คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : (sf) Answer
Answer
วันที่อากาศสดใส ใครๆก็อยากจะออกจากบ้าน ออกมาเที่ยวเล่นหาความสุขให้ชีวิต บ้างก็มาเดี่ยว บ้างมาเป็นกลุ่ม หรือจะเป็นคู่ เดินจับมือกันไปตามทางเดินที่ทอดยาว หัวเราะพูดคุยกันแลกเปลี่ยนความคิดที่และมุมมอง เปิดใจให้ใครคนหนึ่งได้ก้าวเข้ามารู้จักตัวตนมากขึ้น...มันเป็นเรื่องที่ใครๆก็ทำกัน...แต่ไม่ใช่จะทำทุกคน
“ซีวอน..” ร่างอวบในเสื้อสีชมพูอ่อนๆ ร้องเรียกคนที่เดินกุมมือของตนอยู่ อยากให้ทำลายความเงียบที่มันเกาะกุมมานานตั้งแต่แรกที่ก้าวเดิน
“ครับ ซองมิน” ดวงตาอบอุ่น รอยยิ้มอ่อนโยน มีให้กับหนุ่มน้อยที่เดินอยู่ข้างๆ ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยความกังวล จนขายาวๆที่กำลังจะก้าวเดินต่อไปต้องหยุดชะงัก หันมามองคนข้างๆอย่างตั้งใจ “เป็นอะไรครับ ทำไมทำหน้าแบบนั้น หรือว่าซองมินไม่ชอบที่นี้” ‘ที่นี้’ ของชายหนุ่มเป็นสวนสาธารณะที่ไม่ค่อยมีผู้คน แต่มีทางเดินปกคลุมด้วยร่มไม้ เป็นที่ที่ชายหนุ่มและ...อดีตคนรัก...ชอบมาเดินเล่นด้วยกัน เมื่อครั้งยังรักกันใหม่ๆ
“ไม่ใช่หรอก ที่นี้เงียบดี แต่ซองมินว่ามันเงียบเกินไป แล้วซีวอนก็ไม่ยอมพูดอะไรกับซองมินเลย เป็นอะไรหรือเปล่า...หรือว่าคิดถึงคนรักเก่า ถ้างั้นเรากลับบ้านกันก็ได้นะ” ซองมินรู้ดีว่า บางทีคนเราก็ต้องมีช่วงเวลาที่นึกถึงอดีตบ้าง และถ้าซีวอนจะเผลอคิดถึงคนรักเก่า ก็เป็นเรื่องธรรมดา
“ไม่ใช่หรอกครับ ผมจะคิดถึงคนที่ทิ้งผมไปทำไม” ซีวอนกล้าพูดได้อย่างแน่ใจ เขาเป็นคนที่ถูกทิ้ง คืนนั้นเมื่อกลับไปที่ห้อง เขาไม่เจออะไรนอกจากความมืด ไม่เจอคนยังพอจะเข้าใจได้ แต่ของใช้ส่วนตัว เสื้อผ้าบางชุดที่พอจะจำได้ของ...อดีตคนรัก...มันก็หายไปแล้ว แบบนี้จะไม่ให้กลายเป็นคนที่ถูกทิ้งได้อย่างไร?... “ถ้าที่นี้เงียบเกินไป แล้วซองมินอยากไปที่ไหนหรือเปล่าครับ อากาศแบบนี้อยู่แต่ในบ้านน่าเบื่อจะตาย”
ซีวอนอยากหัวเราะให้ตัวเอง เมื่อก่อนไม่เคยสนใจว่าอากาศเป็นไง แค่ได้นอนกกนอนกอดเรือนร่างสวยงาม หอมหวาน ในบ้านก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่อ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่...ซองมินเป็นคนที่เขาอยากถนอม อยากได้ซึมซับความรัก ความอ่อนโยน มากกว่าความเร่าร้อน
“ไปสวนสนุกกันไหม” ใบหน้าแตะแต้มรอยยิ้มร่าเริงเหมือนเด็กๆหันมาชวนชายหนุ่มที่ห่างหายกับการเที่ยวสวนสนุกมานานมากแล้ว
“ตามใจซิครับ” ซีวอนตอบรับอย่างเต็มใจ เขาไม่ได้ไปสวนสนุกนานมากแล้ว อย่าว่าแต่ไป แค่พูดถึงก็ไม่ได้พูดถึงนานมากแล้ว ครั้งสุดท้ายที่มีคนชวนไปก็คือ...อดีตคนรัก... แต่วันนั้นเขาก็ไม่ไปอยู่ดี เพราะว่าที่บ้านในห้องนอน มีเรื่องให้สนุกมากกว่าที่สวนสนุกเสียอีก
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
บรรยากาศของสวนสนุกเต็มไปด้วยภาพของครอบครัว เด็กที่มากันเป็นกลุ่มเล็ก กลุ่มใหญ่ หรือคู่รักหนุ่มสาม ซีวอนมองภาพพวกนี้อย่างเฉยชา ไม่ได้ร่วมรับรู้ไปกับความสนุกของร่างอวบที่เดินเคียงข้าง ที่ลากไปนู้นมานี้ไม่ได้หยุด
ความเงียบสงบที่เขาชอบมันหาไม่ได้จากที่นี้จริงๆ เพราะมันมีแต่เสียงกรี๊ดร้องอย่างตื่นเต้น และเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสุข...หรือคู่รักจริงแล้วมันต้องเป็นแบบนี้ แต่กับ...อดีตคนรัก...มันแค่เป็นเรื่องของคู่นอน..?
