คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : 美花 : 第十二花 100%
美花:第十二花
หลายวันมาแล้วที่ต้นห้องคู่พระทัยไม่มีโอกาสได้ทำหน้าที่ของตน เพราะเมื่อตื่นขึ้นมาฮ่องเต้หนุ่มที่มักจะบรรทมนิ่งรอให้เขาตื่นกลับหายไป ถามขันทีที่อยู่รับใช้ก็ได้แต่บอกว่าเสด็จออกทรงงานไปแล้ว ปล่อยให้อ๋องน้อยต้นห้องได้แต่นั่งเหงาเพียงลำพัง
“ลีทึก วันนี้เจ้ากับข้าออกไปที่อุทยานกันไหม ไปเดินเล่นบ้าง เจ้าเอาแต่อยู่ในนี้ ถึงได้ดูเหี่ยวเฉาแบบนี้ ไปเห็นดอกไม้งาม เหล่านางกำนัลสาวๆจะได้สดชื่นขึ้นดีไหม” อ๋องน้อยฮีชอลหันมาถามขันทีที่เห็นหน้าอยู่ทุกวัน ระหว่างที่กำลังหาอะไรใส่ท้องเป็นมื้อเช้า
“หากท่านอ๋องอยากไปก็เถิด ข้าน้อยยังต้องทำงาน จัดเก็บตำหนักให้เรียบร้อย” ขันทีประจำตำหนักส่วนพระองค์ปฏิเสธคำชวนของอ๋องน้อยที่ยอมผูกมิตรกับตนแล้ว
“นี้เจ้าว่าข้าหรอที่ไม่ยอมเก็บที่นอนให้เรียบร้อย” ร่างเล็กหันไปหาเรื่องขันทีเหี่ยวที่ตนอุตส่าห์ยอมเอ่ยปากชวนแต่กลับโดนต่อว่า “เจ้ากำลังว่าข้าเป็นต้นห้องที่ไม่ได้เรื่องใช่ไหม”
“เปล่า ข้าน้อยยังมิได้กล่าวถึงท่านอ๋องสักคำ ข้าน้อยแค่บอกว่าต้องดูแลตำหนักให้เรียบร้อย มีคำใดบ้างที่ข้าน้อยว่าท่าน” ขันทีเฒ่ามองหน้าหวานๆของอ๋องน้อยอย่างอ่อนใจ ยิ่งนึกถึงคำที่ตนถูกเรียกยามอยู่ลับหลังก็ยิ่งเหนื่อยใจกับอ๋องน้อยคนนี้
“ข้าจะไปรู้เจ้าหรือ เกิดเจ้าว่าข้าอยู่ในใจหล่ะ ก็เจ้าแหล่ะเอาแต่ทำหน้าเคร่งเครียดอยู่แบบนี้ ตีนกาถึงได้ขึ้นมามากมาย รู้ไหม สาวๆข้างนอกนั่นอายุมากกว่าเจ้าบางคนยังดูเต่งตึงไม่เหี่ยวเฒ่าแบบเจ้าเลย” หนุ่มน้อยร่างเพรียวยกตัวอย่างถึงหญิงสาวนอกวังที่มีหน้าที่ให้ความสำราญกับคุณชายเงินหนา
“ข้าขอบคุณในน้ำใจของท่านที่เป็นห่วงใบหน้าอันเหี่ยวเฒ่ามากด้วยตีนกาของข้า แต่ข้ายังมีงานต้องทำไปกับท่านไม่ได้ หากท่านอยากไป ก็พาสัตว์เลี้ยงสักตัวของท่านไปแทนข้าก็แล้วกัน” ขันทีเฒ่าถอนหายใจเบาๆจนใจกับนิสัยของอ๋องน้อยที่เหมือนจะเป็นห่วงและก็เหมือนกำลังเยาะเย้ย แต่ทั้งหมดก็เป็นด้วยความ บริสุทธิ์ใจ
....คงเพราะเช่นนี้ฮ่องเต้จึงผูกฝากใจรักมั่นไว้ที่ท่าน
“ตามใจเจ้า งั้นข้าไปกับเจ้าสิงโตน้อยนี้ก็ได้ก็ได้ แล้วค่อยแวะไปหาเจ้าอูฐโง่ทีหลัง” แม้แต่คนใกล้ชิดที่สุดเช่นขันทีรับใช้ ทั้งอ๋องน้อยและฮ่องเต้หนุ่มก็ยังไม่ยอมให้ได้รู้ชื่ออันแสนสูงส่งของเจ้าสัตว์เลี้ยงตัวแสบทั้งสอง ยามเรียกขายต่อหน้าผู้อื่นจึงใช้เพียงแค่ชื่อของเจ้าสัตว์นั่นแล้วตามด้วยคำอธิบายลักษณะที่แสดงออกมา
