ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    - - - Freezing love - - - (woncin )

    ลำดับตอนที่ #14 : - -FL- - 11 100%

    • อัปเดตล่าสุด 21 มิ.ย. 53


    - -FL- - 11

     

                    ชายหนุ่มร่างสูงในชุดทำงานนั่งหน้าเครียดคิ้วเข็มขมวดเข้าหากันอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ในมือเอกสารที่พึ่งได้รับมาจากเลขาสาวที่พึ่งเข้ามาทำงาน “ซันนี่ รายงานการประชุมเมื่อวานอยู่ที่ไหน เข้ามาหาให้ผมด้วย” ท่านประธานกรอกเสียงที่เต็มไปด้วยความขุ่นมัวใส่โทรศัพท์ที่เชื่อมกับโต๊ะของเลขาทั้งสองคน

     

                    หญิงสาวตัวเล็กผลักประตูเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าซีด ไม่กล้าสบตาท่านประธานหนุ่ม ที่กำลังกลายร่างเป็นยักษ์ คาดว่าคงจะโดนหนัก และเธอก็คาดเท่าเดาไม่ผิด

     

                    “จะเข้ามาในห้องผม ทำไมไม่เคาะประตู” แค่เรื่องเล็กๆน้อย ซีวอนก็เอามาเป็นอารมณ์ได้เสมอ เมื่อเขากำลังอยู่ในภาวะไม่พอใจกับอะไรทั้งนั้น 

     

                    “เอ่ออ... ขอโทษคะ ดิฉัน.” ซันนี่ก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเจ้านาย ถึงหน้าของเจ้านายจะหล่อคมระดับพระเอก แต่ตอนนี้เธอก็จะไม่สบตาคมกริบคู่นั้น ในใจคิดอยากให้รุ่นพี่หน้าหวานเข้ามาเสียเหลือเกิน

     

                    “เออ ช่างเหอะ คราวหลังก็จำไว้ แล้วก็ช่วยหารายงานการประชุมให้ผมด้วย อ้อ ตารางงานวันนี้ผมหล่ะ” ชายหนุ่มมองหน้าที่เตรียมปล่อยน้ำตาแล้วรู้สึกรำคาญ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้  นอกจากทนต่อไปให้ถึงที่สุด

     

                    “วันนี้ ท่านประธานมีฟังสรุปงานกับฝ่ายสถานที่เรื่องการต้อนรับและรับรอง ประธานาธิบดีจากจีนและนายกจากญี่ปุ่นที่จะมาหารือประเด็นเกาหลีเหนือตอนสิบเอ็ดโมง แล้วก็นัดทานข้าวกับมิสเตอร์เหลียงจากจีนตอนเที่ยงคะ แล้วจากนั้น ตอนบ่ายครึ่งต้องเข้าคุยงานกับฝ่ายจัดงานหารือของกระทรวงการต่างประเทศ ที่กระทรวงคะ ”

     

                    “นี่คุณ คุณคิดว่าแค่หนึ่งชั่วโมงจะพอสำหรับการสรุปรายละเอียดมากมายหรือไง ซันนี่” ใบหน้าคมที่เรียบสงบ มีเพียงแค่แววตาที่จ้องหญิงสาวนิ่ง และคิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากัน อย่างไม่พอใจในตารางครั้งนี้

     

                    “เออะ...ขอโทษคะ แต่ว่า..จะให้ดิฉันทำยังไง” ซันนี่แทบจะก้มหน้าชิดลำตัว น้ำตาเม็ดเล็กร่วงลงสู่พื้นพรม ยิ่งทำให้ชายหนุ่มโมโหเข้าไปอีก แต่ก็ต้องระงับอารมณ์ตัวเอง

     

                    “นี้คุณไปตามรุ่นพี่คุณเข้ามา แล้วคุณก็กลับมาหารายงานการประชุมให้ผมด้วย เร็ว อย่ามั่วแต่ร้องไห้ ผมไม่ชอบ” ชายหนุ่มโบกมือไล่หญิงสาวก่อนจะหมุนเก้าอี้ออกไปหากระจกใสบานใหญ่ที่ เป็นการผ่อนคลายอารมณ์ที่คุกรุ่น

     

                    เสียงโทรศัพท์ที่ตั้งไว้สำหรับคนพิเศษดังขึ้นจากโทรศัพท์เครื่องสีดำวางเอาไว้บนโต๊ะ ชายหนุ่มรีบหมุนเก้าอี้กลับมาคว้ามือถือแล้วกดรับสายแบบไม่ต้องคิด ไม่ต้องดูว่าเป็นเบอร์ของใครโทรเข้ามา

     

                     “สวัสดีครับยุนอา” เสียงทุ้มหวานแสนอบอุ่นที่ไว้เพื่อคนปลายสายเท่านั้น ทำเอาสองคนที่เดินเข้ามาในห้องถึงกับสะดุดกับสิ่งที่ได้ยิน ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน

     

                      หนึ่งคนสะดุด เพราะตกใจในความของท่านประธานที่พึ่งจะไม่พอใจเธอ

     

                     อีกหนึ่งคนสะดุด เพราะเจ็บกับสิ่งที่ได้รับ ความแตกต่างที่มี มันช่างไกลเกินกว่าจะเอื้อมคว้ามาได้

     

                   “แปปนะครับยุนอา” สายหนุ่มบอกกับคนในปลายสาย ก่อนหันมาหาสองเลขาที่เดินเข้ามา “ซันนี่คุณหาให้ผม แล้ววางไว้บนโต๊ะ ส่วนคุณ รอที่โซฟาก่อน” ชายหนุ่มชี้นิ้วสั่งให้เลขาตัวจริงนั่งรออยู่ที่โซฟาตัวยาว ก่อนจะหันไปสนใจโทศัพท์ในมือที่มีคนรักรอสายอยู่

