ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    美花 ; (mei hua) (woncin)

    ลำดับตอนที่ #13 : 美花 : 第十一花 100%

    • อัปเดตล่าสุด 21 ส.ค. 53


    美花:一花

     

                    ใกล้ได้เวลาพระอาทิตย์ลาลับไปจากขอบฟ้าเสียทุกทีแล้ว แม้แต่ พระจันทร์ ยังแอบขึ้นมารอท่าอยู่ที่เชิงขอบฟ้าอีกทิศ อ๋องน้อยผู้เคยเอาแต่ใจนั่งหน้านิ่วอยู่กลางลานโล่งข้างกายมีอูฐตัวยักษ์ที่ให้คนไปเอามาให้กำลังนอนเก็บแข้งขาเรียบร้อย ในปากกำลังเคี้ยวเศษฟางจากหุ่นฟางที่เคยเป็นคู่ซ้อมของท่านอ๋อง ในมือเล็กยังคงกำมีดสั้นคู่กายเอาไว้ ปากอิ่มเม้มแน่นเข้ากัน น้ำตาจวนเจียนจะไหลลงมา

     

                    “ไหนใครกันบอกว่าไว้ว่าจะรีบกลับมา ไง ข้าอุตส่าห์ ให้คนไปเอาซีวอนที่หนึ่งมารอแล้วนะ” สุดท้ายน้ำตาเม็ดกลมก็ไหลลงมาจนได้ อ๋องน้อยใช้มือบางของตนเองปาดน้ำตาออกจากหน้า ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด ทำไมต้องร้องไห้   แต่.....

     

                    ความตั้งใจจะเช็ดน้ำตาของตนเองดูจะช้าไปเสียแล้ว เมื่อ.....

     

                    ลิ้นร้อนของซีวอนที่หนึ่งตวัดปาดเช็ดน้ำตาหนึ่งเม็ดที่ไหลงลงมาให้อย่างเร็ว เหมือนว่ามันจับจ้องไว้นานแล้ว

     

                    “อี้ ไอ้อูฐ ไอ้สกปรก ไอ้ตัวเหม็น ไอ้ปากเหม็น แกกกกกกกกกกกกกกกกกก” ความเศร้าหมองที่เคยครอบงำร่างบาง ถูกซีวอนที่หนึ่งขจัดออกด้วยความใสซื่อและไร้เดียงสา

     

                    “พรืดดดดดดดดดดดดดดด”  อูฐตัวยักษ์พ่นลมใส่ก่อนจะเบือนหน้าหนีนิ้วเรียวที่กำลังชี้หน้าด่ามันอยู่

     

                    “อี้ ไอ้ซีวอนที่หนึ่ง ไอ้อูฐไม่ได้รับการสั่งสอน ไอ้อูฐเจ้าของนิสัยแย่ ไอ้.....ไอ้อูฐงี่เง่า อย่าอยู่เลยแก” ร่างบางลุกขึ้นยืน เตะเข้าที่สีข้างหลายต่อหลายครั้งพร้อมพ่นคำผรุสวาทต่างๆเท่าที่จะคิดออก

     

                    อูฐหนุ่มอารมณ์ดี เมื่อเห็นเจ้านายหมายเลขสองลุกขึ้นยืนมันจึงลุกขึ้นบ้างก่อนจะกลับตัว ให้ยืนอยู่ในท่าและทิศที่พอเหมาะ เหยียดขาตรงอย่างสง่างาม

     

                    “ปู๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” ลมอุ่นร้อนจากทางด้านหลังพ่นเข้าใส่ใบหน้าหวานอย่างจงใจ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงดังโหวกเหวกก่นด่าทั้งคนให้อูฐ และเจ้าอูฐตัวนี้

     

                    “ไอ้อูฐฐฐฐฐฐฐฐฐฐฐ ข้าจะเอาแกไปแล่เนื้อขายที่ตลาด แหว่ะ เหม็น ในวังให้แกกินอะไรเข้าไป ไอ้อูฐ คอยดูนะ จะปล่อยทิ้งให้เป็นอูฐหัวเน่าไม่มีคนสนใจอีกเลย”

     

