ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Once upon a Time กาลครั้งหนึ่ง...จนถึงตอนนี้ (woncin)

    ลำดับตอนที่ #10 : Sweet Summer ...รักอุ่นๆ 100% (แจ้งชื่อที่ไอซืส่งอีเมล์คะ)

    • อัปเดตล่าสุด 8 ส.ค. 54


    Sweet Summer  ...รักร้อนๆ

                                         

    ร่างบางนั่งหมดแรงมองข้าวของรอบตัวที่ถูกจัดเข้าที่เรียบร้อยเหมือนก่อนที่จะย้ายออกไป แม่ของซีวอนจัดให้เขาอยู่ห้องเดิมที่เคยอยู่ ห้องถูกทำความสะอาดมาก่อนหน้าเพื่อรอรับของที่ถูกเข้ามาจัดวาง

     

                    รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นด้วยความพึงพอใจ กว่าจะเสร็จก็เลยเวลาเย็นไปมากแล้ว เพราะอยากจะจัดห้องเอง แต่เรื่องยกของหนัก ย้ายตู้เตียงไม่กี่อย่างก็ต้องขอให้ลูกชายเจ้าของบ้านมาช่วย จนเกือบจะเรียกว่าป่วน นั่งรื้อดูขอในกล่องนู้น กล่องนี้มากมาย จนสุดท้ายมันก็ออกมากองอยู่ที่พื้นก่องถึงเวลาสมควร

     

    “เฮ้ย” ร่างบางหลุดเสียงร้องด้วยความตกใจ เมื่อห้องที่อยู่เพียงลำพังกลับมีอีกคนโผเข้ากอดจากด้านหลัง แขนแข็งแกร่งที่เคยรัดแน่น โอบรอบเอวรั้งให้แผ่นหลังแนบชิดอยู่กับแผ่นอกกว้าง “ซีวอน?”

     

                    “อือฉันเอง ตกใจหรอ ขอโทษนะ” เสียงทุ้มต่ำเจือปนความรู้สึกผิดดังอยู่ข้างหู แต่สองแขนที่โอบกอดยังไม่ยอมคลายออก ดวงตาคมปิดสนิท ให้ใจได้สัมผัสความรู้สึกที่เป็นสุข ไม่อยากมองเห็นสีหน้าหวาดระแวง

     

                    มือเล็กทาบลงบนอกด้านซ้ายที่ที่มีก้อนเนื้อเต้นแร็วแรงจนน่ากลัว ทั้งที่อยู่นิ่งแต่กลับเหมือนวิ่งระยะทางไกลจนเหนื่อนอ่อน “ป่ะ...ปล่อยฉันก่อนได้ไหม” .....ก่อนที่หัวใจมันจะกระเด็นออกมาข้างนอก

     

                    ที่ขอร้องก็เพราะเขินอาย หวังว่าซีวอนจะเข้าใจ

     

    “ขอฉันอยู่แบบนี้อีกนิดไม่ได้หรอ” เสียงทุ้มต่ำเว้าวอนขอร้อง “ถือว่าเป็นค่าแรงที่ช่วยนายจัดห้องไง นะ ให้ฉันได้ได้ไหม”

     

                    ใบหน้าใสแดงจัด หัวใจยิ่งเต้นแรงถี่รัว ร่างกายร้อนผ่าว พึ่งรู้ว่าความเขินมันร้ายกาจขนาดนี้ “อือ”

     

                    แขนเรียวที่ทิ้งแนบลำตัวยกขึ้นทาบทับสองแขนแกร่ง น่าแปลก....ใจที่เคยเต้นแรงกลับสงบลง ดวงตาโตหลับพริ้มอยู่ในอ้อมกอดที่ปรารถนามานานแสนนาน

     

                    เพียงแค่ฮีชอลยอมอยู่ในอ้อมกอด ยอมให้เขาได้แนบชิด ก็เป็นแรงกำลังใจมากพอแล้ว แต่เมื่อแขนเล็กวางซ้อนลงมา มันเป็นยิ่งกว่าสิ่งที่เขาหวัง.......น้ำตาของความสุขไหลลงมาช้าๆโดยที่ชายหนุ่มไม่รู้ตัว

     

                    ไม่ใช่แค่ฉันที่โอบกอดนาย แต่เป็นเรา...เราที่กำลังกอดกัน

     

                    หายไปหมดแล้วหรือยัง ความกลัวที่ฉันสร้างขึ้น

     

                    เราเป็นคนรักกันแล้วหรือเปล่านะ....

                   

    สองร่างในอ้อมกอดของกันและกัน มีความสุขในความเงียบ มีเพียงใจสองดวง ที่บรรเลงเพลงของความสุขไปพร้อมๆกัน

     

                    “เข้านอนเถอะนะ พรุ่งนี้ต้องไปทำเรื่องที่ม.แต่เช้า”

     

                    “อือ”

     

                    ซีวอนเอ่ยเตือน แล้วร่างบางก็ตอบรับอย่างว่าง่าย มือเล็กจึงถูกมือใหญ่จับจูงไปยังเตียงกว้าง จัดหมอนใบโตให้นอนหลับสบาย

     

                    “ฉันปิดไฟให้เลยนะ” ชายหนุ่มใจดีอาสาปิดไฟดวงใหญ่ เมื่อเห็นร่างเล็กพร้อมเข้านอน

     

                    “ขอบใจนะ” ใบหน้าหวานส่งยิ้มให้คนใจดีก่อนที่ไฟจะดับ แล้วจะไม่มีโอกาสมอบรอยยิ้มนี้ให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ

     

                    “นึกว่าจะพูดเป็นแต่ อือ ซะอีก”

     

                    “ซีวอนนนนนนน” ร่างบางขึ้นเสียงสูงจนหลง ใบหน้าร้อนผ่าวจนต้องโวยวายกลบเกลื่อนความเขิน มีเพียงเสียงหัวเราะในลำคอหนาตอบกลับมาก่อนที่ไฟดวงใหญ่จะปิดมืดลงแล้วดวงตากลมก็ปิดตามไป ใบหน้าหวานยังมีรอยยิ้มอ่อนๆประดับอยู่

     

                    เตียงที่นอน อยู่ดีๆก็อ่อนยวบลง เปลือกตาที่ปิดไปแล้วต้องเปิดขึ้นมาใหม่ด้วยความตกใจปนหวาดกลัว แม้จะอยู่บ้านหลังนี้มานาน แต่เรื่องผีสางก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลา “ใครหน่ะ”

     

                    “ฉันเองฮีชอล”

     

                    เสียงทุ้มที่คุ้นเคยไม่ทำให้วางใจ เหตุการณ์ที่เคยพบเจอยังไม่เลือนหายไปจากใจ ร่างกายเล็กๆสั่นไหวด้วยความกลัวโดยไม่รู้ตัวพาให้เสียงที่เปล่งออกมาสั่นไปด้วย ทั้งที่ไม่หันหน้าไปมอง “นะ...นาย ยังไม่กลับห้องหรอ”

     

                    เสียงสั่นพลิ้วพาให้กำลังใจที่พึ่งถูกเติมเต็มของชายหนุ่มหดหายไปจนหมด แต่จะโทษใครได้ เมื่อมันเป็นผลการกระทำของเขาเอง แผลในใจของฮีชอลมีมาก ต้องใช้เวลาอีกนานเพื่อรักษา แต่ไม่ว่าจะนานเท่าไหร่ เขาก็จะทำ “ตั้งแต่คืนนี้ ฉันจะนอนกับนายด้วย”

     

                    “แตะ...แต่ ฉัน นาย”

     

                    “ให้ฉันนอนด้วยเถอะนะ ฉันเป็นห่วงนายจริงๆ สัญญาว่าจะนอนเฉยๆ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น นะฮีชอล” เสียงของชายหนุ่มออดอ้อนและเว้าวอน ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นไม่โทษใครทั้งสิ้น

     

                    เสียงขอร้องสะท้านเข้าไปในหัวใจดวงเล็กๆที่กำลังฟื้นฟูตัวเองด้วยความรักที่ได้รับ ทำให้ร่างบางใจอ่อนได้อย่างง่ายดาย แม้จะยังหลงเหลือความกลัวอยู่ “แต่นายต้องสัญญานะ ว่าจะนอนเฉยๆ”

     

                    “สัญญา ฉันสัญญา นี้เห็นไหม” ชายหนุ่มคว้าหมอนข้างใบยาวมาขวากั้นตัวเองกับร่างบาง ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ความเชื่อใจ “เอาหมอนมากั้นแล้ว ไม่ต้องกลัวนะฮีชอล หลับเถอะ ฉันไม่ทำอะไรหรอก”

     

                    “อือ ขอบคุณนะ” .... ขอบคุณที่รักกัน ขอบคุณที่เป็นห่วง ขอบคุณที่ดูแล

     

                    “ไม่เป็นไรหรอก ฝันดีนะ ฉันรักนาย”

     

                    “อือ” ใจดวงน้อยที่สงบเงียบเต้นถี่รัวเพราะประโยคสุดท้ายของชายหนุ่ม แม้จะอยู่ในห้องแอร์แต่กับรู้สึกร้อนวูบขึ้นมา

     

                    ซีวอนนอนมองแผ่นหลังเล็กบาง นึกเกลียดตัวเองที่ทำร้ายคนตรงหน้า ทั้งที่ผอมบางและอ่อนแอขนาดนี้ ทำไมเขายังโหดเหี้ยม ทำร้ายได้ลงคอ

     

    ทั้งที่รักมาก..... แต่ทำไมถึงรู้ตัวช้าจนเกือบสายขนาดนี้

     

                    ชายหนุ่มปิดดวงตาลง เข้าสู่ภวังค์ คืนนี้คงเป็นคืนที่เขานอนหลับสบายที่สุด เมื่อทุกคืนที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย เป็นห่วงสารพัด กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นในยามที่ห่างตา  

     

    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

                    “ซีวอนนนน” เสียงหวานที่ร้องเรียกปลุกให้ชายหนุ่มที่หลับสบายอยู่ในฝันแสนดีว่าได้โอบกอดรางบางเช่นวันวานต้องตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ และเป็นห่วง

     

                    “เป็นอะไร นายเป็นอะไรหรือเปล่าฮีชอล เจ็บตรงไหน หรือเลือดกำเดาไหล”

     

                    ท่าทีแตกตื่นของชายหนุ่มทำให้ร่างบางที่มีแขนหนักพาดอยู่บนเอว ไปไหนไม่ถูก  ได้แต่นิ่งอึ้งกับความเป็นห่วงที่ได้รับ จนรู้สึกผิดที่ปลุกขึ้นมาด้วยเรื่องที่ดูจะไร้สาระ

     

    “เปล่า ฉันไม่ได้เป็นอะไร” มือเล็กจับหน้าของชายหนุ่มไว้ เพื่อให้มองได้ชัดในความมืด ก่อนที่รอยยิ้มเบาใจของชายหนุ่มจะปรากฏขึ้น ตามมาด้วยรอยยิ้มขบขันของร่างบาง “ฉันไม่ได้เป็นอะไร แต่มือนาย....”

     

                    ซีวอนเหลือบตามองตามดวงตากลมที่เหลือบมองต่ำ รีบชักพามือของตัวเองออกจากเอวเล็กที่เจ้าของไม่ยินยอมให้สัมผัส “ก็ว่าทำไมหมอนข้างของนายนุ่มจัง ขอโทษนะ”

     

                    ฮีชอลมองหน้าของชายหนุ่มท่ามกลางความมืด ความเสียใจ ความเจ็บปวดที่อยู่ในดวงตาคมทำให้ความคิดบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป

     

    ....อาจดูเหมือนไม่นาน อาจดูเหมือนว่ายอมกันง่ายเกินไป กับสิ่งที่เขาเคยได้รับ แต่วันนี้ สิ่งที่ซีวอนพิสูจน์ให้เห็น มันอาจถึงเวลาที่ต้องลืมเลือนบาดแผลเหล่านั้น....