     

                    ฮีชอลนั่งมองชายหนุ่มที่กำลังคุยกับคนรักอย่างมีอย่างมีความสุข ทุกคำที่พูดออกมา มีแต่ความรักเจือปน ยุนอาครับ ที่รักของผม แต่ละสรรพนามที่เรียกออกมามันบอกได้ว่าหัวใจของชายหนุ่มมีใครครอบครอง แต่กับเขา....แค่เรียกชื่อ ยังไม่มี

     

                    แค่ตัวตน ซีวอนก็ไม่ยอมให้เขาได้มีอยู่ในการรับรู้....เป็นแค่ใครสักคนที่ไร้ชื่อเท่านั้นเอง

     

                    ร่างบางนั่งฟังบทสนทนาแสนหวานอยู่เงียบๆ เจ็บจนไม่รู้ว่าต้องทำยังไง อยากจะลุกหนี แต่ก็ไม่สามารถ ต้องนั่งทนจนกระทั่งชายหนุ่มวางสายไป หลังจากที่ซันนี้เดินออกไปจากห้องเพียงไม่นาน แต่เพราะบางอย่าง หรือเพราะตัวฮีชอลเอง ถึงทำให้ห้องทั้งห้องดูน่าอึกอัด

     

                    “สอนรุ่นน้องยังไงถึงได้ทำงานแบบนี้” ทันทีที่วางสาย ทันที่ต้องพูดคุยกับเลขาที่แฟนสาวฝากฝังไว้ อารมณ์กรุ่นๆที่เก็บไว้ก็ปะทุออกมาทันที

     

                    “ซันนี่ทำอะไรพลาดครับ ผมจะได้~” ประโยคที่ตั้งใจจะพูด ได้แต่เก็บเงียบในทันที เมื่อแฟ้มเอกสารถูกปามาตรงหน้า บอกให้รู้เป็นนัยว่าให้ดูเอาเอง

     

                    มือบางที่สั่นเทาเพราะการกระทำที่ได้รับ เอื้อมเก็บแฟ้มเอกสารจากที่พื้น ขึ้นมาดูแต่ก็ไม่เห็นความผิดปรกติอะไร “ผมไม่เห็นว่าซันนี่จะทำอะไรผิด”

     

                    “ไม่ผิด ดีนิ เพราะทำงานแบบนี้ถึงได้สอนใครไม่ได้ คุณคิดว่างานใหญ่ที่มีรายละเอียดมากๆ แค่หนึ่งชั่วโมง มันจะพอไหมสำหรับนั่งฟังสรุป ทำอะไรหัดคิดซะบ้าง หรือเอาสมองไปคิดเรื่องอื่นหมดแล้ว” ซีวอนตะคอกใส่คนที่นั่งนิ่งไม่ตอบโต้

     

                    “คุณซีวอน” ดวงตากลมโตจ้องมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน รับรู้ในความหมายที่สื่ออกมาได้เป็นอย่างดี เรื่องอื่นในความคิดของท่านประธานหนุ่มคนนี้ คงไม่พ้นเรื่องที่จะทำให้เขาสกปรก และต่ำช้าในความคิดของชายหนุ่ม

     

                    “ทำไม คิดจะพูดอะไร ออกไปได้แล้ว ไปจัดการให้เรียบร้อย แล้วเรียกทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้เข้าประชุมตอนสิบโมง” ใบหน้าคมพร้อมรอยยิ้มจ้องใบหน้าหวานเกินชาย รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรังเกียจก่อนก้มมองนาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือหนา “นี้ก็อีกสิบนาที ทำให้เรียบร้อย ผมจะไปรอที่ห้องประชุมเล็ก ให้ซันนี่ไปเข้าประชุมกับผม ส่วนคุณก็จัดการตารางงานของผมให้เรียบร้อย แล้วก็มีอะไรที่เตรียมได้สำหรับเอาไปที่กระทรวงก็จัดการให้ดี” เมื่อสั่งงานเสร็จ ชายหนุ่มก็เดินผ่านหน้าร่างบางออกไป ไม่สนใจว่าอีกคนจะเป็นเช่นไรต่อ จะมีคำถาม หรือน้ำตาจากคำพูดบ้างไหม

     

                    ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ขอแค่ได้ระบายอารมณ์

     

                    ขอแค่มีคนมารับผิดชอบกับการที่เขาไม่สามารถพบเจอยุนอาได้ในวันนี้

                   

     

                 * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

                     เสียงหวานที่นั่งยิ้มกับโทรศัพท์อย่างมีความสุขที่ได้คุยกับคนรัก แต่ความรัก แค่ผ่านมือถือ อาจยังไม่เพียงพอ มันคงต้องการมากกว่านั้น เหมือนที่ยุนอาต้องการจากซีวอน “ซีวอนคะ วันนี้ยุนอาไปหาที่ทำงานแล้วเราออกไปหาอะไรทานตอนเที่ยงดีไหมคะ”

     

                    /อ่า วันนี้หรอ ผมไม่ว่างสิครับ มีนั่งฟังสรุปจากฝ่ายสถานที่ แล้วตอนเที่ยงก็มีนัดทานข้าวกับมิสเตอร์เหลียง / คำตอบจากชายหนุ่มทำให้หญิงสาวยิ้มไม่ออก

     

                    “งั้นตอนเช้านี้ว่างไหมคะ ยุนอาคิดถึงซีวอนจริงๆนะ ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะคะ” เสียงหวานออดอ้อนคนรัก หลังจากที่พยายามหาช่วงเวลาที่คิดว่าชายหนุ่มจะว่าง

     

