คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เพราะ...รัก
เพราะ...รัก
ตะวันคล้อยลงต่ำส่องแสงสีแดงส้ม กลางสนามเด็กเล่นโล่ง เด็กชายคนโตนั่งอยู่บนชิงช้าเก่าๆ สีซีดสนิมจับ มองเด็กชายที่อายุน้อยกว่านั่งเล่นทรายอยู่ที่พื้น “เล่นอะไรสกปรก เลิกเล่นได้แล้ว กลับบ้านกัน”
“ไม่กลับ อยากกลับก็กลับไปก่อนดิ” เด็กเล็กที่ยังสนุกกับการเล่นซน ไล่อีกคนให้กลับบ้านไปก่อน
“กลับก่อนได้ไง แล้วจะให้ทิ้งเด็กอย่างนายไว้คนเดียวฉันก็ได้โดนดุตาย เรื่องอะไรจะยอม” เด็กชายตัวโต ลงจากชิงช้าตัวเก่า มาฉุด มาลากเด็กชายตัวเล็กให้ลุกไปด้วยกัน ทำหน้าที่พี่ที่ดี
“ไม่กลับ เค้าไม่ใช่เด็กแล้วนะ อีกไม่นานเค้าก็ไปอยู่คนเดียวแล้ว ไม่ต้องเป็นลูกแหง่แบบบางคนหรอก แบร่ๆๆ” เด็กตัวน้อยแลบลิ้นใส่เด็กตัวโตก่อนจะหันไปสนใจกองทรายเหมือนเดิม
“ว่าใครเป็นลูกแหง่ โธ่จะไปอยู่คนเดียว เลิกฉี่รดที่นอนให้ได้ก่อนเหอะ แล้วค่อยมาว่าคนอื่น แบร่ๆ” เพราะบ้านอยู่ใกล้กัน โตมาก็ไล่ๆกัน ถึงรู้ความลับเล็กๆน้อยๆของกันและกัน
“ว่าคนอื่น ตัวเองอ่ะเลิกใส่ผ้าอ้อมหรือยัง แล้วก็เคยเห็นนะว่ากลัวผีอ่ะ นอนคนเดียวก็ไม่ได้ ยี้ลูกแหง่” รอยแก้มบุ๋มปรากฏขึ้นบนร่องแก้มยุ้ยๆ พอใจที่ทับถมอีกคนได้
เด็กชายตัวโตเดินเข้าไปใกล้ คว้าทรายมาได้เต็มกำมือปาเข้าใส่หน้ากลมๆ คงมีบ้างที่ไปเข้าตาเด็กปากไม่ดีที่กล้าว่าพี่แบบเขา แต่คนปาก็รู้สึกดีที่ทำให้ปากเล็กๆเลิกพูดมาก
“แงงงงงงงงงงงงงงงง พี่ฮีชอลแกล้งเค้าอ่า จะฟ้องแม่แน่” แล้วตัวกลมๆก็วิ่งนำกลับบ้านหายลับไปปล่อยให้อีกคนยืนคว้างกับบรรยากาศโพล่เพล่รอบตัวที่เคยมีผู้ใหญ่บอกไว้ว่าเป็นเวลาผีตากผ้าอ้อม ชอบมาลักตัวเด็กไป
ยิ่งมองรอบข้างก็ยิ่งน่ากลัว มองซ้าย มองขวาไม่เห็นมีใคร “เฮ้ยยยยยยยยยยยยย ซีวอนรอพี่ด้วย” ช่วงขาของเด็กวัยกำลังโตก้าวยาววิ่งไล่ตามเด็กชายที่วิ่งร้องไห้นำไปก่อนแล้ว
และจะคงวิ่งเล่นไล่ตามกันอยู่แบบนั้น หากวันรุ่งขึ้นจะไม่ไร้เงาเด็กตัวน้อยที่วิ่งหนีไปไกลครึ่งโลก ปล่อยให้คนไล่ตามต้องรออยู่ที่เดิมนานกว่ายี่สิบปี
* ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
“เฮ้ยยยยยยยยย” เสียงร้องตื่นตกใจกับความฝันที่เป็นภาพเมื่อครั้งยังเยาว์วัย ใบหน้าของนายแบบหนุ่มที่ไม่ค่อยจะมีงานปรากฏรอยยิ้มขำให้กับตัวเอง “เมื่อคืนสงสัยจะอ่านคำสัมภาษณ์มากไปมั้งเนี้ยเรา ถึงได้ฝันถึงได้แบบนี้” ดวงตากลมจ้องหาเรื่องกับปกนิตยสารที่อยู่บนพื้นข้างที่นอน นิตยสารที่มีปกเป็นนางแบบสาวกับผ้าน้อยชิ้นและคำจั่วหัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับสาวนางนี้เลย ‘สัมภาษณ์พิเศษที่เดียวกับตากล้องชื่อดังสุดหล่อทายาทมหาเศรษฐี’
เสียงเมจเสจจากโทรศัพท์แหกปากลั่น ร้องบอกว่ามีข้อความเข้ามาใหม่ให้ต้องรีบดู เป็นข้อความสั้นที่ทำให้ต้องอาบน้ำแต่งตัวและออกจากบ้านให้ไวที่สุด ก่อนที่งานชิ้นนี้จะหลุดลอยไป งานนายแบบ เป็นงานที่เงินดี แต่....ถ้ามันมีงานอ่ะหน่ะ ไม่ใช่นานๆจะหันมาหาตัวเลือกสุดท้ายสักที /มาที่สตูด่วน มีงานแล้ว/
นายแบบหนุ่มเดินหน้ามุ่ยเข้าไปในสตูดิโอขนาดใหญ่ที่ผู้คนกำลังวุ่นวาย กำลังแต่งตัวให้นางแบบสาว ยังไม่เห็นวี่แววของตากล้องที่จะมาถ่ายวันนี้เลย หรือว่าจะยังไม่มาแล้วปล่อยให้คนอื่นรอ.....?
“อ่า ฮีชอลมานี้เลย มานั่งตรงนี้เร็วก่อนที่ตากล้องแกจะว๊ากเอาอีกรอบ” สาวประเภทสองกวักมือเรียกนายแบบหนุ่มที่เดินเข้ามาให้รีบมานั่งหน้ากระจก
“อ้าวมาแล้วหรอ ผมยังไม่เห็นสักคน” ฮีชอลถามช่างแต่งหน้าที่บรรจงแต่งแต้มสีสันลงบนใบหน้าแบบร้อนรนอยู่หน่อยๆ
“เป็นตากล้องใหม่จากนอกเห็นว่าได้รางวัลบ้าบออะไรมาด้วย มาถึงก็ว๊าก ว๊าก และก็ว๊าก เจ้จะบ้าตายแล้วฮีชอล” สาวประเภทสอง ยิ่งเล่า ยิ่งขึ้น ใส่อารมณ์กับหน้าบางๆ “นี้ถ้าไม่เห็นว่าหล่อนะ แม่จะด่าให้”
“ฮ่าๆๆๆ ดุขนาดนั้นเลย เอาหน่า เจ้ก็ทนๆไปเหอะ”
“เออ มันก็ต้องทนแหล่ะวะ นี้ถอดเสื้อเร็ว” สองมือเอื้อมคว้าชายเสื้อหมายจะเลิ่กขึ้นแบบไม่ปรึกษาคนใส่
“เฮ้ย จะถอดทำไม แล้วชุดที่จะให้ผมใส่อ่ะ” มือบางรีบคอเสื้อของตัวเองไว้แน่น กระโดดหนีออกห่างแถบไม่ทัน
“ เอ้า เอาไป” ฝ่ายคอสตูมเดินเอากางเกงยีนส์หนึ่งตัวมาส่งให้แบบไม่มีคำอธิบายใดๆ
“แล้วเสื้ออ่ะพี่” นายแบบหนุ่มมองกางเกงยีนส์หนึ่งตัวในมืออย่างงง ร้องเรียกหาเสื้อที่ไม่เห็นจะได้
“ไม่มี มีแค่กางเกงยีนส์ ไปเปลี่ยนเร็ว แล้วถอดเสื้อมาด้วย นี้แกไม่ต้องทำหน้าหวาดกลัวขนาดนั้น ฉันไม่ข่มขืนผู้ชายหน้าหวาน หุ่นบางให้เสียจรรยาบรรณนะจ๊ะแห่งเกาหลีหรอกย่ะ ข่มขืนนาย ข่มขืนตากล้องคนใหม่ดีกว่า หล่อกว่าตั้งเยอะ หุ่นก็น่าหม่ำ” สาวนะจ๊ะทำตาลอย มือตบซิลิโคนดังปุ๊
“หุ่นน่าหม่ำ ระวังโดนยันโครมนะพี่ แล้วนี้มันเป็นโฆษณากางเกงยีนส์หรือไง”
“นี้ยังไม่รู้คอนเซปต์ภาพใช่ไหม ภาพเซ็ตนี้อ่ะหน่ะ ตากล้องเขาอยากโชว์ความแข็งแรงของผู้ชาย ความอ่อนแอของผู้หญิงย่ะ รู้ไหม นางแบบเขาน้อยชิ้นกว่าแกอีก ทั้งตัวมีผ้าบางๆผืนเดียว เขายังไม่บ่นเลย”
“แล้วผมเนี้ยนะ ตรงไหนไม่ทราบที่บอกว่าผมแข็งแรงอ่ะ ให้ตายเหอะ หานายแบบไม่ได้อีกแล้วใช่ไหม งานนี้มันถึงได้ตกมาถึงผม” นายแบบหนุ่มบ่นด้วยความน้อยใจ ก่อนเดินหนีไปเปลี่ยนกางเกงที่ได้มา
“เอาหน่า ก็ถ่ายไปก่อน ถ้าสุดหล่อเขาไม่พอใจเดี๋ยวก็ว๊ากเอาเองแหล่ะหน่า แต่เรามัวชักช้ามีหวังได้โดนฆาตกรรมหมู่แน่ๆ”
นายแบบหนุ่มเดินออกมาพร้อมกางเกงตัวใหม่หากแต่ก็ยังมีเสื้อยืดติดกายมาด้วย ก่อนจะยอมจำนน ถอดเสื้อยืดตัวโคร่ง ออกแบบอายๆ ถึงจะเป็นนายแบบ แต่ก็ไม่ใช่นายแบบที่มีซิกแพ็คให้โชว์เหมือนคนอื่น แล้วเดี๋ยวต้องเจอกับนางแบบสาวๆสวยๆอีก
ฮีชอล...อยากตายยยยยยยยยยยยย
“คุณพร้อมถ่ายหรือยัง” เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลังเรียกให้ทั้งนายแบบทั้งช่างแต่งหน้าสาว(?) ต้องหันไปมองข้างอย่างเสียวสันหลัง...วาบบบบบบบบบ
“คุณซีวอน” เสียงเจื่อนๆของช่างแต่งหน้าดังกลบเกลือนความเงียบของหนึ่งนายแบบ และอีกหนึ่งตากล้องที่เอาแต่จ้องตากัน
นายแบบหนุ่มมองร่างสูงที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา หากไม่ได้เคยเห็นมาก่อนในนิตยสาร ก็คงจะจำไม่ได้ว่านี้คือเด็กผู้ชายตัวอ้วนกลมที่เขาเคยเล่นด้วย ลืมไปเลยว่าตอนนี้ตนเองเหลือเพียงกางเกงยีนส์เกาะสะโพกอยู่
