ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Home คำนี้ยิ่งกว่ารัก (woncin fiction)

    ลำดับตอนที่ #11 : After valentine 3 End

    • อัปเดตล่าสุด 21 มี.ค. 53



    After valentine 3

     

                    “ซีวอน”

     

                    “ฮีชอล”

     

                    “เอ่อ.. คือ ซีวอนมากินกาแฟหรอ เดี๋ยวฮีชอลทำให้นะ” ร่างบางส่งรอยยิ้มแหยให้ชายหนุ่มพร้อมกับเหงื่อเม็ตโตผุดตามหน้าผากใส ตวงดากลมโตใกล้จะมีน้ำออกมาคลอ

     

                    “กลับบ้าน” ชายหนุ่มดึงมือร่างบางอย่างแรง จนข้อมือเล็กแดงกล่ำ แต่ชายหนุ่มกลับไม่สนใจสิ่งใดได้แต่รั้งมือให้เดินออกจากร้านกาแฟ

     

                    “ซูยอง พี่ลาป่วยนะ อย่าให้เจย์หักเงินพี่นะ” ร่างบางหันกลับมาตะโกนบอกรุ่นน้องด้วยความกลัวว่าจะโดนหักเงิน

     

                    “ร้านนี้ใครเป็นเจ้าของ” ชายหนุ่มหันไปถามหญิงสาวที่ยืนนิ่งอยู่หน้าเคาร์เตอร์ ไม่สนใจลูกค้าคนอื่นๆในร้านที่มองอย่างหวาดระแวง

     

                    “คุณเจย์คะ” 

     

                    “ดี” ชายหนุ่มมองร่างบางก่อนจะตะคอกใส่พนักงาน “บอกไอ้หน้าจืดด้วยว่า คิม ฮีชอล ลาออก จะไม่มาเหยียบที่นี้อีกแล้ว”

     

                    “ไม่นะซีวอน  ฮีชอลต้องมาอีกนะ  ซูยองพรุ่งนี้พี่มานะ อย่าพึ่งบอกเจย์นะ” เสียงใสบอกรุ่นน้องทันทีเช่นกัน ก่อนมามองชายหนุ่มด้วยดวงตากลมโต

     

                    “กลับบ้านเดี๋ยวนี้ฮีชอล” แล้วร่างบางก็ถูกลากออกจากร้านโดยไม่มีทางโต้แย้งหรือขัดขืนได้เลย ใบหน้าใสมองแผ่นหลังกว้างด้วยความหวาดกลัวในอารมณ์ที่ไม่เคยเจอมาก่อน

     

                    “เรามีเรื่องต้องคุยกันครับ” ชายหนุ่มจับร่างบางยัดใส่รถคันหรูด้วยความทะนุถนอม แม้จะเป็นยังคงโกรธอยู่ก็ตาม ดวงตาคมจ้องมองข้อมือบางที่แดงเถือกอย่างขอโทษ

     

                    ภายในรถคันหรูที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะกับเงียบราวกับไม่มีใครอยู่บนรถเลย ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาเลย เมื่อคนหนึ่งเอาแต่จ้องมองถนนอย่างจดจ่อ และอีกคนที่มองอยู่ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยคำถามมากมาย

     

                    ทันทีที่รถจอดนิ่งสนิท ซีวอนรีบเดินอ้อมหน้ารถมาเปิดประตูให้คนรักด้วยใบหน้าเคร่งเครียด หากแต่เพราะรอยแดงที่ข้อมือบางทำให้ไม่กล้ารุนแรงอีกได้แต่จับมือเล็กนุ่มให้เดินตามไป

     

                    “ฮีชอลไปทำงานที่ร้านนั่นทำไมกันครับ ที่เมื่อวานกลับบ้านมาตอนเย็น ที่วันนี้รีบออกไปแต่เช้าก็เพราะอย่างนี้ใช่ไหม?” ชาบหนุ่มถามเสียงเข้มไม่สนใจเลยว่าตอนนี้ร่างบางมองด้วยความหวาดกลัว

     

                      คำถามธรรมตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ และใบหน้าคมที่คิ้วขมวดเข้าหากันทำให้ดวงตากลมโตเริ่มฉ่ำน้ำ “ฮีชอลแค่ไปทำงานนิดหน่อยเองนะ”

     

              “นิดหน่อยของฮีชอล ไม่นิดหน่อยสำหรับผมนะ ทำไมต้องออกไปทำอะไรแบบนี้ข้างนอกด้วย หรือว่าเงินที่ผมให้ทุกเดือนไม่พอ ทำไมไม่บอกผมหล่ะครับ พรุ่งนี้ฮีชอลไม่ต้องไปแลวนะ ถ้าไปอีก ที่ตรงนั้นเป็นของบริษัท ผมคงต้องสั่งปิดร้านนะครับ”  ซีวอนพยายามะงับอารมณ์ของตัวเองให้นิ่งที่สุด แต่เพราะความหวงทำให้พลั้งปากพูดอะไรแบบนี้ออกไป

     

                    “ซีวอน!” ฮีชอลมองหน้าชายหนุ่มอย่างไม่เชื่อสายตา ในคำพูดที่ได้ยิน “นั่นร้านของเจย์นะ ทำไมซีวอนต้องพูดแบบนั่นด้วย ซีวอนเป็นอะไรไปอ่า ซีวอนของฮีชอลไม่ใช่คนแบบนี้ เอาซีวอนคนเดิมกลับมาสิ กลับมา” มือบางทุบไหล่หนาของชายหนุ่มพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลเอ่อออกมาเต็มสองแก้มนวล

     

                    “ฮีชอล ซีวอนขอโทษนะครับ  ซีวอนแค่โกรธเท่านั้นเอง อย่าร้องไห้นะครับ” ชายนหุ่มปล่อยให้ร่างบางทุบจนกว่าจะพอใ เพราะแรงแค่นี้ไม่ทำให้เจ็บเลย ก่อนจะคว้าร่างบางเข้าสู่อ้อมกอด ทั้งปลอบประโลม ทั้งยอมรับผิดในคราเดียวกัน

     

                    “ซีวอนใจร้าย ใจร้ายที่สุดเลย”

     

                    คำพูดแสนซื่อขอคนรักทำให้ชายหนุ่มอดรู้สึกผิดหนักกว่าเดิมไม่ได้ “ขอโทษครับ แต่ฮีชอลไม่ไปร้านนั้นอีกได้ไหม ซีวอนขอร้องนะครับ” ซีวอนยังคงไม่ละความพยายามขอให้คนรักยอมตามใจตน ไม่อยากให้คนบอบบางที่ถูกเลี้ยงมายิ่งกว่าไข่ในหินตองไปลำบากแบบนั้นอีก

     

                    “ไม่ได้หรอกซีวอน ขอให้ฮีชอลทำเถอะนะ มันสำคัญกับฮีชอลมากจริงๆ ฮีชอลเหนื่อยแล้ว ไปอาบน้ำก่อนนะ” ร่างบางขืนตัวออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่มก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่หันมามองชายหนุ่ม

     

              ใบหน้าคม ดวงตาเจ้าเล่ห์มองตามร่างบางไปอย่างเงียบๆ หากในใจกำลังวางแผนการบางอย่าง หากฮีชอลคิดจะกลับไปทำงานที่นั่นอีก คนอย่างซีวอนก็ไม่มีทางยอมหยุดนิ่งๆให้ฮีชอลต้องลำบากเป็นแน่

     

                    ก็ลองดูนะครับว่าฮีชอลจะดื้อกับซีวอนได้แค่ไหน


               


                 คนที่เคยเรียบร้อย เมื่อถึงคราวจะดื้อสิ่งที่เก็บไว้มันก็ออกมาทั้งหมด ฮีชอลเองก็ไม่ต่างจากคนอื่นทั่วไป ร่างบางตั้งหน้าตั้งหน้าเก็บของลงกระเป๋าใบเล็กทันทีที่ชายหนุ่มกลับไปทำงานต่อในช่วงบ่ายกว่าๆ พร้อมโน้ตข้อความสั้นๆให้คนอ่านกลับมาเจอได้หงุดหงิดเล่น

     

                    ไปนอนที่บ้านใหญ่ ไม่ต้องตามไปเลยด้วย งอนแล้ว

             

               ซีวอนกลับมาเจอความว่างเปล่าของห้องอีกครั้งหลังจากที่กลับมาบ้านตอนเย็น ทั้งๆที่ก็หนีงานออกมาเร็วเท่าที่จะทำได้ แต่คนหัดดื้อกลับหนีไปได้สะก่อนทำให้ชายหนุ่มได้อารมณ์เสียเป็นที่สุด ขนาดฮีบอมลูกสุดที่รัก ยังไม่กล้าเข้าใกล้คนที่พาลไปทั่ว เตะนู้นนี้นั่น ล้มระเนระนาด

     

                    “ให้มันได้อย่างนี้ซิ อยากไปก็ไปเลย ไม่ไปตามด้วย ให้รู้ไปข้างเลยว่าใครจะทนไม่ได้ก่อน” ชายหนุ่มพึมพำกับกระดาษแผ่นนั้นด้วยเสียงดังเกินกว่าจะพูดคนเดียว

     

                    ชายหนุ่มเดินหงุดหงิดไปทั่วบ้านมองทุกอย่างดูขวางหูขวางตา มองอะไรก็ไม่พอใจไปทุกอย่าง เดินเข้าไปในห้องครัวก็ไม่มีอะไรที่พอจะเอาออกมาอุ่นได้เลย “จะไปก็ไม่ทำอาหารให้เลยนะครับฮีชอล”  สุดท้ายมือค่ำของรองประธาน ก็เป็นอาหารสำเร็จรูป ไร้รสชาติ และเป็นอาหารเพื่อมวลมนุษยชาติผู้ไร้ที่พึ่ง

     

                    “ฮีบอมวันนี้กินอาหารเม็ดไปนะ ไม่มีใครทำอาหารให้กินหรอกนะ ไม่ต้องมามองหน้าเลย”  แม้แต่แมวน้อยยังไม่วายโดนอาหารเรื่อง ทั้งที่เพียงแค่มองหน้าด้วยความสงสัยว่าพ่อสุดหล่อบ่นอะไรเท่านั้นเอง

     

                    “เมี้ยว เหมี้ยวๆๆ” 

     