                    /ช่วงเช้าหรอครับ ตอนนี้ตารางงานของวันนี้ผมยังไม่ลงตัวเลย/ เสียงแผ่วลง ความอ่อนหวานหายไปเหมือนว่าคนพูดกำลังไม่พอใจบางอย่างที่ตัวยุนอาเองก็ไม่เข้าใจ

     

                    “หรอคะ งั้นคุณทำงานไปเถอะคะ ฉันไม่กวนแล้ว” ยุนอาได้แต่เก็บความน้อยใจอยู่เงียบๆไม่กล้าบอกให้ชายหนุ่มรู้ ไม่อยากดูเป็นผู้หญิงงี่เง่าในสายตาคนรัก

     

                    /ยุนอาโกรธผมหรือเปล่า เอางี้ไหมครับคนดี ตอนเย็นผมทำงานเสร็จแล้ว ไปรับยุนอาแล้วเราไปดินเนอร์ด้วยกัน ดีไหมครับ/ ปลายสายเหมือนจะรับรู้ได้ในความผิดหวังของหญิงสาว พยายามหาทางออกที่ดีที่สุด

     

                    “ไม่เป็นไรหรอกคะ คุณทำงานมาเหนื่อยๆ กลับบ้านไปพักผ่อนดีกว่านะคะ แค่นี้นะคะ ฉันไม่กวนคุณแล้ว” หญิงสาวตัดใจวางสาย ไม่อยากให้ชายหนุ่มต้องลำบากใจไปมากกว่านี้

     

                    /ครับ  ผมรักยุนอานะ/ คำบอกรักที่พูดออกมาไม่ใช่แค่หน้าที่สำหรับซีวอน แต่เป็นความรู้สึกที่ออกมาจากใจ เป็นคำที่อยากให้หญิงสาวได้รับรู้ด้วยหัวใจ

     

                    “คะ ยุนอาก็รักคุณ” หญิงสาวกดวางสาย ก่อนจะนั่งหน้านิ่ง มองมือถือที่อยู่ในมืออย่างชั่งใจ

     

                    เพราะช่วงนี้คนรักไม่มีเวลาให้ มันทำให้ยุนอารู้สึกได้ถึงความสัมพันธ์ที่เหมือนห่างเหิน แต่ก็คงเป็นแค่เธอที่รู้สึกไปเอง ในเมื่ออีกคนก็ยังคงเป็นคนรักที่แสนน่ารักเหมือนเดิม

     

                    “เฮ้อ! เบื่อจัง พี่ฮีชอลก็คงงานยุ่งไม่ต่างจากซีวอนก็เล่นเป็นเจ้านายเลขากันนี้นา แล้วจะมีใครว่างบ้างไหมเนี่ย” หญิงสาวนั่งบ่นกับตัวเอง ดูรายชื่อคนในโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ

     

                    การไปเดินเที่ยวคนเดียว ยุนอาทำได้ และทำเป็น แต่ก็เพราะใครบางคนที่ทำให้เคยตัวกับการมีใครสักคนเดินจูงมือดูนู้นดูนี่ด้วยกัน แต่ตอนนี้ใครคนนั้นก็ไม่ว่าง แล้วจะมีใครว่างบ้างไหม?

     

                    “อ่ะคยูฮยอน” เบอร์ที่เธอพึ่งได้มาเมื่อไม่นาน ทำให้หญิงสาวดีใจ อย่างน้อยๆคยูฮยอนคนนี้ก็ยอมเดินให้เธอลากไปนู้นมานี้ได้ไม่บ่น หญิงสาวยิ้มแก้มปริ ก่อนกดโทรออก

     

                    /สวัสดีครับ พี่ยุนอา/ เสียงเด็กหนุ่มดังแผ่วๆ แต่ก็ดูร่าเริง ทำให้คนโทรไปใจชื้นว่าไม่ได้ทำให้ปลายสายรำคาญ อย่างที่กลัวไว้แต่แรก

     

                    “อ่ะ ทำไมกระซิบเรียนอยู่หรอ งั้นพี่ไม่กวนนะ”หญิงสาวรู้ดีว่าเสียงแผ่วๆแบบนี้กำลังแอบคุยแน่ๆ แล้วยิ่งเสียงแทรกเป็นเสียงอาจารย์ที่กำลังเลคเชอร์ก็ยิ่งมั่นใจว่าโทรมากวนเวลาเรียนของเด็กมหาลัยเข้าแล้ว

     

                    /ไม่เป็นไรหรอกครับ คุยได้ ผมกำลังเบื่อๆพอดีเลย/

     

                    “หรอ งั้นเที่ยงนี้คยูว่างไหม ไปเที่ยวกันเดี๋ยวพี่เลี้ยงทั้งข้าวเที่ยง ข้าวเย็นเลย” หญิงสาวถามอย่างดีใจ ด้วยความคาดหวัง

     

                    /เที่ยงหรอครับ ก็ว่างนะ แต่ว่าตอนบ่ายผมมีเรียนตัวหนึ่ง/

     

                    “งั้นหรอ ไม่ว่างก็ไม่เป็นไร ตั้งใจเรียนนะ” ยุนอาต้องผิดหวังอีกรอบ วันนี้พี่น้องตระกูลเชว ทำเธอผิดหวังสองรอบแล้วนะเนี่ย  พี่น้องคู่นี้มันเป็นอะไรกันนัก

     

                    /เฮ้ย! ไม่เอา วิชานี้ผมยังโดดได้ ผมต้องใช้สิทธิ์โดดให้ครบ พี่ชวนผมแล้วอย่าทิ้งให้ผมอยากสิครับ/ เสียงปลายสายที่รีบบอกออกมากลัวอีกคนจะวางสายทำให้หญิงสาวยิ้มออกมาได้

     

