ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Home คำนี้ยิ่งกว่ารัก (woncin fiction)

    ลำดับตอนที่ #19 : My Love….Don’t leave me 2 100%

    • อัปเดตล่าสุด 20 ต.ค. 53


              

    My Love….Don’t leave me 2

     

                  ดึกมาแล้วที่ชายหนุ่มยังคงนั่งอยู่เพียงลำพังในห้องกว้าง สายตาคมจ้องมองแมวตัวน้อยที่นอนขดนิ่งอยู่บนเบาะรอง พาให้ใจนึกไปถึงร่างบางอีกหนึ่งคนที่ป่านนี้คงขดตัวร้องไห้อยู่ในห้องนอนในบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ไกลเกินกว่าจะมองเห็น ได้แต่หวังว่าจะมีใครสักคนอยู่เป็นเพื่อนคอยปลอบใจ “ซีวอนขอโทษนะครับ แต่ทั้งหมดก็เพื่อฮีชอล  อย่าร้องไห้เลยนะครับที่รัก”

     

                    ชายหนุ่มครุ่นคิดมานานถึงทุกครั้งที่ได้สัมผัสเนื้อตัวอันอ่อนนุ่ม ได้รับความรักอันหอมหวาน จากที่เคยคิดจะห้ามใจไม่ทำรุนแรง กลับกลายเป็นไม่อาจห้ามใจได้ ยอมปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามอารมณ์ปรารถนาที่รุนแรง ไม่อาจหยุดยั้งสิ่งที่เกิดขึ้น เฝ้าวนเวียนอยู่ให้ห้วงอารมณ์จนร่างบางรับไม่ไหวปล่อยให้สติหลุดร่วงไป

     

                    เมื่อทุกอย่างสงบลงสิ่งที่เคยเห็นซ้ำๆ แต่ไม่เคยชินสายตา คือร่างบอบบางนอนแน่นิ่งพร้อมร่องรอยมากมายที่ประทับไปทั่วร่างกายที่ขาวผ่อง เหงื่อเม็ดใสผุดขึ้นบนผิวเนียน มันเป็นแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ทุกคืนจนไม่อาจทนให้เป็นได้ต่อไป

     

                    มันคงดีกว่านี้มาหากความรักของเขาไม่ทำให้ฮีชอลผู้อ่อนแอต้องเจ็บปวด  คนรักของเขาก็เหมือนแก้วใสบริสุทธ์ที่ถูกเจียระไนจนสวยงามช่างเปราะบางและแตกหักได้ง่าย เขากลัวว่าสักวันอาจจะทำให้แก้วแสนสวยที่มีค่ามหาศาลต่อจิตใจแตกสลายลงคามือ

     

                    การได้ชื่นชมและมองดูอยู่ห่างๆคงดีที่สุดสำหรับความรักของเราสองคน....

     

                    “ซีวอนรักฮีชอลเสมอนะครับ” เสียงทุ้มบอกรักแผ่วเบา แต่คงไปไม่ถึงคนฟังที่อยู่แสนไกลเกินกว่าสายลมจะหอบพัดไป  คืนนี้ผ่านไปอย่างเชื้องช้าสำหรับชายหนุ่ม เมื่อต้องอยู่อย่างเหงาๆเพียงลำพังในห้องกว้าง มันทำให้ซีวอนนึกถึงความทรงจำมากมายที่แย่งกันผุดขึ้นมา ราวกับว่าหากผ่านพ้นคืนนี้ไปแล้ว เขาจะไม่มีชีวิตอยู่ให้นึกถึงเรื่องพวกนี้อีก

     

                    หัวกลมๆเล็กๆที่เคยหนุนบนตัก ซุกใบหน้าหวานเข้ากับหน้าท้องแข็งยามเขินอาย

     

                    ตัวนิ่มๆ กลิ่นหอมๆที่เบาหวิว ยามขึ้นมานั่งบนตัว

     

                    แขนเรียวบางรัดรอบคอแน่น ยามขึ้นขี่คอ หรือถูกโอบอุ้มไปมา

     

                    เสียงหวานใสหัวเราะอย่างร่าเริงพาให้คนฟังเบิกบาน

     

                    ดวงตากลมโตที่แสนซื่อ ทำให้ใจละลายทุกครั้งที่ถูกมอง

     

