คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : I will be sexy for..our Love 100%
I will be sexy for..our Love
ในห้องที่มีเพียงแสงดาวส่องแสงลงมาให้พอมองเห็นเลือนราง ดวงตารีแสนคมจนดูน่ากลัวในบางครั้งทอดมองร่างเล็กในอ้อมกอดอย่างแสนคิดถึง...เกือบไปแล้ว
เกือบพลาดจนต้องสูญเสียไปตลอดกาล....ขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยชักนำเราทั้งสองให้มาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
ซีวอนกระชับอ้อดกอด โอบให้ร่างเล็กเข้ามาแนบชิดยิ่งขึ้นซึมซับคืนวันที่หายไป ก้มลงหอมหน้าผากมนเบาๆถ่ายทอดความอบอุ่นส่งไปให้คนรักได้นอนหลับฝันดี...
ทั้งที่ใจอยากจะทำมากกว่านี้ แต่ซีวอนก็ยังขยะแขยงตัวเองเกินกว่าจะทำให้คนรักแปดเปื้อน
ในอ้อมกอดที่แสนคุ้นเคย และทำให้หลับสบาย แต่วันนี้การได้หลับมานอนเคียงข้างกันอีกครั้งกลับทำให้ร่างเล็กที่ถูกโอบกอด ไม่สามารถนอนหลับได้ ทั้งที่เปลือกตาก็ยังลงมาปิดดวงตาเอาไว้
ฮีชอลจับความรู้สึกไม่สบายใจของชายหนุ่มร่างใหญ่ที่นอนซุกอยู่ได้เป็นอย่างดี..แต่คนอย่างซีวอนมีหรือที่จะยอมบอกกันได้ง่ายๆ...
สัมผัสอุ่นที่ประทับลงมาบนหน้าผากมนทำให้ร่างบางยิ่งหลับตาแน่น ใบหน้าหวานแอบซ่อนความเขินอายเอาไว้ รับรู้ได้ว่าเพียงไม่กี่คืนที่ห่างไกลกันนั้น สร้างความโหยหาให้แก่กันมากเพียงใด หากคืนนี้ซีวอนจะเรียกร้องมากกว่าครั้งไหน..ฮีชอลก็จะยอม
เพื่อซีวอนเลยนะ
อ้อมกอดที่แน่นกระชับชักพาให้สองร่างแนบชิดกันและกันมากขึ้น จนร่างบางแทบเกยอยู่บนอกหนา ดวงตากลมปิดแน่นรอรับสัมผัสที่จะมากขึ้นทั้งที่ใจเต้นระทึก แต่ชายหนุ่มกลับทำเพียงแค่หอมหน้าผาก แล้วนอนกอดอยู่เงียบๆเพียงแค่นั้น
ดวตากลมเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างแปลกใจที่สัมผัสแสนอบอุ่นมีเพียงเท่านั้น ช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าคมเข้ม เห็นว่าดวงตาคู่คมปิดสนิทลงไปแล้ว ทั้งที่ร่างกายสูงใหญ่ก็บ่งบอกให้รู้ว่าชายหนุ่มไม่ได้ต้องเพียงเท่านั้นเช่นเดียวกัน
ร่างบางค่อยๆกระแซะร่างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งๆ พาให้ตัวเองแนบชิดคนที่หลับตาลงมากยิ่งขึ้น ดวงตากลมก็จ้องมองใบหน้าคมสันที่ดูเหมือนเริ่มจะรู้สึกตัวขึ้นมา ด้วยเปลือกตาหนากระพริบขึ้นลงถี่ๆ
“ฮีชอลเป็นอะไรครับ นอนไม่หรือเปล่า หรือว่าอึดอัดที่ซีวอนกอดแน่นไป” เสียงแหบพร่าแต่ไม่มีอาการงัวเงียเลยสักนิดเอ่ยถามร่างเล็กในอ้อมกอดที่ดิ้นขลุกขลักไปมา
“ปล่ะ...เปล่า แล้วซีวอนจะนอนแล้วหรอ” ดวงตากลมใสมองคนรักพร้อมกับปากอิ่มที่เม้มเข้าหากันแน่นฟันขาวกดลงไปจนเกิดรอย รู้สึกผิดที่ทำให้ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาแบบนี้
“ยังหรอกครับ ไม่ทำปากแบบนี้นะครับฮีชอล เดี๋ยวจะเจ็บนะ” มือหนาลูบไล้ลงบนริมฝีปากล่างของคนรักที่เกิดเป็นรอยฟันขึ้นมา ความเย้ายวนของกลีบปากนุ่นทำให้ชายหนุ่มไม่อาจห้ามใจได้ ค่อยๆบรรจงประทับลงบนกลีบปากที่เปิดรับอย่างรอคอย
ใจดวงเล็กของฮีชอลกำลังเต้นรัว ทั้งที่ก็เคยคุ้นกับจูบที่แสนอ่อนโยนของชายหนุ่มผู้นี้ แต่ครั้งนี้กับตื่นเต้นจนกลายเป็นคาดหวัง คงเพราะพึ่งผ่านพ้นอุปสรรคที่แสนเลวร้ายมาด้วยกัน แต่แล้วดวงตาที่หลับพริ้มกับลืมขึ้นอีกครั้งด้วยความแปลกใจ เมื่อรู้สึกได้ว่าอ้อมกอดที่รัดแน่นค่อยๆผ่อนลง จนการเป็นโอบเอาไว้อย่างหลวมๆ
“หลับนะครบคนเก่งของซีวอน ดึกมากแล้ว” ชายหนุ่มมอบจุมพิตราตรีสวัสดิ์ลงบนหน้าผากมนอีกครั้งก่อนจะปิดเปลือกตาลงทั้งที่ก็ยังโอบกอดเอวบางไว้หลวมๆ
ดวงตาโตกระพริบมองชายหนุ่มข้างกายอย่างงุนงง ปากอิ่มที่มีเคลือบน้ำใสอยู่บางๆยื่นเข้าหากันแก้มป่องพองลม อยากจะเรียกชื่อชายหนุ่มแต่ก็ไม่กล้าพอที่บอกเรื่องที่คิด จึงได้แต่หลับตาลงอีกครั้งอย่างขัดใจ และความคิดบางอย่างอยู่ในหัวกลมๆเล็กๆ
หรือซีวอนจะ...ไม่มีความต้องการอีกแล้ว....คืนพรุ่งนี้ต้องรู้ให้ได้เลย...
ฮีชอลใช้เวลาว่างที่อยู่คนเดียวในช่วงที่ชายหนุ่มต้องไปทำงาน นั่งคิดตลอดทั้งวันถึงอาการที่แปลกไป คิ้วเรียวขมวดเข้ากันจนแทบจะจับมัดเป็นโบว์ได้
“ฮีบอม พ่อฮีบอมเป็นอะไรไป ตอนอยู่คนเดียวซีวอนบอกอะไรฮีบอมหรือเปล่า” ร่างเล็กทรุดลงนอนกับพื้นให้ดวงตากลมอยู่ในระดับเดียวกับเจ้าแมวสีเข้มตัวอ้วน พยายามจะซักถามหาสาเหตุ แต่มันก็ตอบกลับมาเพียงแค่เหมียวๆ
“อืออ ไม่ได้บอกอะไรเลยหรอ แล้วซีวอนเป็นอะไรไปหรือเปล่า” ใบหน้าหวานดูจริงจังกับการพูดกับแมวที่ก็ยอมอยู่นิ่งๆสื่อสารกันคนละภาษากับเจ้านายคนสวย “คืนนี้ต้องรู้ให้ได้เลย แต่ตอนนี้ต้องไปทำอาหารก่อนเนอะ”
มือเล็กๆเริ่มลงมือทำอาหารสำหรับมือเย็นดั่งที่เคยทำอยู่เป็นประจำ ปลาตัวกำลังพอดีกับสองคน ถูกวางลงในกระทะน้ำมันร้อนจัด ดวงตากลมจ้องมองตัวปลาที่กำลังเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ
ซีวอนเป็นอะไรไปหรือเปล่า....
สงสัยเมื่อวานจะทำงานมาหนักเกินไป
หรือว่าเพราะต้องมาง้อฮีชอลแบบนั้น ก็เลยเหนื่อย
หรือว่าเพราะไม่ได้อยู่ด้วยกันหลายวันเลยไม่ชิน
แต่ถ้าไม่ใช่หล่ะ...ถ้าซีวอน
คนที่กำลังหลงอยู่ในความคิดของตนเองทำจมูกฟุดฟิดกับกลิ่นแปลกๆที่ลอยมาปะทะกับจมูก สติที่กลับมา พาให้ดวงตามองลงไปในกระทะน้ำมันร้อนอีกครั้ง “เฮ้ยยยย ปลาไหม้” ใบหน้าหวานมุ่ยลงในทันที ค่อยๆยกเจ้าปลาตัวสีดำขึ้นจากกระทะอย่างอย่างลำบาก ก็ไม่ใช่แค่ไหม้ แต่มันติดกระทะอีกด้วย
“เหมี้ยวววววววววววว” เจ้าแมวตัวอวบจ้องมองชิ้นปลาสีดำอย่างสนใจ
“ไม่ต้องมองเลย ก็ฮีบอมอ่ะแหล่ะ ไม่ยอมบอกว่ามันจะไหม้แล้ว แอบวางแผนอะไรไว้แน่เลยใช่ไหม” ดวงตาโตจ้องมองแมวน้อยอย่างคาดโทษ ก่อนส่งค้อนให้กับแมวแสนรัก แล้วโยนปลาตัวดำๆลงถังขยะไม่สนใจเสียงร้องเสียดายของอีกหนึ่งสมาชิกในครอบครัว “ไม่ต้องเลย ดำขนาดนั้นจะกินได้ไง”
ตารีกว้างของแมวน้อยมองตามเจ้าปลาสีดำแม้จะกลิ่นไหม้ แต่มันก็ยังดีกว่าอาหารแมวรสชาติน่าเบื่อที่กินอยู่ทุกวัน งืดดดด ทำไมคนสวยไม่เข้าใจผมเลย
“เฮ้อ แล้วเดี๋ยวซีวอนกับฮีชอลจะกินอะไรกันดีหล่ะ ฮีบอมไม่ต้องเลย ฮีบอมก็กินอาหารของฮีบอมนั่นแหล่ะ” ปากอิ่มเจื้อยแจ้วราวกับเจ้าแมวตัวกลมจะฟังออก ต่อจากนั้นใบหน้าหวานจึงยิ้มแป้นเมื่อนึกได้ว่ามื้อเย็นนี้จะกินอะไรแทนปลาที่ไหม้ไป “ในตู้มีอาหารแช่แข็งอยู่นี้นา ซีวอนคงยังไม่ได้จัดการจนหมดไปแล้วหรอกนะ”
ประตูตู้เย็นถูกเปิดกว้าง ใบหน้าหวานมองอย่างขัดใจ ที่กล่องอาหารแช่แข็งยังอยู่เท่าเดิม หมายความว่าซีวอนไม่ทำอาหารกินเองเลยใช่ไหม แล้วไปทานที่ไหน กินอิ่มหรือเปล่านะ....
มือเล็กจับเจ้าอาหารแช่กล่องแรกแข็งยัดเข้าไมโครเวฟ ตั้งเวลาเรียบร้อย นั่งคิดเรื่องของคนรักต่อแล้วก็เอามันออกเมื่อมีเสียงติ๊ง ดังขึ้น ก่อนจับกล่องที่สองยัดเข้าไป แล้วก็ทำเหมือนกล่องแรก แค่ที่ก็ได้อาหารพร้อมเสริฟ์สำหรับสองที่แล้ว
...แต่เดี๊ยวก่อน ขืนทำแค่นี้ ฮีชอลได้โดนซีวอนแซวเอาแน่ๆไม่มีทางหรอก ร่างบางจัดการปรุงมันใหม่ให้ได้รสที่ชื่นชอบ ก่อนยิ้มหวานมองอย่างภาคภูมิใจ ยังไงๆฮีชอลก็ไม่นิยมทำอาหารสำเร็จรูปให้ซีวอนกินหรอกนะ
พอดีกับที่อาหารทั้งสองอย่างเสร็จสิ้นเสียงบานประตูที่เปิดอ้าออกกก็บอกให้รู้ว่ามีคนสำคัญกลับมาแล้ว ร่างบางถลาออกไปหาชายหนุ่มที่พึ่งปิดประตูห้องลง โผล่เข้าหาอ้อมกอดที่รอรับพ้อมรอยยิ้ม
“วิ่งทำไมครับฮีชอล เดี๋ยวก็ล้มไปหรอก” ชายหนุ่มโอบกอดร่างบางเอาไว้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเตือนคนรักอยู่ทุกครั้งที่เห็นร่างบางทำอะไรเสี่ยงๆ
“อื้อออ พึ่งกลับมาก็บ่นแล้ว ไม่เหนื่อยหรอ” แก้มใสพองลมอย่างที่เคยทำเป็นประจำ สายตาช้อนมองชายหนุ่มนิดๆ ให้รู้ว่ากำลังงอนอยู่
“โอ้ๆ ไม่บ่นแล้วนะ เหนื่อยสิครับ แต่แค่เจอฮีชอล ซีวอนก็หายเหนื่อยแล้วครับ” ใบหน้าคมยิ้มกว้างจนเห็นรอยลักยิ้มสองข้าง โอบไหล่บางไปยังโซฟาตัวใหญ่กลางห้องแล้วลงนอนหนุนตักเล็กๆ ในดวงตาทอประกายความสุข
“แล้วแบบนี้หายเหนื่อยขึ้นไหม” ปากอิ่มประทับลงบนกลีบปากบาง รายล้อมด้วยไรหนวด ก่อนที่ใบหน้าหวานจะแดงกล่ำเสียเองทั้งที่เป็นคนเริ่มก่อน แม้แต่เสียงที่ถามออกไปยังสั่นเทาด้วยความเขินอาย
ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าหวานแน่นิ่งคล้ายตกใจ ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้ ก่อนจะค่อยๆกลายเป็นใบหน้าที่อ่อนโยนสำหรับฮีชอลอีกครั้ง “หายแล้วครับคนเก่ง ขอบคุณนะครับ ซีวอนไปเปลี่ยนชุดก่อนดีกว่า”
ใบหน้าหวานหมองเศร้าลงทันทีที่ชายหนุ่มละจากไป จ้องมองประตูห้องนอนที่ปิดลง แล้วยังตาด้วยเสียงล็อคประตูที่ทำให้นึกสงสัยมากขึ้นไปอีก ปากอิ่มถูกเม้มเข้ากันจนขาวซีด...ซีวอนเป็นอะไรไปอีกแล้วนะ
แล้วอะไรจะทำให้ซีวอนกลับมาเป็นอย่างเดิมได้หล่ะ...น้ำตาจะช่วยได้ไหมนะ
เมื่อมื้อเย็นผ่านพ้นไปคนทั้งสองก็ย้ายตัวเองมานั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ ร่างเล็กซุกอยู่ในอ้อมกอดอุ่น พิงหลังไว้กับอกกว้างที่นั่งซ้อนหลังอยู่ สองตาจับจ้องทีวีที่ถ่ายสดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ มีบ้างที่ร่างเล็กจะเชียร์สนุกจนลืมตัวเผลอกระทุ้งซี่โครงหนาๆ “อุ้ย!” ใบหน้าหวานหันมามองคนข้างหลังอย่างสำรวจหาร่องรอยความเสียหาย “เจ็บหรือเปล่า ฮีชอลขอโทษ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ดูต่อเหอะนะ” มือหยาบลูบผมนุ่มฝังจมูกลงไปสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆอย่างรักใคร่ สองตาคมไม่ได้สนใจกีฬาตรงหน้าเท่ากับตากลมๆที่จ้องมองอยู่อย่างไม่กระพริบ
