ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The bodyguard (woncin fiction)

    ลำดับตอนที่ #14 : The bodyguard 12 100%

    • อัปเดตล่าสุด 20 พ.ค. 53


    The bodyguard  12

     

                  วันนี้ก็เหมือนทุกวันกิจวัตรที่ชายหนุ่มต้องทำ ตื่นขึ้นมาด้วยการปลุกของพี่ชาย รีบอาบน้ำแต่งตัว ลงมาทานข้าว แล้วก็นั่งรถออกไปกับการ์ดหน้าหวาน ถ้าวันไหนต้องไปทำหน้าที่คนของประชาชน ก็จะให้คนขับรถแสนดีอย่างลุงคังอินเป็นคนขับ แล้วแวะไปรับคุณผู้จัดการสุดโหด

     

                 แต่ถ้าวันไหนต้องไปทำหน้าที่ท่านรองประธาน...วันนั้นจะเป็นสวรรค์ ที่จะอยู่กับคุณการ์ดผู้น่ารักเพียงต่อสอง.....ทั้งนั้น ไร้คนกวนใจ

     

                    แต่วันนี้เป็นวันที่เขาต้องขึ้นเวทีโชว์การร้องเพลง เพราะฉะนั้นมันก็ต้องพ่วงด้วยพี่ชาย และลุงคังอินอย่างช่วยไม่ได้ “พี่ลีทึก จีบยุนอาติดหรือยัง” อยู่ดีๆ ชายหนุ่มก็ถามพี่ชายอย่างไม่มีปี่ไม่ขลุ่ย แถมถามด้วยหน้าตาเคร่งเครียดประดุจมีเรื่องทุกข์ร้อน

     

                    “เกือบติดแล้ว ทำไม” ผู้จัดการหันมาตอบน้องชายที่นั่งด้านข้างด้วยเสียงเบาๆ ไม่อยากให้สองคนทั้งการ์ดและลุงคังอินที่นั่งด้านหน้าได้ยิน

     

                    “เปล่า แค่ตอนนี้อยากให้พี่ห่างๆออกมาหน่อย ช่วยดูฮีชอลให้ผมที เวลาผมต้องขึ้นเวทีหรืออะไรพวกนั้น” เสียงเครียดทุ้มต่ำลงไปอีก เป็นห่วงสวัสดิภาพของว่าที่คุณนายชเว กลัวเกิดเรื่องร้ายก่อนที่แผนที่อุตส่าห์ทุ่มสุดตัวจะสำเร็จ

     

                    “ฉันเป็นพี่แกนะเว้ย ไม่ใช่การ์ดของการ์ด กลัวใครมางาบไปหรือไง ถ้างั้นแกก็บอกฮีชอลเองสิว่า ลดให้ความมนุษยสัมพันธ์ดีลง” พี่ชายเริ่มเข้าสู่โหมดหมั่นไส้น้องชายตัวเองอีกครั้ง ตัวเองห่วงว่าที่เมีย ดันจะให้เขาห่างจากสาวที่กำลังจีบ

     

                    “เออหน่า ช่วยผมหน่อย”

     

                    “ทำไมมีอะไร หรือว่าเริ่มกลัวว่าใครจะทำร้ายแกจริงๆ ให้ท่านดงเฮส่งใครมาสักคนสองคนไหม จะได้ดูแลทั้งแกทั้งฮีชอล” ลีทึกถามน้องชายอย่างนึกเป็นห่วง ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นทำหน้าเครียด คิดหนักได้ขนาดนี้

     

                    “ไม่ต้องหรอกพี่ ไว้เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง คุยตรงนี้ไม่ได้หรอก” ถ้อยคำที่ปรายตามองไปยังร่างบอบบางข้างหน้าแล้วถอนหายใจ ทำให้พี่ชายเข้าใจลางๆได้ว่าคงไม่อยากให้คนที่นั่งข้างหน้าได้ยิน

     

                    เมื่อถึงหน้าสถานีรถคันหรูก็จอดเทียบทางเข้าแบบที่ไม่ต้องเดินให้ไกล เพราะลุงคังอินผู้แสนดี ไม่อยากให้คุณหนูต้องเดินไกล และไม่อยากให้เจอคนรายล้อมมากๆ....กลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย

     