                    ริมฝีปากอิ่มเชิดขึ้นอย่างแสนงอน หรือเจ่อบวมเรียกให้สัมผัสซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     

                    และ....หัวใจอันแสนบริสุทธิ์ซื่อตรงต่อความรู้สึก

     

                    ทั้งหมดทั้งมวลที่ประกอบขึ้นเป็นคิม ฮีชอล ทำให้ชายหนุ่มหลงรักจนไม่อาจเผื่อใจให้ใครได้อีก ไม่เหลือแม้แต่ช่องว่างสำหรับความเสียใจ ทั้งชีวิตนี้มีไว้เพื่อคนๆเดียว

     

                    ชายหนุ่มไม่อาจทนต่อความเศร้าที่ไร้จุดสิ้นสุด ทั้งหยาดน้ำตาและเสียงร้องไห้ยังคงติดแน่นอยู่ในหัวใจ ผลักดันให้ชายหนุ่มต้องออกจากห้องกว้าง ทิ้งให้แมวน้อยนอนอยู่เพียงลำพัง เหมือนครอบครัวที่แตกแยก....ทุกคนอยู่เพียงลำพังในค่ำคืนนี้

     

                    “แล้วสักวันฮีชอลจะเข้าใจซีวอนนะครับ”

                             

                  สถานที่ประเภทเดียวที่ยิ่งดึก ผู้คนก็ยิ่งมาก ยิ่งแสงน้อยผู้คนก็ยิ่งครึกครื้น ไม่จำเป็นต้องรู้จักกัน ไม่จำเป็นต้องเคยพบหน้ากัน แต่ก็สามารถให้ความสุขแก่กันได้....และมันเป็นที่ที่ซีวอนเลือกมา

     

                    ร่างสูงมองป้ายไฟหลายสีที่เปิดล่อให้เหล่าผีเสื้อราตรีเข้าไปกอบโกยความสนุกสนาน เดินไปตามถนนเส้นยาวที่มีเหล่าผู้หญิงที่ไม่จำเป็นต้องหน้าตาดีขอแค่มีความกล้าเชื้อเชิญให้เข้าไปปลดปล่อยความทุกข์ ในโลกแห่งแสงสี เสียงเพลง และแอลกอฮอล์ ไม่ต้องคำนึงถึงโลกความจริงที่อยู่ด้านโลก ไม่ต้องรู้ถึงก้นบึ้งของจิตใจใคร

     

                    นี้เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มมาที่นี้ ตั้งแต่กลับคืนสู่ประเทศบ้านเกิด ที่ที่มีคนที่เฝ้าคิดถึงรออยู่ ความสุขฉาบฉวยแบบนี้ก็ไม่เคยจำเป็นต่อเขาอีกเลย....แต่ใครจะคิดว่าวันหนึ่งเขาต้องมาที่แบบนี้

     

                    แต่ความจริงก็คงไม่แปลก เพราะคืนนี้เป็นคืนแรกที่จะไร้ร่างบางข้างกาย....ไม่แปลกเลย

     

                    ชายหนุ่มเดินเข้าไปในร้านที่ผู้คนพลุ่กพล่านพากันเบียดเสียดในที่คับแคบ ไม่สนใจว่าร่างกายจะถูกแตะต้องส่วนใดด้วยเจตนารมย์ไหน เสียงเพลงที่เปิดดังจนฟังไม่รู้เรื่อง ผู้คนมากหน้าหลายตา หลากหลายเพศจนแทบแยกไม่ออก ว่าไหนจริง หรือไม่จริง

     

                    ใบหน้าคมจ้องมองแก้วในมือที่มีน้ำใสอยู่ค่อนแก้ว น้ำใสๆ ที่ดื่มแก้ความกระหาย และเหมือนไม่มีพิษภัยอะไร และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะน้ำในมือที่เขาถือมันเป็นเพียงแค่น้ำเปล่า น่าตลกที่คนอย่างเขาเดินเข้ามานั่ที่บาร์ยาว สั่งเพียงแค่น้ำเปล่า และของกินเล่น แม้แต่บาร์เทนเดอร์ยังตกใจ

     

                    ชายหนุ่มเหยียดยิ้มหยันให้กับสายตาและท่าทางเชิญชวนจากทั้งหญิงสาวที่ใช้สีสันปิดบังอำพรางจุดด้อยบนใบหน้าเสียจนหนา ทั้งผู้ชายที่ดูก็รู้ว่าไม่ได้ต้องการสตรีเพศไว้ข้างกาย ผู้ชายที่อ่อนแอ เหมือนฮีชอล...