                    “ฮีชอล เจ้าเสียงดังอะไรกัน หืมม?” พระสุรเสียงทุ้มดังเข้ามาเรียกความสนใจของอ๋องน้อยให้หันไปหาท่านเจ้าของพระราชฐานส่วนนี้ พระพักตร์เหนื่อยล้า ดูเหมือนอ่อนแรง ทำให้อ๋องน้อยเก็บกลืนสิ่งที่กำลังจะบ่นออกมา

     

                    “ไหนท่านว่าจะกลับมาเร็ว ท่านปล่อยให้ข้ารอกินข้าว จนข้าหิวแล้วนะ ” แม้จะเก็บคำบ่นต่างๆไว้แล้ว แต่เพราะนิสัยเอาแต่ใจก็ทำให้ไม่สามารถเก็บทุกคำพูดเอาไว้ได้ทั้งหมด

     

                    “พี่ขอโทษฮีชอล พี่ไม่คิดว่าเจ้าจะรอ ช่วงนี้มีเรื่องที่ต้องสะสางมากมาย หากเจ้ารอไม่ได้ก็กินก่อนก็ได้ พี่ไม่ว่าเจ้าหรอก” พระหัตถ์หนาลูบศีรษะเล็ก ในพระทัยอิ่มเอมเหลือแสนกับคำว่ารอของน้องน้อย กำลังใจที่หดหายถูกเต็มด้วยคำเพียงคำเดียวที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่กว่าคำอื่นใด ....รอ....

     

                    “ไม่ได้หรอก ข้าเป็นต้นห้องให้มากินก่อนเจ้านายได้ไง ใครรู้เข้าคงไม่ดี ข้าให้ขันทีเหี่ยว”

     

                    “ลีทึก ขันทีคนนั้นชื่อลีทึก” ทรงขัดน้องน้อยที่พูดเจื้อยแจ้ว ปากอิ่มสีแดงเรื่อขยับไปมาช่างน่าเอ็นดู แล้วไหนจะความเหมาะสมของตำแหน่งต้นห้อง มีต้นห้องที่ไหนกันร่วมโต๊ะเสวยกับฮ่องเต้ มีต้นห้องที่ไหนกันได้นอนแนบชิด และซุกซบกับอ้อมพระพาหา

     

                    “นั่นแหล่ะ ข้าจะเรียกอะไรท่านก็รู้ไม่ใช่หรือว่าข้าหมายถึงใคร ข้าให้เขาเตรียมโต๊ะไว้ให้แล้ว แต่สงสัยคงต้องให้เอาไปอุ่นอีกสักรอบ ก็ท่านแหล่ะกว่าจะมา” ร่างบางเดินนำกลับเข้าไปในตำหนัก จัดแจงให้คนนำอาหารเอาไปให้ห้องเครื่องอุ่นให้อีกรอบ

     

                    “ความจริงเจ้าไม่ต้องลำบากก็ได้ แล้วมันก็ไม่ได้เย็นชืดเสียจนกินไม่ได้” ทรงแย้มพระโอษฐ์แสนเหนื่อยล้า มองต้นห้องคู่พระทัยสั่งให้ขันทีคนใหม่จัดการเรื่องอาหาร

     

                    ทุกสิ่งที่น้องน้อยทำโดยไม่รู้ตัวนั้นได้นำความปลาบปลื้มปิติมายังฮ่องเต้หนุ่ม แต่ละวันที่ผ่านพ้นไป ทุกความรู้สึกที่พระองค์สัมผัสได้มัน เปลี่ยนไป  จากเฉยเมย เป็นจำใจ และจากจำใจ เป็นใส่ใจ ทุกวันที่ผ่านมา และกำลังมาถึง คงเป็นสามเดือนในพระชนน์ชีพที่จะเป็นสุขที่สุด

     

                    “ท่านเหนื่อยมากเลยหรือ ทำไมดูโทรมลงแบบนี้กัน แค่ไม่ถึงวัน” ร่างเล็กลงนั่งตรงเก้าอี้ที่ไม่ห่างนัก ใบหน้าหวานเอียงข้างอย่างสงสัย นึกอยากช่วยผ่อนคลาย แต่ก็ไร้ความสามารถเกินกว่าจะทำได้