“ซีวอน ไปขึ้นมาม้าหมุนกัน” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของซองมินกึ่งลากกึ่งจูงไปยังม้าหมุนเครื่องใหญ่ที่ประดับประดาอย่างอ่อนหวานสวยงาม เหมือนรถม้าในนิทาน
“ไปซิครับ” ซีวอนยอมตามอย่างตามใจ หากแต่กลับนึกไปถึงเรื่องราวเมื่อนานมากแล้ว นานจนนึกว่าลืมไปแล้ว เมื่อครั้ง..อดีตคนรัก...อยากเล่นม้าหมุนในสวนสนุก แต่ที่ที่เขาพาไปกลับเป็นสนามเด็กเล่นแถวบ้าน ที่มีม้าหมุนเหล็ก สีแสบตาที่หลุดร่อนเห็นสนิม สภาพทรุดโทรม ร้องดังเอี๊ยดอ๊าดเมื่อต้องแบกรับน้ำหนัก
วันนี้ซองมินมีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้ม เหมือนครั้งแรกที่เคยเจอ และดึงดูดให้ชายหนุ่มเดินเข้าไปหา ผิดกับ...อดีตคนรัก...ที่นับวันรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจางหาย ผลักดันให้เขาออกไปหาอะไรที่แตกต่างและแปลกใหม่
กว่าจะออกจากสวนสนุกพระอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้า ชายหนุ่มไปส่งคนรักที่หน้าบ้านแล้วรีบจากมา ไม่อย่างอยู่ตรงนั้นนาน เพราะมันใกล้เกินไป...ใกล้กับบ้านอีกหลังของอีกคน แต่เมื่อผ่านหน้าบ้าน มันก็ยังอดไม่ได้ที่จะชะเง้อมองเข้าไปในหน้าต่างที่ปิดสนิท...แต่เพราะมันปิดสนิท จึงไม่เห็นอะไรไม่เห็นคนที่ควรจะอยู่ในบ้าน
ถึงมันจะเย็นแล้ว พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่รถคันสวยก็ยังคงไม่อยู่บนถนนที่จะพากลับไปสู่บ้าน ชายหนุ่มเลือกที่จะกลับไปยังสวนสาธารณะอีกครั้ง ไปเดินรับลมเย็นๆ มองท้องฟ้าที่ไร้แสงดาวเพราหมอกควันของเมืองหลวง
กลางวันที่ว่าเงียบสงบ แต่ตอนกลางคืนที่นี้ก็ยิ่งเงียบยิ่งกว่ามันคงไม่มีใครนึกอยากเดินเล่นเวลาแบบนี้ เก้าอี้หลายตัวว่างเปล่าไร้ผู้คนริมบึงน้ำใหญ่ เชิญชวนให้ชายหนุ่มไปนั่งปลดปล่อยเรื่องราวต่างๆที่มีเยอะเกินไป
การอยู่กับตัวเองมันทำให้เขาเริ่มคิดอะไรหลายๆอย่าง สองอาทิตย์ที่ผ่านมา มีหนึ่งคนได้กลายเป็น...อดีตคนรัก... และอีกหนึ่งคนกลายเป็นคนรัก
ชายหนุ่มนั่งคิดไปคิดมาก็อยากจะหัวเราะตัวเอง ทุกวันที่ต้องอยู่คนเดียว มันทำให้เขานึกไปถึง..อดีตคนรัก... แล้วยิ่งวันนี้ที่ได้อยู่กับคนรักเป็นครั้งแรกตั้งแต่ตกลงคบกัน ทั้งวันเขาเอาแต่เปรียบเทียบคนสองคน เอาแต่นึกถึง เอาแต่อยากรู้ว่าถ้าเป็นอีกคนจะทำให้วันนี้มันกลายเป็นแบบไหน...จะทำให้สวนสนุก มันสนุกได้มากแค่ไหน สำหรับเขา
คำถามมากมายที่มีอยู่เต็มหัว ทำให้ชายหนุ่มคิดเรื่องอะไรไม่ออกเลยสักอย่าง ได้แต่ปลอบใจว่าเพราะ เรารู้จักกันมานาน เพราะเรามีเรื่องราวมากมายต่อกัน มันคงต้องใช้เวลานานกว่าสองอาทิตย์ อาจเป็นสองเดือนที่จะลบทิ้งทุกเรื่องราว
แต่บางทีชายหนุ่มคนนี้อาจลืมไปว่าวันนี้ทั้งวัน สิ่งที่เขานึกถึง นึกขึ้นมาได้ ก็เป็นสิ่งที่เขาเคยคิดว่าลืมเลือนไปแล้วทั้งหมด อาหารจานโปรดของ..อดีตคนรัก...คืออะไร เขาลืมมันไปนาน แต่วันนี้ ตอนทานข้าวกับซองมิน ทุกอย่างที่เขาสั่งมันกลับเป็นของโปรดของใครคนนั้น
ตอนที่เขาไปในร้านที่ระลึกของสวนสนุก สิ่งที่เขาซื้อให้ซองมินก็เป็นตุ๊กตาหน้าตากวนๆที่..อดีตคนรัก...ชอบ ทั้งๆที่เขาก็ลืมไปแล้วว่าเคยดูการ์ตูนเรื่องนี้ด้วยกัน ลืมไปแล้วว่ามันมีตัวการ์ตูนแบบนี้อยู่บนโลก
ทุกอย่างเป็นเรื่องที่เขาลืมไปแล้ว ก็กลับนึกขึ้นมาได้...แต่บางอย่างที่พึ่งรับรู้มันกลับไม่ซึมเข้าสู่การรับรู้ของเขาเลย บางอย่างเช่น...ทำไมคนคนนั้นจึงกลายเป็น...อดีตคนรัก... ทำไมคำถามที่เขาต้องตอบถึงยังหาคำตอบไม่ได้...และทำไม สองอาทิตย์ที่ผ่านมาเหมือนว่าต่อมความรู้สึกมันหายไป