                      แต่ดูเหมือนความตั้งใจจะไม่เป็นผลเมื่อเหล่าสาวที่มายืนรอจะอยู่ชิดประตูให้ต้องฝ่าด่านเข้าไป จนลุงคังอินต้องหันมาอวยพรให้คุณหนูรอดชีวิตไปให้ได้

     

                    “ลุงทำยังกับคุณหนูของลุงตัวเล็กอ่อนแอ และกำลังเข้าสนามรบงั้นแหล่ะ การ์ดก็มียังจะกลัวอะไร ใช่ไหมฮีชอล” พี่ชายแสนดีอดไม่ได้ที่จะแซวลุงที่ห่วงคุณหนู ก็เห็นอยู่ว่ามีการ์ดอยู่ข้างๆ ถึงแม้ว่าการ์ดจะ..?...ไปหน่อยก็ตาม

     

                    “ใช่ครับ ลุงคังอินไม่ต้องห่วงเลย ผมจะดูแลคุณซีวอนสุดชีวิตเลย” ท่าทางมุ่งมั่นจริงจังทำให้ ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายและอยากเลื่อนเป็นเจ้าของหัวใจได้แต่ยิ้มกริ่ม แฝงความเจ้าเล่ห์เอาไว้ ผิดกับอีกสองคนที่แอบกลุ้มเล็กๆ

     

                    “อย่ามัวแต่คุยกันเลย ลงกันเถอะ ป่ะฮีชอล เดี๋ยวคุณเดินข้างๆผมนะ อย่าให้ห่างนะเข้าใจไหม” ซีวอนบอกให้การ์ดได้รู้ ก็เหมือนว่าจะเป็นทั่วไปที่การ์ดต้องอยู่ประชิด แต่ลีทึกกลับเขาใจและรับรู้อะไรที่มากกว่านั้น

     

                    “แหม ห่วงสุดๆเลยนะคร้าบ”

     

                    “มันก็ดีแล้วหล่ะครับคุณลีทึก ที่คุณหนูจะต้องห่วงความปลอดภัยของตัวเอง” คังอินผู้ยังคงมองโลกในแนวตรง ไม่เข้าใจนัยยะทางอ้อมที่คุณหนูแฝงมา

     

                    “ใช่ครับ คุณซีวอนต้องดูแลตัวเองให้ดี เพราะผมก็ไม่ได้ดูแลคุณตลอด24ชั่วโมง เกิดอะไรขึ้น ใครจะดูแลคุณได้” การ์ดผู้รักษาความปลอดภัยหันไปมองหน้าผู้อยู่ในอันตรายด้วยความห่วงใยที่มากกว่า ศิลปินและแฟนคลับ มากกว่า การ์ดและผู้ว่าจ้าง มากล้นจนต้องแอบซ่อน

     

                    ท่ามกลางความหวานซึ้งของคนสองคน ดวงตาสี่ข้าง ชายหนุ่มดวงตารีเรียวได้แต่กรอกไปมาอย่างหน่ายโลก มือบางขึ้นแปะหน้าผากตัวเองเบาๆ....ไม่ได้รู้เลยใช่ไหมว่าใครดูแลใคร เข้มแข็งตายเลยนั่น ดูแลและปกป้องได้เลย

     

                    เหล่าสาวๆ ต่างกรี๊ดร้องถวายชีวิตทันทีที่เห็นประตูรถเปิดออก คอจะขึ้นเส้นเลือดโปนเป็นทางก็ไม่สน หน้าแดงกรูกันเข้าหาชายหนุ่มรูปร่างสูง หน้าตาดี พ่อรวย สมองเป็นเลิศ

     

                    ชเว ซีวอนส่งยิ้มให้กับทุกคน และมองภาพที่เห็นด้วยความดีใจ ปนกังวล ที่ดีใจก็เพราะ มีคนรักเขา ชื่นชมเขา และเป็นกำลังใจให้ในสิ่งที่เขาทำ แต่ที่กังวลก็กลัวการ์ดผู้บอบบางจะโดนเหยียบตายสะก่อน

     