                    “อือ ไม่มีให้กิน ฉันยังต้องทำกินเองเลย ฮีบอมอยู่กับแม่ยังไง ปล่อยให้แม่ดื้อขนาดนี้เนี้ย ทำไมไม่ค่อยปรามกันบ้างนะ แล้วไปบ้านใหญ่ไม่แคล้วต้องไปหาให้หน้าจืดนั่นแน่ ฮึ ไม่ให้ไป ก็ไปไม่ไปหรอก” ชายหนุ่มยังคงไม่เลิกพร่ำเพ้อ แม้แต่กับแมวตัวน้อยก็ไม่ปล่อยให้รอดพ้น

     

                    เวลาที่ต้องอยู่คนเดียวมันผ่านไปอย่างช้าๆ นั่นดูทีวีรายการแล้วรายการเล่า บอลหลายต่อหลายคู่ก็ไม่ทำให้คลายเหงาได้เลย แต่ก็ยังคงนั่งอยู่เผื่อว่าประตูห้องจะเปิดเข้ามาโดยร่างบางที่น้ำตานองหน้าเพราะทนความคิดถึงไม่ได้

     

                    แต่สุดท้ายแล้ว กลับเป็นซีวอนที่ต้องยอมแพ้ ยอมเข้านอนเพียงลำพังไร้หมอนข้างนุ่มนิ่มข้างกาย ให้อบอุ่นใจเหมือนที่เคยมี 

     

                    ซีวอนนอนพลิกตัวไปมาเพราะไม่คุ้นชินกับเตียงกว้างที่ต้องนอนคนเดียว จะกวาดแขนไปทางไหนก็พบแต่ความเย็นชืดของเตียงหรือไม่ก็ขนฟูนั่นของแมวน้อยที่กระโดดขึ้นมานอนประจำที่บนเตียงกว้าง แต่ไม่มีสัมผัสไหนจะดีเท่า ผิวเนียนเรียบลื่น กลิ่มหอมอ่อนๆ ของคนหัดดื้อได้เลย

     

               “ฮีชอลนะ ฮีชอล คิดถึงจังเลยนะครับ” ชายหนุ่มกระซิบเสียงเบากับหมอนนุ่มข้างกายที่ยังมีกลิ่นหอมจางอยู่ก่อนจะฝืนดวงตาให้หลับลง แต่กว่าจะหลับได้ก็เลยวันใหม่ไปนาน

               

            ในขณะที่คนหนึ่งดูจะเป็นเดือดเป็นร้อน แต่ก็ยังทำปากแข็ง แต่อีกคนกลับกำลังสุขใจในฝันหวาน จนใบหน้าที่หลับพริ้มประดับด้วยรอยยิ้มสวย

     

                    วันนี้เป็นอีกวันที่ร่างบางต้องเหนื่อย ทำสารพัดสิ่งมากมาย ทั้งทำงานตอนเช้า เก็บของหนีช่วงบ่าย แล้วยังต้องมาเผชิญผู้คนมากมายในรถประจำทางเพื่อกลับบ้าน และสุดท้ายที่ดูดพลังไปจนหมดสิ้นให้คืนนี้หลับสนิมก็คือ การช็อปปิ้งกับคุณป้าสุดที่รักที่คิดถึงหลานชายคนนี้เสียเหลือเกิน

                     

                    ร่างบางตื่นนอนด้วยความสดชื่นหลังการพักผ่อนอย่างเต็มที่ อาบน้ำแต่งตัว ลงมาร่วมโต๊ะทานเข้าตอนแปดโมงครึ่งพอดีเป๊ะ และคนที่รออยู่ นอกจากเจ้าของบ้านตระกูลชเวทั้งสองแล้ว ยังพ่วงด้วยชายหนุ่มเจ้าของบ้านอีกหนึ่งคน

     

                    “อ๋า ฮีชอลลงมาช้าหรอ เจย์รอนอนหรือยัง ขอโทษนะ” ตาแป๋วๆ มองไปยังเจ้านายหนุ่มอย่างขอลุแก่โทษที่เหมือนว่าอาจจะลงมาช้าเกินไป

     

                    “ไม่หรอกพอดีเจย์ก็มาคุยกับคุณลุงคุณป้าด้วยแหล่ะ ฮีชอลหิวหรือยัง จะกินอะไรก่อนไปร้านไหม” ชายหนุ่มถามอย่างอารมณ์ดี มีคนส่งสายตาแป๋วๆให้แต่เช้ามันดีแบบนี้ นี้เอง

     

                    “หิวอ่า ให้ฮีชอลกินอะไรก่อนนะแล้วค่อยไปที่ร้าน นะๆๆ” ร่างบางออดอ้อนด้วยการเอาศีรษะเล็กถูไถกับต้นแขนของชายหนุ่ม เรียกเสียงหัวเราะจากผู้สูงวัย

     

                    “คร้าบรู้แล้วหล่ะ คร้าบ” ไม่เพียงแค่คำพูด หากชายหนุ่มยังคงจัดการเลื่อนเก้าอี้ให้ร่างบางนั่งลงพร้อมกับจัดการยกจานจากเด็กในบ้านมาเสริฟ์ให้ถึงโต๊ะ

     

                    “แล้วเจย์ไม่ทานอะไรหรือลูก” หญิงอาวุโสของบ้านเอ่ยถามชายหนุ่มข้างบ้านด้วยความใจดี เริ่มหวั่นใจแทนลูกชาย ถ้ายังปล่อยให้เจย์ทำคะแนนอยู่แบบดี เดี๋ยวก็แย่กันพอดี

     

                    “ผมทานมแล้วครับ”

     

                    “เจย์ ค่าแรงฮีชอลเมื่อวาน เจย์ยังไม่ได้ให้เลยนะ” ร่างบางที่กลืนข้าวต้มร้อนๆลงคอหันมาพูดกับชายนหนุ่มพร้อมกับแบบมือเล็กออก บอกให้รู้ว่ากำลังทวงเงิน

     

                    “เมื่อวานฮีชอลขาดงานไปครึ่งวัน ต้องโดนหักเงินครึ่งหนึ่งนะ” เจย์บอกด้วยท่าทางจริงจัง เตรียมควักกระเป๋าจ่ายค่าแรงรายวันให้กับร่างบางที่ดูเหมือนเป็นลูกสาวมากขึ้นทุกวันๆ

     

                    “อะไรอ๋า เอาอะไรเป็นหลักฐานว่าขาด จ่ายมาเต็มๆเลยนะ บอกแล้วว่าลาป่วย คนไม่สบายนะจะให้ฝืนทำงานได้ไงเล่า เดี๋ยวก็ฟ้องซะเลยนิ” ปากเล็กๆเริ่มมู่เข้าหากันตามนิสัย

     

                    “ฟ้องซีวอน” ชื่อคนรักที่โผล่งออกมาเรียกรอยยิ้มโล่งใจจากคุณนายของบ้านและความขบขันเอ็นดูจากท่านประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่ก็มีรอยยิ้มหมั่นไส้จากชายหนุ่มข้างบ้านด้วยเช่นกัน

     

                    “ซีวอนไม่ช่วยฮีชอลแล้ว เชื่อเจย์สิ ดื้อหนีออกจากบ้านแบบนี้”

     

                    “ไม่ได้หนีสักหน่อย” ร่างบางส่งค้อนให้ชายหนุ่มข้างตัวก่อนจะตั้งใจเป่าข้าวต้มร้อนๆเข้าปาก

     

                    “ทานเสร็จงั้นผมไปก่อนนะครับ” เจย์กล่าวลาผู้ใหญ่ทั้งสองเมื่อเห็นว่าคนขี้งอนจัดการกับข้าวต้นในชามหมดแล้วเรียบร้อย

     

                    “ฮีชอลไม่ไป จ่ายเงินมาก่อน เอาเต็มๆด้วยห้ามหัก ไม่งั้นไม่ไปไหนแล้ว” ร่างบางนั่งกอดอก ไม่ยอมไปไหนทั้งสิ้นหากวันนี้จะไมได้ค่าแรงเต็มจำนวนของเมื่อวาน

     

                    “เรื่องมากจริง เอ้า เอาไป” สุดท้ายคุณเจ้าของร้านก็ต้องยอมแพ้พนักงานเสริฟ์กิตติมศักดิ์ จ่ายเงินเต็มจำนวนที่สูงกว่าเด็กเสริฟ์คนอื่นๆ

     

                    “นี้แหล่ะซีวอนเขาเลี้ยงของเขามาแบบนี้ ทนเอาหน่อยหล่ะกัน” ผู้สูงวัยนั่งหัวเราะกับนิสัยของหลายผู้น่ารัก ที่ไม่ว่าใครก็ต้องยอมแพ้ให้กับความน่ารัก ขี้อ้อน

     

                    “ครับคุณลุง ไปได้หรือยังฮีชอล”

     

                    “อือ” ร่างบางรับคำก่อนจะเดินไปอีกฝากของโต๊ะ หอกแก้มผู้เป็นลุงและป้า “ฮีชอลไปก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวตอนเย็นจะรีบกลับนะครับ”

     

                    “เดี๋ยวตอนเย็นผมเอามาส่งนะครับคุณลุง คุณป้า ไปแล้วครับ สวัสดีครับ”

     

                    เมื่อหนุ่มสาวไปหมดแล้ว เหลือเพียงผู้อาวุโสทั้งสองที่ยังคงนั่งโต๊ะอาหารเช้าแบบสองต่อสอง สวีทตั้งแต่ลุกยังเล้กจนกระทั่งลูกชายตัวโต มีครอบครัวเป็นของตัวเอง แต่ความรักของคนทั้งคู่ก็ยังไม่จางลงไป

     

              Rrrrrrrrrrrrrr

     

              เสียงโทรศัพท์มือถือของท่านประธานดังขึ้น เพียงแค่ดูเบอร์ที่โทรเข้าก็รู้แล้วว่ามีเรื่องอะไร “ว่าไงซีวอน”

     

                    /พ่อครับฮีชอลไปหรือยังครับ/

     

                    น้ำเสียงร้อนรนจากปลายสายทำให้ผู้เป็นพ่ออยากแกล้งลุกชายตัวเองเสียเหลือเกิน แต่ติดที่แม่ของลุกที่นั่งอยู่ข้างๆคอยทิ้งค้อนคมๆมาให้ “ไปแล้วเมื่อกี้ มีอะไร แกไปทำอย่างไงฮีชอลถึงหนีกลับมาบ้านแบบนี้เนี้ย”

     

                    /เรื่องมันยาวครับพ่อ วันนี้พ่อแวะไปเลขาผมให้หน่อยสิครับว่าผมจะไม่เข้าบริษัท/

     