                    “จะดีหรอคยูฮยอน” ถึงจะดีใจ ที่อาจได้เพื่อนไปเดินเล่น แต่ยุนอาก็ยังอดรู้สึกแปลกๆไม่ได้ ที่จะให้นักศึกษาต้องมาโดดเรียนเพราะเรื่องไร้สาระของเธอ

     

                    /ดีสิครับครับพี่ เนี่ยถ้าพี่ไม่มารับผม ยังไงก็คงต้องโดดเรียนแน่ๆ ไอ้คุณเพื่อนๆของผมมันไม่ปล่อยให้สิทธิ์มันสูญเปล่าหรอกครับ มารับผมนะ/ เสียงอ้อนที่ทำให้ยุนอาต้องยิ้ม เสียงอ้อนที่เหมือนคนรักของเธอ สองพี่น้องคู่นี้ทำให้เธอใจอ่อนทุกครั้ง

     

                    “อ่า งั้นหรอ งั้นตอนเที่ยงๆคยูมารอที่หน้าตึกนะ แล้วพี่จะเป็นคนขับรถไปรับคุณชาย ชเว คยูฮยอนเอง”

     

                    /อ่ะ....ครับ งั้นวันนี้ผมคงมีคนขับรถที่สวยที่สุดในโซลแน่ๆ รีบมานะครับ แค่นี้ผมก็หิวจะแย่/ ด้วยความดีใจทำให้ยุนอาไม่ทันรู้สึกถึงอาการสะดุดของเด็กหนุ่มที่ยังไม่อาจยอมรับว่าเป็นคนในตระกูล ชเว

     

                    “จ๊ะ งั้นเดี๋ยวตอนเที่ยงเจอกันนะ”

     

                    /ครับพี่ แค่นี้นะครับ สวัสดีครับ/ 

     

                    หญิงสาวยิ้มร่าที่วันนี้ไม่ต้องเหงาอยู่คนเดียว แต่เธอไม่รู้เลยว่าปากเหวมันกำลังเข้าใกล้มาเรื่อยๆ

     

             

             * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

                    รถคันเล็กเพื่อความคล่องตัวมาจอดนิ่งสนิทหน้าคณะรับเด็กหนุ่ม ให้คุณเพื่อนตัวดีทั้งหลายได้แซวเล่นตามประสาคนสนิท “เฮ้ย คุณชายคยู คุณพี่ชายแสนดีส่งคนขับรถมารับแล้วเว้ยยยยยยย”

     

                    “อ่ะ งั้นชายก็ขอตัวก่อนนะครับ ก่อนที่คนขับรถจะรอนาน” เด็กหนุ่มเก็บของเกลื่อนกลาดยัดใส่กระเป้าเป๋ใบเก่งที่ใช้มานาน รีบเดินไปหารถคันสวยที่จอดรออยู่ แต่เหมือนคนบนรถจะกลัวว่าเขาจำรถไม่ได้จนต้องลดกระจก

     

                    หญิงสาวยิ้มให้เด็กหนุ่มที่กำลังเดินมา ก่อนจะใจดีส่งรอยยิ้มต่อไปให้เพื่อนของน้อยชายคนรักที่นั่งอยู่บนโต๊ะม้าหิน “รอนานหรือเปล่า”

     

                    “ไม่หรอกครับ จารย์พึ่งปล่อยพอดี  แต่ว่าหิวจังเลยครับ” เด็กหนุ่มเอามือลูบหน้าท้องทำให้ดูว่าหิวมากแล้วจริงๆ ก่อนส่งยิ้มให้พี่สาวคนสวย แต่แล้วยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร เจ้ามือถือก็ร้องบอกว่ามีข้อความเข้ามาใหม่

     

                    “คนขับรถบ้านพี่มึงแม่งสวยวะ ขอสักคนได้ไหม” ข้อความจากเหล่าเพื่อนฝูงที่ส่งเข้ามาทำให้เด็กหนุ่มอดขำไม่ได้  จนคนนั่งข้างๆที่กำลังขับรถต้องหันมามองพร้อมสายตาสงสัย

     

                    “อ้อ ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่เพื่อนมันส่งข้อความมาบอกว่าพี่สวยหน่ะครับ” เด็กหนุ่มบอกคนขับรถแสนสวยตามที่เพื่อนเขาว่ามา ทำให้คนที่ขับรถอยู่อดหน้าแดงไม่ได้เมื่อถูกชมซึ่งๆหน้า

     

                    “นี่พี่ชายผมไม่ว่างหรือไงครับ พี่ยุนอาถึงได้โทรหาตัวสำรองแบบผม เฮ้อ! เกิดเป็นโจว คยูฮยอนช่างสงสาร จะมีพี่สาวสักคน พี่สาวก็เห็นเราเป็นแค่ทางเลือก” เด็กหนุ่มทำเสียงเศร้า เหมือนว่ากำลังน้อยใจที่เป็นได้แค่ตัวสำรองของพี่ชาย

     

                    “โอ้ๆ พูดอะไรแบบนั่นหล่ะพ่อน้องชายสุดหล่อ แต่พักนี้พี่ชายของคยูไม่ค่อยว่างเลยเนอะ ทำงานตลอดเลย ทิ้พี่ไว้คนเดียวตลอดเลย เดี๋ยวก็หากิ๊กใหม่ซะเลยนิ” หญิงสาวหัวเราะร่ากับประโยคสุดท้ายของตนเองที่ไม่คิดจริงจังกับมัน ขัดกับคนฟังที่รับฟังด้วยความสมเพช

     

                    “ช่วงนี้พี่ชายผมไม่ค่อยว่างหรอครับ” คยูฮยอนถามหญิงสาวที่กำลังเลี้ยวรถเข้าห้างสรรพสินค้า ดวงตาคมไม่แพ้พี่ชายกำลังวาวโรจน์ด้วยความดีใจ ยิ่งได้คำตอบรับในลำคอจากคนสวยก็ยิ่งดีใจ ที่อีกไม่นานแผนที่วางไว้ก็คงเป็นจริงจนต้องรีบพูดปูทาง “งั้นถ้าพี่เหงา ก็โทรหาผมนะครับ ผมยอมเป็นตัวเลือกให้พี่เสมอ”