“อืออ ซีวอนหิวน้ำไหม” รอยยิ้มใสๆหันมาหาคนรักอีกครั้ง ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานจับมือหนาโยนเล่นไปมาอย่างเพลิดเพลิน
“ก็ได้ครับ แล้วอย่าวิ่งนะ” ซีวอนคลายอ้อมแขนจากเอวบางที่กอดไว้หลวมๆ เอ่ยเตือนคนน่ารักที่ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยๆ เพราะความซุ่มซ่าม
“รู้แล้วหน่า ไม่ใช่เด็กสักหน่อย” เสียงหวานขึ้นจมูก เดินจากไปแบบแกล้งงอนเรียกเสียงหัวเราะทุ่มต่ำดังไล่หลังมาจากคนที่นั่งดูกีฬาตรงหน้า
“โอ้ย!” เสียงร้องลั่นดังมาจากห้องครัว เรียกให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟารีบวิ่งเข้าไปในห้องครัว สวนกลับแมวสีเข้มที่วิ่งออกมาอย่างตกใจ
“ฮืออออออออ ซีวอน เจ็บอ่า ซีวอน”
เสียงใสเทา และหยดน้ำใสจากหัวตากลมทำให้ชายหนุ่มร้อนใจรีบเข้าไปหาร่างเล็กที่นั่งอยู่กับพื้นกลางห้องครัว น้ำหกกระเลอะไปทั่ว แล้วยังมีเศษแก้วแตกอีกก็ยิ่งทำให้ร่างสูงเป็นห่วงคนรัก น้ำเสียงสั่นเทาไม่แพ้กัน “ฮีชอลเป็นอะไรครับ เจ็บตรงไหน บอกซีวอนสิครับ”
“เจ็บ เจ็บตรงนี้อ่า เจ็บอ่าซีวอน” นิ้วเรียวชี้ลงบนเข่าขาวๆที่ดูไร้ร่องรอยใด แต่ใบหน้าหวานที่เปื้อนน้ำตาก็ทำให้ร่างสูงร้อนใจได้พอแล้ว
“ครับ ให้ซีวอนดูหน่อยนะ แล้วตรงอื่นไม่มีแผลใช่ไหมครับ ไม่ได้โดนแก้วบาดนะ”
“อือ ไม่โดนบาด ซีวอนฮีชอลเดินไม่ไหวแล้ว พากลับห้องหน่อยนะ” น้ำเสียงออดอ้อนอย่างอ่อนแอ กับดวงตากลมโตที่มีหยดน้ำติดอยู่บนแพขนตายาว คงไม่มีใครปฏิเสธได้ลง แล้วยิ่งกลับซีวอนที่ไม่เคยขัดใจร่างบางเลย ช้อนตัวร่างบางขึ้นแนบอกพากลับห้องนอน
ร่างสูงค่อยก้าวเดิน กลัวว่าน้ำหนักเท้าที่ลงจะกระเทือนร่างเล็กที่โอบอุ้มอยู่ ดวงตาคมก้มลงมองใบหน้าหวานที่ซุกอยู่กับอกด้วยความห่วงแสนห่วง บรรจงวางลงบนเตียงนุ่มอย่างเบามือ “นั่งอยู่นี้ก่อนนะครับ อย่าพึ่งไปไหน เดี๋ยวซีวอนไปหายามาทาให้”
มือบางรีบคว้าข้อมมือหนาเอาไว้แน่น จากที่มองหัวเข่าตัวเองค่อยๆช้อนขึ้นมองใบหน้าคม ริมฝีปากบนล่างเม้มเข้ากันอย่างกลัวนิดๆ “ไม่เอา อย่าไปนะ อยู่กับฮีชอลก่อน ฮีชอลเจ็บอ่า”
“เพราะฮีชอลเจ็บไงครับ ถึงต้องไปเอายามาทาไว้ก่อน” รอยยิ้มละมุนของซีวอนมีให้กับคนขี้อ้อนที่ดูท่าจะงอแง ไม่ยอมทายาเอาซะแล้ว แต่มือหนาก็ไม่กล้าละออกจาการจับกุมของมือเล็ก
“ไม่เอา ไม่ทา ฮีชอลไม่ชอบอา ไม่เอานะ ไม่เอา” ผู้ชายตัวเล็กๆ บางๆ กลายเป็นเด็กน้อยขี้กลัว ให้ซีวอนได้รับมืออย่างใจเย็น แต่มันก็เป็นสิ่งที่เขารักที่จะทำกับการได้ดูแลร่างบางนี้ ได้ปกป้องให้อยู่ในอ้อมกอด ให้มีรอยยิ้มที่สดใสอยู่เคียงข้างกันไปเรื่อยๆ
“ครับ ไม่ทาก็ไม่ทานะครับ อย่างร้องนะฮีชอล ไม่ร้องนะคนเก่งของซีวอน” ชายหนุ่มโอบร่างบางเข้ามาแนบอก ยอมตามใจร่างบางที่ดูเหมือนกำลังจะร้องไห้ออกมอีกครั้ง
ซีวอนรั้งไหล่เล็กออกห่างเมื่ออาการสะอึกสะอื้นหายไป ค่อยโน้มใบหน้าใบหน้าริมฝีปากสัมผัสดวงตากลมโต หวังเช็ดรอยน้ำตาให้จางหายไป แต่แล้วกลับชะงักค้าง แล้วผละออกห่าง
ร่างบางงุนงงกับท่าทีของคนรักที่อยู่ดีๆก็ผละออกมา ดวงตาโตจ้องมองอย่างสงสัย พาให้ริมฝีปากอิ่มยื่นออกมาน้อยตามความเคยชิน “ซีวอนเป็นอะไร”
“ปล่ะ...เปล่าครับ” แค่แปลกใจว่าทำไมน้ำตาวันนี้รสเหมือนน้ำก๊อก และต้องรีบหักห้ามความรู้สึกบางอย่างก่อนที่มนจะเกินเลยไป “ซีวอนไปอาบน้ำก่อนนะครับ”
ชายหนุ่มเดินลับหายเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ร่างบางมองตามอย่างไม่เข้าใจ ขบกัดริมฝีปากตัวเองจนเป็นรอย พึมพำเบาๆกับตัวเองอย่างสงสัย “ทำไมน้ำตาก็ไม่ได้ผลหล่ะ แล้วฮีชอลต้องทำยังไงถึงจะช่วยซีวอนได้ อ่ะ!”
ร่างบางนึกไปถึงคำแนะนำของเพื่อนรักข้างบ้านที่เคยปรึกษาด้วยทุกเรื่อง.....
ฮีชอลใส่เสื้อเชิ้ตของซีวอน แค่นี้ฮีชอลก็เซ็กซี่สำหรับซีวอนแล้ว แค่เสื้อเชิ้ตตัวเดียวนะ ห้ามใส่อย่างอื่นนะ
แต่ว่าตอนนั้น แผนนี้มันแค่เกือบได้ผลนี้นา มันต้องมีวิธีที่ดีกว่าหรือเปล่า...นึกออกแล้ว
ใบหน้าหวานนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับแผนการที่แอบวางไว้ นั่งรอเวลาให้ชายหนุ่มออกมาจากห้องน้ำเสียที และเมื่อคนที่รออยู่ออกมา ร่างบางก็ส่งยิ้มหวานหยดไปให้รีบเดินเข้าห้องน้ำ จนลืมไปว่าเมื่อกี้ยังบอกว่าเจ็บจนเดินไม่ไหวอยู่เลย
ชายหนุ่มใส่กางเกงขาสั้น เปลือยท่อนบนนอนอ่านหนังสืออยู่บนที่นอนรอให้เด็กน้อยหัดแสบสำหรับเขาออกมาจากห้องน้ำเสียที แต่แล้วเมื่อร่างบางออกมาจากห้องน้ำจริง ชายหนุ่มก็ได้แต่มองอึ้งอยู่นานกว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ “ทำไมฮีชอลใส่แบบนี้นอนหล่ะครับ”
แบบนี้ที่ซีวอนว่า มันคือกางเกงขาสั้นสำหรับใส่นอนของซีวอนเอง ตัวผ้าบางเบาแนบลู่ไปกับต้นขาเล็กขาวนวล จนทำให้รู้ได้ว่าทั้งตัวคงมีแค่กางเกงตัวนี้ตัวเดียว ส่วนแผ่นอกบางก็ไม่มีผ้าสักชิ้นใส่ปกปิดอากาศหนาว เปิดผิวขาวที่แดงเรื่อ
“อ้าว! ทำไมฮีชอลใส่ไม่ได้หรอ” ใบหน้าหวานงุนงงก้มมองตัวเอง ก่อนที่ดวงตาใสจะหันไปมองชายหนุ่มที่ก็แต่งตัวไม่ต่างกันเลย “กางเกงนี่ก็ของซีวอนนะ”
“ครับ ซีวอนรู้ว่าของซีวอน แต่ทำไมฮีชอลไม่ใส่เสื้อหล่ะครับคนเก่ง” ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาร่างเล็กที่ยังยืนทำหน้างงอยู่หน้าห้องน้ำ ยื่นเสื้อยืดเนื้อนิ่มให้คนรัก
ร่างบางที่ซีวอนเลี้ยงมากับมือเริ่มออกอาการดื้อกับคนเลี้ยงอีกครั้ง สองมือยกขึ้นกอดอกเอาไว้ ใบหน้าก้มต่ำ แต่สองตาก็ช้อนมองดวงตาคมที่อยู่สูงกว่า “ไม่เอา ฮีชอลไม่ใส่หรอก ทีซีวอนยังไม่เห็นใส่เลย”
“ก็ซีวอนร้อนนี้ครับ”
“ฮีชอลก็ร้อน ไม่รู้แหล่ะ ง่วงแล้วจะนอน” ร่างบาเดินหนีกลับไปขึ้นเตียงฝั่งของตัวเองมองชายหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างแสนงอน มองมือบางตบลงที่นอนฝั่งที่ว่างอยู่ เป็นเชิงเรียกให้กลับมานอนที่เดิมได้แล้ว
ก่อนที่จะยอมเดินไปตามคำเรียกของร่างบาง ใบหน้าคมต้องส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ แต่ก็ยังมีรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นให้อยู่เสมอ “ตามใจ แล้วอย่าบ่นว่าหนาวนะ”
“อื้อ บอกแล้วว่าร้อน” เสียงใสๆเกินกว่าจะเป็นเสียงของคนง่วง ล้มตัวลงนอนโดยมีชายหนุ่มร่างสูงที่ถอดเสื้ออวดแผ่นอกอยู่เป็นประจำ ห่มผ้าห่มผืนหนาให้ แต่กลับไม่ทีท่าว่าจะล้มตัวนอนเคียงข้างกันเลย “ซีวอนจะไปไหน”
“เปล่าหรอกครับ แต่ว่าซีวอนจะออกไปทำงานข้างนอก ถ้าทำข้างในแสงไฟจะแยงตาฮีชอลนะ หลบซะนะครับคนดี” ชายหนุ่มจุมพิตบนหน้าผากเนียนเรียบดั่งทุกคืน ก่อนเดินออกห้องนอน ไม่ลืมปิดไฟให้ความมืดเข้าปกคลุม
ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองแผ่นหลังที่เดินห่างไป มองบานประตูที่ปิดสนิทอย่างน้อยใจ เสียใจ และตกใจ...ซีวอนแปลกไปจริงๆด้วย ถ้าเป็นปรกติคืนนี้ต้องไม่ปล่อยให้ฮีชอลได้นอนไวแน่ๆ
แล้วฮีชอลต้องทำยังไงให้ซีวอนคนเดิมกลับมา....จะปรึกษาใครได้หรือเปล่านะ..
ซีวอนไม่ต้องกลัวนะ ฮีชอลจะทำเต็มที่...เพื่อซีวอนคนเดิม....
ร่างเล็กๆของฮีชอลนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มที่มีคนใจดีเอามาช่วยพันให้อุ่นขึ้นมาบ้าง ใบหน้าหวานมุ่ยเข้าหากันตั้งแต่เช้า คิ้วเรียวขมวดไปมา แม้ว่าจะถูกจ้องก็ไม่ทีท่าว่าจะรู้สึกตัว
ร่างสูงที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนใหญ่ผันรอบเอวหนาไปด้วยกร้ามเนื้อ เปิดอกปล่อยให้หยดน้ำเกาะพราวอยู่ตามลำตัวมองร่างเล็กที่ทำปากขมุบขมิบ หน้ามุ่ยๆ และคิ้วขมวดไปมาอย่างสงสัย เดินเข้าไปนั่งลงข้าง แต่ก็เหมือนจะไม่ได้รับความสนใจ จนต้องโน้มลงใช้ฝ่ามือยันลำตัว คร่อมร่างบางเอาไว้ตรงกลางสะบัดเล็กน้อยให้น้ำเย็นหยดลงใบหน้าแสนน่ารัก
“อื้ออออออ ซีวอนอ่า แกล้งฮีชอลทำไม ยิ่งหนาวอยู่นะ” จากหน้ามุ่ยกลายเป็นพองลมจนแก้มป่อง ดวงตากลมโตหรี่จ้องใบหน้าที่อยู่ใกล้เพียงลมหายใจสัมผัสได้อย่างหมั่นไส้จนได้ยินเสียงหัวเราะทุ้ม มือเล็กก็คอยผลัก คอยดันไม่ให้น้ำหนักที่มากกว่าลงมาทับ “หัวเราะอะไรเล่า แกล้งคนอื่นได้แล้วดีใจหรือไง เป็นเด็กนิสัยเสียนะเนี่ย”
“แต่เด็กนิสันคนนี้ก็เลี้ยงฮีชอลให้น่ารักได้ขนาดนี้เลยนะครับ” หลังเสียงหัวเราะลั่นของตนเอง ร่างสูงก็ต้องจับสองมือเล็กเอาไว้แน่นก่อนที่จะโดนทุบไปมากกว่านี้ “ซีวอนก็บอกแล้วว่าถ้าหนาวก็ให้ใส่เสื้อก็ไม่กันเลยดูสิ นอนขดเชียว แล้วทำหน้าบึ้งแต่เช้าหล่ะครับ”
“ไม่รู้ ไม่ต้องมาสนเลย ไปเช็ดตัวได้แล้ว ไปสิ” เสียงใสขึ้นสูง และลากยาวในประโยคสุดท้าย ร่างเล็กก็ดิ้นขลุกขลักไปมาในอ้อมแขนของตัวใหญ่ที่เกือบจะทิ้งน้ำหนักลงมาทั้งตัว
“ไปแล้วครับ ดุจังเลยนะวันนี้ อื้ออออออออ แต่แก้มยังนิ่มเหมือนเดิม” ก็ละตัวออกไปจากร่างนุ่มนิ่ม ริมฝีปากบางที่ครึ้มไรหนวดก็ฝังลงบนแก้มป่องๆของคนรัก
“อื้ออออ เจ็บนะ ไม่ได้โกนหนวดนานแค่ไหนแล้วเนี่ย” มือเล็กลูบแก้มที่โดนขโมยหอมไปมา โดยไม่รู้เลยว่าแก้มใสทั้งสองข้างกำลังแดงเปล่งเสียยิ่งกว่ามะเขือเทศ
ชายหนุ่มมองท่าทางของคนรักด้วยรอยยิ้มแสนกว้าง การได้ตื่นนอนขึ้นมามองหน้าใครสักคนที่รักสุดหัวใจ ได้มองท่าทางแสนน่ารักไปแต่งตัวไป จะมีอะไรมีความสุขมากไปกว่านี้อีกไหมหนอ...คงไม่มีอีกแล้ว
ซีวอนมองดวงตากลมที่จ้องกลับมาเหมือนกันแม้ว่าหน้าขาวๆ ผิวใสที่โผล่พ้นผ้าห่มจะแดงกล่ำก็ยิ่งอยากแกล้งให้ผิวขาวๆแดงไปกว่านี้อีก “ฮีชอลไม่มาช่วยซีวอนแต่งตัวหรอครับ”
“ไม่!” ร่างเล็กลงเสียงหนักกว่าทุกครั้ง เบือนหน้าหนีแววตาที่แฝงนัยหวานช่ำจนเขินอายเกินกว่าที่จะมอง “รีบๆแต่งตัวแล้วไปทำงานเลย วันนี้ฮีชอลงอนซีวอนหนึ่งวัน ไม่ทำข้าวเช้าด้วย ไปหากินเอาเอง”