                    “นี้แกเห็นฉันเป็นอะไรเนี้ย ถึงมาสั่งแบบนี้ แล้วทำไมจะไม่เข้าบริษัท”

     

                    /เห็นเป็นพ่อไงครับ เออใช่ วันนี้ผมลาทั้งวันนะครับ/

     

                    “แกคิดว่าตัวเองเป็นอะไรห่ะ เมื่อวานก็แอบโดดงานออกไปข้างนอก”

     

                    / ผมก็เป็นแค่พนักงานบริษัทต้อกต๋อยก็เลยต้องลางานกับท่านประธาน ส่วนเมื่อวานไม่นับครับพ่อ นั่นเหตุสุดวิสัยจริงๆ อ้อใช่พ่อบอกเลขาให้ผมด้วยว่า ถ้ามีงานด่วนให้เอาไปให้ที่ร้านกาแฟเปิดใหม่ แค่น้นะครับพ่อ ผมรีบ หวัดดีครับ/

     

                    สายถูกตัดไปแล้วในขณะที่ท่านประธานกำลังจะพูดบางอย่าง แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว “ดูลูกคุณสิ สั่งเสร็จก็วางสาย แถมวันนี้จะเบี้ยวงานอีก ไม่รู้จะทำอะไร เฮ้อ คิดผิดหรือเปล่าเนี่ยที่ยอมยกฮีชอลให้ซีวอนแบบนี้”

     

                    “ก็ลองคุณไม่ยกให้ดูสิ ลูกตัวเองแท้ๆ ไม่ยกให้ แล้วจะไปให้ใคร”

     

                    “ครับ ห่วงจังเลยนะหลานคนนี้เนี้ย ผมไปทำงานก่อนดีกว่า ไปนะครับ” ชายวัยห้าสิบปลายๆหอมแก้มภรรยาคู่ชีวิตก่อนลุกจากเก้าอี้เพื่อไปทำงาน

     

                    “คะ รีบกลับนะคะคุณ”

     

                    “ครับ” 

                  
     

                   ในร้านกาแฟบรรยากาศแสนหวานเหล่าพนักงานต่างก็ตั้งใจทำงานในส่วนของตัวเอง และฮีชอลเองก็เช่นกันทันทีที่เห็นลูกค้าเดินเข้าร่างบางจะรีบเดินตรงไปหาทันที ด้วยใบหน้าหวานและรอยยิ้มสวย      
     
    แต่เหตุการณ์ทั้งหมดกลับไม่เป็นแบบนั้น เมื่อชายหนุ่มหน้าตาดี รูปร่างสูงโปร่งในชุดลำลองเดินตรงเข้ามาในร้าน ทำให้ฮีชอลต้องรีบเดินไปหลังเคาร์เตอร์ทันที

     

                    “อ้าวพี่ฮีชอล ผู้ชายคนเมื่อวานนี้คะ เขามาอีกทำไม เป็นเจ้าหนี้พี่ฮีชอลหรือเปล่าคะ” ซูยองสาวน้อยผู้ไม่ณุ้เรื่องอะไรด้วย เอ่ยถามพี่ชายหน้าหวาน เมื่อเห็นว่าผู้ชายหน้าโหดคนเมื่อวานเดินเข้ามาในร้านหร้อมกับที่ฮีชอลต้องรีบเดินหนีมาหลังเคาร์เตอร์

     

                    “ไม่ใช่เจ้าหนี้พี่หรอก” ร่างบางปฏิเสธสิ่งที่รุ่นน้องคิด หากกูไม่คิดจะบอกว่าเป็นอะไรกัน ไม่รู้เป็นไง เวลาจะต้องบอกว่าเป็นอะไรกัน มันดูยากเย็นยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น “ซูยอง ให้ใครไปรับเมนูแทนพี่ทีสิ นะๆๆ” แล้วสายตาแบบออดอ้อนสุดๆ ก็ส่งมาให้หญิงสาว แล้วมีหรือที่จะรอดพ้น

     

              “เอางั้นหรอคะ ก็ได้ หน้าตาหล่อๆแบบนี้ถ้าได้เป็นแฟนก็คงจะดีเนอะ” แล้วหญิงสาวก็ละทิ้งฐานที่มั่นออกไปสู้รบกับชายหนุ่มหน้าตาดี แต่อารมณ์บูดบึ้งแบบไม่ปิดบังใดๆ

     

              “จะรับอะไรคะ” หญิงสาวถามพร้อมรอยยิ้มแสนสวย กะว่าวันนี้อาจได้ชายหนุ่มหน้าตาดีไปนอนฝันที่บ้านให้สบายใจ

     

                    “คิม ฮีชอล” เสียงทุ้มบอกเพียงสั้นๆ ไม่สนใจกับอาการตื่นตะลึงของหญิงสาว สายตาจับจ้องไปที่ร่างบางที่กำลังก้มหน้าก้มตา อยู่หลังเคาร์เตอร์

     

              ซูยองหญิงสาวทีเจ้าของร้านหน้าตาดีฝากไห้ดูแลฮีชอล รีบถามอีกทีเผื่อว่าจะฟังไม่ถนัด “จะรับอะไรหน่ะคะ”

     

                    “คิม ฮีชอล”

     

                    เมื่อแน่ใจว่าฟังไม่ผิดแน่ๆ หญิงสาวจึงเดินตรงไปหาร่างบางที่อยู่บนเคาร์เตอร์ด้วยสีหน้าหวาดระแวง “พี่คะ เขาเป็นมาเฟียหรือเปล่า ซูยองว่าโทรหาคุณเจย์ดีกว่าไหมคะ”

     

                    “ไม่ต้องหรอก แล้วจะเอาอะไร เดี๋ยวพี่ทำ แล้วซูยองจะได้เอาไปเสริฟ์” ฮีชอลรู้ดีว่ายิ่งโทรหาเจ้าของร้าน คนที่นั่งหน้าบึ้งอยู่จะยิ่งโกรธ ตอนนี้ซีวอนอยากได้อะไรก็คงต้องยอม

     

                    “เขาบอกว่าเขาอยากได้  พี่อ่ะคะ”  หญิงสาวมีท่าทีลำบากใจเล็กน้อย ที่ต้องบอกว่าอะไรคือสิ่งที่คุณลูกค้าหน้าตาดีต้องการ “ซูยองว่าพี่ไปหลบหลังร้านก่อนดีกว่าไหมค่ะ เดี๋ยวซูยองกับคนอื่นช่วยดูไว้ให้ ดูท่าทางเขาไม่น่าไว้ใจเลยจริงๆนะคะ”

     

                    “ง่า” ไม่ใช่แค่ซูยองที่เริ่มกลัว ตอนนี้ความดื้อมันหายไปจากใจคนหัดดื้อหมดแล้ว ก็รู้ๆกันอยู่ ซ๊วอนเวลาโกรธน่ากลัวแค่ไหน “เดี๋ยวพี่ไปหาเขาเองก็ได้ แต่ถ้ามีอะไรซูยองห้ามบอกเจย์นะ ตกลงไหม”

     

                    “คะพี่เองก็ระวังตัวดีๆนะคะ”  หญิงสาวชูกำปั่นเป็นเชิงสู้ๆให้แก่พี่ชายหน้าหวาน ตัวเล็ก ที่ถ้าเกิดอะไรขึ้นคงไม่มีแรงไปสู้ลูกค้ามาเฟียคนนั้นแน่ๆ

     

                    “อือ อย่าลืมนะ ถ้าพี่โดนลากไปแบบเมื่อวานห้ามบอกเจย์นะ” ถึงแม้จะกลัว ถึงแม้หน้าจะซีด เหงื่อจะออกแค่ไหน แต่ยังไง เงินที่จะต้องหาให้ครบก็เป็นเรื่องสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด

     

                    “ซีวอน จะเอาอะไร” ร่างบาง หน้าซีดเซียว กลั้นใจถามชายหนุ่มหน้าบึ้ง บนใบหน้าคมปราศจากรอยยิ้ม ปรกติก็ว่าหน้าดุ แต่วันนี้ทำไม ดูโหดจังเลย ซีวอน อย่าฆ่าฮีชอลนะ

     

                    “ ถ้าบอกว่า จะเอาฮีชอลกลับบ้าน ได้ไหมครับ” แม้จะไม่พอใจ แต่ซีวอนก็ยังคงสุภาพกับคนรักเสมอ ถึงจะดูห่างเหินไปบ้างก็ตาม

     

                    “ซีวอนอ่า ก็ฮีชอลบอกแล้วว่า จำเป็น ถ้าไม่สั่งอะไร ฮีชอลไปทำงานต่อแล้วนะ” ปากอิ่มเริ่มเชิดขึ้นเล็กๆ ในใจอยากไล่ให้ชายหนุ่มกลับไป แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะทำ แบบนั้น

     

                    “งั้น ฮีชอลชงอะไรมาให้ผมสักแก้วก็แล้วกันครับ” ซีวอนเอ่ยอย่างตัดใจ ที่มาที่นี้ไม่ใช่เพราะอยากดื่มอะไร แต่กำลังหาวิธีกดดันให้คนรักเลิกทำงานเสียที

     

                    “งั้น รอแปปนะ เดี๋ยวฮีชอลเอามาให้” รอยยิ้มน้อยส่งให้ แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ชายหนุ่มต้องการในเวลานี้

     

                    “ครับ”     

     

                    เพียงไม่นานร่างบางก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับกาแฟดำรสชาติขมแบบที่ชายหนุ่ม เดินถือมาอย่างระมัดระวัง ท่าเดินดูเหมือนพร้อมจะทำกระเด็นลวกมือตัวเองตลอดเวลา จนซีวอนต้องรีบเอื้อมมือออกไปรับ “ฮีชอลเดินระวังล้มนะครับ เดินไปเสริฟ์คนอื่นก็เหมือนกัน ถ้าทำหกมันจะลวกมือเอา เลิกทำเถอะครับ”

     

                    “ไม่เลิกอ่า  นี้คล่องแล้วนะซีวอน ฮีชอลไปทำงานต่อแล้วดีกว่า ถ้าคุณลูกค้าอยากได้อะไรเพิ่มสั่งได้นะครับ” รอยยิ้มสดใส ของพนักงานหน้าหวานส่งให้กับคุณลูกค้าหน้าบึ้ง แต่มันกลับทำให้ลูกค้าคนอื่นๆที่เห็นรอยยิ้มนี้ ต่างก็มองตามด้วยใจเต้นรัว

     

