คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Build 2 100%
3 Build 2
เสียงพูดคุยพร้อมเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข ทำให้คนที่เดินเข้าบ้านมาใหม่ทั้งสองคนต้องขมวดคิ้ว ซีวอนไม่ชอบใจกับเสียงหัวเราะใสๆของฮีชอลที่มีให้กับคนอื่นโดยเฉพาะหน้าจืดข้างบ้านที่ชื่อเจย์ แต่คนที่เดินควงแขนซีวอนมาคิ้วขมวดก็เพราะว่ารู้สึกคุ้นกับเสียงหัวเราะของคนข้างใน มันเหมือนใครบางคนที่ไม่น่าจะมาอยู่ที่นี้ได้
ฮีชอลหยุดสายตาลงที่แขนเรียวคล้องอยู่ในวงแขนแข็งแรง ก่อนจะก้มหลบไม่ยอมสบสายตาใคร โดยเฉพาะดวงตาคู่คมที่มองมาอย่างไม่พอใจ
เจย์คนสนิทข้างบ้านที่มองตามสายตาของร่างบาง ก่อนจะมองฮีชอลอย่างเป็นห่วง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจาก นั่งส่งสายตาห่วงใย ในเมื่อตอนนี้เขาก็โดนจ้องตะปปจากสิงโตหน้าตาหงุดหงิด
มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่ยังยิ้มได้ คยูฮยอน ส่งยิ้มไปให้ร่างอวบที่กำลังควงแขนชายหนุ่มร่างสูง รอยยิ้มที่ได้รับ ทำให้ใบหน้าของซองมินซีดลงทันที พร้อมกับที่ค่อยๆออกจากวงแขนแข็งแรง
“กี้ มาได้ไงกัน” ร่างสูงลูกชายเจ้าของบ้านเป็นคนทักทายผู้มาเยือนหน้าใหม่ ด้วยความสนิทสนม แทนคนข้างๆที่ตอนนี้ ตัวหด หน้าซีดลงไปแล้ว
“ก็มารับคนของฉันไง ปล่อยให้มาเล่นสนุกนานเกินไปแล้วมั้ง ว่าแต่ซองมินเห็นคนรักของผมหรือเปล่าครับ” คำถามธรรมดาแต่สามารถเรียกสีแดงบนใบหน้าขาวได้ จนซีวอนมองอย่างสะใจเล็กน้อย
“แกมาก็ดีแล้ว รีบๆเก็บไปเลยนะ ก่อนที่ฉันจะฆ่าหมกท่อ” ซีวอนบอกอย่างทีเล่นทีจริง จนซองมินชักไม่แน่ใจว่า ชายหนุ่มต้องหน้า อยากฆ่ากันจริงหรือเปล่า
“ถึงขั้นจะฆ่ากันเลยหรือไง สงสัยจัง ว่าไปทำอะไรให้ ว่าไงครับ ซองมินไปทำอะไรซีวอนหรือครับ” คยูฮยอนถามร่างบางที่ยืนหน้าเจื่อนอยู่กับที่ ไม่กล้าขยับไปไหน เข้าใกล้ซีวอนก็กลัวจะโดนจับหมกท่อ เข้าใกล้คนรักก็กลัวจะโดนลากกลับ สายตามองชายหนุ่มร่างสูงอย่างไม่วางใจ
ฮีชอลที่ยืนงงอยู่กับคำพูดของเพื่อนซี้ก็ได้แต่มองก่อนจะหันไปทางร่างสูงอีกคนที่ยืนอยู่ พร้อมหน้าตาที่บ่งบอกว่าสงสัยสุดๆ ตาโตๆเบิกกว้าง ชายหนุ่มข้างบ้านได้แต่ยิ้มและส่ายหน้า ก็ยืนอยู่ด้วยกันตรงนี้ จะรู้เรื่องได้ยังไง
ซีวอนที่เห็นท่าทางของคนทั้งสองก็มองด้วยไม่พอใจ มันจะอะไรกันหนักหนา ทำไมต้องทำหน้าตาน่ารักแบบนั้นให้คนอื่นด้วย สงสัยก็ถามสิ ไปถามหน้าจืดแบบนั้นคงได้รู้เรื่องกันหรอก “คยูฮยอนไหนๆก็มานี้แล้ว นอนที่บ้านฉันหล่ะกัน นอนห้องเดียวกับซองมินตกลงนะ ฉันไปหาพ่อก่อน มีอะไรก็บอกแม่บ้านเอานะ”
“อือ ขอบใจนะ” คยูฮยอนบอกเพื่อนรักอย่างอารมณ์ดีที่รู้ใจกัน ก่อนหันไปส่งยิ้มให้กับซองมินเสียหวานหยด จนร่างบางที่ได้รับรอยยิ้มถึงกับอยากร้องไห้ออกมา ได้แต่นึกแช่งซีวอนในใจ ขอให้ฮีชอลไม่รัก ให้ฮีชอลมีกิ๊กเป็นคนข้างบ้าน ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย เพื่อนทรยศ
“พ่อครับผมเข้าไปนะครับ” ชายหนุ่มเคาะที่ประตูห้องทำงานของผู้เป็นพ่อ ด้วยความกังวลว่าพ่อจะพูดเรื่องอะไร แต่ที่แน่ๆ คงเรื่องของเขาและซองมินรวมไปฮีชอล
“พ่อมีเรื่องอะไรจะพูดกับผมหรือครับ” ชายหนุ่มนั่งลงตรงหน้าผู้สูงวัย ไม่อยากตกอยู่ในภาวะกดดันแบบนี้นาน กลัวไส้ที่บิดเกร็ง จะงอไม่คืนรูป
“วันนี้มีคนมาหา บอกว่าเป็นคนรักของซองมิน ตกลงมันยังไงกันแน่ แกบอกพ่อมาซิ” นี้เป็นเรื่องที่ชายหนุ่มคาดการณ์มาแล้วว่ายังไงๆพ่อก็ต้องถาม และซีวอนก็เตรียมความจริงที่จะเล่าให้พ่อฟังแล้วเรียบร้อย
“คยูฮยอนกับซองมินเป็นแฟนกันครับพ่อ” คำบอกเล่าของลูกชายเพียงคนเดียวทำเอาผู้เป็นพ่อเริ่มคิ้วขมวด “แต่ว่า ซองมินไม่พอใจเจ้าคยูฮยอนนิดหน่อยเลยตามผมกลับมา แต่สงสัยว่าคงอยากแกล้งผมด้วย เลยบอกว่าเป็นแฟนผม แต่นี้เจ้าคยูฮยอนคงมารับกลับแล้วหล่ะครับ”
คำบอกเล่าของลูกชายทำให้ผู้เป็นพ่อยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย กับความรักของหนุ่มสาวสมัยใหม่ “แล้วเรื่องของแกกับฮีชอลหล่ะว่าไง เมื่อสี่ปีที่แล้วพูดอะไรไว้ ยังจำได้ใช่ไหม”
“จำได้ซิครับ และผมยืนยันคำเดิม ด้วย ว่าผมอยากดูแลฮีชอลไปตลอดชีวิต ผมรักฮีชอล พ่อยอมรับได้หรือเปล่าหล่ะครับ ถ้าพ่อรับไม่ได้ ผมจะได้หาทางพาฮีชอลหนี มีลูกสักแปดคนแล้วค่อยพากลับมาขอขมา” เหมือนจะพูดเล่น แต่แววตาที่ผู้เป็นพ่ออ่านได้จากลูกชาย คือ ทำจริง หากว่าคนในครอบครัวไม่ยอมรับ
“ รู้ไหมแม่แกจะเลี้ยงฮีชอลให้เป็นลูกสาวอยู่แล้ว พอกันกับแกนั่นแหล่ะ ไอ้เรื่องความหวง มาพาหนี มีหวังได้ประกาศจับลูกชายตัวเอง ข้อหาพาลูกชายบุญธรรมหนี คราวนี้หล่ะสนุกแน่ๆ ” ชายวัยกลางคนพูดด้วยความหนักใจในตัวภรรยาและลูกชายที่เลี้ยงฮีชอลให้อ่อนหวานได้ขนาดนี้
