู่

     

     

                    “ก็....ก็....ก็...”

     

                    “ไม่ต้องมาก็เลยครับ ซีวอนมีทางให้ฮีชอล คือถอดกางเกงซีวอนหรือว่า ฮีชอลจะล้วงเข้าไปเช็ดในกาง ล้วงไปเจออะไรเข้า ต้องรับผิดชอบด้วยนะ” น้ำเสียงแสนเจ้าเล่ห์ ดูห่างไกลจากคำว่าคนป่วยเข้าไปทุกทีๆแล้ว

     

                    “ซีวอนก็ถอดกางเกงสิ” ฮีชอลเลือกให้คนรักถอดกางเกงดีกว่าจะยอมเสี่ยง แต่เช้าแบบนี้

     

                    “ถอดก็ได้เพราะฮีชอลนะเนี่ย ไม่งั้นซีวอนไม่ถอดหรอก” ชายหนุ่มทำเหมือนจำยอม ก่อนจะถอดกางเกง นอนให้ร่างบางเช็ดขา “เช็ดขาซีวอนก็มองซีวอนสิครับ มองไปที่ฮีบอมทำไมเล่า แล้วแบบนี้ซีวอนจะสะอาดไหมครับ”

     

                    “อื้อ ทำไมเช้านี้ซีวอนพูดมากจัง” ร่างบางประท้วงคนรักที่ดูเหมือนจะพูดมากกว่าปรกติ แล้วพูดแต่ละอย่างก็ทำให้คนฟังหน้าแดงทั้งนั้น

     

                    “ก็วันนี้ซีวอนป่วยนี้ครับ” คนป่วยตอบหน้าตาเฉย  มองใบหน้าหวานที่ยังไม่ยอมหันหน้ามามองกัน

     

                    “ไม่เห็นเกี่ยวเลย เช็ดเสร็จแล้ว คราวนี้ฮีชอลไปทำอาหารได้แล้วนะ ส่วนซีวอนก็แต่งตัวนะ ใส่เสื้อผ้าที่มันหนาๆนะ เดี๋ยวฮีชอลดูให้ดีกว่า” ร่างบางรีบเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า เลือกเสื้อเนื้อหนา และกางเกงขายาวให้คนรัก ก่อนเดินเลยออกจาห้องไปเตรียมทำอาหารให้คนป่วยทาน

     

                    ชายหนุ่มแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่คนรักจัดเตรียมไว้ให้ นึกขัดใจกับความหนาของเนื้อผ้าที่แสนหนา แต่ก็ไม่อยากขัดใจคนรัก คิดในใจอีกสักพักก็คงได้ถอดเพราะว่าต้องเช็ดตัวทุกครึ่งชั่วโมง     

     

                    “อื้อ หอมอะไรครับเนี่ย” ชายหนุ่มเดินตามกลิ่นหอมเข้ามาในครัว เห็นหลังบางๆกำลังตั้งใจทำบางอย่างอยู่หน้าเตา จึงเดินเข้าไปสวมกอดจากด้านหลัง กระชับให้แน่น

     

                    “ทำข้ามต้มให้คนป่วย แล้วคนป่วยก็ต้องกินให้หมดด้วย”  ฮีชอล ตอบคำถามด้วยรอยยิ้ม  “ซีวอนไปนั่งรอที่โต๊ะก่อนก็ได้ เดี๋ยวมึนหัวนะ”

     

                    “ไม่เอาหรอก กอดฮีชอลแบบนี้ ดีอยู่แล้ว ทำไมข้าวต้มฮีชอลหอมจัง ผิดกับของซีวอนเลย” ชายหนุ่มสูดดมกลิ่นหอมที่พุ่งขึ้นมาจากเตา

     

              “ก็ฮีชอลไม่ได้ทำข้าวต้มสำเร็จรูปแบบซีวอนนี้  เละแค่นี้พอหรือเปล่า” ร่างบางคนข้ามต้มให้ชายหนุ่มที่ยังโอบรอบเอวบางไม่ยอมปล่อยดู

     