“ป่ะสิงโตน้อยเราไปเดินเล่นที่สวนกันดีกว่า ปล่อยให้ท่านขันทีเขาอยู่ของเขาไปคนเดียวหล่ะกันหน่ะ” ร่างเล็กคว้าร่างเจ้าสี่ขาขนเกรียนที่ขนาดตัวยังพอให้อุ้มได้ออกเดินจากพระตำหนักส่วนพระองค์
หากยังมีเสียงไล่หลังตามมาว่าอย่าลืมกลับมาซ้อมมีดด้วย
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
สิงโตน้อยกระโดดโลดเต้นอยู่บนพื้นดินที่เขียวด้วยพันธ์ไม้หอมต่างๆ ไล่งับเหล่าแมลงสีสวยที่ดอมดมดอกไม้หอมไม่สนใจเจ้านายที่นั่งมองมันอยู่เงียบๆ
“เฮ้อ! ทำไมที่นี้มันเก้าอี้อยู่ที่เดียวหรือไงนะ” ร่างบางถอนหายใจมองไปรอบสวนสวยที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากคืนชมจันทร์เลยสักนิด บรรยากาศและความหอมหวานของดอกไม้ ชวนให้คิดถึงความอ่อนหวานที่ได้รับ
“ซีวอนที่สอง เป็นเจ้าก็ดีเหมือนกันเนอะ ดูสบายดีจัง มีข้าดูแล มีคนให้อาหาร มานี้หน่อยสิ” ร่างเล็กกวักมือเรียกเจ้าสิงโตตัวน้อยที่เหลียวหลังมามองยามได้ยินของตนเอง แต่ความสนใจในร่างเล็กก็หมดไปเมื่อมีแมลงปอปีกเขียวมาเกาะที่จมูก
“โธ่! มานี้ก่อน ซีวอนที่สอง” เจ้าของชื่อยังคงมองเมินคนเรียกไปอีกครั้ง
“ซีวอนที่สองงง” เสียงหวานเริ่มเข้มขึ้น แต่มันก็ยังให้ผลเช่นเดิม
“ไอ้ซีวอนที่สอง” ใบหน้าหวานบูดบึ้งหากมันก็ยังไม่ได้ผล
“ไอ้ซีวอนที่สอง ไอ้สิงโตโง่” แม้จะใส่สรรพนามพิเศษลงไป หากเจ้าสิงโตหนึ่งเดียวในวังก็ยังคงไม่สนใจผู้เป็นนาย
“ถ้าแกไม่มาข้าจะจับลงหม้อตุ๋นยาจีนให้ฮ่องเต้กินเป็นอาหารค่ำ ให้ฮ่องเต้ซีวอนผู้ยิ่งใหญ่ ได้ลิ้มรสเนื้อซีวอนที่สองให้อร่อยเลย”
“เฮ้อ! แกจะไม่มาจริงๆใช่ไหม” ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่ยอมแพ้ให้กับความดื้อด้านของเจ้าสิงโตตัวน้อยที่รอวันเติบโต เป็นสิงโตแสนสง่างามให้เขาพาลากไปไหนต่อไหน
“แกไม่รู้ หรือแกล้งไม่รับรู้กันแน่นะ ซีวอนที่สอง แกคงไม่ได้กำลังแก้แค้นฉันหรอกใช่ไหม แกก็รู้ ไม่รู้ กับ ไม่ยอมรับรู้มันต่างกันแค่ไหน แล้วมันก็ทรมานไม่เหมือนกัน” ดวงตากลมโตหลุบต่ำ มองพื้นดินชุ่มช่ำด้วยสายน้ำ ไม่คิดเก็บสิ่งใดเอาไว้ในใจอีกแล้ว
อย่างน้อย...ระบายให้สิงโตคงฟัง....มันคงเอาไปบอกใครไม่ได้ นอกจากเจ้าซีวอนที่หนึ่ง