                    ซีวอนนั่งจิบกาแฟขอตนไปเรื่อยๆ ตาคมก้มมองเอกสารที่พกมา หากก็ยังคงมองตามทุกการเคลื่อนไหวของคนรักอย่างระวัง  ทั้งจากความซุ่มซ่ามที่เป็นนิสัย และจากคนที่นั่งอยู่ในร้าน

     

                    ความน่ารักของพนักงานเสริฟ์ทำให้โต๊ะอื่นต่างก็อยากจะสั่งนู้นนี้นั่น เพิ่มเติม หากมันจะแค่สั่งอาหารคงไม่เป็นไร แต่นี้ทั้งสายตา และมือที่พยายามลวนลามร่างบางโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รุ้สึก มันทำให้อารมณ์กรุ่นๆกลับมาอีกครั้งอย่างครบถ้วน

     

                    “ฮีชอล มานี้หน่อยครับ” เสียงทุ่มนุ่นเรียกคนรักที่ไม่ค่อยจะรู้ตัวว่ากำลังถูกลวนลามให้เดินมาหา อย่างไม่สนใจสายตาของใครทั้งสิ้น

     

                    คนหัดดื้อเดินเข้ามาหาชายหนุ่มอย่างแสนงอน แต่ก็ต้องท่องเอาไว้ในใจ ลูกค้าของเจย์ คือพระเจ้าของฮีชอล คือกล้องของซีวอน และตอนนี้ซีวอนก็เป็นลูกค้า ตามใจซีวอนเข้าไว้นะฮีชอล

     

                     “มีอะ.....” ยังไม่ทันได้พูดอะไรทั้งสิ้น ใบหน้าคมกุกเข้ามาใกล้ชนิดที่ลมหายใจเป่ารดใบหน้าหวาน ตามด้วย ริมฝีปากบางที่ประทับลงมาอย่างเร็ว หากก็ไม่รุนแรง

     

              ใบหน้าหวานซับสีเลือดทันที ที่รู้ตัว ต้องยืนอิงชายหนุ่ม อยู่ในอ้อมกอดแข็งแกร่งก่อนจะทรงตัวไว้ไม่อยู่ แทบไม่อยากต้องเห็นใครในร้านนี้อีกเลย ด้วยความอาย ใบหน้าหวานจึงยังซุกอยู่ที่อกกว้าง พูดในลำคอด้วยเสียงอู้อี้ “ซีวอนอ่า แกล้งฮีชอลแบบนี้ทำไม”

     

                    “เพราะรักไงครับ ไปทำงานต่อนะครับ อย่าลืมว่าซีวอนนั่งดูอยู่นะ” ไม่ใช่เพียงแค่คำพูด หากชายหนุ่มยังสูดดมกลิ่มหอมอ่อนๆจากศีรษะเล็ก ก่อนจะผลักร่างบางให้ไปทำงานต่อไป

     

                    เพราะกางเกงที่คนรักใส่อยุ่มันตัวเล็กลงหรือยังไง ซีวอนก็ไม่รู้ แต่มันทำให้เห็นสะโพกกลมกลึงอย่างชัดเจน จนแม้แต่ชายหนุ่มยังห้ามใจไม่อยู่ ตีเบาๆลงบนก้มนุ่มอย่างหมั่นเขี้ยว

     

                   ฮีชอลหันมาส่งค้อนให้ชายหนุ่มหากแต่ได้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เป็นการตอบแทน

     

              เมื่อลับสายตาร่างบาง ซีวอนจึงส่งสายตาเยาะเย้ยให้กับทุกคนที่จ้องมองร่างบางของเขาอยู่ ที่ทำไปก็รู้ว่าฮีชอลไม่ชอบ และคงอาย แต่ก็ต้องทำเพื่อให้ใครที่กำลังมองอยู่ก็ตาม ได้รู้ว่า

     

                  คนคนนี้มีเจ้าของแล้ว....และเจ้าของก็นั่งอยู่ตรงนี้!!!

     

                    เวลาที่ยุ่งที่สุดของช่วงเช้าผ่านพ้นไป เมื่อเหล่าพนักงานออฟฟิสในย่านนี้ต้องเข้าไปทำงานในช่วงเช้า ทำให้ร้านตอนนี้คนเริ่มโล่ง เด็กในร้านทุกคนได้พักเหนื่อยจะเว้นเสียก็แต่ชายหนุ่มหน้าหวาน ที่ยังคงต้องดูแลชายหนุ่มหน้าหน้าโหดต่อไป             



            

                    แก้วใบเล็กใบน้อย ถูกเก็บไปแล้วก็หลายครั้ง แต่คุณลูกค้าที่ปักหลักตั้งแต่เช้ายังไม่มีทีท่าว่าจะเรียกให้ใครมาเก็บเงิน

     

              “ซีวอน วันนี้ไม่เข้าบริษัทหรอ มานั่งอยู่ตรงนี้เดี๋ยวคุณลุงก็โวยหรอก” ร่างบางยืนส่งเสียงหวานๆถามชายหนุ่มที่นั่งนิ่งให้รากไม้งอกออกมาตั้งแต่เช้า ไม่มีการขยับไปไหน

     

                    “โทรลากับพ่อแล้ว ฮีชอลไม่ต้องห่วงซีวอนหรอกครับ” รอยยิ้มเล็กๆมีให้กับเจ้าของดวงตากลมโตที่ชายหนุ่มเห็นว่า ถึงจะดื้อ แต่ก็ดื้อแบบน่ารัก มีเรื่องให้เป็นห่วงได้ตลอดเวลา

     

                    “งั้นไปทำงานก่อนนะ เดี๋ยวโดนหักเงิน” รอยยิ้มสดใส เหมือนคนที่ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องคิดมากกลับมาแล้ว รอยยิ้มน่ารักที่ทำให้ใครต่อใครหลงรัก จนเจ้าของรอยยิ้มอยากจะเก็บเอาไว้ไม่ให้ใครได้เห็น

     

                    “ฮีชอล” เสียงเรียกชื่อจากคนรักทำให้ร่างบางต้องหันกลับมาอีกครั้งพร้อมสายตางุนงง  แต่รอยยิ้มเล็กๆก็ยังคงไม่จางหายไป

     

                    “ซีวอนว่ากางเกงตัวนี้มันเล็กไปแล้วหล่ะ ฮีชอลอย่าใส่อีกนะครับ” เพราะชายหนุ่มพูดเบาแสนเบา ร่างบางจึงต้องเขยิบเข้ามาใกล้ จนไม่ไกลเกินกว่าที่สองมือจะคว้าเอวบางมาโอบกอดโชว์เด็กในร้าน

     

                    “ซีวอนว่าฮีชอลอ้วนขึ้นหรอ” ริมฝีปากเล็กเชิดขึ้นอีกครั้ง ในอ้อมกอดอุ่น บนตักมั่นคง และเพราะความเคยชินในอ้อมแขนและตักนี้ ทำให้ร่างบางลืมไปชั่วขณะว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่ห้องส่วนตัว แต่เป็นร้านกาแฟที่มีคนเข้าออกตลอดเวลา

     

                    “เปล่าสักหน่อย ใครว่าฮีชอลของซีวอนกัน แค่หวงเท่านั้นเอง กางเกงตัวนี้ฮีชอลใส่แล้วน่ารัก แต่ว่าซีวอนอยากเก็บไว้ดูคนเดียวนี้ รู้ไหมว่า สะโพกมนๆกลมๆแบบนี้ มันน่าหมั่นเขี้ยวที่สุดเลย” ไม่เพียงแค่คำพูด หากชายหนุ่มยังตอกย้ำความน่าหมั่นเขี้ยวขอคนรักด้วยการไซ้ซอกคอหอมกรุ่น ให้เจ้าของคอขาวได้จั๊กจี้เล่น

     

                    “ซีวอนพอได้แล้วอ่า อายฮีบอมนะ” ใบหน้าแดงกล่ำ หัวเราะร่าทั้งที่กำลังเหนื่อยหอบจากการหัวเราะ ผลักใบหน้าคมให้ออกห่าง แต่ก็ไม่สู้แรงชายหนุ่มได้อยู่ดี มีเพียงแค่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งมาให้

     

                    “ฮีชอลครับ ฮีบอมจะมาแถวนี้ได้ไง ที่นี้ไม่มีฮีบอมให้อายหรอกนะครับ คนเก่งของซีวอน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่เลือนหายไปจากใบหน้า ดวงตาคมลอบมองคนในร้านที่เวลานี้ไม่มีลูกค้าอยู่ จะมีเพียงก็แต่เด็กในร้านไม่กี่คน ที่หน้าแดงกล่ำไปกันหมดแล้ว

     

              “อ่า ซีวอนแกล้งกันอีกแล้ว ทำแบบนี้ได้ไงอ่า ปล่อยเลยนะ  ปล่อยสิ” เสียงเล็กๆกระซิบบอกเมื่อหันมองรอบตัวก็ก็พบแต่รอยยิ้มล้อเลียนและใบหน้าแดงๆของคนในร้าน จนฮีชอลแทบอยากจะมุดอกหนาๆไม่ออกมาเจอใครอีกเลย

     

                    “ไม่แกล้งแล้วครับ รักที่สุดเลย” ชายหนุ่มสุดดมความหอมจากแก้มเนียนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะยอมปล่อยร่างบางออกจากตักของตนเอง

     

              ฮีชอลลุกขึ้นจากตักของคนรักเดินกลับไปที่เคารเตอร์ ด้วยใบหน้าแดงกล่ำ ไม่ต่างจากคนที่ยืนมองอยู่ ก็ขอเขินไปด้วยอีกคน

     

                        แค่มานั่งเฝ้าไม่กี่ชั่วโมงตอนนี้ซีวอนก็ได้กำไรไปเต็มๆแบบ ทั้งแก้มนวล ก้นนุ่ม คอขาว ริมฝีปากอิ่ม ช่างเป็นการนั่งเฝ้าที่แสนมีความสุข

     

                    “พี่ฮีชอลคะ คุณลูกค้าคนนั้นชอบหวานหรอคะ ขยันเติมน้ำตาลจังเลย พวกเราจะเป็นเบาหวานกันอยู่แล้วนะคะ”  ซูยอกล่าวกับรุ่นพี่หน้าหวานที่ถือได้ว่าเป็นเด็กเสริฟเส้นใหญ่ มีคนฝากเป็นเจ้าของร้าน มีคนมานั่งเฝ้าเป็นใครสักคนที่หน้าตาดี

     