ชายหนุ่มคงเดินออกไปที่นี้หากว่าสายตาคู่คมจะไม่เห็นคนเคยคุ้นเดินมาเพียงลำพังท่ามกลางความมืด ความบอบบางที่ดูเหมือนจะบางลงไปจากที่เคยสัมผัส มันทำให้ความรู้สึกบางอย่างที่หายไปนานกลับมาอีกครั้ง
ซีวอนนั่งมองเงียบๆจากที่เดิม จนกระทั่งเห็น...อดีตคนรัก...นั่งลงบนเก้าอี้ริมบึงอีกตัว เวลานี้ ชายหนุ่มไม่รู้ว่าควรทำตัวแบบไหน ปล่อยให้เรื่องมันผ่านไป แค่หนึ่งคนที่เดินเข้ามา หรือจะเดินเข้าไปหา บางทีสิ่งที่คิดว่าหายไป....อาจอยู่ในตัวคนคนนี้
ขายาวเริ่มก้าวเดินอีกครั้งก่อนต้องชะงักเมื่อเห็นใครบางคนเดินเข้ามา ชายแปลกหน้าที่คงไม่แปลกเกินไปนักสำหรับ...อดีตคนรัก..ของเขา สองคนที่นั่งกอด แนบชิด กลางสวนสาธารณะแบบไม่อายใครหน้าไหน
ชายหนุ่มยืนกำหมัดแน่น พยายามสะกดความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้ คำถามที่เคยค้างไว้ คำถามที่ตอบไม่ได้ แต่วันนี้...ตอนนี้ เขาได้ตอบของทุกคำถามแล้ว
30%
“คิม ฮีชอล” ชื่อที่คิดว่าคงไม่ต้องเรียกอีกครั้ง แต่เพราะความจริงที่พึ่งได้รู้ มันทำให้เขาเป็นเพียงผู้ดูฉากรักกลางแจ้ง อยู่ในเงามืดไม่ได้ เพราะสิ่งที่รู้สึกมันทำให้เขาต้องแสดงตัวออกมา
“ซีวอน!!” เสียงหวานที่เคยเรียกชื่อด้วยความรัก วันนี้มันต่างออกไปหรือเปล่า แต่ที่รู้คือ มันมีความตกใจปนอยู่เป็นอย่างมาก ตกใจเสียจนน่าสมเพช
“ทำไมตกใจขนาดนั้นหล่ะ ไม่คิดแนะนำ ฉันให้สามีคนใหม่ได้รู้จักหรือไง ไม่เจอแค่สองอาทิตย์ก็ได้คนใหม่แล้ว เร็วดีนะ แต่เรื่องพวกนี้นายถนัดอยู่แล้ว ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอก” ทุกคำพูดกลั้นออกมาจากหัวใจโดยไม่ผ่านสมอง
น้ำคำเสียดสียิ่งกว่าคมมีดที่ปักทิ่มลงมา ทำให้ร่างบงได้แต่น้อยใจ เปิดทางให้แล้ว แล้วทำไมยังพูดแบบนี้ น้ำตาเม็ดเล็กๆที่ไหลงลงมาทุกวัน ตอนนี้ก็กำลังไหล ทั้งๆที่ใครคนหนึ่งเช็ดออกไปให้แล้ว
“คุณพูดอะไรช่วยให้เกียรติเพื่อนผมด้วยครับ ผมไม่ทราบว่าพวกคุณเป็นอะไรกัน แต่ผมกับฮีชอลไม่ได้เป็นแบบที่คุณคิด กรุณาเปลี่ยนคำพูดของคุณด้วย” ชายหนุ่มที่ความสูงดูแล้วไม่ต่างจากเขา รั้งร่างบางที่กำลังปล่อยน้ำตาไหลให้ยืนอยู่ข้างหลัง ก่อนจะออกมาประจันหน้าพร้อมคำกล่าวเตือน
“สุภาพชนจังเลยนะครับ” ซีวอนมองหน้าไอ้คนยืนขวางอยู่ ทำเป็นพูดดี แต่มันก็ไม่ต่างอะไรกับเขา อยากได้อะไรจากเรือนร่างที่เขาเคยทำรอย เคยเป็นเจ้าของ “ถุย!! กูกับมึงมันก็ไม่ต่างกันหรอกว่ะ อยากได้อะไรรู้ๆกันอยู่ ทำไมไม่ขอกันกินดีๆว่ะ”
ผลั่ก~~ ใบหน้าหล่อเข้มของซีวอนต้องสะบัดไปด้านข้างเมื่อหมัดเสยเข้ากับปลายคาง
“ซีวอนนนน” เสียงหวีดร้องของร่างบาง อยากจะเข้าไปหา เข้าไปประคอง แต่เพราะแขนของอีกคนที่เข้ามารั้งเอาไว้ทำให้ไม่อาจเข้าไปหาได้ ดวงตากลมโตมองคนชายหนุ่มทั้งน้ำตา เจ็บเพราะคำพูดที่ดูถูกเยีดยหยาม เจ็บเพราะเห็นคนรักต้องมาเจ็บ
ทันทีที่ตั้งตัวได้ซีวอนก็จัดการเสยหมัดเข้าที่มุมปากของชายหนุ่มอย่างแรง จนคนโดนต่อยล้มไปที่พื้น ตรงหน้าของร่างบางที่จะเข้าไปห้าม
“เจย์ เจ็บหรือเปล่า” ฮีชอลทรุดนั่งประคองใบหน้าหล่อคมของชายหนุ่มขึ้นมาดูบาดแผลที่มีเลือดไหลออกมา ผ้าเช็ดหน้าผืนบางค่อยๆซับเลือดให้ชายหนุ่ม ไม่สนใจอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง
ชเว ซีวอน ผู้ไม่เคยโดยละเลย แต่วันนี้ทั้งที่เขาเจ็บตัว แต่ทำไมคนที่เคยบอกว่ารัก กลับไม่สนใจ ผ้าเช็ดหน้าสีหวานกับมือเล็กครั้งหนึ่งเคยบรรจงซับเหงื่อให้ แต่วันนี้ทำไมเขากลับไม่ได้รับมัน ทำไมต้องเป็นผู้ชายอีกคนที่ได้มันไป