“ก็ฮีชอลน่ารักนี้ครับพ่อ พ่อจะทนเห็นคนน่ารักแบบนั้นมีเรื่องชกต่อยกับผู้ชายเป็นฝูงๆได้ยังไง ตัวก็เล็กแค่นั้น ถ้ามีเรื่องก็แย่แน่ๆ เก็บเอาไว้สู้กับผมคนเดียวก็พอ” ซีวอนแก้ตัวแทนแม่ แถมด้วยการสร้างภาพให้พ่อเห็นว่า ถ้าตัวบางๆอย่างฮีชอลมีเรื่องชกต่อยกันคงไม่น่าดู แต่ไอ้ที่จะสู้กับซีวอนคนเดียว คนเป็นพ่อก็หนักใจ ก็ลูกชายออกจะล่ำ แล้วไหนซีวอนว่าไม่อยากให้มีเรื่องชกต่อยไง “แกไม่ให้มีเรื่องกับใคร แต่แกหาเรื่องฮีชอลเนี้ยนะ กลับมาคืนเดียว ฮีชอลของแกร้องไห้ น้ำตาเป็นลิตรแล้ว”
“เอาน่าพ่อ ที่เป็นลิตรก็เพราะคนข้างบ้านกับซองมินไม่ใช่ผมสักหน่อย ว่าแต่พ่อยอมที่ผมขอได้ไหมหล่ะ ถ้าผมจะขอดูแลฮีชอลด้วยตัวผมเอง” ซีวอนขอคนเป็นพ่ออย่างจริงจัง สายตาแน่วแน่ สี่ปีที่เจอโลกกว้าง ไม่ทำให้ซีวอนเปลี่ยนใจ แต่ทำให้ชายหนุ่มเติบโต และรู้ใจตัวเองมากขึ้น
“ฉันยอมแกกับฮีชอล แต่คุณนายชเว่จะยอมหรือเปล่า แกไปคุยเอาเอง เขาห่วงลูกสาว แต่ฉันมีข้อแม้กับแกข้อหนึ่ง” สายตาที่มองลูกชายอย่างตั้งความหวัง และความรัก “แกต้องเข้าทำงานที่บริษัท ให้ทุกคนยอมรับให้ได้”
“ครับ ผมจะทำให้ทุกคนยอมรับให้ได้ แต่ว่า เรื่อคุณนายชเว พ่อจะไม่ช่วยผมหรือไง แบบว่าไปเป็นตัวแทนขอลูกสาวให้ผมยังเงี้ยอ่ะ”
“แกไปพูดเองฉันไม่เกี่ยว แต่ว่านะ รีบแก้ปัญหาเรื่องฮีชอลให้ได้ ก่อนที่แม่แกจะยกลูกสาวไอ้คนข้างบ้านนะ”
“พ่ออย่าขู่สิ ผมไปคุยกับฮีชอลก่อน ป่านนี้หน้าจืดข้างบ้านทำคะแนนไปแล้วแน่ๆ”
คนสามคนบนเก้าอี้สนาม ล้วนแล้วแต่มีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้า เสียงหัวเราะดังเข้าหูร่างสูงที่ยืนมองอยู่อย่างไม่พอใจ ทำไมต้องยิ้มให้หน้าจืดข้างบ้านด้วย ทำไมแม่ต้องไปนั่งคุยสนิทสนมกับศัตรูลูกชายตัวเองแบบนั้น นั้นอ่ะคู่แข่งหมายเลขหนึ่งของลูกแม่นะ ไหนพ่อว่าหวงฮีชอลนักหนาไง ไปนั่งคุยทำไม ไม่รู้หรอว่ามันจ้องจะงาบฮีชอลของผม แล้วดูท่าคุณนาย แทบจะประเคนให้อยู่แล้ว
ใบหน้าบึ้งคิ้วขมวดผูกโบแปดชั้นของซีวอนที่เดินเข้ามาหาผู้เป็นแม่ ทำให้เสียงหัวเราะหยุดลงในทันที เพราะต่างก็มองด้วยความแปลกใจ แต่นอกจากความแปลกใจที่ฉายบนดวงตากลมโตของฮีชอลแล้วใบหน้าหวานยังมีความน้อยใจและไม่พอใจ ริมฝีปากเชิดขึ้นจนคนมองรู้สึกอยากจับมาจูบให้ปากอิ่มเจ่อบวม ถ้าไม่ติดว่าแม่นั่งอยู่ ซีวอนได้จับมาจูบโชว์หน้าจืดข้างบ้านแน่ๆ “แม่ครับผมมีเรื่องอยากคุยด้วย”
“มีไรก็คุยกันตรงนี้ซิ คนกันเองทั้งนั้น” ที่ติดพันการคุยกับหลานสาวคนสวยและคนข้างบ้านหน้าตาดี จึงยังไม่อยากลุกไปตามที่ลูกชายแท้ๆเพียงคนเดียวขอร้อง
“โถ่!แม่ครับ ไปคุยแปบนะครับ เรื่องนี้ผมจริงจังนะ ไม่อยากให้คนอื่นรู้” สายตาของซีวนส่งไปให้ร่างสูงที่นั่งอยู่รู้ว่า “คนอื่น” มันสื่อถึงใคร ส่วนคนที่โดนมองก็ได้แต่นั่งยิ้มเจ้าไปให้แบบไม่ยอมหลบสายตารังสีพิฆาต
ฮีชอลนั่งหน้างอ ที่ตอนนี้หน้างอหนักขึ้น เพราะเข้าใจว่าตนเองกลายเป็น “คนอื่น” สำหรับชายหนุ่มไปแล้วได้แต่นั่งนึกในใจว่าซีวอนไม่เห็นความสำคัญแล้ว ซีวอนมีซองมินที่ไปแย่งมาจากคนรัก แค่นึกน้ำตาก็ไหล ต้องไปซบไหล่หนาที่นั่งอยู่ข้างๆ และนั่นก็ยิ่งเพิ่มความร้อนแรงให้สงครามสายตารังพิฆาต ระหว่างสองหนุ่มหน้าตาดี โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่อง ส่วนหญิงสูงวัยที่มองเห็นสงคราม ได้แต่นั่งถอนหายใจ คนนี้ก็ลูกชายที่ทำตัวงี่เง่า อีกคนก็แสนดีแต่เป็นคนข้างบ้าน
ไม่รู้จะยกหลานชายหน้าสวยให้ใครดี คงต้องปล่อยให้คนกลางเลือกเอง “เออ ไอ้ลูกคนนี้มันยุ่งจริง”
เมื่อสองแม่ลูกเดินห่างออกไป ร่งสูงจึงก้มถามคนสวยที่เอาหน้าซบไหล่ตนด้วยเสียงอันอบอุ่น “ร้องไห้ทำไม มีอะไรบอกเจย์นะ” แม้จะมองไม่เห็นใบหน้าหวาน แต่น้ำตาที่ซับบนไหล่เสื้อก็ทำให้รู้ว่า ตาโตๆทั้งสองข้างกำลังผลิตน้ำตาอย่างเต็มที่
“ซีวอนบอกว่าฮีชอลเป็นคนอื่น ซีวอนไม่รักฮีชอลแล้ว เป็นแค่คนอื่น” น้ำเสียงอู้อี้ๆออกมาจากไหล่หนาที่คนสวยซบหน้า ยิ่งทำให้เจ้าของไหล่หนาเพิ่มความรักและเอ็นดูร่างบางยิ่งขึ้น มือลูบศีรษะเล็ก อีกข้างก็โอบเข้าในอ้อมกอดอุ่น
“ฮีชอลมีค่ากับเจย์นะ แล้วก็มีสำคัญกับเจย์มากด้วย ใครไม่รักฮีชอลก็ช่าง แต่เจย์รักฮีชอลเสมอนะ”
“แม่จะยกฮีชอลให้หน้าจืดข้างบ้านจริงๆหรอ” ซีวอนถามแม่ด้วยความข้องใจปนไม่สบายใจ กลัวว่าศัตรูหมายเลขหนึ่งจะทำคะแนนจนแม่ยอมใจอ่อนยกหลานชายสุดที่รักให้ไป
“อือ ถ้าเขามาขอแม่ก็ยกให้ เจย์ออกจะนิสัยดี ดูแลฮีชอล ไม่เคยทำให้เสียใจ ไม่เหมือนใครบางคนแถวนี้หรอก มาถึงฮีชอลของแม่หมดน้ำตาไปตั้งเท่าไหร่แล้ว” ผู้เป็นแม่ตัดพ้อลูกชายที่กล้าทำหลานคนโปรดต้องเสียน้ำตา
“โถ่!แม่ครับ ใช่ว่าผมตั้งใจที่ไหนหล่ะ ที่ฮีชอลร้องไห้ก็เพราะซองมินทั้งนั้น ผมอ่ะเป็นแค่เครื่องมือเท่านั้นเองนะครับ”ร่างสูงอุทรณ์กับผู้เป็นแม่กลัวว่า แม่จะยอมยกสุดรักสุดดวงใจให้กับคู่แข่งหมายเลขหนึ่งไป ถ้าเป็นอย่างนั้นหล่ะก็ ชเว่ ซีวอนจะทำตัวเป็นโจรปล้นเจ้าสาวให้ดู!!