                    “ไม่ต้องพูดเลยยะ ห้ามบอกเจย์เข้าใจไหม” ดวตากลมโตหันมาเบิกให้กว้างในแบบที่เจ้าตัวคิดว่ามันน่ากลัวใส่หญิงสาว ที่ยังคงหัวเราะคิกคัก “แล้วได้เวลาพักแล้วไม่ไปกินข้าวหรอ เดี๋ยวเที่ยงแล้วคนจะเยอะนะ”

     

              “ไปแล้วคะ แหมแค่นี้ทำไล่ เดี๋ยวซูยองไปแปปเดียวนะคะ พี่ฮีชอลจะได้ไปพักบ้าง”

     

                    “ไม่ต้องรีบหรอก แค่ซื้อของเข้ามาให้ก็พอแล้ว พี่คงไม่ไปพัก ต้องปั่นเงินให้ได้” ดวงตามีประกายมุ่งมั่น

     

                    “คะ  พี่ฮีชอลเก็บเงินน่าดูเลยนะคะเนี้ย” หญิงสาวชวนคุยอย่างสงสัย อยากจะถามหลายทีแล้ว เท่าที่ดู ชายหนุ่มร่างบางตรงหน้าไม่ใช่คนที่จะต้องมานั่งทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเอง แต่ทำไมถึงได้พยายามเก็บเงินให้ได้มากขนาดนี้

     

                    “อือ พอดีต้องใช้เงินหน่ะ” นิ้วโป้งถูกส่งเข้าปาก เหมือนทุกครั้งที่ต้องใช้ความคิด และก็เหมือนทุกครั้งเช่นกันที่จะต้องมีเสียงดุจากชายหนุ่มร่างสูง ครั้งนี้ก็เช่นกันเสียงห้าวตะโกนข้ามร้านจนแทบเอานิ้วออกไม่ทัน ก่อนหันไปส่งค้อนให้ผู้ปกครองสุดหล่อที่มานั่งเฝ้า

     

                    “ซูยอง พี่ฝากซื้ออะไรหน่อยสิ”  

     

                    “ซื้ออะไรคะ”

     

                    ใบหน้าเรียวแนบชิดใบหูของหญิงสาว กระซิบเสียงเบาไม่ให้ได้ยิน เหมือนว่ากำลังวางแผนลับขั้นสุดยอดอยู่ หากแต่ใบหน้าผู้รับฟังกลับทำหน้าแหย เมื่อได้ยินภารกิจ

     

                    “จะดีหรอคะพี่ เกิดเขาโกรธขึ้นมาหล่ะ ไม่อาละวาดร้านพังหรอคะ คุณเจย์ได้ฆ่าตายกันพอดี”

     

                    “ไม่หรอกนะ ช่วยพี่หน่อยสิ นะซูยอง” สายตาออดอ้อนที่ใช้ได้ผลกับหญิงสาวมาแล้วถูกส่งมาอีกครั้ง ก่อนรอยยิ้มประจบจะตามมาอีกเป็นสิ่งการต่อมา

     

                    “ก็ได้คะ” และแล้วก็ไม่มีใครขัดใจร่างบางผู้มีความหวาน ความขี้อ้อนเป็นอาวุธได้เลย  “เดี๋ยวซูยองซื้อมาให้นะคะ”

     

                    “ขอบใจนะจ๊ะ” ใบหน้าหวานยิ้มร่าส่งสาวน้อยที่เดินออกไปทางหลังร้าน เพื่ออกไปพักก่อนที่จะถึงเวลาลูกค้าหนาแน่นช่วงเที่ยง



                    

                     ช่วงเที่ยงคนเริ่มเข้ามาในร้านอีกครั้ง ผู้คนมากหน้าหลายตา บางคนเมื่อเช้าก็มาแล้ว แต่ก็มาอีกครั้งเพราะติดใจใบหน้าหวานๆของร่างบางที่มีคนหน้าโหดมานั่งคุม   

     

                    ร่างบางเริ่มหัวหมุนเพราะจำนวนคนที่เข้ามามาก ไหนจะคนรักที่ขยันเรียก ทั้งๆที่ไม่มีอะไร จนฮีชอลเริ่มจะออกอาการดื้อหน่อยๆอีกครั้ง ด้วยการเมินเฉยไม่สนใจชายหนุ่มที่นั่งหน้าตูมอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิม

     

                    “ฮีชอลครับ ผมเรียกนะครับ เป็นพนักงานไม่สนใจลูกค้าได้ยังไงกัน ไม่ดีนะเดี๋ยวซีวอนบอกเจ้าของร้านให้ไล่ออกนะครับ” เสียงนุ่มแสนกวนอารมณ์ร่างบางเรียกเป็นรอบที่สิบภายในเวลาสิบห้านาที

     

                    “ไม่ต้องแกล้งฮีชอลเลยนะแบร่” ลิ้นเล็กๆสีชมพูสวยแลบออกมาให้ชายหนุ่มได้ยิ้มขบขันกับความน่ารักของคนหัดดื้อ ที่ดูยังไงก็น่ากอดมากกว่าน่าตี

     

                    กว่าที่หญิงสาวจะกลับมาคนในร้านก็เริ่มแน่นแล้ว แต่ดูจากใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อก็พอจะรู้ว่ารีบมาแค่ไหน “ขอโทษนะคะ ซูยองหาซื้อของที่ฝากมาให้แล้วคะ หายากชะมัดเลย นี้คะ” หญิงสาวหญิบแผง

    ฟลอยเล็กๆที่บรรจุเม็ดยาจำนวนสิบเม็ดส่งให้กับมือบาง “จะทำจริงหรอคะ”

     

                    “อือ พี่ฝากแปปนะ” รอยยิ้มแบบที่ไม่มีใครเคยเห็นปรากฏบนใบหน้าหวานที่กำลังจะพัฒนาความดื้อเข้าสู่ขั้นโปร ก่อนจะหายไปยังหลังร้านจัดการกับอาหารมื้อเที่ยงที่ฝากซื้อและปฏิบัติแผนการที่วางไว้

     

                    คัฟเค้กรสช็อคโกแล็ตขนาดกำลังดีถูกจัดใส่จาน วางเรียงอย่างสวยงาม โรยด้วยน้ำตาลไอซ์ซิ่ง

    ละอองสีขาวละเอียด ก่อนจะตามด้วยผงสีขาวที่ถูกบิออกจากแคบซูล  ร่างบางจัดการหยิบจานใบนี้เดินไปยังโต๊ะที่ชายหนุ่มนั่งอยู่ตั้งแต่เช้า

     

                    “อาะซีวอน ฮีชอลให้ อุตสาห์ควักกระเป๋าซื้อคัฟเค้กให้เลยนะ เมื่อเช้าฮีชอลเป็นคนทำเองด้วยแหล่ะ ลองชิมสิ”   ใบหน้านวล ดวงตาใสซื่อ และรอยยิ้มอ่อนหวานมีไว้ให้เหยื่อตายใจก็คราวนี้เอง

     

                    ซีวอนมองคนรักด้วยความไม่ไว้ใจ แต่เพราะฮีชอลก็คือฮีชอล ที่ดุไม่เล่ห์เหลี่ยมกลโกงใดๆในสายตาของชายหนุ่ม คัฟเค้กคำเล็กๆจึงเข้าไปอยู่ในปากของชายหนุ่ม โดยไม่มีคำถามใดๆ มีเพียงแค่รอยยิ้มพอใจของคนทั้งคู่

     

                    “อร่อยไหม”

     

                    “ฮีชอลของซีวอนทำอะไรก็อร่อยครับ” แม้มันจะหวานเลี่ยนไปนิดก็ตาม ซีวอนได้แต่แอบบ่นอยู่ในใจตามประสาผู้ชายไม่ชอบของหวานแต่ต้องเอาใจคนรัก

     

                    “งั้นซีวอนต้องทานให้หมดนะ”

     

                    “ครับผม”

     

                    แล้วฮีชอลก็ทิ้งคัฟเค้กทั้งสามถ้วยให้ชายหนุ่มจัดการ ในขณะที่ตนเองต้องไปทำหน้าที่เด็กเสริฟ์ที่ดี

     

                    เกือบบ่ายเมื่อปะตูร้านถูกเปิดออกด้วยสามสาวหน้าตาน่ารัก และคนที่เดินเข้ามาก็ไม่ใช่ใครอื่น ยุนอา ยูริ และฮโยยอน

     

                    “เฮ้ยยูริ นั่นคุณฮีชอลนิ” นิ้วเรียวของฮโยยอนชี้ไปที่ร่างเพรียวบางที่กำลังเดินเสริฟ์เครื่องดื่มให้กับลูกค้าในร้าน

     

                    “อ่า คุณฮีชอลสุดหล่อของฉัน” ดวงตาสวยของยุนอาเปล่งประกายแทบอยากจะกระโดดเข้าไปคว้าชายหนุ่มมากอดให้หายคิดถึง นานๆทีถึงจะได้เจอโดยไม่มีศัตรูหมายเลยหนึ่ง

     

                    “อือ แล้วนั่นก็ท่านรอง”  ยูริสะกิดให้เพื่อนรักมองชายหนุ่มที่ทำท่าโงนเงนไปมาดูแปลกๆ

     

                    “โธ่เอ้ย นึกว่าจะไม่มีใครมาขวางแล้วสะอีก ชิส์!” หญิงสาวเบือนหน้ากลับไปทางชายหนุ่มหุ่นบอบบาง ก่อนจะเดินเข้าไปประชิดด้านหลัง “คุณฮีชอลคะ”

     

                    “อ้าว! น้องยุนอา มาทานกาแฟหรอครับ”

     

                    “คะ แล้วร้านนี้ของคุณฮีชอลหรอคะ รู้งี้ยุนอามาอุดหนุนตั้งแต่วันแรกแล้วดีกว่า”

     

                    “ไม่ใช่หรอกครับ แล้วนน้องยุนอากับเพื่อนๆจะรับอะไรดีครับ”

     

                    ชื่อของหญิงสาวที่คนรักเรียกทำให้ชายหนุ่มต้องหันกลับไปมองทั้งๆที่ก็กำลังจะทรงตัวไม่อยู่

     

                    “เธอะ.. ยุน....” ซีวอนไม่สามารถเรียกชือหญิงสาวได้จนจบก็ฟุบหลับลงไปกับโต๊ะ สร้างความงุนงงให้กับหญิงสาวทั้งสาม

     

                    “คุณฮีชอลท่านรองเป็นอะไรไปคะ อยู่ๆก็...”

