คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : 美花 : 第八花 100%
美花:第八花
ยามอรุณก่อนที่ไก่ตัวแรกจะขัน องค์ฮ่องเต้ผู้เคร่งครัด ทรงเบิกพระเนตรกว้าง ทอดพระเนตรน้องน้อยในอ้อมพระพาหา ที่กำลังหลับสบายทั้งที่เมื่อราตรีก่อนพึ่งคิดปลงพระชนม์พระองค์ “แล้วอย่างนี้หรือ ที่น้องของพี่จะฆ่าใครได้ ฮีชอล...ทำไมต้องดิ้นรนด้วยนะ”
ทรงทอดพระเนตรร่างเล็กๆจนผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยาม เหล่านกน้อยส่งเสียงบรรเลงเพลงยามเช้า ให้รู้ว่าทุกชีวิตในวังหลวงกำลังจะเริ่มต้น และร่างเล็กๆที่เหมือนดั่งลูกแมวกำลังซุกหาความอบอุ่นจากแม่ก็ควรจะเริ่มต้นเช่นกัน “ฮีชอล ตื่นได้แล้ว ฮีชอล” พระสุรเสียงทุ้มเรียกน้องน้อยชิดริมหูเล็ก
“ไม่เอายังเช้าอยู่เลย ขอข้านอนต่ออีกนิดเหอะนะ” เสียงแผ่วของคนสะลืมสะลือที่องค์ฮ่องเต้เองก็ไม่แน่พระทัยว่า จะรู้หรือไม่ว่าเจ้าตัวอยู่ที่ใด
“ไม่ได้ เจ้าต้องอาบน้ำให้พี่นะ ฮีชอล อย่าลืมสิว่าเจ้าเป็นต้นห้องของพี่” แม้ต้องรับมือกับคนขี้เซาไร้ความรับผิดชอบ หากแต่ก็ทำให้พระองค์รู้สึกเบิกบานได้
“ก็ให้เฉียนกุ้ยทำให้สิ ข้าจะนอน ท่านอย่ามายุ่งนะ” มือบางปัดรำคาญแถวๆใบหูที่มีเสียงทุ้มวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะซุกตัวหาความอบอุ่น จากอ้อมพระอุระ
“เฉียนกุ้ยเป็นขันที เขาแค่เตรียมน้ำให้พี่ แต่เจ้าต้องเป็นคนอาบนะ ไปได้แล้ว” แม้พระโอษฐ์จะสั่งให้ลุกขึ้น หากแต่พระหัตถ์กลับลูบหัวเล็กๆสร้างความสบายให้กับคนหลับ
“ท่านก็ไปเหอะ ข้าไม่ไป คนจะนอน กวนคนนอนมันเป็นบาปรู้ไหม ที่ท่านยังไม่มีฮองเฮาก็เพราะท่านหน่ะ บาปหนาจากการที่ชอบปลุกคนนอนทั้งพวกขันที ทั้งราชองค์รักษ์ แล้วท่านก็ยังจะสร้างบาปให้กับข้าอีกหรือนี้ แผ่นดินนี้คงไร้ฮ่องเฮาเป็นแน่แท้” เสียงงึมงำของคนที่ไม่ยอมตื่นสร้างเสียงพระสรวลให้ดังลั่น
“เจ้านี้นอนมาก แล้วยังจะพูดมากอีกนะฮีชอล แต่ก็คงจริงว่าแผ่นดินพี่จะไร้ฮองเฮา ถ้าเจ้าไปลุกพี่จะเป็นคนพาเจ้าไปอาบเองนะ ไม่อายบรรดาขันที ข้างนอกนู้นหรือไง” ทรงทอดพระเนตรอ๋องน้อยช่างคิด ไม่รู้หรืออย่างไรว่า ก็เพราะเจ้านั้นแหล่ะที่จะทำให้แผ่นดินฮ่องเต้องค์นี้ไร้หญิงที่จะมาครอบครองตำแหน่งผู้ปกครองวังฝ่ายใน
“อื้อ ท่านจะทำอะไรก็ทำเถิด ข้าจะนอน” สิ้นสุดคำพูดร่างเล็กก็ฝังหน้าลงกับหมอน แต่แล้วก็เหมือนรู้สึกว่าจะลอยได้ ช่างเป็นความรู้สึกที่แสนเบาสบาย ชวนให้หลับลึก
ฮ่องเต้หนุ่ม ทรงทอดพระเนตรร่างเล็กที่ทรงอุ้มอยู่ ดวงตากลมโตหลับพริ้ม แล้วยังมีรอยยิ้มจางๆ เหมือนคนกำลังหลับสบาย แต่อีกเดี๋ยวปากอิ่มสวยก็คงได้โวยวายเสียงดังเป็นแน่
“พวกเจ้าออกไปได้แล้ว” ทรงดำรัสสั่งเหล่าขันทีอ้อนแอ้น ที่อยู่คอยปรนนิบัติ ทุกคนเดินออกจากห้องสรงไป เว้นก็แต่ เฉียนกุ้ย ขันที่ที่ทรงเอ็นดู แววตาเศร้าสร้อยทอดมองร่างของอ๋องน้อยในพระหัตถ์ “หวังว่าพี่คงไม่ได้แย่งเจ้ามาจากเฉียนกุ้ยหรอกนะ ฮีชอล”
น้ำในถังที่ถูกเตรียมไว้เพื่อให้ฮ่องเต้ลงสรง กำลังอุ่นพอดีที่จะแช่ให้สบายตัว ทรงค่อยๆวางร่างเล็กๆของคนขี้เซาลงในน้ำ และก็เป็นดังคาด