“บางที ไม่ต้องรู้ก็คงจะดีกว่าหล่ะมั้ง เพราะมันจะได้ไม่ต้องรู้อะไรเลย แต่มันก็ทำไม่ได้ เพราะมันรู้ไปแล้ว ที่ทำได้ก็คงแค่ไม่รับรู้อะไรเพิ่มไปกว่านี้อีกแล้ว ดูเหมือนเห็นแก่ตัวเลยเนอะ... แต่จะทำไงได้เล่า ให้ข้าเปิดใจรับอย่างนั้นหรือ สุดท้ายข้าก็เป็นคนที่เจ็บหน่ะสิ”
เจ้าสิงโตตัวน้อยยอมล่าถอยจากแมลงที่บินล่อหลอก เดินกลับมาหานายน้อยที่นั่งรำพันความในใจ ลิ้นกว้างเลียมือบาง “แกจะปลอบฉันหรอ ขอบใจนะ ทำไมหนอ เขาถึงไม่เข้าใจข้าแบบเจ้าบ้าง ว่าสุดท้ายแล้ว เขาต้องมีมเหสี มีสนมอีกเป็นร้อย ส่วนข้า ก็มีแค่เจ้ากับซีวอนที่หนึ่งอยู่เป็นเพื่อนเท่านั้น ความรักที่ได้รับก็คงต้องแบ่งปันให้ใครต่อใคร ข้าทนแบบนั้นไม่ได้หรอก”
“เป็นแบบนี้ ดีที่สุดแล้วหล่ะ ใช่ไหมซีวอนที่สอง....ทำใจแข็งเข้าไว้ฮีชอล อย่าลืมว่าเจ้าเป็นถึงอ๋องน้อยแห่งตำหนักทู่หลงที่สาวใดก็อยากครอบครองตัวเจ้า ท่องไว้ฮีชอลว่าหัวใจของเจ้าไม่ได้มีไว้เพื่อชายสูงศักดิ์ผู้นี้ ท่องไว้....”
Jelly fish
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
อ๋องน้อยนั่งเพลิดเพลินปล่อยให้ตะวันคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ มองเจ้าซีวอนที่สองที่ยังวิ่งเล่นไปมาอาจจะมีบ้างที่กลับมานั่งข้างเจ้าของเพื่อพักเหนื่อยก่อนจะกลับไปวิ่งเล่นกับแมลงที่บินไปมาอยู่แถวนั้น
“ซีวอนที่สองมานี้ก่อนสิ” แต่ก็เหมือนเดิมที่เจ้าสิงโตตัวน้อยไม่ยอมเดินกลับมาหาผู้เป็นนาย จนร่างบางของอ๋องน้อยต้องไปตามไล่จับ แล้วอุ้มไว้กับตัวเพราะได้ยินเสียงคนที่เดินใกล้เข้ามา
เสียงพูดคุยที่ดังเข้ามาเรื่อยๆทำให้อ๋องน้อยแปลกใจ ที่นี้เป็นอุทยานส่วนพระองค์ที่น้อยคนจะเข้ามาได้ นอกเสียจากจะได้รับพระราชทานอนุญาตเป็นพิเศษ ยิ่งได้ยินเสียงพูดคุยสิงโตตัวน้อยก็ยิ่งดิ้นตะกายแผ่นอกบาง อยากจะวิ่งไปดูหน้าคนที่เข้ามา
“เดี๋ยวอย่าพึ่ง ข้ายังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร อยู่เฉยๆก่อน” เสียงหวานกระซิบข้างหูเล็กที่ปกคลุมด้วยขนอ่อนของสิงโตตัวน้อย และครั้งนี้มันก็เชื่อฟังเป็นอย่างดี ยอมอยู่นิ่งในอ้อมกอดที่ไม่มั่นคงเท่าใดนัก
คนที่ปรากฏตัวขึ้นหลังจากโผล่พ้นต้นไม้ใหญ่ทำให้อ๋องน้อยที่มองจ้องอยู่ถึงกับตกตะลึงก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้าง ทิ้งเจ้าสิงโตที่อุ้มอยู่ลงกับพื้นในทันที
“ท่านฮีชอล/องค์หญิงย่าหนาน” เสียงใสคนของทั้งสองดังก้องลั่นอุทยานส่วนพระองค์ส่งผลให้เด็กน้อยที่ยืนอยู่ข้างๆร่างของสตรีสูงศักดิ์เบิกตากว้าง