     

                    มือเล็กคว้าหมอนข้างที่ขวางกั้นออก ซุกตัวเข้าหาอ้อมอกอุ่นโอบแขนของตนลงบนเอวหนา ซ่อนใบหน้าไว้กับคอใหญ่ไม่กล้าสบตาร่างสูง พึมพำเสียงแผ่วเบา “คืนนี้ฉันขอนอนแบบนี้นะ”

     

                    หัวใจชายหนุ่มพองโตโอบรัดร่างเล็กเข้ามาแนบแน่น ก้มลงสูดดมกลิ่นหอมและสัมผัสความนุ่มลื่นของผมด้วยริมฝีปากของตน ..... เขาจะดูแลร่างเล็กในอ้อมกอด จะดูแลด้วยชีวิต

     

                    “นอนแบบนี้ตลอดไปก็ได้นะ”

     

                    “ขอคิดดูก่อนหล่ะกัน แต่คืนนี้หลับเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปม.แต่เช้า”

     

                    ดวงตาคมยอมปิดลงตามคำของร่างบาง ความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้ง แต่หูของทั้งสองกำลังจดจ่อกับเสียงหัวใจที่บรรเลงเพลงขับกล่อมกันและกัน

                     

                    

       * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

                    ซีวอนตื่นเช้าขึ้นมาด้วยความสดใส มองร่างบางในอ้อมแขนด้วยรอยยิ้ม นานแค่ไหนแล้วที่ไมได้นอนกอดเพื่อนคนนี้

     

                    เพื่อน...? เขากับฮีชอลยังเป็นแค่เพื่อนกันอยู่หรอ

     

                    คงไม่ใช่   แล้วจะเป็นอะไรดี

     

                    คนรัก ... คนพิเศษ ... แฟน ... คู่ครอง ... หรือจะเป็น คู่ชีวิต

     

                    ยิ่งคิดชายหนุ่มก็ยิ่งมีความสุข อ้อมแขนโอบรัดร่างเล็กแนบแน่น มองใบหน้าอ่อนใสที่กำลังยิ้มพรายซุกเนื้อตัวนุ่มนิ่มเข้ามาในอ้อมกอด ให้เข้าได้โอบรัดแนงแน่นจนอยากฝังเข้ามาไว้ในอกไม่ให้หายหนีไปไหน

     

                    “ยิ้มอะไร” เสียงแหบแห้งของคนพึ่งตื่นดังแผ่วขึ้นมาให้ชายหนุ่มต้องก้มหน้ามองแล้วยิ่งมีรอยยิ้มกว้างมากขึ้น อยากจะสัมผัสปากอิ่มนั่นเสียเหลือเกิน แต่ก็ไม่อยากทำลายความเชื่อใจที่พึ่งได้มาลง

     

                    รอให้ฮีชอลพร้อมกว่านี้ เขาคงอดไม่ได้ที่จะเชยชิมรสหวานจากปากนี้ในทุกเช้า

     

                    “คนมีความสุขก็ต้องยิ้มซิ อีกอย่างเคยมีคนบอกไว้ว่าชอบเวลาที่ฉันยิ้ม ไม่รู้คนพูดยังจำได้หรือเปล่า” ดวงตาคมแกล้งตวัดค้อน แอบเหล่มองร่างเล็กในอ้อมกอดที่แก้มแดงจัด

     

                    “......”

     

                    “ฮีชอลครับ” เมื่อเห็นร่างบางในอ้อมกอดไม่ยอมพูดอะไร เอาแต่ยิ้มเล็กยิ้มน้อยกับตัวเอง ชายหนุ่มจึงเปลี่ยนน้ำเสียงให้จริงจังหากแต่แฝงไว้ด้วยความนุ่ม

                    “”หืมม์ มีอะไร” ดวงตากลมเหลือบมองชายหนุ่มที่เขาพักพิงอยู่กับอก เคลิ้มไปกับเสียงทุ้มที่แสนสุภาพ

     

                    “เราเป็นอะไรกัน”

     

                    “เรา....เป็น.” ร่างบางกัดปากตัวเองแน่นครุ่นคิดชื่อความสัมพันธ์ของเขาทั้งสอง

     

                    ทางกาย ก็เกินเลยกว่าคนเป็นเพื่อนจะทำกัน

     

                    ทางใจ ความรู้สึกยิ่งลึกซึ้ง จนย้อนกลับไปที่คำว่าเพื่อนไม่ได้แล้ว

     

                    ดวงตากลมจ้องมองใบหน้าคมสันที่เร่งเร้าคำตอบด้วยการโอบรัดให้แน่นเข้า ดวงตาเข้มหรี่มองอย่างพินิจและจ้องจับผิด ร่างบางที่คุ้นชินกับความใจดีของชายหนุ่มยกมือขึ้นตั้งใจจะปิดตาคมเข้มอย่างลืมตัว

     

                    ก่อนที่มือเล็กจะปิดลงที่ตาของชายหนุ่ม มือใหญ่รีบเอื้อมคว้ามือเล็กมากอบกุม ประทับจุมพิตลงไปที่หลังมือขาวใสพร้อมรอยยิ้มส่งตรงถึงใจดวงน้อยให้เต้นถี่รัว “เราเป็นคนรักกันหรือยังครับ”

     

                    ดวงตาโตไม่กล้าสู้สายตาคมปล่อยให้มือตัวเองถูกกอบกุมอยู่แบบนั้น ในใจนึกหวั่นกับคำตอบที่มีกลัวว่ามันจะพรากเอาช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ไป เวลาของเขาคงเหลือไม่นาน แต่ก็แผลในใจก็ยังชัดเจน “ขอเวลาฉันอีกนิดได้ไหมซีวอน”

     

                    “ได้สิ ฉันเคยบอกไม่ใช่หรอ ว่า....~

     

                    “สำหรับนาย/ฉัน ไม่ว่าอะไร เมื่อไหร่ ฉัน/นายให้ได้เสมอ” สองเสียประสานกันทวนคำพูดที่หนักแน่นยิ่งกว่าคำสัญญาสาบานของซีวอน ความสุขอบอวลไปทั่วห้องแห่งนี้

     

                    “ฉันให้นายได้เสมอ ให้นายได้ทั้งชีวิต แต่ตอนนี้นายให้ฉันเป็นคนที่ตามจีบนายแล้วใกล้ติดแล้วได้ไหม” ชายหนุ่มยื่นข้อต่อรองด้วยใบหน้าเคร่งขรึมแฝงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

     

                    “ทำไมต้องใกล้ติด”  คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย

     

                    ซีวอนจูบย้ำสัมผัสหนักที่หัวคิ้วย่นทั้งสอง แล้วมันก็คลายออกสมใจพร้อมรอยสีเลือดฝาดบนแก้มซีดให้ดูเหมือนดอกไม้แรกแย้ม “เพราะนอนกอดกันแบบนี้ไง หรือนายจะยอมให้คนรู้จักกันแบบห่างๆไกลๆมานอนกอดแน่นขนาดนี้”

     

                    ใบหน้าหวานส่ายหวือไปมา แทนการบอกออกเป็นคำพูด “นั่นแหล่ะ เพราะงั้นให้ฉันเป็นคนที่จีบนายใกล้ติดนะฮีชอล”

     

                    “อือออออ” ร่างเล็กลากเสียงยาวซุกหน้ากับอ้อมอกแน่น หาอะไรแก้เขินไม่ได้ฟันขาวจึงงับลงที่ติ่งเม็ดเล็กบนแผงอกกว้างและแสนอุ่น

     

                    “โอ้ยยยย กัดฉันนะฮีชอล” มือหนาจับประคองใบหน้าเล็กก่อนที่จะเจ็บตัวไปมากกว่านี้ ดวงตาใสแววระยับด้วยความสุข จนเขาเองอดไม่ได้จะจุมพิตเปลือกตาบางดูดซับความสุขให้ล้นปรี่ “ฉันรักนายนะ”

     

                    “......” คนถูกบอกรักอ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออก เขินเกินกว่าจะเอาความในใจกลั่นกรองมาเป็นคำพูด “ไปอาบน้ำเหอะ เดี๋ยวฉันไปลงทะเบียนสาย”

     

                    “อือ” ซีวอนรับคำแต่ไม่ยอมปล่อยร่างบางออกจากอ้อมแขน โอบรัดให้อ้อมกอดแน่นกระชับ ให้ใจสองดวงได้สื่อถึงกัน

     

                    รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าคนทั้งคู่ในอ้อมกอดของกันและกัน ที่วันนี้เป็นเพียง ....คนที่กำลังตามจีบ และถูกจีบ ใกล้ติดแล้ว   

       * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

                    ในรถคันหรูมีร่างบางที่สวมใส่ชุดนักศึกษาเพื่อไปลงทะเบียนเรียนซัมเมอร์ กับคนขับรถร่างสูงใหญ่ที่ไม่มีธุระอะไร แต่ใจดีมาบริการคนถูกจีบใกล้ติดในชุดสบายๆดวงตาคมถูกปิดไว้ภายใต้แว่นดำ

     

                    “ขอบคุณนะที่ยอมตื่นแต่เช้ามาเป็นเพื่อน” คนจำเป็นต้องตื่นแต่เช้าหันมาขอบคุณคนที่ไม่จำเป็นต้องตื่นขึ้นมาเลยสักนิด แต่ก็ยังอุตส่าห์ตื่นมาขับรถไปส่งให้

     

                    “ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เอง อีกอย่างอยู่ในช่วงจีบใกล้ติดด้วย ต้องทำคะแนนเยอะๆ จะได้จีบติดไวๆ” ชายหนุ่มตอบมาอย่างอารมณ์ดี รอยยิ้มกริ่มพราวอยู่ในแววตาที่ไม่มีใครเห็น

     

                    “อ้อ ถ้าจีบติดแล้วก็ไม่ต้องทำคะแนน ไม่ดูแลกันแล้วสิ หมดโปรแล้วนิ” เสียงใสแกล้งขึ้นสูง ดวงตากลมส่งค้อนให้คนใกล้จีบติด “งั้นก็อย่าหวังเลยว่าจะจีบติด เฮอะ!

     

                    “โอ้ๆๆ ใครว่า โปรของฉัน เป็นโปรยาวตลอดชีพ ห้ามเปลี่ยนเครือข่าย ห้ามเปลี่ยนเบอร์ด้วย” ซีวอนง้อด้วยความสุข ความรักล้นแน่นอยู่ในอก และเชื่อว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆกันก็รับรู้ได้ “หนาวหรือยัง จะห่มผ้าไหม ความจริงนายต้องพักผ่อนมากๆ จะเอนเบาะลงไปเลยก็ได้ หมอนก็มี”

     

                    มือหนาทำท่าจะเอื้อมไปด้านหลังที่มีผ้าห่มผืนอุ่นและหมอนใบนุ่มวางอยู่ที่เบาะด้านหลัง ดีที่ฮีชอลหยุดมือนั้นได้ทัน “ไม่ต้องหรอกซีวอน ฉันยังไม่หนาว แล้วก็นอนมาเต็มที่แล้วด้วย เมื่อคืนก็นอนไปพร้อมๆกัน ยังกังวลอีก”

     

                    “กังวลสิ ทุกเรื่องของนาย ฉันคิดมาก ฉันกังวล ฉันเป็นห่วงตลอดเวลา เพราะรักมากรู้ไหม”

     

                    น้ำเสียแสนไพเราะและอบอุ่นยามเอ่ยกล่าวคำว่ารักทำให้ร่างบางไม่อาจพูดอะไรได้อีก นอกจากนั่งนิ่งเงียบฟังเพลงเบาๆที่เปิดคลออยู่ในรถ

     

                    “ฮีชอลครับ”

     

                    “ครับ” ร่างบางรับคำด้วยความงุนงง ดวงตาโตจ้องมองคนทำลายความเงียบด้วยคำแสนสุภาพอย่างแปลกใจ แต่คนถูกมองคงยังไม่รู้ตัวเพราะต้องมองถนนข้างหน้า

     

                    “ขอจับมือหน่อยได้ไหมครับ”

     

                    ฮีชอลมองคนพูดที่คงสีหน้าเรียบเฉย สมาธิจดจ่อกับรถราที่วิ่งเต็มถนน แต่ก็ยังขออะไรแบบนี้ “จับทำไม มือฉันไม่ใช่เกียร์ ไม่ใช่พวงมาลัยที่ต้องจับเวลาขับรถสักหน่อย”

     

                    “อื้อ ก็เพราะไม่ใช่หน่ะสิ ถึงขอจับ” ใบหน้าคมปรากฏรอยยิ้มจางๆ แต่สายตาก็ถูกปิดบังไว้ด้วยแว่นตาดำจนคนนั่งข้างๆเดาอารมณ์ไม่ออก เริ่มนั่งตัวลีบชิดติดประตูด้วยความหวาดหวั่น

     

                    “นะให้ฉันจับเถอะนะ ถือว่าเป็นแรงใจไง เมื่อคืนก็ดีใจจนนอนไม่หลับ เช้านี้ก็ยังตื่นมาขับรถให้ ทำความดีแบบนี้ไม่คิดจะมีของรางวัลให้เลยหรือไง” แม้หน้าคมยังคงนิ่งเรียบมองรถบนถนน แต่น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยการหยอกล้อ “รับรองว่าแค่จับมือ นายไม่ขาดทุนหรอกหน่า”

     

                    “.....” ใบหน้าสวยก้มต่ำและแดงจัด ถ้าบอกว่าขาดทุน คงหมดทุนและควักเนื้อตัวเองไปตั้งแต่เมื่อคืนที่ยอมนอนให้อีกฝ่ายหนึ่งกอดแล้วก็ยังเป็นคนซุกเข้าไปในอ้อมกอดเสียด้วยสิ