     

                    ฮ่องเต้หนุ่มเบิกพระเนตรที่ปิดไว้ พบร่างเล็กอยู่ห่างไม่ไกลเกินเอื้อม ทรงนึกอยากรวบตัวนิ่มๆนั่นเข้ามากอด กระซิบตอบข้างหูใบน้อยๆว่า....แค่มีเจ้าอยู่เคียงข้าง พี่ก็หายเหนื่อยเสียแล้ว “พี่ก็โทรมอยู่แบบนี้ทุกวัน”

     

                    “ไม่จริง วันก่อนๆท่านไม่โทรมแบบนี้ ท่านไม่ดูล้าขนาดนี้ ข้านวดให้นะ” ร่างเล็กเดินอ้อมมาข้างหลัง มือบางกดน้ำหนักลงบนพระอังสากว้างที่ตั้งตรงตลอดเวลา “ดีขึ้นบ้างไหม”

     

                    “อือ ขอบใจเจ้ามากนะ” พระพักตร์เหนื่อยล้า หากแต่ยิ้มแก้มปริ มือเล็กแสนอ่อนนุ่มค่อยบีบนวดไล่ความล้าและเรื่องราวที่กำลังทำให้เป็นทุกข์ออกไป หลงเหลือเพียงความสบายที่ร่างเล็กมอบให้

     

                    นี้หรือเปล่านะ...คือความสุขที่สวรรค์ประทานให้ หรือคือการลงโทษให้ทรมานเมื่อยามจากลามาถึง จะเป็นเช่นไร หากความสุขเช่นจะเป็นตลอดไป หาใช่จบลงในอีกสองเดือนข้าหน้า “ฮีชอลพี่อยากอยู่อย่างนี้ตลอดไป เจ้าว่าดีไหม”

     

                    “ไม่ได้หรอก ท่านเองก็มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ ส่วนตัวข้าก็มีสิ่งที่รอให้พบเจอ มีครอบครัวให้รอสร้าง แต่ข้าสัญญาว่าสองเดือนต่อจากนี้ข้าจะไม่ดื้อกับท่านอีก” อ๋องน้อยยังคงบีบนวดผ่อนคลายพระอังสากว้าง แม้น้ำหนักมือลดวูบลง ยามกล่าวถึงเวลาในวันข้างหน้า

     

                    “นั่นสิ พี่มีเรื่องที่จะต้องรับผิดชอบอีกมากเหลือเกิน ส่วนเจ้าเองก็คงมีหลานตัวน้อยมาให้พี่อุ้ม อย่าลืมพามาพี่บ้างหล่ะ ทั้งหลานและคนที่จะ..........เป็นแม่ของหลาน” เหมือนว่าคำรับสั่งจะกลืนหายไปในความเงียบ ยามนึกว่าสักวันหนึ่งในภายภาคหน้า น้องน้อยของพระองค์จะพบกับสตรีที่ดีพร้อม และหลงลืมพระองค์ไว้ในห้วงเวลาของอดีต

     

                    “ข้าต้องพามาสิ..พามาแน่ๆ” เสียงแผ่วเบาราวกระซิบชวนให้ห้องดูเศร้าหมอง พระเนตรผิดแน่นอีกครั้ง ปิดกั้นความคิดที่ไม่ทรงอยากหวนคำนึง

     

                    “พรืดดดดดดดดดด” เสียงหายใจแรงพร้อมพ่นลม จากด้านนอก ฉุดรั้งคนทั้งสองออกจากความเศร้า ยามนึกถึงเวลาที่ยังมาไม่ถึง

     

                    “ฮึ  ไอ้ซีวอนที่หนึ่งของท่าน วันนี้มันน่าเตะนัก” ร่างเล็กเริ่มบ่นอีกครั้ง แต่สำหรับฮ่องเต้หนุ่มการบอกเล่าเรื่องราวยามที่พระองค์ไม่ได้อยู่เคียงข้าง แม้จะเป็นรูปของการบ่น ก็ช่างเป็นเรื่องสนุกที่น่าฟังยิ่ง

     

                    “แล้วทำไมวันนี้มันถึงมาอยู่ตรงนี้ได้”