“องค์หญิง!” เสียงของเด็กชายที่กำลังแตกหนุ่ม ใบหน้าน่ารักกับดวงตาใสแจ๋ว เรียกให้ท่านอ๋องจ้องมองพร้อมรอยยิ้ม ที่เลือนหายไปนานตั้งแต่ที่เฉียนกุ้ยย้ายไปรับใช้องค์รักษ์หนุ่ม
“ทำไมเล่าเสี่ยวหลง ไม่เป็นไรที่นี้มีแค่เจ้า เรา แล้วก็ท่านอ๋องเท่านั้น อย่าทำตัวน่าเบื่อแม่เจ้านักเลย” องค์หญิงย่าหนานเหลือมองเด็กหนุ่มที่ยังไม่สูงมากนัก ก่อนหันกลับมาส่งรอยยิ้มให้กับท่านอ๋องที่เธอเคยคุ้น
“องค์หญิงมาเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมกระหม่อมไม่รู้เรื่องเลย” อ๋องน้อยจับมือเล็กนุ่มนั่งลงที่เก้าอี้หินในสวนสวย สายตาเหลือบมองเด็กน้อยที่ยังเล่นอยู่กับเจ้าลูกสิงโตจอมซน
“เราพึ่งมาถึงได้สองสามวัน ไม่มีจิตใจอยากหน้าผู้ใด ได้แต่นั่งเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่ชีวิตเราจะถูกตัดสินโดยเหล่าขุนนางทั้งหลาย” ใบหน้าหวานเศร้าสลดนึกถึงเหตุที่ต้องจากบ้านเมืองที่แสนรักรอนแรมมายังเมืองหลวงที่ห่างไกล
“องค์หญิง ท่านมีเรื่องอะไร เล่าให้กระหม่อมฟังก็ได้นะ”
“อย่าเลยท่าน มันไม่ใช่เรื่องดีเสียเท่าไหร่ หากแต่เป็นหน้าที่ที่ผู้หญิงอย่างข้าพึงทำ อย่าไปสนใจเรื่องของเราเลย เจ้าสัตว์เลี้ยงของท่าน น่ารักดีจัง มันชื่ออะไรหรือ” องค์หญิงละสายตาที่เหม่อลอยมามองเจ้าสี่ขาตัวเล็กที่คนของนางเล่นอย่างสนุกสนาน
“มันชื่อ....ชื่อ..” อ๋องน้อยนิ่งงันถึงชื่อของเจ้าตัวเล็ก หากบอกตามจริงไปผู้เป็นเจ้าของชื่อคงถูกดูหมิ่นไม่สมพระเกรียติแห่งโอรสสวรรค์ที่ปกครองแผ่นดินอันยิ่งใหญ่ “ชื่อ....ซ..ฉ่อยที่สอง”
“หืมมมม?” หญิงสาวจ้องมองเจ้าตัวเล็กสลับกับเจ้าของ เหมือนไม่แน่ใจในชื่อที่ได้ยิน อยากได้คำยืนยันอีกครั้ง
“มันชื่อ ฉ่อยที่สอง เจ้าฉ่อยที่สอง มานี้สิ มานี้เร็ว” มือบางกวักเรียกเจ้าตัวเล็กที่กำลังสนุกสนามกับเพื่อนใหม่ แต่เจ้าสิงโตคงไม่คุ้นกับชื่อประหลาดๆ จึงเพียงแค่หันกลับมามองก่อนจะกลับไปสนใจเล่นดังเดิม “เฮ้อ ไอ้ฉ่อยที่สองโง่”
เสียงสบถด่าพึมพำ เรียกเสียงหัวเราะขององค์หญิงย่าหนานได้เป็นอย่างดี “สัตว์เลี้ยงของท่านชื่อแปลกนัก แล้วมีฉ่อยที่หนึ่งหรือไม่ แล้วมันอยู่ที่ไหนกัน ทำไมไม่พามาเดินเล่นด้วย”