     

                    ...แต่ในเมื่อเรื่องความรักไม่ควรต้องมากลัวที่จะขาดทุน มือเล็กๆจึงยื่นไปวางทับไว้เหนือมือมือใหญ่ที่อยู่บนหัวเกียร์

     

                    “ขอบคุณนะ เพราะนายน่ารักแบบนี้ไงแหละฮีชอล ฉํนถึงพยายามจีบนายจนติด” คราวนี้ใบหน้าคมไม่นิ่งเฉยอีกแล้ว แต่กำลังยิ้มแป้น พร้อมกับที่พลิกมือเล็กสอดนิ้วเข้าประสานวางไว้ที่หน้าขาของตัวเอง

     

                    “ฮืมม์” ร่างบางสะดุดหูกับคำพูดสุดท้ายของชายหนุ่ม จนคิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน “เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ ฉันได้ยินไม่ถนัด”

     

                    “เปล่าไม่มีอะไรสำคัญหรอก นายดีกว่า หนาวหรือยังห่มผ้านะ” ซีวอนไม่รอคำตอบจากคนนั่งข้างๆ แต่ยกมือเล็กขึ้นจูบเบาๆที่หลังมือก่อนปล่อยออก เพื่อเอื้อมตัวไปหยิบผ้าห่มเนื้อดีในช่วงที่รถตัดไฟแดงมาห่มคลุมให้คนที่หนาวง่าย

     

                    “อือ ไม่เอา ไม่หนาวหรอก”มือเล็กที่เป็นอิสระแล้ว ผลักผ้าห่มออกจากตัว แต่กลับถูกสายตาคมดุที่ชายหนุ่มถอดแว่นออกมาเพื่อจ้องมอง จนต้องยอมรับผืนผ้าให้ห่มคลุมกายด้วยฝีมือคนใกล้ได้เป็นแฟนกัน

     

                    “ไหนๆก็ห่มผ้าแล้ว จะนอนเลยไหม”

     

                    ร่างเล็กที่มีผ้าผืนหนาคลุมไว้ทั้งตัวได้ยินคนขับรถพูดแล้วต้องหันไปมองหน้า “ใจคอนายจะให้ฉันนอนทั้งวันเลยหรือไง ตื่นมายังไม่ถึงสองชั่วโมงเลยนะ”

     

                    “พักผ่อนเยอะๆไง หมอบอกเอาไว้จำไม่ได้หรือไง” ดวงตาคมๆตวัดมอง เสียงห้วนๆบอกให้รู้ว่ากำลังเริ่มงอนที่ร่างบางไม่ยอมฟังคำของตน “แล้วพอเป็นไรขึ้นมาใครกันที่เป็นห่วง ไม่ใช่ไอ้คนที่มันขับรถอยู่นี้หรอ”    

     

                    “โกรธหรอ” ฮีชอลถามเสียงเล็กชะโงกหน้ามอหน้าชายหนุ่มขี้ห่วงให้ชัดเจน “ไม่โกรธนะ ดีกันๆ” นิ้วก้อยเล็กๆยื่นไปข้างหน้าพร้อมสายตากลมโตเหมือนที่เคยทำในอดีต

     

                    “โกรธอะไร ใครโกรธ ขับรถอยู่ไม่เล่นหน่าฮีชอล” ถึงน้ำเสียงเหมือนจะเบื่อหน่าย แต่บนใบหน้าคมก็มีรอยยิ้มกว้างเปิดอยู่

     

                    “อื้อ งั้นนอนแล้วนะ” ฮีชอลยอมกลับไปที่ของตัวเอง เอนหัวพิงกับเบาะหรี่ตาขึ้นมาแอบมองคนที่วางท่าเหมือนไม่สนใจ “หลับจริงๆนะ”

     

                    “ก็หลับสิครับ หรืออยากได้จูบส่งเข้านอน จัดให้ได้นะ” ซีวอนเหลือบสายตามองฮีชอลร่าเริงคนเดิมที่หายไปนานอย่างมีความสุข รู้ว่าถูกยั่วเย้าก็ยังมีรอยยิ้มได้

     

                    “ใครเค้าอยากได้เล่า” ปากอิ่มยื่นออกมาส่งค้อนให้ชายหนุ่ม ก่อนตั้งท่าจะปิดสายตาลงจริงๆ “ถึงม.แล้วปลุกด้วยนะครับ คุณคนขับรถ”

     

                    “ครับ คุณหนูฮีชอล หลับฝันดีนะครับ” ซีวอนรู้สึกได้ดีว่ายามอวยพรร่างบางเสียงของเขายิ่งทุ้มต่ำลงไปอีกเพื่อให้คนฟังไม่ต้องรู้สึกถูกรบกวนมากนัก

     

    ....ความรักก็แปลก ยามไม่รู้ตัว กับเมื่อรู้ว่ารักหมดทั้งใจ มันถึงต่างกันขนาดนี้ ความทุกข์ตั้งมากมายมันหายไปหมด เมื่อมีคนตอบคำถามของหัวใจ....

     

                    ชายหนุ่มลดความเร็วลงเพื่อให้คนนอนหลับ ได้หลับสบายมากยิ่งขึ้น ระวังกับทุกพื้นถนนที่แล่นผ่านไม่ให้รถต้องกระเทือนจนพาคนที่พึ่งหลับตื่นขึ้นมา ใบหน้าคมที่มีแว่นตาดำอันโตปิดหันมามองร่างเล็กด้วยความอิ่มใจ ถึงวันนี้จะยังไม่ได้เป็นคู่ชีวิตของกันและกัน แต่ต่างก็ฝากหัวใจไว้ที่กันและกัน

     

                    คาเยนย์คันหรูเบี่ยงออกข้างทาง ไม่ใช่เพราะรถเสีย แต่คนขับรถต้องทำภารกิจที่สำคัญ เมื่อรถจดนิ่งสนิท ซีวอนปลดสายนิรภัยของตัวเอง เอื้อมตัวผ่านร่างเล็กที่หลับสนิทไปแล้ว ให้จมูกได้ปัดผ่านแก้มใสหอมกลิ่นแป้งเด็ก

     

    มือหนาคลำหาที่เอนเบาะ ก่อนปรับให้นอนราบลงไป จัดผ้าห่มที่เคลื่อนหลุดให้เข้าที่ มองผลงานตัวเองด้วยรอยยิ้ม ก่อนก้มลงหากำไรจากคนหลับ แล้วจึงพารถเคลื่อนออกไปอีกครั้ง 

     

       * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

    “ฮีชอล ถึงม.แล้วนะ ตื่นได้แล้ว” มือหนาแตะลงที่แก้มนุ่มกะซิบปลุกให้ตื่น แต่ก็ไม่อยากก็ไม่อยากกวนคนที่กำลังนอนสบาย

     

                    “อือออออออ ไม่กวนหน่าซีวอน นายไปอาบน้ำก่อนเหอะ ฉันจะนอน”

     

                    เสียงเบาๆแล้วเงียบหายไปของคนไม่รู้ตัวทำให้ชายหนุ่มยิ้มออกมาได้ เมื่อนึกถึงวันวานตั้งแต่ที่เคยนอนด้วยกัน แล้วมักจะเกี่ยงกันอาบน้ำเสมอ

     

                    “ฮีชอล ฉันอาบน้ำแล้วไง ตานายไปลงทะเบียนซัมเมอร์แล้ว ตื่น ลงทะเบียนเสร็จจะพาไปกินข้าวนะคนดี” ใบหน้าคมยิ้มกริ่ม กระซิบข้างหูเล็ก

     

                    “อื้อออ ไปติมสามก้อนด้วยนะ”

     

                    “ครับ ไอติมสามก้อน” ซีวอนหัวเราะกับตัวเอง แต่เมื่อสายตาเหลือบไปนอกรถ อารมณ์ดีๆที่มาก็หายไปเกือบหมด

     

                    ที่ใต้ร่มไม้ไม่ไกลจากที่รถจอดอยู่ จองวูยืนกอดอกอยู่ตรงนั้น สายตามองดูความเป็นไปในรถ ด้วยสายตาที่ชายหนุ่มไม่ชอบ มันเหมือนสายตาที่เขามองฮีชอลมากเกินไป... สายตาที่เต็มไปด้วยความรักและห่วงหา

     

                    ซีวอนฝังจมูกลงไปบนแก้มเนียน ก่อนไซ้ลงมาที่ปากอิ่มแย่งอากาศหายใจของคนขี้เซาไม่ยอมตื่น ลิ้นร้อนเลาะเล็มไม่รุกรานเข้าไปในโพรงปากเล็ก

     

                    “อื้ออ อือ..” คนที่เคลิ้มหลับลืมตากว้าง จ้องดวงตาในระยะประชิดชนิดที่ว่าขนตาแทบจะเกยกันอยู่ กำปั้นเล็กทุบลงบนแผ่นหลังกว้าง แบบที่เมื่อก่อนไม่เคยกล้าทำ

     

                    “โอ้ย เจ็บนะฮีชอล”  ชายหนุ่มร้องโอดว่าเจ็บแต่สีหน้ายังคงมีรอยยิ้ม “อ้อ เดี๋ยวนี้กล้าทำแบบนี้นะ ตั้งแต่จีบใกล้ติดนี้ทำร้ายฉันบ่อยเลยนะ เห็นว่าเราต้องง้อหล่ะสิ”

     

                    “ก็นายทำอะไรเล่า ถ้าไม่แกล้งแบบนี้ก็ไม่โดนหรอก” ใบหน้าหวานแดงจัดด้วยความอาย อมลมพองแก้มจนป่อง เหลือบสายตามองชายหนุ่มอย่างหมั่นไส้

     

                    “นี้เถียงหรอ” นิ้วชี้ยาวชี้หน้าใสๆ

     

                    “ทำไม”

     

                    “เปล่าครับ” เมื่อร่างบางลงเสียงห้วนกลับมา ก็ทำให้ชายหนุ่มหัวเราะ แล้วยอมลดลา “แค่จะบอกว่าให้หันไปมองข้างหลัง ที่ใต้ต้นไม้ มีใครไม่รู้มองมา” คิ้วเข้มๆยกขึ้นถึงจะดูร่าเริง แต่น้ำเสียงก็นิ่งจนสังเกตุได้

     

                    “ไหนใคร จองวู....” ฮีชอลหันไปตามทางที่ชายหนุ่มก่อนอุทานเสียงแผ่ว เพราะสีหน้าแสนเจ็บปวดของเพื่อนรักที่ไม่มีทางเลื่อนเป็นอย่างอื่นได้ “นายเห็นจองวูยืนอยู่แล้วยัง...”

     

                    “ทำไม” สีหน้าเศร้าๆของฮีชอลทำให้ซีวอนเริ่มไม่พอใจ แล้วพาลไม่ชอบจองวูมากขึ้น “ฉันทำแล้วยังไง มันจะได้รู้ว่านายหน่ะเป็นของฉัน ไม่ใช่ของมัน จะได้ตัดใจเลิกยุ่งกับของของคนอื่น”

     

                    “ซีวอนนายเห็นฉันเป็นแค่นั้นหรอ เป็นแค่สิ่งของของนายหรอ” น้ำตาไหลลงมาช้าๆ ตั้งแต่ได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม

     

                    “เฮ้ย ไม่ใช่นะฮีชอล อย่าร้องไห้ ซีวอนขอโทษ” นิ้วยาวเกลี่ยน้ำตาออก ก่อนรั้งร่างเล็กเข้ามาซุกในอก ลูบแผ่นหลังบางปลอบโยน แล้วอธิบายด้วยความร้อนใจ “ฉันขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น แต่เป็นเพราะฉันรักนายมาก ทั้งรัก ทั้งห่วง แล้วก็หวง กลัวจะมีคนมาแย่งนายไปจากฉัน”

     

                    ชายหนุ่มรั้งร่างเล็กที่หยุดร้องไห้ออกมาจ้องมองในดวงตาช่ำน้ำ “แล้วฉันก็ยอมรับ ว่าจองวูคืออีกคนที่รักนายมาก ผิดหรอฮีชอลที่ฉันกลัวว่า จะมีใครมาพรากความรักของฉันไป ผิดหรอที่ฉันอยากบอกให้ทุกคนรู้ว่าฉันได้ครอบครองนายไว้ทั้งตัวและหัวใจ”

     

                    “ไม่ไว้ใจฉันหรอ” ฮีชอลถามชายหนุ่มด้วยความน้อยใจ

     

                    “ไม่ใช่นาย ที่ฉันไม่ไว้ใจ แต่เป็นตัวฉันเอง เป็นความร้ายกาจของตัวเองที่ฉันไม่ไว้ใจ ฉันกลัวเรื่องเลวร้ายที่เคยทำ มันจะพรากนายไปจากฉัน” ดวงตาคมหลบตากลมใส

     

                    “ซีวอน ฟังฉันนะ” มือเล็กประคองใบหน้ายาวให้หันมาสบตา ไม่ยอมให้เบือนหน้าหนี “ไม่มีอะไรจะพรากฉันไปจากนาย นอกจากนายเองจะหมดรักฉัน แล้วเรื่องพวกนั่น ลืมมันไปให้หมด อย่าไปคิดถึงมันอีก ได้ไหม?”