     

                    ชื่อของคนรักทำให้ชายหนุ่มสะดุ้ง บอกกับตัวเองว่าไม่เหมือน ฮีชอลไม่จำเป็นเลยที่จะต้องมาล่อหลอกใครสักคนให้ร่วมเตียงด้วย ไม่จำเป็นต้องทำอะไร..แค่นี้ก็รักมากพอแล้ว...

     

                    “มาเที่ยวคนเดียวหรอครับ” หนุ่มน้อยร่างบาง เสื้อตัวเล็กรัดแน่นจนเห็นทรวดทรงและความผอมบางที่ไม่ต่างผู้หญิงเลย เดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ข้าง จ้องมองชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มและสายตาเชิญชวน

     

                    “อย่ามายุ่ง” เสียงทุ้มบอกปัดอย่างรำคาญ ทั้งที่ก็แอบคิดในใจ หากเป็นเสียงของฮีชอลเขาจะทำหน้าเช่นไรกัน คงยินดี แล้วคว้าเข้าหาอ้อมกอด บอกให้รู้ว่ามาคนเดียวและต้องการให้ฮีชอลอยู่เป็นเพื่อน...แต่มันก็เป็นแค่ฝันเท่านั้นเอง

     

                    “อะไรกัน เสียงแข็งเชียว ผมก็แค่ทักทายธรรมดา อย่างนี้อกหักมาหล่ะสิ ผู้หญิงหรือผู้ชายหล่ะที่ทำให้คุณมานั่งอยู่ตรงนี้” คนแปลกหน้ายังคงพูดไปเรื่อยๆไม่สนใจท่าทางของชายหนุ่มที่บอกให้รู้ว่ารำคาญเต็มทน

     

                    “.....” สายตาคมตวัดมอง ก่อนปรายตากลับมา รอยยิ้มของคนข้างๆเทียบไม่ได้เลยกับรอยยิ้มสดใสที่อยู่ในความทรงจำ ไม่ต่างอะไรเลยกับแสงดาวกลางฟ้ามืดที่ส่องให้ประกาย

     

                    “อุ้ย ไม่บอกแบบนี้ ให้เดา คงเป็นผู้ชายหล่ะสิ เขาทำให้คุณต้องมานั่งเหงาอยู่แบบนี้ จะไปสนใจเขาอีกทำไม มากับผมดีกว่า” มือผอมๆลูบไล้สันคางคม เฉียดริมฝีปากบางไปเพียงนิด รอยยิ้มบนใบหน้ากร้านโลกเปิดรอยยิ้มที่ไม่น่ามองเลยสักนิด

     

                    “ไปกับคุณแล้วผมจะได้อะไร” สายตาคมมองคนที่เชิญชวนอย่างสนใจ มือหนาเอื้อมจับคางแหลมที่ผ่านการศัลยกรรมราคาถูกจนดูออกอย่างไม่ยากเย็น ผิวที่หยาบกร้านไม่ชวนให้สัมผัสสักนิดเดียว

     

                    “คุณจะได้ความสนุกไงหล่ะ เป็นไงสนใจผมขึ้นมาแล้วใช่ไหม มาเถอะแล้วคุณจะติดใจ จนลืมไปเลยว่ามาทีนี้เพราะใคร” คำโอ้อวดสรรพคุณเรียกรอยยิ้มหยันๆบนใบหน้าคม ก่อนที่คิ้วเข้มจะยกขึ้นอย่าไม่เชื่อถือ

     

                    “ถ้าคุณทำได้จริง ผมคงยอมยกที่บนเตียงให้คุณไปตลอด แต่วันนี้ที่ไหนดีหล่ะ” แม้จะไม่เชื่อ แต่ชายหนุ่มก็อยากลองสิ่งที่สงสัยมานาน แม้ในใจจะร้องบอกว่าไม่ใช่ แต่สองขาก็ก้าวเดินตามไปอย่างเต็มใจ

     