                    ในที่สุดชายหนุ่มก็อาศัยความตัวใหญ่ และรอยยิ้มที่มาพร้อมกับรอยบุ๋มข้างแกม เอาตัวเองเข้ามาในเขตที่เหล่าแฟนคลับเข้ามาไม่ถึง แต่เหลียวซ้าย แลขวา คนที่บอกว่าให้อยู่ข้างๆกลับหายไป หันไปมองข้างหลัง จึงเห็นว่ากำลังอยู่ในฝูงชนและคงจะไม่มีทางหนีรอดมาได้แน่นอน

     

                    ฮีชอลคร้าบบบ บอกให้อยู่ข้างๆไง

     

                    ชายหนุ่มเดินวกกลับหลังเข้าสู่ฝูงชนอีกครั้งด้วยความเร็ว จนแม้แต่พี่ชายจะห้ามก็ห้ามไม่ทัน ร่างสูงเด่นในหมู่สาวๆ เดินเข้าไปหาคนที่ล้มอยู่กับพื้น ใบหน้าหวานเหยเกจวนเจียนจะมีน้ำตาไหลออกมา “เป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บไหม”

     

                    “ไม่เจ็บครับ ขอโทษที่ทำให้คุณซีวอนต้องลำบาก ผมเป็นการ์ดที่ไม่ได้เรื่องเลย” น้ำตาเม็ดเล็กไหลลงมา ในขณะที่ร่างบางก็ได้แต่แอบซ่อนไม่ยอมให้ชายหนุ่มเห็น แต่มันก็ไม่มีทางรอดพ้นสายตาไปได้

     

                    “ไม่เป็นไหรอกครับ คนตั้งเยอะ ไปลุกขึ้นเหอะ” มือหนากุมมือบางเอาไว้แน่น ไม่ยอมให้หลุดออกง่ายๆ ใจจริงอยากจะอุ้มแนบกับตัว ถ้าไม่ติดสายตาดุของพี่ชายมองเตือนให้รู้ว่ากำลังอยู่ในสถานะใด และที่ไหน

     

                    “เดี๋ยวฮีชอลไปรอผมที่หน้าเวทีนะ” ชายหนุ่มบอกกับการ์ดคนสวยให้ไปรอในที่ที่จัดไว้ ส่วนตัวก็เดินเข้าไปในห้องแต่งตัวโดยมีผู้จัดการส่วนตัวเดินตามเข้าไป ตั้งใจจะคุยเรื่องที่ค้างไว้

     

                    “ว่าไง จะเล่าได้หรือยังว่ามีอะไร” ทันทีที่อยู่เพียงลำพังพี่ชายก็จัดการถามสิ่งที่ค้างคาทันที

     

                    “คุณแดซองโกงบริษัท แล้วผมจับได้” ซีวอนเริ่มด้วยเสียงเครียดทันทีที่กล่าวถึงเรื่องนี้ หากเขาไม่รู้ด้วยตนเองคงไม่มีทางเชื่อว่า คนอย่างแดซองจะทำแบบนี้ได้จริง

     

                    “เฮ้ย คุณแดซองอ่ะหน่ะ แล้วทำไง เรื่องนี้คุณลุงกับฮีชอลยังไม่รู้ใช่ไหม นายเลยไม่ยอมบอก”

     

                    “ฮีชอลรู้แล้ว แต่ผมอยากรอให้มั่นใจกว่านี้แล้วค่อยบอกพ่อ พ่อไว้ใจคุณแดซองมาก ผมเลยยังไม่แน่ใจ แต่ที่ไม่อยากคุยในรถก็เพราะว่า ตอนนี้ผมกำลังคิดว่ามีคนตามผมอยู่จริงๆ อาจจะเป็นคนของคุณแดซองที่อยากเก็บผมก็ได้ เลยไม่อยากให้ฮีชอลรู้”

     

                    “เฮ้ย!!! เรื่องใหญ่แบบนี้ทำไมไม่บอกพี่ แล้วนี้ ปล่อยให้ฮีชอลทำงานทั้งที่เสี่ยงได้ไง โทรเรียกใครสักคนจากท่านดงเฮมาเลยนะซีวอน” ลีทึกหน้าเครียดทันทีที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ความเป็นห่วงน้องชายพุ่งสูง

     