“เฮ้ยยยยย น้ำ น้ำ” ร่างเล็กโวยวายตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำ ทั้งที่กำลังหลับสบาย กลับต้องมาตื่นเพราะน้ำอุ่นๆ “ท่านจะฆ่าหรอ ไหนว่าจะปล่อยข้าเป็นอิสระ” อ๋องน้อยหันไปโวยวายกับฮ่องเต้ที่ยืนสำราญพระทัยอยู่ข้างๆอ่าง
“พี่จะฆ่าเจ้าได้อย่างไร แค่พาเจ้ามาอาบน้ำเท่านั้นแหล่ะฮีชอล เอ้า ไม่ยอมขึ้นมาจากอ่าง หรือจะให้พี่อาบให้เจ้าจริงๆ” ทรงถามด้วยสุรเสียงกลั้นหัวเราะ พลางเปลื้องเสื้อคลุมที่ใส่อยู่
“ละ..แล้วท่านจะทำอะไรหน่ะ จะถอดเสื้อทำไม” อ๋องน้อยที่เคยมีความสุขยามเห็นหญิงสาวรูปงาม หรือเด็กหนุ่มหน้าหวานเปลื้องผ้าต่อหน้า กำลังเป็นทุกข์และหวาดระแวง ยามเห็นผู้อยู่เหนือใครทั้งแผ่นดิน เปลื้องฉลองพระองค์
“พี่ก็จะให้เจ้าอาบน้ำให้อย่างไรเล่า หรือเจ้าจะให้พี่ที่เป็นทั้งฮ่องเต้ และกำลังจะเป็นอาจารย์ ต้องอาบน้ำให้กับต้นห้องและผู้ที่เป็นศิษย์งั้นหรือ”
“ก็...ท่านก็ลงมาในน้ำสิ ข้าจะได้อาบให้” ร่างเล็กที่เปียกโชก ลุกขึ้นจากอ่างที่ถูกหย่อนลงไปทั้งตัว เบี่ยงหน้าไปทางอื่น พยายามไม่มองวรกายสูงใหญ่ที่เปล่าเปลือย ที่ชายใดได้เห็นคงอดอิจฉาไม่ได้ หรือหากเป็นหญิงสาวก็มองตามจนเหลียวหลัง
“ต่อไปนี้ จนไปถึงอีกสามเดือนข้าหน้า เจ้าต้องตื่นเช้า ต้องหัดให้ร่างกายรู้จักระเบียบของเวลา หากยังเป็นแบบนี้ เจ้าจะไม่มีทางที่จะชนะพี่ได้เลย รู้หรือไม่ฮีชอล” ทรงเริ่มสอนร่างบางตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อให้น้องน้อยของพระองค์รู้ว่าต่อแต่นี้ไป ต้องเจอกับความยากลำบากมากมาย แค่เพียงการตื่นเช้ายังทำไม่ได้ แล้วจะฝึกสิ่งที่พระองค์มอบให้ได้อย่างไร
“ข้ารู้แล้วหน่า พรุ่งนี้ข้าจะตื่นก่อนท่านให้ดู” ร่างสูงโปร่งที่กำลังขัดไปตามพระปฤษฎางค์*กว้าง เอ่ยอย่างขัดใจ เกิดมาเป็นอ๋องนอย เคยมีหรือที่จะถูกตำหนิ
“พูดแล้วทำให้ได้ เกิดเป็นอ๋อง ใช่ว่าสักแต่จะพูด”
“กระหม่อม ท่านช่างเป็นพระอาจารย์ที่ขี้บ่นเหลือเกิน แค่วันแรก บทเรียนแรกยังไม่เริ่ม ท่านก็บ่นมากถึงเพียงนี้แล้ว” ต้นห้องยศสูงกว่าขันทีทั่วไป กำลังย้ายมาด้านเพื่อล้างคราบไคล้ที่พระอุระแกร่ง หากแต่สายตากลับมองเลยไปด้านหลัง
“เพราะพี่อยากให้เจ้าเก่งนะฮีชอล พี่อยากให้เจ้าได้สิ่งที่เจ้าต้องการ เจ้ายังต้องฝึกอีกมาก แค่สามเดือนหากพี่ไม่เคร่งกับเจ้า แล้วเจ้าจะได้สิ่งที่ต้องการหรือ” ทรงทอดเนตรใบหน้าหวานรู้ดีถึงสิ่งที่คนตรงหน้า และรู้ดีว่ามันขัดกับประสงค์ของพระองค์
“แล้วเมื่อถึงวันนั้น ข้าจะได้สิ่งที่ต้องการทั้งหมดจริงหรือ” ดวงตากลม จ้องกลับเข้าไปในพระเนตรคมที่เต็มไปด้วยพระราชอำนาจ อยากรู้นักว่าคำตรัสเมื่อคืนนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงฝันที่ให้กำลังใจตนเอง
“จริงสิ หากเจ้าชนะพี่ได้ ทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ ทั้งอิสรภาพ ทั้งยศตำแหน่ง ทรัพย์สิน หรือแม้แต่ท่านอา พี่ก็จะให้เจ้า แม้ว่ามันจะแลกกับการที่พี่ต้องคืนเจ้าให้กับท่านลุง คืนเจ้าสู่อิสรภาพ และเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันเช่นนี้อีก” พระหัตถ์ที่อยู่ใต้น้ำ โผล่ขึ้นมาลูบแก้มใส ทรงกำลังนับเวลาถอยหลังอีกสามเดือนต่อจากนี้ ความประสงค์ก็จะไม่มีทางเป็นจริง
ประสงค์ที่จะมีน้องน้อยข้างกายเป็นผู้ที่จะทรงอยู่ด้วยตราบจนลาลับไปเฝ้าบรรพกษัตริย์