“มานี่” ชายหนุ่มกระชากแขนเรียวให้ลุกขึ้น ไม่สนใจการขัดขืน หรือเสียงร่ำร้องที่บอกว่าเจ็บ ก่อนจะลากให้เดินตามไป ปล่อยอีกคนไว้โดยไม่สนใจ ไม่อยากจะรับรู้ว่ามันเป็นใคร
ซีวอนจับข้อมือบางเอาไว้แน่น จะลากไปขึ้นรถที่จอดไว้ริมถนน ตลอดทางที่เดินไป ต้องพบเจอสายตาอยากรู้อยากเห็น แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้สนใจ
“เจ็บ ปล่อยฉันนะซีวอน ปล่อย ฉันเจ็บ คนมองหมดแล้ว” ร่างบางร่ำร้องว่าเจ็บข้อมือบางที่เขาบีบจนแน่น แต่จะรู้บ้างไหม ว่าข้างในของเขามันก็เจ็บมากแค่ไหน
ความรู้สึกแปลกๆที่ไม่อาจเข้าใจ ความทรงจำเก่าๆที่เคยคิดว่าลืมไปแล้ว มันย้อนกลับมา การพบเจอร่างบางอีกครั้ง มันช่วยตอกย้ำความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ ให้รู้ว่ามันคืออะไร แต่เพราะเป็นสิ่งที่พึ่งเรียนรู้ชายหนุ่มจึงไม่สามารถจัดการความรู้สึกเหล่านี้
“หุบปากสักที ตอนนี้มาทำเป็นอาย ทีตอนจีบผู้ชายหล่ะไม่อาย เข้าไปในรถ” ชายหนุ่มนึกไปถึงจุดเริ่มต้นของเขาทั้งสอง และจุดเริ่มต้นของร่างบางกับไอ้คนที่โดนเขาต่อยก็คงไม่ต่างกัน ก่อนจะยัดร่างเล็กๆเข้าไปในรถ
บรรยากาศในรถ มันช่างแสนน่ากลัว สำหรับฮีชอล ความเงียบที่ปกคลุม ทำให้เดาไม่ถูกเลยว่ามันกำลังจะเกิดอะไรขึ้น รถคันสวยวิ่งไปตามถนนที่ไม่คุ้นเคย ยิ่งเพิ่มความหวาดกลัวขึ้นไปอีก “นี้ ซีวอน จะพาฉันไปไหน”
“หุบปากไปฮีชอล ก่อนที่ฉันจะช่วยนายปิดปากกลางถนน” คำพูดที่ส่อนัย ดวงตาคมกล้า และนิสัยที่ฮีชอลรู้จักดีว่าผู้ชายคนนี้เป็นเช่นไร ในที่สุด ฮีชอลจึงเลือกที่จะเงียบ นั่งเบียดประตูรถ ปล่อยให้น้ำตามันไหลลงมาเงียบๆ จนกระทั่งรถจอดนิ่งสนิท หน้าคอนโดหรู สูงเสียดฟ้า
“ที่นี้ที่ไหน พาฉันมาทำไม ปล่อยฉันนะซีวอน” เสียงแหลมตะโกนร้องหวังให้ใครสักคนที่ผ่านไปมา เข้ามาช่วยเหลือ แต่มันก็เท่านั้นเมื่อชายหนุ่มกระชากร่างกายบอบบางออกจากรถอย่างไม่กลัวว่าจะเจ็บหรือไม่
“ทำไม กลัวอะไรหล่ะฮีชอล” ชายหนุ่มมาตะคอกใส่ร่างบาง ใบหน้าหวานดวงตากลมโตเต็มไปด้วยน้ำตา ไม่ทำให้ชายหนุ่มใจอ่อนลงได้เลย มีแต่ยิ่งโกรธ ยิ่งไม่พอใจ
“นายเป็นอะไรไปซีวอน นายเป็นอะไร ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่ใช่คนที่นายจะมาทำบ้าๆแบบนี้นะ ซีวอน ปล่อย”
เสียงโวยวายที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวทำให้ซีวอน จ้องใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยน้ำตา ความสับสนมันทำให้ชายหนุ่มไม่อาจทำอะไรได้มากกว่าการประทับริมฝีปากร้อนผ่าวลงบนริมฝีปากอิ่ม ทั้งที่ทั้งคู่กำลังอยู่ในลิฟต์ และชายหนุ่มก็รู้ดีว่ามันกล้องวงจรปิด
ฮีชอลทั้งผลัก ทั้งดิ้น หวังให้หลุดออกจากอ้อมแขนที่ครั้งหนึ่งเคยให้ความอบอุ่น แต่เพราะแรงที่ต่างกันทำให้ไม่ได้อย่างที่ต้องการ ร่างบางจึงต้องบอกกับตัวเองว่าอย่าหลงเคลิ้มไปกับสัมผัสที่เร่าร้อนนี้
ทั้งที่ใบหน้าหวานทีแต่น้ำตานองหน้า แต่ซีวอนก็ยังบีบคางเรียวไม่ให้หลบหนีสัมผัสรุกไล่จากเรียวปากของตน เปลี่ยนจากความเร่าร้อน เป็นอ่อนโยน รสจูบที่ห่างหายไปนานทำให้ไม่อาจห้ามใจ ซีวอนละออกมา ก่อนจูบย้ำอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกมากมายที่ตนเองไม่อาจเข้าใจ
ความอ่อนโยนที่คิดถึง กลับมาอีกครั้ง แต่ฮีชอลก็ยังคงห้ามใจตัวเองไม่หลงไปกับการยั่วยุ บอกตัวเองว่ามันควรจบตั้งแต่เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว วันนี้มันไม่ควรเกิดขึ้น ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนของน้องชาย ไม่ใช่คนของเขาอีกต่อไป.....หรือบางที อาจไม่เคยเป็นคนของเขาเลย