“เราก็ไปโทษคนอื่น แม่ไม่เห็นว่าหนูซองมินเขาจะทำอะไร นอกจากบอกว่าเป็นคนรักของเราเท่านั้นเอง แล้วถ้าไม่ใช่ก็บอกความจริง นี้อะไรอมพะนำไม่ยอมบอก พูดจาก็ไม่ดี ฮีชอลไม่น่าเสียเวลาคิดถึงคนแบบนี้เลย ถ้าเป็นแม่นะ เอาเวลาไปคิดถึงเจย์เขาดีกว่า” คุณแม่คนงามแหย่ลูกชายเล่น แต่คุณแม่คงลืมสังเกตหน้าลูกชายไป ตอนนี้คิ้วเข้มๆจากโบว์สามชั้น ได้กลายเป็นเงื่อนตายไปแล้วเรียบร้อย
“ก็ถ้าฮีชอลคิดถึงคนอื่นสิ ผมไม่ใจดีด้วยแน่ๆ แล้วถ้าแม่ยกฮีชอลให้คนอื่นนะ แม่เตรียมเป็นข่าวหน้าหนึ่งได้เลยว่าลูกชายแม่ ฉุดผู้ชายที่เลี้ยงมาเองกับมือกลางงานวิวาห์”
คุณนายแห่งตระกูลมองหน้าลูกชายอย่างอึ้งๆ ไม่ได้อึ้งที่ซีวอนหวงฮีชอล ไม่ได้อึ้งที่ซีวอนรักฮีชอล แต่อึ้งที่ซีวอนจะฉุดฮีชอล มองหน้าเท่าไหร่ก็ไม่เจอคำว่าล้อเล่นซะด้วย และที่สำคัญ อึ้งที่คุณลูกชายคิดว่าแม่อยากจะยกฮีชอลให้ชาวบ้านซะงั้น มันช่างไม่รู้ใจแม่จริงๆ ว่าอยากให้หลานชายเขยิบฐานะมาเป็นลูกสะใภ้ ใจแทบขาด! “แกลองฉุดสิ ฉันไม่ตามไปเขกหัวให้มันรู้ไป หนอย จะมาฉุด คอยดูนะถ้าฉันไม่มีลูกสะใภ้ชื่อฮีชอลหล่ะน่าดู และที่สำคัญถ้าข้างบ้านได้ฮีชอลไปเป็นสะใภ้หล่ะก็ ตระกูลเราจะไม่มีลูกชื่อซีวอนอีกต่อไป เข้าใจไหม”
เสียงของแม่ลอยทะลุโสตประสาทการรับฟังมาเป็นระลอกๆ ทำให้ร่างบางต้องทำความเข้าใจทีละประเด็นๆ
อย่างที่หนึ่งคือ ฉุดหลานบ้านนี้ มีแต่ตายเพราะคุณนายเขกแรง
สอง ถ้าคุณนายไม่มีลูกสะใภ้ชื่อฮีชอล คุณนายจะเอาเรื่อง อาจถึงตายอีกเช่นกัน
สาม ถ้าเพื่อนบ้านคุณนายได้สะใภ้ชื่อฮีชอลไป ไอ้คนชื่อซีวอนมันโดนตัดจากกองมรดก
“เฮ้ย!” ชายหนุ่มร้องอย่างตกใจเมื่อสมองอันชาญฉลาดวิเคราะห์ออกมาได้ว่า คุณนายเป็นแม่ของไอ้คนที่ชื่อซีวอน และที่สำคัญ ซีวอนมันคือ เขาเอง มองหน้าแม่ ก็เจอรอยยิ้มหวานพิมพ์ใจ “แปลว่าแม่ยกฮีชอลให้ผมใช่ไหม” คำตอบมีเพียงพยักหน้าขึ้นลง ทำเอาชายหนุ่มดีใจหน้ายิ้มแก้มปริ อุ้มแม่หมุนไปรอบๆส่งเสียงดีใจ
“เฮ้ยๆ แกวางเมียฉันลงเลยนะไอ้ซีวอน” ผู้เป็นใหญ่ของตระกูลได้ยินเสียงเออะของสองแม่ลูก รีบเดินลงมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น กลัวว่าลูกจะคลั่งที่แม่ขัดขวางรัก แต่ที่เห็นกลับเป็นภาพผู้ชายตัวโตกอดรัดสุภาพสตรีหนึ่งเดียวในดวงใจกลางบ้าน ถึงไอ้ผู้ชายตัวโตนั่นจะเป็นลูกชายผลผลิตจากความรักก็เหอะ ไม่มีข้อแม้ ของใคร ใครก็หวง
“ไรพ่อ เมียพ่อ ก็แม่ผม มาหวงไรไม่รู้ ไม่กอดแล้ว ผมไปหาว่าที่เมียก่อนดีกว่า พ่อ ผมมีไรจะบอก แม่ยกฮีชอลให้ผมแล้วนะ ต่อไปนี้ ห้ามใครมากอดฮีชอลของผมนะ” ลูกชายมองหน้าทั้งพ่อและแม่อย่างจริงจัง เพราะคำสอนของพ่อ ยังจำได้ไม่ลืม ผู้หญิงข้า ใครอย่าแตะ และนิสัยคุณชายบ้านนี้ที่ตกทอดมาแต่บรรพกาลคือ ของใคร ใครก็หวง!!