     

                    “ก็ท่านบอกว่า จะรีบกลับมาแล้วเดินไปหาเจ้าตัวยุ่งด้วยกัน แต่ข้าเห็นว่ามันเย็นมากแล้ว ท่านคงไม่ไปหามัน ข้าเลยพามันมาแทน” มือเล็กยังคงทำหน้าที่ ปากอิ่มก็บอกเล่าไปเรื่อย พร้อมกับที่คนจากห้องเครื่องเดินนำอาหารที่อุ่นร้อนเข้ามา

     

                    “ฮีชอลเจ้ามากินข้าวเถอะ ไม่ต้องนวดพี่แล้ว ขอบใจมากนะ ฮีชอล” คำสั้นๆที่ทรงใส่ความรู้สึกลงไปในนั้น  ก่อนจะทรงรอให้คนจากห้องเครื่องตั้งสำหรับจนเสร็จ

     

                    “ไม่เป็นไรหรอก เออ แล้วซีวอนที่สองหล่ะ” อ๋องน้อยเอ่ยทวง ทั้งที่กำลังลงมือตักข้าวเข้าใส่ปาก ด้วยความหิวโซ

     

                    “พี่ให้คนพามารอเจ้าอยู่ข้างนอกแล้ว กิน....” ข้าวให้หมดก่อนแล้วค่อยไปดู แต่ประโยคหลังพระองค์ต้องพูดในหระทัย เมื่อคนบอกว่าหิวทิ้งโต๊ะอาหารเปิดหระตูไปมองหาเจ้าซีวอนที่สอง

     

                    ดวงตากลมโตทอประกายยินดีที่ได้เห็น วิ่งถลาไปช้อนอุ้มเจ้าสัตว์สี่ขา ที่ดูซุกซน สองขาหน้าตะกายไหล่เล็ก แลบลิ้นเลียใบหน้าหวานจนผู้มอบให้อดเอ็นดูในความร่าเริงของทั้งคนอุ้ม และเจ้าตัวที่ถูกอุ้มไม่ได้      

     

              * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

                    ในห้องเสวยมื้อค่ำวันนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ฮ่องเต้หนุ่ม อ๋องน้อยต้นห้อง และขันทีที่ดูแลเรื่องโต๊ะเสวย แต่ยังมีสมาชิกใหม่เป็นเจ้าสัตว์ตัวน้อยนอนหมอบบนพื้นอยู่ข้างเท้าเล็กๆของท่านอ๋องที่แอบหยิบชิ้นเนื้อให้ทุกครั้งที่ฮ่องเต้ทรงเผลอ

     

                    “ท่านอิ่มหรือยัง” อ๋องน้อยตากลมถามฮ่องเต้หนุ่ม เมื่อเห็นว่าวันนี้ดูช่างละเมียดกับอาหารตรงหน้าเสียเหลือเกิน “อิ่มได้แล้ว กินมากๆท่านจะกลายเป็นฮ่องเต้อ้วนลงพุงนะ”

     

                    “แล้วอย่างไร พี่อ้วนลงพุงแล้วเจ้าจะไม่รักหรือ? ฮีชอล” ทรงถามอ๋องน้องกลับด้วยคำถามที่ทรงอยากรู้...อยากรู้ว่า ตอนนี้เจ้ารักพี่บ้างหรือไม่

     

                    “ก็.....ท่านเป็นพี่ข้า แถมดูแลอย่างดีแบบนี้ ต่อให้ท่านอ้วนหัวล้านลงพุง ท่านก็เป็นพี่ที่ดี ข้าก็คงยังรักท่านอยู่หล่ะมั้ง” ใบหน้าหวานแดงเรื่อง อย่างที่ไม่เคยเป็นยามเอ่ยกล่าวคำรักต่อหญิงสาวนางไหน แต่เวลานี้แค่บอกรักพี่ชายหนึ่งคน ใย จึงร้อนผ่าวไปทั่วหน้าเช่นนี้

     

                    “พี่ไม่อยากเป็นพี่น้องกับเจ้าเลยฮีชอล หากเราไม่เป็นพี่น้องกันก็คงดีกว่านี้”

     