“ฉ่อยที่หนึ่งก็มี เป็นอูฐโง่ กระหม่อมให้มันพักอยู่ที่โรงม้า” ดวงตาเล็กเรียวเบิกกว้างสะดุดกับชื่อสัตว์ประหลาดที่พึ่งได้ยินเป็นหนแรก จนเจ้าของสัตว์ประหลาดต้องอธิบายให้ฟัง “มันเป็นสัตว์คล้ายม้าแต่มีโหนกอยู่ที่กลางหลัง ฮ่องเต้ทรงได้มาจากราชทูตแดนอาหรับ ก็เลยเอามาให้กระหม่อมเลี้ยงไว้ วันไหนกนะหม่อมจะพาท่านไปดู”
“สัตว์เลี้ยงของท่านทั้งชื่อและหน้าตาล้วนแปลกประหลาด ดีจังเราได้เจอท่านแบบนี้ต่อไปคงไม่เหงาอีกเป็นแน่ อยู่กับเสี่ยวหลงวันๆแสนน่าเบื่อ”
“เอ๋ เด็กผู้นั้นชื่อเสี่ยวหลง หรอกหรือ” อ๋องน้อยเบือนหน้าไปทางเด็กน้อยที่มีดวงตาใสแจ๋วจนต้องใจท่านอ๋องเจ้าสำราญที่ไม่ได้ถูกใจผู้ใดมานานเพราะวันๆเจอแต่ขันทีเหี่ยว แม้แต่ฮ่องเต้ยังใจร้ายไม่มีเวลาให้ได้เจอ
“เปล่าหรอก เด็กนั้นชื่อหลง แต่เราชอบเรียกว่าเสี่ยวหลงมากกว่า เห็นเป็นเด็กแบบนั้น แต่ยิ่งกว่าผู้คุมของเราเสียอีก เฮ้อ ช่างเป็นเด็กที่เข้มงวดและน่าเบื่อเสียจริง” องค์หญิงจากชิงเต่าถอนหายใจในความเข้มงวดของผู้คุมตัวน้อย
“วันนี้เป็นเสี่ยวหลงที่น่าเอ็นดู แต่วันหน้าคงเป็นต้าหลงที่น่ารักไม่น้อย” อ๋องน้อยผู้ติดใจในหน้าตาของเสี่ยวหลงได้แต่ยิ้มกริ่ม แม้ในส่วนลึกจะรู้สึกว่าความรู้สึกบางอย่างที่ควรมีนั้นหายไป
“ในแผ่นดินคงไม่มีมังกรตัวใดยิ่งใหญ่กว่าฮ่องเต้ใดอีกแล้ว ส่วนเจ้านี้ก็เป็นได้แค่เสี่ยวหลงต่อไปนั้นแหล่ะ”
“นั่นสิ ในแผ่นดินผู้ใดจะเป็นใหญ่ได้เท่าฮ่องเต้พระองค์นี้เป็นไม่มี” อ๋องน้อยถอนหายใจแผ่วเบากับความรู้สึกของตนเองที่มีต่อท่านผู้ยิ่งใหญ่ ก่อนจะรีบเรียกสายตาให้กลับมาใส่ใจแค่หญิงงามและเด็กน้อยผู้น่ารักตรงหน้า มิให้ลอยไปยังที่อื่น “เห็นทีกระหม่อมต้องไปเสียแล้ว กระหม่อมมีฝึกดาบสั้นทุกวัน หากวันพรุ่งนี้องค์หญิงว่าง กระหม่อมขอเชิญท่านไปชมอูฐโง่ของข้า”
“พรุ่งนี้หรือ....เราคงไปไม่ได้เสียแล้ว แต่ว่าเราฝากเสี่ยวหลงไว้กับท่านได้ไหม เพราะว่าพรุ่งนี้เราต้องเข้าเฝ้าฮ่องเต้ จะทิ้งเสี่ยวหลงไว้เพียงลำพังก็ไม่อยาก หากได้ท่านช่วยดูแล คงดีไม่น้อย”
“ได้ กระหม่อมจะดูแลผู้คุมของท่านอย่างดีที่สุด ไม่ให้เหงาอยู่คนเดียวเป็นแน่ แต่วันนี้เห็นทีกระหม่อมต้องไปแล้ว ขืนไปสายได้ถูกขันทีเหี่ยวบ่นเอาอีก วันนี้กระหม่อมทูลลา แล้ววันพรุ่งนี้กระหม่อมจะไปรับเสี่ยวหลงแต่เช้าเลย”
อ๋องน้อยยืนขึ้นหันไปเรียกเจ้าสิงโตตัวน้อยที่ดื้อขึ้นทุกวัน จนต้องให้เรียกเสียงดังจึงยอมเดินจากมา พร้อมสายตาที่มองตามละห้อยของเด็กน้อย
แล้ววันพรุ่งนี้เราจะได้เจอกัน มังกรตัวน้อยที่น่าเอ็นดูของข้า.....