     

                    ดวงตาหวานคมของเด็กนุ่มทอดมองหญิงสาว จนยุนอาอดสะท้านในใจไม่ได้ ดวงตาแบบนี้ที่เธอได้รับจากใครอีกคนที่ตอนนี้เอาแต่ทำงาน สายตาแบบนี้ที่ถูกมองครั้งใดก็อดจะรู้สึกว่าเป็นคนสำคัญไม่ได้ .....สายตาแบบที่ซีวอนมองเธอเสมอๆ  

     

                    “พี่ครับ ไปหาอะไรกินกันก่อนนะ แล้วเราค่อยไปเดินเล่นกันนะครับ ผมหิวแล้ว” มือหนาที่อบอุ่น เอื้อมมาจับมือเล็กที่เอาไว้ลากไปเข้าร้านอาหารที่เรียงรายให้เลือกมากมาย

     

                    ตลอดมื้อเที่ยงยามบ่ายของคนทั้งสองเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ หญิงสาวลืมเรื่องที่ขุ่นข้องอยู่ในใจ ลืมไปว่าเวลานี้คนรักกำลังทำงานยุ่ง ไม่มีเวลาให้เธอเหมือนเก่า

     

                    “เดี๋ยวพี่จะไปเดินดูอะไรก่อนครับ” สองคน สองมือ เดินกุมกันออกมาจากอาหาร โดยที่ไม่รู้สึกว่ามันขัดเขิน ผิดธรรมชาติ หรือผิดคน...?

     

                    “เออนั่นสิ ไม่รู้แหะ คยูอยากไปดูอะไรไหม พี่แค่อยากออกจากบ้านเฉยๆ ไม่มีอะไรทำเลยเบื่อๆเท่านั้นเอง” ยุนอาบอกกับคนที่จับมือกัน เมื่อเดินไปได้สักพักแบบไม่มีจุดหมาย “เออ ไปหาแม่ครูของคยูเอาไหม พี่ฮีชอลเคยพูดไว้ พี่อยากไปไหว้ท่านบ้าง”

     

                    “อย่าเลยครับ ไปตอนนี้เจ้าตัวแสบทั้งหลายได้พาพี่ปวดหัวแน่ๆ” คยูฮยอนตอบแบบเกรงใจร่างบางไม่อยากให้ไปเจอกับความวุ่นวายแต่ใครจะรู้ว่าภายในใจคิดอะไรอยู่

     

                    “ซนกันมากขนาดนั้นเลยหรอ มิน่าพี่ฮีชอลถึงได้บ่นถึงบ่อยๆ งั้นถ้าเราไม่ไปหาแม่ครูแล้วจะไปไหน” หญิงสาวเข้าใจทุกคำตามที่เด็กหนุ่มบอก ก่อนจะวกกลับเข้าปัญหาเดิม ไปไหนกันดี?

     

                    “ก็เดินเล่นดูของในนี้ไงครับ ผมเชื่อว่ายังไง ก็คงมีอะไรให้พี่ยุนอาสนใจได้บ้างแหล่ะครับ” เด็กหนุ่มรู้ดี ผู้หญิงกับการช็อปปิ้งยังไงๆก็เป็นของคู่กัน ถึงจะเบื่อแค่ไหน แต่แค่เห็นของสวยๆงามๆความเบื่อก็หายไปหมด

     

                    “เอางั้นก็ได้ ป่ะ งั้นเราไปเดินดูกันดีกว่า เพื่อมันมีอะไรบางอย่างเรียกร้องให้พี่พามันกลับไปบ้าน” หญิงสาวพูดเองก็ขำเองกับความคิดแบบนี้ ข้าวของพวกนี้ไม่มันมีอะไรเรียกร้อง มีเธอเองนั้นแหล่ะที่อยากพามันกลับไปบ้านซะเอง

     

                    “ครับ เอางั้นก็ได้ เผื่อจะมีอะไรอยากกลับไปให้พี่สาวคนสวยของผมดูแล” คยูฮยอนยิ้มให้คนข้างๆก่อนที่มือหนาจะถูกลากให้เดินตามมา

     

                   ชั้นที่ยุนอาพามา คงเป็นชั้นที่เธอรู้จักทุกซอกทุกมุม ชั้นที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าสตรี สารพัดร้านแบรน์เนม แล้วไหนจะร้านบูติคของอีกสารพัดดีไซเนอร์ชื่อดัง

     

                    “นี้ๆๆ  คยูฮยอน แวะเข้าร้านนี้ก่อน” หญิงสาวร่างเล็กดูบอบบาง แต่กลับแข็งแรงขึ้นมาทันตาเมื่อเดินผ่านป้ายลดราคา ยุนอาลากเด็กหนุ่มที่ในมือมีถุงใบเล็กใบน้อยพะรุงพะรัง

     

                    “สวัสดีคะคุณยุนอา” ผู้จัดการร้านที่คุ้นหน้าลูกค้าสาวรายใหญ่ รีบเดินเข้ามาบริการ แต่สายตาก็เหล่มองเด็กหนุ่มหน้าตาดีในชุดนักศึกษาที่ถูกลากเข้ามาในร้าน แทนที่ลูกค้าสาวรายนี้จะเดินมาพร้อมกับแฟนหนุ่มอีกคน

     