                    “ไม่จริงหรอก หากขากับท่านไม่ได้เป็นพี่น้องแบบห่างกันอย่างนี้ เราก็คงไม่ได้เจอกัน เป็นพี่น้องแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ ท่านพี่ จะมีสักกี่คนกันนะ ที่ได้มีท่านพี่เป็นฮ่องเต้แบบข้า....ช่างดีเหลือเกิน” อ๋องน้อยปัดเป่าความเศร้าในใจของตนด้วยการแสร้งกล่าวถึงความโชคดี แต่อย่างไรเสียก็ตอกย้ำให้ฮ่องเต้ทรงรับรู้

     

                    ต่อให้ไม่อยากเป็น...แต่สุดท้าย ท่านและข้าก็ยังคงเป็นพี่น้อง....เช่นเดิม

     

                    “พี่อิ่มแล้ว เจ้าก็คงอิ่มแล้วสิใช่ไหมฮีชอล” ฮ่องเต้หนุ่มทรงปัดเป่าเรื่องเศร้าออกจากพระทัย ย้อนกลับมาสู่โต๊ะอาหารที่อยู่เบื้องพระพักตร์ 

     

                    “อิ่มแล้ว อิ่มนานแล้วด้วย ข้าให้คนเก็บโต๊ะเลยนะ” เสียงน้อยๆทีปิดความดีใจไม่มิด รอให้ฝ่าบาทพยักพักตร์ ก่อนที่อ๋องน้อยจะหันไปสั่งกับขันทีสูงวัยอีกครั้ง

     

                    ร่างเล็กดูคนเก็บของออกไปจนหมด จึงก้มลงอุ้ม เจ้าซีวอนที่สองตัวใหม่ ตามฮ่องเต้หนุ่มเข้าไปในห้องทรงอักษรที่คงเข้าไปอ่านอะไรทั่วไปดั่งเช่นปรกติ

     

                    อ๋องน้อยเดินตามเข้ามาเห็นกำลังทรงงานอย่างที่คาดไว้ไม่ผิด จึงยอมปล่อยเจ้าซีวอนที่สองที่อุ้มอยู่ลงกับพื้น ร่างเล็กเดินเข้าไปใกล้วรองค์สูงที่ทรงนั่งอยู่หลังโต๊ะตัวใหญ่ ถวายคำนับอย่างสวยงามตามอย่างราชประเพณี จนทำให้ฮ่องเต้หนุ่มทรงแปลกพระทัย พระขนงเลิกขึ้น จนร่างเล็กอดหัวเราไม่ได้

     

                    “ก็กระหม่อมซาบซึ้งในน้ำพระทัยของฝ่าบาทที่ทรงประทานสัตว์เลี้ยงให้ข้ากระหม่อม แล้วยังทรงประทานชื่ออันแสนไพเราะอย่างหาที่เปรียบไม่ได้” อ๋องน้อยอธิบายด้วยภาษาที่สมควรใช้เมื่ออยู่ต่อหน้าบุรุษหนุ่มผู้ทรงอำนาจ แต่ผู้ฟังกลับทำพระพักตร์ไม่พอใจ

     

                    “เจ้าอย่าพูดแบบนั้นอีกฮีชอล พี่ไม่อยากฟังคำพูดแสนห่างเหินแบบนั้นจากเจ้า พี่ขอได้ไหม เมื่ออยู่กับเจ้า พี่ขอเป็นแค่ชายคนหนึ่งเท่านั้น จะได้ไหม” พระหัตถ์หนาเอื้อมไล้แก้มใส อย่าลืมพระองค์ พระเนตรจับจ้องอยู่ที่ลูกแก้วดำขลับ ทรงโน้มองค์ลงหาริมฝีปากอิ่มนั่นอย่างช้าๆ เปลือกตาบางปิดสนิท ใบหน้าหวานลอยเด่นดุจดังรอคอยสิ่งซึ่งหวานล้ำ

     