“ท่านก็พูดไป ถึงข้าจะออกไปแล้ว แต่ว่าก็คงกลับเข้ามาบ้าง แล้วเราก็คงได้พบกันอีก” อ๋องน้อยไม่สามารถจับได้ถึงความเศร้าในพระทัยของอ๋องเต้เลยสักนิด การพบกันเพียงชั่วครูไม่ใช่สิ่งที่ฮ๋องเต้พระองค์นี้ต้องการ แต่มันก็คงดีกว่าการไม่ได้พบกันเลย
“เจ้าจะตามท่านอาเข้ามาหรืออย่างไร ฮีชอล” ทรงทอดเนตรร่างเล็กตรงหน้าที่ดูเหมือนไม่เคยทุกข์ร้อนกับสิ่งใด พระทัยของของพระองค์เองเสียอีกที่คิดถึงการจากลาทั้งที่มันยังมาไม่ถึง
ในพระทัยของฮ่องเต้ที่เคยว่างเปล่าและเงียบเหงาได้รับผู้หนึ่งเข้ามาเพื่อเติมเต็มความว่างเปล่า และสร้างความสดชื่นทดแทนความเงียบเหงา โดยที่พระองค์ก็เต็มใจ แม้รู้ว่าวันหนึ่งข้างหน้า สิ่งที่สัมผัสได้ในตอนนี้จะกลายเป็นความทุกข์ทรมานเมื่อไร้คนที่จะอยู่กับพระองค์ไปตราบเท่าที่ยังคงมีลมใจ
“เปล่าหรอก ข้าคงมาหาเฉียนกุ้ย อีกสามเดือนเมื่อถึงเวลานั้น ข้ากับขันทีแสนน่ารักของท่านคงผูกใจรักใคร่กันแล้ว”
สิ่งที่ทรงได้ยิน ทำพระทนต์ต้องขบเข้าหากัน พระหัตถ์กำแน่นสะกดความความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ “เจ้าออกไปได้แล้ว เราจะแต่งตัว แล้วก็เรียกเฉียนกุ้ยเข้ามาช่วยเราด้วย”
“อะไรกัน ท่านใช้งานแต่เฉียนกุ้ย” อ๋องน้อยรีบออกรับแทนขันทีที่ถูกใจ แต่หารุ้ไม่ว่ากำลังสร้างความพิโรธแก่ฮ่องเต้เพียงใด
“ข้าจะใช้มันมากกว่านี้ หากเจ้ายังพูดไม่หยุด ออกไป แล้วเตรียมฝึกได้แล้ว ข้าพร้อมแต่เจ้ายังไม่พร้อม คนที่จะถูกลงโทษคือเฉียนกุ้ย” ทรงรู้ดีว่าที่เป็นอย่างนี้ไม่สิ่งที่ดี แต่หากไม่ทำ อ๋องน้อยคนนี้ก็ยังคงเอาแต่พูดถึงเฉียนกุ้ยไม่หยุด
ช่างเป็นอ๋องน้อยที่ไม่รู้อะไรเลย คงเพราะเกิดมาอยู่สูง จึงไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของผู้อื่นบ้างเลย ฮีชอล...เจ้าไม่ใส่ใจความรู้สึกของพี่เลย
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
ลานโล่งหน้าตำหนักส่วนพระองค์มีไว้เพื่อให้องค์ฮ่องเต้ทรงใช้ฝึกฝนพระวรกายร่วมกับเหล่าราชองค์รักษ์ฝีมือเยี่ยม ที่ริมลานมากมายไปด้วยศาตราคุณภาพชั้นเลิศ หลากหลายรูปแบบ ทั้งสั้นและยาว คมจากโลหะวาววับสะท้อนแดดจ้า จนแสบตา
กลางลานกว้างมีร่างเล็กๆใส่เสื้อสีน้ำเงินเข้ม พอดีตัวและกางเกงขายาวสีเดียวกัน คาดทับด้วยผ้าสีขาว ผมเกล้าขึ้นเป็นมวยเรียบร้อย ยืนกอดทวนคันยาวเอาไว้ รอคอยเวลาให้อาจารย์ผู้ทรงยศออกมาสักที
ฮ่องเต้หนุ่มเสด็จออกมาจากพระตำหนักส่วนมองเห็นร่างเล็กที่ยืนนิ่งอยู่แต่ไกล นึกชื่นชมในความตั้งมั่น หากแต่เมื่อทอดพระเนตรใกล้ๆแล้ว คำชื่นชมเหล่านั้นกลับกลืนหายไปในพระโอษฐ์ ไม่รู้จะทรงพระสรวลดี หรือทรงพิโรธ กันแน่ เมื่อร่างเล็กที่ยืนกอดทวนอยู่นั้นกำลัง.....หลับ
“ฮีชอล ฮีชอล” พระหัตถ์หนาสะกิดร่างเล็กด้วยพระพักตร์บึ้ง พระขนง*ขมวดเข้าหากัน แต่ร่างเล็กๆที่มีความสามารถยืนหลับก็ยังไม่รู้สึกตัว จนพระนิ้วเรียวดีดเข้าที่หน้าผากเนียน
“เฮ้ย!” ร่างเล็กอุทานตกใจและไม่พอใจที่มีคนมาขัดขวางการหลับเป็นรอบที่สองของวัน และยังคงเป็นคนเดิม คนเดียวกับเมื่อเช้า “ท่านอีกแล้วหรอเนี่ย ทำไมท่านชอบขัดขวางความสุขของคนอื่นเสียจริง”
“ใครหล่ะ คนอื่นที่เจ้าว่า พี่ก็เห็นมีแค่เจ้าที่ยืนอยู่กลางลานนี้เท่านั้น”