                    “อ่า สวัสดีคะ นี้คอลเลคชั่นใหม่มาลดราคาหรอคะ” หญิงสาวถามอย่างตื่นเต้นก็มีที่ไหนกันจะลดราคากับคอลเลคชั่นใหม่ที่พึ่งออกมา ปากก็ถามไป สองมือก็แหวกๆเสื้อผ้า เอามานาบกับตัวเอง หันไปถามความเห็นเด็กหนุ่มไป

     

                    “ใช่คะ ช่วงพิเศษ สามวันนี้ที่เราจะลดราคาหน่ะคะ แล้วก็ตอนนี้นอกจากเสื้อผ้าสำหรับสุภาพสตรีแล้วตอนนี้เรายังมีเสื้อสำหรับสุภาพบุรุษด้วยนะคะ คุณยุนอาไม่สนใจดูให้น้องชายคนนี้หรือคะ” ผู้จัดการร้านผายมือไปทางเด็กหนุ่มสองที่ถือถุงเล็กถุงน้อย

     

                    “อ่า หรอคะ ดีจัง คยูฮยอนสนใจซักตัวไหม พี่ซื้อให้มาเร็ว วางของพวกนั้นก่อน” หญิงสาวจัดการแย่งเอาถุงทุกถุงวางลงกับพื้น แล้วพาเด็กหนุ่มไปยังโซนเสื้อผ้าผู้ชาย เลือกเอาเสื้อมาวางทาบก่อนเปลี่ยนเป็นตัวนู้นตัวนี้อย่างมีความสุข

     

                    “หวานกันจังเลยนะคะ คุณยุนอา น้องผู้ชายก็หน้าตาดีมากๆเลย ดูเหมาะสมกันมากเลยนะคะ” เสียงหวานเจื้อยแจ้วหวังเอาใจลูกค้าสาว หากแต่ไม่ได้รู้เลยว่ามันควรหรือเปล่า

     

                    “นี้น้องชายดิฉัน แล้วก็ขอบคุณนะคะที่ช่วยออกความเห็นแต่คราวหลังไม่ต้อง คยูฮยอนไปดูร้านอื่นเหอะพี่ไม่ชอบร้านนี้แล้ว” ร่างสูงเพรียวหันไปคว้าแขนเด็กหนุ่ม และข้าวของเดินออกจากร้านทันทีแบบไม่สนใจพนักงานในร้านสักคน

     

                    “พี่ครับ ใจเย็นๆสิครับ ผมถือของให้นะ” รอยยิ้มแสนจริงใจจากน้องชายคนรักทำให้เธอผ่อนคลายลงบ้าง แต่ก็อดจะบ่นไมได้

     

                    “เชื่อไหม ถ้าเกิดพูดอะไรไปนะ รับรองได้เราสองคนได้กลายเป็นข่าวซุบซิบแน่ๆ พี่เบื่อที่สุดเลย คนพวกนี้ หาประโยชน์จากเรื่องของคนอื่น” ยุนอาหันไปบ่นกับเด็กหนุ่มที่นิ่งฟังคำบ่นของเธออย่างไม่คิดจะขัด ไม่เหมือนแฟนหนุ่มที่เธอบ่นก็คงหัวเราะขำที่เธออารมณ์เสียกับเรื่องไร้สาระ

     

                    “พี่ไม่อยากเป็นข่าวกับผมหรอครับ ผลมออกจะอยากเป็นข่าวกับผู้หญิงที่สวยงามและอ่อนหวานอย่างพี่ยุนอา” ที่สำคัญยังเป็นคนรักของซีวอนอีกด้วย ประโยคสุดท้าย ที่ชายหนุ่มเก็บไว้เป็นที่มาของรอยยิ้มนิ่งๆ ที่หญิงสาวอ่านไม่ออก

     

                    “ไม่กลัวหรอว่าสาวๆจะหายอ่ะ ถ้าเกิดมีข่าวกับพี่” ยุนอาหันไปยกยิ้มยั่วๆแบบขำๆให้น้องชายแฟนที่สนิทกันอย่างรวดเร็ว

     

                    “ผมไม่มีใครที่ไหนหรอกครับ” เสียงเศร้าของคยูฮยอนมักเรียกความสงสารได้ดีจากคนฟัง และครั้งนี้ก็ไม่แตกต่าง เมื่อหญิงสาวรุ่นพี่ที่เดินอยู่ข้างๆต้องหยุดชะงักหันมองหน้าที่ดูหมองลงไป  

     

                    “อย่าบอกนะว่าหนุ่มหล่ออบ่างคยูฮยอนยังโสดหน่ะ พี่ไม่เชื่อเราหรอก หน้าตาแบบนี้ ท่าทางแบบนี้ สาวๆ ออกจะเป็นเป้าหมายของหลายกลุ่ม”

     

                    “ก็คงงั้นมั้งครับ” เด็กหนุ่มออกอาการเขินกับการยอมรับหน้าตาที่ดูหล่อเหลาของตน แต่คำพดต่อมากลับดูเศร้าเสียจนน่าสงสาร “ผมเองก็มีคนที่แอบเฝ้ามอง อยากจะร่วมทางไปด้วยกัน แต่เธอก็คงไม่สนใจผม ในเมื่อคนข้างๆเธอเป็นคนที่เพียงพร้อมจนผมไม่อะไรไปเทียบได้เลย”

     

                    “โธ่! คยูฮยอน พี่เชื่อนะว่าสักวันความดีและความรักที่มี จะทำให้เธอคนนั้นหันมารักน้องชายพี่คนนี้” หญิงสาวผู้มองโลกในแง่ดี มองเห็นว่าทั้งโลกมีแต่ความรักและความดี ไม่เคยได้รู้จักด้านมืดของใครทำให้เธอเชื่อมั่นในพลังของความรัก และความดี ว่าจะเอาชนะทุกสิ่งได้

     