ชายหนุ่มร่างสูงจ้องมองใบหน้าหวานดวงตากลมโต ก่อนมองลงมายังแผนอกบางขาวใส ด้วยรอยยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันไปทางทีมงามที่ตอนนี้ยังไม่มีใครกล้าสบตาสักคน “นี้หน่ะหรอ นายแบบที่พวกคุณหามาให้ผมถ่าย ผมบอกแล้วไม่ใช่หรือไง ว่าผมอยากได้นายแบบที่จะถ่ายทอดความแข็งแรงออกมาได้ หาได้แค่นี้ พวกคุณทำงานเป็นหรือเปล่า”
“เอ่ออออ....นายแบบคนอื่นๆวันนี้ติดเดินแบบกันหมดครับ ติดต่อใครไม่ได้เลยครับ” หนึ่งในทีมงานก้มหน้าตอบคำถาม ไม่กล้าสู้หน้าตากล้องหนุ่ม ตาดุที่จ้องจนแทบจะฆ่ากันได้
“ตามใจ ถ้าได้แค่นี้ก็ คุณฮีชอล เดี๋ยวคุณนอนลงบนเตียงตะแคงข้างแล้วจูบลงบนขมับนางแบบที่จะซบเข้าไปแนบกับอกคุณ ทำได้ใช่ไหม คุณฮีชอล” เสียงที่ลงหนัก ทำให้เจ้าของชื่อรู้ได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้ายังจำพี่ชายข้างบ้านสมัยเด็กได้
คิม ฮีชอล ชื่อของตัวเองที่หลุดออกมาจากปากของอดีตเด็กตัวน้อย ทำให้เจ้าของชื่อต้องเผลอยิ้มบางๆออกมา อย่างน้อยก็ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่ยังมีเด็กชายตัวเล็กสองพี่น้องอยู่ในความทรงจำ....เสียงที่เรียกออกมา ฟังดูก็รู้ว่าเป็นการสั่ง แต่มันเจือความอบอุ่นมาด้วยจนรู้สึกได้
ร่างบางของนายแบบหนุ่มนอนตะแคงบนผ้าสีแดงสดที่ทีมงานเตรียมไว้ ก่อนที่ร่างบางแต่อวบอิ่มของนางแบบสาวที่มีเพียงผ้าสีขาวผืนบางพันไว้อย่างปราณีตให้ผ้าทิ้งตัวเป็นชั้นๆอยู่บนเรือนร่างที่สวยงามจะเดินเข้ามาและซุกหน้าลงบนแผ่นอกบางที่ไร้กล้ามเนื้อของนายแบบหนุ่ม
ตากล้องมองภาพผ่านเลนส์ตัวโปรด ซูมเฉพาะตัวนแบบ เปิดพื้นที่ของฉากหลังเพียงนิด แต่แล้วใบหน้าคมก็เหมือนไม่พอใจกับสิ่งที่เห็นในเลนส์กล้อง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจ “นี้คุณฮีชอล คุณช่วยทำตัวให้ดูแข็งแรงกว่านี้หน่อยได้ไหม”
“ฉันทำไม่แข็งแรงตรงไหน” นายแบบหนุ่มจ้องกับตาคมแล้วนึกประหลาดใจ เมื่อก่อนดวงตาคู่นี้ไม่ได้ดุแบบนี้ไม่ใช่หรอ แค่ยี่สิบปี มันเปลี่ยนไปได้มากเหลือเกิน
“ก็ตรงที่คุณทำนั่นแหล่ะ ช่วยพยายามเรียกกล้ามเนื้อที่มีอยู่น้อยนิดออกมาให้เห็นบ้างได้ไหม อย่าทำตัวเหี่ยวแบบนั้น คุณเป็นนายแบบนะ” ชเว ซีวอน มองนายแบบอย่างโมโห
วันนี้ตั้งแต่เริ่มทำงานมาถึงเขาก็อารมณ์เสียกับทีมงามที่ไม่เตรียมอะไรสักอย่างให้พร้อม บอกขอนายแบบที่มีกล้ามเนื้อเพราะจะเป็นภาพที่เน้นกล้ามเนื้อนายแบบและรูปร่างบอบบางของนางแบบ แต่ดูสิ่งที่ได้มา....ผู้ชายหน้าหวาน ตัวบาง ใส่ยีนส์ตัวเดียวก็เหมือนยั่วตัณหาผู้ชายมากกว่าจะให้ผู้หญิงมอง
“นี้อยากได้แบบกล้ามเป็นมัดๆ ทำไมไม่มาเป็นนายแบบเองเลยเล่าคุณช่างกล้อง” ร่างบางของนายแบบหนุ่มเถียงกับตากล้องไม่สนใจนางแบบที่มีเพียงผ้าผืนบางคลุมกาย หรือทีมงานที่ยืนมองอย่างตกตะลึง
ร่างกายสูงใหญ่ รูปร่างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ที่มีแม้แต่ผู้ชายด้วยกันยังต้องมอง เป็นอีกสิ่งที่ทำให้ฮีชอลอดสงสัย และอิจฉาอดีตน้องชายตัวเล็กๆไม่ได้
แค่....ยี่สิบปี อะไรก็เปลี่ยนแปลงไปหมด
“อย่าเลย ผมกลัวบางคนที่ไม่ค่อยมีงานจะยิ่งไม่มีงาน แล้วจะลำบาก ต้องให้คนอื่นเลี้ยงดู” ตากล้องหนุ่มที่โดนยั่วโมโหจนทุกคนอดหวาดเกรงไม่ได้ กลับอารมณ์ มีแรงหยอกล้อกลับไป แบบไม่คิดอะไร และอดขำไม่ได้ ที่ทำให้บางคนหน้าเชิดขึ้นเหมือนที่เคยเป็นยามเด็ก
ร่างบางที่โดนสวนกลับจนหาทางไปต่อไม่ถูก ได้แต่มองอย่างอย่างจิกกัด ด้วยดวงตากลมโตที่จ้องเขม่งไปยังคนพูด “ไปเรียนถึงเมืองนอก ไม่มีปัญญาถ่ายรูปแค่นี้ เสียดายตัง แทนที่จะได้กลับมาพัฒนาวงการถ่ายภาพ น่าเสียดายที่สุด”
“หุบปากแล้วตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองสะ” ชายหนุ่มมองหน้านายแบบพูดมากแล้วขี้เกียจเถียงต่อ หันไปมองภาพผ่านเลนส์อีกครั้ง
นายแบบหนุ่มโอบประคองร่างบางของนางแบบสาวที่เพียงผืนผ้าบางๆคลุมตัว ให้แนบชิดกับแผนอกของตนเอง กดศีรษะเล็ก ก่นจะก้มลงจูบขมับหญิงสาวตามที่ตากล้องสั่ง โดยไม่มีใครรู้เลยว่า ใบหน้าที่ก้มลงไปนั่นอมยิ้มด้วยความดีใจ แววตาที่แอบซ่อนอยู่แวววาวและมีความสุข
เสียงรัวซัตเตอร์ก่อนจะสั่งเปลี่ยนท่าทางไปตามแต่ที่ช่างกล้องต้องการ ทั้งนายแบบและนางแบบทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ทำให้ตากล้องต้องเสียอารมณ์ไปมากกว่านี้
นางแบบสนใจตากล้องมากว่านายแบบที่นัวเนียอยู่ด้วยกัน ส่วนนายแบบเองก็ไม่สนใจนางแบบสักเท่าไหร่ ทำหน้าเหมือนไม่พอใจตากล้องขี้เก๊ก แต่ใครจะรู้เมื่อตากล้องขี้เก๊กมองผ่านเลนส์จะเห็นรอยยิ้มพริ้มจากนายแบบที่จ้องมองมา
“เอาหล่ะครับ เสร็จรูปคู่ เดี๋ยวผมขอรูปเดี่ยวนางแบบก่อนนะครับ” ตากล้องหันไปบอกคนทั้งคู่ที่นั่งห่างกันเป็นเมตรอยู่บนเตียงกว้าง คนเป็นตากลองมองขำๆกับคนร่วมงามทั้งสองที่พอสั่งหยุดก็กระเด้งออกจากกันทันที
คิมฮีชอล รีบเดินออกจากฉากที่เซตเอาไว้ คว้าเสื้อยืดมาสวมปกปิดแผงอกที่ไร้กล้ามเนื้อ แต่มีไขมันบ้างพอไม่ให้แห้งเหี่ยวเกินไป
นายแบบหนุ่มจ้องมองการทำงานของตากล้องที่ยิ่งมองก็ยิ่งมีเสน่ห์ ไม่เหลือภาพเด็กอ้วนกลมคนเก่า ที่คอยวิ่งไล่ตามเขา จนเหมือนเป็นคนละคนกันกับคนนี้ ที่แสนเอาจริง เอาจัง และเคร่งขรึม
บางที ยี่สิบปี อาจไม่ใช่แค่อะไรหลายอย่างที่เปลี่ยนไป แต่อาจเป็นแค่....ความรู้สึก ที่เปลี่ยนไป
“คุณฮีชอล มาถ่ายได้แล้ว” ตากล้องหนุ่มเรียกนายแบบที่กำลังเหม่อลอยแต่หันหน้ามาทางตนแบบไม่ให้ตั้งตัว แต่ก็เหมือนว่าไม่ทำให้คนเหม่อลอยสติกลับมาได้ ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปหาใกล้ๆ ใกล้จนรับรู้ลมหายที่ปล่อยออกมา
ทีมงานทุกคนจับจ้องอยู่ที่นายแบบและตากล้อง ใบหน้าเกือบแนบชิด จนใครสักคนอยากจะขโมยกล้องของช่างภาพมาจับภาพสองคนที่ดูแล้วน่าเอาไปลงเป็นภาพปกเสียจริงๆ
ใบหน้าคมจ่อใกล้กับใบหน้าหวานของคนที่เหม่อลอยไปไกล เรียกยังไงก็คงไม่กลับมา วิธีสุดท้ายที่นึกออกสำหรับเรียกสติคนแบบ คิมฮีชอล พี่ชายคนเดิมของเขาได้
โป๊กกกกกกกกก!!!!!!