                    “งั้นก็โรงแรมแถวนี้ดีไหม นี้ขอผมรู้ชื่อคุณได้ไหม” ชายหนุ่มตัวบางถามชายหนุ่ม พร้อมรอยยิ้มที่คิดว่าดูดีที่สุดแต่ก็ผิด คาดเมื่อคำตอบเป็นความเงียบ “งั้นขอควงหน่อยได้ไหม นะ นิดเดียวเอง”

     

                    “ไม่ได้ ทั้งชื่อ และแขนของผมมีไว้ให้เพียงคนเดียวเท่านั้น เอาไว้คุณทำให้ผมลืมคนรักได้ก่อนสิ คุณอยากได้อะไรก็จะได้มัน” ชายหนุ่มมองหน้าผอมเกร็งอย่างถือดี รู้ว่าอย่างไรบนโลกใบนี้ก็ไม่มีใครทำให้เขาลืมคนรักได้

     

                    “แหม ห่วงจัง ทั้งชื่อทั้งแขนเนี้ย แต่อีกไม่นานผมก็จะได้ร่างกายคุณแล้วนะ” เสียงเง้างอดที่ฟังดูก็รู้ว่าเสแสร้งทำให้ชายหนุ่มอยากหัวเราะเยาะตัวเองที่เดินตามคนแปลกหน้ามาจนถึงประตูห้องพักของโรงแรม

     

                    “แน่ใจหรอว่าคุณได้ ไม่ใช่ผมได้หรือไง แล้วถึงคุณจะได้ แต่หัวใจผมก็ยังอยู่ที่เขา ไม่เปลี่ยนไปไหน”

     

                    “มั่นใจเหลือเกินนะครับ ระวังนะเจอลีลาผมแล้วคุณจะเก็บคำพูดเดิมไม่ทัน อย่าช้าเลยดีกว่า” หนุ่มผอมบางเดินเข้าหาชายหนุ่มทันทีที่ประตูห้องปิดลง แขนผอมโน้มลำคอหนาลงมา จะประทับตราบนริมฝีปากคู่เก่ง

     

                    “อื้อ อย่าอ่อนหัด คิดแต่จะจูบเลย” ซีวอนเบี่ยงหน้าหนีจากริมฝีปากที่ยื่นมา ไม่คิดจะถ่ายทอดความรักความอบอุ่นผ่านการกระทำที่แสนมีค่า ค่ำคืนมันก็เพียงแค่เซ็กส์สนองตอบความใคร่เท่านั้น

     

                    มือหนาปลดเสื้อตัวเล็กออกจากร่างผอมบาง ผิวขาวหลอกตาไม่ทำให้อยากประทับรอยรักแม้เพียงนิด กางเกงตัวเล็กถูกถอดออก โดยไม่บอกล่วงหน้า ก่อนจะผลักร่างตรงหน้าให้ลงไปบนที่นอนนุ่ม....อย่าโกรธซีวอนนะฮีชอล ที่ทำไปก็แค่อยากพิสูจน์บางอย่างเท่านั้น

     

                    ใจของซีวอนยังอยู่ที่ฮีชอลนะครับ ที่รัก....

     

                    ชายหนุ่มไม่อ่อนโยนอย่างที่เคยเป็น ไม่ใจเย็นอย่างที่เคยทำ และไม่สนใจว่าร่างข้างใต้จะรู้สึกเช่นไร ในค่ำคืนนี้จะเป็นเพียงแค่เซ็กส์ที่ระบายอารมณ์และความต้องการเบื้องต่ำของมนุษย์ที่ยังไม่หลุดพ้นนิสัยของสัตว์ป่า ผิดกับทุกคืนที่อ่อนโยน และหวานล้ำเพราะมันคือการถ่ายทอดความรักมอบความอบอุ่นให้แก่กัน...