ลิฟต์เปิดออกบนชั้นที่ทั้งห้องมีไม่ถึงสามห้อง เป็นเวลาเดียวกับที่ชายหนุ่มละออกจากริมฝีปากเจ่อบวม ก่อนจะกระชากร่างบางให้เดินเข้าไปในห้องที่ มีเฟอร์นิเจอร์อยู่เพียงไม่กี่ชิ้น เครื่องอำนวยความสะดวกแค่ไม่กี่อย่าง
ร่างบางยอมเดินตามไปเหมือนคนที่ไร้วิญญาณ ความเสียใจ ทำให้ไม่อาจมีเสียงจะร้องตะโกน ไม่มีแรงจะขัดขืน ได้แต่ปล่อยให้ชายหนุ่มผู้เต็มไปด้วยความสับสนลากไปกองที่โซฟานิ่ม
เวลานี้ฮีชอลกำลังเสียใจ....สิ่งที่เกิดสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกับว่าเขากำลังทรยศน้องตัวเอง
“เงียบทำไมหล่ะ หรือว่ากลัว ฉันไม่พามาฆ่าหรอก อยากรู้นักไม่ใช่หรอ คำถามที่ถามวันนั้น ฉันจะบอกให้” ชายหนุ่มกระซิบข้างหูก่อนจะปล่อยร่างบางให้จมลงไปในโซฟารอฟังคำตอบที่อยากได้ยิน
“ ฉันมีคนอื่นตลอดเวลาที่เราคบกัน ฉันไม่เคยรักนายเลย และก็ถูกแค่เซ็กส์ที่ทำให้ฉันยอมอยู่กับนาย แต่สำหรับซองมิน ฟังให้ดีนะฮีชอล ฉัน รัก เขา” ชายหนุ่มเน้นย้ำประโยคให้ร่างบางได้ยิน ก่อนจะบังคับใบหน้าเรียวที่ก้มต่ำให้แหงนหน้า ขึ้นมองจ้องเข้าไปในดวงตาคู่โศก
อย่าทำเป็นร้องไห้ เพราะสิ่งที่ฉันพูดคือเรื่องจริง มันเป็นคำตอบที่นั่งคิดให้กับตัวเอง..เป็นคำตอบที่ฉันเองก็เจ็บกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น
เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นมานานแค่ไหน...ก็คงไม่นานไปกว่าที่คนถามทำเรื่องแบบนี้
เคยรักบ้างไหม เคยมีค่าบ้างหรือเปล่า...ทำไมต้องรัก ทำไมต้องเห็นค่า...ในเมื่อทำตัวให้ไม่มีค่า
ต้องการเพราะแค่เซ็กส์หรือเปล่า...แล้วที่ทำตัวมั่วแบบนี้ก็เพราะอยากได้เซ็กส์ไม่ใช่หรือไง
แล้วซองมินหล่ะ....ซองมินก็แค่ข้ออ้าง...สำหรับคนที่คิดมีใหม่
“นายมันก็มีค่าแค่คู่นอนทั่วไปของฉันนั้นแหล่ะ อย่าสำคัญตัวผิดอีกเลย ฮีชอล”
เพลี้ย~~~ ใบหน้าของซีวอนหันไปตามแรงตบ พร้อมกับที่คนตบถูกกระชากเข้าปะทะกับอกอีกครั้ง สัมผัสแสนจาบจ้วงลงบนริมฝีปากที่ยังคงเจ่อบวม ร่างบางไร้ทางต่อสู้ มีเพียงน้ำตาที่ไหลริน
เวลานี้ในอ้อมกอดที่รัดแน่นจนปวดถึงกระดูก ฮีชอลอยากจะถามเหลือเกิน
หากวันนั้นรั้งไว้....คนคนนี้จะด่าว่าอย่างไร จะมองผู้ชายคนที่ยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อรั้งคนที่ไม่เคยมีความรักให้ ว่าอย่างไร คำตอบจะออกมาเป็นแบบไหน
แล้วทำไมวันนี้ วันที่ยอมปล่อยให้ไปกับคนที่มีใจให้ ทำไมจึงย้อนกลับมา ด้วยคำตอบแบบนี้ ตกลงแล้วว่า คงทำอะไรไม่เคยถูกใช่ไหม ไม่ว่าจะรั้งไว้หรือปล่อยไป
สัมผัสแสนรุนแรงไม่กลายเป็นความอ่อนโยนอย่างที่เคยเป็น มีแต่ความต้องการ มีแต่การเรียกร้อง สัมผัสที่ทำให้รู้สึกว่าคงเป็นได้แค่คู่นอน สัมผัสที่ตอกย้ำถึงคุณค่าที่มีอยู่
ซีวอนละออกจากริมฝีปากที่บวมช้ำ ก่อนบดเบียดย้ำลงไปจนแดงช้ำ ขึ้นเป็นรอยจ้ำแดงๆ หากแต่ชายหนุ่มก็ยังคงไม่ปล่อยร่างบางออกจากอ้อมแขน
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ปล่อย” เสียงร้องขอทั้งน้ำตา แรงทั้งทุบทั้งตี ไม่ทำให้ชายหนามปล่อยร่างบางออกจากอ้อมกอด “นายจะมากอดแค่คู่นอนทำไม”
“ปล่อยทำไม ก็บอกอยู่ว่าคู่นอน จะอดีตหรือปัจจุบันก็คือคู่นอน คนที่ต้องนอนกับฉัน อยู่กับฉัน” ถึงแม้น้ำตาที่ไหลลงจะละลายความคิดในใจ จนเหลือแต่ความรู้สึกที่พึ่งเคยรู้จัก แต่นิสัยปากเสียๆก็ยังคงอยู่ไม่หายไป
อารมณ์รุนแรงพัดหายไป ถูกละลายด้วยความหอมหวานของจุมพิต
ความสับสนในใจหมดไป ถูกชะล้างด้วยน้ำตาจากดวงตาคู่กลม