“ก็ข้าเนี้ยหล่ะ ทำไมท่านต้องปลุกข้าด้วยเล่า” ร่างเล็กของอ๋องน้อย ทำสีหน้าขัดใจที่ฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์แกล้งทำไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร
“ก็เพราะเจ้าหลับกลางลานนี้ไงหล่ะ ในสนามรบจริง เจ้าไม่สามารถหลับได้หรอกนะ แล้วพี่ก็ไม่อยากให้น้องของพี่ต้องเป็นอะไรไปเพราะนิสัยแบบนี้” ฮ่องเต้รับสั่งจริงจัง สายพระเนตรทอดมองร่างบางของน้องน้อยด้วยความห่วงหา
เวลาของพระองค์ช่างสั้นนัก ที่จะได้สอน ได้ดูแล ได้รัก และเอ็นดู น้องน้อยที่พระองค์อยู่ใกล้แล้วมีความสุขเช่นนี้ และคงมากเกินไปหากจะขอให้น้องน้อยที่มีนิสัยเช่นฮีชอล รับรู้ถึงความรู้สึกของพระองค์
“ท่านก็ทำอย่างกับข้าจะออกรบจริงๆอย่างนั้นแหล่ะ” ใบหน้าหวานสลดลงเล็กน้อย เมื่อได้ฟังเหตุผลที่ทำให้โดนดุ แต่ร่างเล็กผู้เคยมีตำแหน่งเหนือใครๆก็ยังหาทางบ่ายเบี่ยงกับเหตุผล
“ถึงแม้เจ้าจะไม่ออกรบ แต่ไปหลับไม่รู้ตัวแบบนี้ที่ไหน ก็ไม่ปลอดภัยทั้งนั้นฮีชอล เจ้าไม่รู้หรือไงกันว่าเจ้าเป็นใคร มียศอะไร มีใครหลายคนที่เป็นห่วงเจ้านะ” อยากบอกเหลือเกินว่า ใครหลายคนนั้น คือพี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเจ้า แต่ฮ่องเต้หนุ่มก็ได้แต่เก็บมันไว้ในพระทัย รู้ดีว่าคนอย่างอ๋องน้อย ไม่มีทางที่ยอมรับได้ และพระองค์ก็ไม่อยากเห็นอ๋องน้อยที่แสนเริงร่างต้องเป็นเช่นดั่งวันหลังคืนชมจันทร์
“เมื่อก่อน ข้ายังนอนตามหอนางโลมได้เลย แล้วทำไมข้าจะไม่รู้ว่าเป็นใครมียศอะไร ข้าคือ ฮีชอล อดีตอ๋องน้อยแห่งวังทู่หลงที่โดนฮ่องเต้ใจร้ายยึดไป แล้วคนที่ห่วงข้าก็คงมีแค่ท่านพ่อที่ถูกท่านเนรเทศออกไป” เพราะคำถามตอกย้ำสถานะที่ตกต่ำ ทำให้อ๋องน้อยที่เคยมีชีวิตผาสุก เที่ยวเล่นไปกับสาวงาม หนุ่มหน้าหวานถึงกับมีน้ำตาเอ่อคลอ “อาวุธได้เลยเลิกพูดเรื่องนี้เถอะ ท่านจะสอนอะไรข้าก่อนเป็นอย่างแรก”
“พี่อยากรู้ว่าเจ้ามีพื้นฐานอะไรมาบ้าง เจ้าเลือกอาวุธได้เลยหนึ่งอย่าง อาวุธที่เจ้าถนัดที่สุดเลือกมา” ฮ่องเต้หนุ่มเปิดโอกาสให้ร่างเล็กได้เลือกสิ่งที่ถนันเพื่อให้แสดงความสามารถทั้งหมดที่มีอยู่
“ก็นี้ไงทวนในมือข้านี้แหล่ะ ที่ถนัดที่สุด” อ๋องน้อยยืนยิ้มกับอาวุธในมือ อย่างภาคภูมิใจ นี้เป็นสิ่งที่ถนัดมือที่สุดแล้ว เหมาะมือที่สุดที่จะเอามายืนกอดรอฮ่องเต้หนุ่มซีวอน
“แต่นั่นมักเป็นอาวุธบนหลังม้า หรือการต่อสู้ที่มีระยะห่างเจ้าแน่ใจหรือที่จะใช้มัน” ฮ่องเต้หนุ่มตรัสถามอีกครั้งเพื่อความมั่นพระทัย ว่าน้องน้อยไม่ได้เลือกผิด
“แต่ข้าถนัดที่จะใช้มันบนพื้นโล่งเช่นนี้แหล่ะ แล้วท่านหล่ะ จะใช้อะไร”
ฮ่องเต้ซีวอนทรงดำเนินไปยัง ที่เก็บอาวุธต่างๆ ทรงเลือก แส้ดำยาวกว่าสามเมตรมาถือไว้ในมือ ก่อนจะดำเนินกลังมายังกลางลานที่มีอีกหนึ่งรออยู่ “พี่จะใช้แส้ อาวุธที่พี่ไม่ถนัดที่สุด เจ้าโจมตีได้เลย”
ร่างเล็กวิ่งเต็มกำลังเท่าที่สองขาสั้นจะอำนวย หากแต่ก็วิ่งไม่ตรงทางนัก เมื่อต้องแบกน้ำหนักของอาวุธใหญ่ไว้ในมือ สองแขนที่ยกขึ้นมาสูงสั่นไปมาเมื่อแบกรับน้ำหนักอันไม่คุ้นชิน จนเสียการทรงตัว และก่อนที่คมมีดแหลมจะทรุดลงมาใส่ไหล่เล็กๆ มันก็ถูกกระชากออกโดยที่ท่านอ๋องน้อยผู้เก่งกาจเสียเหลือเกินไม่ทันได้รู้ตัว