“อ้าว!” ซีวอนมองหน้าคนรักที่เบือนหนีไปแล้วอย่างงง จนต้องเลิ่กคิ้วเข้มขึ้นแต่ใบหน้าคมก็ยังมีรอยยิ้มพราวเอยู่ “งอนซีวอนเรื่องอะไรหล่ะครับคนเก่ง” ชายหนุ่มที่แต่งตัวเสร็จพอดีลงมานั่งข้างเตียง ใช้นิ้วเรียวเชยใบหน้าสวยๆที่บึ้งตึ้งให้หันมามอง
“ไม่รู้ ไม่ต้องพูดเลย แต่งตัวเสร็จแล้วก็ไปทำงานสิ” แม้ใบหน้าจะถูกเชยให้หันมามอง แต่ฮีชอลก็เบี่ยงสายตาไปทางอื่น ปากเล็กยื่นออกมา แก้มใสก็พองลมจนน่าแกล้ง
“ไล่จังเลยแฮะ สงสัยวันนี้ต้องรีบกลับมาง้อแล้วมั้งจะหาอะไรมาง้อด้วยดีไหมเนี่ย”
คำพูดเปรยๆที่ต้องการหยอกเย้า แต่กลับเรียกให้ดวงตากลมโตหันมาจ้องมองอย่างสนใจ ใบหน้าคลายความบึ้งตึงแสนงอนกลายเป็นรอยยิ้มหวาน และเสียงใสๆ “อะไรก็ได้ใช่ไหม”
“อะไร อะไรก็ได้ครับฮีชอล” แม้จะรู้ว่าร่างที่เอาแต่ขดตัวอยู่ในผ้าห่มหมายถึงอะไร แต่ซีวอนก็ยังอยากแกล้ง อยากแหย่ ทำเป็นไม่เข้าใจ มองคนรักด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามแอบแฝงความเจ้าเล่ห์เสียจดมิด
“อ่า ก็ที่ซีวอนบอกว่าจะหาของมาง้อไง ฮีชอลขออะไรก็ได้ใช่ไหม” แม้จะขัดใจที่คนรักทำเป็นไม่รู้ความหมาย แต่รอยยิ้มหวานก็ยังไม่เลือนหายไปจากหน้าตาสวย
“ครับ อะไรก็ได้ ซีวอนให้ฮีชอลได้ทั้งนั้นแหล่ะ” ชายหนุ่มใช้นิ้วเย็นๆของตนเกลี่ยไล้ลงบนหน้าของคนที่ขดตัวหนีหนาวอยู่ ให้ต้องส่ายหน้าไปมา
“อ่า~ไม่แกล้งสิ” รอยยิ้มเริ่มเลือนหายไปอีกครั้ง จนชายหนุ่มต้องหยุดนิ้วมือของตนลงจึงได้รอยยิ้มคืนมากอีกครั้ง “เดี๋ยวขอนึกก่อน นึกได้แล้วจะบอกนะ”
“แปลว่าหายงอนแล้วใช่ไหมครับ ที่รัก” คำแทนชื่อเรียกถูกกระซิบเบาชิดใบหูเล็กเรียกให้เลือดแทบจะมาคลั่งอยู่บนใบหน้าหวานที่หัวเราะคิกคักเพราะจั้กจี๋
“อืมมมม หายแล้ว” ใบหน้าพยักขึ้นลงอย่างว่าง่ายสมกับที่เป็น..ฮีชอลของซีวอน... ผู้น่ารัก ผู้ไม่เคยโกรธเคืองได้นาน “ซีวอนไปทำงานได้แล้ว เดี๋ยวสายนะ”
“ครับ ไปส่งที่หน้าประตูหน่อยสิครับคนเก่ง” ดวงตาคมมองด้วยสายตาอ่อนแสงคล้ายว่ากำลังออดอ้อน ผิดกับท่านรองประธานที่ทุกคนรู้จักและมองว่าแสนโหด
“ได้ครับ” ฮีชอลรับคำค่อยออกมาผ้าห่มที่พันตัวไปมาโดยมีคนตัวโตๆคอยช่วยประคองเอาไว้ ก่อนจะหย่อนเท้าเล็กลงบนพื้นพรมนุ่ม “ถ้าไม่ติดว่าใส่สูทนะ ฮีชอลจะขอขี่คอเลย”
ชายหนุ่มจ้องมองร่างเล็กบางที่ทั้งตัวมีเพียงกางเกงขาสั้นๆบานๆ กับผิวที่ถูกย้อมด้วยสีเลือดเพราะความเขินอาย ก่อนต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่นพร้อมฟันขาวที่ลอบกัดริมฝีปากแน่น
มือเล็กในอุ้มมือใหญ่ถูกยกขึ้นจุมพิตที่ด้านหลัง “ใส่สูทก็ขี่ได้เอาไหมครับ” แผ่นหลังกว้างหันให้ร่างเล็กกว่า พร้อมย่อตัวลงให้คนสูงน้อยกว่าขึ้นมาขี่หลังได้สะดวก
“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวสูทยับ เป็นถึงท่านรองใส่เสื้อยับๆ คนอื่นเขาจะมองว่าฮีชอลดูแลซีวอนไม่ดี เดินไปเนี่ยแหล่ะ”
“ตามใจครับ” คนทั้งสองในชุดที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วเดินกุมมือไปด้วยกันจนถึงหน้าประตูห้อง “ซีวอนไปทำงานแล้วนะครับ อยู่บ้านกับฮีบอมอย่าทะเลาะกันนะ”
“บ้าหรอ” มือเล็กตีลงบนแขนล่ำ “ตั้งใจทำงานนะ ฮีชอลรออยู่” ใบหน้าเนียนที่แดงกล่ำเงยขึ้นประทับลงบนแก้มสากอย่างแผ่วเบา
ชายหนุ่มที่ถูกหอมแก้มก่อนออกไปทำงาน อดใจไม่ได้ที่จะคว้าร่างเล็กแสนนุ่มนิ่มเข้าหาตัว กอดไว้แนบแน่น ไม่ยอมให้จบเพียงแค่การหอมแก้ม เมื่อริมฝีปากบางลงประกบกับเรียวปากอิ่มมอบสัมผัสแสนหวานให้แก่กัน
“อื้อออ” เสียงสั่นหวานประท้วงแผ่วเบาในลำคอเมื่อใกล้หมดลมหายใจ เมื่อถูกปล่อยเป็นอิสระก็แทบยืนไม่อยู่ ได้แต่พิงอยู่ในอ้อมอกอุ่นที่คิดถึง ดวงตากลมปรือขึ้นอย่างยากลำบาก
ชายหนุ่มมองริมฝีปากแดงสดช้ำนิดๆ ที่เคลือบด้วยน้ำใสแล้วก็ได้แต่ห้ามใจ ไม่มองต่ำลงไปกว่าคอเล็ก และไหล่บางที่ยังขยับขึ้นลงอย่างแรง “ไปทำงานนะครับ”
ซีวอนต้องตัดใจลูบผมนุ่มและก้มลงหอมบนหน้าปากกว้างอีกครั้งแล้วเปิดประตูออกนอกบ้าน ก่อนปิดประตูลงก็ไม่ลืมที่จะส่งรอยยิ้มอบอุ่นให้อีกครั้ง
ฮีชอลที่ถูกปล่อยทิ้งให้อยู่คนเดียวรีบวิ่งเข้าห้องครัว จัดการเทอาหารเม็ดให้ฮีบอม แล้วก็วิ่งกลับเข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง มือบางคว้าโทรศัพท์มือถือกดโทรออกหนึ่งในเบอร์ฉุกเฉินที่ใช้อยู่บ่อยๆ
/ว่าไง ฮีชอลโทรมาทำไมแต่เช้าหืมมม แล้วคุณสามีไปอยู่ที่ไหน ทำไมปล่อยให้มากวนชาวบ้านแบบนี้/ เสียงทุ้มอีกหนึ่งเสียงที่ฮีชอลคุ้นเคยดี แหย่ร่างเล็กทันทีโดยไม่มีแม้แต่จะมีคำทักทาย
“อือออออ ใครสามี ไม่มีสักหน่อย เจย์นั่นแหล่ะมั่ว แล้วก็ไม่เช้าแล้วด้วย สายขนาดที่ว่าซีวอนไปทำงานแล้ว” ดวงตาเหลือบมองนาฬิกาหัวเตียงที่เข็มสั้นชี้อยู่แถวเลขแปดเลขเก้า อยากจะส่งค้อนไปให้ชายหนุ่มผ่านทางโทรศัพท์ แล้วไหนจะยังเรื่องที่บอกว่าตัวเองเป็นพ่อตาซีวอนก็ด้วย....เรื่องเก่ายังไม่ชำระเลยนะ
/ไม่มีสามี แต่ซีวอนที่ออกไปทำงานแล้วเรียกว่าอะไรหล่ะครับ หนูฮีชอล ของคุณพ่อ/
“เจย์~” เสียงหวานตะโกนลั่น ทำโกรธกลบเกลื่อนความเขินอายที่ถูกล้อ แล้วเจย์จะเป็นพ่อได้ไง ก็ซีวอนเป็นคนเลี้ยงฮีชอลมาก่อนนะ
/คร้าบบบ ไม่ล้อแล้วครับ คนเก่ง มีเรื่องอะไรหรือเปล่าถึงโทรมาหาเจย์ตอนนี้ หรือว่าที่นู้นฝนตกอยากให้เจย์ไปอยู่เป็นเพื่อนหรือเปล่า/ ชายหนุ่มปลายสายปรับเสียงให้ดูจริงจังแฝงด้วยความเป็นห่วงคนที่แสนอ่อนโยนคนนี้
“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร แต่ว่า... แต่..” แม้จะไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว แต่ใบหน้าหวานก็ยังอดไม่ได้ที่จะเขินอายกับสิ่งที่จะพูด เรื่องแบบนี้พูดผ่านโทรศัพท์คงไม่ดีแน่ๆเลย
/แต่อะไรฮีชอล เป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่าซีวอนทำอะไรฮีชอลอีกแล้ว/ ชายหนุ่มนึกเป็นห่วงเพื่อนสนิท หวังว่าซีวอนคงไม่เล่าเรื่องที่ไปนอนกับคนอื่นให้ร่างเล็กได้รู้ ไม่เช่นนั้นคงได้มีใครเสียใจอีกเป็นแน่
“เปล่าซีวอนไม่ได้ทำ ไม่ทำอะไรเลยด้วยอ่า”
/หืม? ไม่ทำอะไร หมายความว่าไงฮีชอล/ ชายหนุ่มฟังเสียงอ้อมแอ้มของเพื่อนตัวเล็กแล้วก็ได้แต่แปลกใจ ที่ว่าไม่ทำคืออะไร แล้วหมายความว่ายังไง
“ก็....วันนี้เจย์ว่างไหมอ่ะ ถ้าฮีชอลจะไปหาที่ร้าน” ใบหน้าใสอ้ำอึ้งไม่กล้าพูดผ่านโทรศัพท์จริงๆ แล้วเรื่องแบบนี้คุยกันแบบเห็นหน้าคงจะดีกว่าเป็นแน่
/มีเรื่องอะไรหรือเปล่า จะให้เจย์ไปหาที่บ้านก็ได้นะ/
“ไม่ๆๆ ไม่ต้อง ก็ไปหาเจย์ไง ว่างใช่ไหม” ร่างเล็กยังคงถามประโยคเดิม นึกในใจว่าคุยกับเพื่อนแล้วจะได้ขึ้นไปหาคนรักที่อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่
/ว่างครับ ว่างเสมอแหล่ะเพื่อฮีชอล แล้วแน่ใจนะว่าไม่มีอะไร/ ชายหนุ่มถามย้ำอีกครั้ง ทั้งที่ก็เกือบแน่ใจว่าคงไม่มีอะไรร้ายแรง ไม่งั้นป่านนี้จากเสียงหวานใสติดขี้อ้อนคงกลายเป็นเสียงสะอื้นไปแล้ว
“ขอบคุณ แล้วเดี๋ยวฮีชอลไปหาที่ร้านนะ”
/ครับ จะให้เด็กเตรียมเค้กของโปรดไว้ให้ด้วยดีไหม คุณลูกสาว/
“อื้อออ เจย์อ่า แต่เอาเป็นแบล็คฟอเรสเค้กนะ” แหมจะแอบงอนกับสรรพนามที่ถูกเรียก แต่เมื่อนึกถึงของกินรสหวานๆขมๆ จากช็อคโกแล็ตแท้ชั้นดี และรสเปรี้ยวนิดๆจากเชอรรี่ แล้วยิ่งมีกลิ่นอ่อนๆของเชอร์บรั่นดี ก็ทำให้ร่างบางอารมณ์ดีหายโกรธ นี้ยังไม่นับรวมตัวเนื้อเค้กที่แสนนุ่มลิ้นอีกด้วย
/ได้ทีสั่งเชียวนะ แล้วจะให้เด็กเตรียมไว้ให้นะครับ คุณหนู/
“อื้อ ขอบคุณนะ แล้วจะรีบไปหา” ร่างบางวางโทรศัพท์ลงพร้อมรอยยิ้มหวาน รีบเดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำเตรียมตัวออกไปหาเพื่อนรัก
เสียงระฆังใบจิ๋วดังขึ้นทันทีที่มีคนเปิดประตูเข้ามาในร้านกาแฟขนาดเล็กที่ราคาเช่าที่ต่อเดือนไม่เล็กไปด้วย พนักงานของร้านที่กำลังจัดแจงเค้กก้อนพิเศษที่เจ้าของร้านสั่งทำพร้อมคำสั่งว่าห้ามขายให้ใคร เข้าตู้กระจกใส เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มร่างผอมเพรียวใบหน้าหวาน “สวัสดีค่ะ Home, Sweet home ยินดีต้อนรับค่ะ”
“ครับ” ร่างบางรับคำ มองไปยังทีตู้กระจกใสอย่างยิ้มแป้นทันที่เห็นเค้กชิ้นโปรดวางอยู่อย่างสวยงามวางหน้าเค้กด้วยเชอร์รี่ผลใหญ่หลายลูก ฮีชอลเดินไปนั่งโต๊ะที่อยู่ในมุมลับตาคม มองหน้าพนักงานที่พอจะคุ้นหน้าก็ไม่เห็นมี
พนักงานสาวเดินตรงเข้ามาหาร่างบางที่ส่งรอยยิ้มหวานจนเกือบเขินอายที่มีชายหนุ่มหน้าตาหวาน ท่าทางดีมายิ้มให้ขนาดนี้ “จะรับอะไรดีค่ะ”
“ผมขอเป็น ชากุหลาบกับ แบล็คฟอเรสเค้กครับ” ร่างบางบอกกลับพร้อมรอยยิ้มที่มีให้กับทุกคน โดนไม่รู้เลยว่ามันทำให้คนมองฝันไปไกล
“ค่ะ” พนักงานสาวรับคำอย่างง่ายดาย เดินไปเตรียมจัดอย่างตามออร์เดอร์แต่แล้วใบหน้าแสนดุของคุณเจ้าของร้านก็ลอยเข้ามาในหัว จนต้องรีบวิ่งไปหาคุณลูกค้าหน้าตาดีที่นั่งยิ้มให้กับทุกอย่างรอบตัว “เอ่อ แบล็คฟอเรส ทางร้านไม่ได้ขายค่ะ เป็นของที่เจ้าของร้านทำพิเศษนะคะ เปลี่ยนเป็นอะไรดีคะ”
“เอ่ออออออออ” ดวงตากลมมองเจ้าเค้กชิ้นโตอย่างอาวรณ์ ทั้งที่ก็รู้ว่า เจ้าของร้านนี้ทำไว้ให้เขาแน่ๆ แต่ก็คงได้แต่รอให้คุณเจ้าของร้านมาก่อนแน่ๆ “แล้วเจ้าของร้านยังไม่มาหรอครับ”
“คุณเจย์หรอค่ะ ออกไปข้างนอกค่ะ แต่ว่าเค้กชิ้นนี้ทางเราขายให้ไมได้จริงๆนะค่ะ เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นจะดีกว่า” หญิงสาวแทบไม่อยากสบดวงตากลมที่มองมาอย่างอ้อนวอนเลยสักนิด
ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้มีดวงตาที่แสนออดอ้อนจนเธอจะใจอ่อนแบบนี้...