     

                    “อ้อไม่มีอะไรหรอกครับ แค่ยานอนหลับอ่อนๆเท่านั้นเอง” รอยยิ้มน่ารักถูกส่งให้กับหญิงสาวทั้งสามอย่างทั่วถึง แต่ทุกคนกลับทำหน้าตกตะลึงกันหมด



               


                      เมื่อผ่านพ้นช่วงเที่ยงไปแล้ว ร้านกาแฟก็กลับมาเงียบสลบอีกครั้ง ให้ร่างบางได้มีเวลามานั่งจ้องชายหนุ่มที่ฟุบหลับอยู่กับโต๊ะด้วยรอยยิ้ม ภาคภูมิใจในฝีมือตนเอง ขนกระทั่งเกือบห้าโมงที่ประตูร้านถูกเปิดโดยชายหนุ่มเจ้าของร้าน

     

                    “ฮีชอล เจย์มารับกลับบ้านกัน เฮ้ย!” เสียงร้องอย่างตกใจ เมื่อเห็นร่างสูงของคนคุ้นหน้านอนอยู่ในร้านของตัวเอง “คุณซีวอนมานอนในร้านนี้ได้ไงกันฮีชอล” เสียงทุ้มถามคนที่น่าจะรู้เรื่องมากที่สุด

     

                    “ก็ซีวอนเหนื่อยไง ก็เลยมานอนพัก เจย์ไม่ให้หรอ” ดวงตากลมโตใสแจ๋วแหงนหน้าถามชายหนุ่ม ด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจ

     

                    “ได้ แต่ ซีวอนเหนื่อยจริงหรอ” เจย์ถามซ้ำเพราะไม่อยากเชื่อใจคนหัดดื้อ

     

                    “จริงๆ เจยืไม่เชื่อหรอ” หน้าซื่อ ตาใส เป็นยังไงวันนี้ชายหนุ่มได้รู้แล้วจากร่างบางตรงหน้า

     

                    “ซูยอง แขกคนนี้มานอนตรงนี้ได้ไง ตอบความจริงไม่งั้นฉันจะหักเงินเดือนทั้งของเธอแล้วก็ค่ารายวันของฮีชอลด้วย” เสียงโหดๆที่พักนี้ชายหนุ่มต้องใช้บ่อยกับลูกสาวหัดดื้อของตนเอง

     

                    “อ่า ฮีชอลใส่ยานอนหลับให้ซีวอนเองแหล่ะอย่าหักเงินนะ” ทันทีที่ถูกขู่ว่าจะหักเงิน ฮีชอลก็ยอมบอกความจริงโดยไม่ลังเล ช่วงนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเงินค่าแรงที่ได้จากเจย์นี้แหล่ะ “วันนี้ฮีชอลไม่ได้พักด้วย เพราะงั้นเจย์ต้องให้เงินพิเศษกับฮีชอลด้วยนะ นะ”

     

                    “มันต้องหักสิ ทำกับลูกค้าแบบนี้ได้ไง เกิดเขาไม่พอใจขึ้นมาจะทำไง” ตอนนี้วิญญาณเจ้าของร้านกำลังเข้าสิงชายหนุ่มจนลืมนึกไปว่าลูกค้าที่ว่า เป็นอะไรกับเด็กเสริฟในร้าน

     

                    มีหรือที่ซีวอนจะกล้าไม่พอใจ

     

                    “นั่นแหล่ะ กลับกันเหอะนะ มารับฮีชอลไม่ใช่หรอ”

     

                    “แล้วซีวอนหล่ะ” เจ้าของร้านมองไปยังลูกค้าที่นอนหมดสติสิ้นท่าอยู่ที่โต๊ะ ด้วยฝีมือของคนรักตัวเอง

     

                    “ก็เดี๋ยวพอเราไปแล้วค่อยให้ซูยองปลุกก็ได้ ไปกันเหอะ ไปเร็ว” มือบางฉุดชายหนุ่มให้ลุกขึ้น อยากจะออกจากร้านก่อนที่ซีวอนจะตื่น ชักไม่แน่ใจว่าซีวอนจะอยู่ในอารมณ์ไหน

     

                    ชายหนุ่มยอมตามแรงดึงรั้งอันน้อยนิด เดินออกจาก “แล้วจะให้ไปส่งที่บ้านไหนเนี้ย”

     

                    “ก็บ้านใหญ่สิ เจย์จะไปส่งฮีชอลที่ไหนเล่า” ร่างบางย้อนถามชายหนุ่มด้วยความแปลกใจ

     

                    “ก็นึกว่าจะยอมกลับไปคอนโด อุตส่าห์ทีชายหนุ่มมานั่งเฝ้าที่นี้ ไม่หายน้อยใจหรือไง” ชายหนุ่มยิ้มขำกับใบหน้าหวาน ปากอิ่มเชิดขึ้นเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ตั้งแต่ออกมาจากคอนโด

     

                    “น้อยใจอะไรเล่า ฮีชอลอยู่ในระหว่างหนีออกจากบ้าน หลบหนีความผิดนะนะ เจย์อย่าลืมสิ ใม่รุ้ป่านนี้ซีวอนจะรู้เรื่อกล้องหรือยัง ” เสียงหวานขึ้นเสียงสูงย้ำให้ชายหนุ่มรู้สถานะของตนเองในเวลานี้

     

                    เจย์ได้แต่ขำ ทั้งใบร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆ และชายหนุ่มที่ฟุบหลับอยู่ที่ร้าน คนที่คุณเลี้ยงมาเองดื้อใช้ได้เลยใช่ไหมครับ เลี้ยงกันยังไง เนี้ย

               

                  เมื่อผ่านพ้นช่วงเที่ยงไปแล้ว ร้านกาแฟก็กลับมาเงียบสลบอีกครั้ง ให้ร่างบางได้มีเวลามานั่งจ้องชายหนุ่มที่ฟุบหลับอยู่กับโต๊ะด้วยรอยยิ้ม ภาคภูมิใจในฝีมือตนเอง ขนกระทั่งเกือบห้าโมงที่ประตูร้านถูกเปิดโดยชายหนุ่มเจ้าของร้าน

     

                    “ฮีชอล เจย์มารับกลับบ้านกัน เฮ้ย!” เสียงร้องอย่างตกใจ เมื่อเห็นร่างสูงของคนคุ้นหน้านอนอยู่ในร้านของตัวเอง “คุณซีวอนมานอนในร้านนี้ได้ไงกันฮีชอล” เสียงทุ้มถามคนที่น่าจะรู้เรื่องมากที่สุด

     

                    “ก็ซีวอนเหนื่อยไง ก็เลยมานอนพัก เจย์ไม่ให้หรอ” ดวงตากลมโตใสแจ๋วแหงนหน้าถามชายหนุ่ม ด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจ

     

                    “ได้ แต่ ซีวอนเหนื่อยจริงหรอ” เจย์ถามซ้ำเพราะไม่อยากเชื่อใจคนหัดดื้อ

     

                    “จริงๆ เจย์ไม่เชื่อหรอ” หน้าซื่อ ตาใส เป็นยังไงวันนี้ชายหนุ่มได้รู้แล้วจากร่างบางตรงหน้า

     

                    “ซูยอง แขกคนนี้มานอนตรงนี้ได้ไง ตอบความจริงไม่งั้นฉันจะหักเงินเดือนทั้งของเธอแล้วก็ค่ารายวันของฮีชอลด้วย” เสียงโหดๆที่พักนี้ชายหนุ่มต้องใช้บ่อยกับลูกสาวหัดดื้อของตนเอง

     

                    “อ่า ฮีชอลใส่ยานอนหลับให้ซีวอนเองแหล่ะอย่าหักเงินนะ” ทันทีที่ถูกขู่ว่าจะหักเงิน ฮีชอลก็ยอมบอกความจริงโดยไม่ลังเล ช่วงนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเงินค่าแรงที่ได้จากเจย์นี้แหล่ะ “วันนี้ฮีชอลไม่ได้พักด้วย เพราะงั้นเจย์ต้องให้เงินพิเศษกับฮีชอลด้วยนะ นะ”

     

                    “มันต้องหักสิ ทำกับลูกค้าแบบนี้ได้ไง เกิดเขาไม่พอใจขึ้นมาจะทำไง” ตอนนี้วิญญาณเจ้าของร้านกำลังเข้าสิงชายหนุ่มจนลืมนึกไปว่าลูกค้าที่ว่า เป็นอะไรกับเด็กเสริฟในร้าน

     

                    มีหรือที่ซีวอนจะกล้าไม่พอใจ

     

                    “นั่นแหล่ะ กลับกันเหอะนะ มารับฮีชอลไม่ใช่หรอ”

     

                    “แล้วซีวอนหล่ะ” เจ้าของร้านมองไปยังลูกค้าที่นอนหมดสติสิ้นท่าอยู่ที่โต๊ะ ด้วยฝีมือของคนรักตัวเอง

     

                    “ก็เดี๋ยวพอเราไปแล้วค่อยให้ซูยองปลุกก็ได้ ไปกันเหอะ ไปเร็ว” มือบางฉุดชายหนุ่มให้ลุกขึ้น อยากจะออกจากร้านก่อนที่ซีวอนจะตื่น ชักไม่แน่ใจว่าซีวอนจะอยู่ในอารมณ์ไหน

     

                    ชายหนุ่มยอมตามแรงดึงรั้งอันน้อยนิด เดินออกจากร้าน “แล้วจะให้ไปส่งที่บ้านไหนเนี้ย”

     

                    “ก็บ้านใหญ่สิ เจย์จะไปส่งฮีชอลที่ไหนเล่า” ร่างบางย้อนถามชายหนุ่มด้วยความแปลกใจ

     

                    “ก็นึกว่าจะยอมกลับไปคอนโด อุตส่าห์มีชายหนุ่มมานั่งเฝ้าที่นี้ ไม่หายน้อยใจหรือไง” ชายหนุ่มยิ้มขำกับใบหน้าหวาน ปากอิ่มเชิดขึ้นเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ตั้งแต่ออกมาจากคอนโด

     

                    “น้อยใจอะไรเล่า ฮีชอลอยู่ในระหว่างหนีออกจากบ้าน หลบหนีความผิดนะ เจย์อย่าลืมสิ ใม่รู้ป่านนี้ซีวอนจะรู้เรื่องกล้องหรือยัง ” เสียงหวานขึ้นเสียงสูงย้ำให้ชายหนุ่มรู้สถานะของตนเองในเวลานี้

     

