คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : {แก้คำผิดค่ะ} ปีสอง เทอม2 ...แอบรัก 100%
ปีสอง เทอม2 ... แอบรัก
จากภาระการสอบ ผ่านเข้าช่วงปิดเทอม จกระทั่งเปิดเทอมอีกครั้ง บรรยากาศก็ไม่เคยเปลี่ยนไป คนที่ตอนเช้าอิดออดไม่อยากลุกขึ้นมารับวันใหม่ ยังไม่อาจแกะตัวขี้เกียจที่อยู่ร่วมกันมาเดือนกว่า หรือเกือบเดือน แต่เมื่อได้มาเจอหน้าเพื่อน อารมณ์แบบนั้นก็หมดไป
“ฮีชอลลลลลลลลลลล คิดถึงจัง” ร่างอวบของซองมินแทบถลาเข้าหาเพื่อนที่แอบหนีกลับต่างจังหวัดไม่บอกใคร โดยไม่สนใจเพื่อนอีกคนที่ยืนอยุ่ด้วย “แล้วนี้ฮีชอล ผ่านอิงค์ไหม”
“ผ่านสิ ไม่ผ่านฉันได้โดนซีวอนฆ่าตายแน่ๆ” เสียงหวานหม่นเศร้าลงไปเมื่อนึกถึงว่าอาจจะกำลังถูกชายหนุ่มทิ้งไปอีกครั้ง เป็นแบบนี้เสมอที่ซีวอนมีใคร แต่เมื่อชายหนุ่มเบื่อแล้ว เวลาของซีวอนจะกลับมาเป็นของฮีชอลอีกครั้ง
เพียงแต่ครั้งนี้ ฮีชอลไม่กล้าคิดให้เพื่อนทั้งคู่ต้องเลิกรากันไป..แต่ก็ไม่อยากให้เพื่อนสนิทสมหวัง
“เห็นไหม ฉันว่าแล้ว แล้วว่าน้องโจวต้องติวให้นายผ่านได้ ฉลาดสมเป็นน้องเทคพี่ซองมินจริงๆ” ใบหน้านวลขาวยิ้มกริ่ม ดีใจทั้งที่เพื่อนสอบผ่าน และดีใจที่มีน้องเทคสมองดี
“คยูฮยอนก็น้องรหัสฮีชอลเหมือนกัน ไม่เห็นฮีชอลจะคุยเหมือนนายเลย” ร่างสูงที่เกือบโดนลืม ตบเข้าที่บ่าเล็กๆ ด้วยความหมั่นไส้นิดๆ ไม่รู้ว่าจะภูมิใจอะไรกันนัก
“ทำไมเล่า ก็ฉันกับน้องโจวออกจะผูกพันกัน ไม่เหมือนบางสายรหัสหรอก มีพี่นิสัยแย่ไม่ไปดูแลน้องตัวเอง โชคร้ายจริงๆ” ซองมินเหล่ตามองเพื่อนตัวสูงที่ยังทำหน้านิ่งไม่รู้เรื่อง
“พอแล้วสองคนนี้ เดี๋ยวก็ทะกันอีก ทะเลาะกันมาปีกว่าไม่เบื่อหรือไง ซองมินไม่คิดหาใครมาทะเลาะเพิ่มอีกคนหรอ” ดวงตาโตมองเพื่อนอย่างแอบจับสังเกต
“ฮึๆๆ อย่างซองมินเนี้ยนะฮีชอล เขาไม่หาใครมาทะเลาะด้วยหรอก แต่อยากหาใครมาเดินควงกันลมหนาวมากกว่ามั้ง” จองวูลากเสียงยาว เรียกความสนใจของเพื่อนตัวบ้างได้เป็นอย่างดี
“เอ๋ ใคร/จองวู” เพื่อนรักสองคนพร้อมใจกันเสียงดังจนชายหนุ่มสูงโปร่งที่สุด ต้องเมินหน้าหนีแกล้งทั้งคนที่อยากรู้และอยากปิด
“ถ้านายพูด ฉันฆ่านายตายแน่ๆ” ซองมินทำเสียงโหดขู่เพื่อนที่เมินหน้าหนีก่อนเดินจากไปพร้อมอารมณ์เคืองนิดๆที่เพื่อนไม่รักษาสัญญา ในขณะที่เพื่อนตัวบางก็พยายามล้อมหน้าหลัง ถามถึงใครคนนั้นที่ตนเองไม่เคยรู้มาก่อน
“ใครอ่ะ บอกฉันหน่อยสิ เฮ้ย ฉันไม่รู้คนเดียวอย่างนี้ไม่แฟร์เลยนะ” มือบางเขย่าแขนที่แน่นด้วยกล้าเนื้อของเพื่อนรัก อย่างสนใจ รู้สึกพลาดที่กลับบ้านไปแล้วไม่ได้ติดต่อเพื่อนคนไหนนอกจากซีวอนเลย
“เราบอกไม่ได้หรอกฮีชอล ถ้านายอยากรู้ ต้องถามจากซองมินเอาเอง เราบอกได้แค่ว่า เป็นคนใกล้ๆตัว ที่ฮีชอลเองก็รู้จักดี ป่ะ ไปง้อซองมินกันนะ” มือหนาที่แสนอบอุ่นขยี้ลงบนหัวเล็กเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ ก่อนชักจูงมือบางให้ตามเพื่อนตัวอวบไป
“แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าซองมินแอบชอบใครอยู่ ” ปากอิ่มยังคงถามไปเรื่อยแม้กำลังจะเดินไปง้อเพื่อนสนิทที่ป่านนี้คงนั่งหน้าบึ้งอยู่ในห้องเรียนไปแล้ว
“ก็ช่วงปิดเทอม ฮีชอลอยากกลับบ้านไปทำไมเล่า ไม่งั้นก็คงได้รู้แล้ว เพราะซองมินเป็นคนบอกเอง” จองวูเล่าความจริงช่วงปิดเทอมที่เพื่อนสนิทไม่อยู่
“หรอ ผู้หญิงคนนั้นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่เนี่ย”
คำเปรยแผ่วเบาจากคนข้างกายทำให้ชายหนุ่มต้องชำเลืองมองใบหน้าหวานๆที่ไม่แน่ใจว่ากำลังคิดอะไรอยู่ในใจกันแน่ “ทำไมฮีชอลคิดแบบนั้นหล่ะ”
“แบบไหน แบบนั้น ที่ว่าโชคดีหรือโชคร้ายอ่ะหรอ ก็ซองมินน่ารักออก ดูแลคนอื่นได้ แม้แต่คยูฮยอน ซองมินยังดูแลดีกว่าเราที่เป็นพี่รหัสซะอีก หาคนมาสอนปั่นจั่กให้ แต่เราที่เป็นพี่รหัส กลับไม่ได้ทำอะไรเลย แถมยังต้องให้น้องมาติวให้ แต่ก็อีก ซองมินเป็นคนขี้อ้อน ขี้งอน แบบนี้ไง ก็เลยไม่รู้ว่าผู้หญิงที่ซองมินชอบโชคดีที่อาจจะมีแฟนที่เอาใส่คนอื่น หรือโชคร้ายที่มีแฟนขี้งอนกันแน่” ร่างบางร่ายยาวตอบคำถามที่เพื่อนสงสัยด้วยน้ำเสียงซ่อนความน้อยใจที่เพื่อนรักไม่ยอมเรื่องนี้
“อย่าคิดมากสิ คนเราก็มี ข้อดี ข้อเสียไม่เหมือนกัน แล้วก็อีกอย่างนะ อย่าน้อยใจที่ซองมินไม่บอกให้นายรู้เลย” ชายหนุ่มที่รู้จักกันมาแค่เพียงปีกว่า แต่ก็เรียกได้ว่าสนิทพอที่จะรู้ว่าคนข้างๆคงกำลังน้อยใจ
“ก็มันน่าน้อยใจไหมหล่ะ ที่ฉันเองก็เป็นเพื่อนสนิทอีกคน แต่ซองมินกลับไม่กล้าบอกแบบนี้”
“ไม่ใช่ว่าไม่กล้าบอก แต่ซองมินแค่กำลังสับสน ถึงยังไม่บอก รออีกนิดให้มันพร้อมกว่านี้ ฉันเชื่อว่าซองมินจะเป็นคนบอกนายเอง” จองวูปลอบเพื่อนรักด้วยเสียงนุ่มที่ชวนให้คนฟังยอมปล่อยความน้อยใจนี้ไปกับอากาศ
“สับสนอะไรกัน แค่ชอบผู้หญิงคนเดียว ไม่เห็นต้องสับสนอะไรเลย ก็แค่เดินไปบอก ก็จบแล้ว เหมือนที่นายเคยทำตอนปีหนึ่งไง ส่วนผลจะเป็นยังไงมันก็เป็นอีกเรื่อง”
“แล้วถ้าคนนั้นไม่ใช่ผู้หญิงหล่ะ” คำถามสั้นๆง่ายแต่ก็ทำให้คนฟังตกใจไม่น้อย จนนิ่งเงียบไป
“....”
“ทำไมนิ่งไปหล่ะ รับไม่ได้หรอ เพราะแบบนี้ไงซองมินถึงยังไม่กล้าบอกให้นายรู้” ชายหนุ่มแปลความเงียบของคนเป็นการปฏิเสธก่อนที่ต่างคนจะต่างเงียบ นิ่งคิดกับตนเอง
“...ฉัน..ไม่ใช่ รับไม่ได้ เพราะไม่ว่ายังซองมินก็คือเพื่อน ไม่ว่าเพื่อนจะชอบใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย เพื่อนก็คือเพื่อน แต่แค่กำลังตกใจ แล้วทำไมซองมินถึงบอกนายหล่ะ” ร่างบางรีบแก้ตัวให้คนข้างกายเข้าใจ ก่อนจะถามคำถามอีกคำถามที่ตามมา ซองมินกลัวเขารับไมได้ แล้วไม่กลัวจองวูรับไมได้หรือไง
หรือว่าเขาดูเป็นคนใจแคบขนาดที่เพื่อนต้องกลัวเรื่องแบบนี้...
จองวูมองใบหน้าหมองเศร้าของคนข้างกายก็รู้ได้ทันทีว่าร่างบางคงกำลังคิดน้อยใจอีกแน่ๆ “อย่าคิดอะไรแบบนั้นสิ ที่ฉันรู้เพราะฉันสังเกตุเห็นบางอย่างก็เลยถาม ถ้าไม่ถามซองมินก็คงไม่บอก แล้วที่ซองมินไม่บอกนายตอนนี้ก็คงเพราะว่า ผู้ชายคนนั้นเป็นคนใกล้ตัวนายกว่าใครๆ ก็เลยต้องใช้เวลาอีกสักนิด อย่าคิดมากเลยนะ” มือหนาตบลงบนบ่าเล็กเป็นเชิงปลอบใจ พากันเดินเข้าไปในห้องที่มีเพื่อนอีกคนนั่งซุกหน้าอยู่กับโต๊ะ ไม่รู้ว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่
“แล้วทำไมฉันไม่เห็นจะรู้สึกว่า ซองมินมีคนที่แอบชอบอยู่”
“ก็นายหน่ะ สังเกตไม่พอไง ไม่ก็ เอาแต่กลัวซีวอน จนลืมมองไปรอบๆก็ได้มั้ง ใครที่ช่างสังเกตุนิดๆก็จำได้แล้ว” จองวูบอกเพื่อนรักเสียงเบา ไม่อยากให้คนที่นั่งอยู่ได้ยิน
ฮีชอลนิ่งฟังสิ่งที่เพื่อนบอกก็ได้แต่รับฟัง โดยไม่มีใครรู้เลยว่าในใจเล็กๆ กำลังเสียใจ เพราะเป็นคนขี้กลัวแบบนี้หรือเปล่า เลยกำลังจะกลายเป็นผู้ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังอีกแล้ว
ตั้งแต่เข้ามหาลัย แม้ซีวอนจะมีใครๆจนไม่มีเวลาให้กัน แต่ฮีชอลก็ยังมีเพื่อน แต่ตอนนี้ ถ้าเพื่อนสองคนรักกัน เขาก็คงเป็นส่วนเกิน...ไม่อยากเป็นส่วนเกินแบบนี้ แต่จะทำอะไรได้อีกนอกจาก....ยิ้มยินดี
“ซองมิน” ฮีชอลทำเสียงเบาเรียกเพื่อนที่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาทั้งที่ก็รับรู้อยู่แล้วว่ามีคนมา มือบางสะกิดลงไปที่แผ่นหลัง แต่ก็ยงนิ่งเงียบ
“เฮ้ อ้วน อย่างี่เง่าหน่า ฉํนยังไม่ได้บอกฮีชอลสักหน่อยว่าคนนั้นของนายเป็นใคร เงยหน้าขึ้นมาเหอะ” เสียงทุ้มแก้มหยอกล้อเรียกด้วยอีกเสียง แต่ร่างอวบก็ยังคงนิ่งเงียบ จนทั้งฮีชอลและจองวูได้แต่มองหน้ากัน
“ซองมินนายไม่คิดจะคุยกับฉันจริงๆหรอ” เสียงหวานถามอย่างน้อยใจที่เปิดเทอมวันแรกแต่ก็ดูเหมือนว่าเพื่อนจะไม่ยอมคุยด้วยซะแล้ว สองมือเล็กก็พยายามงัดๆแงะๆเพื่อนออกมาจากโต๊ะ
“จะคุยทำไมหล่ะ นายรับได้หรอ ถ้าฉันจะบอกว่าฉันชอบผู้ชาย รับได้หรอฮีชอล” เสียงอู้อี้จากคนที่ยังไม่ยอมเงยน้าขึ้นมามองใคร ทำให้ทั้งสองคนยิ้มอย่างอ่อนใจ
“แล้วยังไงหล่ะ แล้วนายไม่ใช่เพื่อนฉันหรอ จะชอบใครก็เรื่องของนายสิ แค่นายยังเห็นฉันเป็นเพื่อนนั้น แค่นั้นก็พอแล้ว ไม่ว่าคนที่นายจะพามาจะเป็นเพื่อนเขย หรือเพื่อนสะใภ้ฉันก็รับได้ทั้งนั้นแหล่ะ อย่าคิดมากเลย”
“จริงๆนะ”
“จริง”
“เอ้า เงยหน้าขึ้นมาได้แล้ว ก่อนที่แก้มนายจะยับนะซองมิน” คำพูดกวนประสาทของจองวูทำให้ใบหน้าอิ่มต้องเงยหน้าขึ้นมาพร้อมนัยน์ตาแดงเรื่อใกล้จะมีหยดน้ำตาเต็มที
“ไอ้บ้า”
“อ้าว ขึ้นมาก็ด่ากันเลยเว้ย เดี๋ยวฉันจะเลิกคบมันเลยนิ” เป็นคำขู่ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม จนทำให้คนมองอย่างฮีชอลอดยิ้มไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นยังไง สุดท้ายก็ลงเอ่ยที่เพื่อนสองคนกัดกันแบบนี้
“เลิกดิ ไม่เห็นจะสน ฉันมีแค่ฮีชอลคนเดียวก็พอแล้ว”
ฮีชอลเป็นคนแย่มากจริงๆด้วย....ที่ซองมินไม่บอก ก็คงเพราะรู้ดีว่าเขาไม่เต็มใจที่จะยินดี แต่ทั้งที่รู้แบบนี้ ซองมินก็เป็นเพื่อนที่ดี ยังอยากที่จะรักษาน้ำใจแบบนี้...ซองมินคงเป็นคนดีที่เหมาะสมกบซีวอนจริงๆ
เพื่อนที่ดีสองคนรักกัน และกำลังมีความสุข เขาก็ควรจะยินดี และอวยพรให้ ทั้งสองคนรักกันแบบนี้ตลอดไป
คำพูดต่อจากนั้นของซองมินและจองวู ไม่ได้เข้าหูร่างบางอีกเลย เพราะมับแต่จมอยู่กับความคิดของตนเอง ความคิดที่ตีกันจนยุ่งเหยิง ก่อนจะได้บทสรุปที่ดีที่สุด
“ฮีชอล ฮีชอล” เสียงเรียกดังข้างหูทำให้ร่างบางต้องดึงสติตัวเองกลับมาหาเพื่อนสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ “เหม่ออะไร จารย์มาแล้ว”
“อ้อ อือ”
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
ยามพักเที่ยง เหมือจะเป็นเรื่องปรกติไปแล้วที่บางทีก็จะมีน้องรหัสของฮีชอลมานั่งกินข้าวด้วย และวันนี้ก็เช่นเดียวกัน ที่เด็กหน้าตาเจ้าเล่ห์จะเดินมาหากลุ่มรุ่นพี่พรอมใบหน้ายับย่น
“อ้าว น้องโจว เดินหน้าย่นมาเลย แอบหลับในคาบมาหรอ” ซองมินทักรุ่นน้องที่เดินมาด้านหลังของเพื่อนอีกสองคน จนทำให้ทั้งฮีชอลและจองวูต้องหันหน้าไปมอง
“หวัดดีครับ พี่ฮีชอล พี่ซองมิน พี่จองวู” เด็กหนุ่มหน้าตาเซ้งๆ เดินเข้ามา ก่อนนั่งลงบนเก้าอี้ที่เหลือว่างอยู่ข้างๆกับซองมิน “ตรงนี้ไม่มีคนนั่งใช่ไหมครับ”
“อือ ไม่มีหรอก แล้วนี้ คยูฮยอนเป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนี้หล่ะ มีปัญหาเรื่องตารางเรียนหรอ” ฮีชอลถามน้องรหัสอย่างเป็นห่วง ก็ปรกติน้องชายคนนี้ออกจะอารมณ์ดีและร่าเริง เรื่องที่น่าทำให้หงุดหงิดในวันเปิดเทอมวันแรกก็มีแค่ไม่กี่เรื่อง แล้วเรื่องตารางเรียนที่ไม่ลงตัวก็ดูเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด
“เปล่าหรอกครับ แต่วันนี้คิบอมมันยังไม่กลับมา ผมก็เลยต้องนั่งเรียนอยู่คนเดียว เซ็งที่สุด” เด็กหนุ่มเอ่ยถึงเพื่อนสนิทในรั้วมหาลัยที่เป็นรูมเมทกัน และวันนี้ก็ยังไม่ยอมมาเข้าเรียน
“นายก็เลยหลับในคาบ?”