     

                    วันนี้ชายหนุ่มได้เรียนรู้ความแตกต่างที่ไม่เคยคิดว่าจะได้รู้ของ make love และ have sex อย่างแท้จริง และสิ่งที่หยาบช้านี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นกับคนที่เข้ารักอย่างแน่นอน จะไม่มีวันที่ฮีชอลต้องเผชิญกับความรุนแรงของสัตว์ป่าในร่างมนุษย์

     

                    เสียงแหบแห้งร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดในทุกครั้งที่ถูกกระแทก ไม่มีเลยความอ่อนหวาน แต่จะโทษใครได้...ใครจะรู้ว่าผู้ชายหล่อล่ำ ท่าทางเป็นคนดี จะมีเซ็กส์ที่รุนแรง และไม่สนใจผู้ถูกกระทำสักนิด และคงเป็นแบบนี้ ถึงได้ถูกทิ้งมา

     

                    ชายหนุ่มขยับตัวเข้าและออก เหมือนมันเป็นสิ่งที่ต้องทำ แค่ทำให้มันเสร็จๆไป ไม่รีรอให้อีกฝ่ายได้สัมผัสกับความเบาหวิวของอารมณ์ที่แสนละมุน....แล้วมันก็แค่เท่านั้น แค่เสร็จไป

     

                    แค่ผ่านไปอีกหนึ่งคืน.....




          

                   ชายหนุ่มหรี่ตามองไปรอบกาย ในห้องที่ไม่คุ้นตา แต่ซีวอนก็รู้ดีว่าคือที่ไหน และมาทำไม แสงอาทิตย์ที่ลอดเข้ามาทำให้ต้องหรี่ตาลง มองร่างบางเปลือยเปล่านอนอยู่ไม่ห่างเท่าไหร่

     

                    ร่างกายที่ขาวหลอกตาจนน่ากลัวไร้ร่องลอยประทับสีกุหลาบ ที่แดงช้ำก็คงมีเพียงแค่ในซอกหลืบด้านหลังเท่านั้นคงฉีกขาดจนผ้าปูที่นอนเปื้อนเป็นดวง แต่มันก็ไม่แปลกในเมื่อมันเป็นเรื่องของการระบายความใคร่ เป็นแค่ที่ระบายอารมณ์

     

                   ซีวอนมองรอยด่างบนผ้าปูขาวอย่างสมเพช ยกยิ้มเยาะให้กับร่างกายที่เปลือยเปล่า ร่างบางตรงหน้าเขาช่างโชคร้าย เป็นคนที่ต้องการความรัก ความอบอุ่น หรือแค่ความจริงใจ แต่กลับได้รับความเจ็บปวดจากเขาไป “ฉันขอโทษ แต่สิ่งที่นายต้องการฉันให้ฮีชอลไปหมดแล้ว”

     

                 ชายหนุ่มลุกขึ้นจากที่นอน เสื้อผ้าที่ไม่ได้หลุดออกจากกายยับย่นจนน่าหัวเราะ ก่อนจะเดินจากไปปล่อยให้อีกคนได้หลับอย่างเป็นสุข ไม่ลืมอวยพรให้เจอสักคนที่เกิดมาเพื่อกันและกัน

     

                    พระอาทิตย์ที่พึ่งโผล่พ้นของฟ้า ส่องเป็นแสงสีทองไปทั่ว เส้นทางที่รถมุ่งไปไม่ใช่ทางกลับคอนโดที่เขาควรไป แต่เป็นเส้นออกสู่ชานเมือง จุดมุ่งหมายคือบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า

     

                    ซีวอนจอดรถเข้าชิดกับรั้วสูง มองลอดผ่านรั้วเหล็กโปร่งตา ผ้าม่านสีหวานบนหน้าต่างบานใหญ่ที่กันแสงไม่ให้เขาไปรบกวนเจ้าของห้องที่ป่านนี้ยังคงหลับสนิท

     

                   ชายหนุ่มนั่งมองหน้าต่างบานใหญ่นั้นไม่วางตา จนรู้สึกได้ว่าภาพมันแสนพร่าเลือน หยดน้ำเล็กๆไหลลงเปื้อนกางเกงที่ใส่อยู่ มันเป็นน้ำตาที่หลั่งออกมาแทนความคิดถึงใช่ไหม    

     

                 นึกแล้วก็ขำที่ต้องมาแอบอยู่นอกบ้านแบบนี้ทั้งที่บ้านหลังนี้ก็เป็นของเขาเอง แต่ในเมื่อคนในบ้านยังไม่อยากเจอเขา แล้วเขาจะทำร้ายใจกันได้ไง คงทำได้เพียงแค่แอบมองจากข้างนอกอยู่แบบนี้ และคงเป็นแบบนี้ตลอดไป   