                    “ไม่ได้ ถ้าพี่เรียกใครจากท่านดงเฮ แล้วชินดงจะโดนเรียกไปตักเตือน แถมงานนี้เขาก็จะโดนระงับด้วย ปล่อยไปก่อน อีกไม่กี่วันก็กลับมาแล้ว ส่วนฮีชอลพี่ช่วยดูแลให้ผมหน่อยนะ ผมไม่อยากให้เขารู้ นะครับพี่ ฮีชอลยิ่งคิดว่าตัวเองบกพร่องต่อหน้าที่ ถ้ารู้เรื่องนี้เข้า ผมกลัวเขาจะหาอันตรายให้ตัวเอง”

     

                    “ก็บกพร่องจริงๆ”

     

                    “พี่ลีทึก” แค่เพียงคำงึมงำของพี่ชาย ก็ทำให้ซีวอนไม่พอใจ ฮีชอลไม่ได้บกพร่อง แต่งานที่แท้จริงของฮีชอลคืออยู่ข้างๆเขา เป็นหัวใจที่เขาต้องดูแล ไม่ใช่การ์ดที่จะมาดูแลเขา

     

                    “เออ ฉันจะดูแลให้ แล้วก็จะไม่บอกให้รู้ด้วย ฉันไปรอข้างนอกนะ”

     

                    ความหวังของซีวอนที่จะไม่ให้การ์ดได้รับรู้ถึงอันตรายที่เขาสัมผัสได้ มันหมดหวังไปแล้วเมื่อด้านนอก ชายในชุดสูทสีดำผู้มีใบหน้าหวานได้ยินทุกเรื่องราว หมดแล้ว....

     

                    คิม ฮีชอลรับรู้ข้อบกพร่องของตัวเองที่ไม่รู้ตัวถึงอันตรายรอบๆตัว ทั้งที่เป็นบอดี้การ์ดมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัย แต่ครั้งนี้ ฮีชอลจะไม่พลาด เขาจะขจัดภัยร้ายก่อนที่มันจะถึงตัวคนที่เขารัก...แม้ต้องแอบซ่อน

     

                    ร่างบางเดินออกไปด้านนอกอาคาร อยากจะสำรวจโดยรอบให้แน่ใจ ไม่มีใคร ไม่มีอะไรผิดปรกติ ไม่มีอะไรที่ไม่น่าไว้ใจ.....จริงหรือ

     

                    เมื่อตรวจดูจนแน่ใจแล้ว ร่างบางจึงหันหลังกลับตั้งใจจะกลับไปนั่งเฝ้าคอยชายหนุ่มขึ้นเวที ทำหน้าที่ของแฟนคลับที่ดี

     

              * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

                    ชเว ซีวอนเดินลงจากเวทีตรงเข้าหาพี่ชายทันที และที่ตรงนั้นก็ไม่มีการ์ดผู้บอบบางของเขาอยู่เลย “ฮีชอลอยู่ไหนพี่ ทำไมผมไม่เห็นเลย”

     

                    “ฉันก็ไม่รู้ ติดต่อไม่ได้ ตอนที่เดินมาก็ไม่เห็นแล้ว ถามพวกทีมงานก็ไม่มีใครเห็น” ชายหนุ่มผู้ต้องตอบคำถามเสียเครียดไม่แพ้คนถาม เป็นห่วงไปสารพัด ยิ่งเป็นฮีชอลด้วยแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นน้องชายเขาคงได้กลายร่างแน่ๆ

     

                    “พี่โทรหาเดี๋ยว~” ซีวอนถูกขัดคำพูดด้วยเสียงโทรศัพท์ของเขาในกระเป๋าพี่ชายที่คอยพกไว้ให้ ในเวลาที่เขาต้องถ่ายทำแบบนี้

     

                    “สวัสดีครับ”

     

                    /สวัสดีคุณซีวอน คงจำเสียงผมได้นะ/

     

                    “คุณแดซอง คุณโทรมามีอะไร”เมื่อรู้ว่าเป็นใครโทรมาซีวอนก็ถามทันทีถึงเรื่องที่โทรมา และมั่นใจว่ามันต้องเกี่ยวกับการหายไปของบอดี้การ์ดอย่างแน่นอน

     

                    /แหม จำได้สะด้วย ตอนนี้มีใครหายตัวไปไหมครับ ใครสักคนที่หน้าหวานเอามากๆ ดูน่ารักขนาดนี้ไม่น่าเอาไปเป็นการ์ดเลยว่าไหม/

     

