คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Build 1
Build
สนามบินที่มีผู้คนอยู่เนื่องแน่น ต่างก็มาด้วยเหตุผลที่ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ เพื่อเดินทาง เพื่อกลับบ้าน มาส่ง หรือมารับ และวันนี้ก็เป็นวันที่ชายหนุ่มผู้จากบ้านเกิดไปร่วมสี่ปีเดินทางกลับ คนในบ้านชเว่ทุกคนจึงมาคอยรับที่สนามบินอย่างตื่นเต้น ความคิดถึงที่มีมาก ทำให้ต่างชะเง้อคอมองหาคนที่เดินออกจากประตูผู้โดยสารขาเข้า
และทันทีที่ชายหนุ่มร่างสูงปรากฏตัวขึ้นพร้อมด้วยหนุ่มน้อยน่าตาน่ารักที่เหมือนหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่นก็เรียกสายตาคนเกือบทั้งสนามบิน “แม่ครับ พ่อครับหวัดดีครับ” เด็กหนุ่มที่ตอนนี้โตเป็นชายหนุ่มแล้ววิ่งเข้ามาหาพ่อและแม่
คนเป็นแม่สวมกอดลูกชายคนเดียวทั้งน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ แม้ในใจยังอดสงสัยไม่ได้ว่าคนที่เดินตามลูกชายของตนมานั้นเป็นใคร
เมื่อหลุดออกจากอ้อมกอดของคนเป็นแม่ ซีวอนก็ถามถึงอีกคนที่ควรอยู่ตรงนี้ แต่กลับมองไม่เห็นตั้งแต่ตอนที่เดินออกมาจากประตูด้วยความสงสัย “ฮีชอลหล่ะครับอยู่ไหน”
“มาถึงก็ถามหาเลยเรอะ เขาไปธุระเดี๋ยวจะตามมา ว่าแต่แกเหอะ อยู่นู่นเป็นไงมั้ง แล้วนี้เพื่อนใช่ไหม” ผู้เป็นพ่อถามลูกชายถึงเด็กหนุ่มหน้าตาท่าทางดีอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆลูกชาย
“อ้อ นี่ซองมินครับเป็น..”
“เป็นคนรักของซีวอนครับ” ยังไม่ทันที่ซีวอนจะได้ตอบผู้เป็นพ่อ หนุ่มร่างอวบก็ชิงตอบเสียเอง สร้างความมึนงงให้กับพ่อและแม่ของซีวอน และคงจะไม่แปลกใจมากเท่านี้หากว่า ซีวอนจะไม่ทำหน้าอึ้งๆด้วยอีกคน สายตาคมเหลือกมองขึ้นข้างบนอย่างอ่อนใจ ไม่คิดว่าซองมินจะพูดแบบนี้
“ซีวอนไม่ต้องทำหน้าแบบนี้เลยนะ ทำไมซีวอนถึงไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของเราหล่ะ ทั้งๆที่ตอนอยู่ที่นู้นอ่ะ ซีวอนยังบอกรักซองมินอยู่เลย” คำบอกเล่าด้วยเสียงสั้นพลิ้ว และน้ำตาหยาดเล็กๆจากดวงตาคู่รี ยิ่งสร้างความตกใจให้แก่ผู้สูงวัย
หากคิดว่าน้ำตาจะเพียงพอแล้ว เปล่าเลย ซองมินซบหน้าเล็กๆ ลงบนแขนแกร่งของชายหนุ่ม เหมือนว่าจะซุกซ่อนใบหน้าที่มีแต่ความเศร้าและรอยน้ำตา สร้างความน่าสงสารให้ตนเอง มีเพียงซีวอนเท่านั้นไม่เคลิ้มไปกับความน่าสงสาร พยายามผลักศีรษะเล็กๆนั้นออก แต่เหมือนมีกาวบางอย่างที่เหนียวพิเศษ ที่ผลักเท่าไหร่ไม่ออก สร้างความขบขำบนความหนักใจแก่ผู้ใหญ่ทั้งสอง
“อ่า ซีวอนนนนนนนนนน” เสียงตะโกนมาแต่ไกล เรียกสายตาของซีวอนให้หันไปทิศทางของเสียงนั้น ก็พบกับคนที่มองหา รอยยิ้มกว้างปรากฏบนหน้าชายหนุ่มทันที ฮีชอลที่วิ่งกระหืดกระหอบมาแต่ไกล สี่ปีที่ผ่านมา ฮีชอลยังไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย ยังคงชอบวิ่งทั้งๆที่ขาก็ไม่แข็งแรง