“เฮ้ย! ไอ้อ้วน” คนได้สติแบบทันที ยันใบหน้าคมออกห่าง เผลอเรียกชื่อแบบที่เคยเรียกสมัยเมื่อครั้งเป็นเด็กๆ โดยไม่ได้ดูสภาพในปัจจุบันสักนิด ว่าไขมันที่ทำให้อ้วนกลม ได้กลายสภาพเป็นซิกแพคสวยๆ กล้ามแขนอุ่นๆไปหมดแล้ว
เหล่าทีมงานต่างมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตกใจและขวัญผวา เตรียมกันนายแบบออกมาจากการโดนฆาตกรรมโหด แต่กลับต้องตาค้างเมื่อได้เห็นรอยยิ้มแรกที่กลายเป็นเสียงหัวเราะของตากล้องหนุ่มสุดโหด
“ว่าใครอ้วน คุณน่าจะดูตัวเองก่อนนะ ไปทำงานได้แล้ว ถึงคราวคุณถ่ายเดี่ยวแล้ว คุณฮีชอล” เสียงหัวเราะลั่นสตูก่อนจะกลับไปที่กล้องตัวเก่ง นั่งหามุมที่อยากจะถ่าย อยากจะถ่ายทอดร่างบอบบางของนายแบบให้ออกมาดูแข็งแกร่งชวนให้เหล่าสาวๆมองตามมากกว่าที่จะเป็นหนุ่มๆมอง
ชายหนุ่มมองแล้วว่าหุ่นบางแบบนี้ ถ้ามาโพสท่าแบบโชว์กล้ามเนื้อหน้าท้องที่หาไม่เจอ คงจะทำให้ได้รูปที่ไม่ตรงกับคอนเซปต์ที่เขาต้องการ “คุณฮีชอล คุณนอนคว่ำบนเตียง หนุนแขนตัวเองให้ผมดูหน่อย”
นายแบบหนุ่มเดินไปทำตามที่ช่างภาพคนเก่งบอก มองจ้องเข้าไปในกล้องเหมือนอยากจะสบสายตากับคนที่อยู่หลังกล้องตัวใหญ่ “อือ ดี คุณนางแบบ คุณช่วยมานั่งเป็นแบ็คหลังให้หน่อยได้ นั่งอยู่ปลายเตียง คุณนายแบบ คุณทำหน้าเหมือนว่ากำลังมีความสุข ยิ้มเล็กๆที่ดวงตาของคุณนะ อย่างนั้นแหล่ะ เอาหล่ะนะ” เสียงกดชัตเตอร์ ดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อได้มุม ได้ค่าแสงในแบบที่ต้องการ
“ขอบคุณนางแบบมากนะครับ คุณกลับไปก่อนก็ได้ เพราะว่าส่วนของคุณเสร็จแล้ว เหลือแต่เก็บงานเดี่ยวของนายแบบแล้ว ขอบคุณมากนะครับ” ตากล้องหนุ่มโค้งให้กับนางแบบสาวที่ให้ความร่วมมือกับงานแม้ว่าบางภาพจะออกล่อแหลมไปบ้าง
“ไม่เป็นไรคะ ได้ร่วมงานกับตากล้องแบบคุณก็เป็นความโชคดีของฉันเหมือนกัน ขอบคุณนะคะ” ประโยคสวยหรูของนางแบบสาว ก่อนจะหายลับเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
“เอาหล่ะ คุณฮีชอล รูปเมื่อกี้ผมแค่เจาะที่หน้าคุณ คราวนี้ผมจะถ่ายเต็มความยาวของตัวคุณแล้วนะ ถ้ายังไงคุณนอนคว่ำอีกที แล้วนอนเฉียงๆ มันจะทำให้ช่วงตัวคุณดูยาวมากขึ้น”
เพราะคำพูดของตากล้องหนุ่ม ทำให้นายแบบหนุ่มต้องหันมาค้อน เจอกันครั้งแรกในรอบยี่สิบปี คนที่เคยสูงกลับเตี้ยลงไป เป็นใครก็อดแค้นใจไม่ได้
“เฮ้ย! ไม่ต้องมองกล้อง ปรือตาลงต่ำ เหมือนว่ากำลังถูกทอดทิ้ง อย่างนั้นแหล่ะครับ เหมือนว่ากำลังรอคอยคนที่คุณรัก”
ตากล้องหนุ่มไม่รู้เลยว่า คำพูดของตนเองกำลังทำให้นายแบบหนุ่มต้องกลั้นน้ำตา ความรู้สึกของคนถูกทอดทิ้ง ของคนที่กำลังรอคอยอะไรบางอย่าง รอคอยมานาน ยี่สิบกว่าปี.....
“โอเค อีกสองรูป ผมจะถ่ายในอ่างน้ำสองรูป รูปหนึ่งเป็นคุณนอนในอ่าง อีกรูปเป็นคุณกำลังยืนอาบน้ำจากฝักบัว ” ตากล้องหนุ่ม พับขากล้อง สั่งย้ายอุปกรณ์ไม่ได้หันไปมองหน้างงๆของนายแบบที่ตกตะลึงกับสถานที่ถ่ายต่อไป “อ้าวคุณ เป็นไรทำไมทำหน้าแบบนั้น”
“คือ นาย เฮ้ย คุณผมเปียกไม่ได้ ผมไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยน” นายแบบท้วงด้วยเหตุผลที่น่าจะฟังขึ้น อยู่ดีๆมาถึงก็ให้ถอด พอถอดเสร็จจะให้เปียกไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้าแบบนี้ใครจะไปยอม
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ผมพอมีบ๊อกเซอร์ติดรถอยู่ เดี๋ยวเอามาให้คุณใส่กลับบ้านก็ได้” ตากล้องหนุ่มพูดเหมือนมันเป็นเรื่องง่าย ไม่ได้มองหน้าแหยๆของคนฟังเลยสักนิด ก่อนจะลากมือบอบบางไปในห้องน้ำที่ถูกเซตทั้งฉาก และแสงเอาไว้อย่างดี
“คุณนอนลงไปในอ่างน้ำเลย” ตากล้องหนุ่มชี้ลงไปในอ่างน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำและกลีบกุหลาบลอยล่องไปมา ชวนให้รู้สึกน่าลงไปอาบเล่น
“จะให้ฉันจมน้ำเนี้ยนะ” นายแบบหนุ่มหันมาโวยทันที น้ำที่เกือบล้นขอบอ่าง ถ้าลงไปยังไงมันก็คงล้นออกมาอยู่นี้ แล้วยังจะให้ลงไปดำน้ำในอ่างอีก ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่เป็นไร แต่สำหรับคนที่เคยจมน้ำ เรื่องแบบนี้มันน่ากลัวไม่น้อยเลย
“ก็ใช่หน่ะสิ เอาหน่าเชื่อใจผม แล้วคุณจะออกมาดูดีที่สุด ผมจะถ่ายไม่นาน จนแม้แต่คุณเองก็ยังไม่รู้สึกทรมาน ตกลงไหม ผมสัญญาว่ามันจะไม่เหมือนเมื่อตอนนั้น ผมจะพาคุณขึ้นจากน้ำเอง” ตากล้องหนุ่มมองเข้าไปในดวงตาคนฟัง ให้คำสัญญาที่หนักแน่น
“ก็ได้ ฉันเชื่อใจนายนะซีวอน” เพราะอะไรบางอย่าง ทำให้นายแบหนุ่มยอมเชื่อใจ อาจเป็นเพราะดวงตาที่มุ่งมั่น หรือ น้ำเสียงที่หนักแน่น หรือหัวใจที่วางไว้กำมือของเด็กผู้ชายคนหนึ่งโดยไม่ทันรู้ตัว.........
ร่างบางค่อยๆหย่อนตัวเองลงในอ่างน้ำช้าๆ น้ำหนักของกางเกงยีนส์ที่เปียกน้ำทำให้ร่างบางจมลงอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตปิดแน่น แค่เพียงชั่ววินาทีที่ไม่รับรู้อะไรนอกจากสายน้ำเย็นเชียบ ต่อจากนั้นจึงรู้สึกได้ถึงมือหนาๆคู่หนึ่งที่ค่อยช้อนเขาขึ้นโผล่พ้นน้ำ.....ตากล้องหนุ่มทำตามที่สัญญา เป็นคนพาเขาขึ้นมาจากน้ำทั้งที่ยังไม่ทันได้หวาดกลัว
ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นทันที สบเข้ากับตาคมที่แฝงรอยยิ้มละมัยไว้ในดวงตา ใบหน้าหวานของนายแบบหนุ่มขึ้นสีแดงเรื่อ “ขอบคุณนะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมบอกแล้วว่ามันจะไม่เหมือนเมื่อก่อน จะไม่ทันให้คุณได้กลัว และผมจะเป็นพาคุณขึ้นมาเอง”
สองคนที่พูดคุยเพียงแผ่วเบา รอยยิ้ม บรรยากาศรอบตัวที่ดูอบอุ่น และท่าทางที่นายแบบหนุ่มถูกโอบประคองขึ้นจากผิวน้ำ ทำให้ทีมงานเกือบสิบชีวิต จับจ้องด้วยความสงสับ อยากจะถามแต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวอิทธิฤทธิ์ของตากล้องสุดโหด
“เอาหล่ะครับ รูปสุดท้ายแล้วนะ คุณไปนั่งใต้ฝักบัว เปิดน้ำให้น้ำไหลลงมา” ชายหนุ่มเดินเข้าไปหานายแบบหนุ่มที่นั่งอยู่ภายใต้สายน้ำ จัดท่าทางตามที่ต้องการ เสื้อสียืดสีขาวของตากล้องหนุ่มโดนน้ำจนเปียกชื้นไปด้วย ทำให้นึกถึงความหลังเก่า
“เราไม่ได้อาบน้ำด้วยกันนานแล้วนะครับ พี่ฮีชอล” เสียงทุ้มดังข้างแก้มเนียมใส คนฟังได้แต่อมยิ้มกับตัวเองกับสรรพนามที่ได้ยิน อยากจะเถียงออกไปว่าก็เพราะใครทำให้เราไม่ได้อาบน้ำด้วยกันนานมากแล้ว อยากจะถามเสียเหลือเกิน ว่าเพราะใคร ถ้าไม่ใช่....เด็กอ้วนบ้าขี้งอนที่หนีไปไกลถึงครึ่งโลก
ตากล้องกลับมาจะที่เดิมของตัวเอง ไม่ได้สนใจว่าเสื้อที่เปียกน้ำมันทำให้ตนเองกลายเป็นอาหารตาของทั้งสาวแท้ สาวเทียม จนแทบไม่มีใครสนใจนายแบบหุ่นแห้งที่นั่งอยู่กลางสายน้ำ “รูปสุดท้าย คุณอยากให้อารมณ์รูปเป็นแบบไหน คุณก็ถ่ายทอดออกมาได้เลย ถ่ายทอดมันผ่านดวงตาของคุณ พร้อมนะครับ 1 2 3 เสร็จ แล้วครับ”
การทำงานเสร็จสิ้นทุกคนโห่ร้องดีใจ พร้อมกับความรู้สึกที่แน่ชัดของนายแบบหนุ่มที่กำลังยิ้มกริ่มให้กับตัวเอง งานวันนี้เสร็จแล้ว แต่บางอย่างมันกำลังจะเริ่มต้นในไม่ช้านี้”
* ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
แม้การถ่ายภาพจะเสร็จสิ้น แม้งานทุกคนจะหมดแล้ว แต่งานของช่างกล้องยังไม่จบ ชเว ซีวอนนั่งรอเวลาอยู่ในห้องมืด แสงสีแดงที่รำไรอยู่ในห้อง ส่องให้เห็นภาพหลากหลายใบที่ตากอยู่บนเส้นด้าย ที่ระโยงอยู่ให้ห้อง
ถึงใครๆจะหันไปใช้กล้องดิจิตอลกันหมดแล้ว แต่สำหรับกล้องฟิลม์ก็ยังให้เสน่ห์ และอารมณ์ที่แตกต่าง ไม่สามารถรีทัสภาพให้เกินจริงหรือ แก้ไขสิ่งที่เป็นได้ หรือจะทำก็ทำได้เพียงเล็กน้อย ก่อนจะนำรูปขึ้นไปตาก จะให้โยกย้ายฟ้าดินนั่นไม่มีทาง
ชายหนุ่มนั่งรอเวลาจนล้างภาพทุกใบเสร็จก่อนจะหยิบภาพเหล่านั้นมานั่งดูที่ริมหน้าต่าง เลือกเพียงแค่ไม่กี่รูปเพื่อส่งให้สำนักพิมพ์ รูปถ่ายแต่ละใบ และอารมณ์ที่แตกต่าง
ชายหนุ่มนั่งพิงขอบหน้าต่าง มีหญิงสาวยืนอยู่กลางหว่างขา คนทั้งสองที่แนบชิด เหมาะสมสำหรับรูปคู่ อีกรูปเป็นรูปที่ถ่ายเป็นใบแรก สองคนบนที่นอน ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดผ่านสัมผัสแผ่วเบาบนขมับของหญิงสาว และรูปคู่อีกหนึ่งใบที่เหมาะสม คงไม่พ้นรูปใบหน้าที่แนบชิดด้วยจมูกโด่งของคนทั้งคู่ รอยยิ้มสดใส ที่เหมือนว่าความรักกำลังเบ่งบานรูปนี้จะได้ขึ้นเป็นรูปปก