“ซีวอนใช่ว่าแม่ยอมยกให้แล้วลูกจะไป เที่ยวแสดงความเป็นของได้นะลูก ยังไงก็ต้องทำฮีชอลยิมยอมด้วยใจนะ อย่าใช้กำลังเด็ดขาด อ้อ ห้ามทำให้เสียน้ำตาด้วย แล้วจะส่งตัวเข้าหอเมื่อไหร่ก็มาบอกแม่ด้วย มาทำให้ถูกพิธีเข้าใจไหม”
“ครับ ผมตกลงได้เมื่อไหร่จะส่งนายใหญ่จากตระกูลชเว่มาสู่ขอเลย เอาให้สมเกียรติคิมฮีชอล หลานรักของแม่เลยครับ” ชายหนุ่มเดินจากไปพร้อมรอยยิ้มแสนสุขใจ คนเป็นพ่อเป็นแม่ได้แต่ยิ้มในความสุขของลูก และหลาน ถึงใครๆจะมองว่ามันผิดธรรมชาติก็ตาม
ในมุมหนึ่งของบ้านหลังใหญ่ ภายในห้องนอนแขกที่ตอนนี้มีกระต่ายอ้วนมาพักอาศัย มีเสียงดังเล็ดลอดออกมา แบบที่ว่าอีกคนแรง อีกคนก็ต้องยอมอ่อนให้อ่ะสิ ขืนแรงด้วยพอดี เรื่องราวก็พังพินาศ
“ซองมินคร้าบบบบ หันมาคุยกับผมหน่อยสิ อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเลยนะ ไม่คิดถึงหรือไงครับ” เสียงอ้อนของคนที่หน้าตาไม่เข้ากับกริยา เอียงคอ ทำตาแป๋วแหวว มองหน้า กระต่ายน้อยผู้แสนน่ารัก อย่างสุดฤทธิ์
“ไม่ ฉันกับนายไม่ได้เป็นอะไรกัน เราแค่รู้จักกันเท่านั้นคยูฮยอน ฉันไม่ได้ขอร้องให้นายมาหาด้วยเพราะงั้นออกไปได้แล้ว” เจ้าของใบหน้าใส เมินหนี ใบหน้าคมดวงตาเจ้าเล่ห์ที่พยายามทำท่า หูลู่หางตก แต่มันปิดหางจิ้งจอก หูหมาป่า ไม่ได้เลย
“ซองมินพูดได้ไงครับว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน เราเป็นยิ่งกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟนอีกนะครับ เพราะเราเป็นคนรักกันไงครับ ซองมิน หันมาบอกผมหน่อยสิ ว่าทำผิดอะไร ได้โปรดเถิดที่รัก อย่าเมินใส่คนหล่อแบบนี้สิครับ” อ้อนๆ งอๆ เท่านั้นที่ทำได้ตอนนี้ สู้สุดใจเว้ย โจว คยูฮยอน
“อย่างนายอ่ะนะหล่อ” ได้ผล ซองมินหันหน้าทางคยูฮยอนทันที ดวงตาจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของกันและกันแบบไม่มีหลบ “ฉันว่าเจ้าของบ้านหลังนี้ เอ่อ.. ก็แฟนฉันอ่ะ ยังหล่อกว่านายอีก” ร่างเกือบบางเริ่มหน้าแดงที่ต้องกล่าวอ้างถึงชายหนุ่มอีกคน
“ไม่เอาหน่า ซองมินเลิกเล่นแบบนี้ได้แล้ว ที่ฉันมาเนี้ยก็เพราะซีวอนมันตามให้มานะ รู้ไหม ว่าที่นายเล่นแบบนี้มันทำให้ใครเสียใจบ้าง คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย อย่างคุณฮีชอลหน่ะ นายไม่สงสารเขาหรือไง” จากคนขี้เล่น กลายเป็นจริงจังจนคนที่พูดด้วยปรับอารมณ์ตามไม่ทัน
“ฉันไม่ได้เล่นแต่ฉันจริงจัง ฉันกับซีวอนเป็นแฟนกัน รู้ไว้ซะ” เสียงที่ยิ่งดัง ก็ดังมากขึ้น คนขี้น้อยใจเดินผ่านมาอย่างไม่ตั้งใจก็ได้ยินแบบชัดๆ ไม่ต้องคิดหรือตีความอะไรเพิ่มเติม แค่ที่ได้ยินก็ชัดพอแล้ว
“ซองมิน มันจะมากเกินไปแล้วนะ จะเล่นอะไร ก็ให้มันมีขอบเขตบ้าง พอได้แล้ว แล้วก็บอกมาสักทีว่าไม่พอใจอะไรผม ถึงได้มาทำแบบนี้” คยูฮยอนที่เห็นว่าคุยด้วยอารมณ์ดีๆคงไม่ได้ผล เริ่มเพิ่มความจริงจังมากขึ้น จ้องมองใบหน้าใสอย่างที่ตำรวจจ้องมองคนร้าย
“ ง่า ทำไมคยูต้องมองมินแบบนั้นด้วยหล่ะ” คนร้ายที่ถูกจ้องมองเริ่มกลัวสายตาแบบนี้ขึ้นมานิดๆ จากที่ทำดื้อรั้นเริ่มอ่อนลง ตามคติ อีกคนแรง อีกคนก็ต้องอ่อน นี้เป็นคติคู่รักที่ยึดถือมายาวนาน “ ก็มินน้อยใจคยูนิ อย่ามองแบบนั้น ยิ้มๆนะ ตัวเอง”
“ซองมินน้อยใจอะไรผม ถึงขนาดที่ต้องหนีตามซีวอนมาแบบนี้” ร่างสูงที่เริ่มเป็นต่อ แอบยิ้มพรายอยู่ในใจ กระต่ายตกหลุมพรางแล้วเว้ยเฮ้ย แต่ยังคงต้องเก๊กหน้าเข้มต่อไป
“ก็คยูอ่ะ แอบหนีเที่ยวนิหน่า อย่าคิดว่ามินไม่รู้นะ แล้วก็รู้ด้วยว่าซีวอนเป็นคนพาไปอ่ะ ซองมินก็โกรธซิ อยู่ดีๆ มาพาที่รักของซองมินออกไปเที่ยวแบบนั้นนะ ซองมินก็ต้องแก้แค้นบ้างซิ” ร่างเล็กบอกอย่างไม่พอใจคนตัวสูงเจ้าของบ้าน
“แต่ซองมินหนีมาแบบนี้ แถมไปบอกใครต่อใครว่าเป็นแฟนซีวอนผมหึงนะ” ยังคงเป็นเสียงเรียบๆทุ้มๆ ไม่ทีท่าของหมาป่าเจ้าเล่ห์ให้ร่างบางได้เอะใจเลยสักนิด แถมเสียงโหดๆตรงคำว่า หึง ที่ถูกเน้นหนักยิ่งเพิ่มความน่ากลัวให้เป็นอย่างดี
“ง่า คยูอ่ะ อย่าทำเสียงน่ากลัวแบบนั้นซิ มินเลิกเล่นแล้วก็ได้ มินจะบอกความจริงทุกคนนะ คยูอย่าโกรธมินนะ นะๆๆ” ศีรษะเล็กซุกเข้าที่อ้อมอกอุ่น อย่างอ้อนๆ ก็เพราะรักหรอก ถึงต้องมาทำแบบนี้ ไม่อยากให้คยูโกรธสักหน่อย ซองมินไม่โกรธคยูแล้ว แต่ซีวอนนายไม่รอดแน่ ฉันจะบอกความจริงให้หมด แบบล้างไส้ล้างพุงแน่ๆ รอยยิ้มน่ารักบนใบหน้าที่ซุกอยู่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง รอยยิ้มซุกซน!