“ฮีชอลอย่าวิ่งซิ เดี๋ยวล้มหรอก” ประโยคเดิมที่ซีวอนเคยพูดมาตั้งแต่เด็ก แต่คราวนี้กลับไม่ใช่เขาที่เป็นคนพูด ผู้ชายที่ซีวอนไม่รู้จักวิ่งตามคนที่เขาเคยดูแล เป็นคนพูดประโยคที่ซีวอนควรจะพูดแทน มันทำให้รอยยิ้มกว้างหายไปในทันที ใบหน้าที่ปรกติจะดูดีกลายเป็นใบหน้าที่บึ้งตึง และน่ากลัว
ทั้งหมดนี้ มันอยู่ในสายตาของผู้เป็นพ่อที่มองเรื่องราวต่างๆมานาน และยิ่งมั่นใจว่าโลกกว้างที่ซีวอนไปท่องมา คงทำให้ลูกชายที่รักรู้จักตัวเองมากขึ้น และรู้แล้วว่าความรู้สึกที่มีให้กับฮีชอลคืออะไร โลกกว้างคงไม่สามารถจะเปลี่ยนใจซีวอนได้ แล้วถ้างั้นซองมินหล่ะ? นั่นคือสิ่งที่ผู้เป็นพ่อยังสงสัย
“ไม่ล้มหรอกหน่า” เสียงใสๆของฮีชอลที่ไม่รู้เลยว่าคนที่ตัวเองเรียกชื่อนั่นหน้าโหดเท่าไหร่แล้ว หันไปบอกคนข้างหลังไม่ยอมมองทาง จนสะดุดขาตัวเอง ซีวอนที่เห็นท่าไม่ดีเตรียมจะถลาเข้าไปรับแต่ติดที่มีลูกลิงตัวอวบสีชมพูเกาะแขนอยู่ทำให้เข้าไปรับไม่ทัน ฮีชอลจึงล้มลงอยู่ตรงหน้าซีวอน
คนหน้าสวยที่ล้มลงไปจูบกับพื้นสนามบินสร้างความตกตะลึงให้กับทุกคน และคนที่ตั้งสติได้เร็วที่สุดก็คือคนที่วิ่งเข้ามาทีหลัง จะพยุงให้ลุกขึ้นยืน แต่คนล้มก็สะบัดไหล่ออกเล็กน้อยเมื่อลุกขึ้นนั่งกับพื้นได้แล้ว ดวงตากลมโตจ้องมองตาคู่คมที่ไม่ได้เห็นมาตลอดสี่ปี แก้มใสเริ่มพองลมเล็กน้อย ปากบางเม้มเข้าหากัน บ่งบอกว่ากำลังงอนที่ไม่เข้ามารับก่อนจะล้มเหมือนที่เคยทำ ตาโตๆกระพริบปุปปิบสองสามหนก่อนยอมลุกขึ้นตามแรงฉุดรั้งของชายหนุ่มอีกคน
“บอกแล้วว่าอย่าวิ่ง อย่าวิ่ง ไม่เชื่อกันเลย เจ็บไหม เข่าถลอกหรือเปล่า” ยังคงเป็นชายหนุ่มแปลกหน้าที่ซีวอนไม่เคยเห็น ไถ่ถามอาการของร่างบางและถลกขาการเกงสี่ส่วนที่ฮีชอลใส่ขึ้นดู ในขณะที่ซีวอนเอาแต่ยืนนิ่ง
“ไม่ต้องบ่นเลยนะ ฮีชอลไม่ใช่เด็กๆ แก่กว่าเจย์ด้วย ชิ คุณลุงคุณป้าครับเมื่อกี้เจย์แกล้งฮีชอลด้วย ตอนที่นั่งรถมา” เจ้าของเสียงเง้างอดหันไปฟ้องผู้สูงวัยด้วยความเคยชินที่ทำมาตลอดสี่ปีโดยลืมไปว่าตอนนี้คนที่เคยฟ้อง เคยอ้อนมาตลอด ได้อยู่ตรงหน้าแล้ว
ซีวอนยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความไม่พอใจที่คล้ายกับว่าตนถูกลืมจากคนที่คิดถึงตลอดเวลาสี่ปีที่ผ่านมา นึกสงสัยว่าชายแปลกหน้าที่ทำท่าเป็นห่วงฮีชอลเป็นใครกัน ทำไมฮีชอลของซีวอนถึงได้สนิทด้วยแบบนี้ สี่ปีที่ห่างกันมันทำให้ฮีชอลลืมซีวอนเลยหรือไง
ในขณะที่ซีวอนกำลังหน้าบึ้ง ลิงอวบสีชมพูกลับยิ้มแย้มทันทีที่รู้ว่าคุณคนหน้าสวยที่วิ่งมาล้มตรงหน้าชื่อฮีชอล และมีชายหนุ่มหน้าตาดีที่ดูแล้วรู้ว่าสนิทไม่น้อยวิ่งตามมาอย่างเป็นห่วง
“ซีวอน ซองมินหิว” หนุ่มร่างอวบพูดขึ้นท่ามกลางเสียงเฮฮาของคนสี่คนทำให้ทั้งหมดหันมามองรวมไปถึงเจ้าของดวงตาคู่กลมที่มองอย่างสงสัยและสายตาคู่นั้นก็มาหยุดชะงักลงที่แขนเรียวคล้องอยู่ในแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ก่อนจะก้มหน้าลงเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่อยากเห็น สิ่งที่ฮีชอลทำมันยิ่งทำให้ซองมินนึกสนุกอยากทำอะไรอีกหลายๆอย่าง