ภาพของนางแบบสาวเป็นอีกเซ็ตที่ต้องเลือก บางรูปอาจดูล่อแหลมเกินไป ยิ่งอยู่ในผ้าผืนบางๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้ นางแบบสาวที่จ้องตามองเข้ามาในกล้องทำให้ชายหนุ่มนึกเลยไปถึงอีกคนที่ชอบจิกกัดคนด้วยสายตา
ชายหนุ่มนั่งมองรูปนางแบบอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะหันไปคว้ารูปอีกกองที่แยกไว้ เดินออกไปพร้อมแก้วกาแฟใบใหญ่ ดวงตาของคนในภาพที่จ้องมองมา ทำให้ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มกับตัวเอง ก่อนจะหุบยิ้มเมื่อมองเห็นรายละเอียดของรูปแต่ละใบ
มือหนาๆคัดรูปแยกออกมาทีละใบ รูปที่นายแบบนอนจมน้ำ ดวงตากลมปิดสนิทหากแต่แผ่นอกขาวบางที่ลอยเด่นตัดกับกลีบกุหลาบแดงสด เป็นรูปแรกที่ตากล้องหนุ่มแยกออกมา ก่อนจะรีบค้นหารูปที่ถ่ายกลางสายน้ำ อีกหนึ่งใบ ดวงตาในรูปที่บอกให้นายแบบถ่ายทอดออกมาตามใจ มันช่างมีพลังบางอย่างที่ชวนให้ลุ่มหลง กางเกงยีนส์ที่แนบไปกับช่วงขายาว ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบเก็บเอาไว้ และอีกหลายๆรูป
ชายหนุ่มมองกองรูปเพียงแค่สิบใบที่จะส่งให้สำนักพิมพ์พร้อมฟิลม์ เอาไปพิมพ์ลงนิตยสาร ส่วนรูปที่เหลือ ฟิลม์ที่เหลือ บางอันก็เอาไปเผาทิ้ง ป้องกันการไปอยู่ในมือของคนที่ไม่หวังดี โดยเฉพาะรูปของนางแบบสาว แต่ฟิลม์บางรูปก็เก็บเอาไว้อย่างดี
* ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
เสียงกดออดปลุกคนขี้เกียจให้ตื่นขึ้นมารับอรุณอย่างไม่เต็มใจ ดวงตากลมโตค่อยๆลืมขึ้นทีละนิด ปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่างที่ทอประกาย เสียงกดออดก็ยังคงดังต่อเนื่องเร่งเร้าให้ลุกขึ้นไปเปิดประตู
ร่างเล็กบางของนายแบบหนุ่มค่อยๆย่องลงมาจากบันไดบ้านหลังเล็กๆของตัวเอง ที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ก่อนที่คนทั้งสองจะบายบายๆลูกชายคนเดียวไปอยู่กันเป็นคนแก่ทิ้งลูกที่บ้านริมทะเลในต่างจังหวัด
“โอย หยุดกดออดได้แล้ว มาเปิดประตูแล้ว” ประตูรั้วไม้สีขาวเปิดออก แต่กลับไม่มีใครยืนอยู่สักคน แม้แต่หมาสักตัวยังไม่มี และฮีชอลอาจคิดว่าเป็นผียามเช้าเสียแล้ว หากไม่มีนมในขวดแก้วตั้งไว้กับพื้นหนึ่งขวดและรูปโปสการ์ดสามใบสอดอยู่ในกล่องรับจดหมาย
ใบหน้าหวานยิ้มให้กับตัวเอง ชะโงกหัวออกไปมองหน้าประตูทั้งซ้ายขวา ตลอดถนนผ่านหน้าบ้านไร้วี่แววใครสักคน แม้แต่รถสักคันก็ไม่มี
แต่นมหนึ่งขวด กับรูปที่พึ่งถ่ายไปเมื่อสองวันก่อนคงไม่ใช่ฝีมือผีที่ไร้ตัวตน แต่เป็นคน คนที่มีตัวตนอยู่ในความทรงจำ
คิม ฮีชอล นายแบบหนุ่มที่แทบจะไม่มีงานนั่งดูดนมในขวดจากหลอดสีขาวใส ดูรูปที่ได้รับ ทั้งรูปคู่ที่จูบขมับนางแบบสาว ไม่เห็นว่าสีหน้าของทั้งสองเป็นเช่นไร แต่บรรยากาศของภาพก็ดูอบอวลด้วยความอบอุ่น รูปต่อมาที่แทบทำให้สำลักนมสด
ชายหนุ่มแสนบอบบางดวงตาหลับพริ้มในน้ำใส กลีบกุหลาบลอยล่อง เหมือนกำลังเชิญชวนคนมองให้เข้ามาหา มาร่วมแช่น้ำกลีบกุหลาบนี้ด้วยกัน
รูปสุดท้ายที่ได้รับมา เขานั่งอยู่ใต้สายน้ำ ชันขาขึ้น และแนบหน้าลงไปกับเข่า ดวงตากลมมองมา ในดวงตากลม ส่องประกายแวววาว ต้องการสื่อความหมายกับคนที่มอง มองผ่านกล้องวันนั้น ข้อความเขียนด้วยลายมือด้านหลังภาพ เหมือนคำพูดของคนแก่ที่เตือนลูกหลาน
....อย่ามองใครแบบนี้อีก มันไม่ดี....
“ทำไมฉันจะมองไม่ได้ ฉันเป็นผู้ชาย ไม่เริ่มจีบก่อนได้ไง นายเตรียมเจอฉันให้ดีหล่ะกัน ไม่ปล่อยให้หนีไปไหนอีกแล้ว จะไม่รออีกแล้ว” ในแบบหนุ่มพูดกับเจ้าของลายมือด้านหลังรูป พูดกับเด็กชายตัวกลมในรูปใบเก่าสีซีด
* ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
ชายหนุ่มรูปร่างบอบบางยืนอยู่หน้าสิ่งก่อสร้างทรงสี่เหลี่ยมทึบๆ บนสนามหญ้าสีเขียวขจี ที่มีเพียงแผ่นไม้หนาๆ ห้อยจากต้นไม้เหนือสระน้ำขนาดใหญ่
ร่างบางก้มมองกระดาษในมือที่จดที่อยู่ของตากล้องหนุ่มอีกครั้งอย่างไม่เชื่อสายตา มองให้แน่ใจว่ามันเป็นบ้านคนไม่ใช่โกดังร้าง
ถึงจะโตแล้ว แต่ยี่สิบปี มันก็ไม่ทำให้หายกลัวผีหรอกนะ....แต่อีกคนคงเลิกนอนฉี่รดที่นอนได้แล้ว
ดวงตากลมโมองหาออด แต่กลับมีเพียงแค่ระฆังใบใหญ่ให้สั่นบอกคนข้างในเท่านั้น มือบางเอื้อมไปสั่นระฆังใบไม่เล็ก หวังให้คนที่อาศัยในกล่องสี่เหลี่ยมทึบเดินออกมาเปิดประตู
แล้วฮีชอลก็แน่ใจว่ามาไม่ผิดบ้านเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงเดินออกมาจากกล่องสีเหลี่ยมทึบๆ ร่างบายืนยิ้มอยู่หน้าประตู ขัดกับคนที่เดิมออกมาเปิดประตูให้ ใบหน้าคมมองมาเหมือนไม่พอใจเท่าไหร่นัก “มาทำไมครับ คุณฮีชอล”
“ฉันมาขอบคุณคนใจดีที่อุตส่าห์เอานมหนึ่งขวดไปให้แต่เช้า” คิม ฮีชอลถือคติยิ้มเข้าไว้ เอาชนะทุกอย่าง ใบหน้าหวานจึงยังคงยิ้มส่งให้กับพ่อคนใจดีที่ยืนทำหน้าบึ้งอยู่
“ก็ไปขอบคุณเขาสิ มาเกี่ยวอะไรกับผม หรือว่าเช้าจัด จนสมองเบลอๆ งี้แหล่ะพวกนายแบบเที่ยวหนัก ตื่นสาย” ชเว ซีวอนปฏิเสธด้วยสีหน้าเช่นเดิม รอยยิ้มสดใสของคนตรงหน้ามันทำให้สายนี้ของเขาแปลกไปกว่าทุกวันที่เป็นมา
“อ้าวหรอ ! ไม่ใช่คุณตากล้องหรอกหรอ ที่อุตส่าห์ใจดีเอานมไปให้ แหม งั้นรูปที่ได้ก็คงหลุดออกมา แย่แล้วนะเนี่ย ถ้าเป็นรูปนางแบบด้วยก็คงยิ่งแย่ใหญ่ เก็บรูปไว้ไม่ดีใช่ไหม ไหน ขอเข้าไปดูหน่อยว่าเก็บรูปไว้ยังไง” ร่างบางอาศัยลูกเผลอ เบี่ยงตัวหลบเจ้าของบ้านจนเข้าไปข้างในบ้านได้สำเร็จ
“เฮ้ย! คุณออกมาเลยนะ ใครเขาอนุญาตให้คุณเข้าไป” ชายหนุ่มรีบคว้าแขนบางๆเอาไว้ไม่ยอมให้เดินลึกเข้าไปจนถึงตัวบ้าน
“นี้ๆๆ เรียกฉันว่าพี่ฮีชอลเหมือนเมื่อก่อนด้วย ถ้านายไม่เรียก ฉันจะโทรไปหาคุณป้า ถึงแม้ว่านายจะไม่ยอมติดต่อกับฉันเลย แต่ก็ไม่ลืมว่าผู้ใหญ่ทั้งสองยังคงติดต่อกันอยู่เสมอ” ในช่วงเสี้ยววิหากตากล้องหนุ่มจะสังเกตเห็น แววความเศร้าที่ฉายออกมา เมื่อเอ่ยถึงการเป็นคนถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
“เออ ผมเรียกคุณว่าพี่ แล้วคุณต้องออกจากบ้านผม ตกลงไหม” ชายหนุ่มยื่นข้อเสนอ ให้คนที่กำลังบุกรุกบ้านของตัวเอง
“เรียกก่อนสิ แล้วพูดดีๆด้วย” เสียงหวานๆ ลอยหน้าลอยตาพูด คล้ายว่าจะแหย่เจ้าบ้านเล่นๆ
“พี่ฮีชอลครับ ออกจากบ้านผมเถอะนะครับ” ชายหนุ่มตั้งใจพูดเพราะๆกับคนตรงหน้า ผายมือเชิญออกอย่างสุภาพและเป็นทางการ
“อือ แต่ฉันไม่ได้เข้าบ้านนายเพราะว่าจะให้นายเรียกพี่นะ แต่เข้าไปเพราะอยากรู้ว่าเก็บรูปไว้ยังไง รูปมันถึงได้หลุดออกไปได้ ขอโทษนะน้องชาย” ร่างบางเดินผ่านหน้าน้องชายไป แวะไปชมที่บ่อน้ำใต้ชิงช้า
“เฮ้ย แต่คุณสัญญาแล้วว่าถ้าผมเรียกพี่ คุณจะออกจากบ้านผม” ชายหนุ่มรีบเดินมาดักก่อนที่ร่างบางจะถือวิสาสะล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของเขา
“ฉันไม่ได้บอกว่าเรียกพี่แล้วจะกลับสักหน่อย คุณชเว ซีวอน แล้วที่ฉันมาก็บอกแล้ว ว่าจะมาดูว่าเก็บรูปยังไง รูปมันถึงได้หลุดไปถึงฉันได้” นายแบบหนุ่ม ยิ้มกริ่ม ในเมื่อบอกว่าไม่ได้เป็นคนเอามาใส่ไว้ แล้วแมวที่ไหนจะคาบมาให้
“แต่ผมกำลังจะไปข้างนอก” ความรำคาญปรากฏขึ้นบนใบหน้าเข้ม ความเบื่อหน่ายอยู่ในกระแสเสียงที่พูดออกมา อย่างไม่พยายามปิดบัง
“งั้นฉันไปด้วย นายจะไปไหนหรอ” ใบหน้าหวานยื่นเข้ามาใกล้ รอยยิ้มสว่างสดใส ไม่สนในความเบื่อหน่ายหรือรำคาญของชายหนุ่มผู้เงียบขรึมเลย
“ผมจะไปทำงาน แล้วคุณไม่มีงานหรือไง อ้อ! ผมลืมไป คุณเป็นพวกไม่ค่อยมีงาน” จากหน้าเบื่อหน่าย กลายเป็นกวนอารมณ์ และลอยหน้าลอยตากลับ
“ไอ้อ้วนซีวอน” มือบางกำเข้าหากันแน่น หลับตาสะกดอารมณ์ก่อนจะเผลอตัวทำร้ายคนที่เดินจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะลั่น
“เฮ้ ถ้าคุณอยากจะรอ ก็รอไปนะ ผมจะไปทำงาน” ชายหนุ่มตะโกนจากโรงรถ กลับไปหาคนที่ยังสติแตกอยู่ที่เดิม ในขณะที่เขาก็ล็อคประตูบ้านเรียบร้อย ใครที่หวังจะรอ คงต้องตากแดดรอ...ทั้งวัน
“ใครจะไปรอเล่า ถึงฉันไม่มีงาน แต่ฉันไม่โง่นะเว้ย” ร่างบางรีบวิ่งกระโดดขึ้นซ้อนท้านมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ ที่กำลังคำรามจามการบิดเร่งของชายหนุ่ม จนคนขี่ต้องหันมามองอย่างตกใจ
เห็นยืนอยู่ไกลๆ แค่หันไปวอร์มเครื่อง กระโดดขึ้นมาแล้ว....ไวเป็นลิงเกินไปแล้ว!!