“ก็นิดหน่อยแหล่ะครับ พี่จองวู จารย์บ่นอะไรก็ไม่รู้ วันแรกน่าจะปล่อยๆไป” เด็กหนุ่มยอมรับตามความจริง จะว่าไปการเรียนในห้องประชุมขนาดใหญ่กับการแอบหลับก็ดูเหมือนจะเป็นของคู่กันในบางวิชาที่อาจารย์เอาแต่เลคเชอร์น่าเบื่อ บางทีหันไปมองรอบห้องที่แสนเงียบ ก็เจอแต่ผู้เสียชีวิตจากการฟังอันแสนน่าเบื่อทั้งนั้น
“ ไม่นิดแล้วน้องโจว หน้าขึ้นเป็นริ้วๆเลย ดีไม่น้ำลายยืด ฮ่าๆๆๆ” ร่างอวบชี้นิ้วตามรอยยับที่ขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม หัวเราะอย่าอารมณ์ดี “นี้ฉันจะไปเติมน้ำ ใครฝากเติมไหม”
“เฮ้ย ฉันไปด้วย จะไปหาอะไรกินเพิ่ม” ร่างสูงรีบเดินตามเพื่อนออกไป ทิ้งให้พี่น้องสายรหัสนั่งอยู่ด้วยกันสองคน
“คยูฮยอน ดูรู้บ้างไหมว่า ซองมินมีคนที่แอบชอบหน่ะ” ร่างบางชวนน้องรหัสคุย ด้วยเรื่องที่คิดว่าบางทีคนฉลาด ช่างสังเกตแบบคยูฮยอนอาจจะรู้อะไรบ้างก็เป็นได้
“ครับ? พี่ซองมินอ่ะหน่ะครับ มีคนที่แอบชอบ ผมไม่เห็นรู้เลย” เด็กหนุ่มหันมามองหน้าพี่รหัสอย่าประหลาดใจ
“อ้าว ไหนจองวูว่า ใครที่สังเกตนิดๆก็จะมองเห็นหล่ะ” ฮีชอลบ่นกับตัวเองเบา “หรือเราสองคนจะช่างสังเกตไม่พอ สมที่เป็นสายรหัสกันจริงๆเลย คยูฮยอนเอ้ย!” มือบางเอื้อมไปตบไหล่ของน้องรหัสที่ตัวสูงกว่า
“ผมว่าก็คงงั้นมั้งครับ มิน่าพี่ซองมินถึงอารมณ์ดี ผมหลับในคาบก็ยังไม่ว่า ไม่งั้นป่านนี้คงบ่นหูแฉะ ว่าสมกับที่เป็นน้องพี่ฮีชอล” เด็กหนุ่มมองหน้าพี่รหัสที่ชอบแอบหลับในคาบเรียนเหมือนกันอย่างล้อๆ
“อ้าว เฮ้ย ไหงว่ากันแบบนี้ แล้วอย่าไปบอกซองมินนะว่ารู้เรื่องที่เขามีคนแอบชอบหน่ะ ซองมินไม่
อยากให้คนรู้ เข้าใจไหม” ร่างบางลดเสียงลง ย้ำกับน้องรหัสไม่ให้ไปบอกใคร
“ครับ แล้ว คนที่พี่ซองมินชอบเป็นใครหรอครับ” คยูฮยอนถามอีกด้วยความอยากรู้เมื่อเห็นว่าเจ้าของเรื่องยังไม่เดินมา
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ซองมินไม่อยากบอกก็เลยไม่ถาม เปลี่ยนเรื่องคุยเหอะ เดี๋ยวซองมินมาแล้วจะสงสัย” ร่างบางรีบชวนน้องเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเห็นว่าเจ้าของเรื่องเดินเข้าใกล้แล้ว
“ครับ แล้วอิงค์เทอมนี้พี่ลงเรียนกลุ่มไหนครับ” คยูฮยอนรับคำอย่างดี ถามพี่รหัสด้วยเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน
“กลุ่มเดียวกับนายแหล่ะ ก็ซีวอนเป็นคนลงให้เทอมนี้” ร่างบางตอบออกไปแล้วก็ได้แต่รันทดใจ นี้เป็นอีกเรื่องที่ทำให้เหมือนว่า ทุกอย่างในชีวิตมีแต่เพื่อนคนนี้ แล้วถ้าซองมินกลับซีวอนคบกันแล้วจริงๆ ทุกอย่างจะเหมือนเดิมหรือเปล่า ซีวอนจะยังดูแลทุกอย่างให้เหมือนแบบนี้หรือเปล่า....
“อืออ ถ้าไอ้บอมมันรู้คงดีใจ เพื่อนผมนี้มันอิจฉาผมจะตาย ที่มีทั้งพี่รหัส พี่เทค ไม่เหมือนมันที่พี่รหัสไม่สนใจ” เด็กหนุ่มพูดพร้อมๆกับที่รุนพี่อีกสองคนเดินกลับมาทันฟังพอดี
“น่าสงสารคิบอมเนอะ คงเหมือนน้องรหัสของไอ้จองวูแน่ๆ โชคร้ายมีพี่แบบนี้” ซองมินต่อคำพูดของน้อง ด้วยการแอบกัดเพื่อนนิดๆ ที่ไม่สนใจสายหัสตัวเองเลย
“อะไร มาเกี่ยวไรกับฉัน น้องฉํนมันก็ดูแลตัวเองได้เว้ย ปั่นจั่กก็คล่อง” ทั้งสี่คนต่างหัวเราะพูดคุยกันอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งได้เวลาเข้าเรียน จึงต้องแยกย้ายกันไป นั่งนับเวลาถอยหลังเพื่อเลิกเรียน ได้กลับบ้าน กลับหอนอน
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
เหล่านักศึกษาผู้รักการเรียนรู้ ต่างจ้องมองนาฬิกาให้มันเดินเร็วขึ้น แต่ก็ดูเหมือนว่ายิ่งมองก็ยิ่งเดินช้าลง และในที่สุดแม้จะเดินช้าแค่ไหน มันก็ต้องเดินมาถึงเวลาเลิกเรียนอย่างที่ต้องการ “วันนี้พอแค่นี้ก่อน แล้วเดี๋ยวอาทิตย์ผมจะเทสเรื่องที่พูดไปวันนี้ ให้พวกคุณกลับไปทบทวนมาให้ดี”
ร่างอวบที่เก็บของเรียบร้อยก่อนที่อาจารย์จะพูดเสร็จ หันมาบอกเพื่อนรักทั้งสอง อย่างรีบเร่ง “เฮ้ย ฉันไปก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน”
“จะรีบไปไหนอ่ะ ซองมิน” ฮีชอลถามเพื่อนอย่างงุนงง ยิ่งมองท่าทางเร่งรีบก็ยิ่งแปลกใจ
“วันนี้เพื่อนมัธยม มันนัดกัน ไปก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน”
ทั้งฮีชอลและจองวุไม่ทันได้บอกลาเพื่อนที่เดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้อีกสองคน มองตากันอย่างแปลกใจ ละค่อยเดินอย่างไม่รีบร้อน
“เดี๋ยวให้เราไปรอซีวอนเป็นเพื่อนไหม” จองวูหันมาถามคนที่ปรกติต้องมีคนรอผู้ปกครองมารัยเป็นเพื่อน แต่วันนี้คนรอก็รีบไปซะแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอก รู้นะว่า นายไม่อยากเจอซีวอนเท่าไหร่ ฉันรอเองได้” ฮีชอลมองหน้าคนใจดี รู้กันอยู่ว่าเพื่อนสนิทสองคนไม่ถูกกัน
“ตามใจ เฮ้ยนั่น ซองมินนิ คุยอยู่กับใคร ไหนว่ารีบ” นิ้วเรียวชี้ไปทางเพื่อนตัวอวบที่ยืนคุยอยุ่กับใครไม่รู้หน้ารถเต่าคันเก่า
“ซีวอนหน่ะ” ฮีชอลมองแผ่นหลังที่คุ้นเคยเพราะเห็นมาตั้งแต่จำความได้ ก่อนจะลากจองวุให้เดินเข้าไปหาทั้งสองคน “ซีวอน ซองมิน”
“ไหนว่ารีบ ทำไมยังไม่ไป” จองวูถามเพื่อนรักที่ดูหน้าก็พอรู้ว่าร้อนใจไม่น้อย
“รถซองมินเสียหน่ะ เห็นว่ารีบฉันก็ว่าจะไปส่ง” ซีวอนหันมาตอบคนถาม พลางหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆร่างโปร่ง ใบหน้าคมชักสีหน้าไม่พอใจ
“ก็ เดี๋ยวฉันเองก็ได้ ไม่รบกวนนายหรอก แล้วอีกอย่างนายต้องพาฮีชอลกลับแล้วจะไปยังไง” ซองมินมองหน้าเพื่อนตัวบางที่ลงมาพอดี ในขณะที่ซีวอนเองก็มองใบหน้าหวานด้วยเช่นกัน
ฮีชอลมองเพื่อนสองคนที่จ้องาเหมือนว่าให้ชวนพดอะไรสักอย่าง แล้วก็ได้แต่ส่งรอยยิ้มน้อยๆไปให้ เขาคงต้องทำหน้าที่เพื่อนที่ดีของซีวอนตอบแทนที่ชายหนุ่มดีกับเขามาตลอด “ไปเหอะ เดี๋ยวฉันกลับเองได้ นายนั่งรถไปจะช้าเอานะ”
“เห็นไหม ไปกันเหอะ ฮีชอลเดี๋ยวนายนั่งแท็กซี่กลับบ้านนะ” ชายหนุ่มยัดหมวกกันน็อคใส่มืออูมๆ บังคับให้ไปขึ้นนั่งมอไซค์คันใหญ่ ในขณะที่ตัวเองก็หันไปสั่งเพื่อนตัวเล็กที่เคยกลับบ้านด้วยทุกวัน
“ไม่ต้องเป็นห่วงฮีชอลหรอก เดี๋ยวฉันไปส่งเองก็ได้” จองวูทิ่นิ่งเงียบมานาน อาสาพาเพื่อนรักกลับบ้าน
“ไม่ต้อง” ชายหนุ่มที่เตรียมเร่งเครื่องออกไป หยุดการกระทำนั้นหันมาจ้องหน้าคนที่ขันอาสาอย่างไม่พอใจ “ฉันให้ฮีชอลนั่งแท็กซี่ก็คือนั่งแท็กซี่ ไม่ต้องเป็นภาระให้ใครมารับส่ง”
คนที่ถูกมองว่าเป็นภาระได้แต่เม้มริมฝีปากนิ่ง ก้มหน้าไม่กล้าสบตาใคร แค่นี้ ก็กลายป็นภาระไปแล้วสำหรับซีวอน “อือ นายรีบไปส่งซองมินเหอะ เดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่กลับเอง”
“ฮีชอล” ซอมินอยากจะลงจากรถ นึกเสียใจที่กลายเป็นปัญหาให้เพื่อน แล้วยังทำให้ซีวอนอารมณ์เสีย
“รีบไปเหอะ แล้วพรุ่งนี้เจอกันนะซองมิน” ร่างบางตัดปัญหา รู้ดีว่าเพื่อนก็ไม่สบายใจ แต่ทำยังไงได้ ตอนนี้อารมณ์ซีวอนไม่ดี ใครขัดใจก็คงกลายเป็นเรื่องใหญ่
“แล้วเจอกันที่บ้าน ฮีชอล” ร่างสูงมองเพื่อนรักตาเขม็งผ่านหน้ากากที่ปิดลงมาของหมวกกันน็อค ก่อนพามอเตอร์ไซค์คันใหญ่สีแสบตาออกไป
“แล้วนายจะนั่งแท็กซี่กลับจริงๆหรอ ให้ฉันไปส่งเหอะ” จองวุมองหน้าเพื่อนสนิทที่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสักที เลยตัดสินใจดึงมือบางไปขึ้นรถของตัวเองที่จอดอยู่ไม่ห่าง แต่ก็ถูกขืนแรงเอาไว้
“อือ ก็ซีวอนบอกไว้แบบนั้น ฉันไม่อยากมีเรื่อง”
“อะไรอะไรก็ซีวอน” ชายหนุ่มบ่นขึ้นอย่างน้อยใจ ก่อนจะเห็นว่าดวงตากลมมองกลับมา “เอางี้ให้ฉันไปส่ง นายไม่พูด เราไม่พด ซีวอนก็ไม่รู้ ก็ไม่มีปัญหาตกลงไหม”
“....”