“สวัสดีครับผมชื่อ ซองมินเป็นคนรักของซีวอนครับ” ซองมินแนะนำตัวเองอย่างร่าเริง ทำให้ดวงตาคู่โตเงยขึ้นสบควงตาคมกล้าอย่างอย่างเศร้าสร้อย มันยิ่งทำให้มือหนาอยากผลักมือและหัวเล็กๆที่เกาะติดแขนอยู่ออก หาเทปกาวมาพันปากที่เจื้อยแจ้ว แล้วนั่งคุยกับฮีชอลว่ามันไม่ใช่แบบนั้น แต่อีกใจก็อยากดูว่าซองมินจะทำอะไรต่อไป เพราะหมั่นไส้ผู้ชายหน้าจืดที่ยืนข้างๆฮีชอล
“เอ่อ สวัสดีครับผม ฮีชอล” คำแนะนำตัวแบบเรียบๆ ของฮีชอลไม่ค่อยคุ้นกับคนแปลกหน้าสักเท่าไหร่ ทำให้ซีวอนนึกบางอย่างขึ้นมาได้ ในเมื่อซองมินอยากแกล้งนัก ถ้าซีวอนจะเล่นด้วยก็คงสนุกขึ้นอีกนิด
“ซองมินครับ ฮีชอลพี่ชายซีวอนที่เคยเล่าให้ฟัง ไงครับ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงหวานๆจนซองมินเองยังขนลุก แล้วยิ่งรอยยิ้มที่ส่งมา ยิ่งทำให้ซองมินหวาดระแวง
ถ้อยคำ และรอยยิ้มของซีวอนทำให้ฮีชอลที่ยืนฟังอยู่ และเห็นถึงความสนิทสนมของทั้งคู่ต้องก้มหน้าลงพึมพำถามกับตัวเองแผ่วเบา “ฮีชอลเป็นพี่ของซีวอน”
แม้จะแผ่วเบาแค่ไหน แต่คนข้างๆอย่างเจย์ก็ยังได้ยินว่าสิ่งที่ร่างบางคืออะไร สายตาที่มองไปจึงมีแต่ความห่วงใย บอกว่าตัวเองแก่กว่า แต่ฮีชอลก็ยังดูเป็นเด็กเล็กๆที่น่าทะนุถนอม “บ่นอะไรงึมงำ” คงมีแต่คำถามที่สื่อความห่วงใยไปถึงฮีชอลได้
“เปล่าสักหน่อย เจย์นั่นแหล่ะ แก่แล้วหูฟั่นเฟือน” คนพูดคงลืมไปว่าตัวเองนั่นแก่กว่า จึงเผลอพูดออกไป ก่อนที่จะเดินกลับหลังเดินออกจากกลุ่มคน ทั้งๆที่ยังคงท่องประโยคที่ได้ยินมา เหมือนว่าเตือนไว้ไม่ให้ลืมด้วยความน้อยใจ “ฮีชอลเป็นพี่ของซีวอน”
ทุกคนที่ไม่ได้ยินสิ่งที่ร่างบางท่องได้แต่งงงวย มีเพียงแค่หนุ่มร่างสูงเท่านั้นที่ได้ยิน จึงวิ่งตามคนขี้น้อยใจไปด้วยความเป็นห่วง
“อ้าว งอนไปสะแล้ว ว่าไงเราเป็นคนเลี้ยงมากับมือไม่ใช่หรอ ไม่ตามไปปลอบหรือไง” ผู้เป็นพ่อถามลูกชายตัวเองที่ครั้งหนึ่งเคยพูดไว้ว่าเลี้ยงมากับมือ จนถึงตอนนี้ผู้สูงวัยยังไม่รู้เลยว่าซีวอนเลี้ยงมายังไงฮีชอลถึงเป็นคนขี้น้อยใจขนาดนี้
“เดี๋ยวค่อยไปปลอบที่บ้านก็ได้ครับ ว่าแต่ไอ้หน้าจืดชื่อเจย์เมื่อกี้เป็นใครครับ ดูสนิทกับฮีชอลจังเลย” ซีวอนที่สงสัยมานานว่าชายหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นเป็นใครทำไมถึงสนิทกับฮีชอลของเขามากขนาดนี้ แล้วพ่อกับแม่ที่บอกว่าจะดูแล ทำไมถึงปล่อยให้สนิทกันได้
“ชื่อเจย์ ย้ายมาอยู่ข้างบ้านเรา หลังจากที่ลูกไปเรียนได้แค่เดือนสองเดือน ตามใจฮีชอลพอๆกับลูกนั่นแหล่ะ ฮีชอลถึงได้ติดขนาดนั้น” ผู้เป็นแม่ บอกอย่างขำๆกับอาการคนขี้หวงของลูกชาย “ป่ะกลับบ้านกันเหอะ แล้วหนูซองมินหล่ะลูก บ้านอยู่ที่ไหน”
“ซองมินจะไปนอนที่บ้านเราครับแม่ แล้วฮีชอลหล่ะครับเดินไปแล้ว เราไม่ต้อง..”