ร่างบอบบางเดินตาแดงกล่ำ น้ำตาอาบสองข้างแก้ม ถูกรวบจากด้านหลังโดยไม่รู้ตัว มือหน้าเอื้อมปิดปากอิ่มอย่างรวดเร็วป้องกันเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ร่างทั้งร่างถูกคนตัวสูงกว่าจับพาดขึ้นบ่าหนา ทำให้มองเห็นเพียงแผ่นหลังกว้างในลักษณะกลับหัว เมื่อปากเป็นอิสระ เสียงร้องก็ดังขึ้นในทันที จนเจ้าของบ่าหนาต้องรีบเดินเข้าห้องกดล็อคประตู ก่อนจะวางร่างที่เล็กกว่าบนนั่งเตียงอย่าทะนุถนอม
“ฮีชอลอย่าร้องไห้นะ” ชายหนุ่มนั่งลงบนพื้นหน้าเตียงให้อยู่ในระดับเดียวกับร่างบาง ดวงตาคมมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่โตที่มีน้ำตาคลออยู่ ก่อนจะรั้งร่างบางให้ลงมาซุกอยู่ที่อกอย่างที่เคยทำ แต่ร่างบางกลับขืนตัว ไม่ยอมน้อมลงตามแรงโน้ม
“ฮีชอล” เสียงเรียกแผ่วเบาจากชายหนุ่มด้วยความน้อยใจ ตอนนี้เขาไม่ใช่คนที่จะซับน้ำตาให้ฮีชอลแล้วใช่ไหม ความจุกแน่นทำให้พูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงมองหน้า สายตามีคำถามถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
“ไม่ต้องมาปลอบเลยนะซีวอน ฮีชอลร้องไห้ไปตั้งเท่าไหร่แล้ว แล้วจะมาทำดีด้วยอีกทำไม หรือว่าจะดุอะไรฮีชอลอีก เดี๋ยวนี้ฮีชอลไม่ใช่คนที่ซีวอนรักแล้วใช่ไหม ถึงได้เอาแต่ดุ เอาแต่ว่า ทำอะไรไม่เคยถูกใจ ฮีชอลไม่รักซีวอนแล้ว ซีวอนใจร้าย”
คำว่าไม่รักของคนพูดมันอาจมีความหมายแค่ความน้อยใจ แต่สำหรับคนฟังแล้ว มันเหมือนโลกจะพังลงไปตรงหน้า ทั้งๆที่ตลอดเวลาที่ห่างกันมีแค่คำว่า..รัก...ของร่างบางตรงหน้าเป็นกำลังใจ ไม่เคยเตรียมใจเลยที่จะต้องพบกับคำว่า...ไม่รัก...
เมื่อลำคอไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้ ก็มีเพียงแค่ร่างกายเท่านั้นที่รั้งร่างบางไว้ในอ้อมแขน บอกให้รู้ว่าจะไม่ยอมให้จากไป บอกให้รู้ว่า..รัก..มากแค่ไหน
“ปล่อยนะ ซีวอนปล่อยสิ ไม่ต้องมากอดฮีชอลเลย คนใจร้าย ปล่อย เขาจะไปหาเจย์ ปล่อยสิ”
เพียงแค่ชื่อของชายหนุ่มข้างบานหลุดออกมาจากปากอิ่ม ก็ทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจจนลืมไปว่า ที่อุ้มฮีชอลเข้ามาก็เพื่อจะปรับความเข้าใจ ไม่ใช่สร้างรอยร้าวให้เพิ่มมากขึ้น “เป็นอะไรกับมันหนักหนาหรือไง เอะอะก็จะไปหา ไปทีก็หายไปนานไม่รูหรือไงว่ามันไม่เหมาะสม”
ใบหน้าหวานเบะออกอีกครั้ง หยาดน้ำในดวงตาเริ่มรวมตัวออกมาเพราะคำพูดของชายหนุ่ม “ก็เจย์ไม่ดุแบบที่ซีวอนทำ ซีวอนใจร้ายด้วยเอาแต่ว่าฮีชอล ล้อว่าฮีชอลเตี้ย เขาไม่ได้เตี้ยสักหน่อยซีวอนนั่นแหล่ะสูงไปเอง แล้วทีสำคัญเจย์ก็ไม่เคยทำให้ฮีชอลเจ็บจนอยากร้องไห้แบบที่ซีวอนกับซองมินทำหรอก คนใจร้ายปล่อยนะ ปล่อยสิ”
คำพูดแสนซื่อที่เปิดเผยความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลโดยไม่รู้ตัว ทำให้ชายหนุ่มที่ฟังอยู่ดีใจจนไม่อาจบรรยายออกมาได้ ถึงแม้จะไม่ได้บอกว่ารัก แต่สิ่งที่ฮีชอลรู้สึกและพูดมันออกมา ซีวอนก็พูดได้เลยนั่นคือความรัก ถ้าไม่รักจะเจ็บทำไม ฮีชอลรักโดยที่ไม่รู้ตัว
ซีวอนยืดตัวเต็มความสูง โน้มลงจุมพิตบนเรียวปากถ่ายทอดความคิดถึง ความห่วงหาสัมผัสอบอุ่นทวีความรุนแรงและเรียกร้อง ร่างบางหลับตาพริ้มรับความอ่อนโยน กลับลืมตากลมโตขึ้นอีกครั้ง ตกใจกับการรุกรานของลิ้นหนา
ดวงตาโตเบิกกว้างยิ่งขึ้น แก้มเนียนเปลี่ยนเป็นลูกมะเขือเทศแดงสด ปากบวมช้ำนิ่งอึ้ง ไม่สามารถเอ่ยสิ่งใด นั่งตัวแข็ง ไม่เข้าใจความรู้สึกแปลกใหม่ที่พึ่งเกิดขึ้น ทั้งเร่าร้อนเรียกร้อง และปรารถนา ใบหน้าหวานร้อนวูบวาบ เขินอายจนไม่กล้าสบตาคู่คม
อาการนิ่งอึ้ง ทำให้ซีอนเผลอยิ้มกว้าง ยิ่งเพิ่มความรัก ความเอ็นดู ที่สุดแล้วฮีชอลก็ยังเป็นคนที่ซีวอนดูแล และทะนุถนอม ไม่เคยมีใครมาล่วงเกินแบบที่เขาทำ ฮีชอลยังคงใสซื่อ เหมือนสี่ปีก่อน แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ทั้งหวงทั้งห่วง และยิ่งรักมากขึ้นได้ไง แต่แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าชายหนุ่มก็เลือนหายไปทันทีที่เห็นหยาดน้ำตาจากร่างบาง
“ฮีชอลร้องไห้ทำไม กลัวซีวอนหรอ” ชายหนุ่มใช้นิ้วโป้งเกลี่ยไล่น้ำตาที่ไหลอาบลงมาตามขอบตาช้ำที่ผ่านการร้องไห้บ่อยครั้งในช่วงนี้ ซีวอนไม่กล้าลงน้ำหนักมอแรง กลัวว่าร่างบางจะเสียขวัญยิ่งขึ้น ก่อนจะรั้งคนขี้กลัวเข้ามาซบในอก
“ฮีชอลไม่ได้กลัวซีวอน แต่ฮีชอลไม่เข้าใจซีวอนเลย ซีวอนรู้ไหมว่าทำแบบนี้ฮีชอลยิ่งอยากร้องไห้ ทั้งๆที่ซีวอนมีซองมินอยู่แล้ว ยังจะทำแบบนี้ทำไม ทำเหมือนรักฮีชอล มาจูบฮีชอลทำไม ซีวอนใจร้าย” ฮีชอลที่ซบหน้าลงกับอกกว้างพูดสิ่งที่คิด ต้นเหตุของหยดน้ำตา โดยไม่ยอมเงยหน้ามองชายหนุ่ม กลัวว่าน้ำตาจะไหลยิ่งขึ้นทั้งๆที่ใบหน้าหวานยังแดงระเรื่อจากสัมผัสแสนหวาน