                    “พอแล้วครับ เอาแค่นี้แหล่ะใส่ถ้วยนะ แล้วเดี๋ยวซีวอนยกไปให้นะ”

     

                    “ตามใจ” ร่างบางตักแบ่งข้ามต้มใส่ถ้วยสองถ้วย ปล่อยให้คนรักถือไปวางที่โต๊ะทานข้าว สองคนนั่งทานข้าวเช้าอยู่ด้วยกัน ฮีชอลนั่งมองคนป่วยทานข้าวต้มจนหมด แย้มยิ้มดีใจ “ทานข้าวหมดแล้วก็ทานยานะ”

     

                    “ป้อนหน่อยสิครับ ทานยาเปล่านี้มันขมจะตาย ฮีชอลก็รู้นี้หน่า ใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มมองหน้าหวานที่เริ่มจะทำหน้าเก้อๆอีกครั้ง

     

                    “ป้อนให้ก็ได้” ร่างบางมองยาในมือกะว่าจะจับหย่อนใส่ปากกากไม่โดนรั้งมือไว้ซะก่อน

     

                    “ไม่ใช่แบบนี้สิครับ แบบนี้ไม่ต่างจากซีวอนกินเองหรอก ป้อนผมหน่อยสิครับคนดี ป้อนด้วยปากหวานๆของฮีชอลหน่อยสิครับ ตอนฮีชอล ซีวอนยังป้อนเลยนะ ป้อนนะครับ ป้อน”

     

                    “ไม่ป้อนแบบนั้นไม่ได้หรอ” ร่างบางขอต่อรอง ทำหน้าอิดเอื้อน แต่สุดท้ายก็ต้องใจอ่อน ยอมกลืนยาเข้าไปในปากตนเอง ก่อนแนบชิดริมฝีปากร้อนผ่าว ผลักให้เม็ดยาขมๆไหลลงคอชายหนุ่มไป

     

                    “ฮีชอลรู้ไหมครับ ว่านี้เป็นยาที่หวานที่สุดเลย รักฮีชอลจัง” ชายหนุ่มหอมแก้มนุ่มๆลงไปฟอดใหญ่ ก่อนเดินสบายใจกลับไปที่ห้องนอนรอเวลาให้ครบครึ่งชั่วโมง  ปล่อยให้อีกคนนั่งอึ้งอยู่ที่เดิม ไม่กระดิกไปไหน


                

                  ชายหนุ่มที่มีไข้ตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้กำลังนอนยิ้มสบายใจ ให้คนรักเช็ดตัวรอบที่สามของวันแล้ว “ยิ้มอะไร นอนเฉยๆเลยนะ มืออ่ะไม่ต้องเลยนะ ซีวอน อ่า” ร่างเล็กๆ ส่งเสียง เมื่อมือหนาเริ่มอยู่ไม่สุขแบบที่คนป่วยควรเป็น

     

                    “อะไรหล่ะครับ ก็ผมดีใจที่มีนางพยาบาลใจดีแบบฮีชอลไงครับ อีกอย่างนะ ซีวอนถอดเสื้อแบบนี้ก็หนาวนะครับ ฮีชอลไม่สงสาร ให้ซีวอนกอดหน่อยนะ นะครับ คนดี” ซีวอนขออนุญาตเจ้าของเอวเล็กๆ ที่ตนกอดอยู่

     

                    “ไม่ต้องเลย หนาวก็ใส่เสื้อสิ เห็นไหม ให้ฮีชอลเช็ดตัวให้บ่อยๆ ไข้จะกลับไหมอ่าซีวอน เดี๋ยวกินยาอีกเม็ดกันไว้ก่อนนะ” เสียงหวานเป็นห่วงคนป่วยที่ไม่ชอบดูแลตัวเอง ยิ่งป่วยก็เหมือนยิ่งทรมานตัวเอง

     

                    “ถ้าฮีชอลป้อนอีก ซีวอนยอมทานก็ได้นะครับ” ชายหนุ่มยกยิ้มมีความสุข นึกไปถึงยาเม็ดแสนหวานที่เมื่อเช้าได้กินมันลงไป คงไม่มียาที่ไหนจะอร่อยเท่ายาลดไข้นี้อีกแล้ว