“ไม่ได้จริงๆหรอครับ” ฟันขาวๆขบกัดริมฝีปากสีชมพูเรื่ออย่างคนสุขภาพดี ใบหน้าเล็กๆเริ่มพองลมอย่างที่ทำเสมอเวลาไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ จ้องมองเจ้าเค้กสีช็อคโกแล็ตตัดกับลูกเชอร์รี่อย่างอาวรณ์ “งั้นก็ไม่เป็นไรครับ ผมรอเจ้าของร้านก่อนก็ได้”
พนักงานในร้านมองดวงตากลมที่ไม่รู้วสะบัดค้อนให้กับใคร แต่ไม่ว่าจะเป็นหน้าแบบไหน เธอก็ยังชอบมอง แล้วยังแอบคิดระหว่างชงชากุหลาบอีกว่า ผู้ชายแบบนี้จะมีคนรักเป็นแบบไหนกัน
ดุแต่ก็แอบหวานเป็นเจ้าของร้านคอฟฟี่ช็อปอย่าง....คุณเจย์
นิ่งขรึม แต่ก็แสนเท่ อย่างลูกค้ารายใหญ่...คุณซีวอน
หรือว่าจะเป็นนักร้องน่ารัก....ฮงกิ
คนแบบไหนกันนา แต่ต้องไม่ใช่ผู้หญิงแน่ๆ ยูบินเอาเกรียติเป็นประกัน
“Jeyyyyyyyyyyyyyyyyyy” เสียงหวานที่ตะโกนลั่นเรียกสติที่เพ้อไปไกลของพนักงานสาว ลอยกลับมาอีกครั้งอย่างตกใจ ก็ในเมื่อนั้นมันเป็นชื่อของเจ้าของร้านแสนดุ
“ฮีชอล ทำไมมาเร็วจัง สั่งอะไรหรือยัง” ชายหนุ่มร่างโปร่งสูง เดินตรงไปหาร่างบางที่เรียกชื่อเขาลั่นพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่นที่มีให้กับคนนี้เสมอ
“สั่งแล้ว แต่สั่งเค้กไม่ได้อ่า น้องเขาบอกว่าเจย์ทำอ่ะ เจย์ไม่ได้ทำให้ฮีชอลหรอ” ปากเล็กรัวเป็นชุด ดวงตากลมมองชายหนุ่มอย่างแสนงอน แก้มใสพองลมจนป่องมองเห็นเส้นเลือดฝอยชัดเจน
“ฮ่าๆๆ ดูทำเข้าไม่อายคนมองหรือไง คุณพ่อก็ทำให้ลูกสาวนี้แหล่ะครับ” มือหยาบลูบผมนุ่มอย่างเอ็นดู นึกอยากตีแก้มใสๆ หากไม่กลัวว่าจะทำให้เพื่อนคนน่ารักต้องเจ็บ
“อะไรเล่าไม่ต้องลูบหัวเลยนะเจย์” มือเล็กๆปัดมือที่ลูบผมออกไป ส่งค้อนวงใหญ่ไปให้อีกครั้ง แค่ไม่ได้กินเค้กก็โกรธแล้ว แล้วยังมาพูดแบบนี้อีก
“โอ๋ๆๆ ไม่โกรธนะค่ะ หนูฮีชอล คุณพ่อขอโทษที่มาช้า” ใบหน้าหล่อยังคงมีรอยยิ้ม ดวงตาเต็มไปด้วยแววตาที่กำลังล้อหลอกอย่างมีความสุข ก่อนกลับเป็นใบหน้านิ่งเรียบอีกครั้งยามที่เห็นลูกน้องเดินยกชามาให้ร่างบางที่นั่งอยู่ “ยูบินเดี๋ยวเอาเค้กที่ฉันทำมาเสริฟ์เลยนะ”
“ค่ะ คุณเจย์” หญิงสาวรับคำอย่างงงๆ ก็เธอไม่รู้นิหน่า ว่าเค้กก้อนพิเศษนี้จะเป็นของคุณคนนี้ สงสัยว่าที่เธอสงสัยจะได้รับคำตอบแล้วว่า คนน่ารักดูน่าปกป้อง มีคนรักเป็นแบบไหน
....ที่แท้ก็ คุณเจย์เจ้าของร้านนี้เอง
“ค่ะ ก็ไปเอามาสิ” ชายหนุ่มมองรอยยิ้มแปลกๆของลูกน้อง ก่อนเอ่ยปากไล่ให้ไปทำตามที่บอก
“ซูยองไปไหนอ่ะเจย์ ทำไมไม่เห็นเจอเลย” แก้มใสๆกลับคืนสู่ปรกติ พร้อมกับรอยยิ้มกว้างมองเจ้าเค้กชิ้นใหญที่กำลังจะถูกนำมาวางให้ได้เชยชมรสชาติความขมของช็อคโกแล็ตที่ตัดกับความเปรี้ยวนิดๆหวานหน่อยๆของ เชอร์รี่
“ซูยองออกไปส่งของหน่ะ ช่วงเช้าแบบนี้ที่ร้านมีรายการ morning set เป็นพวกอาหารเช้าส่งถึงที่หน่ะ แถมวันนี้มีลูกค้าคนพิเศษเป็นถึงท่านรองของชเวกรุ๊ปมาสั่ง สงสัยว่าคุณภรรยาจะมีขี้เกียจทำอาหารเช้าให้กิน” ดวงตาของชายหนุ่มมองหน้าภรรยาท่านรองของชเวกรุ๊ปอย่างล้อเลียน จงใจให้แก้มใสๆแดงกล่ำอย่างที่ชอบมองเป็นประจำ
“อื้ออออออ ก็มันมีเรื่องให้ต้องคิดนิหน่า เจย์อ่า” แม้เสียงจะขึ้นสูง แต่ใบหน้าใสก็ยังยิ้มแป้น หยิบเชอร์รี่ลูกใหญ่ใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย
“แล้วมีเรื่องอะไร หืมมม์ ฮีชอล” น้ำเสียงนุ่มถามอย่างเป็นห่วงจ้องมองคนที่กำลังเอ็นจอยอีทติ้ง อย่างครุ่นคิด แต่ก็เบาใจได้ว่าคงไม่ใช่เรื่องใหญ่เหมือนที่พึ่งผ่านเข้ามา
“ก็...ซีวอนหน่ะสิ” เสียงหวานแผ่วเบา ดวงตาหลุบลงต่ำไม่กล้าสบตากับคนที่มองได้ ใช้ซ้อมตักเค้กเข้าปากเพื่อลดความลำบากใจกับเรื่องที่จะพูด
“ซีวอนทำไม ดูสิ กินเค้กก็เลอะ” นิ้วโป้งใหญ่ๆ เช็ดคราบช็อคโกแล็ตที่มุมปากเล็กให้อย่างเบามือก่อนที่ลิ้นเล็กของคนกินเลอะจะแล่บออกมาตวัดกลับเข้าปากได้ทัน
ภาพแสนหวาน ยิ่งชวนให้คนมองที่แอบลุ้นคู่นี้อย่างยูบินมีความสุข ได้แต่ยิ้มปลื้มอยู่กับตัวเองจนมองไม่เห็นเพื่อนที่เดินเข้ามาทางหลังร้าน
“เป็นอะไรอ่ะยูบิน ยิ้มอะไรน่ากลัว”
“ก็ดูนั้นสิ ซูยอง ไม่รู้ใครอ่า น่ารัก คุณเจย์ดูแลดีจัง สงสารจะเป็นว่าที่ซ้อร้านนี้แน่เลย” ยูบนชี้ไปทางโต๊ะเล็กที่มีสองคนนั่งอยู่ให้เพื่อนร่วมงานได้ชื่นชมกับภาพน่ารักแสนหวานของคู่รักที่เธอเชียร์
“นั่นมันพี่ฮีชอลนี่นา มาทำไมกัน นี้เลิกเพ้อได้แล้ว พี่ฮีชอลไม่ใช่คนรักของคุณเจย์สักหน่อย” มือบางของหญิงสาวโบกไล่ความเพ้อฝันของเพื่อนร่วมงาม ที่คิดอะไรไม่เข้าท่า
“ไม่ใช่ได้ไง ดูดิ คุณเจย์เข้าครัวทำเค้กให้เองกับมือ แถมยังมีลูบหัว เช็ดปากให้กันอีก แล้วดูสิ รอยยิ้มแบบนี้ของคุณเจย์มีใครเคยได้บ้าง เธอนี้ไม่อ่อนโยนเอาสะเลย ว่าแต่ซูยองรู้จักคุณคนนั้นหรอ” หญิงสาวผิวเข้มหันมาถามเพื่อนร่วมงานอย่างสนใจ ก็ตั้งแต่ทำงานมายังไม่เคยเห็นมาที่ร้าน แล้วทำไมซูยองถึงรู้จักได้
“ก็อือ พี่ฮีชอลเคยมาทำงานที่นี้ตอนเปิดร้านใหม่ๆ แล้วก็ตอนนั้นนะท่านรองประธานหน้าโหดที่ยูบินชอบก็มานั่งเฝ้าด้วย” ซูยองเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวเมื่อตอนเจอกันใหม่ๆ ที่ร่างบางมาทำงานเป็นเด็กเสริฟ์ของที่นี้
“เอ๋ คุณซีวอนอ่านะ อ้ายยย ฉันว่าเป็นศึกแย่งชิงความรักกันแน่ๆ แบบนี้แปลว่าคุณซีวอนแพ้หรือเปล่า เพราะคุณฮีชอลทนไม่ได้ก็เลยลาออกหนีหน้า เธอว่าไหม” ยูบินเล่านิยายในหัวที่มีอยู่ออกมาเป็นฉากๆๆให้เพื่อนฟัง
“ตื่นนนนนนนน ใครว่าเล่า พี่ฮีชอลกับคุณซีวอนเขาอยู่บ้านเดียวกันด้วยย่ะ แถมคุณซีวอนยังประกาศอีกว่าเป็นคนเลี้ยงพี่ฮีชอลมากับมือ ส่วนคุณเจย์หน่ะ ก็เป็นเพื่อนข้างบ้านตอนที่คุณซีวอนไปเรียนต่างประเทศต่างหากเล่า ฉันไปทำขนมหลังร้านดีกว่าไม่ยุ่งกับเธอแล้ว” ซูยองส่ายหน้าให้กับเพื่อนสาวอย่างระอานิดๆ แอบหวั่นหน่อยๆว่าถ้าคุณซีวอนที่ขึ้นชื่อว่าหวงพี่ฮีชอลอย่างกับอะไรดีมาได้ยิน มีหวัง...
....ศพยูบินไม่สวยแน่ๆ....
“เจย์ ฮีชอลว่าซีวอนต้องป่วยแน่เลย ไม่ก็เป็นอะไรสักอย่างอ่ะ” ร่างบางที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกจับคู่อยู่ เอ่ยเสียงเศร้า ยิ่งใบหน้าหวานก็ยิ่งเศร้าหม่นลงไปด้วย
“ซีวอนเป็นอะไร แล้วทำไมถึงไม่พาไปหาหมอ หืมม์” ชายหนุ่มเจ้าของร้านจ้องร่างบางตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจเลยจริงๆ ถ้าหากซีวอนป่วยแล้วทำไม ฮีชอลถึงไม่พาไปหาหมอ
“ไม่ใช่สิ ซีวอนไม่ได้ป่วยแบบนั้นสักหน่อย” เสียงหวานอ้อมแอ้มอยู่ในลำคอ ไม่กล้าเงยหน้าสบตามองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ทั้งที่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องนี้กับใครได้อีก
“พูดอะไรไม่ได้ยินเลยฮีชอล มั่นใจหน่อยสิคนเก่ง” น้ำเสียงนุ่มทุ้มที่เจย์ใช้เพราะรู้ดีว่าเรื่องที่เพื่อนผู้แสนอ่อนไหวจะพูด คงเป็นเรื่องที่บั่นทอนความมั่นใจอันน้อยนิดให้หดหายไป
“ก็ซีวอนอ่ะ ไม่ทำอะไรฮีชอลเลย” เสียงพูดที่ดังจนฟังชัด แต่ใบหน้าหวานก็แดงก่ำสายตาหลุบต่ำจ้องมองแต่มือของตัวเองที่ประสานอยู่บนหน้าตัก ไม่มีอารมณ์จะกินเค้กชิ้นโปรดอีกต่อไป
“อย่าพึ่งเอาแต่อายสิฮีชอล ไอ้ไม่ทำอะไรฮีชอลเลยอ่ะ คือไม่ทำอะไร บอกได้ไหม อธิบายให้เจย์เข้าใจหน่อยสิ” คิ้วเรียวเลิ่กขึ้นอย่างสงสัย มองใบหน้าหวาน อย่างไม่เข้าใจ สิ่งทีร่างบางต้องการสื่อ
“อืมม ทำไมเจย์ไม่เข้าใจอ่ะ ก็ไม่ทำอะไร ก็คือไม่ทำอะไรไงเล่า เจย์อ่าอย่างแกล้งฮีชอลสิ” ใบหน้าหวานมองค้อนใส่เพื่อนรัก ปากอิ่มมุ่ยเข้ากัน
“เฮ้ยยย เจย์ไม่ได้แกล้งฮีชอลนะ แต่เจย์ไม่รู้จริงๆ ถ้าฮีชอลไม่บอกแล้วเจย์จะรู้ไหมหล่ะครับ แล้วปากเนี่ย เลิกทำแบบนี้ได้แล้ว” มือหนาๆบีบเข้าปากเล็กที่ยื่นออกมาอย่างหมั่นเขี้ยว
“อืมมมมม เจ็บ” ฮีชอลรีบดึงมือหยาบๆออก ลูบปากเล็กของตัวเองป่อยๆ “ไม่อายก็ได้ ตั้งใจฟังนะ” คนพูดสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองใบหน้าคมเข็มที่อยู่ตรงหน้าอย่างตั้งใจ “ก็ซีวอนไม่มีอะไรกับฮีชอลเลยอ่า ไม่ทำอะไรเลย เอาแต่นอน ไม่เหมือนเมื่อก่อนเลยอ่า ซีวอนต้องป่วยแน่ๆเจย์ ฮีชอลมั่นใจ”
“เดี๋ยวๆๆ” มือหนายกมือขึ้นห้ามร่างบางที่บทจะพูดก็พูดแบบไม่มียั้ง จนไม่รู้เลยว่าคนฟังแบบเขาก็อายเป็น กับเรื่องส่วนตัว สองต่อสองแบบนี้ “ที่ว่าไม่ทำอะไร นี้คือเรื่องบนเตียงหรอ”
“ก็ใช่หน่ะสิเจย์ ฮีชอพยายามแล้วนะ ทั้งแกล้งเอาน้ำมาหยดเหมือนร้องไห้แบบทุกครั้งที่ซีวอนใจอ่อน แต่มันก็ไม่ได้ผล ขนาดถอดเสื้อนอนกอด ซีวอนก็ยังเฉยอ่า แบบนี้แปลว่าซีวอนกำลังผิดปรกติใช่ไหมอ่า”
“ฮีชอลนายคิดมากไปเองหรือเปล่า” คนรับฟังอย่างเจย์ได้แต่ร้อนหน้าวูบวาบ แอบคิดในใจว่า ไอ้หมอนั่นมันเลี้ยงฮีชอลยังไงกันแน่นะ ถึงได้เป็นคนแบบนี้
“ไม่คิดมากนะเจย์ แต่มันผิดปรกติจริงๆ ไม่ใช่ว่าฮีชอลคิดไปเองนะ แล้วทำไมเจย์หน้าแดงแบบนั้นเล่า” คิ้วเรียวสวยได้รูปขมวดเข้าหากัน มองใบหน้าของเพื่อนรักอย่างแปลกใจ แต่มือก็ยังตัดเค้กชิ้นใหญ่เข้าปาก
“หน้าแดงหรอ ก็ฮีชอลพูด” ชายหนุ่มเห็นดวงตากลมที่ดูจะมีคำถามอีกแล้ว จึงได้แต่เพียงถอหายใจ แล้วรีบบอกปัด ก่อนจะเจอกับคำถามแสนซื่อแต่ชวนให้ลำบากที่จะตอบ “เฮ้อ ช่างมันเหอะ แล้วที่ฮีชอลมาหาเจย์มีเรื่องอะไร”
“อ้าว เจย์ไม่รู้หรอ ก็ฮีชอลมาหาเรื่องนี้ไง ฮีชอลไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้ซีวอนทำกับฮีชอลเหมือนเมื่อก่อนอ่ะ เจย์ช่วยนะ นะๆๆๆ”
“หมกมุ่นไปหรือเปล่าฮีชอล บางทีซีวอนก็อาจจะเหนื่อยหรืออะไรก็ได้”
“ไม่ได้หมกมุ่น อย่ามาว่ากันนะ” เสียงสูงเริ่มดังขึ้นอย่างเอาแต่ใจ มองหน้าเพื่อนรักอย่างโกรธๆ หากไม่กลัวว่าจะโดนบีบปากอีก ปากอิ่มคงยื่นออกมาตามความเคยชิน
“เออ ไม่ได้หมกมุ่นก็ไม่หมกมุ่น แต่เอาเรื่องแบบนี้มาปรึกษาคนอื่นไม่อายหรอ” เมื่อร่างบางบอกว่าไม่ได้หมกมุ่น เพื่อนคนนี้ก็พร้อมจะเชื่อ แม้ใจดวงเล็กๆของคุณพ่อยังหนุ่มจะแอบร้าวเล็กๆที่ลูกสาวมาถามแบบนี้
“จะอายทำไม ก็ผู้ชายเหมือนกัน ตกลงว่าฮีชอลควรทำไงดีอ่า ให้ซีวอนเป็นเหมือนเมื่อก่อน” ร่างบางตอบกลับคำถามของเพื่อนอย่างง่ายดาย ทีซีวอนยังไม่เห็นอายเลย
“ก็ถ้าเป็นผู้ชายเหมือนกัน แล้วมาถามเจย์ทำไม นี้ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นนะฮีชอล เจย์รู้ว่าฮีชอลหน่ะเป็นห่วงซีวอน แต่บางทีฮีชอลก็ต้องเข้าใจซีวอนบ้าง เรื่องแบบนี้ซีวอนไม่ใช่ว่าทำเพราะต้องทำ แต่ที่นายนั่นทำเพราะเขารักฮีชอล และที่ไม่ทำก็เพราะก็เพราะฮีชอลอีกเหมือนกัน ก็รู้ไม่ใช่หรอว่าทำไมถึงเกิดเรื่องขึ้นหน่ะ” ชายหนุ่มถามเสียงเข้ม จนร่างบางที่มักมีคนเลี้ยงตามใจได้แต่นั่งหน้าหงอ พยักหน้าหวานๆขึ้นลงจนผมนุ่มปลิวไสว
“ถ้าฮีชอลอยากให้กลับเป็นเหมือนเมื่อก่อนก็สร้างความเชื่อมั่นให้ซีวอนสิ ทำให้หมอนั่นรู้ว่าฮีชอลเองก็ต้องการเหมือนกันไม่ใช่ว่าเป็นเขาที่ต้องการอยู่ฝ่ายเดียว ที่ใครบอกว่าเซ็กส์ของผู้ชายเกิดขึ้นจากความใคร่ มันไม่ใช่เสมอไปหรอกนะ กับคนที่เรารัก เราก็อยากจะดูแล ทะนุถนอมให้เขามีความสุขไปกับเรา จนบางทีก็เกิดเป็นความกลัวบ้าๆขึ้นมา คราวนี้เข้าใจหรือยังหืมมม์ คุณลูกสาว”
“เข้าใจแล้ว” ใบหน้าพยักรับ ดวงตากลมแฝงความเศร้า ทำความเข้าใจกับสิ่งที่เพื่อนพูดจนลืมสนใจสรรพนามที่ถูกเรียก “แต่ฮีชอลจะทำยังไงให้ซีวอนรู้หล่ะ ฮีชอลไม่กล้าพูด ฮีชอลกลัว”
“ถ้าไม่กล้าพูด ก็ลองบอกด้วยอย่างอื่นสิ ซีวอนหน่ะรู้เสมอแหล่ะว่าฮีชอลต้องการอะไร ไม่เอาหน่าอย่ากลัวเลยนะ ไหนๆก็มาแล้ว ช่วยเจย์ที่ร้านดีกว่านะ แล้วเย็นๆค่อยขึ้นไปหาซีวอนดีไหม” ชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้มที่อบอุ่น ทำให้ร่างบางลดความกังวลในใจลงไป
“ก็ได้ ขอบคุณนะเจย์ ฮีชอลรักเจย์ที่สุดเลย” ร่างเล็กลุกจากเก้าอี้มาโอบกอดชายหนุ่มที่หนุ่มที่ยังคงนั่งอยู่จากด้านหลัง ริมฝีปากนุ่มกดลงบนแก้มสากเบาๆ
“เจย์ก็รักฮีชอลเหมือนกันนะ” ชายหนุ่มหัวเราะกับการกระทำของร่างบาง มือหนาโอบหัวเล็กๆเอาไว้ แล้วลูบไปมาดั่งที่ทำเสมอ แล้วเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี “อย่าไปทำแบบนี้กับใครที่ไหนนะ แล้ว้าจะทำกับเจย์ก็อย่าให้ซีวอนเห็นรู้ไหม เดี๋ยวเจย์จะโดนฆ่า”
“เจย์อ่า ฮีชอลไปช่วยน้องคนนั้นดีกว่า” ฮีชอลคนเดิมที่แสนอารมณ์ดีและดวงตากลมที่ทอประกายสุกใสเสมอกลับมาอีกครั้ง เดินไปหาพนักงานสาวที่พร้อมจากเค้กที่ยังเหลืออยู่อีกนิด
“พี่ชื่อฮีชอลนะ วันนี้พี่จะมาช่วยน้อง...”