“ถ้าฮีชอลไม่มองหน้าซีวอน ซีวอนจะทำแบบเมื่อกี้อีกนะ สบตาซีวอนสิคนดี” ร่างบางที่ทนฟังเสียงนุ่มๆไม่ได้ จำต้องเงยหน้าขึ้นสบตา แต่ต้องอายยิ่งขึ้นเมื่อชายหนุ่มก้มลงสูดดมความหอมที่แก้มเนียน
“ฮีชอลเชื่อผมนะ ว่าผมไม่เคยมีใคร ซองมินเองก็เป็นแค่เพื่อนมีเจ้าของแล้วด้วย แล้วกับคนอื่นๆก็เป็นแค่อารมณ์สนุกชั่วคราวเท่านั้นหัวใจของผมมันมีแค่ฮีชอลเท่านั้น รักใครไม่ได้ ทุกวัน ผมคอยนั่งนับถอยหลังวันที่จะได้กลับมาอยู่กับฮีชอล เป็นผู้ใหญ่ก็เพื่อจะดูแลคนทีผมรัก เมื่อสี่ปีก่อนพ่อเคยถาม ว่ารักฮีชอลใช่ไหม วันนั้นผมตอบอย่างลังเล แต่วันนี้เมื่อตอนบ่ายคำถามที่พ่อเคยถามผมได้บอกพ่ออีกครั้งอย่างมั่นใจ และผมก็จะบอกฮีชอล ผมรักฮีชอล”
คำบอกรักแสนหวาน ทำให้คนที่นั่งฟังแก้มร้อนผ่าวทำอะไรไม่ถูก และยิ่งรู้สึกร้อนมากขึ้นเมื่อชายหนุ่มยกมือบางขึ้นมาจูบที่หลังมือขาว ได้แต่นั่งนิ่งปล่อยให้ชายหนุ่มสูดดมความหอม
“แล้วเมื่อก่อนซีวอนไม่รักฮีชอลหรอ” ร่างบางที่นั่งนิ่งมานาน เอ่ยถามสิ่งที่สงสัย
“รักครับ ซีวอนรักฮีชอลมานานแล้วแต่รักที่ไม่เหมือนกัน เมื่อก่อนซีวอนรักฮีชอลแบบเพื่อน พี่น้อง แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ซีวอนรักฮีชอลแบบที่คนคนหนึ่งจะรักอีกคนด้วยหัวใจที่มี แบบที่ต้องการอยู่ด้วยทั้งชีวิต ปกป้องดูแลฮีชอลอย่างนี้ แล้วฮีชอลหล่ะครับรักผมแบบไหน ” ดวงตาคมจ้องมองเข้าไปในดวงตาหวาน มองเห็นความรักที่มีให้ แต่อยากได้ยิน อยากมั่นใจว่ากำลังรู้สึกแบบเดียวกันอยู่
“ไม่รู้ รู้แต่ว่าฮีชอลไม่อยากให้ซีวอนอยู่กับคนอื่น อยากอยู่กับซีวอนตลอดเวลา ฮีชอลรักซีวอนแบบนี้ กับคนอื่น อย่างเจย์อีชอลก็ไม่ได้รักแบบนี้ เลยไม่รู้ว่าฮีชอลรักซีวอนแบบไหน แล้วก็ไม่อยากให้ซีวอนล้อว่าฮีชอลเตี้ยด้วย” ร่างบางพูดถึงความรักที่ตนเองรู้สึก ความรักในแบบที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ และไม่รู้ว่าเริ่มต้นเมื่อไหร่ รู้เพียงแค่รัก และรอคอยมานาน
“ซีวอนสัญญาว่าจะไม่ทำให้ฮีชอลต้องเสียใจ แล้วก็จะไม่ล้อด้วยว่าฮีชอลเตี้ย ให้ผมได้ดูแลชีวิตทั้งชีวิตของฮีชอลนะ” ร่างบางได้แต่พยักหน้า มุดตัวเข้าซุกกับแผ่นอกกว้างแอบซ่อนความเขินอายน้ำตาเม็ดเล็กจากความสุขหยดออกมา
ซีวอนก้มหน้าจูบซับน้ำตาบนใบหน้าหวานก่อนจะเรื่อยลงมาถึงริมฝีปากหวาน แผ่นหลังบางถูกกดลงไปบนผ้าปูเนื้อนุ่ม ร่างสูงก้มลงควานหาความหวานล้ำจากริมฝีปากอิ่ม ลิ้นนุ่มร้อนพันเกี่ยวกันชักจูงให้อารมณ์วาบหวามพุ่งสูงขึ้น เรียวปากถูกดูดดึงและขบเม้มอย่างแผ่วเบาสลับกับจุมพิตอันล้ำลึกที่ดึงให้สติจมจ่อมกับกลิ่นกายอันอบอุ่นและอ้อมกอดที่แสนอ่อนโยน
“อา..ซีวอน” เสียงกระซิบหวานเอ่ยออกมาราวเชิญชวน ยิ่งกระตุ้นให้ซีวอนรุกเร้าเรือนร่างที่แสนเย้ายวนมากกว่าเดิม มือหนาสอดเข้าไปใต้สาบเสื้อ โลมเล้าผิวกายขาวเนียนจนเจ้าของร่างสั่นสะท้านหวามไหว ซอกคอระหงถูกเลียชิมเฉกเช่นขนมหวานสำหรับซีวอน ฟันขาวขบกัดอย่างหยอกเย้าจนกลายเป็นสีแดงเรื่อ
“อ๊ะ ตรงนั้น..มัน” ฮีซอลสะดุ้งเฮือกเมื่อยอดอกถูกบีบเคล้นโดยไม่ได้ตั้งตัว นิ้วหยาบกดคลึงส่วนยอดให้จมลงก่อนจะแกล้งจิกดึงขึ้นมาสร้างความเสียวซ่านจนอดที่จะครางออกมาไม่ได้
เสื้อยืดของฮีซอลถูกดึงขึ้นไปเหนือแผ่นอก ความนวลเนียนของผิวที่ราวกับผิวเด็ก ความหอมกรุ่นของเรือนกาย อีกทั้งเรือนร่างที่กลายเป็นสีชมพูระเรื่อด้วยความเขินอาย โหมกระพือความปรารถนาให้ร่างสูงอยากจะกลืนกินคนตรงหน้าลงไปทั้งตัว กักเก็บความน่ารักของคนๆนี้ไว้ที่เขาคนเดียว
“ฮีซอล” เสียงทุ้มต่ำเรียกให้ร่างที่อยู่ภายใต้ปรือตาฉ่ำหวานขึ้นมาสบกับนัยน์ตาคม ไฟอารมณ์ที่ร้อนแรงกำลังแผดเผาอยู่ในดวงตาคู่นั้น ไฟที่หลอมละลายหัวใจของฮีซอลให้ยอมมอบทั้งร่างกายและหัวใจจนหมด
ดวงหน้าหวานพยักหน้า แขนบางโอบรอบไหล่หนาและไล้นิ้วเรียวไปตามเรือนผมนุ่มเป็นเชิงตอบตกลง เรียกรอยยิ้มของคนตัวโตได้เป็นอย่างดี ฮีซอลตอบรับจูบอ่อนหวานอีกครั้ง สัมผัสได้ถึงมืออุ่นที่ค่อยๆ เลื่อนลงไปจนถึงขอบกางเกง อารมณ์เคลิบเคลิ้มพาให้สมองของฮีซอลไม่สามารถคิดอะไรได้อีกแล้ว ทำได้เพียงแต่ตอบรับความรู้สึกของซีวอนอย่างเต็มที่เท่านั้น
นิ้วมือหนาสอดลงไปภายใต้ผ้านุ่ม ลัดเลาะขอบกางเกงจนใกล้จะถึงจุดอันอ่อนไหวของฮีซอล ร่างบางหลุดเสียงครางเบาๆ รอรับสัมผัสนั้น...