     

                    “ซีวอนไม่กลัวฮีชอลติดไข้หรอ” ร่างเล็ก เสียงเบาๆ ถามคนรักที่ดูเหมือนชักจะเอาใหญ่แล้ว ให้ทำนู้นนี้ตลอด

     

                    “ไม่กลัวหรอกครับ เพราะถ้าฮีชอลติดไข้ ซีวอนก็จะได้ดูแลฮีชอล แต่ถ้าฮีชอลกลัว ไม่ต้องก็ได้ครับ แค่ฮีชอลมานอนให้ซีวอนกอดก็พอแล้ว” น้ำเสียงแสนเศร้า แหบแห้งบ่งบอกว่ายอมแพ้แล้ว ชายหนุ่มติดกระดุมเสื้อของตัวเองก่อนจะหันไปอีกด้าน ทิ้งร่างบางที่ตกใจไว้ด้านหลัง

     

                    “ซีวอน ซีวอน จะนอนกอดฮีชอลไม่ใช่หรอ แล้วทำไมหันหลังให้ฮีชอลหล่ะ ซีวอนไม่รักฮีชอลแล้วหรอ” เสียงหวานๆ ของคนรักทำให้คนที่นอนหันหลังต้องกลั้นยิ้ม  แล้วยังมีนิ้วเรียวๆกระตุกแขนเสื้อให้ใจอ่อน

     

                    “ไม่ใช่หรอกครับ แค่ซีวอนไม่กล้าเท่านั้นเอง เดี๋ยวจะทำฮีชอลป่วย คืนนี้ซีวอนไปนอนที่โซฟาข้างนอกก็ได้ครับ” น้ำเสียงเจียมตัวที่ไม่น้อยครั้งจะได้ยิน ทำให้คนฟังใจเสีย น้ำตาเม็ดเล็กปริ่มอยู่ที่ขอบตาร้อนผ่าว

     

                    “ไม่ใช่แบบนั้นนะซีวอน ฮีชอลขอโทษนะ หันมาเถอะนะซีวอน” มือเล็กๆยิ่งเขย่าร่างคนรักที่นอนอยู่ แต่ทำยังไงก็ไม่ได้รับความสนใจขึ้นมาเลย สุดท้ายฮีชอลก็ต้องละความพยายาม ร่างบางเลิกกวนชายหนุ่ม เลิกพลิกคนตัวใหญ่ให้หันมา

     

                    ซีวอนนอนนิ่ง ไม่แน่ใจ อยากกลับหันไปมอง แต่แล้วเงาไหวๆก็ทำให้ต้องใจแข็ง รอรับอะไรดีๆจากท่าทางแสนงอนแบบนี้ ที่คงทำให้บางคนหาวิธีหวานๆมาง้อ

     

                    ฮีชอลมองร่างหนาที่เอาแต่หันหลังให้อย่างขัดใจ เรียวฟันขาวขบกันริมฝีปากอิ่มอย่างใช้ความคิด ดวงตากลมโตที่มีหยาดน้ำคลออยู่ ใจเสียเพราะคิดไปเองว่าทำให้คนรักโกรธเสียแล้ว ร่างเล็กๆลงจากเตียง เดินอ้อมไปหาชายหนุ่มที่หันหลังให้ ไม่ทันได้เริ่มเอ่ยคำพูดใดๆ ไม่ทันให้คนป่วยจอมมารยาได้พลิกตัวหนี มือบางยึดไหล่หนาไว้มั่น ก้มลงประทับริมฝีปากร้อนผ่าวอย่างรวดเร็ว

     