“เฮ้ย คุณลงไป จะขึ้นมาทำไมเนี้ย” ชายหนุ่มหันไปบอกคนที่เกาะเอวของตนเองเอาไว้แน่น พยายามแกะมือที่เหนียวกว่าตุ๊กแกออก
“เรื่องอะไรที่ฉันจะยอมรอ วันนี้ฉันว่างให้ฉันไปด้วยนะ ฉันจะเป็นผู้ช่วยที่ดี นะ ให้ฉันไปเหอะนะ” รอยยิ้มหวานใส ออดอ้อนชายหนุ่มแบบที่ไม่เคยคิดจะทำ
“ตามใจ เกาะเอวผมไว้ดีๆหล่ะ ยังไม่อยากต้องมานั่งเก็บศพ” คำพูดร้ายๆ แต่มันทำให้คนที่ซ้อนข้างหลังยิ้มออกมาได้ เพราะมือหยาบๆภายใต้ถุงมือดำ วางทับเกาะกุมมือบางเอาไว้กับเอวที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ
คำพูดและการกระทำ มันช่างสวนทางกัน จนอดยิ้มไม่ได้..............
* ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
ร่างบางนั่งเงียบๆ ฟังการเจรจาของตากล้องหนุ่มอนาคตไกล กับนายจ้างสาวที่ดูไม่ค่อยสนใจผลงานที่แล้วๆมาสักเท่าไหร่ เปิดรูปไปตาก็มองจ้องชายหนุ่มไป จนคนที่ติดสอยห้อยตามมาด้วยชักไม่พอใจ แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้
“งั้นอีกสามวันเราไปเจอกันที่สตูดิโอแล้วกันนะครับ” ประโยคนัดหมายลอยเข้ามาในการรับรู้ของคนที่นั่งเบื่ออยู่เป็นนาน จนแทบจะหาวก็หลายรอบ
“คะ อีกสามวันนะคะ” หญิงสาวยิ้มหยดย้อยให้ตากล้องหนุ่มอีกครั้งก่อนที่จะลุกจากไป พร้อมความหวังว่าอีกสามวันเธอจะได้เจอเขาอีกครั้ง
“นี้ๆ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครหรอ” มือบางกระชากแขนเสื้อชายหนุ่มที่เดินอยู่ข้างๆ ดวงตากลมโตจ้องมองด้วยความอยากรู้ น้ำเสียงดูกระตือรือร้นที่จะจดจำเป็นอย่างยิ่ง
“เป็นคนจากบริษัทโฆษณา จะให้ผมถ่ายโปสเตอร์โฆษณายาสระผม ถามทำไม” ซีวอนเหล่สายตาก้มมองคนถามที่กำลังยิ้มสว่างสดในเสียจนน่ากลัว
“เปล่า” ปฏิเสธเสียงสูง ก่อตามประโยคต่อมา “ก็แค่อยากรู้ เท่านั้นเอง ฉันไปก่อนนะ ขอบคุณที่วันนี้ให้มาด้วย” อยู่ๆก็หยุดเดิน และกล่าวคำอำลาแบบไม่มีปี่ไม่ขลุ่ย
“อะไรของเขา” ซีวอนพึมพำกับตัวเองเบาๆ มองร่างเล็กของนายแบบหนุ่มไปจนลับสายตาก่อนจะก้าวเดินต่อไปในทางเดิม
* ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
“ซีวอนนนนนนนนนนนนนนน หนังสือวางแผนแล้วววนะ” เสียงหวานตะโกนลั่นสตูดิโอทันทีที่เดินเข้ามา กอดจะกระโดดกอดตากล้องหนุ่มที่กำลังจัดท่าสำหรับพรีเซ็นเตอร์แชมพูยี่ห้อดัง
“เฮ้ย! ออกไป” ชายหนุ่มพยายามสลัดคนที่เกาะหลังแน่นไม่ยอมปล่อย และไม่อายใครต่อใครที่ยืนจ้องมองอยู่เต็ม อยากจะหัวเราะก็ไม่ใช่ อยากจะอึ้งก็ไม่เชิง
“อ่า ไม่ปล่อยขอกอดก่อน เพราะนายเลยนะ รู้ไหมวันนี้มีคนโทรมาให้งานฉันตั้งสามคนเล่มแหน่ะ แถมมีเล่มหนึ่งขอสัมภาษณ์ด้วย รักนายจังเลย” ลูกลิงตัวน้อย หอมแก้มชายหนุ่มหนึ่งครั้ง...และ คำบอกรักที่หลุดออกมาจากใจโดยไม่รู้ตัว
ความเงียบปกคลุมคนทั้งคู่ สร้างขัดเขินที่ไม่เคยมีมาก่อนให้กระจายล้อมรอบคนทั้งสอง ก่อนที่ฮีชอลจะยอมลงจากแผ่นหลังกว้าง ใบหน้าหวานแดงเรื่อ เสียยิ่งกว่านางแบบที่แต่งหน้ารอถ่ายภาพ “อ่ะ หนังสือ ฉันซื้อมาให้นายด้วยเล่มหนึ่ง” มือบางยื่นนิตยสารเล่มหน้าที่หน้าปกดูอบอวลด้วยความรักยื่นให้ชายหนุ่ม หากแต่ดวงตากลมโตยังคงก้มมองพื้น ไม่กล้าสบสายตา
“เขาส่งมาให้ผมแล้วหล่ะ แล้วก็ดีใจด้วยที่มีงาน” ชายหนุ่มปฏิเสธนิตยสารเล่มตรงหน้า ก่อนจะละความสนใจกับไปที่นางแบบผมยาวสลวย
“ฉันไปนั่งรอหล่ะกันนะ” นายแบบหนุ่มที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานครั้งนี้เลยค่อยๆ ถอยออกมา มานั่งรออยู่เงียบๆเพียงลำพังที่มุมหนึ่งของสตูดิโอกว้าง นั่งเปิดนิตยสารที่ไม่มีใครต้องการไปทีละหน้าอย่างเศร้าใจ
“เสร็จแล้ว” เสียงทุ้มดังขึ้นบอกกลับทุกคน ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาหาคนที่อุตส่าห์มานั่งรออยู่เงียบๆ “ยังไม่กลับอีกหรือครับ”
“อือ ไม่ได้เอารถมา ไปส่งฉันได้ไหม” ดวงตากลมโตจ้องมองชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม ก็เหตุผลที่มา เพราะเรื่องนี้แหล่ะ แค่ขอได้ใกล้ชิด แม้จะเล็กน้อย
“ตามใจ” ชายหนุ่มเดินออกไปจากสตูดิโอ ปล่อยให้อีกคนเดินตามไปเงียบๆ
“ซีวอนพรุ่งนี้นายมีงานหรือเปล่า” คนที่เงียบมานาน เอ่ยปากถามชายหนุ่มที่เดินอยู่ข้างหน้า
“ไม่มี แต่ว่าจะไปสวนสัตว์ ทำไมหรอ”
“เปล่า ก็แค่ว่า ฉันกลัวนายจะเหงาไง เพราะว่าวันพรุ่งนี้ฉันจะไม่ว่าง” ดวงตากลมโตจ้องมองแผ่นหลังกว้างที่เดินนำอยู่ข้างหน้า รอคอยคำตอบ
“ก็ดีแล้ว จะได้ไม่วุ่นวาย” คำตอบลอยมาตามลม แต่คนฟังไม่รู้เลยว่าใบหน้าคนพูดเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มของการหยอกเย้า
* ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
นายแบบหนุ่มยิ้มสดใสตั้งใจตอบคำถามทุกคำถามที่หญิงสาวถามเพื่อไปประกอบกับรูปแฟชั่นที่จะลงในนิตยสาร
“รักครั้งแรกของคุณฮีชอลเป็นแบบไหนหรือคะ”
คำถามที่ทำให้ชายหนุ่มอดอมยิ้มไม่ได้ จนถูกล้อเลียน ก่อนจะนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งยังเด็ก “อ่า รักครั้งแรกของผมหรือครับ มัน....เริ่มเมื่อนานมากแล้ว ตั้งแต่ผมยังเด็ก และรักครั้งแรกของผมก็เด็กกว่าผมด้วย”
“เอ๋ แล้วยังไงต่อคะ ดูคุณมีความสุขจังเมื่อนึกถึง puppy love” หญิงสาวช่างสังเกต จดทุกคำตอบ และทุกพฤติกรรมของนายแบบหนุ่มที่กำลังยิ้มเขินอายกับความคิดของตนเอง
“แล้วยังไงหรอครับ ก็หนีผมไป ปล่อยให้ผมรออยู่ที่เดิม”
“ยังงี้ก็เศร้าสิคะ แล้วคุณยังรอความรักนั้นอยู่หรือเปล่าคะ”
“ผมไม่รอแล้วหล่ะครับ แต่ว่าผมจะทำให้ความรักนั้นมาเป็นของผม ผมกำลังจีบอยู่ครับ” ชายหนุ่มยิ้มกริ่มกับคำตอบหวังว่าคนที่กำลังโดนจีบจะรู้ตัว
“อ่าอย่างนี้คำถามสุดท้ายคงไม่ต้องถามซะแล้ว เพราะหัวใจคุณก็ไม่ว่างแล้วหล่ะซิคะ” หญิงสาวทำหน้าเสียดายนิดๆ ที่ชายหนุ่มหน้าสวยตรงหน้ามีเจ้าของหัวใจแล้ว