                    เจย์ได้แต่ขำ ทั้งร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆ และชายหนุ่มที่ฟุบหลับอยู่ที่ร้าน คนที่คุณเลี้ยงมาเองดื้อใช้ได้เลยใช่ไหมครับ เลี้ยงกันยังไง เนี้ย


                     

                    “คุณคะ คุณลูกค้าคะ ร้านเราจะปิดแล้วนะคะ” ซูยองเดินมาสะกิดคุณลูกค้าหนุ่มเบาๆ ก็ตั้งแต่เมื่อเช้าที่เห็นความโหดก็ไม่อยากเข้าใกล้ แต่นี้ สองทุ่มเวลาปิดร้าน ชายหนุ่มที่โดนฤทธิ์ยานอนหลับแบบอ่อนๆไปก็ยังไม่ยอมตื่น

     

                    “ฮื้อ อะไรเล่า” เสียงงัวเงีย พร้อมกับปัดมือบางออกก่อนจะฟุบหลับลงไปที่โต๊ะอึกครั้งหนึ่ง

     

              “สองทุ่มครึ่งแล้วนะคะ เราจะปิดร้านแล้วคะ” หญิงสาวบอกอย่างกล้าๆกลัวๆ ยังคิดอยู่ในใจว่าผู้ชายหน้าตาดีคนนี้ ต้องเป็นอะไรที่สำคัญมาก ขนาดคุณเจย์ เจ้าของร้านยังรู้จัก และออกจะเกรงใจอยู่นิดหน่อย หรือผู้ชายคนนี้อาจเป็นมาเฟียที่กำลังตามล่าพี่ฮีชอลอยู่ก็เป็นได้ แต่จะล่าไปทำอะไรนี้สิ ที่น่าคิด...

     

                    “อื้อ” เสียงครางในลำคอหนาของคนถูกขัดความสุข ก่อนที่เปลือกตาหนาจะเปิดให้ดวตาคมได้มองไปรอบๆตัว “กี่โมงแล้ว ฮีชอลอยู่ไหน”

     

                    “สองทุ่มครึ่งคะ ส่วนพี่ฮีชอลกลับไปแล้วตั้งแต่ตอนห้าโมงกว่า”

     

                    “กลับไปกับใคร” ซีวอนยังคงมึนงง ไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่ตอนไหน

     

                    “กับคุณเจย์คะ”

     

                    “ไอ้หน้าจืดนั่นอีกแล้ว” ชายหนุ่มพึมพำเบาๆกับตัวเองแบบไม่พอใจในคำตอบที่ได้ “งั้นก็เช็คบิลเลย” มือหนาเสยผมตัวเอง พลาดทั้งๆที่อุตส่าห์มานั่งเฝ้าทั้งวัน

     

                    “คุณเจย์บอกไว้ว่า ไม่ต้องจ่ายคะ” หญิงสาวตอบอ้อมแอ้ม แค่นี้ก็รู้แล้วว่า คุณลูกค้าคนนี้ไม่ค่อยชอบเจ้าของร้านเท่าไหร่

     

                    “ฉันบอกให้ไปเช็ตบิล ไอ้หน้าจืดจะบอกอะไรก็ช่างหัวมัน” ซีวอนตะคอกใส่หน้าหญิงสาวทั้งๆที่ก็รู้ว่าเธอไม่ได้มีความผิดอะไร แต่ก็ขอระบายอารมณ์บางนิดหน่อย

     

                    “คะ” ซูยองรีบเดินไปที่เคาร์เตอร์เปิดบัญชีออกมานั่งคิดอย่างรวดเร็วก่อนที่เดินมาเก็บเงินอย่างรวดเร็ว “ทั้งหมด25000วอนคะ

     

                    ซีวอนการ์ดสีดำลงบนโต๊ะอย่างไม่สนใจอะไร ก่อนจะรออย่างหมดอารมณ์ที่วันนี้คงต้องกลับไปนอนคนเดียวอีกแล้ว ไม่มีทางที่คนหัดดื้ออย่างฮีชอลจะกลับห้องวันนี้

     

                    ก็ใช่สิ!!! ที่บ้านใหญ่มีแต่คนตามใจ เอาใจ ไม่มีใครใจร้ายทิ้งให้ฮีชอลอยู่คนเดียวแบบซีวอนทำหรอก ฮีชอลถึงหนีไปแบบนี้

                      
                     
                   ชายหนุ่มกดรหัสห้องที่จำได้อย่างขึ้นใจ และมันก็เป็นแบบที่คาดไว้ ไม่มีใครอยู่ในห้องนอกจากแมวตัวเล็กที่เดินเข้าคลอเคลีย ร้องเสียงดังด้วยความหิว สามทุ่มแล้วยังไม่ได้กินอะไรเลย

    แถมๆๆๆ

     

                    “หิวหรือไง ฮีบอม ขอโทษนะครับ วันนี้พ่อกลับมาช้านะ ป่ะ ไปกินข้าวกันนะ” แล้วก็เหมือนคืนก่อน อาหารแมวเทใส่ในจาน ส่วนคนก็อาหารสำเร็จรูปเอาเข้าไมโครเวฟ

     

                    บนโซฟากว้าที่ชายหนุ่มใช้นั่งดูทีวี วันนี้ดูมันใหญ่กว่าทุกๆวัน มีเพียงแค่ คนตัวโตนั่ง และแทวตัวเล็กนอนอยู่บนตัก ขาดใครอีกคนที่มักจะมานั่งอ้อน ทำหน้าตาน่ารักใส่

     

                    มันเงียบลงไปกว่าทุกวัน ไม่มีเสียงพูดคุย ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีแม้กระทั่งเสียงร้องของฮีบอม จนชายหนุ่มนึกอึดอัดใจ ปิดทีสีเดินกลับเข้าไปในห้องนอน

     

              ซีวอนที่พันเพียงผ้าขนหนูผืนหนารอบเอว ปล่อยให้หยดน้ำเกาะตามตัวไม่ใส่ใจเช็ดให้แห้ง เพราะปรกติต้องมีคนมานั่งเช็ดให้ แต่วันนี้คนนั้นหนีออกจากบ้านไปเสียแล้ว

     

                    “เฮ้อ!” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาดังๆ เมื่อมองเห็นเตียงกว้าง ที่เพียงแมวตัวน้อยที่ผอมลงไปนอนอยู่ “ฮีบอมผอมลงใช่ไหมเนี่ย ป่ะเดี๋ยวพ่อพาไปบ้านใหญ่นะ ไปหาแม่กัน แม่เขาหนีไป เราก็หนีตามเนอะ รอแปปนะ”

     

                    เพียงไม่นานที่ชายหนุ่มแต่งตัวเป็นชุดนอนขายาวแขนยาม เดินอุ้มลูกชายสุดที่รัก เดินออกจาห้องไม่สนใจสายตาที่มองตามของพนักงานที่ล็อบบี้  ก่อนจะเดินไปขึ้นรถคันหรูที่พึ่งจอดไว้เมื่อไม่ถึงชั่วโมง

     

                    “ขึ้นรถพ่อ ห้ามอ้วกนะ ตัวเล็ก” มือหนาลูบหนักบนหัวกลมมนของลูกแมวที่นอนนิ่งอยู่ที่เบาะหน้าข้างคนขับ นิ้วช้ายืนออกมาเป็นเชิงสั่งห้ามเด็ดขาด

     

                    “เมี้ยว” เสียงตอบรับแข็งขัน เป็นเชิงให้สัญญาจากแมวน้อยเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากชายหนุ่ม

     

                    ซีวอนจัดการกดปุ่มให้หลังคารถพับเก็บไป เปิดประทุนรับลมเย็นๆยามค่ำคืน เพื่อแมวน้อยที่มักจะเป็นโรคแพ้แอร์

     

                    เพียงไม่นานรถคันสวยก็วิ่งมาสู่ชานเมือง ที่ห่างไกลจากชุมชน แล้วประตูรั้วกว้างก็ปรากฏขึ้นริมถนนออกนอกเมือง ก่อนกดแตรเสียงดังสนั่นไม่เกรงใจใคร จนกระทั่งประตูเปิดออกเมื่อ ยามหน้าบ้านเห็นว่าเป็นรถของใคร

     

              ชายหนุ่มขับรถมาตามถนนในบ้านก่อนจะหยุดรถที่หน้าประตู อุ้มเจ้าแมวตัวเล็กที่เกาะเบาะแน่นเพราะถูกลมแรงพัดโบกมาตลอดทาง “หนาวหล่ะสิเนี่ย โทษทีนะครับ ขับรถเร็วไปหน่อย เดี๋ยวก็อุ่นแล้วนะ หรือว่าจะกินน้ำอุ่นๆดี” ซีวอนก้มหน้าคุยกับแมวตัวเล็ก ก่อนจะตะโกนให้คนในบ้านที่เดิมตามมา หาน้ำอุ่นๆใสถาดมาให้ลุกแมวตัวเล็ก

     

                    ในห้องนั่งเล่นของบ้านสองผู้อาวุโสที่กำลังนั่งดูข่าวสารของบ้านเมือง หันไปมองลุกชายที่อยู่ดีๆก็กลับบ้านไม่โทรบอกล่วงหน้า

     

                    “มาตามเมียหล่ะสิแก แล้วนั่นแมวที่ไหนกัน” เสียงทักของพ่อเรียกให้ชายหนุ่มต้องเดินเข้าไป

     

                    “ครับ นี้ ฮีบอมไหว้คุณปู่คุณย่าสิครับ” ซีวอนจับขาหน้าเล็กๆขึ้นมาประกบกันคล้ายท่าไหว้ของคน ก่อนจะพูดต่อ “ฮีบอมลูกผมกับฮีชอลครับพ่อ แล้วเมียผมอยู่ไหนครับ หรือว่าไปอยุ่กับไอ้หน้าจืดข้างบ้าน”

     

                    คุณนายแห่งบ้านตระกูลชเวได้แต่ส่ายหน้ากับสรรพนามที่สามีและลูกชายเรียกหลานชายหน้าหวาน ขี้อ้อน “ฮีชอลอยู่ข้าบนนู้น แล้วดูเรียกหลานแม่แบบนี้หรอ”

     

                    “ก็หลานแม่เป็นเมียผมจริงๆนี้ครับ หรือว่าเมียผมหนีออกจากบ้านมาแล้วแม่เลยยกให้ไอ้หน้าจืดข้างบ้านไปแล้ว” เสียงเอาเรื่องของลุกชายทำเอาทั้งพ่อทั้งแม่หันมามองหน้ากัน

     