     

              “เมื่อคืนฝันดีหรือเปล่าครับ ที่รักของซีวอน”




                  เป็นครั้งแรกนับแต่ย้ายออกมาจากบ้านหลังใหญ่ ที่ชายหนุ่มไม่อยากใช้เวลาอยู่ในห้องนี้อีกเลย มองไปทางใด รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่แสนสดใสก็ยังติดตรึงใจ ทุกที่ ทุกอณู ที่เคยใช้เวลาร่วมกัน มันบังคับให้ชายหนุ่มต้องหลีกหนีจากห้องแห่งนี้ ใช้มันเป็นแค่ที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเพียงเท่านั้น

     

                    ชายหนุ่มมาถึงบริษัทแต่เช้าตรู่ มองความว่างเปล่าตรงหน้าแล้วยิ่งทำให้เขานึกถึงร่างบางที่ไม่ได้เจอแค่วันเดียว แต่เหมือนนานแสนนานแทบขาดใจ ค่ำคืนที่ผ่านมา ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย แม้จะได้ปลดปล่อยความต้องการ แต่มันก็ไร้ความหมาย เมื่อคนที่เขานอนกอดทั้งคืน ไม่ใช่คนเดิมกับที่เคยอยู่เคียงข้างมาเกือบทั้งชีวิต

     

                    ชายหนุ่มไม่อาจอดทนต่อความห่วงหาได้ เคยคิดไว้ว่าหากไม่ได้อยู่ด้วยกัน ขอแค่ได้รับรู้ว่าเป็นอย่างไร ขอแค่ได้มองอยู่ในที่ห่างไกล ก็คงเพียงพอ แต่ความจริงแล้วมันไม่อาจเทียบกันได้เลย แค่นั้นไม่พอต่อความรัก และความคิดถึงที่เขามี....ไม่พอเลยจริงๆ

     

                    ซีวอนเดินไปตามทางของชั้นผู้บริหารที่เงียบสงบ เดินเข้าไปยังห้องท่านประธานใหญ่ของบริษัทที่ผ่านนี้ ทั้งท่านประธานและเลขาก็ยังไม่มีใครมา จึงได้แต่นั่งรออยู่เงียบๆเพียงลำพัง สายตาจับจ้องรูปครอบครัวที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่

     

    รอยยิ้มสดใส แก้มเนียน ริมฝีปากอิ่มที่อยู่บนใบหน้าหวาน ของคนในรูปกำลังทำให้เขาน้ำตาไหล...

     

                    ชายหนุ่มเดินไปหยิบกรอบรูปที่ตั้งอยู่ มานั่งมองที่โซฟาตัวใหญ่ นิ้วเรียวไล้ไปตามโครงหน้าหวาน “ฮีชอลครับ เป็นยังไงบ้าง ป่านนี้จะตื่นนอนหรือยังครับ  คงยังไม่ตื่นแน่เลยใช่ไหม ก็ความจริงแล้วฮีชอลชอบนอนตื่นสายนี้นา แต่ที่ต้องตื่นเช้าก็เพราะซีวอน นี้ไม่มีซีวอนแล้วคงนอนอุตุแน่เลย”

     

              รูปภาพที่ไม่เคยให้ความสัมพันธ์ถูกซีวอนยกขึ้นกอดแนบอกแกร่ง ตรงที่หัวใจกำลังเต้นอยู่ช้าๆ หวังให้เป็นจังหวะเดียวกันกับหัวใจของคนที่เขารัก อยากให้กอดร่างนุ่มนิ่มที่แสนอบอุ่นไว้แนบอกแทนกรอบรูปที่แข็งกระด้างและเย็นเชียบ ไร้วิญญาณ

     

                    น้ำตาที่ไหลก็ยังคงไหลไป มือหนาไม่คิดจะเช็ดมันออกสักนิด ตั้งแต่เกิดเรื่อง เขาไม่เคยกล้าพอจะปล่อยให้ตัวเองจมมอยู่ในห้วงของความเศร้า แต่ในนาทีนี้....มันคงถึงที่สุด และไม่อาจหวนกลับไปได้อีกแล้ว

     