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
ก่อนอื่นขออธิบายคำว่า เสี่ยวๆ ต้าๆ และหลงๆ(หมาของป๋า?) ก่อนนะคะ
เสี่ยว แปลว่า เล็ก มักใส่นำหน้าชื่อเวลาเรียกผู้เด็กกว่า เช่น เสี่ยวหลงที่องค์หญิงย่าหนานเรียก หรือจะใช้เวลาแทนตัวเองต่อหน้าผู้ใหญ่ก็ได้คะ ในกรณีที่ว่าเป็นขุนนางผู้น้อยพูดกับขุนนางใหญ่ ก็เรียกตัวเองว่า เสี่ยวเหริ่น (เหริ่นแปลว่าคนคะ) ที่แปลได้ว่าข้าน้อย อ่ะคะ
ต้า แปลว่า ใหญ่ อย่างในเรื่องนี้ที่อ๋องน้อยพูดก็เหมือนว่า โตขึ้นเป็นมังกรที่ยิ่งใหญ่ และอีกกรณีคือ เป็นขุนนางผู้น้อยพูดกับขุนนางใหญ่ ก็เรียกขุนนางผู้ใหญ่ว่า ต้าเหริ่น (อันนี้ไอซ์แอบแปลเป็นไทยแล้วโดนเหล่าซือหัวเราว่า คนตัวใหญ่?) งงไหมอ่าคะ
ก็คือ สมมุติว่าท่านเปา(บุ้นจิ้น) คุยอยู่กับท่านจั่นเจา(หล่อมากในบางภาค) ท่านจั่นก็จะเรียกตัวเองว่า เสี่ยวเหริ่น เรียกท่านเปาว่า ต้าเหริ่น แบบนี้อ่ะคะ
ส่วน หลง อันนี้ แปลว่ามังกรคะ แล้วก็ฮ่องเต้เปรียบเหมือนมังกรที่ยิ่งใหญ่ เป็นจักพรรดิแห่งมังกรที่มีห้าเล็บ ทำนองนั้นอ่าคะ เพราะมังกรอื่นมีสี่เล็บ
Talk
เฮ้อ อธิบายยาวววววววเว่อร์
ครบร้อบแล้วคร้า ฉลองงงงง มาแบบไม่คิดมาก่อนอีกแล้ว เพราะว่าไอซ์ยังไม่อยากปั่นโฮม(บ้านแตกร้าว) และเอฟแอล(อาณาจักรน้ำแข็งบนปล่องภูเขาไฟ) ก็เลยมาต่ออันนี้อ่าคะ
หนุ่มน้อยที่พึ่งปรากฏมาใหม่นี้ก็ เป็นเด็กน้อยวัยกรุบกรอบ มาให้ท่านอ๋องเคี้ยวเล่นๆคะ ระหว่างที่ฮ่องเต้ซึ่งเลยวัยเคี้ยวเล่นนั้นไม่ว่าง หุหุ แล้วค่อยมาดูกันทีหลังนะคะ ว่าท่านอ๋องจะได้เคี้ยวเล่นหรือไม่ อิอิ
เซี่ยเซี่ยหนี่
ความคิดเห็น