                    “เรียกเจย์ให้มันดีๆหน่อยเขาดูแลฮีชอลให้เรานะซีวอน แล้วก็อย่าเรียกฮีชอลอย่างนั้น ใครมาๆได้ยิน ฮีชอลจะเสียรู้ไหมลูก”

     

                    “ครับแม่ แล้วฮีชอลอยู่ไหนครับ”

     

                    “อยู่ข้างบนนู้น กินข้าวเสร็จก็ขึ้นไปอาบน้ำนอนแล้ว สงสัยจะเพลียดูหน้าตาเหนื่อยๆ ที่ร้านงานหนักมากเยใช่ไหม” คุณแม่ผู้เป็นห่วงหลานชายมากกว่าลุกยังคงถามต่อ ยิ่งเห็นหลานชายผู้บอบบางก็ยิ่งสงสาร

     

                    “ครับ พ่อกับแม่นั่นแหล่ะปล่อยให้ไปทำได้ไง  คนอื่นงี้ก็ฮีชอลตามเป็นประกายเชียว มันแอบลวนลามฮีชอลด้วยแน่ๆ เวลาที่ผมเผลอ”

     

                    “แกหน่ะสิ ที่ลวนลามฮีชอล อย่าไปว่าคนอื่นเขาเลยลูกพ่อเอ้ย แค่ดูหน้าก็รู้ๆกันแล้ว ขึ้นไปหาฮีชอลไป ไม่รู้หลับไปหรือยัง”

     

                    “ครับพ่อ ขึ้นไปหาแม่กันเนอะ เจ้าลูกติดแม่” ประโยคหลังชายหนุ่มก้มหน้าพืมพำกับลูกแมว จนผู้เป็นพ่อและแม่ได้แต่ส่ายหน้า ต้องมีใครสักคนไม่ปรกติแน่ๆ

     

                    ประตูห้องที่คุ้นตาถูกชายหนุ่มเปิดออกโดยไม่เคาะประตู และเจ้าของห้องเองก็ไม่ได้ล็อคห้องเช่นเดียวกับ

     

                    เจ้าของห้องในชุดนอนลายการ์ตูน กำลังนั่งนับเงินที่วางกองอยู่บนเตียงโดยไม่รับรู้ว่าตอนนี้กำลังมีบุกรุกเข้ามาจนกระทั่งเข้าแมวสีเทาเข้มเดินเข้าไปหาบนเตียง

     

                    “ฮีบอม  อ่า มาได้งายยย”ร่างางก้มหน้าฟัดลุกแมวน้อยอย่างดีใจ กำลังจะถามหากเมื่อเงยหน้าขึ้นมาจึงพบกับคำตอบเป็นร่างสูงใหญ่ยืนส่งยิ้มมาให้ ฮีชอลีบกระถดตัวถอยหนี

     

                    “หนีทำไมหล่ะครับ แล้วดูเงินเยอะแยะเลย กำลังทำอะไรอยู่กันแน่ฮีชอล บอกซีวอนได้ไหมครับ” ไม่เพียงไม่โกรธหากยังมีรอยยิ้ม และความอ่อนโยนมาให้

     

                    “ฮีชอล กำลัง เอ่อ กำลัง..”

     

                    “ติดอ่างซะงั้นอ่ะฮีชอล  เป็นอะไรครับ โกรธผมหรอ ฮึ คนดี” นิ้วยาวเชยคางมนที่เอาแต่จะก้มหน้าให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน

     

              ใบหน้าหวานส่ายไปมา จนผมนิ่มสะบัดยุ่งไม่เป็นทรง ก่อนที่มือหน้าจะสางให้เรียบร้อย “เปล่า แต่ฮีชอลกลัวซีวอนว่า ซีวอนไม่โกรธฮีชอลหรือ”

     

                    “ให้ซีวอนโกรธอะไรฮีชอลหล่ะครับ” น้ำเสียงอ่อนหวาน ดวงตาคมจ้องมองในดวงตากลมโต ใบหน้าไม่มีวี่แววความโกรธ

     

                    “ก็.. ฮีชอลลืมวันวาเลนไทน์  ออกไปข้านอก แล้วฮีชอลก็ดื้อกับซีวอน หนีออกจากบ้านมา แล้วก็ยังไปทำงานที่ร้านเจย์ แล้วก็....” ฮีชอลสูดลมหายใจเข้าลึกๆๆ รวบรวมกำลังใจ มองใบหน้าชายหนุ่มที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงไป แต่บางทีพอฟังความผิดข้อสุดท้ายแล้วอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้  “ก็...ฮีชอลทำ ทำ กล้อง..ตัวใหม่กับเลนส์ของซีวอนหล่น จนมันพังไปแล้ว  โกรธฮีชอลหรือยังอ่า”

     

                    ดวงตากลมโดจ้องมองใบหน้าชายหนุ่มจนเห็นความเปลี่ยนแปลงเพียงนิด แล้วกลับมาเป็นใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มอีกครั้ง “กลองที่ซีวอนวางเอาไว้ใช่ไหมครับ”   เสียงนุ่มถามอย่างใจดี

     

                    “อือ อันนั้นแหล่ะ แต่ว่าซีวอนใม่ต้องห่วงนะ ฮีชอลพยายามเก็บเงินซื้อคืนให้อยู่ นี้ไง” สายตากลม ก้มไปมองเงินที่กำลังนับอยู่ แม้มันจะยังห่างไกลจากราคากล้องและเลนส์ที่เสียไป แต่ถ้าฮีชอลตั้งใจทำงานเจย์ก็จะให้เพิ่ม

     

                    “ที่ฮีชอลไปทำงานที่ร้านกาแฟก็เพราะจะหาเงินซื้อกล้องให้ซีวอนหรือครับ”

     

                    ร่างบางพยักหน้าอย่างเร็ว เริ่มใจชื้นว่าอย่าน้องซีวอนก็ไม่โกรธเท่าไหร่แล้ว “ซีวอนให้ฮีชอลทำงานต่อนะ นะๆๆ” ร่างบางเริ่มออกอาการอ้อนชายหนุ่มอีกครั้ง ด้วยสายตาใสๆกลมๆ  น้ำเสียงอ่อนหวาน

     

                    “ไม่” เสียงเข้มตัดสินใจเด็ดขาด เพียงคำเดียวสั้น ทำให้ใบหน้าเล็กมู่ลงทันที “ฮีชอลรู้ไหมต้องทำงานอีกเท่าไหร่กว่าจะเก็บได้ครบ ฮีชอลต้องเหนื่อยอีกมากเลยนะ เดี๋ยวซีวอนซื้อกล้องใหม่เองก็ได้”

     

                    “ไม่เอาอ่า ก็ฮีชอลทำพัง อีกอย่างเมื่อวันวาเลนไทน์ ฮีชอลก็ยังไม่ได้ให้อะไรซีวอนเลย”  คนหัดดื้อเริ่มออกอาการดื้ออีกครั้งเมื่อโดนขัดใจ

     

                    “ฟังซีวอนก่อนสิครับ ถ้าฮีชอลอยากทำงานมาทำงานกับซีวอนก็ได้ เป็นคนชงกาแฟส่วนตัวเลยเป็นไง ให้แก้วละ10000วอนเลย จะได้ได้เงินครบไวๆ ส่วนของขวัญแค่ฮีชอลไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่หนีออกจากบ้าน แค่นี้ ซีวอนก็พอใจแล้วหล่ะครับ ตกลงไหมครับคนดี”

     

                    “ซีวอนให้จริงๆนะ” ดวงตากลมโตเปล่งประกายเริ่มคิดถึงเงินที่จะได้มาซื้อกล้องให้คนรัก

     

                    “จริงสิครับ” 

     

                    “รักซีวอนที่สุดเลย” ร่างบางโผกอดชายหนุ่มไว้แน่น ด้วยรอยยิ้มดีใจ ซีวอนของฮีชอลใจดีที่สุดเลยลล

     

                    ชายหนุ่มที่โดนโถมเข้ากอด สองมือโอบรัดคนรัก มือหน่ล้วงเข้าไปในชุดนอนลายสดใส โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว  เรียวปากประกบแน่น

     

                        แล้วในที่สุดของขวัญวันวาเลนไทน์ก็ถูกซีวอนแกะห่อออก แม้จะช้าไปเดือนกว่าก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าสูญเสียไปตลอดกาล



    E
    ~n~D

                   

               “ซีวอนอยากกินกาแฟไหม เดี่ยวฮีชอลชงมาให้” ร่างบางที่นั่งประจำอยู่ที่โซฟาในห้องทำงานส่วนตัวของชายหนุ่มเอ่ยถามเป็นรอบที่ห้าแล้วในหนึ่งชั่วโมง

     

                    “ฮีชอลครับ ใจคอจะให้ผมดื่มกาแฟทุกครึ่งชั่วโมงเลยใช่ไหมครับเนี่ย”

     

                    “ฮีชอลอยากได้ค่ากล้องเร็วๆนี้ กล้องบ้าอะไรราคาตั้งสามล้านวอน”  ร่างบางหน้ามุ่ยนั่งบ่นกับราคากล้องไม่รวมเลนส์ที่ชายหนุ่มบอก แล้วชาติไหนกันที่จะได้ครบ

     

                    กาแฟ อีกกี่แก้วกันนี้???

                 

    Talk

     

              ปั่นเสร็จตั้งแต่เย็นแล้วคะ แต่ว่ามัวไปนั่งหากล้องอยู่ (ข้ออ้างทั้งปี) 555 กล้องที่ไอซ์ติต่างให้คนหัดดื้อทำพังมันคือ Canon EOS 5D Mark II แต่ว่าจริงๆแล้ววอนน่าจะใช้ .....nikon D90 (เท่าที่เห็นเห็นนะคะ) ส่วค่าเงินไอซ์ปัดที่ 40 บาท เท่ากับพันวอน

                    หุหุ  ตอนนี้แอบยาวแบบไม่มีอะไร  เอาความรู้สึกจากตอนที่กล้องพังอ่ะคะ แถบสะอื้น  เข้าศูนย์นานเว่อร์ จะใช้ตัวเล็กก็ไม่มีอารมณ์ 555

                    ไปแล้วนะคะ พรุ่งนี้เจอกันที่เอฟแอล ส่วนตอหน้า ของโฮม ชื่อว่า  When …. Dream come true แต่ไม่บอกว่าฝันของใคร อิอิ          

               ขอบคุณทุกคอมเม้มท์และกำลังใจคะ

     

     



    Dr. Fu
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×