“ไม่ต้องหรอกจ๊ะ เจย์ตามไปอย่างนั้นเดี๋ยวก็คงพากลับบ้าน แต่ว่าสงสัยต้องพาไปกินไอติมก่อนมั้ง ก็เรานั่นแหล่ะ เอะอะก็ตามใจฮีชอล จะง้ออะไรก็ต้องพาไปกินไอติม” คนเป็นแม่พูดอย่างเอ็นดูคนขี้งอนที่เดินหายไป ไม่เคยมีใครโกรธฮีชอลได้เลยแม้จะแสนงอนแค่ไหน เพราะความน่ารักในตัวของฮีชอล และนิสัยใจคอที่ซีวอนเคยบอกไว้ว่าเลี้ยงและดูแลเองกับมือ
สองทุ่มกว่าแล้ว คนที่ควรมาถึง จนป่านนี้ก็ยังไม่ถึงสักที ถ้ารู้ว่าตลอดเวลาที่อยู่ต่างประเทศ คนที่เคยเลี้ยงมากับมือทำตัวเหลวไหลแบบนี้ จะบินมารับพาไปอยู่ด้วยเลย ไม่ปล่อยให้เป็นแบบนี้แน่ๆ พ่อนะพ่อ ไหนบอกว่าอยู่นี้มีคนดูแลอย่างดี เฮอะ อย่างดีแล้วปล่อยให้รู้จักใครก็ไม่รู้แบบนี้ แล้วพากันหนีเที่ยวเนี้ยนะ
“ซีวอนมานั่งทำอะไรหน้าบ้านอ่ะ ซองมินตามหาตั้งนาน รู้ไหมว่าไม่มีซีวอน ซองมินรู้สึกไม่ดีเลยอ่ะ” ซองมินที่เดินย่องมาจากข้างหลัง เข้ากอดแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มร่างสูง หน้าเล็กๆซบลงบนแผ่นหลัง ถูไถไปมาเหมือนแมวน้อย ขัดจังหวะคนที่นั่งรอคอยอยู่แบบจงใจ
“ออกไปไกลๆเลยนะซองมิน ทำแบบนี้ทำไมเนี้ย ใครมาเห็นจะว่ายังไง ป่านนี้เข้าใจผิดกันหมดทั้งบ้านแล้ว” ซีวอนที่ตอนนี้ถูกลูกลิงสีชมพูเกาะแผ่นหลังอยู่ พยายามสะบัดห่างเล็กที่แสนอวบนั่นหลุดออก
เหมือนมีใครลิขิตไว้ รถคันสวยที่ไม่คุ้นตาเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าสนามหญ้า ในขณะที่ทั้งสองกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่นั่น เป็นคนที่ซีวอนคุ้นมากที่สุดเดินลงมาจากรถด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข “ฮีชอล ! ทำไมป่านนี้พึ่งกลับ ไปทำอะไรที่ไหนมา ฉันไม่อยู่ด้วยสี่ปี เหลวไหลแบบนี้เลยหรอ ออกไปกลางค่ำกลางคืนได้ไง”
ฮีชอลที่ลงมาจากรถ จากรอยยิ้มแทบจะแปรเปลี่ยนเป็นหยาดน้ำตาทันที่ได้ยินคำบ่นของซีวอน “ซีวอนใจเย็นๆก่อนสิ พี่ฮีชอลไม่ใช้เด็กๆนะ” ซองมินที่มึนงงกับชายหนุ่มในโหมดที่ตัวเองไม่เคยเห็นนิ่งเงียบไปเล็กน้อย ก่อนที่จะเริ่มเจื้อยแจ้วอีกครั้ง “พี่เขาจะไปไหนก็ได้ นายไม่ใช่คุณลุงนะ อีกอย่างคุณลุงยังบอกเลยว่าคุณเจย์อ่ะเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทด้วย”
“ซองมินหยุดพูดไปเลย นี้ไม่ใช่เรื่องของนาย มันเป็นเรื่องของฉันกับฮีชอล ว่าไงไปไหนมาป่านนี้พึ่งกลับ ยิ้มหน้าบานมาเชียว” ประโยคหลังๆซีวอนพูดกับฮีชอลที่ตอนนี้น้ำตาใกล้หยดลงมาทุกที