คำตอบของความรู้สึกแปลกๆ ที่ค้างคา แต่ไม่รู้ว่าจะแสดงออกอย่างไร ชายหนุ่มกดศีรษะเล็กให้ซุกในอ้อมอก ให้เนื้อผ้าจากเสื้อ เช็ดน้ำตาที่ไหลลงมา
ร่างบางยอมอยู่นิ่งในอ้อมกอด อยากซึบซับความรู้สึกนี้ไว้ ถึงคำตอบที่ได้รับจะทำร้ายกันมากแค่ไหน แต่ความรักที่มีอยู่ มันยังไม่ลดน้อยลงแม้สักเล็กน้อย แม้คำตอบมันมีแต่การดูถูกก็ตาม
“ขอบคุณที่อุตส่าห์เสียเวลาหาคำตอบให้ฉัน และขอบคุณที่ยังอุตส่าห์เสียเวลามาจูบกับอดีตคู่นอนอย่างฉัน ต่อไปนี้ดูแลซองมินให้ดี เพราะน้องของฉันมีค่าเกินกว่าที่จะเป็นคู่นอนของใคร” ถึงจะรักมากแต่คนเราก็ต้องพอ ต้องหยุด แม้ต้องเจ็บ แต่ก็ยังดีกว่าทนเจ็บต่อไปไม่สิ้นสุด เมื่อคิดได้เวลาแห่งการลาจากก็มาถึง ฮีชอลเดินออกจากผลักอ้อมอกที่ใช้ซ่อนน้ำตา
ซีวอนทรุดตัวลงนั่ง กอดเอวบางแน่น เป็นคราวของชายหนุ่มเองบ้างที่ต้องปล่อยให้น้ำตามันไหลลงมา ใบหน้าคมซุกซบกับหน้าท้องบางแบนเรียบที่สั่นเล็กน้อย รับรู้ได้ว่าเจ้าของเอวบางที่เขากอดรั้งไว้ก็กำลังร้องไห้เช่นกัน “ฉันขอถามได้ไหม ฮีชอลก่อนที่นายจะไปจากฉัน ซองมินเป็นแค่ข้ออ้างใช่ไหม นายเองก็กำลังมีคนใหม่ และเบื่อฉันแล้วใช่ไหม ถึงได้ยอมปล่อยฉันไปแบบนั้น ซองมิน”
“อย่าถามเหมือนฉันเป็นคนใจง่าย และอย่าถามเหมือนว่านายรักฉัน เหมือนว่าฉันมีค่าสำหรับนาย คำตอบของนายมันบอกฉันมาแล้วว่า สำหรับนายฉันเป็นคนยังไง”
“คำตอบของฉันมันมาในเวลาที่ฉันสับสน คำถามของฉันมาในเวลาที่ฉันหวาดกลัว แต่คำพูดของฉันมันมาจากใจ ได้โปรดฟังมันให้จบได้ไหม” เพราะยังคงชันเข่ากอดเอวบาง ร่างสูงจึงต้องแหงนเงยใบหน้า มองเห็นวงหน้าหวาน พยักหน้าเบา ทั้งๆที่กำลังกลั้นน้ำตา
“ที่นายห้ามฉันถาม ห้ามฉันพูด แต่อยากบอกให้รู้ไว้ ว่าฉันรู้สึกแบบนั้น ฉันรักนาย นายมีค่ากับฉัน คำตอบของฉันเป็นแค่อารมณ์เท่านั้น ” เหมือนเป็นคำพูดที่ไร้ความจริง เป็นแค่การปั้นแต่ง มันขัดแย้งกับทุกอย่างที่ทำ แต่ทั้งหมดเป็นสิ่งที่อยู่ในใจมาตลอด มันแอบแฝงไว้โดยที่ไม่รู้ตัว
“บอกว่ารักฉัน ฉันมีค่า แล้วซองมินหล่ะอยู่ที่ไหน” น้ำเสียงแสนกระด้างแต่ใครจะรู้ว่าข้างไหนกำลังหวั่นไหวแค่ไหน สิ่งที่เกิดขึ้นกับใจตอนนี้ บางคนอาจดูว่าใจง่าย....บางคนอาจมองว่าโง่ แต่ฮีชอลรู้ดีว่าสำหรับเขาแล้วมันคือ....รัก
“ฉันไม่รู้ ฉันไม่เคยรู้จักความรัก จนกระทั่งวันนี้ วันที่คิดว่าสายป่านที่เชื่อมฉันไว้กับนายมันกำลังขาดสะบั้นลง ฉันถึงได้รู้ว่าความรักของฉันก็คือฮีชอล” ชายหนุ่มกอดร่างบางแน่น ความจริงในใจที่เขามี พูดออกมาก็เพื่อหวังว่า มันจะทำให้สายป่านที่เชื่อมคนสองคนกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง แต่วันนี้เขาก็ไม่รู้ว่าได้เสียคนรักไปให้คนอื่นแล้วหรือยัง....บางทีมันอาจสายเกินไปแล้ว
“ความรู้สึกฉันช้าเกินไปหรือเปล่า” สายตาคมจ้องมองร่างบางอย่างคาดหวัง และบอกกับตัวเองว่า ถึงแม้วันนี้สายป่านของเขาจะขาดลง แต่เขาก็จะเป็นคนเชื่อมต่อมันอีกครั้ง
ดวงตากลมรื้นน้ำตา มือบางลูบกลุ่มผมที่คลอเคลียอยู่ รอยยิ้มใสๆปรากฏขึ้น “บางคนอาจมองว่ามันง่ายเกินไป อาจมองว่าโง่ที่ยอมนายมากขนาดนี้ แต่ซีวอนรู้ไหม ว่ามีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนลืมเลือนไปคือ ฉันรักนาย”
“ฮีชอล” ดวงตาสองดวงด่างสบกันด้วยความรัก รอยยิ้มของทั้งสองคนสว่างไสว ชายหนุ่มยืนขึ้นโอบกอดคนรักที่ได้กลับคืนมา ก่อนจะหมุนตัวไปรอบๆห้องกว้าง เสียงหัวเราะดังก้อง
ต่อไปนี้จะไม่มีอีกแล้วคำว่า ....อดีตคนรัก... จะมีก็แต่...คนรักคนเดียวในใจ...