ฮ่องเต้หนุ่มเพียงแค่ประทับนิ่งทอดเนตรร่างเล็กวิ่งเฉไปเฉมา และก่อนที่ทวนคันใหญ่จะหลุดจากมืออันไม่มั่นคงใส่ไหล่บาง พระองค์ก็ทำเพียงแค่ตวัดแส้ในพระหัตถ์ให้ไปพันกับคันทวน ก่อนจะกระชากออกมาจากมือบาง
“โห ท่านทำได้ไงกัน” อ๋องน้อยที่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเพราะวันๆเอาแต่เที่ยวเล่นสำราญตามสถานที่ที่มีสาวงาม ได้แต่ตกตะลึก กับสิ่งที่เห็น อยู่ใกล้ขนาดนั้น แต่แย่งเอาทวนในมือไปได้
“เจ้าไม่ต้องรู้หรอก แต่พี่พอจะเห็นความสามารถของเจ้าแล้ว ฮีชอล วันนี้พี่อยู่สอนเจ้าไม่ได้ทั้งวัน เพราะอีกเดี๋ยวจะมีคณะทูตจากแดนอาหรับมาขอเฝ้า เพราะฉะนั้นวันนี้เจ้าต้องซ้อมกับซึงฮยอนไปก่อน”
“ไหนท่านว่าจะเป็นอาจารย์ให้ข้า แล้วทำไมโยนข้าไปให้องค์รักษ์มาสอน ถ้าอาจารย์ไม่ว่าง ก็ให้ศิษย์ททวนวิชาเองสิ ไปรบกวนท่านอื่นทำไม” ท่านอ๋องน้อย ที่หัวสมองไวกับเรื่องแบบนี้ รีบหาทางจัดแจงให้ให้โอกาสตัวเองทันที
“พี่สั่งเจ้าก็ทำเถอะ อย่ารั้นให้มากนัก ซึงฮยอน เจ้าคอยอยู่สอนฮีชอลแทนเรา ไม่ต้องตามไปที่นู้น อ๋องน้อยไร้พื้นฐานอีกทั้งไร้เรี่ยวแรงที่จะทำอะไรได้ เจ้าฝึกแทนข้าวันนี้ แต่อย่าให้มันหนักจนร่างกายที่อ่อนแอทนไม่ได้ เข้าใจไหม” ทรงผินพระพักตร์มาทางองค์รักษ์คนสนิท รับสั่งอย่างเป็นห่วงน้องน้อยที่คงไม่สามารถทนการฝึกแบบปรกติได้ แล้วยิ่งเป็นวันแรกเช่นนี้ ร่างกายที่ไม่เคยเคี่ยวกรำ อาจไม่สามารถทนได้
“กระหม่อม” องค์รักษ์คนสนิท ได้แต่จำยอมรับคำสั่งจากนายเหนือหัว ทั้งที่คิดไว้ว่าจะแก้เผ็ดท่านอ๋องผู้นี้ ให้ได้รับรู้ความยากลำบากเสียบ้าง
“จำไว้ ว่าอ๋องน้อยผู้นี้ไม่ใช่ทหารในสังกัดของเจ้า แต่เป็นน้องของเรา” ทรงเน้นหนักให้องค์รักษ์ได้รู้ว่า ร่างบางที่แสนไม่ได้เรื่อง สำคัญต่อพระองค์มากเพียงใด
“กระหม่อมจะท่องจำให้ขึ้นใจ ฝ่าบาทอย่าได้ทรงกังวล”
“ดีแล้ว ฮีชอลเจ้าตั้งใจฝึก แล้วตอนเย็นพี่จะมาดูความคืบหน้าของเจ้า”
วรกายสูงใหญ่ เดินจากไปไกลจากลานประลอง ไม่ทันได้ทอดเนตรปากเล็กได้รูปบ่นเบาๆของอ๋องน้อยที่ถูกทิ้งไว้กับองค์รักษ์ต่ำศักดิ์ “ไหนว่า จะสอนไม่ทันไรก็ทิ้งเราแล้ว นี้หรือไงที่บอกว่าจะสอน ที่บอกว่าอยากให้ในสิ่งที่ข้าต้องการ คนไม่รักษาสัญญา” น้ำตาเม็ดเล็กไหลเอ่อออกมา โดยไม่รู้ตัวเลยสักนิด
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
เย็นมากแล้วกว่าที่พิธีการต้อนรับราชทูตจาดแดนไกลจะเสร็จสิ้น การมาเชื่อมสัมพันธ์ในครั้งนี้ก็เพื่อขอเปิดเส้นทางการค้า และเปิดเมืองค้าที่จะได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่าย สินค้าไม่ต้องผ่านมือพวกแขกอินเดียอีกต่อไป
ฝ่ายราชทูตอาหรับที่มาคราวนี้ มาพร้อมด้วยข้าวของบรรณาการแปลกตามากมาย ทั้งสัตว์แปลกๆและเครื่องใช้ต่างๆที่หาไม่ได้ในดินแดนแห่งนี้ รวมไปถึงตุ๊กตารูปหญิงงามที่ถักจากเส้นทอง ให้ใส่เครื่องหอมของชาวที่อาหรับ ที่องค์ฮ่องเต้ทรงหยิบติดมาให้กับอ๋องน้อยที่กำลังวิชาจากองค์รักษ์คนสนิท
ฮ่องเต้ซีวอนทรงเดินผ่านเข้ามาให้เขตพระราชฐานส่วนพระองค์ ที่มีเพียงน้อยคนนักจะเข้ามาได้ และเป็นที่ห้ามสตรีใดจะล่วงล้ำเข้ามาได้ ไม่เว้นแม้แต่พระราชมารดาของฮ่องเต้.....