                    “แค่คนที่ผมรู้จัก เขาไม่เคยได้รับอะไรนอกจากความเจ็บปวดจากความรักและความดีที่เขามีให้ใครคนหนึ่งเลยครับ” เด็กหนุ่มนิ่งเงียบไป นึกถึงทุกน้ำตาของพี่ชายที่ไหลมาเพราะคนๆเดียว “เราอย่าพูดเรื่องนี้กันเลยครับ หมดสนุกเปล่าๆ”

     

                    “นั่นสิ อ่ะคยู ชุดนั่นน่ารักเนอะ เข้าไปดูกันเหอะ” ชุดที่นิ้วเรียวชี้ไปเป็นชุดออกลังกายสีชมพูหวานที่เด็กหนุ่มอยู่ยังไงก็เหมือนชุดอื่นๆ อาจจะมีเพิ่มมาก็ตรงที่มันทำมาเป็นคู่ ทั้งของผู้หญิงและของผู้ชาย

     

                    “เอาเช็ตนี้ชุดหนึ่ง” หญิงสาวเดินเข้าไปแบบมาดมั่น ไม่ต้องลอง ไม่ต้องทาบ ชี้นิ้วสั่งได้เลย ก่อนจะหันมามองยิ้มให้เด็กหนุ่มที่ตามมา “พี่ซื้อให้ แล้วเรามาใส่ด้วยกันนะคยูฮยอน”

     

                    “เอ๊ะ จะดีหรือครับ พี่ซีวอนจะไม่....” พี่ซีวอน ชื่อที่เสแสร้งเรียก แต่มันก็ทำให้เด็กหนุ่มพึงพอใจกับผมตอบรับทีได้มาจากการลงทุน

     

                    “ช่างท่านประธานใหญ่เหอะ ป่านนี้คงกำลังมีความสุขกับงานจนลืมพี่ไปแล้วหล่ะ” ยุนอาส่งค้อนฝ่าอากาศไปให้คนที่ตอนนี้คงกำลังนั่งคุยอยู่กับรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจนไม่มีเวลาเหลือให้เธอ

     

                    “แต่พี่เขารักพี่ยุนอามากนะครับ”

     

                    “รักแล้วไง ทิ้งๆขว้างๆแบบนี้อ่ะหน่ะ พี่ชายเราใจร้ายที่สุดเลย” หญิงสาวอดบ่นไมได้ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยก่อนที่อารมณ์จะเสีย “นี้เย็นมากแล้ว ไปกินข้าวกันแล้วเดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้านนะ”

     

                    “ครับพี่”

     

                    “เออ ใช่ พรุ่งนี้ตอนเช้าเราไปออกกำลังกายกันนะ ชุดที่พี่ซื้อให้อ่ะ ต้องใส่นะ ไม่งั้นวันพรุ่งนี้พี่จะฟ้องพี่ฮีชอล”

     

                    “ครับพี่ ผมจะตื่นมารอแต่เช้าเลย” รอยยิ้มเคลือบแฝงที่หญิงสาวไม่อาจรู้ถึงในความนัยของมันได้เลย  

                     

                * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

                  ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งมองนาฬิกาบนข้อมือหนา คิ้วเข้มขมวดเป็นปม พารถทะยานไปตามเส้นทางไปสู่บ้านหลังไม่ใหญ่แต่อบอุ่นของคนรัก ในใจคิดสารพัดวิธีง้องอนสาวน้อยแสนน่ารักที่ป่านนี้คงกำลังนั่งเหงาอยูคนเดียวเป็นแน่

     

                    รถคันสวยเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าบ้านของหญิงสาวกดออดให้คนในบ้านได้รู้ว่าตอนนี้มีแขกมาหา ชายหนุ่มหวังว่าดอกไม้ช่อใหญ่คงพอจะทำให้คนที่นั่งอยู่ในบ้านหายงอนได้บ้าง

     

                    “อ่ะ คุณซีวอน มาหาคุณยุนอาหรือคะ” สาวใช้ในบ้านเดินออกมาหาชายหนุ่มที่เกาะประตูเหล็กชะเง้อคอมองเข้าไปหาคนในบ้าน

     

                    “อื้อ อยู่ใช่ไหม” คำถามที่ถามไปงั้นๆ เพราะรู้ว่าอย่างไง คำตอบก็เป็นแบบที่เขาต้องการ เวลาเย็นขนาดนี้จะให้คนอย่างสาวน้อยน่ารักออกไปไหนคนเดียวคงไม่มีทาง

     

                    “คุณยุนอาเธอไม่อยู่คะ ออกไปตั้งแต่เที่ยงแล้ว คุณซีวอนจะเข้ามารอไหมคะ หนูจะได้เปิดประตูบ้านให้” เด็กสาวบอกกับชายหนุ่มคนรักของเจ้านายที่หน้าเปลี่ยนเป็นเรียบเฉย

     

                    “ไปไหนกับใคร” เสียงนิ่งทุ้มต่ำและหน้าตาที่เรียบเฉยทำให้เด็กสาวกลัวไม่น้อยเลยทีเดียว

     

                    “หนูไม่ทราบคะ เธอคุยโทรศัพท์เสร็จก็เปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป ไม่ได้บอกว่าไปที่ไหนกับใคร แล้วก็ไม่ได้บอกว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ด้วยคะ” เด็กสาวรีบบอกเป็นชุด เริ่มไม่อยากจะคุยกับแฟนของนายสาวแล้ว

     

                    “ขอบใจ ถ้าเขากลับมาก็ไม่ต้องบอกว่าฉันมาหา” ชเว ซีวอนเดินกลับไปขึ้นรถไม่ยอมแม้แต่จะฝากข้อความหรือฝากดอกไม้ช่อใหญ่ไว้ให้หญิงสาว

     