“ซีวอน ปล่อยฉันลงก่อน” มือบางตีเข้าที่ไหล่ของชายหนุ่ม แล้วซีวอนก็ปล่อยจริงๆ แต่เป็นบนเตียงนุ่มหนึ่งในเฟอร์นิเจอร์ ไม่กี่ชิ้นในห้องนอนที่ถูกแยกออกมา
“ชอบที่นี้ไหมฮีชอล” ชายหนุ่มโน้มตัวลงด้านข้าง กอดเอวบางไว้แน่น กระซิบถามคนในอ้อมกอดอย่างไม่มีที่มาที่ไป
“ถามทำไม ที่นี้คอนโดใครฉันยังไม่รู้เลย ดูไม่เหมือนว่ามีคนอยู่ด้วยซ้ำ” คนโดนกอดมองไปรอบๆห้องนอนที่ทั้งห้องมีเพียงแค่เตียงกับตู้เสื้อผ้า ส่วนห้องนั่งเล่นก็มีแค่โซฟาใหญ่ ห้องอื่นๆที่ปิดไว้ก็คงไม่มีอะไร
“ตึกนี้เป็นของเพื่อนฉัน” ชายหนุ่มตั้งท่าจะกวนอารมณ์ แต่เห็นสายตาวาวๆก็รีบบอกความจริงให้คนพึ่งยอมรับว่ารักฟัง “ห้องนี้เป็นของฉัน ของในห้องก็ซื้อเอาไว้แค่เท่าที่จำเป็น ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นบ้าน เป็นแค่ที่ซุกหัวนอนเท่านั้นเอง”
ดวงตาโตมองชายหนุ่มที่กำลังซุกไหลของตนเองอย่างสงสัย “แล้วทำไมไม่ทำให้มันเป็นบ้านหล่ะ ที่นี้ออกจะน่าอยู่ ห้องบนชั้นสูงๆแบบนี้ก็น่าจะแพงอยู่ไม่ใช่หรอ”
“ถึงทำให้ตายก็ไม่เหมือนบ้านหรอกเพราะมันขาดความรัก อีกอย่างเมื่อก่อนจนกระทั่งถึงสองอาทิตย์ที่แล้วฉันมีที่นอนที่อุ่นสบาย อบอุ่น ก็เลยไม่ค่อยได้สนใจ นานครั้งกลับมาที” นี้เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มยอมเปิดเผยความจริงในใจ ให้คนในอ้อมกอดได้รับรู้
ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนจะบอกว่าเป็นคนรัก แต่ก็ไม่เคยที่จะรู้เรื่องของกัน จึงไม่แปลกที่ร่างบางจะไม่รู้จักที่นี้ ไม่รู้ว่าที่นี้เป็นของใคร
ฮีชอลมองคนตัวโตที่ยังคงกอดไม่ปล่อย เข้าใจที่ชายหนุ่มพูดได้ดี ที่นอนที่อุ่นสบาย อบอุ่น มันหมายถึงที่ไหน “แล้วสองอาทิตย์ที่ผ่านมา นายอยู่ที่ไหน”
“ก็อยู่ที่นี้ ไม่ก็ที่ร้าน แต่ฉันไม่เคยนอนหลับสบายเท่าเมื่อก่อน มันเอาแต่ฝันถึงคำพูดวันนั้นในห้องน้ำ ทางเลือกที่นายเลือกให้” ชายหนุ่มมองหน้าคนรักด้วยรอยยิ้มเศร้า เมื่อเห็นว่าใบหน้าหวาน คล้ายจะมีน้ำตา “รู้ไหม ถ้าฮีชอลไม่ให้ทางออกกับฉัน ฉันก็คงจะรั้งนายไว้ ทั้งๆที่ก็ยังไม่รู้ว่ารั้งไว้เพราะอะไร รู้แต่ว่า ต้องรั้งไว้”
“งั้นทางออกที่ฉันก็ดีแล้วหล่ะซิเนอะ แล้วเรื่องซองมินหล่ะจะทำยังไง” ร่างบางห่วงไปถึงน้องชายอีกคน...ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรกับเรื่องนี้ บางทีเขาอาจเสียน้องชายไป อาจต้องเลือกระหว่างน้องชายและคนรัก
“พรุ่งนี้เราไปหาซองมินด้วยกันที่บ้านนะ แล้วก็ไปเก็บของของนาย แล้วก็ไปซื้อของเข้าห้องกันตกลงไหม” ชายหนุ่มถามคนรัก ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยมี เมื่อก่อนไม่เคยต้องใส่ใจความรู้สึก
“เก็บของฉันทำไม จะให้ย้ายไปไหน”
“ย้ายมาที่นี้ไง มาทำให้ที่นี้เป็นบ้าน จะได้ไม่เป็นแค่ห้องที่เหมือนไม่มีคนอยู่นะ ฮีชอลย้ายมาอยุ่ด้วยกันที่นี้นะ เริ่มต้นกันใหม่ ได้ไหม” คำถามที่ไม่กล้าคาดหวังเพราะกลัวผิดหวัง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะคาดหวัง
“ให้ฉันมาอยู่ที่นี้หรอ” ร่างบางมองหน้าคนถามที่รอคอยคำตอบ ก่อนจะทำหน้าคิดหนัก แล้วรอยยิ้มบางเบาก็ปรากฏขึ้น พร้อมกับพยักหน้ารับ ให้คนมองยิ้มแก้มปริ
“ขอบคุณนะฮีชอล ขอบคุณ ขอบคุณมากๆ” ชายหนุ่มกกกอดคนรักเอาไว้ในก่อนจะพรำจูบลงบนริมฝีปากบาง เลื่อนลงมายังซอกคอขาว หากแต่ก็โดนยั้งไว้ด้วยมือบาง จนชายหนุ่มต้องหันมาจ้องดวงตากลม
“วันนี้เรานอนคุยกันเหอะนะ เราไม่เคยรู้เรื่องอะไรของกันเลยอย่างคนที่ซีวอนจะต่อยวันนี้ก็เป็นเพื่อนสนิทของฉัน แต่นายก็ไม่เคยรู้ใช่ไหม นอนคุยกันเหอะนะ นอนกอดกัน กุมมือกัน แค่นั้นได้ไหม”
ซีวอนมองดวงตากลมโตที่อ้อนวอนสุดฤทธิ์ เมื่อก่อนคงไม่ยอมให้ แต่ตอนนี้มีหรือที่จะไม่ยอม ชายหนุ่มกดจูบลงบนลำคอขาวหนึ่งครั้ง “ก็ได้เราจะนอนคุยกัน จนเช้าเลยนะ”
“อือ จนเช้าเลย”
คนสองคนนอนกุมมือกัน มองหน้ากัน แลกเปลี่ยนเรื่องราวที่ต่างก็ไม่เคยรู้กันมาก่อนให้อีกคนได้ฟัง มันเป็นค่ำคืนที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะรอยยิ้ม และความรัก
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
ชเว ซีวอนผู้เต็มไปด้วยรอยยิ้มกุมมือบางของฮีชอลผู้มีเหงื่อผุดเต็มหน้าผากเนียน อยู่บนเก้าอี้ในสวนสาธารณ ะที่นัดกับซองมินเอาไว้
“ซีวอนเรายังไม่ต้องบอกซองมินได้ไหม ฉันกลัวน้องรับไม่ได้”