“ให้นายกลับคนเดียวฉันก็เป็นห่วงนะ เอาเหอะ ไม่มีเรื่องหรอก” จองวูเห็นเพื่อนนิ่งคิด ก็ยิ่งยกแม่น้ำขึ้นมาหว่านล้อม
“อือ ก็ได้” ใบหน้าหวานเศร้า ยิ้มอ่อนๆยอมตามใจเพื่อน เดินไปขึ้นรถที่ตกแต่งจนใกล้เคียงจะกลายเป็นมินิคูเปอร์อยู่แล้ว
“มันต้องแบบนี้สิ ซ้อนสองล้อทุกวัน วันนี้นั่งสี่ล้อกลับบ้านบ้างนะ” ชายหนุ่มมองเพื่อนรักที่คงตั้งใจจะพูดคำว่าขอบคุณ จึงต้องชิงพูดก่อน “เฮ้ ไม่เอา ไม่มองแบบนั้นสิ เราก็เพื่อนฮีชอลนะ ”
“อือ แต่ก็ขอบคุณนะ” ฮีชอลรู้สึกได้ถึงความจริงใจผ่านมืออบอุ่นที่ชอบมาขยี้ผม
ถึงฮีชอลจะถูกซีวอนกับซองมินทิ้ง แต่ก็ยังมีจองวุเป็นเพื่อนอีกทั้งคน เพราะฉะนั้น ก็จะช่วยเชียร์ซีวอนจนสุดใจ ให้สำเร็จในรักครั้งนี้
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
Cayenne สีดำสนิทคันหรูที่หาไม่ได้ง่ายๆบนท้องถนนด้วยราคาที่สูงลิ่ว เรียกสายตาของนักศึกษา ให้เหลียวมองด้วยความแปลกใจ ที่ไม่เคยเห็นเจ้ารถโดดเด่นคันนี้มาก่อนในมหาลัย และยิ่งแปลกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นร่างบางที่เคยซ้อนมอไซค์มาเรียนทุกวันก้าวลงจากรถคันนี้
“ฮีชอลลลลลลลล” คนที่เคยมาสายที่สุดในกลุ่มตะโกนเรียกคนที่พึ่งมาเสียงดังไม่อายคนที่เดินผ่านไปมา จนเจ้าของชื่อแทบไม่อยากเดินเข้าไปใกล้ “เมื่อกี้เสี่ยที่ไหนมาส่ง รถไม่คุ้นเลย”
“หวัดดี ฮีชอลวันนี้มาสายนะ” จองวูทักทายเพื่อนตัวบางที่เดินเข้ามาใกล้ ลอบสังเกตใบหน้าหวานที่ยังคงสดใส แน่ใจว่าเรื่องที่เมื่อวานเข้าไปส่งถึงหน้าบ้านคงยังไม่รู้ถึงหูซีวอนแน่ๆ
“อืม หวัดดีจองวู ซองมิน มานานหรือยัง” ร่างบางทักทายเพื่อนรักทั้งสอง มองถุงขนมที่เกะกะอยู่บนโต๊ะก็พอจะรู้
“ก็~”
“ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลยนะ เมื่อกี้เสี่ยคนไหนมาส่งอ่ะ คนมองกันทั้งม.เลย” ซองมินรีบแย่งเพื่อนตอบ ก่อนที่ความสงสัยของเขาจะโดนกลบไป
“จะเสี่ยคนไหนหล่ะ ถ้าไม่ใช่เสี่ยคนเดียวกับที่ไปส่งซองมินเมื่อวานไง จำไม่ได้หรอ” ดวงตาโตมองเพื่อนอย่าแปลกใจ “แล้วเมื่อวานเป็นไงมั่ง สนุกไหม”
“เมื่อกี้...ซีวอนหรอ แล้วไอ้ส้มคันนั้นหล่ะ” ซองมินมองหน้าเพื่อนอย่างแปลกใจ นึกไม่ถึงว่าจะมีวันที่ซีวอนยอมทิ้งมอไซค์คู่ใจมาขับรถแบบนี้ได้
“เปล่าหรอก คันนั้นก็อยู่ แต่ซีวอนนึกอะไรไม่รู้ เมื่อเช้าถึงได้เอาคันนี้มา เมื่อวานตอนที่กลับไปก็เห็นหากุญแจเจ้าคันนี้อยู่ตั้งนาน เมื่อเช้าก็เอาแต่บ่นว่ารถติด” ใบหน้าหวานยิ้มน้อยๆ ขำเพื่อนรักที่เอาแต่บ่นมาตลอดทาง
...ก็ใครไปบังคับให้ใช้รถคันนี้กัน....อยากใช้เองแล้วยังมาบ่นอีก
“ถ้าให้ฉันเดาเพราะซ้อนซองมินหรือเปล่า โชคมันเลยหัก กลับไปถึงต้องรีบไปหากุญแจรถแบบนั้น” จองวูพูดกัดเพื่อนตัวดีนิดๆ แม้จะอดแปลกใจไม่ได้ แต่เมื่อคิดดูไม่นาน ชายหนุ่มก็พอจะเข้าใจเหตุผลของซีวอนอยู่บ้าง...หากว่าเขาอ่านผู้ชายคนนี้ไม่ผิด
“ไอ้บ้า! ฉันไม่ได้อ้วนขนาดนั่นสักหน่อย ฮีชอลรู้ไหม เมื่อวานฉันนึกว่าจะไม่รอดไปหาเพื่อนแล้ว คนอะไรขี่รถเร็วชะมัด นายทนได้ไงเป็นฉันนะครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว” ใบหน้าเกือบกลม ทำหน้าสยองปากเบะเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆทั้งสอง
“ก็ไม่น่ากลัวสักหน่อย ถึงจะเร็วแค่ไหน แต่ฉันก็ชื่อใจซีวอนอยู่ดี เพราะรู้ว่าซีวอนระวังมากแค่ไหน ไม่ยอมให้เกิดอุบติเหตุขึ้นง่ายๆหรอก” ร่างบางยิ้มหวานให้เพื่อนเป็นเชิงปลอบใจและสร้างความเชื่อมั่นในตัวเพื่อนรักอีกคนที่ป่านนี้คงไปนั่งเล่นอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่คณะแล้ว
“เหอะ! เชื่อใจกันดีเหลือเกินนะ ใช่สิเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กก็ต้องเข้าข้างกันอยู่แล้ว ไอ้เรามันพึ่งรู้จักกันได้แค่ปีเดียว”ร่างอวบทำเสียงขึ้นจมูก เบือนหน้าหนีไปอีกทาง ทำปากเชิดอย่างแสน(แกล้ง)งอน
“ไม่เอาหน่า ซองมินอย่างอนสิ” มือบางสะกิดลาดไหล่แคบของเพื่อน ใบหน้าหวานยิ้มอย่างมีความสุข
“ไม่รู้ ไม่ชี้”
“ซองมินอย่างอนเลย ฮีชอลไมได้รู้จักกับซีวอนมาทั้งชีวิตเมื่อไหร่” ดวงตกลมสองคู่จับจ้องใบหน้าจองวูอย่างอยากรู้ว่าจะมีสิ่งใดหลุดออกมาจากปากเพื่อนคนนี้อีก “แต่ฮีชอลไมได้กลัวความเร็วเหมือนนายไง ที่วันๆจะได้ขับแต่ไอ้เต่ามาเรียน”
“ไอ้จองวู ขอให้รถแกหาย”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะไปมาของเพื่อนทั้งสอง ฮีชอลที่พึ่งตอบข้อสงสัยของตนเองเรื่องรถที่เพื่อนรักใช้ กลับค่อยๆเงียบลงจนหลุดออกจากได้ยินใดๆทั้งสิ้น
หรือซีวอนจะรักซองมิน...จนยอมเลิกใช้มอเตอร์ไซค์...
“นี้ ฮีชอล ฮีชอลลลลลล” เสียงทุ้มตะโกนก้องเข้าหูจนร่างบางสะดุ้งตกใจ
“อ๋า เอ๋ แล้วรถซองมินซ่อมเสร็จเมื่อไหร่หล่ะ” ร่างบางที่ไม่รู้ว่าเพื่อนพูดอะไรกัน ยังทำหน้างงที่ต่อเรื่องไม่ถูก
“ซ่อมเสร็จอะไรหล่ะ ยังนอนตายอยู่ที่เดิมอยู่เลย ตอนบ่ายๆป๊าถึงจะให้รถมายกไป” ใบหน้าเกือบกลมมุ่ยลงเมื่อนึกว่าจะไม่มีรถใช้ไปอีกระยะ
“ฉันว่าป๊านายไมได้ยกไปซ่อมหรอก แต่ยกไปขายเป็นของเก่ามากกว่า” เป็นจองวูคนเดิมที่ยังชอบกัดเพื่อนตัวอวบเรื่องรถเต่าคันเก่าที่ดูว่าน่าจะปลดประจำการไปได้แล้ว
“นี้ สองคน อย่าทะเลาะกันเลย ฉันไปเข้าเรียนก่อนดีกว่า เดี๋ยวไปจองโต๊ะไม่ทัน ไม่รู้ว่าคยูฮยอนไปหรือยัง” ฮีชอลรีบห้ามทัพเพื่อนด้วยการขอตัวแยกไปเรียนก่อน ปล่อยให้สองเพื่อนที่มีเรียนตอนสายนั่งเล่นต่อไป
“อือ ตั้งใจเรียนนะฮีชอล อย่าหลับหล่ะ” จองวูหันมาเตือนเพื่อนที่กำลังจะไปเรียน รอยยิ้มบางๆที่มีให้กันเสมอ ทำให้เพื่อนอีกคนหมั่นไส้ เตะเข้าที่ก้นแรงๆหนึ่งที “ซองมิน”
“นี้ อย่าทะเลาะกันจนลืมเข้าเรียนนะ ไปแล้ว เที่ยงเจอกัน เออซีวอนจะมากินด้วยนะ” ร่างบางเดินเข้าตึกเรียนไปยังห้องเรียนที่แจ้งเอาไว้ในตาราง เปิดประตูเข้าไปก็ต้องทำหน้ามุ่ยที่มีนักศึกษามานั่งรออยู่เพียงคนเดียวและไม่ใช่น้องรหัส
“อ้าว คิบอมเองหรอ พี่นึกว่าคนอื่นเสียอีก” ใบหน้าหวานยิ้มดีเมื่อเห็นได้ชัดขึ้นว่าเป็นใครที่มานั่งอยู่ก่อน แม้คนที่มาก่อนจะไม่ใช่น้องรหัส..แต่ก็เป็นรุ่นน้องที่สนิมด้วย “ออกมาแต่เช้าเลย คยูฮยอนหล่ะ”
คิม คิบอม รูมเมทของคยูฮยอน
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ นี้ผมก็ยังไม่ได้เข้าหอเลย พึ่งมาจากบ้าน พี่นั่งตรงนี้สิครับ” เด็กหนุ่ม ชี้ลงให้รุ่นพี่นั่งที่ตรงกลาง ตรงเก้าอี้สามตัวที่ติดกัน ทั้งที่ตอนแรกฮีชอลตั้งใจจะให้คยูฮยอนนั่งตรงกลาง
“หรอ เดี๋ยวก็คงมามั้ง เมื่อวานเราโดดไปทิ้งไว้คนเดียว เจ้าคยูฮยอนบ่นใหญ่เลย” ฮีชอลนั่งลงตรงที่รุ่นน้องชี้ให้นั่ง ก่อนคุยด้วยอย่างสนิทสนม แต่แปลกที่เด็กหนุ่ม กลับมอหน้านิ่ง “เป็นอะไร หน้าพี่มีอะไรติดอยู่หรอ”
“เปล่าหรอกครับ แต่ผมว่า แค่เราเจอกันไม่ไม่เท่าไหร่ ดูหน้าพี่ฮีชอลซีดลงนะครับ” คิบอมหรี่ตาที่เล็กอยู่แล้ว ลงอย่างพิจารณา “ซีดลงจริงๆด้วย เมื่อก่อนปากพี่ชมพูกว่านี้นะ”
“ฮืม? พี่ว่าไม่หรอกมั้ง ไฟในห้องหลอกตาเราแล้วมั้ง คิดมาก ว่าแต่เราเหอะเมื่อวานทำไมไม่มาเรียน” ฮีชอลปัดความคิดของเด็กหนุ่ม ทำท่าสนใจกับสิ่งที่ถามออกไป
“อ้อ พอดีต้องช่วยงานที่บ้านหล่ะครับ”
“ช่วยงานที่บ้าน หรือขี้เกียจวะไอ้บอม” ร่างโปร่งที่พึ่งก้าวเข้ามาใหม่ เอ่ยแทรกถามเพื่อนสนิทอย่างรู้ทันกัน “สวัสดีครับพี่ฮีชอล อย่าไปเชื่อมันมากเลยไอ้บอมอ่ะ”
“อะไรของแก มาถึงก็ดิสเครดิสฉันเลย” คิมบอมมองหน้าเพื่อนที่อยู่ถัดไปโดยมีรุ่นพี่หน้าหวานนั่งคั่นอยู่
“ก็ต้องงั้นสิวะ ไม่งั้นแกก็สร้างภาพเป็นคนดี จีบพี่รหัสฉันดิ” คยูฮยอนแกล้งแหย่เพื่อนให้เขินเล่นๆ ก็พอจะมองออกอยู่บ้าง ว่าเพื่อนเขาแอบมองพี่รหัสอยู่บ่อยๆ
“จีบอะไรเล่าก็แค่บอกว่า หน้าพี่ฮีชอลดูซีดลง ปากด้วย ว่าไหม” คิบอมรีบแก้ตัวไป แก้มบวมๆก็แดงเรื่อขึ้น นึกแช่งเพื่อนในใจขอให้คนที่มันแอบชอบเมินใส่!!!