“ฮีชอลป็นพี่ซีวอนนะ ทำไมซีวอนต้องพูดแบบนี้ด้วย เมื่อก่อนซีวอนไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย ฮีชอลแค่ไปกินไอติมกับเจย์เท่านั้นเอง ทีซีวอนหล่ะมากอดกับซองมินหน้าบ้าน ฮีชอลยังไม่เห็นว่าอะไรเลย ซีวอนใจร้ายที่สุด กลับมาก็ดุตลอดเลย กลับไปเลยนะ ไม่ต้องมาอยู่แล้ว ไม่รักซีวอนแล้ว” ตาน้ำหยดเล็กๆของฮีชอลที่ไหลออกมาให้ทุกคนได้เห็นก่อนจะวิ่งหนีไป ทำห้เจย์ต้องวิ่งตามไปดูอาการคนขี้งอนที่เขาพึ่งทำให้อารมณ์ดี ในขณะที่ซีวอนยังคงยืนอึ้งอยู่กับประโยคสุดท้ายของฮีชอล
ไม่รักซีวอนแล้วจริงๆหรอฮีชอล? ฮีชอลมีคนใหม่ที่ตามใจฮีชอลใช่ไหม ถึงได้ไม่อยากให้ซีวอนอยู่ด้วยอีกแล้ว แต่ซีวอนรักฮีชอลนะ รักมากด้วย อยากกลับมาอยู่ด้วย มาดูแลคนขี้งอน ขี้อ้อนคนนี้ไปตลอดชีวิตนะ ฮีชอลไม่ต้องการแบบนั้นหรอ
ซองมินที่เห็นซีวอนยืนอึ้งอยู่หลังจากที่ได้ยินคำพูดแสนยาวของฮีชอล จึงสะกิดแขนชายหนุ่มเบาให้รู้สึกตัว แต่มันคงเบาไป ซีวอนยังคงจมอยู่ในความคิดของตัวเอง ซองมินจึงเขย่งตัวขึ้นเขย่งตัวขึ้นนิด แล้วตะโกนกรอกหูของชายหนุ่มทันที “ซีวอนนนนนนน”
“เฮ้ย!เล่นอะไรบ้าๆ ซองมิน” ซีวอนสะดุ้งสุดตัวที่ได้ยินเสียงดังแปดหลอดของซองมิน ก่อนจะมองหน้าคนที่ตัวเล็กกว่าอย่างขวางๆ “พอใจหรือ ทำเอาคนเข้าใจผิดได้แบบนี้ เมื่อไรนายจะกลับไปสักทีเนี้ย ฉันรำคาญเต็มทนแล้ว”
“โอะๆ อย่ามาโทษกันสิจ๊ะพ่อรูปหล่อ”มือเล็กแต่อวบน้อยๆ ลูกไล้โครงหน้ของชายหนุ่มอย่างอารมณ์ดี “แหมแค่นี้ก็ทำเป็นโมโหรอให้ฉันหายแค้นก่อนแล้วค่อยกลับนะจ๊ะ ฮึๆๆ มามัวแต่โมโหซองมิน ฮีชอลของซีวอนวิ่งไปไหนแล้ว คุณเจย์ก็ตามไปด้วยนะระวังเหอะ คะแนนที่ทำไว้ตั้งแต่เด็กจะถูกแซงโดยคุณข้างบ้านนะ หรือว่ามาอยู่ตรงนี้อยากอยู่กับศองมินสองต่อสอง เดี๋ยวซองมินก็กอดซีวอนอีกสักรอบเลยนิ” ซองมินเลียบแบบการพูดของฮีชอลยิ่งทำให้ซีวอนหมั่นไส้ยิ่งขึ้นไปอีก “โฮะๆๆ สร้างความร้าวฉานคืองานซองมินเอง ไปดีกว่า แค่ทำให้ฮีชอลโกรธซีวอนได้ ซองมินก็มีความสุขแล้ว”
ซีวอนอยากตามไปลากตัวคนพูดมาจัดการอะไรสักอย่าง แต่ก็กลัวถ้าฮีชอลมาเห็นอีก ปัญหามันคงจะไม่จบง่ายๆแน่ ซีวอนจึงทำได้เพียงแค่วิ่งขึ้นไปตามฮีชอล ในที่ที่รู้เพียงคนเดียวว่าเวลาฮีชอลงอนจะไปหลบซ่อนตัวที่ไหน
“ฮีชอลออกมาเถอะ อย่าร้องไห้อยู่ในนั่นเลย ไม่ร้อนหรือไง มืดแล้วนะ ไม่กลัวผีหรอ ฮีชอลออกมาเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พาไปกินไอติมก็ได้นะ” เสียงเจย์ที่ดังมาตามทางเดินห้องเก็บของที่ฮีชอลชอบเข้าไปนั่งหลบคนเวลาไม่พอใจอะไร เป็นที่ที่เคยทีแค่ซีวอนเท่านั้นที่รู้ แต่วันนี้มันไม่ใช่อีกแล้ว วันนี้มีคนที่รู้ มันมีอีกคนที่สำคัญกับฮีชอลนอกจากซีวอนใช่ไหม
“คุณ
“งั้นผมฝากด้วยหล่ะกันครับ คุณ
“ฮีชอล เมื่อไหร่จะออกมา โตแล้วนะ เลิกงอนเป็นเด็กๆสักที ให้ใครต่อใครต้องมาง้อแบบนี้มันดีนักหรือไง ระวังนะสักวันจะไม่มีใครรักหน่ะ รู้ไหมไม่มีใครชอบคนขี้งอนหรอกนะ มันน่าเบื่อ”