“ไม่ได้ ฉันจะไม่ปล่อยให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ ยังไงสักวันซองมินก็ต้องรู้ความจริง ให้รู้ตั้งแต่วันนี้ดีที่สุดแล้ว เชื่อฉันทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี”
“อือ” ฮีชอลพยักหน้ารับ สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆเมื่อเห็นร่างอวบกลมเดินมาตามทางเดิน พร้อมรอยยิ้มสดใส จนฮีชอลใจหายหากต้องทำให้รอยยิ้มนี้หายไป
“ซีวอนมารอนานหรือยังครับ เอ๋ พี่ฮีชอลมาได้ไงครับ” ซองมินถามชายหนุ่มก่อนมองพี่ชายด้วยความแปลกใจ เห็นสองมือที่เกาะกุมกันอยู่ก็ยิ่งสงสัย แม้จะคาดเดาบางอย่างได้ ไม่แปลกถ้าใครที่ได้เจอพี่ชายคนนี้แล้วจะไม่หลงรัก ต่อให้เป็นซีวอนที่เป็นแฟนกับซองมินก็ตาม
“เอ่อ..คือพี่” ฮีชอลนิ่งเงียบไม่อาจหาคำอธิบายมาได้ ยิ่งสายตาที่ซองมินมองสองมือที่เกาะกุมกันอยู่ก็ยิ่งทำให้ จนต่อคำพูด อยากจะดึงมืออก แต่มืออีกข้างก็จับไม่แน่นไม่ยอมปล่อย
“ซองมินครับ ผมกับฮีชอลเรารักกัน” ซีวอนบอกออกมาในสิ่งที่ฮีชอลอ้ำอึ้ง ไม่กล้าบอก
“ดีนี่ครับ วันนี้คุณบอกว่ารักพี่ฮีชอล ทั้งๆที่เมื่อวานยังไปกับผม ทั้งๆที่เมื่อสองอาทิตย์ก่อนคุณบอกรักผมไม่ใช่หรอไง” ซองมินมองคนทั้งสองอย่างไม่ค่อยเชื่อ ใช่ว่าจะเสียใจมาก แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเร็วขนาดนั้น
“ผมรักฮีชอลมานานมากแล้ว จนกระทั่งเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว เมื่อผมได้พบคุณ ได้เสียคนที่ผมรักไป มันทำให้ผมได้รู้ว่าผมรักใคร ขอโทษนะครับซองมิน”
“สรุปว่าผมเป็นคนมาทีหลังหรอครับ” ซองมินหันมามองหน้าพี่ชายก่อนจะมองหน้าชายหนุ่มอีกครั้ง “ผมเองก็ไม่ได้....เอาไงดีหล่ะ ถ้าผมบอกว่าผมไม่ได้รักคุณเหมือนกัน อาจจะเริ่มรู้สึกดีแต่ก็ไม่ได้รัก”
“ซองมิน” ฮีชอลมองหน้าน้องชายอย่างแปลกใจ ไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดเป็นเรื่องจริงหรือแค่เรื่องที่สร้างขึ้น เพื่อทำให้เขาสบายใจ
“พี่ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับ ผมเองก็ยังไม่รู้จักความรักความรักดีพอเหมือนกัน บางทีอาจแค่คาดหวังกับสิ่งที่จะได้รับ ขอให้พี่ฮีชอลมีความสุขนะครับ ซีวอนครับ ไหนๆคุณก็ได้รู้จักความรักแล้ว ดูแลมันให้ดีนะครับ”
“ผมจะดูแลพี่ชายของคุณให้ดีที่สุดเท่า ขอบคุณที่คืนโอกาสให้กับผม ขอให้คุณได้พบกับคนที่คุณรัก” ซีวอนก้มโค้งให้กับร่างอวบ พร้อมรอยยิ้มจากใจจริง
จากวันนี้ทั้งสองคนจะเรียนรู้ความรักที่มอบให้กัน บนความเชื่อใจ จะเดินผ่านอุปสรรคที่ยากลำบากไปด้วยกัน แม้ว่าจะเจอกับเรื่องราวทั้งร้ายและดี จะทำให้โอกาสที่ได้รับอีกครั้งให้ดีที่สุด
E.N.D
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
Special
ชายหนุ่มหน้าตาดีแต่มีรอยเขียวช้ำที่มุมปากขับรถกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี วันนี้ได้ช่วยเพื่อนรักผู้เศร้าสร้อยให้กลับมามีความสุขได้อีกครั้ง เขาเชื่อในสายตาของเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่มันมองเพื่อนของเขา มันเต็มไปด้วยความรักที่ดูจะร้อนแรง..เหมือนความรักของเขา
“พี่เจย์ เฮ้ย หน้าไปโดนอะไรมา” เสียงทุ้มที่มีเพียงเขาคนเดียวว่ามันหวานหู ดังทันทีที่เห็นใบหน้ามีรอยเขียวช้ำ ก่อนที่จะเดินเข้ามามองใกล้ๆ
“ไม่มีอะไรหรอกคังอิน วันนี้มีอะไรให้พี่กินบ้างไหนหืม?” ชายหนุ่มลากเสียงขึ้นสูง หอมแก้มคนตัวไม่เล็กที่เดินเข้ามาใกล้ ใช้นิ้วใหญ่ๆ จิ้มลงบนแผลมุมปาก
“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย ไปมีเรื่องกับใครมา” คนถามหน้าบึ้งมองคนรักที่ไม่ยอมตอบคำถาม ยืนจังก้าอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน จ้องมองแผลที่มุมปากอย่างหาเรื่อง
“กับเด็กฮีชอลมัน แล้วนี้ไม่คิดจะหาอะไรมาทำแผลให้สุดที่รักผู้บาดเจ็บเลยหรือไง” สุดท้าย คิม เจย์ก็เป็นฝ่ายยอมแพ้ คิม ยองอุน แต่ก็ไม่วายแอบอ้อนคนรักนิดๆ
“มันน่าทำให้ไหม ไปมีเรื่องมาแล้ว สุดท้ายเป็นใครที่ต้องทำแผลให้ เป็นใครที่คอยเป็นห่วงแบบนี้” เสียงบ่นดังเข้าหูของชายหนุ่ม แต่ร่างสูงก็ยังยิ้มได้ เพราะรู้ว่าที่บ่นก็เพราะรัก
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
Talk
ครบร้อยแล้วคะช่วงซองมินมันอึนมากเลยคะ ขอโทษจริงคะ ไม่มีคำแก้ตัวใดๆ เหมือนพระเอกเรื่องนี้เลย 555 ขอโทษจริงๆคะ
ขอบคุณทุกคอมเม้มท์คะ
ความคิดเห็น