“ซีดลงหรอ ผมว่า.....ก็นิดหนึ่งนะครับ แต่ว่าไม่เยอะหรอก แต่ปากผมไม่แน่ใจอ่ะ ผมไม่ได้จ้องปากพี่เหมือนไอ้บอมมัน” คยูฮยอนจ้องมองหน้าพี่รหัสอย่างตั้งใจ มองดูทั่วๆ แต่ก็ไม่เลิกแหย่เพื่อนอยู่ดี
“ฮ่าๆๆ พอกันทั้งคู่นั้นแหล่ะ พี่ว่าคิบอมคิดมากไปเองมั้ง” ร่างบางหัวเราะขำรุ่นน้องทั้งสองที่ความสนิทก็ไม่ต่างจากกลุ่มเท่าไหร่ แม้จะมีกันอยู่น้อย แต่ก็ไม่เคยเหงา ขอแค่เข้าใจและจริงใจต่อกันเท่านั้น
“ครับ แต่ถ้าพี่เป็นอะไรไป หรือเรียนไม่ไหว บอกผมนะครับ” คิบอมยังคงเป็นห่วงพี่รหัสของเพื่อนอย่างออกนอกหน้า และยิ่งเขินขึ้นมาอีก เมื่อได้เสียงหัวเราะในลำคอจากเพื่อนสนิท
“อือ พี่ไม่เป็นอะไรหรอก อาจารย์มาแล้ว” ฮีชอลบอกปัดรุ่นน้อง ในใจก็นึกขำอยู่เงียบ กับรุ่นน้องสองคน ถ้าไม่มีเขานั่งกั้นไว้ คงไม่แคล้วได้เถียงกันยาวกว่านี้
นักเรียนตั้งแต่ปีหนึ่ง ถึงปีสามที่นั่งคละกันไปมา ต่างจ้องมองหน้าห้องอย่างตั้งใจ ยิ่งปีสูงๆก็ยิ่งตั้งใจ เพราะคาดหวังว่าเทอมนี้จะต้องผ่านตัวนี้ไปให้ได้
“พี่ฮีชอลลลล” เสียงร้องของคิบอมเรียกให้ใบหน้าหวานที่กำลังจ้องมองกระดานต้องหันกลับไปมองอย่างสงสัยว่ามีเรื่องอะไร “พี่ เลือด..เลือดที่จมูก”
“ฮ่ะ อะไร” ฮีชอลไม่เข้าใจว่ารุ่นน้องต้องการสื่ออะไร อยู่ๆก็ชี้แล้วร้องว่าเลือดๆๆๆ อยู่อย่างนี้ คิ้วเรียวสวยได้แต่ขมวดมอง อย่างไม่เข้าใจ
“ไหน เฮ้ย พี่เลือดกำเดา” คยูฮยอนที่หันมามองด้วยความสงสัยว่าเพื่อนโวยวายอะไรเสียงดัง จนคนทั้งห้องหันมามอง ไม่เว้นแม้แต่อาจารย์หน้าโหด
เลือดแดงสดไหลออกมาเป็นน้ำจากจมูกโด่งได้รูป แต่เจ้าตัวกลับยังไม่รู้ตัว จนมันไหลหยดลงไปเกือบหนังสือเรียน คยูฮยอนรีบใช้ผ้าเช็ดหน้าตะปปปิดจมูกได้รูปของรุ่นพี่ในทันทีที่เห็น “พี่แหงนหน้าขึ้นสิครับ เลือดมันจะได้หยุด”
คยูฮยอนแค่พูด แต่คิบอมใช้มือดันคางแหลมๆให้แหงนขึ้นโดยไม่ทันให้ฮีชอลได้รู้ตัว ดวงตากลมเบิกกว้างอย่างตกใจ ที่ทุกอย่างเกิดขึ้นไม่ทันตั้งตัว แม้แต่อาจารย์ยังเดินเข้ามามองอย่างเป็นห่วง
เลือดที่ฮีชอลเริ่มจะรู้สึกว่ามันหยุดไหล กลับทำให้ร่างบางพะอืดพะอม จนไม่สามารถทนได้ รีบลุกขึ้นวิ่งออกจากห้องเรียนไปเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจที่จะบอกอาจารย์ที่ยังดูแตกตื่น
เลือดที่ไหลออกมาในโพรงจมูก เมื่อแหงนเงยขึ้น มันจึงไหลลงมาในช่องปาก ส่งกลิ่นคาวคลุ้งไปทั่วจนแทบเวียนหัว ต้องเปิดปากให้เลือดเหม็นคาวไหลออกมา ยิ่งทำให้รู้สึกสะอิดสะเอียนจนทนไม่ไหว ทั้งรสชาติที่เหมือนกินสนิทเหล็กเข้าไปก็ยิ่งทำให้พะอืดพะอม แต่สิ่งที่ออกมาก็มีแต่เลือด และเลือด
ทั้งเลือดใส เลือดข้น ลิ่มเลือด จนโถชักโครกในห้องน้ำเต็มไปด้วยเลือด....
มือบางที่สั่นเทาเพราะหมดแรงไปกับการอาเจียน ยกขึ้นกดน้ำไล่ของเหลวเหม็นคาวสีแดงลงไปจนหมด แต่ก็อ่อนแรงจนแทบไร้แรงทรงกาย “พี่ฮีชอลครับ พี่ฮีชอลเป็นไงบ้าง เปิดประตูให้ผมหน่อย”
ฮีชอลค่อยๆยันกายขึ้นยืน ปลดกลอนห้องน้ำ เปิดให้รุ่นน้องเข้ามาพยุงตัวเดินออกไป เด็กหนุ่ม ประคองให้รุ่นพี่มาพักที่อ่างล้างมือ “ขอบใจนะคิบอม”
“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ พี่ไหวนะ” เด็กหนุ่มมองหน้ารุ่นพี่อย่างไม่แน่ใจเท่าไหร่ หน้าที่เมื่อเช้าเขาว่าซีด ตอนนี้กลับยิ่งซีดลงไปกว่าเดิม แต่ริมฝีปากอิ่มที่เมื่อเช้าทักว่าสีจางลง ตอนนี้กลับแดงด้วยยังมีคาบเลือดเปรอะอยู่ “พี่เหมือนคนพึ่งไปกินเลือดมาเลย”
“อือ ช่างคิดจัง ขอพี่ล้างหน้าแปปนะ” มือบางควักน้ำขึ้นมาล้างหน้า บ้วนปากให้หายคาว ก่อนที่จะใช้ผ้าเช็ดหน้าของน้องรหัสที่ติดมือมา เช็ดหน้าตัวเอง “กลับห้องกันเหอะ”
“ครับพี่” คิบอมพยุงรุ่นพี่หน้าหวานที่ตอนนี้หน้าซีดแทบไรสีเลือดกลับห้องเรียนที่ทั้งอาจารย์และเพื่อนร่วมคลาสกำลังรออยู่อย่างเป็นห่วง
“เรียนไหวใช่ไหม ฮีชอล” เสียงแหลมๆ ของอาจารย์มองหน้าคนที่ถูกประคองเข้ามาอย่างเป็นห่วง ไม่แน่ใจว่านักศึกษาคนนี้จะเรียนไหวหรือจะให้ไปนอนที่ห้องพยาบาล
“ไหวครับอาจารย์” ร่างบางเดินกลับไปเข้าที่ ตั้งใจจะคืนผ้าเช็ดหน้าผืนนุ่มคืนน้องรหัส แต่เมื่อทั้งผืนมีแต่เลือด เลยได้แต่ยิ้มแหยๆให้ “เดี๋ยวพี่ซักมาคืนให้นะ”
“ครับพี่”
ตอนเที่ยงเรื่องที่ฮีชอลเลือดกำเดาไหลก็เป็นเรื่องที่รู้ไปทั่วถึง ทั้งซีวอน ซองมิน และจองวู โดยเฉพาะรายหลังที่ดูจะเป็นห่วงร่างบางเป็นอย่างมาก ถึงขนาดจะพากลับบ้าน“แล้วเป็นไงมั่ง เรียนไหวเปล่า กลับบ้านไหม ฉันไปส่งได้นะฮีชอล วิชาคาบบ่ายก็ไม่มีอะไรเดี๋ยวให้ซองมินอยู่จดเลคเชอร์ให้ก็ได้”
“ก็แค่เลือดกำเดาไหลไม่ต้องถึงกลับบ้านหรอกมั้ง จะเป็นอะไรมากนักเชียว แล้วไปทำอะไรมันถึงได้ไหลออกมา” เสียงห้วนๆของหนุ่มต่างคณะถามออกมา ท่ามกลางความเป็นห่วงของคนอื่นๆ
“เลือดกำเดาถ้ามันอยากจะไหล ไม่ต้องทำอะไรมันก็ไหลได้ แล้วถ้ามันออกมามากๆ ก็ทำให้เวียนหัวได้เหมือนกัน ถ้านายไม่ว่างจะพากลับ ฉันพากลับก็ได้” จองวูมองหน้าคนที่ขัดขึ้นอย่างไม่พอใจ
“นี้พอเหอะ ทั้งคู่แหล่ะ ฉันไม่เป็นไร เรียนไหว ไม่ต้องกลับบ้านหรอกจองวู ขอบใจนะที่เป็นห่วง” ฮีชอลรู้ดีว่าเพื่อนทั้งสองคนไม่ถูกกัน และถ้าขืนปล่อยไปก็คงมีแต่จะทะเลาะกัน
“ใช่ๆๆ พี่ฮีชอลไม่เป็นไรหรอก ถ้าเป็นไร ผมพากลับบ้านนานแล้ว” คิบอมที่ไม่รู้จักสองคนดีพอ พูดแทรกขึ้น จนทั้งซองมินและคยูฮยอนที่นั่งปิดปากนิ่ง แทบอยากสละมือตัวเองไปปิดปากนี้จริงๆ
ซีวอนเหล่ตามองหน้าคนพูดที่เขาไม่คุ้นเท่าไหร่ แต่พอจะเดาได้ว่าเป็นเพื่อนของคยูฮยอน “ฮึ มีแต่คนอยากจะไปส่งจริงนะ คนอื่นเขารู้บ้างไหมว่าไอ้บ้างที่นายอยู่เนี้ยมันเป็นของใคร ถึงคิดจะไปยุ่งบ้านคนอื่นเขาจริง”
“นี้จะบ้านใครมันไม่สำคัญเท่าฮีชอลไม่ไหวหรอกนะ ถ้านายไม่อยากให้ฮีชอลอยู่บ้านนายอีก ให้มาอยู่บ้านฉันก็ได้” จองวูไม่พอใจที่ซีวอนกลายเป็นคนใจแคบ จนไม่ห่วงเพื่อนบ้างเลย ถึงได้พูดแรงออกไป
“ใช่ หรือถ้าไม่สะดวกมาอยู่หอในก็ได้ ห้องผมยังเหลือที่เตียงว่าง จะย้ายวันนี้เลยก็ยังได้ ใช่ไหมวะคยูฮยอน” คิบอมเองก็ไม่พอใจเหมือนกัน ถึงเสนอทางเลือกให้แต่ ยิ่งพูด ก็ยิ่งทำให้ซีวอนโมโหเข้าไปอีก
“เออะ...เออ” คยูฮยอนกลายเป็นคนติดอ่าง มองหน้าซีวอนก็รู้ดีว่ารุ่นพี่อารมณ์ร้อนตอนนี้คงโกรธเสียยิ่งกว่าตอนที่รถชนกัน ดวงตาดุๆจ้องมองอย่างจะฆ่าคนได้ สันกรามถูกขบจนเห็นโครงหน้าได้ชัดเจนกว่าครั้งไหนๆ และมันก็ยิ่งทำให้ดูน่ากลัว
“อึกอักอะๆรวะ ก็บอกไปดิ หรือแกไม่อยากให้พี่ฮีชอลไปอยู่กับเรา” คิบอมเห็นสายตาปานจจะกินเลือดกินเนื้อของรุ่นพี่ต่างคณะ แต่ทำไมเขาต้องสนใจด้วย ในเมื่อนี้เป็นเรื่องที่พี่ฮีชอลจะต้องตัดสินใจเอง
“ไม่ใช่เว้ย ก็ดะ”
“น้องโจว” เสียงเรียกเย็นๆ ของซองมิน ทำให้เจ้าของนามสกุล โจวต้องชะงักปากตัวเองลงอย่างฉับพลัน ไม่กล้าต่อคำพูดให้จบ
“เอ่อ ไอ้บอมแกอิ่มแล้วใช่ไหม พวกพี่ครับ ผมกับเพื่อนขอตัวไปเตรียมตัวเรียนก่อนนะครับ” คยูอยอนรีบลากเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในรั้วมหาลัยออกจากระยะพิฆาตของสายตารุ่นพี่ต่างคณะ
“ซีวอน นายก็ใกล้เรียนแล้วไม่ใช่หรอ ไม่รีบไปหรือไง” ฮีชอลออกปากเป็นเชิงไล่เพื่อนรักทางอ้อม ดีกว่าปล่อยให้นั่งอยู่แล้วจะเกิดเรื่องขึ้นมากับจองวู
ซีวอนจ้องใบหน้าเพื่อนสนิทที่ออกปากไล่เขาด้วยความไม่พอใจ “ซองมินเดี๋ยวเย็นนี้กลับบ้านด้วยกันนะ ส่วนนายคงไม่มีใครอาสาไปส่งหรอกนะ เพราะรถมันก็คันใหญ่พอจะได้หลายคน” สายตากร้าวเลื่อนกลับไปมองร่างโปร่งอีกคนที่ชายหนุ่มไม่ชอบหน้าเท่าไหร่ “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่า เมื่อวานนายนั่งรถอะไรกลับบ้าน ไม่พูด อย่าคิดว่าไม่รู้เสมอไป”
“ฮู้ววววว” ทันที่ซีวอนลุกออกไปจากโต๊ะ ลมหายใจหนักๆก็ถูกผ่อนออกมาจากซองมินในทันที “ถามฉันบ้างไหมหว่า ว่าอยากกลับด้วยไหม มาคุขนาดนี้”
“แล้วทำไมเมื่อกี้ไม่ปฏิเสธไปหล่ะ ตอนที่เขายังนั่งอยู่มาบ่นอะไรตอนนี้” จองวูมองเพื่อนตัวอวบที่นั่งเงียบมาตลอด พอเขาไปถึงได้กล้าบ่น
“ก็ใครจะกล้าขัดหล่ะ มีหวังได้โดนฆ่าปาดคอฆ่าม. แน่ๆ น่ากลัวชะมัดเพื่อนฮีชอลคนนี้” ซองมินแทบกัดปากตัวเอง เมื่อมองหน้าของฮีชอลที่ดูเครียดๆ “ขอโทษ”
“ไม่เป็นไรหรอก ขอโทษพวกนายด้วยหล่ะกัน โดยเฉพาะนาย จองวู ขอโทษนะ”
“ไม่เป็นหรอก อย่าคิดมากเลยนะ ว่ากันตามจริงฉันเองก็ต้องขอโทษด้วยเหมือนกัน” มือหนาลูบผมของเพื่อนเป็นเชิงปลอบใจ “ไปเรียนกันเหอะนะ”