“เบื่อก็ไปสิ ฮีชอลไม่ได้ขอให้ซีวอนมาง้อสักหน่อย ซีวอนไม่รักฮีชอลแล้วนิถึงพูดแบบนี้ คนขี้งอนน่าเบื่อ ซีวอนก็ไปหาคนรักของซีวอนสิ ไปเลย แล้วไม่ต้องมาสนใจเขาแล้ว”
ไม่เพียงแค่คำตัดพ้อที่ซีวอนได้ยินจากหลังบานประตูที่ปิดอยู่ แต่ยังมีเสียงร้องไห้ตามออกมา ชายหนุ่มได้ฟังแล้วแทบอยากตบปากตัวเอง ที่พูดออกไปมันก็แค่พูด ไม่ได้ออกมาจากหัวใจ อย่าว่าแต่หัวใจเลย แค่สมองก็ยังไม่ได้ผ่าน ทำไปเพราะโมโหทั้งนั้น เป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบที่เห็นไอ้หน้าจืดข้างบ้านมารู้จักที่ลับของซีวอนกับฮีชอลได้ไง เพราะไม่ได้คิด คำพูดถึงทำให้คนขี้น้อยใจร้องไห้
“ฮีชอลอย่าร้องไห้ซิ ซีวอนขอโทษนะ ฮีชอลออกมาเถอะ ไม่อยากไปกินไอติมกับซีวอนหรอ ออกมาเถอะนะ คนเก่ง อย่าร้องไห้อีกเลย” คำปลอบ คำขอโทษของซีวอนมันยิ่งทำให้ฮีชอลร้องไห้หนักมากขึ้น เสียงยิ่งดังออกมา จนทำให้ซีวอนได้แต่นึกโทษตัวเอง
ซีวอนได้แต่นิ่งเงียบฟังเสียงร้องไห้ ที่ดังต่อเนื่อง จนในที่สุดเสียงร้องไห้ ค่อยเงียบลงไป ซีวอนที่นั่งคงนั่งรออยู่ เห็นว่าเสียงเงียบลง จึงค่อยเปิดประตูเข้าไปในห้องที่ทั้งมืดและร้อน เห็นว่าคนที่ร้องไห้อยู่นั้น คอพับหลับไปแล้ว ซีวอนได้แต่ยิ้มให้กับคนที่หลับไป เป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่ฮีชอลงอน ถึงจะขังตัวเองไว้ แต่ก็ไม่เคยล็อคลูกบิด และซีวอนก็ไม่เคยเปิดหากว่าฮีชอลยังไม่หายงอน นอกจากว่าจะร้องไห้จนหลับไป แล้วเด็กหนุ่มซีวอนก็จะเป็นคนอุ้มฮีชอลพี่ชายผู้น่ารักกลับขึ้นไปนอน
นี้เป็นความลับที่คงไม่มีใครรู้ แม้แต่หน้าจืดข้างบ้าน ก็ยังไม่รู้ ความจริงเรื่องนี้ทำให้ซีวอนได้แต่ยิ้มให้ตัวเอง ว่าที่สุดแล้ว ก็ไม่มีใครที่จะรู้จักฮีชอลได้ดีกว่าคนที่ดูแลฮีชอลมากับมือ อย่างซีวอน
“คืนนี้ฮีชอลไปนอนกับผมนะคนดี จะนอนกอดให้หายคิดถึงเลย ความจริงเราไม่เห็นต้องมาโกรธกันแบบนี้เลย” ซีวอนพูดกับร่างเล็กที่อุ้มอยู่ ความรู้สึกดีที่มีฮีชอลในอ้อมกอด ซีวอนยังคงจำมันได้ แต่วันนี้ ที่ได้มากอดอีกครั้ง ความรู้สึกที่จำได้ มันเทียบไม่ได้เลยกับของจริงที่ได้สัมผัส
“แหม ยิ้มเชียวนะสุดหล่อ สงสัยคืนนี้ซองมินจะโดนซีวอนนอกใจแน่ๆเลย” ซองมินที่เปิดประตูออกมาเห็นซีวอนที่เดินยิ้ม ในมืออุ้มฮีชอลกำลังจะเข้าห้องส่วนตัว เอ่ยอย่างงอนๆ “หรือว่าซองมินจะไปนอนกับซีวอนดีนะ” ร่างอวบน้อยๆ ส่งยิ้มหวานๆแต่ดูแล้วกวนประสาทสำหรับซีวอนไปให้
“ไม่ต้องเลยนะ ห้องฉันไม่ต้อนรับคนอย่างนายหรอก กลับเข้าห้องนายไปเลย ไม่ต้องพูดมากแล้วเลิกเล่นได้แล้ว เอาไปบอกคนนู้นคนนี้ว่าเป็นคนรักของฉัน จนป่วนไปหมดแล้ว” ซีวอนบอกกับซองมินเสียงเบาจนแทบจะกลายเป็นกระซิบ กลัวคนที่หลับอยู่จะตื่นขึ้น