     

                    “อื้ออ ฉันรักนายนะฮีชอล”  ซีวอนโผเข้ากอดร่างบางซุกหน้าอยู่กับซอกคอหอม

     

                    “ขอบคุณ ฉันก็รักนายเหมือนกัน ฉันไปลงทะเบียนนะ”

     

                    “ครับ” ชายหนุ่มหอมแก้มนุ่มแรงๆหนึ่งที ก่อนปล่อยให้เป็นอิสระ มองร่างเล็กลงจากรถเดินเข้าไปหาคนที่ยืนรออยู่ใต้ต้นไม้ ส่วนตนเองก็ขับรถออกไปหาที่จอด   

     

                    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

                    “ฮีชอลหล่ะ” ซีวอนถามหาร่างบางทันทีที่เดินมาถึงใต้คณะ แต่คนที่นั่งอยู่กลับมีเพียงแค่จองวูเท่านั้น

     

                    “ขึ้นไปข้างบนแล้ว เดี๋ยวก็คงลงมา” จองวูหยุดพูด มองใบหน้าของคนที่ฮีชอลรัก ก่อนตัดสินใจพูดบางอย่าง “คุยกันหน่อยดีไหม”

     

                    “.....” ซีวอนไม่ตอบแต่ใช้สายตาจ้องคนถามนิ่ง แทนคำถามถึงเรื่องที่จะพูด

     

                    “ฮีชอล คนที่ฉันรัก และนายก็รัก”

     

                    ใบหน้าคมยิ้มเหยียดก่อนเอ่ยประโยคต่อ “แต่ฉันคือคนที่ฮีชอลรัก”

     

                    หน้าตาของจองวูเศร้าหมอง เมื่อศัตรูหัวใจตอกย้ำความจริงที่เจ็บปวด “นั่นแหล่ะ เพราะฉันไม่ใช่คนที่ฮีชอลรัก ถึงต้องมาคุยกับนาย”

     

                    “ว่ามาสิ” ซีวอนนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม เปิดใจรับฟังเพื่อความสุขของฮีชอล เพราะหากเขาและจองวูยังเป็นแบบนี้ต่อไป คนที่จะทุกข์ที่สุดก็คือฮีชอล คนที่พวกเขารัก ~

    “ฉันรักฮีชอล อยากดูแล อยากได้เขามาเป็นคนรัก และคิดว่านายไม่คู่ควรกับความรักของฮีชอล” จองวูหยุดพูดเพื่อดูใบหน้าแข็งกร้าวของซีวอน “แต่ก็เพราะฮีชอลรักนาย

                   

    “ต้องการอะไร ที่พูดมาต้องการอะไร” ซีวอนไม่ใจเย็นทนฟังจนจบ มือหนาเอื้อมข้ามโต๊ะไปกระชากปกเสื้อของจองวูเข้ามาใกล้ ตะคอกถามด้วยความโกรธ

     

                    ดวงตารีเรียวของจองวูจ้องตาของซีวอนไม่มีหลบเลยสักนิด “อย่าทำร้ายฮีชอล” จองวูปัดมือหนาที่เกร็งแน่นออก มองดูใบหน้าเปลี่ยนสีของคนฝั่งตรงข้ามด้วยความพอใจ “อย่าทำร้ายฮีชอลเพราะอารมณ์ร้อนๆที่ขาดการยั้งคิด อย่าทำร้ายฮีชอลเพราะคำพูดและการกระทำของคนอื่นแบบที่ผ่านมา”

     

                    “ไม่ต้องห่วง เรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก  ขอบใจนายหล่ะกันที่เป็นห่วงและดูแลฮีชอลมาตลอด” สำหรับจองวู หากจะมองข้ามเรื่องที่แอบชอบฮีชอล ก็เป็นคนที่น่าคบคนหนึ่ง

     

                    “ไม่ต้องขอบใจหรอก เพราะสำหรับฉัน ฮีชอลสำคัญเสมอ แล้วอย่าลืมว่าวันนี้พูดอะไรไว้ ต่อไปถ้าฮีชอลต้องเสียใจเพราะนาย ฉันจะแย่งเขามาเอง”

     

    ที่ริมฝีปากได้รูปปรากฏรอยยิ้มจนแก้มบุ๋มลงไป “ลืมวันนั้นไปได้เลย เพราะฉันไม่มีทางทำให้ใจตัวเองต้องเจ็บอีกแล้ว”

     

                    “ก็ดี...~

     

                    “คุยไรกัน” เสียงหวานจากคนที่พึ่งเสร็จธุระเรื่องเรียนเดินเข้ามาหาชายหนุ่มทั้งสองด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เมื่อคนที่ไม่ถูกกันสองคนยอมนั่งพูดจากันดีๆ

     

                    “เรื่อยเปื่อย แล้วจัดการลงทะเบียนอะไรเสร็จหมดแล้วใช่ไหม” ซีวอนลากร่างบางลงนั่งข้างๆ ไม่ยอมตอบคำถามที่ร่างบางถามมา

     

                    “เสร็จหมดแล้ว หิวแล้วด้วย” ไม่ทันขาดคำ หน้าท้องแบนๆก็ส่งเสียงร้องโครกครากมาให้เจ้าของต้องขายหน้า

     

                    “สม! เมื่อเช้าก็ไม่ยอมกินข้าว ป่ะ เดี๋ยวพาไปหาอะไรกิน” มือหนาขยี้หัวเล็กด้วยความเอ็นดู

     

                    “หัวยุ่งหมดแล้ว” มือเล็กจับมือใหญ่ออกจากหัวที่โดนขยี้ขย้ำจนยุ่งเหยิง  ก่อนหันไปชวนเพื่อนสนิทที่นั่งฝั่งตรงข้าม  “ไปกินข้าวกันไหมจองวู”

     

                    คนถูกชวนเหล่ตามองชายหนุ่มอีกหนึ่งคนที่นั่งนิ่งหุบยิ้มฉับพลับ แล้วได้แต่หัวเราะเบาๆ “ไม่อ่ะ ไปกันสองคนเถอะ ขอบใจนะที่ชวน”

     

                    “ตามใจไปแล้วนะบาย”

     

                    จองวูนั่งอยู่ที่เดิมยิ้มกับตัวเอง มองแผ่นหลังของทั้งสองคนที่เดินจับมือเคียงคู่กันไป ฮีชอลมีความสุขเมื่อได้รับความรักจากซีวอน และต่อไปนี้คงไม่มีใครทำร้ายฮีชอลอีกแล้ว

     

                     ...ได้เวลามองคนอื่นแล้วซิ....

     

                       * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

    “แล้วเรียนวันไหนบ้าง จารย์บอกยัง” ในรถคันหรูที่อบอวลด้วยเพลงรักหวาน ชายหนุ่มภายใต้แผ่นดำถามคนนั่งข้างๆที่มีผ้าห่มผืนหนาห่มคลุม

     

                    “บอกแล้ว เรียนเฉพาะวันพุธเก้าโมงถึงเที่ยง” ฮีชอลนิ่งไปเหมือนคิดอะไรได้บ้างอย่าง “ความจริงฉันกลับไปบ้านไปอยู่กับพ่อแม่ก็ได้เนอะ แล้ววันอังคารบ่ายๆก็มาบ้านนาย เรียนเสร็จก็กลับบ้านเลย มันเรียนแค่อาทิตย์ละสามชั่วโมงเอง”

     

                    “ไม่ต้องคิดเลยฮีชอล ฉันไม่ให้นายไปกลับแบบนั้นแน่ เลิกหวังไปเลย” เสียงของซีวอนเข้มขึ้นมาทันที เมื่อได้ฟังความคิดของร่างบาง “เรื่องอะไร ไหนบอกจะอยู่ให้ฉันจีบ แล้วจะหนีกลับบ้านได้ไง”

     

                    “นี้เครียดหรอ” ฮีชอลหันมองหน้าชายหนุ่มให้แน่ใจ ฟันขาวกัดปากตัวเองด้วยความกังวลกลัวจะทำให้ซีวอนโกรธแบบเมื่อก่อนอีก

     

                    “ไม่เครียด แต่จริงจัง และไม่ยอมเด็ดขาดด้วยเข้าใจไหม” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงดุๆ

     

                    “อืออ ก็แค่คิด เพราะพ่อกับแม่ก็คงไม่ยอมหรอก แล้วก็ไม่เห็นจะต้องดุแบบนี้เลย” ใบหน้าหวานมุ่ยลงขัดใจ ยังคงกัดริมฝีปากของตัวเองอยู่เหมือนเดิม

     

                    “ก็ไม่ดุได้ไง อยู่ดีๆคนที่จีบใกล้ติดจะหนีไปตั้งไกล แล้วปากตัวเองหน่ะเลิกกัดได้แล้ว ถ้าอยากให้มันช้ำบอกฉันเดี๋ยวทั้งกัด ทั้งดูดให้เลย” น้ำเสียงของชายหนุ่มยิ่งเข้มมากขึ้นเมื่อหันไปเห็นร่างบางกัดริมฝีปากของตัวเองแน่นจนเริ่มแดงจัด หากไม่ติดว่าขับรถอยู่คงเอามือมาดึงออกแล้ว

     

                    “อะไรเล่า ทะลึ่ง ขับรถไปเลย หิวจะตายแล้ว เฮ้ยยยยยยยย” ฮีชอลร้องเสียงหลงเมื่อรถที่ขับมานิ่มนวลเลี้ยวเข้าข้างทางแล้วเบรกรุนแรงจนเกือบหน้าทิ่มลงไป

     

                    “อย่าพูดแบบนี้อีก” เสียงทุ้มต่ำแหบลึก สั่นเทาเหมือนกำลังกลัวอะไรบางอย่าง

     

                    “แบบไหนซีวอน แล้วเป็นอะไร ทำไม~

     

                    “อย่าพูดว่าจะตาย อย่าพูดว่าจะทิ้งฉันไป” ร่างบาถูกรวบเข้ามาในอ้อมกอดโดยไม่ทันให้รู้ตัว เสียงแหบห้าวกระซิบข้างหูเล็ก “นายไม่รู้หรอกว่าวันนั้นในโรงพยาบาลฉันกลัวแค่ไหน ตอนที่นายอยู่ในห้องไอซียู แล้วฉันได้แต่รอ อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ”

     

                    “อืออ ฉันขอโทษนะ รับรองจะไม่พูดอีกแล้ว อย่าคิดมากนะซีวอน” มือเล็กลูบปลอบแผ่นหลังกว้างใหญ่ให้คลายความกังวล ไม่เคยรู้เลยว่าหัวใจของชายหนุ่มอ่อนไหวมากขนาดนี้

     

                    “ไม่คิดมากไม่ได้หรอก ทุกเรื่องของนาย ฉันคิดมากเสมอ...”