“อือ” ทั้งสามคนพากันเดินกลับไปที่คณะด้วยสีหน้าที่แตกต่างกันออกไป ทั้งเครียดขึ้ง คิดมาก และ แอบสยองเล็กๆไม่อยากให้ถึงเวลาเย็นเลย
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
ในที่สุดเวลาเลิกเรียนที่มีบางคนไม่อยากให้มาถึง ทั้งที่ก็ล้ากับวิชาเรียนที่แน่นอยู่ทั้งวัน รถยนต์คันหรูสีดำสนิท จอดรออยู่หน้าคณะไม่เหลือเวลาให้ซองมินแอบแว่บหนีกลับก่อนได้เลย ร่างอวบจึงจำใจเดินไปขึ้นรถพร้อมกับเพื่อนสนิทอีกคน ที่ยังคงทำหน้านิ่งไม่เปลี่ยนตั้งแต่กลางวัน
“พี่ฮีชอลล พี่ฮีชอล” เสียงเรียกจากด้านหลัง ที่ทั้งฮีชอลและซองมินจำได้ดีว่าเป็นของใครทำให้ซองมินทบอยากจะตัดน้องโจวออกจากการเป็นน้องเทคเสียจริงๆ
“ซองมินไปขึ้นรถก่อนนะ เดี๋ยวฉันตามไป” ฮีชอลบอกเพื่อนรัก รู้ทั้งรู้ว่าซองมินไม่ค่อบอยากจะเดินไปขึ้นรถมากแค่ไหน ยิ่งกระจกรถยิ่งทึบจนมองไม่ออกเลยว่าคนในรถนั่งหน้าบึ้งอยู่หรือเปล่า
“เอางั้นหรอ ให้ฉันยืนรอก็ได้ ไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรหรอก นายไปขึ้นรถก่อนเหอะ เดี๋ยวซีวอนโมโหเอาหน่ะ ฉันคุยกับน้องแปปเดียว” มือบางดุนหลังของเพื่อนให้เดินไปข้างหน้าส่วนตัวเองก็เดินไปหาน้องรหัสที่วิ่งเข้ามา
พี่รหัส น้องรหัส ยืนคุยอยู่ไม่นานก็ต้องสะดุ้งด้วยเสียงแตรรถดังลั่นทั่วไปหมด จนคนหันไปมองรถคันใหญ่เป็นตาเดียวกัน สุดท้าย ฮีชอลก็ต้องรีบเดินไปเปิดประตูหลังขึ้นนั่ง
ภายในรถคันหรูที่มีสามชีวิตนั่งอยู่ แต่กลับเงียบสนิทเหมือนไม่มีใคร จนซองมินต้องนั่งพองลมในปากเล่นไปมาแก้เครียดอยู่คนเดียว แล้วจึงนึกได้ว่าชวนเพื่อนสนิทที่นั่งข้างหลังคุยได้ “เมื่อกี้คุยอะไรกับน้องโจวหรอ หน้าเครียดเชียว”
“เอ่อ...” ดวงตากลมเหลือบมองที่กระจกมองหลังพอดีกับที่คนขับรถมองจ้องผ่านแว่นกันแดดมาพอดี จนร่างบางได้แต่อึกอัก
“ฉันเคยเตือนนายเรื่อง น้องรหัสแล้วไม่ใช่หรอฮีชอล” เสียงเข้มๆ จากคนขับรถที่ตาก็ยังจ้องมองถนน แต่กลับกดดันให้คนทั้งรถนิ่งเงียบไป จนซองมินไม่กล้าพูดอะไรกับใครอีก “แล้วตกลงคุยเรื่องอะไร นายยังไม่ได้ตอบที่ซองมินถามเลยนะ”
“ ก็เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอก” ฮีชอลเหลือบมองแผ่นหลังของเพื่อนตัวอวบอย่างช่างใจ ก่อนตอบออกมา “น้องแค่มาถามเรื่องผ้าเช็ดหน้าที่เอามาให้ฉันใช้เช็ดเลือดเท่านั้นเอง”
เมื่อตอบเสร็จแล้ว ฮีชอลก็ได้แต่ก้มหน้า ไม่กล้าสบตากับใครที่อาจจะมองมาอีก ในใจนึกวนเวียนอยู่แต่เรื่องที่น้องรหัสขอความช่วยเหลือ...ก็จะให้บอกความจริงได้ไปไง ทั้งที่ประโยคนั้นของน้องรหัสยังดังก้องอยู่ในหัว
....“พี่ฮีชอลครับ ผมชอบพี่ซองมิน พี่ช่วยผมหน่อยสิ”..........
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
“โอ้ย! จะบ้าตายอยู่แล้วจองวู พรุ่งนี้นายต้องเป็นคนไปรับฉันที่บ้านนะ” ร่างอวบเดินหน้ามุ่ยมายังโต๊ะที่เพื่อนมักอยู่เป็นประจำ พร้อมกับคำบ่นแต่เช้า ไม่สนใจว่าจะมีใครร่วมโต๊ะอยู่บ้าง
“บ่นอะไรแต่เช้าซองมิน แล้วทำไมจะให้ฉันไปรับ ไม่พอใจรถหรูๆที่ไปรับหรือไง” จองวูมองหน้าเพื่อนที่มาถึงก็บ่นแล้วยังสั่งให้เขาไปรับวันพรุ่งนี้ ทั้งที่มีรถหรูอาสาไปรับไปส่ง
“พอใจอะไรเล่า น่ากลัวจะตาย ซีวอนเป็นไรไม่รู้ไม่พูดไม่จา นั่งหน้าโหดมาตลอดทาง ฮีชอลก็นั่งนิ่ง แล้วก็ไม่ยอมนั่งหน้าด้วย ไม่รู้แหล่ะพรุ่งนี้นายไปรับฉันด้วย ไม่งั้นฉันได้บ้าตายก่อนพี่เต่าซ่อมเสร็จแน่ๆ อ้าว! น้องโจว น้องบอม” ท้ายประโยคหันไปทักสองหนุ่มรุ่นน้องที่พึ่งสังเกตเห็นว่ามีตัวตนอยู่ตรงนี้
สองรุ่นน้องโค้งให้รุ่นพี่อย่าสุภาพในขณะที่สายตาของคิบอมก็ชะเง้อมองเหมือนกำลังหาใครอีกคน จนเพื่อนสนิทอย่างคยูฮยอนอดถามไม่ได้ “แกมองหาใครอยู่วะ คิบอม”
“ยุ่งหน่า” คิบอมบอกปัดเพื่อนอย่างรำคาญ แล้วก็ชะเง้อมองอีก “พี่ซองมินครับ พี่ฮีชอลหล่ะครับ ไม่ได้มาด้วยกันหรอ”
“มาด้วยกัน แต่คงกำลังเคลียร์กับซีวอนอยู่มั้ง ไม่รู้เมื่อเช้ามีปัญหาอะไรกัน ไม่เห็นพูดกันสักคำ หน้าซีวอนงี้อย่างกะจะฆ่าคนได้ อ้าว แล้วนั่นจะไปไหน” น้ำเสียงของซองมินบอกให้รู้ว่าตกใจที่อยู่ๆเด็กหนุ่มรุ่นน้องก็ลุกขึ้น
“จะไปดูพี่ฮีชอลครับ”
“ไอ้คิบ้อมมมมมม” คยูฮยอนเรียกเพื่อนเสียงหลง แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
“เพื่อนเราถ้าจะชอบฮีชอลมากนะเนี่ย” จองวูหันมาหาเด็กหนุ่มที่เพื่อนรักเดินไปไกล ไม่รู้ว่าจะไปพาฮีชอลกลับมา หรือไปสร้างเรื่องกับซีวอนกันแน่
“ครับ มันเคยละเมอเป็นชื่อพี่ฮีชอลด้วย ผมขำแทบตายตอนได้ยิน” คยูฮยอนเอาความลับเพื่อนมาแฉให้รุ่นพี่ได้ฟังก่อนที่จะประสานเสียงหัวเราะกันยกกลุ่ม
“น่าสงสารเด็กมันวะ เนอะจองวู น้องบอมไม่น่าอายุสั้นเลย” พอหยุดหัวเราะได้ซองมินก็พูดประโยคที่ทำให้ผู้ร่วมโต๊ะอีกสองคนสงสัย พอกันมองหน้า “มองหน้าทำไม ก็ที่ว่าอายุสั้นเพราะน้องมันจะโดนซีวอนฆ่าไง”
“ทำไมพี่ซีวอนต้องฆ่าคิบอมด้วยหล่ะครับ” คยูฮยอนถามรุ่นพี่ด้วยหน้าตาไม่น่าจะซื่อ แต่ก็ไม่รู้จริงๆถึงได้ถาม
“เออ นั่นสิ ซีวอนมาเกี่ยวอะไรด้วย กับแค่น้องมันจะชอบฮีชอล” จองวูเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน จนต้องถามเพื่อนอย่างสงสัย
ซองมินแทบอยากจะเอานิ้วป้อมๆของตัวเองผลักหัวที่กั้นหูของเพื่อน แต่ติดที่ว่ามีน้องเทคนั่งอยู่ จึงทำได้แค่อยากเท่านั้น “ไอ้พวกนี้เป็นผู้ชายซะเปล่า อ่านสายตาผู้ชายด้วยกันไม่ออกหรือไง ไม่รู้หรอว่าซีวอนหวงฮีชอลยังกะอะไรดี”
“ไอ้หวงก็รู้ แต่ซีวอนก็แค่เพื่อน ไม่ใช่พ่อที่จะคอยถือปืนเวลามีคนมาจีบลูกนะเว้ย” จองวูเลิ่กคิ้วถามเพื่อนเห็นเป็นเรื่องตลก ในขณะที่คยูฮยอนได้แต่พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับจองวู
“นายกับน้องโจวคิดจริงๆหรอว่า เป็นแบบที่เราเห็น คิดจริงๆหรอว่าซีวอนคิดกับฮีชอลแค่เพื่อน” ซองมินมองหน้าสองหนุ่มอย่างหยั่งเชิงว่าจะพูดสิ่งที่คิดมานานดีหรือเปล่า
“แล้วนายคิดว่าเขาเป็นอะไรกัน ลองว่ามาสิ”
“ฉันไม่รู้หรอกว่า ฮีชอลคิดอะไรกับซีวอนเกินเพื่อนหรือเปล่า แต่ซีวอนคิดเกินเพื่อนกับฮีชอลแน่ๆ ไม่งั้นไม่หวงแบบนี้หรอก” ซองมินพูดในสิ่งที่คิดไว้มานาน แต่กลับโดนเพื่อนหัวเราะใส่
“เพ้อเจ้อ ฉันไปดูดีกว่าว่าทำไมป่านนี้สองคนนั้นยังไม่มา คยูฮยอนนั่งฟังซองมินบ่นไปก่อนนะ” จองวูส่ายหน้ากับความคิดของเพื่อนก่อนลุกเดินไปหน้าคณะ
“เฮอะ ไม่เชื่อฉันก็คอยดู น้องโจว เชื่อพี่หรือเปล่า” ซองมินหันมาถามรุ่นน้องที่นั่งหน้าฉลาดแกมโกงแต่สุดแสนจะซื่อขัดหน้าตา
“ก็....คงงั้นมั้งครับ” ความจริงแล้วคยูฮยอนก็ไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่ แต่ไม่กล้าขัดใจรุ่นพี่ที่กำลังจะจีบและไม่กล้าพูดด้วยว่าที่ซีวอนเป็นไม่เรียกว่าหวง แต่เรียกว่าโหด...น้องโจวยังจำคืนวันร้ายๆได้อยู่เลย
“เนอะ...น่าอิจฉา ไม่เห็นมีใครจะมาหวงพี่แบบนี้บ้างเลย” ซองมินยกมือขึ้นเท้าคางพูดเปรยๆเบาๆ
“อาจจะมีแต่เขายังไม่บอกให้พี่รู้ก็ได้นะครับ” เด็กหนุ่มอ้อมแอ้มพูด ไม่คิดให้รุ่นพี่ได้ยิน และไม่กล้ามองหน้าหวานๆน่ารักๆ ตอนนี้
“จริงหรอ? ใครอ่ะ บอกพี่หน่อยสิ นายรู้อะไรมา” ตากลมๆเบิกกว้างจ้องมองหน้าของรุ่นนองที่หันหนีไปทางอื่น
“เอ่อ...คือผมยังพูดไม่ได้หรอกครับ.. พี่อย่าถามผมเลย” ใบหน้าที่ดูเจ้าเล่ห์แดงก่ำและร้อนผ่าวจนชายหนุ่มต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่นไม่กล้าสบตากับรุ่นพี่ที่กำลังมองมา
“ไม่ถามก็ได้แต่ใบ้หน่อยสิว่าใคร พี่รู้จักไหม” คนบอกว่าไม่ถาม แต่ก็ยังขอคำใบ้ เป็นใครจะไม่อยากรู้ว่าใครคือคนที่มาแอบชอบตนเอง
“ใบ้ไมได้หรอกครับ พี่อน่าไปสนใจเลยเดี๋ยวก็รู้เองแหล่ะ” คยูฮยอนบอกปัดแต่ในใจก็อยากถามเหมือนกันว่า...คนที่พี่ชอบเป็นใคร... และเพราะรู้เรื่องที่ซองมินแอบชอบใครอยู่ทำให้เด็กหนุ่มต้องเปิดเกมรุกและขอมีพี่รหัสเป็นกองหนุน
“เอออ ไม่อยากรู้ก็ได้ แต่น้องโจวต้องทำหน้าที่น้องที่ดีไปซื้อน้ำให้พี่หน่อย”
“ครับ” น้องเทคที่ดีอย่างคยูฮยอนำยอมต้องเดินไปหาซื้อน้ำมาให้ ปล่อยพี่เทคของเขาให้นั่งยิ้มหน้าบานอยู่คนเดียว
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเดินออกมาที่หน้าคณะมองหาเพื่อนและรุ่นน้องที่หายไปนานก่อนที่คิ้วเข้มๆจะขมวดเข้าหากัน เมื่อเห็นคนที่ตามหานั่งหน้าซีดอยู่ โดยมีเด็กหนุ่มคอบช่วยพัดให้อยู่ข้างๆ “คิบอม ฮีชอลเป็นอะไร ทำไมหน้าซีดแบบนี้”
คิบอมมองหน้าของรุ่นพี่ที่คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างแปลกใจ เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก แต่ก็ต้องสลัดความคิดนั้นทิ้งไปก่อน เพื่อตอบคำถามที่ถูกถาม “พี่ฮีชอลเป็นลมครับ ผมเลยให้นั่งพักก่อน ส่วนพี่ซีวอนกำลังไปซื้อยาดมอยู่”