“ที่ป่วนอ่ะ คนที่หลับอยู่หล่ะซิ โฮะๆๆ ซีวอนฉันบอกแล้ว ว่ายังไม่หายแค้น นายก็ทนๆเอาแล้วกัน แต่สงสัยศึกครั้งนี้จะหนัก นอกจากฉัน ยังมีคุณคนข้างบ้านหน้าตาดี แสนอบอุ่น ทำคะแนนตีตื้นอยู่นิ ระวังไว้นะซีวอน เดี๋ยวฮีชอลจะโดนเจย์แย่งนะ ซองมินเป็นห่วง ไปนอนดีกว่า ฝันดีนะที่รัก จุ๊บๆ” ก่อนเดินกลับเข้าห้องซองมินยังไม่วายส่งจูบให้ซีวอนพร้อมรอยยิ้มหวานๆ มันแทยทำให้ซีวอนอยากเตะร่างอวบๆสักทีสองที แต่ติดที่อุ้มคนขี้เซาอยู่ และซีวอนก็ไม่อยากทำให้ฮีชอลตื่นตอนนี้ด้วย
ชายหนุ่มจัดแจงที่นอน เปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเองที่ขนาดใหญ่กว่าตัวให้ฮีชอล แล้วจึงเดินเข้าห้องน้ำไป แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้นอนกอดคนน่ารักสมใจ เสียงเคาะประตูห้องเบาๆก็ขัดจังหวะเสียงก่อน
เมื่อได้ยินเสียง ซีวอนนึกว่าจะเป็นซองมินที่จะเข้ามาป่วนอีก แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้วจึงได้รู้ว่า คนที่มาเคาะประตูห้องตอนดึก กลับเป็น พ่อ “แกพาฮีชอลมานอนด้วยหรือไง เมื่อกี้แม่แกจะเข้าไปหา ปรากฏว่าที่ห้องว่างไม่มีคน” คำถามแรกของพ่อ ซีวอนไม่ได้ตอบ แต่เบี่ยงตัวให้พ่อได้เห็น คนนอนหลับสบายในชุดนอนตัวใหญ่
“รู้แล้วใช่ไหม ว่ารักฮีชอล” อีกคำถามที่พ่อถาม ช่างเป็นคำถามที่ตรงแสนตรง ไม่มีอ้อมค้อม และซีวอนก็ได้แต่พยักหน้า ไม่พุดออกมาไม่ใช่ว่าไม่มั่นใจ แต่เพราะกลัวเสียงจะทำให้คนที่หลับอยู่ตื่น แล้วคืนนี้จะพลาดโอกาสดีๆ
“งั้นพรุ่งนี้หาเวลาว่างมานั่งคุยกับพ่อที่ห้องทำงานหล่ะกัน รู้ไหมว่าแม่แกหน่ะ เป็นห่วงฮีชอลมาก มีแค่เจย์เท่านั้นหล่ะที่ผ่านด่านเข้ามาได้” คำพูดของพ่อ ทำให้ซีวอนต้องคิดมาก มีแค่เจย์ที่ผ่านเข้ามาได้ งั้นก็แปลว่ามันต้องมีคนที่ผ่านเข้ามาไม่ได้ด้วย ทำไมฮีชอลของเขาถึงได้มีแต่คนเข้ามาชอบด้วยนะ ไม่ได้การแล้ว ยังไงก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง ซีวอนแน่ใจว่า ฮีชอลต้องใจตรงกับเขาแน่ๆ
คืนนี้คงเป็นคืนที่ซีวอนจะฝันดีที่สุดในรอบสี่ปี และคงเป็นคืนที่ฮีชอลอบอุ่นที่สุดในสี่ปีเหมือนกัน เมื่อได้กลับเข้ามา
อยู่ในอ้อมกอดที่แสนคิดถึง แม้ว่าจะไม่รู้ตัวก็ตาม
ยามเช้าที่น่าจะสดใสแต่ซีวอนกลับไม่สดใสตาม เพราะตื่นมา แทนที่จะมีคนน่ารักให้นอนกอด กลับเป็นหมอนข้าง ไร้เงาคนขี้แงเมื่อคืนที่อุ้มกลับมานอน
ชายหนุ่มเดินตามหา ไปทั่วบ้าน เข้าห้องนู้น ออกห้องนี้ ไปทั่ว เว้นเพียงห้องของซองมินเท่านั้น ที่ไม่เข้าไป เพราะไม่อยากหาเรื่องแต่เช้า ก่อนที่จะได้คุยกับฮีชอลให้เข้าใจ และสุดท้ายซีวอนก็มองเห็นคนที่ตามหานั่งเล่นอยู่กลางสนามหญ้ากับหน้าจืดข้างบ้าน ท่าทางมีความสุข มันทำให้ไอ้เรื่องที่เตรียมจะพูดหายไป ความสุจใจที่สัมผัสได้ก็เลือนหาย เหลือเพียงความโมโห ไม่พอใจ และสุดท้าย หึง!!!