     

                    “อืออ  แต่ขับรถได้แล้ว ไส้จะขาดแล้ว”

     

                    “ครับ คุณหนู กระผมจะรีบเดี๋ยวนี้แหล่ะ”

     

                    “ดีมาก”

     

                    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

    “ซีวอน กินข้าวเสร็จแล้วไปดูหนังกันไหม” ฮีชอลถามไปตากลมก็มองหน้าชายหนุ่ม เหมือนบังคับให้ตอบได้เพียงอย่างเดียว ห้ามปฏิเสธ

     

                    “อืออ ถ้างั้นเดี๋ยวฉันกลับไปที่รถเอาผ้าห่มมาให้นะ นายรออยู่ที่นี้ก็ได้” ซีวอนเตรียมตัวลุกขึ้นจะไปเอาผ้าห่มจากที่รถมาให้ เผื่อหนาวในโรงหนัง

     

                    “อืออ รีบไปรีบกลับนะ”

     

                    “ครับ”

     

                    ฮีชอลนั่งรอเพียงไม่นานชายหนุ่มก็กลับมาพร้อมผ้าห่มในมือที่พับมาเป็นอย่างดิ คนทั้งสองพากันเดินไปเลือกซื้อตั๋วหนัง แล้วเข้าโรงไปนั่งรอในความมืด ก่อนที่หนังจะฉาย

     

                    “มือนายหน่ะเอากลับที่ไปเลยนะ” ฮีชอลจับมือที่แอบซุกเข้ามาใต้ผ้าห่มจะเอาออกไป แต่เจ้าของมือก็ขืนแรงเอาไว้ไม่ยอมหนีออกไป

     

                    “ขอจับนิดเดียวเอง มันหนาวนะ” ซีวอนร้องประท้วงเบาเกรงใจคนที่นั่งข้างๆ

     

                    “หนาวหรอ ห่มผ้าไหม” ดวงตาโตหันมามองคนข้างๆ เตรียมจะแผ่ผ้าห่มผืนหนาให้ชายหนุ่ม แต่ก็ถูกยั้งไว้เสียก่อน

     

                    “ไม่ต้องหรอก แค่ขอเอามือซุกไปเท่านี้ก็พอแล้ว” ชายหนุ่มบอกแค่เอามือซุก แต่กลับจับมือนิ่มไว้ยอมปล่อย

     

                    “ตามใจ” ร่างเล็กพึมพำเบาๆ แต่เมื่อได้ยินประโยคถัดมาใบหน้าหวานก็แดงก่ำในทันที

     

                    “เหมือนคู่รักมาดูหนังกันเลยเนอะฮีชอล ดูหนังไปจับมือกันไว้แบบนี้”

     

                    “คิดไรอยู่ บ้า.. ดูหนังไปเลย” ร่างบางแกล้งโวยวายเบาๆกลบเกลื่อนความอาย อาศัยความมืดปกปิดสีแดงแดก่ำของตัวเอง แอบจ้องมองเสี้ยวใบหน้าคมไม่ให้รู้ตัว

     

    เป็นคู่รักกันก็คงดีไม่น้อย ......รออีกหน่อยนะซีวอน อีกไม่นานแล้วหล่ะ

     

                    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *          

     

                    “ฮีชอล เปิดประตูหน่อย” ชายหนุ่มยืนเคาะประตูเสียงดังโวยวายอยู่หน้าประตูไม้ห้องของเพื่อนสนิทที่กำลังอยู่ในภาวะพัฒนาความสัมพันธ์จนถึงขั้นจีบใกล้ติดจวนได้เป็นแฟน

     

                    “ไม่เปิด กลับไปนอนที่ห้องนายเลย” เสียงเล็กหวานดังลอดออกมา แต่ก็ไม่ทำให้ชายหนุ่มลูกชายเจ้าของบ้านย่อท้อ ตรงกันข้ามใบหน้าคมเข้มกลับมีรอยยิ้มอ่อนเจือปน

     

                    “ไม่เปิดฉันพังเข้าไปนะ”

     

                    “เรื่องของนาย ประตูบ้านนายไม่เกี่ยวกับฉัน”

     

                    “ได้ คิม ฮีชอลไม่เกี่ยวกับนายใช่ไหม ฉันพังจริงๆ แล้วอย่ามาร้องไห้หล่ะกัน” แม้จะพยายามข่มเสียงดุ แต่เสียงของความสุขและรอยยิ้มก็ยังเล็ดลอดออกมาให้รู้ว่า คนพูดแกล้งพูด แกล้งขู่ไปอย่างนั้นเอง

     

                    “ซีวอนโวยวายอะไรเสียงดัง”

     

    เสียงทุ้มลอยมาจากด้านหลังทำให้ชายหนุ่มเจ้าของชื่อต้องหันไปมอง พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปรกติ เพื่อทำตามคำขอของแม่ “เปล่าครับผมแค่แกล้งฮีชอลเล่นเท่านั้น”

                    “เล่นอะไรกัน แล้วดึกแล้วทำไมไม่กลับไปนอนที่ห้องมาตะโกนหน้าห้องฮีชอลทำไม”

     

                    “เอ่อ....ผมนอนห้องเดียวกับฮีชอล....” ดวงตาของพ่อหรี่เล็กลง ซีวอนรู้ดีว่ากำลังถูกสายตาคู่นี้จับจ้องและจับผิด “ตั้งแต่ที่ฮีชอลป่วยผมไม่อยากให้เขานอนคนเดียว กลัวว่ากลางคืนเป็นอะไรไปแล้วจะไม่มีใครรู้ก็เลยมานอนเป็นเพื่อนครับ”

     

                    “อื้ออ แล้วโวยวายอะไรกันดึกๆดื่นๆ”

     

    สายตาแปลกๆที่เต็มไปด้วยคำถามที่มากกว่าคำพูดยังคงมองมาไม่ลดน้อยลง “พอดีเมื่อตอนเย็นฮีชอลเขาไม่พอใจผมนิดหน่อยครับ”

     

                    “อื้อ ทำไรก็อย่าให้มันเสียงดัง ดึกแล้ว”

     

                    “ครับพ่อ”

     

                    ชายหนุ่มมองแผ่นหลังของพ่อ ก่อนกลับมามองประตูบานใหญ่อย่างเหงาๆหากคืนนี้เข้าไปไม่ได้ ไม่รู้ว่าคะแนนที่ทำมาตั้งมาก จนได้เป็นคนเกือบใกล้ติด จะถูกลดระดับลงหรือเปล่า

     

                    ไม่น่าเลยซีวอน......

     

                    ชายหนุ่มกร่นด่านิสัยของตัวเอง ก่อนนึกบางอย่างได้ แล้วลอบยิ้มให้กับตัวเองเงียบๆ

     

                    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

                    ร่างบางที่กำลังยิ้มกริ่มกับตัวเองอยู่บนที่นอน นั่งฟังเสียงคนโวยวายอยู่หน้าประตูอย่างมีความสุข ความโกรธเล็กๆ ค่อนไปทางโกรธกลบเกลื่อนความอายก็จากหายไป แต่ก็ยังอยากแกล้งคนจอมฉวยโอกาสจึงยังไม่ลุกไปเปิดประตูให้เข้ามาได้ง่าย

     

                    ตราบจนกระทั่ง ได้ยินเสียงประมุขของบ้านพูดคุยกับชายหนุ่มอยู่หน้าประตู ใจดวงเล็กที่เคยพองแน่นด้วยความสุข ฟีบแฟ่บลงด้วยความหวาดระแวง กลัวจะมีคนรู้ถึงความสัมพันธ์เกินเลยนี้

     

                    เสียงหน้าประตูเงียบหายไปพร้อมกับเสียงฝีเท้า ทำให้ใบหน้าเล็กที่เกือบแนบติดบานประตูขัดใจ นึกสงสัยว่าคนที่มาร้องโวยวายอยู่เมื่อกี้ยอมถอดใจไปแล้วง่ายๆจริงหรือ

     

                    เพราะทนต่อความสงสัยไม่ได้ มือบางจึงค่อยๆเปิดประตูออกมาแง้มมองเป็นช่องเล็กๆ ไม่เห็นมีใครอยู่บนทางเดิน จึงเปิดประตูห้องกว้างออกมามองด้วยความเซ็ง “แกล้งแค่นี้ ไปไหนแล้ว เฮ้ยยยยยยยยย”

     

                    เสียงหวานร้องลั่นด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ๆก็มีแรงจากด้านหลังบานประตูออกแรงผลักดันให้ถอยหลังก้าวเข้าไปในห้องโดยไม่ทันตั้งตัวจนเกือบล้มถ้าไม่มีแขนแข็งแรงของคนผลักคว้าเอวเอาไว้

     

                    “เล่นอะไรแบบนี้ซีวอน” ใบหน้าหวานมุ่ยลงส่งเสียงเหมือนจะดุคนขี้แกล้งในทันทีที่ตั้งตัวได้ แต่ก็ยังเอาตัวออกมาจากแขนแข็งแรงไม่ได้ “ปล่อยนะ ปล่อยสิ”

     

                    “ไม่ปล่อย หายโกรธก่อนแล้วจะปล่อย” ซีวอนลอยหน้าพูดไม่สนสีหน้าขัดใจของคนในอ้อมกอด จมูกโด่งไล่ดมกลิ่นหอมหวานที่คุ้นเคย หยดน้ำจากผมเปียกชื้นถูกเช็ดออกด้วยลิ้นร้อน

     

                    “อี้ สกปรก ปล่อยนะ ชเว ซีวอน” ร่างเล็กเบี่ยงกายหนีลิ้นร้อนที่แตะแต้มลงมาบนไล่ ใช้สองมือยันร่างกายใหญ่โตที่ยืนเป็นยักษ์เป็นปักหลั่นให้ถอยห่างแต่ก็ไม่ได้ผล

     

                    “ไม่ปล่อย จนกว่าจะหายโกรธ นะครับ ชเว ฮีชอล” 

     

                    ดวงตาโตเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำเรียกขานจากชายหนุ่มที่ว่าจะหายโกรธกลับกลายเป็นหมั่นไส้มากสองมือที่คอยผลักๆดันๆ กลายเป็นกำปั้นทุบลงบนหน้าอกแข็งแกร่งอย่างแรง “ปล่อยเลยนะ แล้วหยุดบ้าได้แล้ว”

     

                    น้ำเสียงจริงจังและน้ำใสๆในดวงตากลมทำให้อ้อมแขนแกร่งที่แข็งเหมือนคีมเหล็กยอมปล่อยร่างบางออกอย่างง่ายดาย

     

                    “โกรธหรอฮีชอล” ใบหน้าคมนิ่งลง แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดทรุดตัวลงนั่งกับพื้นต่อหน้าร่างบางที่นั่งกอดเข่าซบหน้าอยู่ริมเตียงกว้าง ใจอยากจะคว้ามากอดแล้วกระซิบคำขอโทษข้างหูเล็ก แต่เพราะความผิดที่ทำซ้ำสองของวันทำให้ไม่กล้า ได้แต่นั่งนิ่งรอรับโทษ

     

                    “ฉันขอโทษ ต่อไปจะไม่ทำไม่พูดอีกแล้ว อย่าร้องไห้นะฮีชอล” เพราะเห็นร่างที่กอดตัวเองสั่นเทาน้อยๆ ก็พอรู้ได้ว่าคำพูดที่พูดไปเพราะใจนึกสนุกกำลังทำร้ายคนข้างหน้า ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมก็ตาม

     

                    “ฉันก็เป็นผู้ชายนะซีวอน” เสียงอู้อี้หลุดลอยออกมาให้ชายหนุ่มที่กำลังรู้สึกผิดได้งง ก็ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าร่างที่บอบบาง อ่อนหวานและเย้ายวน ตรงหน้าเป็นผู้ชาย ก็เขาไม่ใช่หรือไง ที่ทำร้ายร่างบางตรงหน้าด้วยวิธีป่าเถื่อนและเลวร้ายอย่างที่สุดสำหรับผู้ชายคนหนึ่ง

     

                    “ฮีชอล... ฉันขอโทษ” อ้อมแขนแกร่งโอบรอบร่างกายเล็กๆที่กอดตนเองจนกลมสองมือใหญ่ลูบแผ่นหลังเล็กปลอบประโลมร่างบาง

     

                    “ฉันเป็นผู้ชาย ถึงจะอ่อนแอ ขี้โรค หรือ น่าสมเพชแค่ไหน แต่ฉันก็ยังเป็นผู้ชาย เป็น ลูกชาย เป็นคิม ฮีชอลของพ่อแม่” ยิ่งพูดร่างกายก็ยิ่งสั่นเทา เมื่อภาพความอ่อนแอน่าสมเพชในวันเก่าก่อนที่ไม่มีทางต่อกรกับชายหนุ่มตรงหน้าได้ปรากฏขึ้นมา

     

                    ความน้อยเนื้อต่ำใจ และดูถูกตัวเองที่เก็บมานานสั่งสมจนเป็นหยดน้ำตาในวันนี้

     

                    “อื้ออ ฉันขอโทษนะ จะไม่พูดอีกแล้ว นายจะเป็นคิม ฮีชอลเท่านั้น เป็นคิม ฮีชอลที่ฉันรัก แล้วนาย... อย่าคิดว่าตัวเองอ่อนแอ หรือน่าสมเพช เพราะนายไม่ได้เป็นแบบนั้น ไม่ใช่เลย อย่าคิดดูถูกตัวเองนะฮีชอล”

     

                    ซีวอนรู้ดีว่าที่ฮีชอลคิดแบบนั้น เป็นเพราะเขา เพราะการกระทำของเขาที่เคยทำร้ายคนที่ตัวเองรัก แล้วหากฮีชอลไม่เข็มแข็งพอ คงไม่มีทางผ่านคืนวันเหล่านั้นมาได้ คงไม่มีทางเป็นที่ยึดเหนี่ยวหัวใจของเขา หากฮีชอลเป็นอะไรลงไปตั้งแต่ตอนนั้น ป่านนี้เขาเองคงเหมือนคนบ้า ไร้สติ และบ้าคลั่งที่กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไป ไม่เหลือคนรักอยู่ข้างกายให้คอยดูแลทะนุถนอม

     