พระพักตร์นิ่งเฉยแย้มพระโอษฐ์นิดๆเมื่อคิดไปถึงว่าน้องน้อยจะดีใจแค่ไหน ที่ได้รับตุ๊กตารูปทรงแปลกๆแบบนี้เป็นของรางวัลสำหรับการฝึกที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน แต่พระพระโอษฐ์ที่แย้มยิ้มกลายเป็นบึ้งตึ้ง พระขนงขมวดเข้ามาหากันเมื่อพบร่างบางกางแขนให้เหยียดตรง สองมือถือถังน้ำที่มีน้ำอยู่ ใบหน้าหวานแดงกล่ำเพราะตากแดดมาทั้งวัน
“ฮีชอล ใครสั่งให้เจ้ามายืนแบบนี้กัน” วรกายสูงรีบดำเนินเข้าไปหาร่างเล็กที่โงนเงนเต็มทีแล้ว จนแทบจะยืนไม่ไหว ทรงปลดถังน้ำที่คาดว่าจะมีน้ำอยู่เต็ม แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่...น้ำมีไม่ถึงค่อน “โธ่ น้ำมีแค่นี้ เจ้าทำพี่ตกใจหมด แล้วใครสั่งให้เจ้ามายืนอยู่แบบนี้กัน”
“จะใคร ถ้าไม่ใช่องค์รักษ์ของท่านนั่นแหล่ะ แล้วน้ำแค่นี้อะไร ต้องบอกว่า มีขนาดนี้สิ รู้ไหมข้าถือถังน้ำสองนี้มาเกือบชั่วโมงแล้วนะ ก่อนหน้านี้ก็ต้องวิ่งรอบลานนี้เกือบห้าสิบรอบแถมแบกทวนบ้าๆนั่นไว้บนบ้า เท่านั้นยังไม่พอ ข้ายังต้องทนทรงตัวบนไม่กระดานแคบๆ ส่วนท่านก็มัวแต่ไปดูนางรำ นางฟ้อน ร่ายรำถวาย มีความสุข ปล่อยข้าเอาไว้กลางแดดแบบนี้” อ๋องน้อยบ่นถึงความยากลำบากที่ตนได้รับมาทั้งวัน แบมือที่แดงกล่ำให้ฮ่องเต้ได้เห็นถึงความยากลำบาก
“โอ๋ ไม่เจ็บแล้วนะ” ทรงลูบไปตามมือเล็กๆบางๆ ที่แสนนุ่มนิ่ม บรรจงจุมพิตรับขวัญไปตามรอยแดง ทีละรอยอย่างแผ่วเบา และกว่าที่อ๋องน้อยจะรู้สึกตัว ดึงมืออกมานั้นทั้งสองมือก็ได้รับการปลอบประโลมจนครบทุกรอยแดงช้ำ
“เฮ้ย ท่านทำอะไร” อ๋องน้อยเจ้าสำราญ เมื่อถูกปฏิบัติในแบบนี้ที่เคยทำให้หญิงสาว เป็นอันต้องเขินอาย ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงเรื่อ ร้องถามอย่างตกใจ
“ก็รับขวัญแผลเจ้าไง จะได้หายไวๆ เมื่อก่อนเจ้าก็คงเคยทำแบบนี้ให้หญิงสาวไม่ใช่หรือ” ร่างบางพยักหน้าบอกว่าใช่ ให้กับองค์ฮ่องเต้ “พี่ก็ทำแบบนั้นแหล่ะ แล้วที่เจ้าว่านะ ใครว่าพี่สบาย พี่ก็ต้องทนนั่งฟัง นั่งพูดกับเหล่าทูตพวกนั้นไม่เช่นกัน ไม่ได้สบายแบบที่เจ้าคิดหรอกนะ”
“ถ้างั้นครั้งหน้า ก็ให้ข้าไปแทนสิ ท่านจะได้ไม่ต้องนั่งทน ดีไหม” ร่างเล็กกว่ารีบอาสาทันทีก็เห็นอยู่ว่าเป็นงานที่สบายกว่าการต้องมานั่งฝึกอะไรพวกนี้เป็นไหนๆ ถ้าฮ่องเต้ไม่โปรด อ๋องน้อยไปแทนก็ได้นะ
“อย่างเจ้าหน่ะหรือ? อย่าเลย อยู่แต่ข้างในดีแล้ว ออกไปก็ไปป่วนเหล่าทูตพวกนั้นเปล่าๆ แล้วนี้ซึงฮยอนไปอยู่ไหนเสียเล่า เจ้าถึงมายืนไร้ผู้ฝึกสอนแบบนี้” ทรงถามหาองค์รักษ์คนสนิทที่วันนี้ดูท่าจะสนุกกับการได้แกล้งอ๋องน้อย
“จะไปรู้หรือไง มาสั่งๆๆ แล้วก็หายไป มาอีกก็สั่งอีก แล้วก็แวบหายไปอีก องค์รักษ์ท่านหน่ะโหดมากเลยหน่ะ ไม่ให้ข้าพักเลย ข้าวก็ให้นิดเดียว แล้วยังไม่ส่งใครมาช่วยดูแลข้าเลยสักคน” อ๋องน้อยช่างพูดช่างฟ้อง คงเก็บกดมาทั้งวันถึงได้ฟ้องเป็นเรื่องราวขนาดนี้
“แล้วอย่างเจ้าหน่ะหรือไม่แอบอู้” พระหัตถ์หนาลูบผมที่ยุ่งเหยิง พระเนตรมองคนช่างฟ้องอย่างไม่ค่อยเชื่อเท่าใดนัก แม้พระองค์จะเห็นว่าน้องน้อยตรงตั้งใจฝึกตามคำสั่ง
“แอบไม่ได้หรอก ก็องค์รักษ์ของท่านสั่งไว้ว่าถ้ากลับมาเห็นข้าไม่ทำตามคำสั่ง จะสั่งเพิ่มให้หนักขึ้นไปอีก แล้วที่หายไป จะกลับมาตอนไหนก็ไม่รู้ ข้าไม่เสี่ยงหรอก”
“ไม่เสี่ยง หรือ ว่าอู้แล้ว แล้วโดนสั่งลงโทษจริงๆกันแน่ฮีชอล” พระเนตรรู้ทันจ้องมองอ๋องน้อยที่พอจะรู้ว่านิสัยเป็นเช่นไร คนอย่างอ๋องน้อยฮีชอลหน่ะหรือ ไม่แอบอู้