                    “แกจับตัวฮีชอลไปใช่ไหม แกต้องการอะไร ฮีชอลไม่เกี่ยว อย่าทำอะไรเด้ดขาดไม่งั้นเรื่องที่แกโกงถึงตำรวจแน่”

     

                    /เอาสิ ถ้าถึงตำรวจ แกไม่เห็นการ์ดคนนี้ อีกแน่ ถ้าอยากช่วยมันนัก คืนนี้มาหาฉัน คนเดียว ห้ามบอกตำรวจ ห้ามบอกใคร ที่โกดังเก่าของบริษัท เข้าใจไหม/

     

                    “ได้ฉันจะไป ห้ามแกทำอะไร ฮีชอล ไม่งั้นฉันไม่ไว้แกแน่”

     

                    /น่ากลัวจัง รีบมานะเว้ย สวยแบบนี้เกิดห้ามใจไม่ไหวฉันไม่รู้นะ/

     

                    “ไอ้~” ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้สบถอะไรออกไป อีกฝ่ายก็ชิงวางสายไปซะก่อนแล้ว ปล่อยให้ซีวอนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยุ่คนเดียว

     

                    “ว่าไงมั่ง” ลีทึกถามน้องชายด้วยความอยากรู้ มั่นใจว่าเกี่ยวข้องกับการหายไปของฮีชอล และมั่นใจว่าใกล้เห็นน้องชายกลายร่าง

     

                    “มันให้ผมไปหาที่โกดังเก่า ไม่ให้บอกใคร คืนนี้”

     

                    “นายไปไม่ได้”

     

                    “ทำไมจะไม่ได้ ฮีชอลอยู่กับมัน ผมไม่ปล่อยให้คนที่ผมรักเป็นอะไรโดยที่ผมได้แต่งอมืองอเท้าอยู่หรอกนะครับ ผมรักฮีชอล และผมก็จะต้องพาฮีชอลกลับมาให้ได้”

     

                    ฮีชอลรอผมนะครับ...อย่ากลัว...อย่าร้องไห้...ผมกำลังจะไปรับคุณกลับมา แล้วผมจะไม่ปล่อยให้เราต้องห่างกันอีก เรื่องของเราทุกคนต้องรับรู้...รอผมอีกนิดนะครับ..ที่รัก

     

               * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

                    โกดังร้างที่ทั้งเก่าและเหม็น เพราะไม่มีใครเข้ามาที่นี้หลายปีแล้ว แต่วันนี้ตรงจุดกึ่งกลางพอดีมีร่างบางถูกจับมัดกับเก้าอี้ มีเพียงแสงไฟที่อยู่เหนือขึ้นไปมากส่องลงมา ให้เห็นใบหน้าหวานที่กำลังมีน้ำตานองหน้า

            

                  ตั้งแต่รู้สึกตัวก็ไม่เห็นใครสักคน ยิ่งฟ้ามึดครึ้มก็ยิ่งน่ากลัว ทั้งเงาวูบไหวเหมือนวิญญาณที่มองไม่เห็นร่าง เสียงไร้ที่มาก็ฟังคล้ายเสียงเดินที่ไร้ตัวตน มองทางหางตาเหมือนมีใครในชุดนักรบโบราณยืนอยู่

     

              “ฮือๆๆ ใครก็ได้ช่วยด้วย อย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามา” เสียงร้องห้าม ทั้งเท้าแบะมือที่ถูกมัดไพล่หลังพยายามดิ้นรนให้เก้าอี้กระเด้งห่างจากเงาใหญ่ที่เดินเข้ามา

     

              “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” เสียงกรี๊ดร้องดังลั่นจนซีวอนต้องปิดหู มันยิ่งกว่าเสียงของของผู้หญิงนับสิบรวมกันเสียอีก

     

                    “ฮีชอล นี้ผมเอง ซีวอนไง ลืมตาดูสิครับ ลืมตา” ชายหนุ่มนั่งลงให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกัน ให้คนสติแตกได้ตั้งสติ ก่อนจะกระชับเข้าสู่อ้อมกอด ลูบแผ่นหลังที่สั่นสะท้านด้วยความกลัว “ไม่ต้องกลัวนะครับ ซีวอนอยู่ตรงนี้แล้ว”

     