“ออกมานั่งข้างนอกคุยกับชาวบ้านแต่เช้าเลยนะ จะอ้อนให้คนอื่นทำอะให้อีกหล่ะฮีชอล พอไม่มีฉันนายก็ยังมีคนอื่นใช่ไหม กลับมาถึงได้ไม่สนใจกันแบบนี้” ซีวอนที่เดินเข้ามาพูกแทรกกลางโดยไม่สนใจว่า ทั้งคู่กำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่
“แล้วซีวอนหล่ะ เมื่อก่อนซีวอนไม่เคยเรียกตัวเองว่าฉันกับฮีชอลเลย ไม่เคยว่าอะไนฮีชอลด้วย แต่พอซีวอนกลับมา ซีวอนก็ไม่พอใจฮีชอล ดุด่าตอดเลย” ร่างบางพูดสิ่งที่อยู่ในใจด้วยนำตาคลอ น้อยใจที่ซีวอนเอาแต่ว่าๆ ไม่รักเหมือนก่อนเลย “เมื่อก่อนถ้าฮีชอลร้องไห้ ซีวอนจะพาไปกินไอติม แต่นี้ตอนนี้ไม่เลย ฮีชอลร้องไห้ ซีวอนก็ว่า สำหรับซีวอนฮีชอลคงไม่สำคัญอีกแล้วใช่ไหม ตอนนี้ซีวอนมีซองมินแล้ว ไม่ต้องมาสนใจกันก็ได้”
น้ำตาที่เลอะสองแก้มเนียน ซีวอนอยากจะเป็นคนเช็ด ถ้าไม่มีเสียงที่พยายามดัดให้หวาน จากข้างหลังเรียกไว้ “ที่รัก ซองมินพร้อมแล้วนะ ไปข้างนอกกันเถอะ ว่าแต่คุยอะไรกัน ท่าทางเครียดเชียว”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ เชิญคุณซองมินไปซื้อของกับคุณ
“ครับงั้นพวกผมขอตัวก่อนนะครับ ไปเหอะซีวอน จะได้มีเวลาซื้ออะไรต่อมิอะไร” ซองมินลากซีวอนที่ดูไม่เต็มใจออกไป ขึ้นรถคันงามที่ซองมินสั่งให้คนเอามารอไว้อยู่แล้ว มีเพียงสายตาอาลัยของซีวอน ที่ฮีชอลมองไม่เห็น
“ดูสิเจย์ เขาไม่สนใจฮีชอลเลย พอซีวอนมีคนรักก็ไม่สนใจฮีชอลเลย เมื่อก่อนซีวอนไม่เป็นแบบนี้เลยนะ” ร่างเล็กที่ร้องไห้ไป นั่งระบายไป จนเจย์แถบอยากจะบอกเหลือเกินว่า คนที่ซีวอนรักก็คือฮีชอลนั่นแหล่ะ สายตาที่มองมาถึงฮีชอลจะมองไม่ออก แต่เจย์มองออกว่ามันเต็มไปด้วยความรัก ความห่วงหา และหวงแหน แค่ไหน
ระหว่างที่ทั้งฮีชอลนั่งร้องไห้ รถแท็กซี่ก็มาส่งผู้โดยสารหน้าตาไม่คุ้นที่หน้าบ้าน คนเฝ้าประตูเดินเข้าไปถามถึงธุระก่อนจะวิ่งมาบอกฮีชอลที่กำลังนั่งร้องไห้ ว่ามาหาซีวอน ร่างบางจึงเดินเข้าไปด้วยตัวเอง
“สวัสดีครับครับ ผม โจว คยูฮยอน มาหาซีวอนครับที่นี้ใช่บ้านเขาหรือเปล่าครับ”
“เอ่อ.. ใช่ครับ แต่เขาไม่อยู่นะครับ พึ่งออกไปกับคนรัก คุณจะเข้ามารอข้างในหรือเปล่าครับ”
“รบกวนด้วยนะครับ คนรักของเขาใช่ ซองมินหรือเปล่าครับ” เมื่อเปิดประตู ฮีชอลจึงสังเกตได้ว่าคนแปลกหน้าคนนี้มีกระเป๋าเดินทางใบเล็กติดมาด้วย
“ใช่ครับ” คำตอบของฮีชอลเรียกรอยยิ้มกระตุกที่มุมปากของชายแปลกหน้าคนนี้ได้ทันที คนรักของซีวอน ชื่อซองมินงั้นหรือครับ มินนี่ แล้วคนรักของผมชื่ออะไรกัน
To ~ Be ~ Con
Talk
Build มี 3ตอนนะคะ (เรื่องนี้ ถ้าชื่อตอนไม่เหมือนกันก็จะไม่ต่อกันอ่ะคะ แบบว่าเป็นเรื่องในชีวิตแต่ละวัน ยกเว้นตอน loca และ Build ที่จะต่อกัน อย่าพึ่งงงนะคะ) ในที่สุกก็ลงครบแล้ว
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ และทุกครั้งที่เปิดเข้ามาอ่านนะคะ
Dr. Fu
ความคิดเห็น