              .....เพราะความมืดทำให้ชายหนุ่มไม่ทันสังเกตว่ารถคันที่สวนเข้าไปในซอย เป็นรถของคนที่เขามาหา

     

                    ขามาที่ว่าขับรถเร็วแล้ว บนถนนยามค่ำที่รถเริ่มบางตา ชายหนุ่มระบายอารมณ์ที่รุนแรงไปกับความเร็วบนท้องถนน ในเวลาแบบนี้หากมีใครมาอยู่ใกล้ก็คงไม่พ้นต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ แต่เมื่อไม่มีใคร ความเร็วจึงเหมาะที่สุด

     

                    รถคันหรูเลี้ยวเข้ามาในบ้าน ประรถปิดดังปัง ผิดกับเวลาปรกติที่ออกจะทะนุถนอมรถเสียยิ่งกว่าอะไร ชายหนุ่มเดินเข้าไปในบ้านใบหน้าเรียบเฉย มีเพียงแค่คนเก่าแก่อย่างป้าฮวางโบเท่านั้นที่กล้าเดินเข้ามา “คุณชายะ จะให้ป้าจัดสำหรับให้ไหมคะ”

     

                    “มีใครที่โต๊ะบ้าง”

     

                    “มีคุณฮีชอลคนเดียวคะ ส่วนคุณคยูฮยอนเธอทานมาแล้วก็เลยขึ้นห้องไปแล้ว” ป้าฮวางโบแม่บ้านเก่าแก่ที่พอจะเข้าใจอารมณ์เจ้านายที่ระยะหลังเปลี่ยนแปลงไป จึงรีบบอกทุกอย่างเรื่องไม่ให้ต้องถามมากมาย

     

                    “ถ้างั้นก็ไม่ต้อง” ชายหนุ่มเดินผ่านโต๊ะทานข้าวตัวใหญ่ ไม่คิดจะแลเหลียวหรือทักทายอีกหนึ่งชีวิตที่อาศัยอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกันเลย

     

    เดินผ่านเลยไป เหมือนมองไม่เห็น หรือ...ไม่มอง

     

                    คิม ฮีชอลผู้ต้องทนเป็นเพียงแค่อากาศธาตุ ในบ้านหลังหนึ่ง เปลี่ยนจากข้าวที่ต้องตักใส่ปาก กลายเป็น น้ำตาที่ไหลจากแก้ม ซึมผ่านริมฝีปากอิ่มให้รู้รสเค็มปร่า

     

                    ร่างบางนั่งถามตัวเองว่าทำไมต้องทน?...คำตอบที่ได้รับคือชื่อน้องชายที่ เพราะไม่อาจปล่อยให้คยูฮยอนต้องทนอยู่ในบ้านที่แรงกดดันสูงแบบนี้

     

                    แล้วมีคำตอบอื่นอีกไหม..? มี!... แต่ก็เป็นคำตอบที่ไม่กล้าบอกใคร คำตอบที่ทำให้ต้องกินน้ำตาต่างข้าวอยู่แบบนี้

     

            * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

                เข็มนาฬิกาบอกว่าล่วงเข้าวันใหม่มาได้สักพัก ร่างบางค่อยๆแง้มประตูเปิดเข้าไปในห้องที่ไม่เคยเห็นในยามสว่าง แต่คุ้นตาในความมืด ร่างสูงที่เดินผ่านไปแบบไม่สนใจกันเมื่อตอนหัวค่ำ ตอนนี้นอนนิ่ง ใบหน้าคมดูอบอุ่นเมื่อไร้ดวงตาโหดร้ายคู่นั้น

     

                    นิ้วเรียวไล้ไปตามสันคางขึ้นไปบนเรียวปากหยักที่คอยพ่นคำร้ายๆใส่ จมูกโด่งได้รูปหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ เปลือกตาที่ปกปิดเปลวไฟเอาไว้ ริมฝีปากอิ่มค่อยๆบรรจงแนบสัมผัสแผ่วเบาที่หน้าผากกว้างอย่างที่เคยทำเช่นทุกคืน

     

                    ร่างหนาขยับตัวพลิกกลับมาคว้าเอวบางเอาไว้แน่น ซุกหน้าลงไปบนหน้าท้องแบบราบ ฮีชอลตกใจจนแทบลืมหายใจ ได้แต่นั่งนิ่งปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาเพราะเสียงอู้อี้ของคนนอนละเมอ ที่คงฝันดีถึงคนรัก แต่ไม่รู้ว่าใครอีกคนกำลังเสียใจเพราะ....คนไม่รัก

     

                    “ยุนอา อย่างอนซีวอนนะครับ ผมรักคุณนะ”

     

                    “ผมก็รักคุณรักคุณนะ......ซีวอน” เสียงแผ่วหวิว ก่อนจะปลดอ้อมแขนหนาที่อยากเข้าไปอยู่ออกจากเอว เดินออกไปจากห้องพร้อมน้ำตาที่ไม่หยุดไหล

     

             * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

    Talk

                    ครบร้อยแล้วคะ

                    ก็น้ำตาตกกันไปตามระเบียบสำหรับนางเอกของไอซ์ ที่เริ่มไม่กล้าบอกกับตัวว่าเป็น มาโซ 555 เอ๊ะ หรือไอซ์จะจิต อ่า อันนี้ไอซ์ก็เริ่มไม่แน่ใจเหมือนกันคะ หุหุ

                    ส่วนตอนหน้านั่น ไอซ์จะให้กี้รุกหนักเป็นไม้ตายแล้วหล่ะคะ สงสารสาวน้อยน่ารักอ่ะ คะ แงงงงง

                    เจอกันตอนหน้านะคะ แต่ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่ 555


    ขอบคุณทุกคอมเม้มท์คะ 

    ขอบคุณทุกคอมเม้มท์คะ 

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×