“ครับ ไม่ว่าง และก็ไม่เคยว่างตลอดเวลายี่สิบกว่าปีที่ผมรอคอย ผมแค่อยากได้เวลาชั่ววิ เพื่อบอกว่าผมรักเขา และคิดว่าผมกำลังใกล้จะบอกเขาในเร็วๆนี้ เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ” ชายหนุ่มก้มโค้ง เป็นเชิงของกำลังใจ เรียกร้องยิ้มทั้งจากหญิงสาวที่มาสัมภาษณ์ และช่างกล้องที่คอยถ่ายภาพเก็บบรรยากาศ
“คะ แล้วพวกเราจะเป็นกำลังใจให้นะคะ แม้ว่าดิฉันจะแอบอกหักนิดๆ” หญิงสาวหัวเราะลั่น ในขณะที่อีกหนึ่งคนกำลังอมยิ้ม หวังว่าจะรวบรวมกำลังใจในเร็ววัน
“ขอบคุณนะครับ” นายแบบหนุ่มหน้าหวานก้มหัวขอบคุณอีกครั้งก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะดังขึ้น เบอร์ที่แสดงอยู่หน้าจอบอกให้รู้ว่าเป็นเบอร์ของคนแปลก จนนายแบบหนุ่มต้องขอตัวรับโทรศัพท์
“สวัสดีครับ ผมฮีชอลพูดครับ”
/สวัสดีคะ ดิฉันตัวแทนจากนิตยาสารอันนานะคะ อยากติดต่อให้คุณฮีชอลเป็นนายแบบในนิตยสารฉบับหน้านะคะ/ เสียงหวานที่มาพร้อมกับงานชิ้นใหม่ทำให้นายแบบหนุ่มยิ้มแก้มเกือบปริ
“ครับ แล้วงานเป็นแบบไหนหรือครับ หมายถึงคอนเซปต์ของภาพหน่ะครับ” เสียงหวานถามอย่างกระตือรือร้น และดีใจ เพื่อว่าบางทีมันจะทำให้บางคนรู้สึกภูมิใจในตัวเขาไปด้วย
/เป็นงานคล้ายกับที่คุณซีวอนเคยถ่ายนะคะ แต่ว่าครั้งนี้เราจะให้คุณถ่ายเดี่ยวนะคะ/ ลักษณะงานที่ได้ยิน ทำให้ใบหน้าหวานหุบยิ้มลงทันที
“เอ่อ แล้วใครเป็นถ่ายครับ ใช่คุณซีวอนหรือเปล่า” ฮีชอลถามถึงคนที่ทำให้เขามีงานเข้ามา หวังลึกๆว่าจะได้ร่วมงานกับ ตากล้องสุดโหดอีกครั้ง
/ไม่ใช่คะ เพราะว่าเราติดต่อไปแล้ว แต่เหมือนว่าคุณซีวอนจะไม่ว่างในช่วงนั้น แต่ว่าเรากำลังติดต่อกับช่างภาพคนอื่นอยู่น่ะคะ/
“เอ่อ ...ถ้างั้นผมขอไม่รับงานนี้หล่ะกันครับ ขอโทษจริงๆนะครับ” เพราะอะไรบางอย่างบอกให้ร่างบางรู้ว่าไม่ควรจะรับงานชิ้นนี้ และเพราะหัวใจกำลังร้องบอกว่า ถ้าเป็นรูแปบนั้นอีก และคนถ่ายไม่ใช่คนเดิม เขาก็จะไม่ถ่ายมันอีก
รูปพิเศษให้คนพิเศษถ่ายให้....มันดีกว่าไม่ใช่หรือ?
/อย่าพึ่งปฏิเสธเลยคะ ลองกลับไปคิดดูอีกทีนะคะ คุณฮีชอล งานนี้รับรองว่าจะยิ่งทำให้คุณเป็นที่รู้จักมากกว่าเดิมอีกนะคะ/
“แต่ผมไม่ได้~”
/ลองคิดดูเถอะนะคะ อย่าพึ่งปฏิเสธเลย นะคะ/ หญิงสาวเอ่ยขัด ด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน จนนายแบบหนุ่มใจอ่อน
“เอ่อก็ได้ แล้ววันพรุ่งนี้ผมจะให้คำตอบหล่ะกันนะครับ” นายแบบหนุ่มตอบเสียงอ้อมแอ้ม ทั้งที่ในใจก็มีคำตอบไว้อยู่แล้ว แต่จะให้ทำยังไงได้ มันก็เพราะเสียงหวานๆ น่าสงสารของผู้หญิง
/ค่ะ แล้ววันพรุ่งนี้ดิฉันจะติดต่อมาอีกทีนะคะ ขอบคุณคะ”/
“ครับ สวัสดีครับ” ร่างบางกดวางสายก่อนที่ความรู้สึกหนักอึ้งจะเริ่มครอบงำ หากเวลานี้มีใครสักคนก็คงจะดี...
* ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
“ซีวอนนนนนนนนนนนนน” เสียงร้องลั่นดังขึ้นในยามสายหน้าบ้านชายหนุ่มที่วันนี้ดูวุ่นวายกว่าทุกวันเพราะทีมงานจากที่ไหนสักแห่งกำลังจัดเตรียมสถานที่หน้าบ้านให้เป็นฉากหลังของงานชิ้นใหม่
“มาทำไม หรือว่าไม่มีงานอีกแล้ว” เจ้าของบ้านเดินเข้ามาใกล้ประตูแต่กลับไม่ยอมเปิดประตูรั้วให้ร่างบางที่มาพร้อมกับถุงใบใหญ่ในมือได้เข้ามา
“มีงาน แต่วันนี้ไม่มีนมไปวางไว้ที่หน้าบ้าน เลยต้องมาทวง แต่เห็นว่ายุ่งก็เลยยอมให้ เปิดประตูให้เข้าไปหน่อยสินะ” ร่างบางอ้อนเจ้าของบ้านด้วยดวงตากลมโต
“อือ แต่วันนี้ห้ามวุ่นวายนะ เพราะงานนี้สำคัญกับผมมากเข้าใจไหม” ซีวอนบอกเสียงเคร่งให้ร่างบงยอมรับก่อนที่จะเปิดประตูบ้านรับแขกที่เชิญตัวเองมาถึงที่นี้
“อื้อ ไม่วุ่นวายหรอก แต่ว่านี้งานอะไรหรอ ดูคนเยอะแยะไปหมดเลย” ใบหน้าหวานหันซ้าย หันขวา มองคนที่เดินให้วุ่นเต็มสนามหญ้ากว้าง
“เป็นงานโชว์ที่อาจารย์ของผมจะจัดขึ้นเดือนหน้าที่ฝรั่งเศส” ชายหนุ่มบอกเรื่อยๆไม่สนใจคนถาม สายตาคมจับจ้องที่สนามหญ้ากำลังหามุม หาสถานที่เหมาะๆ
“อ่า แล้วเกี่ยวอะไรกับนายหล่ะ” คนช่างสงสัยยังคงตามติด และถามคำถามไม่เลิกทั้งที่ก็บอกไปแล้วว่าจะไม่วุ่นวาย แม้แต่สายตาคมๆดุๆ ที่หันมามองก็ไม่ทำให้ความสงสัยลดลงเลยสักนิด
“ก็เขาจะให้ผมไปร่วมจัดงาน”
“แล้ว นายต้องไปฝรั่งเศสด้วยหรือเปล่า” คำถามต่อมาเกิดขึ้นในทันทีที่ได้รับคำตอบ
“ก็ต้องไป” คำตอบของซีวอนเริ่มสั้นลงเรื่อยๆ
“มิน่า ถึงได้ว่าง” ร่างเล็กพึมพำกับตัวเองไม่รู้เลยว่าตอนนี้ชายหนุ่มเดินหนีไปไกลแล้ว “แล้ว อ้าว! อยากเดินไปนู้นแล้ว วันนี้ฉันไม่กวนก็ได้ แต่นายต้องใจดีกับฉันให้มากกว่านี้นะซีวอน” ฮีชอลเอ่ยกับตัวเองเบาๆ อยากให้ชายหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเด็กตัวน้อยติดพี่ชาย จะกลับมาใจดีกับพี่ชายคนนี้อีกครั้ง
ฮีชอลนั่งรออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ห่างไกลจากการทำงานของชายหนุ่มอยู่พอสมควร มองเห็นความตั้งใจ ความทุ่มเทที่ซีวอนมีให้กับงาน “ดูแบบนี้แล้วนายไม่เหมือนเด็กคนก่อนเลยนะซีวอน ยี่สิบปี มันนาน
มากเลยใช่ไหม”
ไม่ใช่แค่ฮีชอลนั่งมองชายหนุ่ม แต่วันนี้นางแบบสาวก็กำลังให้ความสนใจกับชายหนุ่มรูปหล่อ พ่อรวย ความสามารถเป็นเลิศ จนต้องแกล้งทำตนเป็นนางสาวไร้กระดูก เอนพิงชายหนุ่มยามที่สะดุดส้นสูงของตนเอง
และแน่นอน!!! เหตุการณ์นี้ไม่พลาดสายตาคนที่กำลังมองอยู่แบบฮีชอล
“ไหวไหมครับ คุณลีอา” เสียงทุ้มแผ่วเบาที่ยังอุตสาห์ลอยมาตามลมให้ร่างบางได้ยิน จนอดไม่ได้ที่จะมองตามอย่างอิจฉานางแบบสาวคนนั้น
“เอ่อ พักก่อนได้ไหมคะ คุณซีวอน ลีอาปวดขาอ่ะคะ” หญิงสาวร่างบางน่าถนอมในอ้อมแขนที่ชายหนุ่มประคองไว้ แม้แต่ฮีชอลเองยังอดคิดไม่ได้ว่าสองคนช่างเหมาะสมกันจริงๆ
“ทุกคนครับ พักก่อนนะครับ” เสียงของตากล้องหนุ่มตะโกนบอกทุกคน ก่อนจะหันไปสนใจนางแบบสาวที่นั่งอยู่ริมสระน้ำกว้าง
“ซีวอน พักแล้วไปกินข้าวกัน ฉันทำมาให้นายเลยนะ” ฮีชอลรีบวิ่งมาทันทีที่ได้ยินว่าพักได้ ดึงมือหนาให้ลุกขึ้นเพื่อไปกินข้าวกล่องที่อุตส่าห์ตื่นมานั่งทำแต่เช้า
“ปล่อยมือผมเดี๋ยวนี้ คุณฮีชอล ไม่เห็นหรือไงว่าน้องเขาเจ็บขาอยู่ ผมจะพาน้องเขาไปหักในบ้านก่อน” ซีวอนสะบัดมือบางออก ก่อนที่จะหันไปประคองหญิงสาวให้ลุกขึ้น แต่เมื่อจะก้าวเดินก็โดนขวางทางเอาไว้