คำตอบของรุ่นน้องทำให้จองวูแปลกใจ มองไปยังถนนหน้าคณะก็เห็นรถคันหรูสีดำสนิทที่ทั้งม.คงมีแค่คันเดียวจอดอยู่ “หรอ ฮีชอลแล้ววันนี้จะเรียนไหวหรือเปล่า กลับบ้านดีกว่านะ”
“ไหว เดี๋ยวก็หาย” คนที่บอกว่าไหวแต่ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงกลับดูขัดแย้งจนยากจะเชื่อตามคำพูดที่ได้ยิน จองวูได้แต่ส่ายหน้าในความดื้อของเพื่อน ส่วนคิบอมก็ยังพัดโบกให้รุ่นพี่ต่อไป
“พี่ซีวอนมาแล้วครับ” คิบอมชี้ไปทางที่มีชายหนุ่มรูปร่างดีวิ่งมาแต่ไกล ใบหน้าคมฉายชัดถึงความเป็นห่วง
ซีวอนยื่นยาดมที่แกะออกจากห่อแล้วให้เด็กหนุ่มก่อนจะเหลือบสายตาไปทางคนรุ่นเดียวกันที่คอบเช็ดเหงื่อตามใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือด ทิ้งท้ายด้วยคำพูแสนห้วนและเย็นชา “ฉันไปแล้วนะ แต่ถ้านายไม่ไหวก็โทรไปเรียกฉัน อย่าฝืนโง่ๆ เข้าใจไหม”
“อะไรของเขาวะ มาถึงก็ว่าแล้วก็ไป พี่ฮีชอลดมยาดมนะครับ” คิบอมเอายาดมจ่อที่จมูกได้รูปไปมา สองตาก็มองตามรถที่ขับออกไปอย่างแรงและเร็วทั้งที่ก็อยู่ในมหาลัยที่มีทั้งจักรยานและนักศึกษาเดินไปมา
“ไม่มีอะไรหรอก ซีวอนก็แบบนี้แหล่ะ” จองวูเองก็อดมองตามแผ่นหลังกว้างของคนเจ้าอารมณ์ไปไม่ได้ เขาคงเจอคำพูดแย่ๆจากซีวอนจนชิน แต่ถ้าฟังให้ดีจะพบความรู้สึกที่แอบซ่อนอยู่ลึกถึงลึกมาก “ดีขึ้นไหมฮีชอล”
“อือ” เสียงตอบรับแผ่วเบาออกมาจากคนที่หลับตาแน่น
“กลับไปที่โต๊ะเราดีกว่านะ” จองวูชวนให้ร่างบางที่ดูอาการยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ให้กลับไปที่โต๊ะ “ขี่หลังเราไปดีกว่า ตรงนู้นอากาศมันโล่งกว่าตรงนี้” ชายหนุ่มหันหลังให้เพื่อน โดยมีคิบอมคอยช่วยประคองอยู่ข้างหลังเอาไว้ และถือของๆคนป่วยไปด้วย
“เฮ้ย ฮีชอลเป็นอะไรไปอ่ะ ทำไมขี่หลังนายมาแบบนี้” ซองมินทำเสียงแตกตื่นที่เห็นที่เห็นเพื่อนขี่คอกันมาทั้งที่เมื่อกี้ก็ยังดูดีอยู่เลย “ค่อยๆวางฮีชอลนะ” ร่างอวบจัดที่ทางให้เพื่อนรักนอนหนุนตักตัวเองทั้งที่ตากลมก็ยังมองหน้าจองวูอย่างสงสัย
“ฮีชอลเป็นลม ตอนฉันไปก็เจอแบบนี้แล้ว ถ้าอยากรู้ต้องถามคิบอม”
คำพูดของจองวูทำให้สายตาอีกสองคู่หันกลับไปจ้องคนที่ยังเอายาดมจ่อจมูกสวยอยู่ “ว่าไงไอ้บอม ทำไมพี่ฮีชอลเป็นแบบนี้”
“ก็ตอนที่ไปเจอพี่ฮีชอลกำลังลงจากรถ แต่พอเดินมาได้นิดเดียวก็หน้ามืดเซเหมือนจะล้มจนต้องประคองไปนั่ง ส่วนพี่ซีวอนก็วิ่งลงมาแล้วก็วิ่งไปซื้อยาดมมาให้”
“แล้วจะเรียนไหวหรอฮีชอล” สองมือนุ่มๆของซองมินปัดผมชื้นเหงื่ออกจากหน้าผากมนของเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง
“พี่ซีวอนบอกวูได้ด้วยครับว่าถ้าเรียนไม่ไหวให้โทรไปบอก เขาจะมารับ” คิบอมบอกให้ซองมินรู้ จะได้ช่วยดูแลอีกคน
“ถ้าไม่ไหวจริงๆ ฉันไปส่งให้เองก็ได้ ไม่ต้องเสียเวลาโทรไปบอกใคร” คำพูดของจองวูสะกิดใจซองมินจนต้องมามองหน้าคนพูด จนชายหนุ่มต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่นทำให้ซองมินต้องอนหายใจเฮือกใหญ่
คยูฮยอนลอบสังเกตรุ่นพี่สองคนที่มองหน้ากันอยู่เงียบๆ แล้วก็ต้องหนักใจแทนเพื่อน ที่อาจจะไม่มีคู่แข่งความรักเลย แต่ถ้าเกิดมีขึ้นมาก็เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวและอาจจะมีมากกว่าหนึ่งด้วยซ้ำ
ร่างบางที่เริ่มรู้สึกดีขึ้น ค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมาพร้อมกับที่พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ใบหน้าหวานก็ยังดูซีดไร้สีเลือด จนทุกคนเป็นห่วง
ซองมินยื่นแก้วน้ำหวานที่ให้น้องโจวไปซื้อมาให้ ส่งหลอดให้เพื่อนดูด “ดื่มน้ำหวานนะฮีชอลเผื่อจะได้ดีขึ้น”
“ขอบใจนะ ซองมินเมื่อเช้าขอโทษนะที่ทำให้อึดอัด มีเรื่องกับซีวอนนิดหน่อยนะ” พอเริ่มดีขึ้น ฮีชอลก็หันมาขอโทษเพื่อนที่ทำให้ต้องทนกับความอึดอัดในรถเมื่อเช้า
“ไม่เป็นไรหรอก แล้วมีเรื่องอะไรกันแต่เช้า” ปากบอกไม่เป็นไร แต่ซองมินก็ยังอยากรู้ว่าเรื่องที่มี มันจะช่วยยืนยันสิ่งที่คิดไว้ได้หรือไม่
“เมื่อเช้าซีวอนจะไม่ให้ฉันมาเรียน ที่เลือดกำเดามันไหลเมื่อวานไง แต่ว่าฉันจะมาเรียน เขาก็เลยไม่พอใจ ก็เลยมีเรื่องกันนิดหน่อย นี้ก็คงไม่พอใจขึ้นไปอีกที่ฉันมาหน้ามืดแบบนี้ เฮ้อ!” ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อคิดว่าตอนเย็นคงต้องโดนบ่นอีกเป็นชุดแน่ๆ
“ไม่หรอก ซีวอนห่วงนายมากนะ เมื่อกี้เห็นน้องบอมบอกว่าเป็นคนวิ่งไปหาซื้อยาดมมาให้ คงไม่บ่นหรอก” แม้จะปลอบเพื่อนอยู่ แต่สายตาก็มองไปยังเพื่อนอีกคนที่นั่งหน้านิ่งดังคล้ายจะบอกว่า...ฉันบอกนายแล้วจองวู ว่าซีวอนคิดกับฮีชอลเกินเพื่อน
“รู้สึกดียังฮีชอล ใกล้ได้เวลาเรียนแล้ว” จองวูเป็นคนเอ่ยถามเพื่อนที่ยังนั่งหน้าเพลียๆ
“อือ ดีแล้วหล่ะ ขึ้นห้องเลยก็ได้ คยูฮยอนกับคิบอมก็เหมือนกันขึ้นห้องเรียนไปเหอะ เดี๋ยวจะสายเพราะพี่” ฮีชอลที่รู้สึกขึ้นมาเยอะ เพราะน้ำหวานของซองมินบอกให้น้องๆขึ้นห้องเรียนไปก่อน
“ครับ พี่ฮีชอลก็ดูแลตัวเองดีๆนะครับ ถ้ามีอะไรโทรเข้าเครื่องไอ้คยูอยอนก็ได้ เดี๋ยวผมจะได้มาช่วย" ก่อนจะโดนเพื่อนลากคอเสื้อไปเรียน คิบอมขอหันมาแสดงออกถึงความเป็นห่วงให้แก่รุ่นพี่ที่หน้ารักก่อน
“อื้อ ขอบใจนะ ไปเรียนได้แล้ว” ฮีชอลยิ้มขอบคุณรุ่นน้อง ในขณะที่ตนเองก็เตรียมขึ้นไปเรียนเช่นเดียวกัน โดยมีซองมินถือกระเป๋าให้ และจองวูคอยเดินพยุงอยู่ข้างๆ
“ดูคิบอมชอบนายมากเลยนะ ถ้าไม่ได้คิดไรกับน้องก็อย่าไปให้ความหวังน้องมันเลย” จองวูเอ่ยเตือนเพื่อนรักเบาๆ
“นายนี้พูดเหมือนซีวอนเลยรู้ตัวไหม แต่แค่เปลี่ยนคนเท่านั้นเอง ซีวอนบอกว่าคยูฮยอนชอบฉัน ส่วนนายก็มาบอกว่าคิบอมชอบฉัน กะจะให้ฉันมีสาวที่ไหนมาชอบเลยใช่ไหม”
คำพูดของฮีชอลลอยไปถึงคนที่เดินนำหน้าอยู่ไม่ไกล ใบหน้าน่ารักเศร้าลงไปก่อนจะปรับให้เป็นปรกติในชั่ววินาที
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
ยามเย็นเวลาที่ซองมินไม่อยากให้มาถึง แต่ก็มาถึงจนได้ ร่างอวบดูเศร้ากว่าทุกวัน จนฮีชอลอดไม่ได้ที่จะถาม “ เป็นอะไรอ่ะซองมิน ปรกติจะได้กลับบ้าน นายจะดีใจกว่านี้นะ”
“เปล่าไม่มีอะไรหรอก” ซองมินได้แต่บอกปัไป ก็ใครจะกล้าบอกว่าไม่อยากกลับบ้านกับซีวอน ดวงตากลมมองไปตามถนนที่ทอดยาวไปทั่วมหาลัยก่อนจะเห็นรถจักรยานแม่บ้านคันคุ้นตากับคนปั่นที่รู้จักเป็นอย่างดี “เอ๊ะนั่นมันเบนลี่ของน้องโจวนิ แต่ทำไมน้องบอมปั่นมาหล่ะ”
“คิบอมปั่นมาคนเดียวที่ไหน น้องโจวของนายนั่งซ้อนอยู่นั่นไง” นิ้วเรียวชี้ให้เพื่อนดูดีๆ “สายตาจะสั่นหรือเปล่าเนี่ย ซองมิน”
“ไม่หรอก น้อโจว น้องบอมจะกลับหอแล้วหรอ” ประโยคหลังซองมินหันไปทักทายคนที่ปั่นจักรยานมาจอดเทียบอยู่ “แล้วทำไมน้องโจวไม่ปั่นจั่กเองให้หล่ะ”
“โอ้ย อย่าเลยพี่ ผมปั่นให้ดีกว่า ขี้เกียจล้ม แล้วพี่ฮีชอลเป็นไงมั่งครับ กลับไหวไหม ให้ผมเอารถไปส่งไหมครับ” คิบอมมองหน้าหวานๆของฮีชอลดวงตาเป็นประกาย คนคยูฮยอนที่หันไปมองด้านหลังพอดีแทบอยากจะตบหัวเพื่อน ไม่ได้ดูเลยว่าใครกำลังมา จะอาสาไปส่ง
“ไม่เป็นไร ซีวอนมาแล้ว เดี๋ยวพี่กลับกับซีวอนได้” ฮีชอลเองก็เห็นรถของเพื่อนสนิทวิ่งมาแต่ไกล ด้แต่บอกปัดรุ่นน้อง
“อ้อ แต่พี่ซองมินรถยังซ่อมไม่เสร็จไม่ใช่หรอครับ ให้คยูฮยอนมันปั่นจั่กไปส่งที่หน้าม.ไหมครับ” คิบอมเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้เรื่องของคยุฮยอนก็เลยอดไม่ได้ที่จะช่วยเพื่อน แต่ก็ลืมไปว่าแม้แต่ตัวเองยังไม่กล้านั่งซ้อนให้มันปั่นเลย
“ซองมินกลับกับพี่หน่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก” ฮีชอลรีบบอกไปก่อนที่ซองมินจะยอมไปกับน้อง อย่างน้อยๆก็ถือว่าพยายามช่วยเพื่อนเต็มที่แล้ว แม้ว่าสักวันจะต้องเป็นฝ่ายที่ถูกทอดทิ้งไว้ก็ตาม
“งั้นพวกผมไปก่อนนะครับ พี่เขามาแล้ว”
“อือ” ซองมินมองตามหลังจักรยานที่วิ่งผ่านไปอย่างเศร้า และแอบกลัวรถคันใหญ่ที่กำลังเข้ามาจอด
“ซองมินขึ้นไปนั่งหน้าสิ” ร่างบางยิ้มให้เพื่อนก่อนที่ตัวเองจะเปิดประตูหลังขึ้นไปนั่ง เป็นการบังคับกลายๆให้เพื่อนต้องขึ้นไปนั่งข้างหน้าข้างคนขับ
ตลอดทางในรถ ร่างบางได้แต่นั่งนิ่ง ไร้คำพูดใดๆ มองเพื่อนสองคนโต้ตอบกันมาอย่างสนุกสนาม แม้ตอนแรกซองมินอาจจะดูเกร็งๆ แต่ซีวอนก็ทำให้ซองมินกลับมาสดใสเหมือนเก่าได้...สองคนนี้ช่างเหมาะสมกัน
...จริงหรอ?...