“อื้อ ก็นิดหน่อยเอง วันนี้พอแค่นี้ได้ไหม ข้าเหนื่อยแล้วนะ” ดวงตากลมโตที่มักทำให้หญิงสาวใจอ่อนยวบ วันนี้ถูกใช้กับฮ่องเต้หนุ่ม และมันก็ได้ผล
“ฮึๆๆ เจ้านี้มันจริงๆเลย ฮีชอล วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็ได้ เจ้าอยากกินอะไรเลยไหม พี่สั่งให้คนเขาตั้งสำรับไว้แล้ว หรือเจ้าอยากอาบน้ำก่อน”
“กินก่อนสิ ข้าหิวจะแย่แล้วท่านรู้ไหม เมื่อกลางวันอะไรก็ไม่รู้ ไม่เห็นจะมีเนื้อสัตว์สักจาน คนมาดูแลก็ไม่มี เดี๋ยวท่านให้เฉียนกุ้ยมาดูแลรับใช้นะ วันนี้ข้ายังไม่เจอเฉียนกุ้ยเลย” อ๋องน้อยผู้หมายมั่นปั่นมือกับขันทีเด็กหนุ่มแสนน่ารัก ไม่ได้รู้เลยว่า ชื่อนี้จะทำให้ทรงกริ้ว
“ไม่ได้ เฉียนกุ้ยไม่ใช่คนที่จะดูแลเรื่องนี้ให้กับเจ้า” วรกายสูงสง่าเหยียดตรง พระโอษฐ์เม้มเข้าหากัน ข่มพระอารมณ์ที่ไม่พอใจ
“อะไรกันแม้แต่ขันทีท่านก็หวงงั้นหรือ เป็นฮ่องเต้ต้องมีพระเมตตา เผื่อแผ่สิ” ร่างเล็กรีบวิ่งตามฮ่องเต้พระพักตร์บึ้งจนเข้ามาถึงห้องที่มีคนจัดสำรับอาหารไว้แล้ว ล้วนแต่เป็นของน่าลิ้มลองทั้งสิ้น เว้นเสียแต่ คนที่ยืนอยู่นิ่งคอบรับใช้ จะไม่เหี่ยวเฒ่าขนาดนี้
“ข้าไม่ได้หวงเฉียนกุ้ย” แต่ข้าหวงเจ้าต่างหาก ฮีชอล เจ้าเคยรู้อะไรบ้างไหม เคนสนใจความรู้สึกขอคนอื่นบ้างไหม พระองค์ได้แต่รำพึงอยู่ในใจ ไม่ได้บอกให้น้องน้อยล่วงรู้ถึงความหึงหวงที่ทรงมีอยู่เต็มพระทัย
“ไม่ได้หวง แล้วดูขันทีที่มารับใช้สิ เหี่ยวขนาดนี้ ยังบอกไม่ได้ห่วงอีกหรือ” ร่างเล็กบอกบุ้ยใบ้ไปทางขันทีที่คอยยืนรับใช้อยู่ไม่ห่าง ความสดใสช่างห่างไกลจากเฉียนกุ้ยยิ่งนัก
“เจ้าอย่าว่าอีทึกเช่นนั้น กินเข้าไปสะ ไม่ต้องบ่นอะไรมาก หากเจ้าบ่นเรื่องเฉียนกุ้ยอีกคำข้าจะสั่งให้เจ้าออกไปกินที่กลางลาน พร้อมอาหารแบบที่เจ้ากินเมื่อกลางวัน” ทรงตัดรำคาญด้วยคำขู่ที่ทำให้คนฟังเงียบกริบยอมหุบปาก ไม่บ่นเรื่องใดต่อไป หากแต่สายตาก็ส่งค้อนมาให้
“นี้เหล้าอะไร” นิ้วเรียวชี้ไปในจอกเล็กของฮ่องเต้ที่ขันทีสูงวัยรินมาให้ แต่ตัวเองกลับไม่ได้ จึงถามด้วยความสงสัยปนไม่พอใจ วันนี้มีแต่อะไรที่ขัดใจ
“เหล้าเหมาไถ เจ้าอยากดื่มหรือไงฮีชอล พี่ไม่ห้ามเจ้าหรอกนะ หากเจ้าอยากดื่มมัน” เพราะค้อนแสนน่ารักจากดวงตากลมโตทำให้ฮ่องเต้หนุ่มอารมณ์ดีขึ้น สรรพนามแทนพระองค์จึงกลับสู่คำเดิมที่แสนอบอุ่น
“เหล้าเหมาไถ ชื่อคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยิน มันอร่อยไหม” อ๋องน้อยพยายามนึก แต่เหมือนว่าจะนึกออกเพียงรางๆ ไม่แน่ใจว่าเคยลิ้มลองรสชาติมันบ้างไหม
“เจ้าเคยดื่มในคืนที่เราชมจันทร์ด้วยกันอย่างไรเล่า เหล้ามันแรงมาก เจ้าอยากดื่มมันอีกหรือ” ทรงทบทวนร่างบางนึกได้ว่า เคยได้ยินชื่อนี้จากที่ไหน พร้อมกับทรงหวนคำนึงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพราะเหล้าชนิดนี้
“ งั้นข้าไม่ดื่มมันด้วยหรอก ไอ้เหล้าแบบนี้ แล้วก็เลิกนึกถึงคืนบ้าๆนั้นด้วย” อ๋องน้อยนิสัยพาลกลับมาอีกครั้ง มองจอกเหล้าที่ใส่เหล้าเหมาไถอย่างรังเกียจ
“สำหรับเจ้ามันคือคืนบ้าๆ แต่สำหรับพี่มันคือคืนที่มีความสุข พี่คงไม่ลืมหรอก เออ จริงสิ พี่เห็นของที่ราชทูตให้มาเป็นเครื่องบรรณาการแล้วคิดว่าเจ้าจะชอบ พี่ให้เจ้าเป็นรางวัลที่เจ้าตั้งใจซ้อมวันนี้ก็แล้วกัน” ตุ๊กตาถักจากเส้นทองคำสำหรับใส่กำยานถูกวางลงบนโต๊ะกลม เรียกสายตากลมโตจากเจ้าของใหม่ ให้มองมันอย่างสนใจ