“ม่ะ ฉันช่วยนะ” ฮีชอลเดินเข้าไปประคองอีกข้างของนางแบบสาว แต่เพราะความไม่ระวังเกือบทำให้ทั้งตนเองและลีอาล้มลงไป โชคดีที่มีมือหนามาคว้าเอวบางไว้ได้ทัน
“ออกไปไกลๆเลยได้ไหม แล้วเลิกทำตัวเกาแกะผมสักที” ซีวอนตะคอกใส่คนตัวเล็กที่ไม่ระวังเกือบทำให้ตัวเองและคนอื่นเจ็บตัว
“ ฉันขอโทษ ฉันแค่อยากจะช่วย ผมขอโทษนะครับ” ใบหน้าหวานก้มลงไม่กล้าสบตาแข็งกร้าว ก่อนจะหันไปโค้งศีรษะขอโทษหญิงสาวที่เกือบต้องเจ็บตัวเพราะความไม่ระวังของตนเอง
“แค่อยากช่วยของคุณ มันเกือบทำให้คนอื่นเดือดร้อน แล้วเลิกมาเฝ้า มาวุ่นวายกับผมแบบนี้สักที ผมไม่มีสมาธิทำงานรู้บ้างไหม ผมไม่ใช่น้องชายตัวเล็กของคุณอีกแล้วนะคุณฮีชอล” ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ตอนี้ซีวอนแทบจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อีกแล้ว ชายหนุ่มตะคอกคนตัวเล็กเสียดัง จนคนทั้งหมดต้องหันมามองอย่างหวาดเกรงโดยเฉพาะนางแบบสาวที่ยืนอยู่ข้างๆคนทั้งสอง
“ฉันขอโทษ ฉันเอ่อ...ฉัน..งั้น กล่องข้าวที่ฉันทำให้~”
“ผมไม่กิน ขอบคุณ” ชายหนุ่มตัดบทคนที่กำลังอ้ำอึ้งในลำคอด้วยความรำคาญ มองใบหน้าหวานที่ก้มลงต่ำอย่างไม่สบอารมณ์
“อือ ไม่เป็นไร งั้นฉันกลับก่อนนะ จะได้ไม่รบกวนนายอีก ขอโทษที่ทำให้รำคาญ ขอโทษนะครับ คุณลีอา” ยิ่งพูดก็เหมือนว่าใบหน้าจะยิ่งก้มต่ำ ไม่อยากให้ใครต้องมาเห็น ดวงตาที่กำลังเอ่อด้วยน้ำตาแบบนี้
ร่างบางค่อยๆเดินออกมาอย่างช้าๆ ก้าวย่างที่แผ่วเบา พยายามสะกดน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาเพื่อประจานความอ่อนแอที่อยู่ในใจ
อยากรีบเร่งเดินออกมาให้ไกล แต่กลับไม่อาจทำได้เพราะรู้ว่าต่อจากนี้ไป วินาทีที่ก้าวพ้นจากบ้านหลังนี้จะไม่มีทางได้เจอ ได้พูดคุยกับ อดีตน้องชายตัวน้อย คนปัจจุบันที่อยู่ในใจอีกแล้ว
“เดี๋ยวก่อนคะ คุณคะ” เสียงหวานตะโกนเรียกจากด้านหลัง ทำให้คนที่กำลังจะปลดปล่อยสายน้ำจากดวงตาต้องนิ่งงัน ปาดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างช้าๆ ก่อนจะหันกลับไปยังทางเดินที่ก้าวผ่านมา
“คุณลีอา หายเจ็บข้อเท้าแล้วหรือครับ” ฮีชอลถามในสิ่งที่สงสัย เมื่อหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งเดินเร็วจนเกือบจะเป็นวิ่งมาทางเขา
“ไม่เจ็บหรอกคะ แค่นั่นเอง ความจริงก็ไม่ได้เป็นอะไร แต่คุณซีวอนนั่นแหล่ะ ที่เป็นห่วงมากเกินไป ยิ่งเห็นก็ยิ่งอยากแกล้ง ทั้งหล่อแล้วยังเป็นสุภาพบุรุษมากเลยนะคะเนี้ย” ใบหน้าของหญิงสาวที่ดูมีความมั่นใจสูง ยิ้มหวานเหมือนสาวน้อยขี้อาย
“ครับ เขาเป็นสุภาพบุรุษกับทุกคนเสมอๆ ตั้งแต่เด็กแล้ว” แต่ก็ยกเว้นฉันที่นายไม่เคยเป็นสุภาพบุรุษไม่เคยรักษาน้ำใจ และไม่เคยรู้ความในใจ ฮีชอลได้แต่คิดอยู่ในใจ
“จริงสิ คุณรู้จักคุณซีวอนตั้งแต่เด็กเลยหรือคะ แล้วเมื่อกี้โดนว่าแบบนั้น ฉันต้องขอโทษจริงๆนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมกับเขาก็แค่เคยสนิทกันเท่านั้นเอง บางทีคงลืมไปเผลอไปวุ่นวายกับเขามากเกิน ก็ดีแล้วหล่ะครับ ผมจะได้กลับไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่ ไม่อยู่ผิดที่ที่ ผิดเวลาแบบนี้อีก ว่าแต่คุณเรียกผมไว้มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“เกือบลืมแหน่ะคะ ลีอาเห็นคุณสนิทกับคุณซีวอนตั้งแต่เด็กเลยคิดว่าน่าจะรู้ว่าเขาชอบทานอะไร พรุ่งนี้ลีอาต้องมาถ่ายแบบอีกวันจะได้ดูมาให้เขานะคะ” ใบหน้าหวานของหญิงสาวกำลังยิ้มกริ่ม แก้มเป็นสีแดงเรื่อเพราะความเขินอาย
“อ้อ ผมก็ไม่ทราบหรอกครับ ว่าเขาชอบอะไร เพราะเราไม่ได้เจอกันตั้งเกือบยี่สิบปี พึ่งจะได้เจอกันก็ไม่นานนี้เอง แต่ผมว่า ไม่ว่าคุณทำอะไรมา ถ้าทำด้วยใจ เขาก็คงดีใจทั้งนั้น ” คนตอบ นึกไปถึงอาหารในกล่องที่คงไม่มีโอกาสทำให้ใครทานอีกแล้ว อาหารที่ทำด้วยใจ
“อ่า คำตอบนี้ดีจังเลยนะคะ ขอบคุณนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมขอตัวก่อน” ชายหนุ่มรีบขอตัวเดินจากมา ก่อนที่จะไม่สามารถเก็บน้ำตาไว้ต่อไป ทางเดินที่ทอดยาวทำให้หวนนึกถึงเรื่องราวที่ยาวนาน จนกระทั่งถึงตอนนี้ เรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามา
...จนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ซีวอนต้องการ...ถ้ารู้ก็คงไม่เป็นแบบนี้
* ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
บ้านหลังเล็กมืดสนิทเหมือนไร้ผู้อาศัย หากแต่ในห้องมืด หยดน้ำตาที่แอบซ่อนมาตลอดทางก็ร่วงหล่น เป็นสายธารเล็กๆจากสองตา ไหลลงมาอาบใบหน้าหวาน จนไร้เรี่ยวแรงจะทำสิ่งใด แม้แต่ยกมือปาดมันทิ้ง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นท่ามกลางเสียงสะอื้น มือเรียวบางหยิบโทรศัพท์ขึ้นแนบหูโดยไม่มองเลยว่าใครที่เป็นคนโทรเข้ามา “สวัสดีครับ คิม ฮีชอลครับ” เสียงสะอื้นแผ่วๆ
/คุณฮีชอล วันนี้มีคนมาติดต่อให้คุณไปถ่ายแบบใช่ไหม อย่าถ่ายนะครับ/ เสียงร้อนรนแกมขอร้องจากคนที่โทรมาทำให้คนที่กำลังร้องไห้ ต้องนิ่งงัน
เรื่องที่ชายหนุ่มพูดถึงเป็นเรื่องที่เขาเกือบจะลืมเลือนไปแล้ว หากแต่บางอย่างกลับทำให้เขาเลือกที่จะตอบตรงข้ามกับความเป็นจริง “ไม่ทันแล้วหล่ะ ฉันตอบรับไปแล้วหล่ะ”
/เฮ้ย! ตอบรับไป พี่เคยดูบ้างไหมว่ามันเป็นรูปแบบไหน พี่เคยถามเขาก่อนไหม ว่าเป็นงานแบบไหน พี่เคยถามหรือเปล่า ทำไมพี่ไม่ดูงานหน่อย/ เสียงดังสนั่นที่บ่งบอกถึงความโกรธของชายหนุ่ม ไม่ทำให้คนฟังดีใจขึ้นมาเลย
“คุณซีวอน ผมไม่ใช่พี่ชายคุณเหมือนเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว อย่าลืมซิครับ” คำพูดที่จำได้แม่นจากเมื่อตอนเที่ยง ตอนนี้เขาเป็นคนพูดมันเสียเอง
/โธ่เว้ย!!~/
มือบางถือโทรศัพท์แนบหู นั่งนิ่งอยู่ในความมืด ทั้งที่คนปลายสายก็วางสายไปแล้ว แต่เขากลับยังคงนั่งนิ่งอยู่ในความมืด อยากให้น้ำตาไหลออกมา แต่ก็หมดแล้วสำหรับวันนี้
ทั้งเรี่ยวแรง....กำลังใจ หรือแม้แต่น้ำตา........