“อาทิตย์หน้า วันเกิดฮีชอล นายไปสิ” เสียงพูดพึมพำชื่อของตนเองทำให้ฮีชอลต้องกลับมาสนใจบทสนทนาของคนทั้งสองด้วยความสงสัย
“อะไร ไม่เห็นฮีชอลจะบอกเลยว่าจะจัดงาน ไม่อยากให้ฉันไปหรือไง” ซองมินหันกลับมาถามเจ้าของงานที่นั่งเงียบอยู่ข้างหลัง
“เปล่า แต่ฉันไม่คิดว่าจะจัดงาน พึ่งรู้พร้อมนายเนี่ยแหล่ะซองมิน” ดวงตาโตมองคนขับอย่งขอคำอธิบายทั้งที่เขาเป็นคนเกิด แต่กลับไม่เห็นรู้ว่าจะมีงานเลี้ยงอะไร
“ก็ไม่ใช่งานเลี้ยงใหญ่อะไร แค่เพื่อนๆนายเท่านั้น เรื่องนี้แม่พึ่งพูดกับฉันเมื่อวาน”ชายหนุ่มแว่นดำที่กำลังขับรถอยู่มองหน้าเพื่อนรักผ่านกระจกมองหลัง ใบหน้านิ่งไม่บอกเลยว่าอยู่ในอารมณ์ใดๆ
“อ้อ งั้นนายก็ต้องมานะซองมิน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปบอกจองวู ไม่รู้น้องโจวกับคิบอมจะมาหรือเปล่า” ร่างเล็กที่นั่งอยู่ข้างหลัง หันไปพูดกับเพื่อนไม่ได้สังเกตเห็นความเร็วที่เพิ่มขึ้น ผิดกับอีกคนที่คอยจ้องจับผิดความรู้สึกคนอื่น หันไปเห็นเข็มความเร็วที่เพิ่มขึ้น ก็ได้แต่แน่ใจอยู่เงียบๆ
....ซีวอนคงเป็นพวกไม่รู้ตัว แบบที่คิดไว้จริงๆด้วย......
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
ลมเย็นๆกับงานเลี้ยงริมสระน้ำที่มีคนเพียงไม่กี่คน สร้างรอยยิ้มกว้างให้กับเจ้าของวันเกิด จนน้ำตาเม็ดเล็กซึมออกมาบ่อยๆ เพราะได้สองเจ้าของบ้านใจดีจัดงานวันนี้ให้ “ขอบคุณคุณอาซูมินกับคุณน้ากาอินนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก เราก็เหมือนลูกน้าคนหนึ่ง อย่าร้องนะ วันเกิดมีใครเขาร้องไห้กัน ไม่อายเจ้าซีวอนมันหรือไง” มือเล็กๆบางๆของหญิงวัยกลางคนที่ดูยังสาวจนไม่น่ามีลูกชายตัวขนาดนี้โอบกอดหลานข้างบ้านที่เห็นมาตั้งแต่เกิดด้วยความเอ็นดู “ซีวอนขึ้นไปเอากล่องในห้องแม่ทั้งสองกล่องลงมาให้ที ส่วนเราฮีชอล ก็ไปสนุกกับเพื่อนเถอะจ๊ะ ไม่ต้องเกรงใจน้ากับอาหรอกนะ”
“ครับ” ร่างโปร่งบางรับคำ ปล่อยทิ้งผู้สูงวัยทั้งสองนั่งสวีทหวานให้เด็กรุ่นลูกทั้งหลายได้อิจฉาตาร้อนเป็นแถว แล้วเลยพาลเกิดข้อสงสัยบางอย่าง
“เฮ้ยกี้ แกว่าไหมว่า เพราะคุณลุงคุณป้าเขาเอ็นดูพี่ฮีชอลมากกว่า พี่ซีวอนถึงได้ดูไม่ค่อยพอใจพี่ฮีชอล เลยพยายามกดๆไว้หรือเปล่าวะ” คิบอมได้เห็นภาพความเอ็นดูที่เจ้าของบ้านมีต่อลูกชายเพื่อน แล้วเกิดสงสัยไม่ได้ เห็นทีว่าเป็นแบบนี้ต่อไป...ไม่รู้ว่าพี่ฮีชอลของเขายังต้องเจอกับอะไรบ้าง
มือหนาหนักของคยูฮยอนตบแบบเน้นลงบนหัวเพื่อนรักที่มาด้วยกัน ก่อนจะกระซิบคำด่า เพื่อนรักเบาๆ ไม่ให้ใครได้ยิน “ไอ้บ้า แกคิดได้ไงวะ”
“ก็มันจริงนะเว้ย แกมองไม่เห็นหรอวะ ดูท่านทั้งสองโคตรรักพี่ฮีชอล ก็อย่างว่าพี่ฮีชอลใครเห็นใครก็รัก ฉันยังทั้งรักทั้งหลง” เด็กหนุ่มแอบกระซิบกับเพื่อนไม่ให้ใครได้ยินสองตาจับจองร่างโปร่งบางที่เดินอยู่ไกลๆ
“นี้สองคนคุยไรกันอ่ะ มีตบหัวกันด้วย” แก้มป่องๆ ของซองมินยื่นเข้ามาในวงสนทนาของรุ่นน้องดวงตากลมเป็นประกาย จับจ้องที่คยูฮยอน
“ไม่มีไรหรอกครับ แค่ไอ้บอมมันคิดบ้าๆเท่านั้นเองครับ” คยูฮยอนยังไม่กล้าบอกพี่เทคว่าเรื่องที่คิบอมมันคิดช่างเสี่ยงกับการโดนลูกชายเจ้าของบ้านจอมโหดฆ่าหมกสระเสียจริงๆ
“น้องบอมคิดอะไรหรอ บอกพี่ได้ไหม” ดวงตาโตเบนไปหาเพื่อนน้องเทค หวังจะได้รู้อะไรดีๆเพิ่มเติมในคืนนี้
“ได้ครับ ผมแค่คิดว่าพี่ซีวอนอาจอิจฉาพี่ที่พ่อแม่รักพี่ฮีชอลมากกว่าเลยพยายามกดพี่ฮีชอลตลอดเลย” คิบอมพูดเบาๆให้ได้ยินในวงแคบ ใกล้เคียงกับอาการสุมหัวนินทา
“เฮ้ยย น้องบอม คิดคล้ายพี่เลย แต่พี่ไม่ได้คิดว่าซีวอนอิจฉาหรอก คิดแบบอื่นมากกว่า แล้วพอเล่าให้จองวูฟัง มันก็ไล่ให้พี่มาหาอะไรอุดปากตัวเองไว้ ดูมันดิ ไม่ไหวเลย” ซองมินบ่นอุบ ที่โดนเพื่อนสนิทไล่ให้มาหาอะไรอุดปาก
“พี่คิดอะไรหรอครับ บอกผมได้ไหม” คิบอมเองก็อยากรู้ไม่น้อยว่ารุ่นพี่จะคิดอะไร จนถึงขนาดโดนคนไล่ให้มาหาของกินอุดปากแบบนี้
ซองมินเม้มปากเข้าหากันอย่างใช้ความคิด มองหน้าน้องเทคแบบไม่แน่ใจ “ก็...พี่ว่า เป็นเพราะพ่อกับแม่ซีวอนทั้งรักทั้งห่วงฮีชอลขนาดนี้ ซีวอนก็เลยหวงฮีชอลมากไปด้วยไง” ซองมินมองหน้าคิบอมอย่างจ้องจับผิด ไม่รู้ว่ารุ่นน้องจะคิดอย่างไรกับสิ่งที่เขาคิด
“หรอครับ พี่ว่าพี่ซีวอนห่วงพี่ฮีชอลแล้วครับ” เสียงของเด็กหนุ่มดูหม่นลงไป ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ใช่ พี่ว่าที่ซีวอนหวงฮีชอลมาก มากจนเกินไปก็เลยดูเหมือนพยายามกดแบบที่คิบอมเห็น” ซองมิน อธิบายสิ่งที่ตัวเองคิด ทั้งยังขยายความให้น้องเข้าใจได้มากขึ้น ทั้งที่ในใจก็คิดสงสาร แต่ปล่อยไปจนเกินเลย คงจะเจ็บมากกว่านี้ “เอ๊ะนั่น ซีวอนถือกล่องอะไรมา สงสัยจะให้ของขวัญแล้วหล่ะ ไปกันเหอะ” มืออูมๆนิ่มๆ ดึงมือของน้องเทคให้เดินไปด้วยกัน โดยมีอีกหนึ่งคนเดินตามไปอย่างหงอยๆ
“ซีวอนจะให้ของขวัญแล้วหรอ” ร่างอวบที่จูงมือน้องเทคติดมาด้วยวิ่งเข้ามาหาชายหนุ่มด้วยความสงสัยกับกล่องสามกล่องในมือ
“อ้อ เปล่าหรอก แต่ว่าแม่ให้เอาลงมาให้ ฉันก็เลยเอาลงมาด้วยเลย” ซีวอนเหล่มองมือทั้งสองที่เกาะกุมกันอยู่ด้วยความไม่แน่ใจ ก่อนมองเลยไปยังที่ฮีชอลและจองวูกำลังพูดคุยกันอยู่ “ฮีชอลมานี้หน่อย”
ร่างบางที่ถูกเรียกเดินมาหาชายหนุ่มด้วยความสงสัยพร้อมกับจองวูที่เดินคุยกันมาตลอดทาง “มีอะไรหรอซีวอน” ใบหน้าหวานประดับด้วยรอยยิ้มมีความสุขขัดกับคนเรียกที่ใบหน้าเริ่มบึ้งตึ้ง
“แม่เรียก” คำตอบของซีวอนทำให้ซองมิน คยูฮยอนและคิบอมที่ยืนอยู่ด้วย นึกสงสัยว่า บ้านนี้ติดต่อกันทางโทรจิตหรือไง ทำไมพวกเขาถึงไม่เห็นรู้จะเรื่อง
“หรอ”ใบหน้าหวานเศร้าลงเมื่อมองใบหน้าคมที่ดูไม่พอใจอะไรสักอย่าง ทั้งที่วันนี้เป็นวันเกิด คำอวยพรจากซีวอนยังไม่มี แล้วยังทำหน้าแบบนี้อีก แต่เมื่อดวงตากลมมองเลยไปยังเพื่อนและน้องรหัสความเศร้าที่มี ก็เพิ่มมากขึ้นไปอีก
แค่นี้....ซีวอนก็เป็นแบบนี้แล้ว ต่อไป...ซีวอนยังจะสนใจฮีชอลอีกไหม...