                    ที่ผ่านมา ทุกช่วงชีวิตของเขามีฮีชอลอยู่เคียงข้างเสมอ เคยมีช่วงเวลาที่ติดผู้หญิงตามประสา แต่เพียงแค่เพื่อนรักที่ไม่รู้ว่าหลงรักตั้งแต่เมื่อไหร่เอ่ยปาก เขาก็พร้อมสละผู้หญิงเหล่านั้นทิ้งเพื่อฮีชอล ไม่เคยมีเพื่อนคนไหนที่จะให้ความสำคัญเท่าร่างบางข้างกาย ที่ตอนนั้นดูเหมือนว่าน่ารำคาญแต่ก็ไม่อาจทอดทิ้งได้เลย

     

                    ทำไมไม่รู้ตัวตั้งแต่ตอนนั้น ....จะได้ไม่ต้องมีช่วงเวลาเลวร้ายที่ยิ่งหวนนึกก็ยิ่งเกลียดตัวเอง

     

                    “ฉัน....” ร่างบางนิ่งเงียบไปนานเพราะเก็บก้อนสะอื้น “ไม่โกรธนายหรอก ไปอาบน้ำเถอะดึกแล้ว เดี๋ยวไม่สบาย”

     

                    “แล้วเรื่องที่โรงหนัง ยังโกรธอยู่ไหม” ชายหนุ่มยังไม่ยอมลุกออกไปง่ายๆ ย้อนถามถึงเรื่องแรกที่ทำให้ต้องไปโวยวายอยู่หน้าประตูเพราะเจ้าของห้องไม่ยอมให้เข้า

     

                    ใบหน้าหวานแดงก่ำเมื่อถูกถามถึงเรื่องน่าอายที่ชวนให้ขวยเขิน จะให้ตอบว่าโกรธก็ทำไม่ได้ เพราะไม่ได้โกรธตั้งแต่แรก ที่ทำเหมือนโกรธก็แค่กลบเกลื่อน เมื่อโดนจี้ถามจึงไม่รู้จะตอบยังไง “ไม่รู้”

     

                    “อื้ออ ไม่เอาแบบนี้สิ หายโกรธหรือยัง บอกหน่อย” ปากหยักได้รูปเบะออกเหมือนตอนที่โดนขัดใจ ดวงตาเรียวที่มันคมกริบอ้อนวอนขอคำตอบอย่างน่าสงสารแกมน่าหมั่นไส้

     

                    “ต้องบอกก่อนว่าจะไม่ทำอีก” เมื่อหมดหนทางจริงๆ ฮีชอลจึงย้อนมาขอคำสัญญาจากคนตรงหน้าก่อนที่จะยอมให้คำตอบแบบที่ซีวอนพอใจ....ก็ในเมื่อคนอย่างซีวอนไม่มีทางยอมรับคำตอบแบบอื่นอยู่แล้ว

     

                    เป็นเพื่อนกันมาตลอดชีวิตทำไมจะไม่รู้.....

     

                    “นายไม่สงสารฉันหรอ” ดวงตาคมกริบช้อนมองแบบที่เชิญชวนให้ทำร้ายร่างกาย ไม่รู้ไปฝึกมาจากไหน แต่ถ้ามือไม่ถูกยึดจับไว้ รับรองว่าได้ตีลงบนอกของพูดทำแน่ๆ          

     

                    “ไหนบอกว่ากำลังจีบฉัน แล้วคนกำลังจีบกันที่ไหนมาจูบกันแบบนี้ นายทำผิดนิซีวอน ไม่ต้องมาบอกให้ฉันสงสารเลย” ดวงตากลมมองไปทางอื่นไม่ยอมมองไปทางดวงตาเรียวที่พยายามทำให้น่าสงสารแต่กลับดูเจ้าเล่ห์

     

                    “งั้นเราก็เป็นแฟนกันเลยดีไหม” ซีวอนได้ทีรีบคว้าโอกาสแม้คำพูดจะดูเล่นๆ แต่เขาก็รู้ดีว่าจริงจังกับคำพูดนี้ และคนคนนี้แค่ไหน

     

                    “....”

     

                    “ว่ายังไง เป็นแฟนกันได้ไหม ฮีชอล...” ซีวอนลดความเล่นในน้ำเสียง มีแต่ความจริงจัง จ้องมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความลังเลอย่างคาดหวัง

     

                    “ฉัน ....ยังไม่พร้อม ขอโทษนะซีวอน แต่อีกไม่นานหรอก” ริมฝีอิ่มถูกเม้มเข้าหากันด้วยความลังเล ไม่ใช่ว่าไม่รัก แต่เพราะยังเหลือเศษเสี้ยวของความกลัวหลงเหลืออยู่ ใช้เวลาอีกไม่นานมันก็จะหมดไป ได้แต่หวังว่าซีวอนจะรอจนถึงวันนั้น ไม่ทิ้งกันไว้ที่กลางทางอันเปล่าเปลี่ยว

     

                    “ไม่เป็นไรหรอก” น้ำเสียงเคร่งขรึม ถูกปรับให้สดใสเพื่อกลับเข้าหาเรื่องที่เคยพูดค้างไว้ “แต่นายไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นนะ ปากอิ่มๆแบบนี้” นิ้วยาวของคนพูดแตะเบาๆที่ปากอิ่มของคนฟัง ใบหน้าคมแกล้งทำหงอยเหมือนจะน่ารัก “มันน่าจูบแค่ไหน”

     

                    “ซีวอน!!!” ฮีชอลรู้ตัวว่าหน้าร้อนผ่าว อยากจะฟาดลงบนต้นแขนของคนพูด แต่ก็คงเสียแรงเปล่าเพราะต้นแขนใหญ่ๆนั่นตีไปก็ไม่เจ็บ เผลอๆจะเจ็บเองเสียมากกว่า

     

                    “จริงๆนะ นายไม่รู้หรอกว่า เวลามืดๆแล้วหันไปเจออะไรแบบนี้มันอดใจยาก แล้วหนังตอนนั้นมันก็บิวล์อารมณ์อีก ทำแค่จูบนี้ก็แปลว่าฉันห้ามตัวเองได้มากขึ้นแล้วนะ”

     

                    ดวงตาจับจ้องใบหน้าคมที่กำลังจริงจัง ฟังถ้อยคำแล้วยิ่งทำร้ายคน แต่ติดตรงที่ว่าใจนึกไปถึงรสจูบแสนหวานที่เกิดขึ้นในโรงหนังแล้วเป็นรอบที่คนเต็มโรง และถ้าจำไม่ผิดเป็นตอนที่พระเอกกำลังสู้กับตัวร้าย “ซีวอน นายอยากจูบตอนที่คนเขากำลังสู้กันจะเป็นจะตายเนี้ยนะ”

     

                    “ใครว่า” ปากหยักคมเบ้ลง “ฉันอยากจูบนายตั้งแต่ที่เขาปิดไฟแล้ว ตอนที่นายโกรธเดินหนีก็อยากจูบ ตอนที่นั่งหน้าบึ้งบนรถก็ใช่ว่าจะไม่อยาก หรือแม้แต่ตอนนี้”

     

                    “ซีวอนนนนน” เสียงหวานเรียกดังลั่นใบหน้าแดงก่ำด้วยความอาย มองคนตรงหน้าเหมือนคนไม่เคยรู้จัก ไม่เคยพบเจอ ไม่คิดว่าเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เกิดจะมีนิสัยแบบนี้ อดไม่ได้ที่จะฟาดมือลงบนต้นแขนใหญ่ “ฉันจะไม่ไปดูหนังในโรงกับนายอีกแล้ว”

     

                    “ทำไมเล่า โอ้ย นี้พูดเรื่องจริงนะ” ชายหนุ่มแกล้งเจ็บไปก็ยังคงพูดไม่เลิก พอใจทีได้เห็นใบหน้าหวานมีแดงเรื่อด้วยเลือดฝาด

     

                    “พอหยุดพูด ไปอาบน้ำเลย ถ้าไม่ไปก็ไม่ต้องนอนห้องนี้”

     

                    สิ้นสุดคำขาดชายหนุ่มที่เอาแต่แกล้งหยอกล้อก็ยอมเดินเข้าไปในห้องน้ำแต่โดยดี ปล่อยให้อีกคนต้องแอบเอามือกุมหัวใจที่เต้นรัวด้วยความสุข รอยยิ้มหวานประดับอยู่บนใบหน้าสวย

     

                    กว่าที่ซีวอนจะออกมาจากห้องน้ำ เจ้าห้องก็เข้านอนปิดไฟดวงใหญ่เปิดไว้แต่เพียงไฟโคมข้างเตียงเสียแล้ว ใบหน้าคมมีแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มเมื่อได้เห็นรอยยิ้มอ่อนหวานบนใบหน้าคนนอนหลับ

     

                    “ยิ้มแบบนี้ ฝันดีอยู่แน่ๆเลยใช่ไหม แล้วในฝันมีฉันอยู่หรือเปล่า” ปากหยักร้อนประทับลงบนหน้าผากเกลี้ยง พึมพำฝันดีข้างหูเล็ก มือหนาๆลูบไล้ผมนุ่มกล่อมให้คนหลับ ได้ยิ่งหลับลึกสบายตัว

     

                    “รู้ตัวหรือเปล่า ว่านายเป็นหลักยึดของชีวิตฉัน แล้วนายจะอ่อนแอได้ยังไงฮีชอล นายหน่ะแข็งแกร่งที่สุดสำหรับฉันเลยนะฮีชอล” ซีวอนไม่รู้ว่าถ้อยคำจะฝากไปถึงร่างเล็กหรือไม่ รู้เพียงว่าไออุ่นจากความรักกำลังอบอวลอยู่รอบตัว เมื่อคว้าร่างเล็กเข้ามาโอบกอด

    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

                    “ฮัลโหลซีวอน อยู่ไหน”  ความอิดโรยหายไปทันทีเมื่อออกจากห้องสอบ ละทิ้งความเครียดไว้เบื้องหลังแล้วโทรหาสารถีประจำตัวที่มารออยู่ทุกวัน ตั้งแต่เริ่มเรียนจนถึงวันสอบเสร็จ

     

                    /อยู่หน้าคณะ สอบเสร็จแล้วหรอ หิวไหม/

     

                    “เสร็จแล้ว หิวมากด้วย กินนายได้ทั้งตัวเลย ไปหาไรกินกันนะ” ใบหน้าสวยยิ้มกว้าง เดินลงมาหาคนที่รออยู่ แต่ก็ยังไม่ยอมวางสายโทรศัพท์

     

                    /ถ้าอยากกินจะเสริฟ์ให้ถึงที่เลย กล้าหรือเปล่าหล่ะ ฮีชอล/

     

                    “หมายความว่าไง” ปากที่ไวกว่าหลุดถาม แต่แล้วใบหน้าหวานก็แดงก่ำ แปลความหมายที่ชายหนุ่มพูดออก ปากอิ่มยื่นออกมาแม้จะไม่มีใครเห็นก็ตาม “ไม่คุยด้วยแล้ว”

     

                    “ไม่คุยด้วยจริงหรอ” เสียงทะเล้นของซีวอนดังมาให้ได้ยินแม้ว่าจะกดวางสายไปแล้ว เพราะร่างสูงมายืนอยู่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้มกว้างจนมีรอยยิ้มบุ๋มที่นานจะเห็นสักครั้ง

     

                    “.......” ใบหน้าสวยๆย่นจมูกใส่ก่อนยื่นส่งของทั้งหมดที่ถือมาให้กับชายหนุ่มไร้คำพูดใดๆ รู้ว่าพูดไปตอนนี้คงไม่พ้นเข้าตัวอยู่ดี

     

                    “สงสัยจะจริง ว่าจะพาไปหาอะไรอร่อยๆทานฉลองสอบเสร็จ แต่ไม่พูดกันแบบนี้ กลับบ้านดีกว่า ว่าไหม” มือยื่นรับของทั้งหมดมาถือด้วยความเต็มใจ แต่ก็ยังอดหยอกล้อร่างเล็กไม่ได้

     

                    “ตามใจ” ใบหน้าหวานกับดวงตาโตหันมามองแล้วหันกลับพร้อมกับความบึ้งตึ้ง เดินนำไปขึ้นรถคันโตที่จอดไว้แต่เช้า

     

                    “โอ๋ๆๆ สงสัยจะโมโหหิว ไม่งอนนะครับ ป่ะเดี๋ยวจะรีบขับรถเลย น้องอยากทานไรบอกมา เดี๋ยวพี่จัดให้” ร่างสูงรีบสับขาเดินมาดักหน้า ส่งยิ้มให้คนโมโหหิว ง้อด้วยเรื่องของกิน

     

                    “ฮึๆๆๆ พี่อยากพาไปกินไร น้องก็กินทั้งนั้นแหล่ะ แต่เร็วๆเลย หิวมากแล้ว” ที่อุตส่าห์แกล้งบึ้งมาตั้งนานในที่สุดก็หลุดขำออกมา เพราะหน้าตาประหลาดๆที่อุตส่าห์มีคนทำให้ดู

     

                    “คร้าบบบบ ใช่สิเรามันกำลังจีบเขาอยู่นิ อะไรๆก็ต้องยอมแหล่ะ”

     

                    “พึมพำอะไร” ฮีชอลถามคนที่อยู่ข้างๆ ความจริงก็ได้ยินอยู่ ถึงจะไม่ชัดเท่าไหร่ก็ตาม

     

                    “เปล้า แค่....”  ดวงตาคมเหล่มองคนที่เดินเคียงข้าง เห็นประกายความอยากรู้ในดวงตาคู่กลมแล้วก็ยิ่งเอ็นดูจนอยากแกล้งมากขึ้นอีก “บอกว่า รักฮีชอลจังเลย เมื่อไหร่จะยอมเป็นแฟนกันสักทีนะ”

     

                    “ไม่รู้”

     

    คำสั้นๆแสนห้วนที่ซีวอนได้ยินมานับไม่ถ้วน แต่แปลก...ที่รู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้ยิน เหมือนกับไม่ว่าจะเป็นคำตอบแบบใด ขอแค่เป็นคำตอบจากปากอิ่มนี้ เป็นคำตอบที่ออกมาจากใจดวงเดิมที่ไม่เปลี่ยนแปลง แค่นั้นก็ทำให้เขามีความสุขได้แล้ว....