                    ชายหนุ่มเดินอ้อมไปข้างหลัง แกะเชือกที่ข้อมือข้อเท้า และต้องอ้าแขนรับทันทีที่ร่างบางเป็นอิสระและเข้าซุกในอ้อมกอด ร้องไห้เสียงสะอื้น “อย่ากลัวนะครับผมอยู่นี้แล้ว จะไม่มีอะไรมาทำร้ายคุณได้นะครับ” ริมฝีปากบางประทับบนหน้าผากแคบเนียนที่เปรอะเปื้อนอย่างไม่รังเกียจ

     

                    .”คุณซีวอนผมขอโทษ ผมทำให้คุณต้องมาลำบากแบบนี้ ผมขอโทษ” เสียงสั่นพร่าจากความเสียใจที่ต้องทำให้ชายหนุ่มมาอยู่ในที่อันตรายแบบนี้ ทั้งที่ตัวเองมีหน้าที่ต้องคอยปกป้องคนคนนี้

     

                    “ไม่เป็นไรนะครับ ฮีชอลไม่ผิดนะ คนที่จับคุณมาต่างหาก มันอยู่ที่ไหนคุณรู้ไหม” แม้จะโอบปลอบ แต่สายตาคมก็ยังคงมองไปรอบๆ กังวลว่าจะมีใครสักคนโผล่หัวออกมา ทำอันตรายคนในอ้อมกอด

     

                    “ผมไม่รู้ พอรู้ตัวอีกทีก็โดนมัดอยู่ที่นี้ ยังไม่เห็นใครสักคนเลย  เหมือนผมอยู่ที่นี้คนเดียว ผมกลัว”   ใบหน้าหวานเปรอะคราบน้ำตาซุกซบแอบใช้เสื้อเชิ้ตราคาแพงของเจ้านายหนุ่มเช็คน้ำตา

     

                    “โผล่มาแล้วหรือครับคุณซีวอน ปล่อยให้ผมรออยู่ตั้งนาน” เสียงทุ้มจากชายวัยกลาง รูปร่างเตี้ย ตัน ดำคลำ หน้าตาเหมือนซื่อ เดินเข้าใกล้เรื่อยๆ ห่างก็เพียงไม่เท่าไหร่

     

                    ซีวอนหมุนคนในวงแขนให้ไปอยู่ด้านหลัง ป้องกันอันตรายจากคนที่โผล่มาจากเงามืด “คุณจับฮีชอลมาทำไม เขาไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย”

     

                    “ไม่เกี่ยวหรือครับ แล้วเอาไปข้างหลังทำไม ได้ข่าวว่าเป็นการ์ดไม่ใช่หรือไง ฝีมือแบบนี้จะไปทำอะไรได้ หรือคุณไม่ได้จะเอามาเป็นการ์ด”

     

                    “คุณผู้ช่วย อย่าดูถูกคุณซีวอนแบบนั้นนะครับ ผมเป็นการ์ดที่ของคุณซีวอนจริงๆ” ฮีชอลก้าวออกมาจากด้านหลังของชายหนุ่ม อย่างลืมตัว ความกลัวมันหดหายไปหมด ขอแค่มีคนนี้อยู่ใกล้ๆ

     

                    “ฮีชอลระวัง!!!” เสียงร้องเตือนของชายหนุ่มดังขึ้น แต่มันก็ไม่ทันสะแล้วเมื่อ เมื่อแขนล่ำเกินธรรมดา คว้าร่างผอมบางเข้ามาก่อนจะล็อคลำคอระหงแน่น

     

                    “อื้อ อื้อ..คุณซีวอนช่วยด้วย แค่กๆๆๆ” เสียงร้องที่ออกมาพร้อมกับน้ำตา ความกลัวกลับมาเยือนอีกครั้ง สองมือบางไขว้คว้าอยากกลับไปอยุ่กับแผ่นอกอบอุ่นอีกครั้ง แต่คุณผู้ช่วยกลับเดินออกห่างจากชายหนุ่มจนเกินกว่าสองมือจะเอื้อมคว้าได้

     

                    “แดซองแกจะทำอะไรฮีชอล” สายตาคมจับจ้องร่างบางที่ถูกจับยึดเป็นตัวประกัน ลำคอขาวเนียนที่เขาหวังว่าสักวันจะได้ประทับรอยเป็นเจ้าของเพียงผู้เดียวกำลังขึ้นรอยแดงช้ำ จากการถูกรัดแน่น ดวงตากลมโตมีน้ำตาอีกครั้ง