“ยูบินค่ะ หนูชื่อยูบิน เมื่อกี้ต้องขอโทษนะค่ะ ยูบินไม่รู้ว่าเค้กชิ้นนี้คุณเจย์ทำให้คุณฮีชอล” หญิงสาวผิวคล้ำ แก้มกลม ยิ้มให้ร่างบางอย่างขอโทษ
“ไม่เป็นไรหรอก แล้วก็ไม่ต้องเรียกว่าคุณด้วย เรียกว่าพี่ก็ได้ แต่ว่าช่วยฝากเจ้านี้หน่อย เดี๋ยวพี่มากินต่อ ตอนนี้ต้องตั้งใจทำงานก่อน เนอะเจย์” ใบหน้าหวานหันไปพยักพเยิดกับเพื่อนสนิทเจ้าของร้านที่นั่งมองมาด้วยรอยยิ้ม
ต่อจากนั้นฮีชอลก็ช่วยงานที่ร้านอย่างแข็งขัน ยิ่งได้กินของหวานที่มีคุณเจ้าของร้านขยันส่งมาให้ก็ยิ่งตั้งใจทำงานแทบจะแย่งงานคนในร้านไปจนหมด
เลยเวลาเที่ยงมาไม่นาน เสียงโทรศัพท์ในร้านก็ดังขึ้น จนร่างบางแทบจะถลาเข้าไปรับ “สวัสดีครับ ร้าน Home, Sweet home ครับ”
/..../
เสียงปลายสายที่เงียบไปทำให้ร่างบางงุนงง “สวัสดีครับ ร้าน Home, Sweet home ครับ จะสั่งอะไรไหมครับ”
/อือออ เอาคุกกี้ทูเลย์ห่อใหญ่สองห่อ มาส่งให้ที่ตึกชเวกรุ๊ปด้วย/
เสียงทุ้มคุ้นหูที่ร่างบางได้ยินแทบทำให้เกือบปล่อยโทรศัพท์ หากแต่ตั้งสติและภาวนาขออย่าให้ซีวอนจำได้เลย ถึงจะสะดุดหูจนเงียบไปแล้วครั้งนึงก็ตาม “ครับ แล้วผมจะเอาไปให้นะครับ”
/เดี๋ยว..../
เสียงทุ้มที่ดังลอดออกมา ทำให้ร่างบางที่เกือบวางโทรศัพท์ไปแล้วต้องสะดุ้ง “ครับ”
/รู้หรอ ว่าจะเอามาส่งให้ใคร/
“เอ่อ..ไม่ทราบครับ ผมขอโทษ” เสียงทุ้มที่ได้ยินอยู่ตลอดเวลา หากแต่มันแฝงด้วยความนิ่งขรึมและไว้ตัวอย่างที่ร่างบางไม่เคยได้ยิน จนฮีชอลลนลานอย่างที่ไม่เคยเป็น
/แย่นะทำงานแบบนี้ เอามาส่งที่ฉัน25 บอกประชาสัมพันธ์ข้างล่างว่าฉันซีวอนให้เอามาส่ง เดี๋ยวฉันจะบอกข้างล่างไว้อีกที/
เสียงทุ้มหนักแสนดุ ที่เอ่ยในประโยคแรกแผ่แรงกดดันออกมา จนเกือบทำร่างบางน้ำตาไหล “ครับ แล้วเรารีบนำไปส่งให้นะครับ”
/ขอบใจ/
คำพูดแสนห้วนก่อนวางสายทำให้ร่างบางได้แต่นิ่งงัน หากวันใดซีวอนใช้น้ำเสียงแบบนี้กับเขาบ้างจะเป็นเช่นไร หากว่าฮีชอลคนนี้ไม่ใช่คนพิเศษที่ซีวอนจะพูดจาด้วยความอ่อนโยน ด้วยน้ำเสียงที่แอบแฝงความรักมาให้ วันนั้น น้ำตาจะไหลออกมาอีกแค่ไหนกัน
“ฮีชอลเป็นอะไรหืมม์ ลูกค้าโทรมาว่าอะไรหรือเปล่า” เจ้าของร้านหนุ่มเดินเข้ามาหาร่างบางที่พอวางสายไปแล้วก็เอาแต่นิ่งงัน ดวงตากลมแดงกล่ำจนเกือบจะร้องไห้
“เปล่า...เจย์เมื่อกี้ซีวอนโทรมาสั่งทูเลย์คุ้กกี้ แต่เสียงของซีวอนมันน่ากลัวอ่ะ ไม่เหมือนซีวอนเลย” เสียงหวานสั่นเทา ซบกับอกกว้างที่ไม่อบอุ่นเท่ากับอกของซีวอน....ไม่มีอ้อมกอดไหนอุ่นเท่ากอดของซีวอนอีกแล้ว
“ไม่เอาหน่า อย่าร้องไห้ ซีวอนพูดกับคนอื่นก็แบบนี้แหล่ะ อีกอย่างเขาก็ไม่รู้ใช่ไหมว่า ฮีชอลพูด ถ้ารู้ เชื่อสิ ว่าเสียงของซีวอนจะอบอุ่นเหมือนทุกครั้งที่พูดกับซีวอน ไม่คิดมากนะคนเก่ง ไม่ดีใจหรอ ที่ได้รู้ว่าซีวอนพูดแบบนั้นแค่กับฮีชอลคนเดียวหน่ะ”
“อือออ แต่ฮีชอลกลัว”
มือหนาลูบหัวกลมๆอย่างเอ็นดู กับความอ่อนไหว “ไม่ต้องกลัวหรอก แล้วนี้ ทูเลย์คุ้กกี้ก็ของโปรดฮีชอลไม่ใช่หรอ เห็นไหม ซีวอนสั่งให้ฮีชอลเลยนะ ถ้าเป็นเจย์นะ ดีใจจะตาย ได้เป็นทั้งคนพิเศษ แล้วยังคิดถึงตลอดเวลาแบบนี้”
“แบบนั้นจริงหรอ” ดวงตากลมที่มีแววของความไม่แน่ใจ เอ่ยย้ำถามกับชายหนุ่ม อีกครั้ง เพื่อขอความมั่นใจที่ขาดหายไป แล้วรอยยิ้มอ่อนๆก็ปรากฏขึ้นเมื่อใบหน้าคมพยักหน้าแทนคำตอบ “งั้นเจย์จัดให้หน่อยสิ เอาสองห่อใหญ่ เดี๋ยวนี้เลยๆๆๆ”
“ครับ เร่งเลยนะแบบนี้ เดี๋ยวเจย์จัดให้” เจ้าของร้านเดินเข้าไปหลังร้าน ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับคุ้กกี้แผ่นบางสองห่อใหญ่ตามที่มีลูกค้ารายใหญ่สั่งเอาไว้ “อ่ะ ฮีชอลเอาไปให้ซีวอนสิ หมอนั่นคงดีใจ แล้วก็ลองสร้างบรรยากาศหวานๆดูเพื่ออะไรที่ฮีชอลอยากได้แล้วซีวอนจะทำให้”
“อืออออ เจย์อ่า แต่ขอบคุณมากนะ ส่วนคุ้กกี้นี้ ถือว่าเป็นค่าแรงของฮีชอลนะ” ใบหน้าหวานยิ้มแป้น รับเอาคุ้กกี้สองห่อใหญ่มาไว้ในมือ แล้วเดินออกจากร้านคอฟฟี่ช้อปที่ตกแต่งอย่างน่ารัก แล้วเดินทางไปทางตึกใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลกันนัก
ร่างเล็กบอบบาง เดินเข้าไปในตึกใหญ่ ผ่านประชาสัมพันธ์ที่คุ้นหน้าเป็นอย่างดีจนไม่จำเป็นต้องแลกบัตรเหมือนผู้มาติดต่อรายอื่น แล้วเดินเข้าไปในลิฟต์ที่ต่อตรงถึงชั้นผู้บริหารโดยไม่มีใครขวาง
ใบหน้าหวานยิ้มร่าให้กับเลาขาหน้าห้องขอชายหนุ่ม ขอเป็นคนเคาะปะตูห้องเอง และทันทีที่ได้ยินเสียงอนุญาตแสนทุ้มร่างบางก็เปิดประตูเข้าไปอย่างไม่รอช้า
“ฮีชอล มาได้ไงครับ” ท่านรองประธานหนุ่มที่นั่งก้มหน้าอ่านเอกสารบนโต๊ะเงยหน้าขึ้นมอง ตั้งใจจะสั่งงานกับเลขาสาว แต่กลับพบคนรักยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าโต๊ะตัวกว้าง
“ก็...ซีวอนสั่งขนมนี้ไง” สองมือชูห่อคุ้กกี้ใหญ่ๆสองห่อให้ชายหนุ่มดู หากแต่ใบหน้าหวานเริ่มซีดเล็กน้อยเพราะใบหน้าคมปราศจากรอยยิ้ม “ซีวอนเป็นอะไรไม่ดีใจหรอที่ฮีชอลมา”
“ดีใจครับ แต่ว่า....มานั่งตรงนี้ก่อนดีกว่า” ชายหนุ่มโบกมือเรียกให้ร่างบางเข้าไปหา แต่ใบหน้าหวานกลับมองอย่างสงสัย ก็ที่ซีวอนนั่งอยู่มันไม่มีที่นั่งอีกแล้วไม่ใช่หรือไง “มาสิครับคนเก่ง”
แม้จะสงสัยแต่เพราะยังไม่แน่ใจอารมณ์คนรัก ทำให้ร่างบางยอมเดินเข้าไปหาอย่างว่าง่าย ก่อนจะถูกคว้าเอวให้ขึ้นไปนั่งบนโต๊ะทำงานที่ถูกกวาดเอกสารไปอีกด้านอย่างรวดเร็ว “อื้อออ ซีวอนแกล้งฮีชอล”
“แกล้งตรงไหนครับคนดี” ใบหน้าคมมีรอยยิ้มพราว ทำให้ดูเหมือนผู้ชายใจดีที่แสนอบอุ่นคนเดิมที่ฮีชอลรัก ไม่เหลือคราบท่านรองสุดโหดที่น่ากลัวอย่างในโทรศัพท์เลยสักนิด “ไหนบอกซีวอนหน่อยสิครับ ว่าทำไมฮีชอลถึงเป็นคนเอาขนมมาส่งให้ซีวอน”
“ก็ซีวอนสั่ง ฮีชอลเลยเอามาให้ไง ไม่คิดเงินด้วยนะ ดีไหม” ดวงตาโตมองคนรักอย่างอ้อนๆ ยกมือหนาของใช้หนุ่มขึ้นมาโยนเล่นๆ
“ฮีชอล” มือหนาที่ถูกโยนเล่นเริ่มไม่คล้อยตาม แถมยังใช้มือทั้งสองตะปบมือเล็กเอาไว้อีกด้วย ดวงตาคมมองดวงตากลมใส ที่เริ่มจะไม่ใส แต่กลับกรอกไปมาจนน่าสงสัย
เสียงทุ้มหนักและขุ่นที่เรียกชื่อตนเองนั้นบอกให้ร่างเล็กรู้ว่าชายหนุ่มคงไม่พอใจเข้าให้แล้ว วิธีการอ้อนเดิมๆจึงต้องขุดมาใช้
ร่างเล็กเคลื่อนตัวลงจากโต๊ะทำงานกว้าง ลงมานั่งบนตักอุ่นของคนรัก สองแขนเรียวโอบรอบคอหนา ดวงตากลมมองจ้องที่ดวงตาคม เสียงเล็กแฝงนัยของความเศร้าและสำนึกผิด “ซีวอนนนนนน โกรธฮีชอลหรอ”
“แล้วฮีชอลทำอะไรให้ซีวอนโกรธหล่ะครับ” เสียงหนักแต่แฝงความอบอุ่น และไม่ห้วนเท่ายามได้ยินจากโทรศัพท์ทำให้ร่างเล็กยังคงเบาใจได้ และยิ่งแขนหนาที่โอบอยู่รอบเอวก็ยิ่งสร้างความมั่นใจ
“ก็ไม่ได้ทำอะไร แต่ซีวอนอาจไม่พอใจที่ฮีชอลไปช่วยงานที่ร้านเจย์” ใบหน้าหวานก้มต่ำ ไม่กล้าสบตากับดวงตาคมที่ดูดุมากขึ้นกว่าเมื่อกี้
“ก็รู้ว่าซีวอนไม่ชอบแล้วฮีชอลไปทำไมหล่ะครับ” มือหนาเชยคางเรียวของคนมีความผิดให้ขึ้นมาสบตาอีกครั้ง สายตาคมดุกำลังคาดโทษร่างเล็กที่แสนรัก
“ก็.....” ฮีชอลไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร ให้พูดตามตรงไปเลยก็กลัวว่าซีวอนจะดุยิ่งกว่าเก่า แต่หากไม่ตอบวันนี้ทั้งวันก็คงต้องอึดอัดแบบนี้ “...ฮีชอลคิดถึงซีวอนจะขึ้นมาหาก็กลัวจะโดนดุ เลยตั้งใจไว้ว่าพอใกล้เลิกงานแล้วค่อยขึ้นมาหา”
ตอบเสร็จใบหน้าหวานก็ก้มต่ำอีกครั้ง แต่ก็ไม่อาจหนีมือหนาที่เชยคางให้หันไปสบตากันอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้ ใบหน้าคมกลับมีแต่รอยยิ้มพราว เพียงแค่คำว่าคิดถึง “จะดุทำไมหล่ะครับ ถ้าฮีชอลคิดถึงซีวอนจะมาหาเมื่อไหร่ก็ได้ ซีวอนไม่ว่าหรอก ดีใจด้วยซ้ำ”
“จริงๆนะ” เสียงหวานถามย้ำเพื่อความเชื่อมั่น ใบหน้าเล็กมีแต่รอยยิ้มที่ทำให้คนมองมีความสุข
“จริงสิครับ ซีวอนเองก็คิดถึงฮีชอลนะ”
คำว่าคิดถึงของชายหนุ่มทำให้ร่างบางดีใจ กระชับแขนเรียวแนบชิดกับชายหนุ่มอีกครั้ง ใบหน้าหวานซุกอยู่กับแผงอกอุ่น ก่อนทำใจกล้าให้ริมฝีปากตนเองแนบลงไปกับริมฝีปากบางอย่างแผ่ว
มือหนาที่กดอยู่แถวท้ายทอยเล็ก ทำให้ฮีชอลไม่อาจผละออกมาได้ มีแต่แนบชิดมากกว่าเก่า เรียวลิ้นร้อนของชายหนุ่มแทรกเข้ามาควานหาความหวานที่ร้างราไปนานจากโพรงปากเล็ก สัมผัสที่ร้อนแรงกว่าครั้งไหนๆดูดเรี่ยวแรงอันน้อยนิดออกไปจากร่างบาง
ริมฝีปากอิ่มถูกดูดเม้มจนแดงกล่ำ ใบหน้าเล็กถูกจับยึดบดเบียดริมฝีปากแนบชิดเลาะเล็มทุกซอกมุม ถ่ายทอดความหวานแก่ร่างสูงผู้หิวโหย หยาดน้ำใสที่เชื่อมเรียวปากทั้งสองเข้าไว้ด้วยกัน แม้จะแยกห่างออกมาอย่างแสนเสียดาย
“ซีวอน....” ริมฝีปากแดงจัดถูกเคลือบด้วยน้ำใสเอ่ยเรียกชื่อชายหนุ่มด้วยเสียงใสสั่นเทาไร้เรี่ยวแรง ดวงตากลมปรือลงอย่างหวานเชื่อม ใบหน้าแดงกล่ำเมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวและแข็งขึงที่อยู่เบื้องล่าง “ถ้าซีวอนต้องการ....”