“สวยจัง มันเอาไว้ทำอะไรได้หน่ะ จะว่าไป ผู้หญิงอาหรับนี้หน้าตาสวยเหมือนกันนะ จากตุ๊กตาตัวนี้หน่ะ ท่านให้ข้าจริงๆหรือ” มือเล็กๆคว้าตุ๊กตาสาวงามมานั่งพินิจอย่างละเอียด
“แค่ตุ๊กตาเจ้าก็รู้แล้วหรือว่าผู้หญิงอาหรับสวย ตุ๊กตาตัวนี้หน่ะ เอาไว้จุดเครื่องหอมข้างใน แล้วกลิ่นมันจะลอยออกตามช่องว่างของรอยถัก พี่เห็นว่าเจ้าคงชอบก็เลยเอามาให้” รอยแย้มพระโอษฐ์มองท่าทางเหมือนเด็กได้ของเล่นของน้องก็นึกดีใจ “วันต่อๆไป หากเจ้าตั้งใจแบบนี้อีก พี่ก็จะให้ของรางวัลกับเจ้าอีก”
“จริงๆนะ กษัตริย์ตรัสแล้วห้ามคืนคำนะ” อ๋องน้อย ดูกระตือรือร้นกับของรางวัลที่จะได้รับ เหมือนเด็กที่ได้ขอเล่นชิ้นใหม่อย่างไรอย่างนั้น
“เจ้านี้ช่างเป็นเด็กเสียจริง เฮ้อ” อาหารมื้อนั่นผ่านไปพร้อมกับความเงียบที่ไม่ชวนอึดอัด มีบ้างที่อ่องน้อยจะบ่นเรื่องการฝึกซ้อม แต่ไม่พูดถึงขันทีเด็กหนุ่มอย่างเฉียนกุ้ยอีกเลย
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
“ฮีชอล จ้าตื่นขึ้นมาอาบน้ำเดี๋ยวนี้นะ พี่ไม่ยอมให้คนเน่าๆมานอนร่วมเตียงกับพี่นะ” ฮ่องเต้หนุ่มที่พึ่งเสด็จกลับมาจากห้องทรงงานต้องเหนื่อยพระทัยอีกครั้งเมื่อเห็นร่างเล็กๆในชุดเดิม ชุดเดียวกับเมื่อเช้า นอนอยู่เตียงกว้าง
“ท่านก็ไปนอนที่พื้นสิ ไม่ก็ไปนอนที่ห้องอื่นก็ได้ ในตำหนักมีห้องอีกเยอะ” คนมาอาศัยอาจลืมอะไรไป แต่ผู้ที่เป็นเจ้าของห้อง ได้แต่หัวเราะขำ คำพูดคนที่ไม่รู้สึกตัว
“ไม่ได้ มานี้เลยฮีชอล” พระหัตถ์หนาโอบอุ้มร่างเล็กขึ้นไปทางห้องสรงที่มีน้ำอุ่นๆรออยู่ขันทีทั้งหมดถูกไล่ให้ออกไปก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งห้องจึงเหลือเพียง ต้นห้องขี้เซา และฮ่องเต้หนุ่มเท่านั้น
วรงองค์สูงใหญ่ของฮ่องเต้ประคองร่างเล็กให้นั่งบนตัก ทรงเปลื้องเสื้อผ้าออกทีละชิ้นแต่เหมือนคนหลับก็ยังไม่รู้สึกตัว สุดท้าย ร่างกายขาวเนียนไม่เหลือสิ่งใดปกปิดแม้แต่น้อย หากแต่ฮ่องเต้หนุ่มก็ไม่คิดฉวยโอกาสจากน้องน้อย
สุดท้ายแล้วพระองค์ก็ต้องอุ้มคนหลับให้ลงไปอาบน้ำพร้อมๆกัน “เจ้าเป็นแบบนี้เสมอเลยหรือฮีชอล มันอันตรายเกินไปหรือเปล่า หืม?” ทรงถามร่างบางที่เอาแต่หลับไม่รู้เรื่องด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่ที่พระองค์พาลงน้ำ ไปจนกระทั่งถึงแต่งตัว และพากลับขึ้นมายังที่นอนอีกครั้ง
“แล้วต่อไปเมื่อเจ้าอยู่ข้างนอก ใครจะดูแลเจ้ากัน อิสรภาพที่เจ้าต้องการไม่มีพี่คอยดูแลและปกป้องนะฮีชอล เมื่อถึงวันนั้นน้องน้อยจะคิดถึงพี่บ้างไหมนะ” คำถามสุดท้ายที่เต็มไปด้วยความหวัง และความเศร้า เวลาที่กำลังจะหมดลง
สามเดือนที่มีอยู่ พี่จะสร้างสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นในใจเจ้าบ้างได้ไหม....ฮีชอล
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
พระปฤษฎางค์ = หลัง
พระขนง = คิ้ว
Talk
ครบแล้วคะ ด้วยความเน่าสุดขาดใจ อารมณ์ มหัศจรรย์แห่งรักจริงๆตอนจบ 555
ท่านพี่ท่านน้อง เล่นกันไป ฝึกวันละตอน สามเดือนเก้าสิบ เก้าสิบ ตอนดีไหมคะ (ไม่ดี : คุณผู้อ่าน) เอาแบบให้ตายไปข้าง ไม่คนแต่ง นักแสดง ก็คนอ่านนี้แหล่ะคะ 55 แต่สงสัยไอซ์จะตายก่อน
ตอนหน้า ฮ่องเต้จะมีขอขวัญมาให้น้องรัก (รักน้อง) อีกหล่ะคะ แต่ไม่บอกว่าอะไร หุหุ บอกแต่ว่า ใหญ่ และ ทูตอาหรับนำมาคะ
ไปแล้วนะ ไอซ์จะไปตั้งใจปั่นเอฟแอลแล้วคะ พล็อดมานานมากแล้ว รู้สึกผิดกับตัวเองแบบแปลกๆ
เซี่ยเซี่ยหนี่
ความคิดเห็น