     

                    “ห่วงกันจังนะครับ ถ้าท่านซึงฮยอนพ่อของคุณรู้เข้าคงไม่พอใจที่ลูกชายตัวเองเป็นห่วงการ์ดมากขนาดนี้” มือข้างที่ว่างเปล่า หยิบมีดพับออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะจ่อลงที่ลำคอขาว ร่างบางหยุดดิ้นในทันทีที่สัมผัสถึงความเย็นของโลหะมันวาว

     

                    แววตาตื่นกลัว และความเป็นห่วงที่มากล้นบีบบังคับให้ชายหนุ่มต้องทำอะไรสักอย่างในเวลาอันรวดเร็ว ปีนพกขนาดเล็กที่ชายหนุ่มพกไว้ตลอดเวลาถูกชักออกมา ไม่ใช่แค่ขู่ แต่ซีวอนใช้มันจนชำนาญ

     

                    “ฮีชอลหลับตา” คำสั่งที่พูดปุบก็ตามด้วยเสียงปืนหนึ่งนัดดังขึ้น ร่างบางที่ถูกสั่งให้หลับตาไม่กล้าลืมตามอง แต่ก็รู้สึกได้ว่าลำแขนที่รักแน่น คลายออกจนหลุดออกจากคอของตนเอง

     

                    “ฮีชอล” ซีวอนเรียกชื่อคนที่กลับมาอยู่ในมือเขาอีกครั้ง มองร่างของพนักงานเก่าแก่ ที่ทรุดลงไปเพราะกระสุนหนึ่งนัดเจาะอยู่หัวเข่า ก่อนจะเตะอีกครั้งเข้าที่มือให้มีดในมือลอยกระเด็นไปไกล และสุดท้ายชายหนุ่มยังไม่ลืมที่จะเตะซ้ำเข้าที่บาดแผลหวังให้อาการเจ็บเพิ่มมากขึ้น ก่อนจะพาคนที่กุมมือไว้แน่น วิ่งออกจากโกดังร้าง รถคันหรูรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

     

                   “พี่ลีทึกโทรหาตำรวจให้ผมหน่อย มีคนร้ายยักยอกเงินและบริษัทและกักขังหน่วงเหนี่ยวนอนออยู่ จ้งให้ผมทีนะพี่” ซีวอนโทรบอกกับพี่ชายก่อนจะวางสายทันที

                   

                    ชายหนุ่มมองคนนั่งข้างๆด้วยความเป็นห่วง รั้งไหล่บางให้ลงมาซบกับไหล่หนา โอบเอาไว้ปลอบโยนให้หายหวาดกลัว “ฮีชอลไม่ต้องกลัวแล้วนะ ปลอดภัยแล้ว ผมสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดอะไรขึ้นกับคุณอีก ผมขอโทษนะครับ” ชายหนุ่มเบียนสายตาจากหน้าท้องถนนมาจุมพิตหน้าผากแคบเพื่อคลายความหวาดกลัว

     

                    ร่างบางหลับตานิ่ง รับสัมผัสแสนอ่อนโยน ที่ทำให้คลายความกลัว หลงเหลือแต่ความสุขที่เวียนวนอยู่ในใจ แต่ไม่อาจบอกใครได้

     

             ผมขอโทษที่ดูแลฮีชอลไม่ดี ต่อไปนี้จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ผมรักคุณนะฮีชอล

       

                    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

    Talk

     

            ครบร้อยแล้วค่า หลังจากไปปั่นอารมณ์ตัวเองให้คงที่ ใกล้จบแล้ว ตอนหน้าก็ตอนที่13 แล้วก็14 แล้วก็15 555 (จะนับเพื่อ???)

                    คือไอซ์จะบอกว่ามันมีสิบห้าตอนคะ แต่ว่าป่านนี้เขายังไม่สารภาพรักกันเลย ได้แต่เก็บไว้ทั้งคู่ หุหุ รักกันก็ต้องบอกกันเนอะ  รักกันๆๆ

     

     

    ขอบคุณทุกคอมเม้มท์คะ

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×