     

    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

    “กินข้าวเสร็จแล้ว จะดูหนังไหม” ระหว่างที่กำลังเดินเล่นอยู่ในห้าง ซีวอนก็เอ่ยถามคนที่กำลังเลือกหนังสืออ่านเล่นอย่างตั้งใจยิ่งกว่าตอนอ่านหนังสือสอบ

     

                    “งั้นก็ซื้อแผ่นกลับไปดูที่บ้าน” ฮีชอลยอมละสายตาจากหนังสือรวมเทพนิยาย

     

                    “อะไร สอบเสร็จทั้งที มันต้องดูในโรงสิ  ฉลองสอบเสร็จไง” ตั้งแต่วันนั้น ร่างบางก็ไม่ยอมดูหนังในโรงกับเขาสองคนอีกเลย ชวนด้วยเหตุผลร้อยแปดยังไงก็ไม่ยอม นอกจากว่าจะซองมิน หรือใครมาดูด้วย

    เฮ้ออ...ทำพลาดครั้งเดียว โอกาสลอยไปหมดเลย

     

                    “ไม่เอาแล้ว เดี๋ยวนายก็แกล้งอีก” ฮีชอลคัดค้านในทันที ยิ่งเห็นสายตาวิบวับก็ยิ่ไม่มีทางหลงกลเอาด้วย ยิ่งช่วงนี้มีแต่หนังบู๊ล้างผลาญ ยิงกันเลือดสาด

     

    ถ้าหากซีวอนอยากเป็นประเภทชอบความรุนแรงอย่างที่คิดไว้ เกิดอารมณ์อยากจูบตอนคนกำลังฆ่ากันอีก เขาไม่แย่หรอ  หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่มีทางยอมเด็ดขาด

     

                    “ใจร้ายที่สุด ฮีชอลใจร้ายๆๆๆๆ”

     

                    ดวงตาโตปรายตามองคนข้างๆที่ทำทางไม่เข้ากับตัว สะบัดไหวไหล่ไปมา คิดว่าน่ารักมากหรือไง “ถ้าทำอีกจะไม่เดินด้วยแล้วนะ”

     

                    “ใจร้ายจัง เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย”

     

                    “ก็เมื่อก่อนนายไม่ทำท่าแบบนี้นิ ทำแต่อะไรก็ไม่น่ากลัว” ประโยคหลังร่างบางพูดกับตัวเองเบาๆ ดวงตากลมเศร้าหมองลงหลุบตาลงต่ำ นึกถึงภาพความโหดร้ายที่อยากลืมมันไปให้หมด

     

                    “ฮีชอล...ฉันขอโทษแต่รับรองว่ามันจะไม่เกิดขึ้นแล้ว ต่อให้ต้องตายฉันก็จะไม่มีทำร้ายนายให้ต้องเจ็บและเสียใจอีก” ความรู้สึกผิดหลั่งเข้ามาท่วมท้นในจิตใจ โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองที่สร้างความทรงจำเลวร้ายแบบนั้นให้ฝังอยู่ในความทรงจำของร่างบาง

     

                    แม้ฮีชอลจะยกโทษให้ แต่เขาไม่มีทางยกโทษให้ตัวเองเด็ดขาด จะไม่มีวันลืมเลือนความรู้สึกยามเกือบสูญเสีย จะจำความเจ็บ ความกลัวนั้นไว้ เพื่อตอกย้ำตัวเองเรื่อยไป

     

                    “ซีวอน อย่าคิดมากสิ ไปหาแผ่นหนังกลับไปดูที่บ้านกันดีกว่าเนอะ” ฮีชอลส่งรอยยิ้มอ่อนหวานปลอบโยนชายหนุ่มข้างกาย วางหนังสือในมือลงตามเดิม แล้วคว้าจับมือใหญ่มากุมไว้ลากออกไปยังร้ายขายแผ่นหนัง

     

                    ใบหน้าคมที่มักนิ่งเรียบค่อยแดงๆขึ้น เดินตามร่างเล็กไปเงียบๆ สายตาจับจ้องสองมือที่สอดประสานกันอย่างมีความสุข นี้เป็นครั้งแรกที่ฮีชอลเดินจับมือเขาไว้

     

    ใครที่เดินผ่านไปมาคงได้เห็นใบหน้าคมมีความสุขจนล้นปรี่ออกมา

     

                    “อยากดูเรื่องไหน วันนี้ฉันให้นายเลือก” เสียงใสดังลอดเข้ามา ปลุกเข้าจากภวังค์แห่งความสุข ก่อนจะยิ่งมีความสุขเมื่อได้รับรอยยิ้มในแบบที่อดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบกลับ

     

                      “ฮีชอลเลือกเหอะ ฉันดูเรื่องไหนก็ได้ แค่นายดูด้วยก็พอแล้ว” ความสุข ความสนุกของเขาเวลาดูหนักกับฮีชอลไม่ได้ขึ้นอยู่กับหนังอีกต่อไปแล้ว แต่มันขึ้นอยู่กับสีหน้าของคนที่ดูด้วย

     

    หน้าที่เบ่งบานด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าเศร้าๆที่อินไปกับหนังที่ดู ใบหน้าสะใจยกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นตัวร้ายถูกจัดการ ความสุขของเขาขึ้นอยู่กับคนข้างจริงๆ

     

                    “ให้ฉันเลือกหรอ อือ อยากดู....” ดวงตาไล่สายตาไปตามหนังเรื่องต่างๆ ก่อนหยุดลงที่หนังเก่าเรื่องหนึ่ง ที่ไม่เคยทำใจดูได้เลย แต่ความอยากดูก็มีมากจนคิดหนัก เผลอกัดริมฝีปากอย่างที่ทำประจำ “เอาเรื่องนี้ก็ได้”

     

                    ซีวอนมองหนังในมือบางจำได้ว่าเป็นเรื่องที่ฮีชอลอยากดูมานานแต่ทำใจไม่ได้สักที เพราะตอนจบที่แสนบีบคั้น “แน่ใจว่าจะดูนะ มันเศร้าไม่ใช่หรอ”

     

                    “อื้อ เรื่องนี้แหล่ะ ก็อยากดูนิหน่า อย่างน้อยก็ไม่มีใครตายก็พอ” เสียงหวานให้เหตุผลแต่ในสายตาก็ยังมีความลังเลอยู่นิดๆ

     

                    “ตามใจ เอาเรื่องไรอีกไหม หรือจะเอาการ์ตูนสักเรื่องเปล่าเผื่อดูหนังแล้วร้องไห้ดูต่อไม่ได้นะ” ซีวอนยังอารมณ์ดีหยอกล้อคนชอบอินร้องไห้ไปกับตัวละครในเรื่องทุกที

     

                    “การ์ตูนฉันมีครบแล้วหรอก เอาเรื่องเดียวนี้แหล่ะ”

     

                    “อื้อ ฉันจ่ายตังค์เลยนะ” ชายหนุ่มรับแผ่นหนังจากร่างบางเดินนำไปที่เคาร์เตอร์เพื่อจ่ายเงิน มองเห็นรอยยิ้มเศร้าๆบนใบหน้าหวานแล้วได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเอ็นดู ทั้งที่ก็กลัวตอนจบ แต่ก็ยังอยากดื้อ

     

                    สุดท้ายวันนี้พวกเขาก็ได้หนังโรแมนติคดราม่า Sweet November หนังเก่าตั้งแต่ปี2001คีนูรีฟแสดง มาดูฉลองคนสอบเสร็จจนได้

     

                    แล้วคืนนี้จะรอดูว่า บางจะมีใครร้องไห้หรือเปล่า..... ไม่ใช่อะไรหรอก เขาจะได้เตรียมแผ่นอกเป็นที่เช็ดน้ำตาให้คนอ่อนไหว   

     

    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

    ห้องนอนของฮีชอลถูกปิดไฟจนมืดสนิท มีเพียงแสงจากทีวีที่กำลังฉายหนังรักสุดซึ้ง เจ้าของห้องกึ่งนั่งกึ่งนอนดูอยู่บนเตียงเอนหลังพิงชายหนุ่มร่างสูงที่ซ้อนอยู่ด้านหลังสองมือกอดรอบเอวบาง ไม่สนใจจะดูหนังเท่ากับสูดดมความหอมของร่างเล็กในอ้อมกอด

     

                    หนังเล่าเรื่องของชีวิตผู้ชายคนหนึ่งที่พร้อมทุกอย่างแต่มีชีวิตที่เคร่งเครียดจนต้องมาใช้ชีวิตร่วมกับหญิงสาวที่รักอิสระหลุดออกจากกรอบความเคร่งเครียดของชีวิต มีความสุขกับครอบครัว คนทั้งสองที่แตกต่างกัน ค่อยๆเติมเต็มกันและกัน จนกลายเป็นความรักที่แสนหวาน หากว่าจะไม่มีโรคร้ายของนางเองเข้าแทรกกลาง

     

                     ในช่วงกลางเรื่องที่นางเอกต้องเข้าไปนอนในโรงพยาบาลน้ำตาหยดเล็กๆ คลอดในดวงตาคู่โต แล้วเมื่อถึงตอนนี้นางเอกขอร้องให้พระเอกพากลับบ้าน เพียงแค่เสียงแหบแห้งที่ถ่ายทอดความเจ็บปวดของพระเอกกับคำพูดสั้นๆที่ว่า ....Anything.... ก็ทำให้น้ำตาที่คลออยู่ไหลทะลักออกมา

                           

                       
                      “เป็นอะไร ร้องไห้แล้วหรอฮีชอล” นิ้วหัวแม่มือใหญ่ค่อยๆเช็ดน้ำตาที่อาบแก้มใส ส่งรอยยิ้มปลอมประโลมไปให้ ไมไชอบใจเลยที่ใบหน้สวยหวานนี้จะต้องเปื้อนน้ำตา ถึงมันจะเป็นเพราะอินกับหนังที่ดูก็ตาม “เปลี่ยนเรื่องไหมดูเรื่องเก่าๆก็ได้”

     

                    “ไม่เอา ดูนี้แหล่ะ ใกล้จบแล้ว แต่...” เสียงหวานเงียบลง มีคำถามที่ไม่กล้าถามแต่ก็อยากรู้

     

                    “แต่อะไร...”

     

                    “ถ้าฉันเป็นแบบนางเอกเรื่อง แล้วขอให้นายพากลับ นายจะยอมพาฉันกลับไหม”

     

                    ซีวอนสบตาคู่กลมนิ่ง จ้องมองหาแววตาของความสนุก แต่มันไม่มีอยู่เลย มีแต่แววตาที่เคลือบแคลงด้วยความสงสัย และความจริงจัง ชายหนุ่มก้มลงจูบเรือนผมนุ่มหอมกรุ่นก่อนตอบ “ไม่....แต่ฉันจะไปอยู่โรงบาลเป็นเพื่อนนาย อยู่กับนายตลอดเวลาไม่ให้นายต้องเหงา หรือกลัวอะไร  นายอาจจะมองว่าฉันใจร้ายที่ไม่ยอมทำตามใจ แต่ที่ฉันทำ ก็เพราะฉันรักนายนะฮีชอล รักมาก แล้วอะไรที่จะทำให้นายหายป่วยฉันก็จะทำถึงมันจะขัดใจนายก็ตาม”

     

                    “ฮึก.. ฮึก.. ขอบคุณที่รักฉัน ฮึก...”