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูเรียกให้อารมณ์ของฮีชอลที่เตลิดไปไกลให้กลับมา ร่างบางผลักคนตัวใหญ่กว่าจนสุดแรง แต่ซีวอนก็ไม่สะท้านยังคงทาบทับไม่ยอมปล่อย จนฮีชอลต้องส่งเสียงประท้วงให้ร่างที่หนากว่าคลายอ้อมกอด
“ซีวอนนนนนนนนนนนน” เสียงแหลมตะโกนเรียกอยู่หน้าห้อง ทำให้คิ้วหนาๆของคนในห้องต้องขมวด ร่างบางใต้ร่างที่ส่งเสียงเพียงเบาๆกลับเงียบลงและหยุดผลักไส ด้วยกลัวว่าจะให้ร่างสูงโกรธเคือง
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ ซีวอนไม่งั้นฉันให้คุณคนข้างบ้านมาดักฉุดฮีชอลแน่ๆ”
“โธ่เว้ย” ร่างสูงคำรามต่ำจากชายหนุ่มยิ่งทำให้ร่างบางไม่กล้าขยับตัว ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไรที่ทำให้ชายหนุ่มโกรธ ได้แต่มองอย่างหวาดๆเห็นเพียงซีกหน้าคมทำสีหน้าไม่พอใจ
“ซีวอนไม่ได้โกรธฮีชอลนะ อย่าพึ่งน้อยใจนะครับคนดี” ชายหนุ่มยอมลุกออกจากร่างบาง แต่ยังไม่วายทำรอยสีหวานบนผิวขาว แล้วจึงใช้ผ้าห่มคลุมตั้งแต่ปลายเท้า จนถึงคางมน กันทั้งอากาศหนาวและสายตาสอดส่องของคนที่รออยู่หน้าประตู ก่อนก้มลงฝังจมูกลงบนแก้มเนียน แล้วจึงยอมเดินไปประตูที่ตอนนี้โดนทุบอย่างไม่เกรงใจ
“โอ๊ะโอ ฉันมาขัดเวลาอะไรหรือเปล่าเนี่ย” ซองมินที่เห็นสีหน้หงุดหงิดของเพื่อนรัก รวมไปถึงร่างบางบนเตียงกว้าง ก็เดาออกว่าคงมาขัดเวลาสำคัญเข้าแน่นอน และยังพยายามชะเง้อคอมองคนในห้องให้ชัดเจน แต่ก็โดนความสูงของเจ้าของห้องบดบังจนเกือบมิด
“รู้ตัวว่ามาขัดจังหวะก็ไปซะสิ มายืนเขย่งคอ แอบมองชาวบ้านอยู่นั่น กลับไปหาคยูฮยอนไป้” ซีวอนไล่ผ้าเยือนอย่างไม่เกรงใจ นึกรำคาญที่ไม่ยอมไปสักที มาเขย่งมองคนในห้องที่เขาแสนหวงอยู่นั่น ชิ!”
“ไล่แบบนี้เดี๋ยวฉันไม่ยอมสารภาพความจริงซะเลยนี้ เราอุตส่าห์อยากทำตัวเป็นคนดี ไม่สร้างความร้าวฉาน
“เดี๋ยว” ซีวอนรีบคว้าแขนอวบของซองมินทันที ที่ร่างเกือบบางทำท่าจะเดินหนี “แน่ใจนะว่าจะพูดความจริง” ซีวอนถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“อือ ความจริงล้วนๆ ไม่มีไรเจือปน” ซองมินสบตาเพื่อนรักตัวโตพร้อมรอยยิ้มแสนจริงใจ
หากแต่คำรับรองของซองมินก็ยังไม่ทำให้ซีวอนมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่รู้ว่าซองมินแอบมีแผนการอะไรอีกหรือเปล่า “ฉันไว้ใจนายได้จริงๆอ่ะ”
“เออ ระแวงนักเดี๋ยวไม่ช่วยซะเลยนิ”
“เฮ้ยอย่าพึ่งน้อยใจสิ ฉันไม่ใช่คยูฮยอนนะ จะได้ง้อนาย รอข้างนอกแปปหล่ะกัน ฉันเข้าไปคุยกับฮีชอลก่อน”
“ไปคุยหรือไปต่อจากเมื่อกี้กันแน่ ถ้าชักช้าฉันไม่รอนะ” ซองมินพูดขู่ก่อนที่ซีวอนจะปิดประตูลง และที่สำคัญซองมินได้ยินเสียงล็อคประตูจากด้านใน
ซีวอนจัดการล็อคประตูก่อนจะเดินเข้ามาหาร่างบางบนเตียงพร้อมรอยยิ้มแสนอ่อนโยน ตอบแทนดวงตากลมโตแสนน่ารัก ที่ตอนนี้มองจ้องพร้อมคำถามร้อยพันในแววตา “ฮีชอลเดี๋ยวซองมินจะมาเล่าความจริงทุกอ่างให้ฮีชอลฟังนะครับ ฮีชอลจะได้ไม่ต้องเจ็บจนอยากร้องไห้อีก ข้องใจอะไรก็ถามได้เลยนะครับ”
มีเพียงพยักหน้ารับเท่านั้นที่ฮีชอลทำ เพราะยังเขินอายยิ่งเมื่อกี้มองเห็นซองมินพยายามมองเข้ามา แล้วยังคำพูดที่เหมือนรู้ว่าภายในห้องเกิดอะไรขึ้น ร่างบางยิ่งไม่กล้าสบตากับชายหนุ่ม
“มาครับเดี๋ยวผมช่วยแต่งตัวให้ฮีชอลนะ” เหมือนเป็นคำขออนุญาตแต่ก็ซีวอนก็ไม่รอคำตอบ รั้งร่างบางให้ลุกขึ้นนั่ง ดึงเสื้อที่ยับย่นจากฝีมือตนเองออกเหลือเพียงความขาวของผิวเนียนและแต้มสีหวานทั่วลำคอจนถึงอกบาง ชายหนุ่มมองอย่างเพลิดเพลินจนฮีชอลต้องออกเสียงประท้วงอีกครั้ง ซีวอนจึงยอมเดินไปเอาเสื้อยืดของตนมาใส่ให้ และเสื้อของซีวอนมันก็ใหญ่เกินไปสำหรับฮีชอล คอเสื้อจึงลงลึกกว่าปรกติเปิดเผยร่อยรอยมากมายบนผิวขาว ผมยุ่งเหยิงก็ถูกซีวอนจัดการใช้มือใหญ่หวีให้จนเป็นทรง
“คอเสื้อทำไมมันลึกแบบนี้เนี้ย” ซีวอนที่มองความกว้างของคอเสื้ออย่างไม่ค่อยพอใจ เสื้อกว้างๆแบบนี้ ถ้าใส่ให้มองคนเดียวจะดีมาก แต่นี้มันไม่ใช่ ชายหนุ่มจึงได้แต่มองอย่างไม่พอใจเท่าไหร่ แต่ก็จำใจต้องปล่อนผ่านรีบไปเปิดประตูให้ซองมินเข้ามา
ทันทีที่ซองมินเห็นร่องรอยบนลำคอขาว ลิ้นเล้กๆก็แล่บออกจ้องมองอย่างไม่ปิดบังจนใบหน้าหวานกลายเป็นสีแดงอีกครั้ง ก่อนจะหันไปยิ้มให้ซีวอนอย่างเจ้าเล่ห์
“ผม ลี ซองมินเป็นเพื่อนกับเชว่ ซีวอนครับ คุณฮีชอลมั่นใจได้เลย เราสองคนไม่เคยคิดเกินเลยต่อกัน ผมมีแฟนแล้วชื่อ โจว คยูฮยอนซึ่งก็เป็นเพื่อนกับหมอนั่นเหมือนกัน” ซองมินชี้มือไปทางซีวอนที่นั่งเคียงข้างกับฮีชอล มือหนาโอบเอวบางไม่ยอมปล่อย
“ผมต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณเข้าใจผิด” ซองมินเอยขอโทษอย่างจริงใจ หากแต่บนใบหน้าน่ารักปรากฏรอยยิ้มที่ซีวอนชักไม่มั่นใจ “แต่ที่ผมโกหกว่าเป็นแฟนกับซีวอนก็เพราะ....”