                    แม้จะสัมผัสกันและกันมากี่ครั้งแล้วก็ตาม แต่ร่างบางก็ไม่เคยหักห้ามความเขินอายในใจได้สักครั้ง สิ่งที่กระทำลงไปต้องใช้ความหาญกล้าอย่างมาก ลิ้นเล็กพยายามสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากของคนรัก หากแต่อีกคนกลับไม่ให้ความร่วมมือ เมื่อริมฝีปากเรียวตรงยังเม้มเข้าหากันแนบสนิท ไม่เปิดรับผู้รุกราน จนร่างเล็กใจเสีย ยอมถอดใจให้กับความไม่ประสาของตนเองยอมเป็นฝ่ายแพ้ ผละออกจากริมฝีปากร้อนผ่าว หากแต่กลับโดนรั้งไว้

     

                    มือหนากดท้ายทอยเล็กให้แนบสนิท ในวินาทีสุดท้ายก่อนที่ร่างบางจะผละออก ริมฝีปากประกบแน่น เปิดริมฝีปากอวบอิ่ม ก่อนเข้าไปทักทายโพรงปากแสนหวานสัมผัสได้ถึงรสเค็มปร่าของน้ำตาที่ร่วงหล่นลงมา จนชายหนุ่มต้องจำยอมผละออกมา

     

                    “ฮีชอล ฮีชอลร้องไห้ทำไมครับ ซีวอนขอโทษ อย่าร้องไห้เลยนะครับ คนดีของซีวอน” นิ้วเรียวยาวไล้ไปตามขอบตาเช็ดน้ำตาที่ไหลริน ซับไปตามแก้มใสที่มีหยดน้ำเป็นทาง ไม่คิดว่าแค่การหยอกเย้าแบบนั้นจะทำให้คนรักต้องเสียน้ำตาแบบนี้ “ซีวอนขอโทษนะครับ ที่รัก”

     

                    ใบหน้าหวานหลบตาชายหนุ่ม ก่อนจะฝังตัวเข้าไปในอกร้อนๆของคนป่วย “ซีวอนไม่โกรธฮีชอลแล้วนะ อย่าโกรธฮีชอลนะ ได้ไหม” น้ำตาที่ถูกเช็ดออกไปไหลรินอีกครั้งจนเสื้อตัวหนาของชายหนุ่มเปียกชุ่ม

     

                    “ครับ ซีวอนไม่โกรธฮีชอลหรอกครับ อย่าร้องไห้อีกเลยนะครับ” ซีวอนรั้งร่างเล็กให้ออกห่างเพื่อมองใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง นึกโทษความงี่เง่าของตัวเองที่แกล้งคนรักจนเป็นแบบนี้

     

                   นิ้วเรียวซับน้ำตาที่ไหลตามแก้มใสอีกครั้ง ริมฝีปากร้อน บรรจงประทับลงบนเปลือกตาบาง ทั้งสองข้าง รับขวัญดวงตาน้อยๆที่ต้องหลั่งน้ำตาให้ความงี่เง่าของเขา ริมฝีปากร้อนๆเลื่อนลงมาที่ริมฝีปากอิ่มแสนหวาน

     

                    ซีวอนดึงรั้งให้คนที่นั่งอยู่บนพื้น ขึ้นมานอนแนบชิดบนที่นอนกว้าง สองเรียวปากยังประกบแน่นไม่ห่างกัน แทบจะไร้ช่องว่างให้อากาศได้ลอดผ่าน  ร่างเล็กในอ้อมกอดร้อนที่อุ่นสบาย แขนเรียวคล้องไว้ที่คอหนา ไม่อยากผละออกจากกัน จนคนทั้งคู่ต่างเหนื่อยหอบ ต้องผละออกห่างอย่างอ้อยอิ่งแสนเสียดาย

     

                    “จูบอีกได้ไหม” เสียงแผ่วหวิวที่ชายหนุ่มได้ยินทำให้ต้องก้มมองคนในอ้อมกอดอีกครั้ง คนพูดแสนขี้อาย ทั่วทั้งตัวและใบหน้าแดงกล่ำ ดวงตากลมที่ไม่กล้าสบตาทำให้ชายหนุ่มเอ็นดูจนไม่อาจปฏิเสธได้

     