     

                    “อย่าร้องสิ นายร้องฉันปิดทีวีนะ”

     

                    “อื้อออ ไม่ร้องแล้ว เรื่องอะไรจะปิด ดูมาจนจะจบแล้ว” ดวงตาช่ำน้ำส่งค้อนให้ชายหนุ่มที่นั่งซ้อนหลังก่อนกลับไปตั้งใจดูหนังอีกครั้ง

     

                    แล้วก็มีฉากให้ต้องหน้าแดงกล่ำเมื่อสองคนที่อยู่ในจอทีวีกำลังแลกเปลี่ยนถ่ายทอดความรักให้กันอย่างหวานซึ้งและลึกล้ำ พาให้นึกเขินอายคนที่นั่งดูอยู่ด้วยกัน

     

                    “เมื้อกี้ตอนเขาเศร้าก็ร้องไห้ไปแล้ว นี้เขามีความสุขเรามาเลียนแบบเขากันไหมฮีชอล”

     

                    “บ้า!” มือเล็กฟาดลงบนอ้อมแขนที่โอบอยู่รอบเอวอยากจะกดสคิปข้ามฉากแต่รีโมทก็อยู่ไกลเกินเอื้อมต้องทนดูฉากหวานชื่นในอ้อมกอดของคนหื่นต่อไป

     

                    แต่แล้วในที่สุดก็เข้าช่วงสุดท้ายของเรื่อง เมื่อพระเอกผ่านพ้นคืนแสนหวานแต่ต้องตื่นเช้ามาเจอกับภาพที่นางเอกกำลังหนี

     

                    แม้พระเอกจะยื้อนางเอกด้วยความรักแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถรั้งไว้ได้ ด้วยเหตุผลที่แสนเจ็บปวดของนางเอก คำขอร้องที่แสนทรมาน สุดท้ายพระเอกก็ต้องปล่อยนางเอกไปจากชีวิต หลงเหลืออยู่เพียงแค่ในความทรงจำ เหมือนที่นางเอกขอร้อง
                                    
                          

          

                    ฮีชอลกำลังยกนิ้วขึ้นปาดน้ำตาที่กำลังเอ่อคลอ แต่กลับรู้สึกได้ถึงความชื่นที่บนบ่าจนต้องหันกลับไปดู แล้วก็พบกับสิ่งที่ไม่คาดหวัง “ซีวอน ...นายร้องไห้”

     

                    “ฮีชอล.. นาย อย่าทำแบบนี้นะ อย่าทิ้งฉันไปไม่ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น อย่าหนีฉันไปนะ” ซีวอนไม่อายที่จะร้องไห้ต่อหน้าร่างบาง ความกลัวเข้ามาครอบงำในใจเมื่อยามเห็นนางเอกเดินจากไป หากเป็นเขาที่ถูกฮีชอลทิ้งจะเป็นเช่นไร จะอยู่ได้ยังไง

     

                    เขามองว่านางเอกเรื่องนี้ใจร้าย และเห็นแก่ตัวที่สุด ทำแบบนี้แล้วได้อะไรนอกจากมีแต่คนเจ็บ คนที่อยู่ข้างหลังคงได้แต่ทรมานและกระวนกระวาย จะให้มีความสุขได้อย่างไรกัน “อย่างที่พระเอกบอกไงฮีชอล ชีวตคนเราไม่ต้องสมบูรณ์ไปทุกอย่าง สำหรับฉันก็ใช่ จะเป็นยังไงก็ได้ ขอแค่มีนายอยู่ข้างๆ ให้ฉํนได้กอด ได้ดูแลก็พอแล้ว อย่าทิ้งฉันไปนะ อย่าหนีฉันไป”


     

                    “อื้ออ อย่าร้องนะซีวอน ฉันไม่หนีนายไปหรอก อย่ากลัวเลย ต่อให้นายไล่ ฉันก็ไม่หนีหรอก ตกลงไหม” ฮีชอลพยายามพูดให้ตลกหวังให้ชายหนุ่มคลายความเศร้าแต่ก็เหมือนมันจะไม่ช่วยอะไรเลย

     

                    น้ำตาเม็ดใหญ่ไม่เข้ากับใบหน้าคมสัน แต่ก็แสดงให้เห็นว่าผู้ชายที่เหมือนแข็งกระด้างก็ร้องไห้และเสียน้ำตาเป็น ฮีชอลแนบริมฝีปากตนเองลงบนริมฝีปากหยักคมที่ร้อนผ่าว ปลอบประโลมคนอ่อนแอด้วยจูบหวานๆแตะสัมผัสลงแผ่วเบาถ่ายทอดความอบอุ่นและรักใคร่เป็นสัญญาจะไม่หนีหาย แต่เมื่อจะผละหนีคนที่พึ่งผ่านพ้นความเสียใจกลับเอาแต่ใจไม่ยอมให้หนีห่าง

     

    จากสัมผัสเบาบางตรงริมฝีปาก ค่อยๆ เปลี่ยนแรงดูดดุนมากยิ่งขึ้น ลิ้นอุ่นไล้เลียกลีบปากนิ่มวอนขอให้เจ้าของตอบรับแทรกเข้าไปด้านใน รุกเร้าให้อีกฝ่ายเกี่ยวพันอย่างล้ำลึก ฮีชอลหลับตาเคลิบเคลิ้มในรสจูบที่ซีวอนมอบให้ ความอ่อนหวานแผ่ซ่านเข้าไปถึงข้างใน จนก้อนเนื้อมีชีวิตเต้นตุบอย่างบ้าคลั่ง

     

    เอวบางถูกรั้งเข้าหาอ้อมอกกว้าง พาให้สองกายแนบชิดเสียดสี จุดไฟอารมณ์ให้โหมกระพือขึ้น มือหยาบใหญ่เลื่อนจากแผ่นหลังสอดเข้าภายใต้สาบเสื้อนอน ลูบไล้ผิวเนียนละเอียดอย่างเผลอไผล ส่งผลให้ร่างบางเกร็งสะท้านเมื่อรับรู้ถึงความร้อนจัดของอุณหภูมิร่างกายทาบทับบนผิวเนื้อ

     

               “อ๊ะ...ซีวอน”                                                      

     

    เสียงหวานเอ่ยกระซิบเมื่อริมฝีปากได้รับอิสระ เขารู้ดีว่าเวลานี้ซีวอนต้องการอะไร แต่เขายังไม่พร้อม...ความกลัวที่สะสมมาเป็นเวลายาวนานเกาะกินจนไม่กล้ามอบกายถวายใจให้คนตรงหน้าได้ทั้งหมด

     

    ฮีชอลช้อนมองดวงตาเรียวที่แฝงด้วยอารมณ์ปรารถนา ภายในนั้นเต็มไปด้วยความต้องการผสมปนเปกับความเสียใจ แต่ดูท่าความต้องการจะเป็นฝ่ายชนะเสียมากกว่า


                     NC

        ซีวอนจูบขมับและเรือนผมหอมนุ่มเบาๆ ขณะที่ฮีชอลหอบสะท้านอย่างเหน็ดเหนื่อย แม้ในห้องจะเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ก็ไม่อาจลบล้างอุณหภูมิร่างกายที่ร้อนระอุได้

     

                    ชายหนุ่มคว้าร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอด รอให้ลมหายใจเหนื่อยหอบค่อยๆกลายเป็นปรกติแล้วจึงประทับจุมพิตอีกครั้งบนกลีบปากอิ่ม ใบหน้าคมอาบอิ่มด้วยความสุข แม้จะแค่ภายนอก แต่ในใจของเขาก็ได้รับการเติมเต็มยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

     

    “ฉันชักชอบดูหนังที่บ้านแล้วสิ ฮีชอล” ซีวอนพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบที่อบอวลด้วยความรักความอบอุ่น หยอกล้อแก้มแดงให้ยิ่งแดงจัด

     

                    ดวงตาโตมองค้อนชายหนุ่มที่เป็นทั้งเตียง หมอนหนุน หมอนข้าง และผ้าห่มให้ในเวลานี้ มองเห็นรอยยิ้มกว้างที่แสนใจดี ความอ่อนโยนที่พึ่งผ่านพ้น ทำให้ตัดสินใจได้

     

                    บางที....มันคงถึงเวลาแล้ว

     

                    “นายต้องรับผิดชอบฉัน ซีวอน”

     

                    เสียงหวานเคร่งขรึมปนหอบน้อยๆที่แสนยั่วยวนทำให้ซีวอนต้องมองด้วยความสงสัย “ให้ฉันรับผิดชอบยังไง นายก็รู้ฉันพร้อมรับผิดชอบมาตั้งนานแล้ว มีแต่นายเองนั่นแหล่ะที่ไม่พร้อมให้ฉัยรับผิดชอบ”

     

                    นายต้องเป็นคนรักของฉัน ดูแลฉัน ต้องรักแค่ฉันทำได้ไหม” คำถามสุดท้ายแผ่วเบา ไม่แน่ใจว่าถือดีเกินไปหรือเปล่า ที่ขอให้สบูรณ์พร้อมอย่างซีวอนหยุดลงที่คนขี้โรคไร้อนาคต ให้ความมั่นคงกับคนรักไม่ได้เลย เพราะไม่รู้ว่าจะต้องจากไปเมื่อไหร่

     

                    “ฉันจะมีแค่นาย จะรักและดูแลนายไปตลอดชีวิต เป็นคนรักของฉัน เป็นคู่ชีวิตของฉันเถอะนะฮีชอล” นี้คงเป็นวันที่เขารอคอย ช่วงเวลาสั้นๆก่อนที่จะได้ยินคำตอบ ช่างเป็นการรอคอยที่แสนทรมาน

     

                    “อือออออ ขอบคุณนะซีวอน”

     

                    ชายหนุ่มได้ยินเพียงแต่เสียงอู้อี้จากร่างเล็กที่ซุกซบหลบความเขินอยู่ในอ้อมอกเปล่า รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นไปด้วยกัน ความอบอุ่นจากตรงที่ริมฝีปากอิ่มประทับแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย

     

                    นี้คงเป็นค่ำคืนที่แสนศักดิ์สิทธ์ไม่แพ้งานแต่งงานของใครๆ คืนที่เขาและฮีชอลเป็นของกันและกันทั้งกายและใจ คืนนี้ต่อจากนี้จะไม่มีทางแยกจากกันไปอีก

     

                    รักนี้อาจไม่ชั่วนิรันดร์ แต่จะคงอยู่และผูกติดในจิตใจไม่ลืมเลือนแม้จะสิ้นลมหายใจ เขาก็เชื่อว่าพวกเขาจะได้อยู่เคียงข้างกัน จะรอคอยเพื่อพบกัน ไม่ห่างหาย........

     

     

    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

     

    Talk

          

                    เฮือกกกกกกกกก หมดลมคะ หวานซึ้งเน่าตรึงเหลือเกินนนนนนนน ในที่สุดก็มาถึงตอนนี้จนได้ 555 แต่ยังไม่จบนะคะ อย่าพึ่งทิ้งกันไป เหลือปีสี่อีกตั้งปีแหน่ะ อิอิ

                    ตอนนี้ก็เหมือนเดิมคะ ต้องขอบคุณคุณเพื่อนที่แสนดีHikaru_home ที่ช่วยปั่นมาให้ แล้วรับรองว่าปีสี่ยังมีน้องเอ็น น้องซี รออยู่แน่ๆคะ

                    อย่าลืมดูคลิปเพิ่มความเน่านะคะ ส่วนใครที่ยังไม่ได้ดู แล้วตั้งใจจะดู ถ้านี้เป็นการสปอยล์เนื้อหาหนัง ไอซ์ต้องขอโทษด้วยนะคะ แต่เรื่องนี้มันเข้ากะวันส์มากจริงๆ  เพราะมันช่างเศร้าจนไอซ์ไม่กล้าดู แต่ไม่ต้องกลัวว่าวันส์จะเศร้าแบบนี้นะคะ เพราะในตอนพิเศษ ตอนอินโทรก็สปอยล์ไปเต็มๆเลยว่า ตอนจบวันส์ไม่เศร้าแน่นอน อิอิ

                    ส่วนตอนนี้ ไอซ์ขอไปนอนก่อนคะ แล้วพรุ่งนี้ไอซ์จะไล่ส่งเมล์ให้ อย่าลืมทิ้งเมล์นะคะ

     

                    ขอบคุณทุกคอมเม้มท์คะ

    รายชื่อผู้ที่ไอซ์ส่งอีเมล์นะคะ ถ้ามีตกหล่นอย่าลืมทิ้งอีเมล์นะคะ 

    พี่กิ๊ก

    พี่หนูดี

    พี่mon

    คุณหนอน

    แพท

    ส้ม

    คุณhee angle  

     

    คุณ nitka   

     

    คุณ lady

     

    คุณขนิษฐา

     

    คุณ มายด์  

     

    คุณ p_QUEEN_q

     



    Jellyfish

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×