“ฮีชอล เปิดประตูเดี๋ยวนี้ คิม ฮีชอล ถ้าพี่ไม่ออกมาเปิดประตู ผมจะพังเขาไปแล้วนะ คิม ฮีชอลออกมาเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มร่างสูงเกาะประตู ยืนท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำ
เสียงตะโกนลั่นทำให้คนที่อยากอยู่คนเดียวในความมืด ต้องยอมออกจากความมืดมาเพื่อเปิดประตูให้กับคนที่โวยเหวกอยู่หน้าบ้าน ตะโกนกลับไปแข่งกับเสียงสายฝนที่ดังทั่ว “นายจะมาที่นี้ทำไม ฉันไม่ไปยุ่งกับนายให้รำคาญแล้ว ยังจะมาที่นี้อีกทำไม”
“ก็มาหาคนโง่ที่กำลังถูกหลอกไง เปิดประตูให้ผมเดี๋ยวนี้นะ เปิดประตู” ซีวอนสั่งดังลั่น มือหนาเขย่าประตู จนมันสั่นไหว
“หยุดทำอะไรบ้าๆนะ แล้วกลับไปได้แล้ว”
“ไม่กลับ ไม่เปิดประตูใช่ไหม” ชายหนุ่มจ้องมองร่างบางที่ยืนอยู่ภายใต้หลังคาบ้าน ก่อนจะตัดสินใจปีนประตูรั้วที่สูงไม่มากเท่าไหร่
“ซีวอน นายกำลังทำอะไร ลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ซีวอนนนนนนนนนน” เสียงหวานตะโกนลั่นเมื่อเห็นชายหนุ่มตกลงมาจากประตูรั้ว
“ซีวอนเป็นอะไรหรือเปล่า” ฮีชอลวิ่งฝ่าสายฝน เข้าไปหาร่างหนาที่ขดตัวอยู่กับพื้นด้วยความเจ็บ “ไหวไหม”
“พี่ฮีชอล อย่ารับงานนั้นเลยนะ ผมขอร้อง” เสียงทุ้มจากคนที่เจ็บตัว บอกกับร่างเล็กที่อยู่แค่เอื้อมมือคว้า หากแต่เมื่อคำพูดหลุดออกไป คนที่กำลังเดินเข้ามาหากลับถอยหลังไป
“ถ้าพูดเรื่องนี้ก็กลับไปสะ ซีวอน นายเป็นคนบอกเองว่า ไม่ใช่น้องชายฉันเมื่อยี่สิบปีก่อน เพราะงั้นนายก็ไม่มีสิทธิ์มาห้ามอะไรฉัน”
มือยาวๆของชายหนุ่มเอื้อมคว้าไหล่บางที่อยู่ข้างหน้า “ผมไม่ใช่น้อง เพราะผมรักพี่เกินกว่าจะเป็นน้อง ผมหวงของของผม เข้าใจบ้างไหม พี่ไม่เป็นพี่ชายผม แต่เป็นคนที่ผมรัก แค่นี้ผมพอจะมีสิทธิ์ที่จะห้ามพี่ไม่ให้ไปถ่ายกับนิตยสารบ้าๆนั้นได้ไหม” เสียงทุ้มกระซิบแผ่วของชายหนุ่มข้างหูเล็ก อยากให้มันส่งไปถึงใจของคนฟัง
“ซีวอน!” เพราะไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ยินคำบอกรักที่ต้องการ ทำให้ร่างบางได้แต่นิ่งอึ้งปล่อยตัวไปตามแรงฉุดรั้งเข้าสู่อ้อมกอดหนา
สองหัวใจที่พันผูกร่วมกัน อบอุ่นแม้อยู่ท่ามกลางสายฝน
* ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
ยามเช้าในอ้อมกอดของคนรัก เป็นความรู้สึกที่ฮีชอลเคยอยากรู้ว่ามันเป็นเช่นไร และวันนี้ในอ้อมกอดของคนรัก สัมผัสที่แสนอบอุ่น ทำให้ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ยิ้มอะไรครับ” เจ้าของอ้อมกอดหนา กอดรัดร่างบางในอ้อมแขนให้แน่นขึ้นจนคนโดนรัด ส่งเสียงประท้วงในลำคอ เรียกหัวเราะก้อง
“ยิ้มไม่ได้หรอ มีความสุขก็ต้องยิ้มสิ วันนี้เป็นเช้าที่ดีที่สุดของฉันเลยนะซีวอน มันดีกว่าทุกเช้าที่ต้องตื่นมาอยู่คนเดียวไม่มีใคร ดีกว่าที่ตื่นมาแล้วต้องเฝ้าขอให้นายหันมาสนใจฉันบ้าง” คนที่นอนหันหลังให้ หลิกตัวกลับมามองใบหน้าเข้มที่ประดับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“ความจริง พี่ไม่ต้องขอเลย เพราะหัวใจของผมเป็นของพี่ตั้งแต่วันแรกที่เรากลับมาเจอกัน หรือบางทีอาจจะเป็นตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีก่อนก็ได้” ใบหน้าคมไม่สบตาคนฟัง แต่กลับหาความหอมจากซอกคอขาว
“แก่แดดจริงๆ ตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีก่อน นายก็พึ่งสี่ห้าขวบเอง นี้ถามจริงสิ ถ้ารักฉันแล้วทำไมต้องใจร้ายกับฉันแบบนั้นด้วย” มือเล็กผลักหน้าคมๆที่ไม่อยู่สุขออกจากคอของตัวเองก่อนที่จะโดนรุกรานไปมากกว่านี้
“ก็.....” ชายหนุ่มเว้นจะหวะคำพูด หอมแก้มใสๆปหนึ่งที “ผมเป็นน้อง จะให้มาทำอะไรแบบนี้ก็ไม่ดี เกิดคนเป็นพี่ไม่เล่นด้วย ผมก็เจ็บสิ” มือหนาไล้ไปเรื่อย ก่อนซุกเข้าหาความอบอุ่นใต้เสื้อตัวบาง
“นี้......เอามือออกไปจากเสื้อฉานนนนนนนนนนนน” เสียงโหวกเหวกเมื่อมือหนาที่มอบความอบอุ่นกำลังซุกไซ้เข้าไปใต้เสื้อชุดนอนที่ใส่อยู่ จะจับออก ก็ขืนมือเอาไว้ จนร่างบางไม่อาจสู้แรงได้
“ก็ผมหนาวนี้นา เมื่อคืนก็ตากฝน แถมเสื้อผ้าก็ไม่มีให้ใส่ ดีที่ยีนส์ไม่เปียกเท่าไหร่ ไม่งั้นได้นอนแก้ผ้าแน่ๆ ให้ผมซุกหน่อยเถอะนะ นะครับ” มือหนากอดรอบเอวบางเอาไว้แน่น สู้กับแรงของมือเล็กๆ “ไม่ให้ซุก ผมถอดนะ”
“เฮ้ยยยยยยย ไม่ถอด เออ อยากซุกก็ซุก ไอ้เด็กแก่แดด อะไรมันดลใจให้ฉันเผลอไปชอบนายเนี้ย “ ร่างบางบนอู้อี้ในอ้อมกอดของคนรักแสนแก่แดด ใบหน้าหวานซุกกับอกเปลือยเปล่า เห็นแผงอกขาวๆแล้วอยากจะฝังเขี้ยวลงไปแต่ก็กลัวจะเดือดร้อน
“ก็ความรักของเราไงครับ รักจังเลย พี่ชายตัวน้อยๆของผม” ชายหนุ่มประทับริมฝีปากหยักร้อนลงบนผมนุ่มละเอียดของพี่ชายตัวน้อย
“ไอ้อ้วน แกว่าฉัน” ฟันขาวๆ ฝังลงบนแผงอกขาวๆจนเลือดซึมออกมานิดๆ “แหวะ เลือดนายเหม็นอ่ะ แหวะๆๆ” ลิ้นเล็กแล่บออกมา เพราะความคาวของเลือดที่ซึมออกมา
“ฮ่าๆๆๆ แล้วใครให้กัดผมหล่ะครับ ดูสิเป็นรอยเลย แฟนผมเป็นซาดิสต์หรือนี้ไม่เห็นเคยรู้เลย” ชายหนุ่มมองคนที่ทำท่าจะเป็นจะตายด้วยความขำ
“ชิส์ แล้วทำไม วันนั้นนายถึงบอกว่ารำคาญฉันหล่ะ บอกหน่อยสิ นะ”ดวงตากลมโตจ้องมองชายหนุ่มออดอ้อนขอคำตอบ มือบางก็ยังคงไล่เช็ดเลือดที่ซึมออกมา
“ก็แค่มีหน้าหวานๆ ตัวบางๆมาวิ่งในใจผมทั้งวันก็แย่แล้ว พี่ยังอุตส่าห์เอาตัวเป็นๆมายั่วผมอีก รู้ไหม ตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรก พี่ก็เอาความสนใจของผมไปทั้งหมดแล้ว”
“แล้วต่อไปนี้ นายจะไล่ฉันอีกไหม ถ้าฉันไปวุ่นวาย ไปอยู่ข้างๆนาย”
“ก็ในเมื่อตอนนี้ ผมไม่ต้องห้ามใจตัวเองแล้ว พี่อยากอยู่ใกล้ผมแค่ไหนก็ได้ แต่ผมไม่รับรองนะว่าผมจะห้ามใจตัวเองได้แค่ไหนกัน เกิดพี่อยู่ใกล้มากๆแล้วผมทนไม่ไหว ลากพี่เข้าห้องน้ำก็ไม่ใช่ความผิดของผมนะ”
“ซีวอนนนนนนนนนนน”
“อย่าทำร้ายผมนะ ถ้าทำอีก ผมจับถอดเสื้อจริงๆนะ เอาสิ กล้าทำเปล่า” ชายหนุ่มร้องห้ามอีกครั้งก่อนที่จะเจ็บตัวไปมากกว่านี้ แต่หากโดนกัด โดนตี โดนหยิก แล้วได้แก้ผ้าบางคนมันก็คุ้ม
“ไอ้คนใจร้าย ฉันจะไม่ไปหาอีกแล้ว คอยดู” ร่างบางพลิกตัวหันหลังให้คนรักทันที ไม่ทันเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่แฝงอยู่บนใบหน้าคม
“ถึงใจร้ายแต่ก็รักนะครับ ไม่ซาดิสต์ด้วย” ชายหนุ่มกระซิบแผ่วที่ข้างหู
“ไอ้...อ่ะ” ร่างบางร้องตกใจเมื่อหันหน้ามา กลับถูกคนใจร้าย ใช้กล้องมือถือที่แอบเตรียมไว้ ถ่ายรูปคนทั้งสองบนที่นอน “ลบเลยนะ”
“ลบทำไมครับ รูปนี้ออกจะสวย สวยกว่าที่ผมถ่ายคราวนั้นอีก เพราะไรรู้ไหม” ชายหนุ่มหน้าตาเจ้าเล่ห์อย่าที่ฮีชอลไม่เคยเห็น
“เพราะอะไร” ฮีชอลถามอย่างระวังตัวเป็นที่สุด มองใบหน้าหล่อคมอย่างไม่ไว้วางใจ
“ก็เพราะนายแบบรูปนี้หล่อกว่าไงครับ มีครบทั้งกล้ามเนื้อ และความแข็งแรง แถมมีแผลเลือดซึมอีก เซ็กซี่กว่านี้มีไหน แถมนางแบบของรูปนี้ก็สวยยั่วยวนจริงๆ”
“ไอ้อ้วนนนน แกว่าฉันไม่หล่อใช่ไหม”
“ก็ผมหล่อกว่า รับความจริงเหอะนะครับ ที่รัก” เสียงกระซิบแผ่วข้างหู อ้อมกอดหนารัดแน่น ปลอบให้คนที่โวยวายสงบเงียบซึมซับความรักยามเช้าต่อไป
E>N<D
* ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
Talk
เอาของเก่ามาเก็บกินต่อไป ระหว่างรอของใหม่เสร็จนะคะ เรื่องนี้เคยลงที่โปรเจคLSP มาแล้วครั้งหนึ่งคะ
เพราะรักเป็นหนึ่งในเรื่องที่ไอซ์ชอบมากที่สุดเรื่องหนึ่งในบรรดาที่แต่งเองคะ คงเพราะมีทุกอย่างที่ไอซ์ชอบใส่ลงไป ทั้งผู้ชายหลังกล้อง และผู้ชายในสายน้ำ และแรงบรรดาลใจของเพลงนี้ก็มาจากเพลงพิเศษของบ้าน เพราะเป็นเพลงที่พ่อร้องจีบแม่ ณ ชายทะเลสัตหีบ อิอิ ^^
ขอให้อ่านอย่างมีความสุข และสมหวังในรักนะคะ
ขอบคุณคะ
let’s make love 4Play Jelly fish
ความคิดเห็น