ร่างบางตัดใจเดินออกจากลุ่มเพื่อนเข้าไปหาผู้ใหญ่ทั้งสองท่านที่ยังพูดคุยกันด้วยความรัก ไม่ต่างจากคู่หนุ่มสาวทั้งที่ความรักของท่านทั้งสองก็เนิ่นนานจนได้ลูกชายเจ้าอารมณ์มาหนึ่งคน “คุณน้าเรียกผมหรือครับ”
“เอ๋ น้าเปล่าจ๊ะ แต่มาก็ดีแล้ว ซีวอนมานี้สิลูก” กาอินนายหญิงของบ้านที่แม้วัยจะร่วงโรยแต่ก็ยังดูสวยตามอายุ กวักมือเล็กๆบางเรียกลูกชายให้เดินมาหา
ชายหนุ่มที่ถูกแม่เรียก ปรับสีหน้าของตนเองให้เป็นปรกติ ก่อนเดินเข้าไปหา แต่อารมณ์ไม่พอใจก็ยังมีอยู่จนยากจะกลบเกลื่อน “มีไรครับแม่”
“พูดกับแม่เสียงห้วนเชียวนะพ่อคุณ แม่แค่จะเอาของขวัญเท่านั้นแหล่ะ” ใบหน้าหวานๆ มองค้อนลูกชาย หยิบกล่องเล็กๆแบนๆหยิบยื่นให้กับเด็กหนุ่มเจ้าของวันเกิด “นี้จ๊ะเป็นกล่องที่พ่อกับแม่ของฮีชอลฝากน้ามาให้ แล้วก็ท่านยังบอกอีกนะว่าเสียใจที่มาไม่ได้ เปิดดูสิจ๊ะ”
ใบหน้าหวานยิ้มแก้มปริน้ำตาคลออยู่ในดวงตา ความน้อยใจที่มีมาทั้งวันจางหายไป กระดาษห่อถูกแกะออกอย่างระมัดระวัง เปิดให้เห็นว่ามันห่อหุ้มกล่องซีดีที่ข้างในมีซีดีอยู่หนึ่งแผ่น มือบางเช็ดน้ำตาตัวเองป้อยๆ
“ไม่เอาสิลูกไม่ร้องไห้ในวันเกิดตัวเองนะ อยากดูเลยไหมว่าในซีดีมีอะไร” หญิงวัยกลางคนลูบหัวเล็กๆอย่างเอ็นดูช่วยเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าหวาน
“ไม่เป็นไรครับ ผมเก็บไว้ดูคนเดียวดีกว่า” ฮีชอลปฏิเสธทันที เพราะรู้แน่ๆว่า คงอดไม่ได้ที่จะร้องไห้หากได้ดู สู้เก็บไว้ดูคนเดียว แล้วร้องไห้คนเดียวเพราะคิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ดีกว่า
“ตามใจจ๊ะ อ่ะแล้วก็นี้ของน้ากับอานะจ๊ะ ขอให้ฮีชอลมีความสุขมากๆนะ แล้วก็เป็นเด็กดีน่ารักของทุกคนแบบนี้” กล่องขนาดเล็กถูกยื่นมาให้ร่างโปร่งรับเอาไว้ “นี้คุณไม่คิดจะพูดอะไรกับหลานหน่อยหรือคะ” คุณน้าผู้แสนใจดีทวงคำอวยพรให้แก่หลานรัก
“โตแล้วนะลูก ซีวอนมันจะสั่งจะอะไรก็อย่าไปยอมมันมาก” พูไป ดวงตาคมที่คมกล้าด้วยอายุที่มากกว่าก็ตวัดมองลูกชายตัวดี ที่มองมาเหมือนไม่พอใจ “หัดดื้อกับมันบ้าง เราเป็นผู้ชายต้องเข้มแข็งนะฮีชอล เปิดของขวํญที่น้ากับอาให้ดูสิ ว่ามันพอดีหรือเปล่า”
คำอวยพรด้วยเสียงทุ้มๆแฝงด้วยความใจดีทำให้ฮีชอลรับฟังอย่างตั้งใจ แม้เกือบหลุดหัวเราะออกมาบ้าง ของขวัญที่อยู่ในมือเมื่อแกะออกดูถึงกับทำให้ร่างบางพูดอะไรไม่ออก แหวนขนาดพอดีกับนิ้ว เหมือนกันที่ซีวอนมีและใส่ติดนิ้วก้อยเป็นประจำ “คุณอาครับ...มัน”
“มันทำไม....ใส่ติดตัวเอาไว้นะฮีชอล ที่อาให้เพราะอารักเราเหมือนลูกเหมือนหลานแท้ แหวนนี้เป็นแหวนประจำตระกูล ก็เท่ากับว่าอาให้เราเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเชว รับไว้เถอะ”
“ครับ” น้ำตาเม็ดเล็กร่วงหล่นจากดวงตากลม พาให้คนทั้งงานซาบซึ้งไปด้วย
“เอ้า พึ่งบอกให้เข้มแข็ง ร้องไห้ซะแล้ว ไม่ร้อง เพื่อนเขารอให้ของขวัญอยู่ คุณเราก็ขึ้นห้องกันเหอะ ปล่อยให้เด็กเขาสนุกกันไป” นายใหญ่ของบ้านจูงมือของภรรยากลับขึ้นห้องปล่อยให้เด็กๆสนุกเพียงลำพัง
“พ่อครับ ผมไม่อยากได้น้องแล้วนะ” ซีวอนตะโกนไล่หลังบุพการีทั้งสอง ก่อนหันมาหาเพื่อนรักที่พึ่งได้รับแหวนตระกูลไปแต่ก็ยังไม่ยอมใส่ “นี้จะไม่ใส่หรือไง แหวนที่พ่อฉันให้”
“เปล่า...แต่...”ฮีชอลยังไม่ทันได้พูดอะไร แหวนในมือก็ถูกดึงไปด้วยไม่ทันรู้ตัว
“ว่าไงจะใส่นิ้วไหนเลือกมา ฉันใส่ให้” เสียงห้วนๆบอกกับเพื่อนสนิทโดยไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังแอบยิ้มอยู่คนเดียวในขณะที่คนอื่นกำลังเกร็งตัวกับอารมณ์ของซีวอน
“นิ้ว...ก้อยก็ได้” ใบหน้าหวานแดงก่ำยื่นนิ้วก้อยเล็กๆให้ชายหนุ่มได้ใส่แหวนลงไป
“ก็เท่านี้ แล้วก็นี้ของขวัญของฉัน เปิดเลยก็ได้” ฮีชอลเปิดกล่องตามที่ชายหนุ่มบอก ข้างในเป็นนาฬิกาข้อมือเรือนสวย ที่ขนาดกำลังพอดีกับข้อมือเล็กๆ “ฉันเห็นว่าเรือนที่นายใส่อยู่มันนานมากแล้ว ก็ใส่ติดตัวจะได้คอยดูเวลาได้ รู้ไหม”
“อือ ขอบคุณนะซีวอน ความจริงเรือนเก่านายก็เป็นคนซื้อให้ ใจคอคิดแต่จะให้นาฬิกาฉันใช่ไหม” ใบหน้าหวานยิ้มออกได้อีกครั้ง เมื่อนึกถึงนาฬิกามิคกี้ที่ใส่เป็นประจำ
“ก็นั่นแหล่ะ ซื้อให้ก็ใส่ไว้” รอยยิ้มเล็กๆที่นานครั้งจะมีปรากฏขึ้นบนใบหน้าชายหนุ่ม เมื่อร่างบางใส่นาฬิกาทั้งเรือนใหม่เรือนเก่าบนข้อมือเล็กๆ
“อ่ะ นี้ ของฉัน ให้เก็บไว้ใช้นะฮีชอล” มืออูมๆของซองมินอาศัยจังหวะที่คนอื่นกำลังแตกตื่นกับรอยยิ้มของซีวอนแอบยื่นกล่องเล็กๆที่ไม่ในห่อ มองเห็นชัดว่าเป็น เอียปลั๊ก สีชมพูแสบตา แอบกระซิบกับหูเล็กเบาๆ “เอาไว้ใช้เวลาซีวอนบ่นหรือของขื้นนะฮีชอล”
“ซองมินนน”
“จุ๊ๆๆสิฮีชอล อย่าให้ซีวอนรู้นะ” นิ้วกลมทาบทับปากตัวเองบอกให้เพื่อนรู้ว่าเก็บเป็นความลับสุดยอด
“ฮีชอล นี้ของขวัญของฉัน ขอให้นายมีความสุขกับชีวิตนะ แล้วก็ให้สุขภาพแข็งแรงๆอย่าเป็นอะไรอีก รู้ไหม” มือหนายื่นกล่องทรงเรียวมาให้ เปิดออกดูก็รู้ว่าเป็นปากกามองบลังค์ราคาแพงสีน้ำเงินสวย ตรงที่เหน็บสลักชื่อคนให้และผู้รับเอาไว้อย่างประณีต
“ขอบใจนะ จองวู ฉันจะให้มันเป็นปากกาทำเกรดเลย จะใช้ตลอดเวลาทำข้อสอบ” ใบหน้าหวานอมยิ้ม กับปากกาที่เพื่อนให้ มองดูมันอย่างพิจารณาเป็นปากกาที่สวยที่สุดเท่าที่เคยมีมา
“ไม่เป็นไรหรอก ใช้แท่งนี้รับรองนายจะไม่เอฟอีกแล้ว” ชายหนุ่มแซวเพื่อนรักที่ดูจะชอบปากกาแท่งนี้ไม่น้อย
“จะเอฟไม่เอฟ ไม่ได้อยู่ทีปากกาหรอกนะ ถ้านายไม่อ่านหนังสือ ต่อให้เป็นปากกาเทวดาก็ช่วยไม่ได้” เสียงทุ้มที่ลอยมาทำให้รอยยิ้มของคนหลายคนหยุดชะงัก ลงทันที
“พี่ครับๆ นี้ของผม ใช้คืนนี้เลยยิ่งดี” กล่องพลาสติคใสของคิบอมถูกยื่นให้เพื่อตัดภาวะน่าอึดอัดที่เกิดขึ้นจากลูกชายเจ้าของบ้าน
“อะไรหน่ะคิบอม” มือบางรับมาพลิกดูอย่างสงสัย
“แกะสิครับ แล้วพี่ต้องใช้ด้วยนะ” เด็กหนุ่มลุ้นให้รุ่นพี่คนสวยเปิดกล่องที่เขาให้ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นจนฮีชอลมองอย่างไม่ไว้ใจเท่าไหร่ กลัวว่าจะเล่นอะไรแปลกๆขึ้นมา
ของที่คิบอมให้ฮีชอลแล้วยังบังคับให้ใช้ เป็นปลอกหมอนสีขาวกับปลอกหมอนข้างเข้าคู่กัน แต่ที่เรียกเสียงหัวเราะได้คงเป็นเพราะ ที่หลอกหมอนสกรีนลายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ส่วนที่ปลอกหมอนข้างก็สกรีนลายรูปเต็มตัวเอาไว้ “พี่ต้องใช้จริงๆหรอคิบอม”
“นั่นสิ ถ้าฮีชอลท้องขึ้นมานี้เพราะนายแน่ๆคิบอมเอ้ย เข้าใจให้จริงๆ”ซองมินแซวรุ่นน้องด้วยความสนุก ทำให้ทุกคนหัวเราะตามไปด้วย ผิดกับบางคนที่ทำหน้านิ่งไม่พอใจอยู่เงียบๆ
“พี่อย่าไปสนใจของไอ้บอมมันเลยครับ อันนี้ผมให้ครับ” น้องรหัสคนดี ยกกล่องใหญ่ๆมาให้พี่รหัส ข้างในเป็นชุดสนับ ทั้งสนับขา สนับศอก และหมวกกันน็อค “เผื่อว่าพี่ฮีชอลจะได้หัดขี่จักรยานไงครับ หรือไม่ก็ใส่เวลาฉุกเฉินต้องซ้อนผมก็ได้”
“ ขอบใจ ขอบใจพวกนายทุกคนเลย” ใบหน้าหวานมีน้ำตาไหลลงมาด้วยความตื้นตัน ขอบคุณทุกคนที่ทำให้วันนี้เป็นวันพิเศษที่แสนมีความสุข
“ซองมินฉันขอพูดอะไรด้วยหน่อยสิ” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหูของซองมินที่กำลังสนใจว่าสองหนุ่มรุ่นน้องเดินไปคุยอะไรกันในความมืด
“อือ” ซองมินเดินนำเจ้าของบ้านออกมาเลือกที่ที่จะได้ยินว่าน้องโจวและน้องบอมคุยอะไรกัร ไม่รู้เลยว่ามีใครกำลังมองมาด้วยรอยยิ้มอาบความเศร้า “ซีวอนมีอะไรหรือเปล่า หรือว่าจะเซอร์ไพร์อะไรฮีชอล”
“เปล่าไม่ได้จะเซอร์ไพร์ แต่ฉัน....” ซีวอนเก็บเรื่องที่จะพูดเอาไว้เมื่อได้ยินบนคำพูดของคิบอม โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่ามีใครอื่นแอบฟังอยู่
“ไอ้บอม ฉันบอกรักพี่ฮีชอลวันนี้เลยดีเปล่าวะ”
“เฮ้ย แกแน่ใจหรอ”
“แน่สิ ฉันว่าถ้าฉันไม่พูด ฉันก็จะไม่มีโอกาสได้พูดอีกเลย”
“งั้นก็ตามใจเว้ย ขอให้โชคดีนะ”
ซองมินจับจ้องมองอาการของคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าคมบึ้งตึ้งอย่างไม่พอใจ คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน มือทั้งสองเกร็งแน่นจนกำเข้าหากัน
...แบบนี้แล้วยังไม่รู้ตัวเองหรอซีวอน....
“นายมีอะไรจะพูดกับฉันหรอ ซีวอน” ซองมินจงใจเรียกชายหนุ่มด้วยเสียงที่หวานกว่าทุกครั้ง นึกสนุกอยากรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป
เสียงหวานๆเรียกสติชายหนุ่มให้กลับมา ดวงตาคมจับจ้องใบหน้าหวาน ลมหายใจหนักถูกผ่อนออกมา “เปล่า ฉันแค่จะบอกว่าเดี๋ยวคงต้องให้ฮีชอลขึ้นนอนแล้ว ช่วงนี้ยิ่งไม่สบายอยู่ นายพาเพื่อนๆกับด้วยนะ”
“อือ ได้สิ” ใบหน้ากลมแทบกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ เดินเข้าไปใกล้จองวูแล้วบอกปิดงานเสียงดังให้ไปถึงเด็กหนุ่นรุ่นน้องที่คงกำลังวางแผนบอกรักอยู่
...แต่เสียใจนะ คงวางแผนเก้อ
“ฮีชอลนายขึ้นไปนอนได้แล้วมั้ง ดึกแล้ว เดี๋ยวจะหน้ามืดไปอีก” ชายหนุ่มเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างฮีชอลและจองวู สายตาคมมองเหมือนกำลังสั่งเด็กเล็ก
“อือ นายไปส่งซองมินสิ เพราะว่าคยูฮยอนกับคิบอมก็กลับหอ บ้านจองวูก็คนละทาง” ร่างบางกำลังช่วยเพื่อนรักตามหน้าที่เพื่อนที่ดี ด้วยที่ในใจก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย
“เอ่อ..ไม่เป็นไรหรอกครับบ้านพี่ซองมินเลยม.ไปนิดเดียว เดี๋ยวพวกผมไปส่งได้” คยุฮยอนรีบออกตัวอาสาไปส่งพี่เทคโดยไม่ถามเจ้าของรถที่จะไปด้วยกันเลยสักนิด
“ใช่ๆๆ ฉันไปกับน้องก็ได้ฮีชอล ไม่เป็นไรหรอก นายกับซีวอนจะได้พักผ่อน พวกเรากลับกันก่อนนะ แล้วเจอกัน” ร่างบางรีบลากรุ่นน้องทั้งสองให้ออกมา ไม่ยอมหยุดรอให้ใครได้พูดอะไร
“ง้นฉันกลับก่อนนะ สุขสันต์วันเกิดฮีชอล” มืออบอุ่นของจองวูลูบลงบนกลุ่มผมนุ่มพร้อมรอยยิ้มแสนอบอุ่นที่มีให้เพื่อนเสมอ ก่อนที่จะเดินตามพวกซองมินออกไป เหลือทิ้งเพียงซีวอนและฮีชอล
ดวงตากลมจ้องมองใบหน้าคมที่ดูเฉยชาของซีวอนอย่างเศร้าใจ ถึงวันนี้จะเป็นวันของเขาแต่ซีวอนก็ยังใส่ใจคนอื่นมากกว่า จนลืมแม้แต่คำอวยพร
“มองหน้าทำไม ขึ้นไปนอนได้แล้วไป” ชายหนุ่มพาเพื่อนตัวเล็กขึ้นห้องนอน ยืนส่งหน้าห้องนอนเหมือนที่เคยทำเป็นประจำเมื่อครั้งยังเด็ก “ฮีชอล”
เสียงทุ้มของเพื่อนรักทำให้บานประตูที่กำลังปิดลงต้องชะงักค้างพร้อมกับที่ดวงตากลมจ้องมองอย่างสงสัย “มีอะไรหรือเปล่า”
“สุขสันต์วันเกิด”
เสียงทุ้มของคนที่เดินจากไปทันทีที่พูดจบ ทำให้ร่างบางที่กำลังเสียใจอยู่เงียบๆกลายเป็นยิ้มอ่อนๆ ความน้อยใจที่มีจางหายไป เหลือเพียงความสุขในวันเกิดอย่างที่มีคนอวยพรไว้
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
Talk
ครบแล้วคะ แบบมึนๆ ตอนหน้าก็ขึ้นปีสามพร้อมเอ็นซีกันดีกว่า หุหุ
ใครที่จะเอาเอ็นซี ให้ทิ้งแมวไว้ให้เลยก็ได้คะ ครั้งหน้าไอซ์มาลงจะได้ให้แมวคาบน้องเอ็นกับน้องซีไปให้เลย แต่เอ็นซีคราวนี้รับรองว่า แรงงงงงงงงงงงงง และร้ายยยยยยยยยย คะ โดยมีคุณเพื่อนคนแต่งประจำ มาแต่งเอ็นซีให้
ปล. แอบสงสารคนที่อ่านฮวาด้วย เจอเอ็นซีติดๆกันเลย รับได้ใช่ไหมคะ
ความคิดเห็น