นิ้วเรียวของชายหนุ่มปิดกลีบปากอิ่มที่มันวาว สบเข้าไปในดวงตาโรยแสงที่ดูคล้ายยั่วยวนอย่างไม่ตั้งใจ “ไม่เป็นไรหรอกครับฮีชอล ถ้าฮีชอลยังไม่พร้อมซีวอนก็ไม่ทำหรอกนะครับคนเก่ง แต่ว่าฮีชอลรอซีวอนแปบนะครับคนดี”
คำพูดของชายหนุ่มทำให้ร่างบางนิ่งฟังอย่างงุนงง กว่าจะรู้สึกตัวก็เมื่อถูกยกขึ้นวางบนโต๊ะทำงานตัวกว้างอย่างเก่า ในขณะที่ร่างสูงก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำเสียแล้ว แก้มใสพองลมจนป่องพอจะรู้ว่าคนรักหายไปไหน แอบพึมพำกับตนเองเบาๆ ไม่หวังให้ใครได้ยิน “ใครว่าฮีชอลไม่พร้อมกัน หรือฮีชอลจะแสดงออกไม่มากพออ่ะ ฮีชอลต้องทำยังไงให้ซีวอนรู้หล่ะ เฮ้อ!”
ร่างสูงนอนหนุนตักอยู่หน้าทีวี หากแต่ความสนใจกลับอยู่ที่ร่างนุ่มนิ่มเจ้าของตักเล็กที่เขานอนหนุน สายตาคมจับจ้องอยู่เป็นนาน แต่ร่างเล็กกลับไม่รู้สึกตัว มองเหม่อไปไกล เป็นแบบนี้ตั้งแต่อยู่ที่บริษัท “ฮีชอล ฮีชอลครับ”
“หืมม์ ซีวอนมีอะไรหรอ” ดวงตากลมเหลือบมองใบหน้าคมที่นอนหนุนตักอย่างสงสัย มือนุ่มลูบไปตามสันหน้าคม โน้มหน้าลงไปใกล้ พร้อมรอยยิ้มอ่อนๆ
“ซีวอนไม่มีอะไรหรอกครับ แต่ฮีชอลสิ คิดอะไรอยู่หรือเปล่าครับ ดูสิ คิ้วจะพันกันอยู่แล้ว หน้าผากก็ใกล้ย่นเลยนะเนี่ย” นิ้วยาวจิ้มลงกลางหว่างคิ้วสวย กดมือลงนวดเบาๆให้ร่างเล็กได้ผ่อนคลายมากขึ้น
“อื้อออออออออ” เสียงครางเบาในลำคออย่างขัดใจ ก่อนจะโน้มลงไปใกล้ แล้วโขกเบาๆกับหน้าผากกว้างของคนรัก “ย่นที่ไหนเล่า ซีวอนต่างหาก ตีนกาเพียบเลย” มือเล็กๆบีบใบหน้าคมเข้าหากันตรงช่วงหางตาทั้งสอง เกิดเป็นรอยเส้นขีดๆ
“มีตีนกาแล้วรักหรือเปล่าครับ” ซีวอนคว้าสองมือเล็กที่ยังบีบใบหน้าไม่เลิกมากุมเอาไว้มั่น ก่อนจะวางไว้เหนือริมฝีปากสูดดมความหอมจากมือเล็กทั้งสอง ก่อนเอามาวางบนแผงอกด้านซ้ายที่มีหัวใจเต้นอยู่
“จะรักดีไหมน้า” เสียงหวานขึ้นสูงลากยาว คล้ายถามคำถามกับตัวเองมากกว่าจะตอบคำถามชายหนุ่ม ดวงตากลมเผลอไปสบกับตาคมเข้าจนต้องรีบเสมองไปทางอื่นปล่อยให้ใบหน้าแดงก่ำ
“รักหรือเปล่าครับ ที่รัก” ชายหนุ่มยันร่างกายส่วนบนขึ้น ประทับจูบที่ปลายคางแหลก่อนกลับมานอนหนุนตักนุ่มอีกครั้งอย่างมีความสุขกับการรอคอยที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
“รักสิ ฮีชอลรักทุกอย่างที่เป็นซีวอน รักทุกการกระทำของซีวอน รู้ไหมครับ”
เสียงหวานที่ลงท้ายด้วยครับของคนรักทำให้ชายหนุ่มหัวเราะออกมา “รู้ครับผม ซีวอนก็รักฮีชอลมากที่สุดเหมือนกัน มากจนกลัวว่าความรักของซีวอนจะทำร้ายฮีชอล โดยไม่ตั้งใจ”
“ไม่นะ ไม่เลย ความรักของซีวอนไม่เคยทำร้ายฮีชอลจริงๆ” ใบหน้าหวานส่ายหน้าหวือ รีบบอกให้คนรักเข้าใจ ว่าแท้จริงแล้ว ความรักของซีวอนก็ทำให้ฮีชอลมีความสุขเหมือนกัน
อยากจะบอกออกไปว่าฮีชอลก็ต้องการซีวอน...ไม่ต่างจากการกันเลย
“ครับผม แต่ตอนนี้เด็กดีของซีวอนต้องเข้านอนแล้วนะครับ” ใบหน้าแฝงด้วยรอยยิ้มละมุม ยันตัวขึ้นจากโซฟามองใบหน้าหวานของเด็กดี
“ยังไม่ไปไม่ได้หรอ ดูทีวีอีกนิดเดียวเองนะ” ใบหน้าหวานพองลม ตะกายขึ้นไปบนตักหนาแล้วนั่งพิงอกอุ่น แต่ก็เหมือนพลาดท่า เมื่อร่างทั้งร่างถูกยกขึ้นอย่างง่ายดาย
“ไม่ได้นะครับ เป็นเด็กดีก็ต้องนอนไวๆนะครับ” แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ซีวอนจะซื้อขนมมาฝากอีกไงครับ” ใบหน้าคมดูอ่อนโยนเสมอกับคนรักที่ดูแลมาตั้งแต่เด็ก วางร่างเล็กที่ขึ้นมาบนตักให้เข้าอุ้มขึ้นอย่างง่ายลงบนที่นอนนุ่ม
คนน่ารักตัวเล็กที่ถูกวางลงบนที่นอนกว้างพร้อมจัดท่าทางให้นอนได้อย่างสบายๆ คว้ามือหนาออกแรงดึงให้ร่างหนาทรุดตัวลงมาบนที่นอนด้วยกัน ดวงตากลมใสมองคนรักตาแป๋ว “ให้ฮีชอลนอน แล้วซีวอนไม่นอนกับฮีชอลหรอ”
“นอนสิครับ แต่ให้ซีวอนออไปปิดไฟข้างนอกก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวซีวอนมานอนกอดฮีชอลนะ” มือหยาบหนาลูบหัวเล็กๆ บอกด้วยรอยยิ้มให้กับคนขี้อ้อน ที่อ้อนได้ทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องเล็กไปจนถึงเรื่องใหญ่ แล้วหน้าตาน่ารักแบบนี้ใครจะขัดใจได้....
ชายหนุ่มใช้เวลาเพียงไม่นาน ก่อนเดินกลับไปที่ห้องนอนอีกครั้ง มองเห็นหัวใจดวงน้อยหลับตาพริ้มใบหน้าซุกกับหมอนใบใหญ่ที่ซีวอนใช้หนุน ส่วนตัวเล็กๆก็ซุกอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาที่ปิดขึ้นมาถึงคอ
ยิ่งมองก็ยิ่งน่ารัก น่าทะนุถนอม และแสนบริสุทธิ์...จนไม่อยากให้แปดเปื้อน...
ริมฝีปากบางสัมผัสกับหน้าผากมน ของคนที่ซุกเข้ามาอยู่ในวงแขนทั้งที่ก็หลับไปแล้ว “ซีวอนรักฮีชอลนะครับ แล้วก็รู้ว่าฮีชอลต้องอะไร แต่รอซีวอนหน่อยนะครับคนดี รอให้ซีวอนสะอาดกว่านี้ก่อน แล้วซีวอนจะให้ความรักกับฮีชอลเหมือนเมื่อก่อน”
“ซีวอน ตื่นได้แล้ว ซีวอน สายแล้วนะ ซีวอน” ดวงตากลมใสแป๋วในอ้อมกอดที่คลายลง เขย่าชายหนุ่มเจ้าของอ้อมกอดให้ตื่นขึ้นมาเสียที
“อื้อออ อะไรกันครับฮีชอล ให้ซีวอนนอนต่อเถอะนะ วันนี้วันหยุดนะครับ” เสียงงึมงำไม่เป็นภาษา แล้วยังอ้อมแขนที่รัดแน่นเข้าทำให้คิ้วคนปลุกขมวดมุ่ยหน้าเข้าหากัน
“ไม่เอา ก็วันนี้ซีวอนต้องอาบน้ำให้ฮีบอมนะตื่นได้แล้ว ตื่นนนนน” ร่างเล็กพยายามตะกายไปถึงใบหูของคนรัก ก่อนแผดเสียงหวานลงไปอย่างไม่เกรงใจ
“ฮีชอลครับ ไม่สงสารซีวอนหรอ” ดวงตาคมเข้ม ปรือขึ้นอย่างยากลำบาก มองคนรักที่อยู่ตรงหน้าด้วยประกายหวาน ก่อนเปิดรอยยิ้มกว้างซุกหน้ากับซอกคอขาวผ่องที่ยวนตา
“อ่า ตื่นแล้วใช่ไหมเนี่ย แกล้งกันแบบนี้ ไม่เล่นนะซีวอน มันเจ็บ” ร่างเล็กเบี่ยงคอหนีหนวดแข็งๆ “ แกล้งกันแบบนี้ จะให้สงสารทำไม ลุกไปอาบน้ำให้ฮีบอมได้แล้ว”
“ฮีบอมมีคนอาบให้ แล้วซีวอนจะมีใครอาบน้ำให้ไหมนะ อยากรู้จัง” ซีวอนคว้าเอวเล็กเข้าจนแนบชิด มองใบหน้าหวานที่อยู่ใกล้จนจมูกปัดป่ายไปมา
เสียงเล็กเสียงน้อยที่คนรักตัวใหญ่ทำ ทำให้ฮีชอลหลุดหัวเราะออกมา มันไม่เข้ากับหน้าตาและบุคลิกของซีวอนเลยจริงๆ แต่มันก็ทำให้ใบหน้าของฮีชอลร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว จึงทำได้เพียงหลบสายตา แล้วก้มหน้างุบงิบเบา “ไม่รู้”
“อะไรกัน หัวเราะเค้าแล้วตัวเองยังมาไม่รู้แบบนี้ได้ไง ฮีชอลไม่รับผิดชอบซีวอนเลย” เพราะรู้ว่าคนรักชอบใจ ชายหนุ่มจึงยิ่งแสดงท่าทางอ่อนหวานให้ยิ่งน่าหมั่นไส้ เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ได้ฟังทีไรก็แสนชื่นใจและมีความสุข
“ซีวอนบ้าไปแล้วแน่ๆเลย” ร่างเล็กมองท่าทางสะดีดสะดิ้งของคนรักที่ร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสวยงามก็ยิ่งหัวเราะเสียงดัง ปลุกให้บรรยากาศยามเช้ามาแต่เสียงหัวเราะก้อง “แต่อยากให้ฮีชอลรับผิดชอบจริงๆหรือเปล่าเนี่ย”
ดวงตาคมเข้มชม้อยช้อยสายตาจับจ้องร่างเล็กที่ยังอยู่ในวงแขน แกล้งดัดเสียงสูงขึ้นไปอีก “จริงสิฮ่า ก็ตัวเองได้หัวใจเค้าไปหมดแล้ว ต้องไปขอเค้ากับคุณพ่อคุณแม่ด้วย”
ฮีชอลขำภาพของคนรักที่เคยหล่อเท่ จนน้ำตาไหล ต้องก้มหน้าไปซุกกับแผ่นอกกว้าง ทำใจกล้าก่อนพูดบางประโยคออกมา ทั้งที่หน้าตัวเองก็แดงก่ำ และร้อนผ่าว “งั้นคืนนี้ซีวอนก็ให้ฮีชอลทำสิ แล้วพรุ่งนี้ฮีชอลจะไปขอซีวอนจากคุณลุง คุณป้าเอง”
ซีวอนนิ่งฟังคำพูดของคนรักก่อนนิ่งอึ้ง หัวเราะไม่ออก นึกสงสัยใครเอาความคิดแบบนี้มาให้ฮีชอลกัน ตัวก็มีอยู่แค่นั้นจะทำอะไรเขาได้ เคยทำใครหรือก็เปล่า.....หรือเคย?