“เพราะอะไรก็รีบพูดมาสิ” ซีวอนที่ทนไม่ได้กับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของซองมินรีบพูดขัดขึ้น เร่งให้ซองมินรีบพูดต่อ ไม่อยากให้อยู่ขัดจังหวะในห้องนี้นานๆ
“ชิ!ที่ฉันแกล้งก็เพราะ นายพาคยูของฉันเที่ยวกลางคืน” ซองมินพูดออกมาอย่างชัดเจน เน้นทุกคำให้ทุกคนเข้าใจ
“เฮ้ย! พูดอะไรเนี่ย” คนเคยพาเพื่อนเที่ยวออกอาการตกใจ รีบมองร่างในอ้อมแขนพยายามบอกด้วยว่าสายตาว่าไม่จริ้ง ไม่จริง
“อย่าปฏิเสธนะ แล้วเมื่อก่อนนะนายอ่ะเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าเลย อย่ามาเถียงนะ ฉันมีหลักฐานนะเว้ย หุบปากไปเลยด้วย” ซองมินชี้หน้าเพื่อนรักที่ตัวโตกว่าอย่างไม่เกรงกลัว ก็ในห้องนี้มีฮีชอล ซีวอนจะกล้าทำอะไรได้ไง “ซีวอนนะ ตอนที่ไปถึงใหม่ๆ ทำตัวเกเรเปลี่ยนผู้หญิงทุกคืน แล้วก็มาชวนคยูให้เสียไปด้วย เป็นคนไม่ดีอย่างมาก แต่ว่า....”
“แต่อะไร” ซีวอนเริ่มพูดเสียงดัง มือหนาที่โอบเอวบางเริ่มรัดแน่นขึ้น จนฮีชอลต้องประท้วงเบา ชายหนุ่มจึงรู้สึกตัว คลายอ้อมแขนออก แต่ยังคงไม่ยอมปล่อยมือจากเอวบาง
“ดุจังเว้ย มีลูกขอแบ่งไปเฝ้าบ้านนะ” เมื่อพูดเสร็จซองมินต้องรีบกระโดดหนีทันที เมื่อหมอนใบไม่เล็กปลิวมาเพราะแรงเหวี่ยงของคนดุ
“ซีวอนอย่าแกล้งซองมินสิ” เสียงใสๆของฮีชอลที่ไม่ได้พูดอะไรเลยนอกจากคอยฟัง เอ่ยเตือนคนที่นั่งโอบเอวตนเอง
“สมน้ำหน้า” ซองมินแล่บลิ้นใส่คนที่ถูกดุอีกครั้งก่อนกลับเข้าสู่โหมดจริงจัง “แต่ตอนนี้ฮีชอลมั่นใจได้เลย ว่าเพื่อนผม รักคุณจริงๆ ที่ผ่านมาก็แค่เล่นสนุกๆ ตามประสาคนหน้าตางั้น แต่บังเอิญพ่อรวย เท่านั้นเองครับ ไม่ได้จริงจังอะไร ผมไม่กวนเวลาพักผ่อนของคุณแล้วไปก่อนนะครับ ฉันให้ฮีชอลพักผ่อนนะเว้ย อย่าทำอะไรเกินเลย” พูดเสร็จก็รีบวิ่งออกจากห้อง จัดการล็อคประตูให้เพื่อนเรียบร้อย เหลือทิ้งเพียงสองคนที่นั่งมองตากัน
“ซีวอนรักฮีชอลจริงๆใช่ไหม” ร่างบางถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ คนที่เคยมีผู้หญิงมากมายมารุมล้อม คนที่เพียบพร้อมในทุกด้าน ดีแล้วหรือที่จะมาหยุดที่คนอย่างฮีชอล คนที่ไม่มีอะไรจะเทียบหรือเหมาะสมได้เลย
“ทั้งชีวิต ทั้งจิตใจ ผมให้ฮีชอลคนเดียวเท่านั้น ขอแค่ฮีชอลเชื่อใจผม ปัญหาทุกอย่างก็จะไม่มีค่า ไม่มีความหมายอะไรเลย แค่นี้พอหรือเปล่าครับ สำหรับความรักของเรา”
ไม่มีคำตอบจากร่างบาง มีเพียงแค่ร่างบางที่ซุกตัวในอ้อมกอด มีเพียงแค่แววตาที่ฝากชีวิตทั้งชีวิตไว้ให้ และมีเพียงความเงียบที่เป็นพยานรับรู้สัญญารักที่ต่างให้กันด้วยจังหวะของหัวใจ
สุดท้ายฮีชอลก็หลับใหลในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น อ้อมกอดที่ห่างหายไปนาน ซีวอนมองร่างบางอย่างรักใคร่และเอ็นดู และนับจากคืนนี้ คนทั้งคู่ไม่ต้องทนความหนาวยามค่ำคืนอีกแล้ว จะมีกันและกันมอบความอบอุ่นให้ในวันที่แสนเหนื่อย ในคืนที่แสนหนาว
ความผูกพันในวัยเยาว์ก่อตัวขึ้นเป็นสายสัมพันธ์ที่รัดแน่น โดยที่เด็กน้อยทั้งสองไม่รู้ตัว แต่วันนี้คนทั้งสองจะสานความรักให้ยึดเหนี่ยวของหัวใจของกนและกันไว้ ร่วมสร้างความรักบนพื้นฐานความเชื่อใจ จะโอบอุ้มกันและกันให้มีคำว่ารักตราบนานเท่านาน
ต่อจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว เด็กชายซีวอนขี้แกล้ง ผู้ไม่เคยยอมใคร หรือเด็กชายฮีชอลขี้แย แสนน่าแกล้ง มีก็เพียงซีวอนที่ไม่อาจรักใครได้นอกจากฮีชอล และฮีชอลที่รักซีวอนสุดหัวใจ ทั้งสองจะเป็นบ้านน้อยอบอุ่นที่พักใจของกันและกันตลอดไป
E~ N~ D
Talk
โฮกกกกก กว่าจะปั่นเอามาลงได้ แทบแย่คะ หากอ่านแล้วมึนๆ ป่วงๆ ไม่ต้องสงสัยเลย เพราะเริ่มง่วงแล้ว ใช้เวลาปั่นนานมาก เจอกันตอนหน้าที่ชื่อว่า love me love your cat นะคะ
ขอบคุณnเกือบc จากเจ้าเดิมโฮม (เพื่อนรักจากต่างดาว)555 ขอบคุณนะคะคุณเพื่อน
เหมือนจะคุยไม่รู้เรื่องแล้ว ไปดีกว่าคะ ขอให้อ่านอย่างมีความสุขนะคะ
ขอบคุณทุกคอมเม้มท์คะ
ปล.เจอกันวันที่1 ในหลอดนะคะ
ความคิดเห็น