                    ฮีชอลรับสัมผัสที่ร้องขอจากชายหนุ่ม อยากบอกให้ตัวเองมั่นใจ และลืมเลือนความรู้สึกเศร้าเสียใจ ที่เผลอทำให้คนรักโกรธเคือง ลบช่องว่างที่เกิดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ และขอโทษด้วยสัมผัสแสนหวานที่มอบให้ได้

     

                    ซีวอนไม่เพียงทำในสิ่งที่ร่างบางร้องขอ แต่ได้มอบความหวานล้ำ และตักตวงความหวานที่ได้รับกลับคืน ริมฝีปากร้อนบรรจงแนบสนิท เล็มระเรี่ยจากริมฝีปากอวบอิ่มแสนหวาน ไปสู่โพรงปากด้านใน สำรวจทุกซอกมุมด้วยความรัก ไล้ละเลยมาที่แก้มใส ซอกคอขาวนวลของร่างเล็กๆที่อยู่ในอ้อมกอด

     

                    “ถ้าซีวอนจะขอมากกว่านี้ไหมครับ” ชายหนุ่มเสียงแตกพล่า กระซิบเบาๆริมหูเล็กที่แดงจัด ความเขินอายทำให้ร่างเล็กแดไปทั่วทั้งแบบที่ชายหนุ่มชอบทำให้เป็น

     

                    ใบหน้าหวานได้แต่มุดหน้าหนีดวงตาแวววาว หากแต่ก็พยักหน้าเล็กน้อยอย่างเขินอาย ทำให้คนป่วยที่นอนอยู่ได้แต่ยิ้มอย่างเอ็นดูให้กับความซื่อใสที่แสนน่ารักของคนในอ้อมกอด “แต่อย่าเลยครับ วันนี้เราแค่นอนกอดกันแบบนี้ดีกว่า ซีวอนไม่อยากให้ฮีชอลติดไข้จากซีวอนหรอกนะครับ”

     

                    คำพูดของคนใจดีทำให้ร่างเล็กต้องเงยหน้าขึ้นมองคนพูดอย่างประหลาดใจ “แล้วซีวอนจะไม่..ทรมานหรอ” แม้จะซื่อใส แต่ฮีชอลก็รู้ว่ายามที่ผู้ชายต้องการแต่ไม่ได้ปลดปล่อยนั้นทรมานเพียงใด ฮีชอลไม่อยากให้ซีวอนต้องทนทรมาน แม้เขาเองอาจจะต้องทนปวดเมื่อบ้างเมื่อตื่นขึ้นมา

     

                    “ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่นอนกอดกันก็พอแล้ว นอนให้ซีวอนกอดนะครับ”

     

                    “อืม หลับฝันดีนะ” ร่างเล็กหอมแก้มคนรัก ซุกตัวในอ้อมกอดร้อนๆ หลับตาลงทั้งคนป่วย และคนเฝ้า

     

                    

                     กว่าที่ชายหนุ่มจะลืมตาขึ้นมา พระอาทิตย์ดวงโตก็เกือบตกขอบฟ้าไปแล้ว เปิดโอกาสให้ดวงจันทร์แสงนวลฉายแสงอยู่ที่ปลายฟากฟ้าอีกด้าน.....ใครหนอบอกไว้ว่าพระอาทิตย์ และพระจันทร์จะไม่มีวันพบกัน นี้ไงเวลาโพล้เพล้แบบนี้ ทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน แม้จะห่างกัน แม้จะแสนไกลคนละฟากฝั่ง แต่ก็ยังได้อยู่คู่กัน....

     

              ชายหนุ่มก้มมองร่างเล็กในอ้อมกอดที่หลับสนิทด้วยรอยยิ้ม เหมือนว่าร่างบางกำลังฝันดี เมื่อริมฝีปากสีชมพูใสขมุบขมิบเล็กๆ กำลังละเมอว่าได้ดื่มนมจากแม่หรือเปล่านะ.....ฮีชอลของผม

     