ความคิดสุดท้ายของชายหนุ่ม ทำให้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มเมื่อครู่กลายเป็นนิ่งขรึม รั้งร่างเล็กให้ออกจากแผงอกของตนเอง “ตอนซีวอนไปเรียน ฮีชอลเคยมีอะไรกับผู้หญิงหรือเปล่า หรือว่า” เพราะความคิดที่ทำให้ไม่พอใจ จนกลับไปใช้สรรพนามเดิมทันที “ไอ้หน้าจืดข้างบ้านมันพาฮีชอลไปเที่ยวที่แบบนั้น”
“หืมม์” ฮีชอลมองหน้าคนรักที่กลายเป็นนิ่งขรึมอย่างที่มักเป็นเวลาอยู่ต่อหน้าใคร แล้วก็นึกสงสัย “หน้าจืดข้างบ้าน เจย์หน่ะหรอ แล้วที่แบบนั้น......” ร่างเล็กคิดตามหาความหมายของที่แบบนั้นก่อนพอจะนึกออก “อึ้ยย ซีวอนคิดไรเนี่ย ฮีชอลไม่เคยทำใครเลยจริงๆ แต่จะทำซีวอนคนแรกและคนเดียวเนี้ยแหล่ะ”
ชายหนุ่มมองหน้าที่แสร้งทำเป็นเจ้าเล่ห์แต่ก็ปิดความเขินอายไม่มิดของคนรัก แล้วกลับมาอารมณ์ดีอีกครั้ง “อย่าเลยครับ ฮีชอลนอนเฉยๆให้ซีวอนทำแบบเดิมนั้นแหล่ะดีแล้ว ซีวอนขี้เกียจสอนเด็กอ่อนหัด” ประโยคสุดท้ายชายหนุ่มกระซิบริมใบหูเล็ก ก่อนลงจากเตียงไปอุ้มเจ้าแมวน้อยเข้าห้องน้ำ แต่ก็ยังอุตส่าห์เบี่ยงตัวหลบหมอนใบใหญ่ที่ปามาได้ ส่งเสียงหัวเราะให้คนรักที่นั่งมุ่ยอยู่บนเตียงได้เจ็บใจเล่น
“ฮีบอม รู้จักเด็กน้อยอ่อนหัดไหม ทำไม่เป็นแต่ก็อยากทำ สงสัยว่า คงได้มากสุดก็แค่อยู่ข้างบน ส่วนคนทำก็เป็นคนเดิมนั่นแหล่ะ ฮีบอมก็คิดแบบนั้นใช่ไหม” เสียงทุ้มของคนรักที่ลอยมาจากห้องน้ำ ทำให้ใบหน้าหวานแดงก่ำ
...แต่มันก็จริงอย่างที่ซีวอนว่า...ก็ฮีชอลไม่เคยมีอะไรกับผู้หญิงนิหน่า..ไม่ใช่ความผิดของฮีชอลสักหน่อย...ซีวอนแหล่ะผิด แล้วยังจะมาล้อกันอีก
“ซีวอนอ่า ให้ฮีบอมกัดเลยนิ” ร่างเล็กตะโกนกลับเข้าไปในห้องน้ำอย่างแสนงอน ริมฝีปากเล็กยู่เข้าหากัน แก้มป่องลมอย่างแบบที่ซีวอนเห็นคงอดไม่ได้ที่จะมาหอมแก้มป่องๆแบบนี้
โอ้ย!
เสียงร้องลั่นออกมาจากห้องน้ำ ทันทีที่พูดจบทำให้ฮีชอลตกใจ นึกว่าสองพ่อลูกกัดกันอีกแล้ว จนต้องรีบถลาเข้าไปดูคนรักด้วยความเป็นห่วง “ซีวอนโดนกัดหรอ เป็นอะไรหรือเปล่า”
ฮีชอลที่เป็นห่วงคนรักจนต้องตะโกนถามแต่กลับกลายเป็นหน้าแดงเมื่อเห็นว่า ท่อนบนของซีวอนกำลังเปลือยเปล่า มีเพียงกางเกงที่ใส่นอนเหลืออยู่เพียงตัวเดียวกับแมวน้อยที่เปียกชุ่ม “ทะ...ทำไม เหลืออยู่แค่นี้อ่ะ”
“ก็ลูกฮีชอลทำซีวอนเปียกนี้ครับ ก็เลยต้องถอดเสื้อ แล้วฮีชอลคนเก่งหน้าแดงทำไมกัน” ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้คนที่หยุดอยู่หน้าประตูก่อนทาบมือกับผนังกักตัวคนที่เข้ามาไว้ในอ้อมแขน สายตามีประกายที่ทำให้คนถูกมองขนลุก “อะไรกันครับ แค่นี้ก็หน้าแดง แล้วแบบนี้นะหรอที่จะทำซีวอนหน่ะครับ”
“ม่ะ...มันไม่ใช่แบบนี้อ่า ออกไปนะ” ใบหน้าแดงก่ำเลี่ยงหลบใบหน้าคมของคนรักที่โน้มเข้ามาใกล้ ด้วยสายตาที่เห็นเท่าไหร่ก็ไม่เคยชินสักที จนต้องใช้มือผลักๆดันๆ ให้ไม่เข้ามาใกล้ไปกว่านี้ แล้วยังจะมีแผงอกที่เห็นทีไรก็อดอิจฉาและใจสั่นไปพร้อมๆกัน จนต้องหลับตาปี๋
“แหน่ะหลับตาแบบนี้ แล้วรู้หรอครับว่าจะต้องทำยังไง เดี๋ยวก็ทำไมถูกหรอกครับ ตอนซีวอนทำไม่เคยหลับตาเลยนะครับ มองทุกส่วนของฮีชอล แล้วฮีชอลจะมาหลับตาทำได้ยังไงกัน” ซีวอนยิ้มกริ่มพอใจกับอาการของคนช่างยั่วที่ขยันมาทำให้เขาหวั่นไหว แต่คราวนี้เอาแต่เบี่ยงหลบ
ไม่ว่าอย่างไร ก็เป็นฮีชอลคนขี้อายที่ช่างอ้อน ของซีวอนอยู่ดี.....
“อือ เจ็บอ่ะ” เสียงหวานอุทธรณ์เมื่อถูกหนวดแข็งถูกกับลำคอ จนขึ้นเป็นรอยแดง ทั้งที่คนทำตั้งใจเพียงให้ร่างบางเขินอายและจั่กจี้เท่านั้น
“เจ็บมากหรือเปล่าครับ ซีวอนขอโทษนะ” ชายหนุ่มรีบผละออกห่างจากคอขาวที่ขึ้นรอยแดงเป็นปื้น สายตาลุแก่โทษจนคนเจ็บไม่อาจถือโทษ
“ไม่เป็นไรหรอก อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ฮีชอลไม่ได้เจ็บมากขนาดนั่นสักหน่อย อย่าคิดมากเลยนะ” มือเล็กประคองใบหน้าคมของคนรักให้มองเข้ามาในดวงตา ยืนยันให้รู้ว่าไม่ได้เจ็บมากจริงๆ แต่ก็เหมือนว่าร่างเล็กจะพลาดไปเสียแล้ว
“ไม่เจ็บจริงๆหรอครับ” ใบหน้าที่ดูเศร้าไปชั่วขณะกลับมากลายเป็นปรกติ พ่วงด้วยรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ที่ฮีชอลคุ้นชิน แต่ไม่เคยตามทัน จึงได้แต่พยักหน้าไปอย่างไม่ไว้ใจ แล้วก็ได้เห็นประกายเจ้าเล่ห์ชัดขึ้นกว่าเดิม “งั้นฮีชอลโกนหนวดให้หน่อยได้ไหมครับ..ที่รัก” ประโยคหลังใบหน้าคมลงแนบชิด กระซิบเบาๆกับใบหูเล็ก จนเห็นขนอ่อนตั้งชัน
ฮีชอลเคลิ้มไปกับคำที่ถูกกระซิบเรียก ใบหน้าหวานยิ้มแก้มปรินิ่งคิดอยู่นานแต่แล้วความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมา จนยอมพยักหน้าอย่างว่าง่าย “ได้ ฮีชอลจะโกนหนวดให้ซีวอนนะ”
ร่างเล็ก จับมือใหญ่ที่ทาบบนผนังออก แล้วพาเดินไปหน้ากระจกบานใหญ่ในห้องน้ำ หันหลังเข้ากับกระจกบานใหญ่ ให้ชายหนุ่มหันหน้าเข้ามาหา ท่าทางไม่ต่างจากเมื่อกี้เลยสักนิด
มือบางป้ายครีมโกนหนวดรอบสันคางอย่างตั้งใจ ดวงตากลมจับจ้องอย่างตั้งใจ จรดปลายที่โกนหนวดแสนเบาด้วยกลัวบาดเข้าเนื้อคนรักแบบที่เคยพลาดเมื่อหลายปีก่อน ดวงตาโตจ้องมองที่ริมฝีปากบางอย่างตั้งใจ พลางส่งยิ้มให้ความมั่นใจกับชายหนุ่มเจ้าของสันคางเขียวครึ้ม
ซีวอนก้มมองคนรักที่ตัวเล็กกว่า เห็นเพียงแพขนตางอนยาว แก้มใสแดงเรื่อ และริมฝีปากอิ่มเรื่อสีชมพูที่ดูเชิญชวนจนยากจะห้ามใจ มือหนาเริ่มอยู่ไม่สุขเอื้อมรั้งเอวเล็กคอดเข้าหาตัว พลางลูบไล้แผ่นหลังเล็กอย่างเพลิดเพลิน
“อื้ออ ซีวอนมือหน่ะอย่าซนได้ไหม เดี๋ยวก็โดนบาดหรอก” ร่างเล็กที่เคยคิดจะใช้ช่วงเวลานี้ทำให้คนรักเคลิบเคลิ้ม กลับกลายเป็นฝ่ายถูกเย้าแหย่ให้ต้องเขินอาย จนมือเริ่มสั่นเทาเพราะความรู้สึกที่ชายหนุ่มมอบให้
“ก็ไม่ต้องโกนก็ได้นี้ครับ ซีวอนไม่ได้ขอสักหน่อย” ไม่เพียงแค่คำพูดหรือสายตาที่ชวนให้วาบหวิว มือหนาทาบลงที่มือเล็กจับไว้ให้อยู่นิ่ง หยิบที่โกนหนวดวออกมาอย่างง่ายดายแล้วปล่อยลงกับพื้น สนใจร่างบางแสนหวานตรงหน้าอีกครั้ง
“อื้อ จะทำอะไรเนี้ย ซีวอน” ฮีชอลถามคนรักอย่างไม่แน่ใจ ความคิดที่อยู่ในหัวต้องล้มพับไม่ได้เตรียมใจมาเจอกับชายหนุ่มแบบนี้สักหน่อย....ฮีชอลจะเอาซีวอนคนนิ่งๆคนอ่า~
ไม่ใช่ซีวอนคนนี้...เอาคนนั้นกลับมาก่อนนนนนนนน
แขนที่โอบเอวเล็กยิ่งรั้งให้แนบชิดจนร่างบางรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของชายหนุ่มตรงหน้า ใบหน้าหวานร้อนผ่าว สบสายตากับคนรักอย่างไม่แน่ใจเท่าไหร่ และก่อนจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ ริมฝีปากอิ่มที่ยั่วตาคะนองมานานตั้งแต่เช้า ก็ถูกช่วงชิงไปด้วยสัมผัสแสนหวานทั้งที่ครีมโกนหนวดยังอยู่รอบสันคาง
เรียวลิ้นหนาไล้ต้อนหยอกล้อกับลิ้นเล็กที่เอาแต่หลบหนีอย่างขลาดอาย ต้องส่งเสียงประท้วงเมื่อถูกแย่งชิงลมหายใจไปจนใกล้หมด ทำให้ซีวอนต้องยอมปล่อยอาหารรสหวานออกอย่างเสียดาย ให้คนรักที่เหนื่อยหอบได้หายใจเอาอากาศเข้าปอดอีกครั้งใบหน้าคร้ามเข้มยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นโฟมขาวเลอะไปทั่วรอยริมฝีปากอิ่ม สองนิ้วเช็ดออกให้อย่างใจดี
ซีวอนทั้งผลักและดันร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้าจนแผ่นหลับบางชิดกับกระจกบานเงาใหญ่ กดสองมือไว้กับกระจก โน้มตัวลงซุกไซ้ซอกคอขาวผ่อง จนเสื้อคอกว้างที่ฮีชอลใส่นอนหลุดลุ่ย ตกลงมาถึงไหล่ขาว ยิ่งดูยั่วยวนโดยไม่ตั้งใจ
ร่างเล็กที่กำลังถูกตักตวงความสุขที่หอมหวานได้แต่โอนอ่อนตามความต้องการของคนรักสองมือที่ถูกกดไว้แต่แรกถูกคลายออกมาโอบรอคอกว้างอย่างเผลอไผล นึกดีใจที่คนรักคนเดิมกลับมาเสียที มือหยาบที่แสนคิดถึงกำลังลูบผิวกายภายใต้เสื้อตัวโคร่งยิ่งทำให้รู้สึกดีและแสนอบอุ่นภายใต้สัมผัสที่เร่าร้อน
ชายหนุ่มวกกลับขึ้นมาริมฝีปากอิ่มที่เจ่อบวมอีกครั้ง สองมือปรนเปรอติ่งไตบนแผ่นอกเนียนมือจนร่างเล็กต้องแอ่นตัวเข้าหาสัมผัสโดยไม่รู้ตัวพาให้อารมณ์ทั้งสองเตลิดจนยากจะกู่กลับมาได้.....
เมี้ยววววววววววววว....เมี้ยววววววว
เสียงร้องของแมวสีเข้มดังแผดลั่นห้องน้ำด้วยความหนาวสั่น ดวงตาโตๆจ้องมองสองมนุษย์ที่กำลังกระทำการรวมร่างต่อหน้าแมวผู้ใสซื่ออย่างไม่เข้าใจและไม่พอใจ....จะทำอะไรกัน ฮีบอมไม่เคยว่า แต่ตอนนี้ ฮีบอมหนาวครับ.....
ซีวอนชะงักการกระทำที่กำลังเลยเถิด ผละออกห่างจากร่างเล็กราวกับถูกกระแสไฟฟ้าช็อตตามร่างกาย มองใบหน้าหวานที่แดงเรื่อ ดวงตากลมที่ปรือลงอย่างอ่อนไหวร่างเล็กที่ต้องพิงกายกับกระจกอย่างไร้เรี่ยวแรง....ความรู้สึกผิดที่ลืมเลือน แล่นขึ้นมาเกาะกุมหัวใจอีกครั้ง “ซีวอนขอโทษครับ”
“เอ๋ ขอโทษ ขอโทษทำไม ซีวอนไม่ได้ทำอะไรผิดนะ” ดวงตาปรือขึ้นอย่างช้าๆ ไม่เข้าใจคำพูดของคนรักได้แต่มองอย่างสงสัย ทั้งที่ตัวเองก็กำลังเหนื่อยหอบ
“ซีวอน....ฮีชอลออกไปรอซีวอนข้างนอกก่อนได้ไหมครับ เดี๋ยวเช็ดตัวให้ฮีบอมแล้วซีวอนตามออกไปนะครับ” รอยยิ้มอ่อนโยนที่มีเพียงคนเดียวจะได้เห็นทำให้ร่างบางยอมพยักหน้าอย่างว่าง่าย
“แล้ว...ซีวอน..ตรงนั้นมันจะ..” ร่างเล็กเขินอายเกินกว่าจะพูดถึงสิ่งที่ต้องการสื่ออกมา ได้แต่ก้มต่ำเหลือบตามองไปยังสิ่งที่กำลังเป็นห่วง
ซีวอนมองใบหน้าที่ยิ่งแดงก่ำของคนรักแล้วมองไปตามสายตากลมโต จนเจอเข้ากับเจ้าตัวปัญหาที่กำลังพองนูนของตัวเองแล้วก็ได้แต่อมยิ้มในความน่ารักใสซื่อของเด็กน้อยฮีชอล “ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวซีวอนจัดการมันเอง ฮีชอลไม่ต้องห่วงนะ”
“แต่ว่า...ฮีชอลช่วยซีวอนได้นะ ถ้า..มัน....”