                    ริมพระโอษฐ์สัมผัสเพียงแผ่วเบาอย่างแผ่วเบา ค่อยๆเปิดปากเล็กเข้าไปหาความอ่อนหวานภายใน ก่อนจะได้รับการตอบรับที่แสนหวานจากน้องน้อยของพระองค์  ขับไล่ความเหนื่อยล้า เติมเต็มพระทัยที่แห้งแล้ง ทรงจับใบหน้าเล็กให้เอียงเข้าหาเพื่อมอบความหวานให้ลึกล้ำ ก่อนจะได้ยินเสียงประท้วงแสนหวาน จึงทรงยอมละจากอย่างอ้อยอิ่ง

     

                    ใบหน้าหวานแดงเรื่อ ดวงตากลมปรือขึ้นจ้องมองพระองค์อย่างเข้าใจ ริมฝีปากนิ่มบวมอิ่มและแดงช้ำ จนพระองค์อดละอายในพระทัยไม่ได้ “พี่ขอโทษ” สุรเสียงแหบพร่าจนน่าตกใจ

     

                    “ทำไมซีวอนที่สองถึงเป็นแมวที่ตัวใหญ่ขนาดนี้ มันเป็นแมวสายพันธ์อะไร ท่านรู้ไหม” ร่างเล็กเลือกที่จะไม่ตอบรับคำขอโทษ ทำประดุจไม่เกิดสิ่งน่าอายขึ้นในห้องนี้ หากแต่กลับถามถึงขนาดที่ใหญ่โตของเจ้าเหมียวที่ได้มา “ดูเท้ามันแล้วต้องใหญ่กว่านี้อีกแน่เลย”

     

                    ฮ่องเต้ซีวอนมองวงหน้าเล็ก ค้นบางอย่างที่ทรงต้องการ ก่อนจะทรงตัดใจยอมแพ้ “มันไม่ใช่แมวหรอก อีกไม่นานก็ตัวใหญ่ จนเจ้าอุ้มไม่ได้แน่ ไว้พี่จะหาอะไรมาให้เจ้าใช้จูงมันแทนหล่ะกัน”

     

                    “อ้าว! ไม่ใช่แมวแล้วตัวอะไร” อ๋องน้อยตกใจทีได้รู้ว่าสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ที่ได้มาไม่ใช่แมวน้อยน่ารัก แล้วถ้าอย่างนั้นมันเป็นตัวอะไรกันแน่

     

                    “มันเป็นลูกสิงโตหน่ะ พี่ซื้อมาจากคณะละครสัตว์ที่ตั้งแสดงอยู่แถวท่าเรือ อีกหน่อยก็คงตัวโต ตอนที่เขามาแสดงที่วังเห็นแล้วคิดว่าเจ้าน่าจะชอบพี่ก็เลยให้คนไปซื้อ เจ้าชอบมันไหม” พระองค์ทรงเล่าให้ฟังถึงคณะละครสัตว์ที่แล่นเรือมาไกล มาเปิดแสดงให้พระองค์และขุนนางในวังได้ชมก่อนจะเปิดการแสดงที่เมืองท่า

     

                    “ชอบสิ มันน่ารักมากเลย อีกหน่อยก็คงตัวใหญ่ต้องลากไปลากมาแทน เอ๋ หรือข้าจะใช้มันแทนม้า แทนอูฐโง่ของท่านดีนะ แล้วต่อไปมันจะดุร้ายหรือเปล่า แล้วข้าต้องเลี้ยงมันอย่างไรกัน” ดวงตากลมโต ฉากแววตื่นเต้น หันมาถามผู้ประทานลงมาให้

     

                    “ถ้าเจ้าเลี้ยงมันให้อ่อนโยนก็ไม่ดุร้ายแล้ว แต่หากเจ้าไม่แน่ใจก็ตัดเขี้ยวของมันออก แต่ที่เข้าจะใช้มันแทนม้า แทนซีวอนที่หนึ่ง ข้าว่าอย่าเลย อ้อ อาหารที่ให้มัน ก็ให้เป็นพวกของสุกไปเสีย ก็น่าจะดี”

     

                    “อ่าดีใจจัง ข้ามีสิงโตเป็นสัตว์เลี้ยง แล้วต่อไปเจ้าก็ต้องมีแผงคอให้ข้าซบเล่นใช่ไหม เจ้าซีวอนที่สอง”  อ๋องน้อยซบลงช่วงคอของเจ้าสัตว์ตัวกระจ้อยที่ต่อไปคงพัฒนาตัวเองกลายเป็นสิงโตแสนสง่า