                    ได้นอนพักยาวแบบนี้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสดชื่นจนเหมือนจะหายจากไข้แล้ว แต่ความร้อนที่แผ่ออกมาจากคนตัวเล็กในอ้อมกอดทำให้เขาต้องกังวล มือหนาอังที่หน้าผากเนียน สัมผัสได้ถึงความอุ่นผิดปรกติที่แม้จะไม่ร้อนมากก็ตาม “เวรแล้วไง ฮีชอลติดไข้หรือครับเนี่ย” ชายหนุ่มมองคนรักในอ้อมกอดอย่างเป็นห่วง เพราะเขาแท้ๆ ก็จูบกันขนาดนั้น ไม่น่าเลยซีวอนเอ้ย

     

                    “ผมจะดูแลฮีชอลเองนะครับคนเก่ง”

     

    E.N.D


                       

    Special

     

            แมวตัวเล็กผอมแห้ง แต่อิ่มแปล้ เพราะมีคนใจดีให้อาหารให้น้ำกิน เดินโซเซไม่ตรงทาง เสียการทรงตัวอย่างแมวเมา ฝ่าสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมาแบบไม่สงสารสัตว์สองขา สี่ขาหน้าไหนทั้งสิ้น

     

                    แมวไร้เจ้าของเดินไปเรื่อยๆ ติดใจรสชาติน้ำสีเหลืองใสที่ได้กินไป ตาโตๆปรือลงเรื่อยๆ แต่มันรู้ดีว่า ก่อนที่มันจะล้ม เพราะทรงตัวไม่ไหว มันจ้องหาที่พัก ที่เพียบพร้อมไปด้วยน้ำสีเหลืองอำพันนั้นให้ได้

     

                    ขอบคุณคนใจดีที่ทำให้มันได้รู้จักกับสิ่งวิเศษในโลกใบนี้ โลกเล็กๆของแมวน้อย

     

                    มันกระโดดขึ้นไปบนกองขยะข้างๆกำแพงหิน เดินเข้าไปในประตูที่มีคนเดินออกมาทิ้งขยะเปิดทิ้งเอาไว้ ข้างในช่างมืดครึ้ม ไม่เหมือนข้างนอกที่แม้ฝนตกแต่ก็มีแสงสว่าง มันรู้ว่าที่นี้คนเรียกว่า ผับ แต่มันก็ไม่เคยจะรู้ว่ามันมีอะไรดี ทำไมคนชอบมา....แต่ตอนนี้มันรู้แล้ว

     

                    กลิ่นคล้ายกับน้ำสีเหลือสุดวิเศษ โชยออกมาจากสารพัดขวดที่วางเรียงรายอยู่บนชั้น มันมองทั้งหมดด้วยดวงตาปรือๆ กระโดดขึ้นไปปัดขวดให้ตกลงมาแตก น้ำที่มันอยากได้นองพื้น ให้มันได้เลียกินจนหมด หมดแล้วก็ปัดลงมาใหม่..ปัดลงมาอีก...ปัดลงมาอีก

     

                    ที่นี้มันได้เรียกรู้ว่าไม่ได้มีแต่สีเหลืองใส แต่มีสีเหลืองทอง สีขาวใส สีแดงสด มีสารพัดกลิ่น รสชาดที่แตกต่างกัน

     

                    มันไม่สนว่าจะมีคนมาไล่มันไป เพราะที่นี้คือ....สวรรค์สำหรับแมว......



                       

    Talk

           

                  

                        ครบร้อยแล้วคะ หลังจากจบบอลโลก 555 แต่ว่า ออกจะเบาหวิว ไม่มีที่มาที่ไปยังไงชอบกล  แต่สุดท้าย วอนก็หายป่วย แล้วให้พยาบาลป่วยแทนซะงั้น

                         ไอซ์เอาแมวเมา มาเป็นสเปให้นิดหนึ่งด้วยคะ แมวเมาๆ ตัวนี้ได้แรงบัลดาลใจมาจาก ลูกกระต่ายสามตัววัยไม่ถึงเดือน เพื่อนดริงค์ของพ่อ 555  เรื่องจริงอีกแล้ว อิอิ

                          เจอกันที่ฮวานะคะ

                           ขอบคุณทุกคอมเม้มท์นะคะ

                

            



     



    Dr. Fu
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×