สายตาคมแอบลอบมองช่วงล่างของคนรักที่อยู่ใต้กางเกงผ้าเนื้อบาง มันช่างเงียบสงบแตกต่างจากเขา จนอดไม่ได้ที่จะมองร่างเล็กอ้ำอึ้งอย่างเอ็นดู ยิ่งอยู่ใกล้ ก็ยิ่งหลงรักความใสซื่อที่แสนใจดีของคนรัก ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ต้องการ แต่กลับอาสาจะช่วยเหลือเขาแบบนี้.... ใจดีเกินไปแล้วนะครับฮีชอล
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ฮีชอลออกไปรอซีวอนข้างนอกก่อนนะ” ชายหนุ่มดุนหลังเล็กให้ออกจาห้องน้ำ ก่อนกดล็อคตั้งใจจะจัดการกับตัวเองและเจ้าตัวยุ่งที่หนาวสั่นเพราะหนาว
“ร้องได้เวลามากเลยนะตัวยุ่ง” มือหนากดหัวกลมเล็ก ที่พยายามซุกเข้าหามือ “แต่ก็ขอบใจนะ
ฮีชอลที่ถูกไล่ให้ออกมารอข้างนอก นั่งลงกับโซฟาตัวใหญ่ในห้องโถงกว้างไม่กล้านั่งรออยู่ในห้องนอนด้วยเสียงบางอย่างที่เล็ดลอดออกมาจากห้องน้ำ ได้แต่นั่งหน้ามุ่ยคิดไม่ตกกับเรื่องของคนรัก
เรื่องที่เกิดขึ้นและกำลังดำเนินอยู่ในห้องน้ำ บอกให้ฮีชอลแน่ใจได้ว่า คนรักไม่ได้ป่วยอย่างที่กังวลจนต้องเที่ยวไปปรึกษากับเพื่อนสนิท แต่กลับมีสิ่งที่คาใจเพิ่มขึ้นมา
...ทั้งที่ฮีชอลอยู่ตรงนี้ แต่ทำไมซีวอนกลับเลือกที่จะ...ช่วยตัวเอง
ริมฝีปากที่เจ่อบวมไม่หายถูกกัดเบาๆอย่างใช้ความคิด นึกหาเหตุผลเท่าไหร่ก็ไม่อาจมาตอบคำถามที่กำลังสงสัยนี้ได้เสียที หรือแม้แต่ความคิดที่ว่า...ซีวอนไม่ต้องการแล้ว...ก็ไม่อาจมาตอบข้อนี้ได้ เพราะชื่อที่ซีวอนเรียกขานยามอยู่เพียงคนเดียวในห้องน้ำ ก็ยังเป็นชื่อของเขา....ฮีชอล
ร่างบางจมอยู่กับความคิดของตัวเองจนไม่สนใจกับสิ่งที่อยู่รอบตัว มารู้สึกตัวอีกครั้งก็เมื่อมีมือใหญ่มาโอบรั้งให้เข้าไปซุกอยู่ในแผงอกที่กรุ่นหอมสดชื่นหลังอาบน้ำมาใหม่ๆ
“คิดอะไรอยู่ครับคนเก่ง ดูสิกัดจนปากจะห้อเลือดอยู่แล้ว” นิ้วยาวเกลี่ยไล้ริมฝีปากเล็กที่ถูกขบกัดอย่างเบามือ มองสบเข้าไปในดวงตากลมที่มีประกายคำถาม
“ซีวอน ฮีชอลสงสัย” เสียงหวานเปล่งออกมา หลังจากคิดอย่างรอบคอบ หากไม่ถามวันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะต้องอยู่กับความสงสัยนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน
“สงสัยอะไรครับคนเก่ง” ซีวอนยังคงส่งรอยยิ้มให้กับร่างเล็กในอ้อมอก พร้อมจะตอบคำถามที่ร่างบางอยากรู้ ทุกเรื่อง ทุกอย่าง....เพราะเขาเองก็มีบางสิ่งที่ไม่อยากเก็บเป็นความลับอีกต่อไป
“สัญญานะว่าถ้าถามจะไม่โกรธ ไม่หัวเราะด้วย” ใบหน้าเล็กทำท่าคิดหนักอีกรอบ ขอคำมั่นจากชายหนุ่ม จนได้รับกลับมาเป็นการพยักหน้ายืนยัน จึงเริ่มเรียบเรียงประโยคให้ล่อแหลมน้อยที่สุด “ซีวอนเป็นอะไร...คือ ซีวอน ซีวอนยังต้องการฮีชอล แต่...ซีวอนกลับไม่ทำฮีชอล เมื่อกี้ทั้งที่ซีวอนเป็นอย่างนั้น แต่ก็ไล่ฮีชอลออกมา แล้วก็ไปทำแบบนั้น ทำไมหล่ะซีวอน”
ชายหนุ่มนิ่งงันจ้องมองใบหน้าที่แดงก่ำ อยากจะทั้งหัวเราะและร้องไห้ออกมาพร้อมๆกัน คำถามที่แสนน่ารักฟังดูก็รู้ว่าคนพูดลังเลที่จะถาม หากก็ข้องใจเกินกว่าจะเก็บไว้ และก็เป็นคำถามถึงเรื่องที่เขาก็ทรมานกับการเก็บไว้เป็นความลับ แต่ก็กลัวกับการพูดความจริง “ซีวอน...มีเรื่องจะเล่าให้ฮีชอลฟังครับ แต่ฮีชอลต้องฟังจนจบ ได้ไหมครับ”
“อืออออ ฮีชอลจะฟังจนจบ” ร่างเล็กรับคำอย่างหวาดหวั่น ยิ่งสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่แน่ใจของคนรักก็ยิ่งทำให้รู้สึกวูบโหวง ใจสั่นกับบางอย่างที่จะได้รับรู้
“เรื่องคราวนั้นที่ทำให้ฮีชอลออกจากบ้านไป เป็นเพราะ...ซีวอนเห็นฮีชอลดูเหนื่อยเพลียทุกครั้ง แล้วไหนยังจะรอยอะไรก็ไม่รู้ตั้งมากมาย มันทำให้ซีวอนรู้สึกผิด จนไม่กล้าแตะต้องตัวฮีชอล แต่เพราะซีวอนไม่พูดเรื่องมันถึงได้เลยเถิด ซีวอนขอโทษนะครับที่ทำให้ฮีชอลต้องเจ็บ แบบนั้น”
“โธ่! ซีวอน” ดวงตากลมช้อนมองคนรัก พร้อมรอยยิ้มอย่างที่ไม่ถือโทษโกรธเคืองใด เงยหน้าขึ้นจูบปลายคางที่หอมกลิ่นอาฟเตอร์โลชั่น “คราวหลังอย่าคิดอะไรคนเดียวอีกนะ ถามฮีชอลดูก่อนก็ได้นินา ยังไงฮีชอลก็เต็มใจเพื่อซีวอนอยู่แล้ว อย่าคิดมากเลยนะครับน้องซีวอน พี่ฮีชอลไม่ว่าอะไรแล้ว”
ชายหนุ่มคงจะยิ้มได้กว้างกว่านี้กับคำพูดของพี่ชายสุดสวยคนนี้ ทำเหมือนเขาเป็นเด็กชายตัวน้อย แต่เพราะเรื่องสำคัญที่ค้างคาอยู่ในใจจึงทำได้เพียงยิ้มฝืดเฝื่อนเท่านั้น “แต่ว่าตอนนั้น ผม....คิดว่าตัวเองอาจเป็นโรคติดเซ็กส์ก็เลย.....นอนกับคนอื่น” ชายหนุ่มมองอาการนิ่งงันของคนรักอย่างเจ็บปวด สิ่งที่เขากลัวมันกำลังเป็นจริง สายตาของฮีชอลที่มองมาเหมือนคนที่ตกใจ แล้วมันแปรเปลี่ยนเป็นจ้องมองอย่างหวาดกลัว น้ำตาหยดเล็กไหลออกมาให้กับความผิดที่ตัวเองก่อขึ้น “ฮีชอล จะตบ จะตี จะด่าก็ได้ แต่อย่านิ่งแบบนี้สิครับ ซีวอนรู้ดีว่าตัวเองสะอาดไม่พอ ไม่...~”
ร่างเล็กที่เคยเป็นผู้โอบกอด ค่อยๆยันตัวเองให้โอบกอดไหล่หนาที่กำลังสั่นเทา เช็ดน้ำตาเม็ดเล็กที่นานๆครั้งจะออกมาจากดวงตาแสนดุคู่นี้ “ ไม่ๆๆๆ ซีวอนดีที่สุดสำหรับฮีชอล แต่...ฮีชอลกลัว ถ้าหากครั้งนั้นซีวอนชอบคนนั้น แล้วฮีชอลก็จะเสียซีวอนไป” คำพูดหยุดชะงัก สายน้ำไหลลงมาจากตาโดยไม่รู้ตัว เมื่อคิดว่าหากต้องเสียชายหนุ่มไปให้กับคนแปลกหน้าคนนั้นจริงๆ วันนี้เขาจะเป็นเช่นไร “อย่าทำแบบนั้นอีกนะ อย่าทำอีก อยู่กับฮีชอลนะ อย่าทิ้งไปกับใครนะ”
ร่างกายที่ใหญ่โตในอ้อมกอดของคนตัวเล็กนิ่งงันอย่างดีใจ และเสียใจ ดีใจที่คนรักให้อภัย เสียใจที่ทำให้ต้องเสียน้ำตาอีกแล้ว “ครับ ซีวอนขอโทษ จะไม่มีแบบนั้นอีกแล้ว ทั้งตัวและหัวใจของซีวอนเป็นของฮีชอลคนเดียว จะไม่มีวันไปเป็นของคนอื่น ไม่ทิ้งฮีชอลไปไหนแน่ๆครับ”
“ซีวอน พูดแล้วนะ ว่าจะเป็นของฮีชอลคนเดียว” จากหยาดน้ำ กลายเป็นรอยยิ้มหวาน มอบกำลังใจให้แก่คนรัก “อย่าคิดว่าตัวเองไม่ดีพอ ไม่สะอาดพอหรืออะไรอีกรู้ไหม อย่าคิดแบบนั้นอีกนะรู้ไหม”
ซีวอนอยากจะตอบรับคำพูดที่แสนน่ารัก หากแต่บางอย่างที่ติดค้างอยู่ในใจทำให้ต้องถามเจ้าของอ้อมกอดที่โอบกอดเขาได้ไม่มิดเท่าไหร่ “แล้วถ้าซีวอนเป็นโรคหล่ะครับฮีชอล”
แก้มใสพองลงจนป่อง คลายแขนที่โอบกอดคนรักออก ต่างจ้องหน้ากันและกันด้วยใจจดจ่อ ก่อนที่แก้มป่องจะคลี่ยิ้มกว้างออกมา “ไม่รู้ ช่างมันสิ ฮีชอลก็จะเป็นกับซีวอนนั่นแหล่ะ ใครจะว่าอะไรก็ช่าง แต่ซีวอนต้องอยู่กับฮีชอลนะ ห้ามไปยุ่งกับใครอีกแล้วด้วย รู้ไหม”
“รู้ครับผม จะอยู่กับฮีชอลไปตลอดเลย” ชายหนุ่มมองใบหน้าของคนรัก ขอบคุณเบื้องบนที่ส่งคนที่แสนวิเศษนี้ลงมาให้แก่เขา “ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มหอมลงไปบนแก้มนุ่มอย่างแรงด้วยความรู้สึกปลอดโปร่งที่ได้ปลดปล่อยเรื่องราวในใจออกมาให้คนรักได้รับรู้
ริมฝีปากอิ่มแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างที่เคยเห็นชายหนุ่มทำ แม้จะดูไม่เหมือนคนเจ้าเล่ห์แสนร้ายกาจก็ตาม ก่อนค่อยๆยื่นหน้าตัวเองเข้าไป ตามยุทธวิธีวางไว้แล้วล็อคเป้าหมาย ให้ปากสองปากได้ประกบอย่างสมใจ
แต่ก่อนที่ทหารตัวเล็กจะถอนตัวออกจากภารกิจ ก็กลับกลายเป็นฝ่ายถูกโจมตีเสียก่อน เมื่อข้าศึกส่งทัพหน้าเป็นลิ้นใหญ่เข้ามารุกรานเกี่ยวรัดในโพรงปากแคบ ควานหาความหวานที่แอบซ่อนตัวอยู่ แล้วยังจะโดนรุกคืบด้วยการถูกดันให้ลงนอนราบไปกับโซฟาตัวใหญ่ จนไม่ทันตั้งตัว
“ซีวอน เดี๋ยวก่อน ซีวอน” มือเล็กยันแผงอกกว้าง และใบหน้าที่ดูแสดงออกถึงความต้องการจนทหารตัวเล็กที่ถูกจับเป็นเชลยอย่างเขาอดกลัวนิดๆไม่ได้ “กลับเข้าไปในห้องได้ไหม”
แม่ทัพฝ่ายศัตรูไม่มัวพูดพร่ำ โอบอุ้มร่างของพลทหารแสนหวานขึ้นแนบกายแล้วพาเคลื่อนพลกลับเข้าห้องอย่างรวดเร็ว เสียยิ่งกว่าปฏิบัติการครั้งไหนๆ
....ก็แม่ทัพซีวอนอดอยากมานาน แล้วแบบนี้พลทหารฮีชอลจะรอดได้อย่างไร
~~~~~ E.N.D.~~~~~
ปล. โฮมเกิดมาเพื่อตัดฉากนะค่ะ
แถม
เรือนร่างเปล่าเปลือยในอ้อมกอดของคนรักภายใต้ผ้าห่มผืนหนา โผล่มาเพียงใบหน้าหวานและผิวขาวเนียนตั้งแต่ช่วงคอเล็กถึงลาดไหล่เต็มไปด้วยรอยแดงตามร่างกายที่ชายหนุ่มบรรจงทำให้อย่างตั้งใจ แม้กำลังเหนื่อยหอบแต่ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มของความสุขที่ขับไล่หมอกควันแห่งความกังวลออกไปได้
“เพลียหรือเปล่าครับฮีชอล ให้ซีวอนอุ้มไปอายน้ำไหม” ชายหนุ่มมองริมฝีปากเล็กอย่างหักห้ามใจที่จะไม่ลงไปเชยชิมอีกครั้ง
“ไม่เอา ขอนอนแบบนี้ก่อนนะ” ฮีชอลทำเสียงอ่อนเสียงหวานออดอ้อนคนรัก ก่อนนึกบางอย่างได้ ดวงตากลมจึงเบิกกว้างอย่างตื้นเต้น “ซีวอนพรุ่งนี้เราไปตรวจเลือดกันไหม เผื่อเป็นอะไรเราจะรู้ตัวตั้งแต่เนิ่นๆไง เอาไหม”
ซีวอนกั้นขำจนตัวสั่นสะท้าน มองหน้าคนรักที่ดูจะรู้สึกสนุกมากกว่าเป็นห่วงตัวเองอย่างปากว่า แต่ชายหนุ่มก็ไม่ตอบรับใดๆ ทำเพียงเอี้ยวตัวไปหยิบแผ่นกระดาษจากลิ้นชักข้างหัวเตียงมาให้คนรักอ่าน
ฮีชอลรับไปนอนอ่านอย่างช้าๆ ทำความเข้าใจทีละประโยค จากใบหน้าหวานที่ยิ้มกริ่มอย่างตื่นเต้นแปรเป็นนิ่งงัน หันมองชายหนุ่มเจ้าของกระดาษแล้วพองลมใส่แก้มตัวเองอย่างแสนงอน “อะไรกันอ่า ไปตรวจมาแล้วก็ไม่เห็นบอก ไม่เห็นมีอะไรเลย”
“อะไรกันครับฮีชอลไม่พอใจหรอเนี่ย ที่ซีวอนไม่เป็นอะไร อุตส่าห์ไปตรวจเพื่อฮีชอลเลยนะ แล้วมางอนแบบนี้ ต้องง้อกันยาวๆ หนักๆเลยนะเนี่ย” ชายหนุ่มร่างสูงพลิกตัวทาบทับร่างบาง จัดการง้อคนรักแบบยาวๆหนักๆจนกว่าจะได้ลุกไปอาบน้ำอีกครั้งก็เลยเวลาอาหารเที่ยงไปแล้ว
Talk
จบแล้วค่ะ กับการดองนาน
แม้ว่าการยั่วขั้นอ่อนหัดจะไม่สำเร็จ แถมโดนรุกกลับ แต่ว่าก็ทำให้ซีวอนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้สักที เฮ้อ ไอซ์โล่งค่ะ อิอิ
ขัดใจกันไหมค่ะ กับการเกิดมาเพื่อตัดฉากของโฮม ไอซ์เลยจะบอกว่า วาเลนไทน์นี้ มีโบนัสพิเศษนะค่ะ หุหุ โบนัสนี้เป็นโปเจคพิเศษ Home By Home หุหุ ชื่อ หลังนี้ มีใครคุ้นกันไหมค่ะ รออ่านกันนะค่ะ แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้าค่ะ
ขอบคุณทุกคอมเม้มท์นะคะ
Dr. Fu
ความคิดเห็น