     

                    ฮ่องเต้หนุ่มทรงทอดพระเนตรหนึ่งคน และหนึ่งสิงโตอยู่เป็นนานก่อนจะหันกลับมาทรงงานอีกครั้ง ไม่ห่างกันนักอ๋องน้อยยังนั่งอยู่กับพื้นเล่นไปมากับเจ้าซีวอนที่สองอย่างเพลิดเพลิน แม้จะหาวไปหลายครั้งหากแต่ก็ยังไม่กลับห้องนอนเพราะเจ้าขอห้องยังประทับอยู่นี้

     

                    “ฮีชอลเจ้าง่วงก็ไปนอนก่อนก็ได้ ยังเหลือที่ยังไม่ได้อ่านอีกมากนัก” ทรงหันมาเห็นน้องน้อยอ้าปากกว้างหาวอยู่กับพื้น มีเจ้าซีวอนที่สองที่คงเล่นจนเหนื่อยหลับอยู่ข้างๆ

     

                    “งั้นข้าพาซีวอนที่สองไปนอนในห้องด้วยได้ไหม” ดวงตากลมปรือมอง ถามไปก็หาวไปเพราะความง่วงงุน

     

                    “ตามใจเจ้าแล้วกัน” พระองค์ทรงยิ้มอ่อนๆให้ ทอดพระเนตร่างเล็กอุ้มเจ้าตัวจ้อยไว้กับตัว เดินออกไปจากห้องทรงอักษร แต่แล้วบางอย่างทำให้ทรงเรียกร่างเล็กเอาไว้อีกครั้ง ดวงตากลมจ้องมองในดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย

     

                    “พี่ขอโทษที่ทำกับเจ้าแบบเมื่อกี้นี้ แล้วก็อยากให้เจ้ารู้ไว้ว่า พี่ไม่เคยนึกเสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น หากแต่มันก็ทำให้พี่รู้สึกผิด เจ้าคงเข้าใจพี่ใช่ไหม ว่าพี่...ร~

     

                    “อย่าไปพูดถึงมันเลย หากท่านไม่เสียใจ ก็อย่าต้องรู้สึกผิด ข้าจะคิดว่าคืนนั้นเป็นเพราะความเมาของข้าเอง ส่วนเรื่องอื่น ข้าไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ข้าไปนอนนะ ง่วงมากแล้ว” อ๋องน้อยส่งยิ้มบางเบาให้กับฮ่องเต้หนุ่มก่อนเดินออกมาจากห้องแห่งนั้น

     

                    ฮ่องเต้ซีวอนทรงทอดพระเนตรแผ่นหลังบางจนสุดสายตา คำพูดที่ถูกขัดทำให้ไม่อาจพูดออกมาให้ใครได้ยิน ทรงต้องเก็บไว้ในพระทัยอีกครั้ง โดยไม่รู้ว่าจะได้พูดมันออกมาอีกหรือไม่

                   

              * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

    Talk

            ตอนแรกว่าจะไม่ร้อย เปลี่ยนใจร้อยดีกว่าคะ ขอโทษนะคะ

                    ซีวอนที่สองก็โผล่แล้ว เป็นสิงโตด้วย หุหุ งานนี้วังได้วุ่นแน่ ก็เล่นหาของเล่นให้แบบนี้ ช่างตามใจน้องน้อยจริงๆ แล้วก็พยายามทำให้เศร้าไอซ์ไม่แน่ใจว่ามันเศร้าหรือเปล่า แต่ว่าก็ เนี้ยแหล่ะคะ ทนเอาอีกนิด จะว่าไป เรื่องนี้ก็ใกล้จบแล้วเหมือนกันนะคะ เนี่ย แต่ว่า เดี๋ยวจะทำโฮมให้ครบบก่อน อาจยังไม่มีอีฟที่สี่ แล้วจะหายตัวไปปั่นเอฟเอสอีกเรื่องที่ยังคิดไม่ออกว่าจะเอาลงที่ไหนดี 555 

    เซี่ยเซี่ยหนี่

    Jelly fish



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×