                    ชายหนุ่มเอนตัวลงนอนกับโซฟาที่นั่งอยู่ เปลือกตาหนาปิดแน่น หากแต่น้ำใสยังเล็ดลอกออกจากแผงขนตาที่เปียกชุ่ม เป็นทางสู่โซฟา สองมือไม่ยอมคลายออกจากกรอบรูป พักกายที่เหนื่อยล้า...อย่างน้องก็มีรูปอยู่แนบหัวใจ

     

              ร่างสูงขดตัวนอนอยู่บนโซฟาในห้องประธานใหญ่ ไม่อยากรับรู้ว่าเวลาเดินไปแค่ไหน แต่สุดท้ายก็จำต้องเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง เมื่อรู้สึกโดนจ้องมอง อยากจะภาวนาว่า เป็นดวงตาคู่กลมโตที่จ้องมองเขาอยู่ แค่เพียงเปิดตาขึ้น ก็จะมีร่างบางอยู่ตรงหน้า...แต่มันก็แค่เพ้อฝัน

     

                    “พ่อ” เสียงแหบพร่า พึมพำเบาๆ รู้ว่าเป็นแค่ฝัน แต่อดไม่ได้ที่จะหวัง และรู้สึกผิดหวัง

     

                    “ทำไมมานอนที่ห้องฉัน อยากนอนก็กลับไปที่คอนโดแกนู้น แล้วนี้ มายุ่งกับรูปทำไม เอามานี้” มือหยาบที่ผ่านโลกมามาก ยื้อแย่งกรอบรูป ในมือลูกชาย แม้จะมีแรงขืน แต่สุดท้าย กรอบรูปก็มาสู่มือที่เริ่มเหี่ยวย่น

     

                    “ผมอยู่ที่นั่นไม่ได้”  เสียงทุ่มแผ่วเบา แต่กลับได้ยินชัดเจน และได้ตอบกลับมาแค่เสียงหัวเราะเยาะในลำคอจากผู้เป็นพ่อที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เครื่องหมายของการมีอำนาจในบริษัทแห่งนี้

     

                    “ฮีชอลเป็นไงมั่งครับ” ใบหน้าคม เงยหน้าสบสายตากับพ่อ ที่ยังคงเค้าความดูดีสมกับอายุ สายตาของพ่อที่มองมาทำให้ชายหนุ่มหนาวสะท้านไปถึงข้างใน

     

                    “แกจะอยากรู้อีกทำไม ส่งถึงบ้านก็หมดหน้าที่ของแกแล้ว แม่แกเขาฝากมาขอบใจที่ยังอุตส่าห์พามาส่งที่บ้าน อ้อ! เขาฝากบอกมาอีกด้วยว่า อย่าไปแอบจอดรถแบบเมื่อเช้าอีก ถ้าอยากกลับบ้าน ขอเวลาให้ฮีชอลสักหน่อย แล้วแกอยากจะกลับบ้านเพราะเป็นลูกชาย เขาจะไม่ว่า แต่ตอนนี้จะทำอะไรก็สงสารฮีชอลหน่อย” หนุ่มใหญ่เกินห้าสิบ มองใบหน้าที่ดูหมองคล้ำของลูกชาย ใจหนึ่งก็อยากสงสาร แต่ภาพของหลานชายก็ทำให้เขาสงสารไม่ลง

     

                    หากคนที่ทำให้ฮีชอลเป็นแบบนี้ไม่ใช่ลูกชายคนเดียวของตระกูล ป่านนี้เขาคงสั่งให้คนไปจัดการโดยไม่ต้องคิด แต่นี้...เป็นลูกชายที่นั่งอยู่ตรงหน้า แล้วเขาจะทำอะไรได้ นอกจาก...ปล่อยให้เวลาเป็นตัวจัดการเรื่องทุกอย่าง

     

                    คนเป็นพ่อนั่งมองลูกชายที่เอาแต่นิ่งเงียบอย่างไม่เข้าใจ ถอนลมหายใจหนักเพื่อระบายความเครียดที่มีอยู่ภายใน “ซีวอน พ่อไม่เข้าใจแกเลยจริงๆ เป็นบ้าอะไรถึงทำแบบนี้กับฮีชอล ตอนนั้นก็บอกว่ารักมาก แล้วทำไมกลับมาเป็นแบบนี้ ฮีชอลเอาแต่เพ้อว่าแกไล่เขามา แกไม่รักเขา มันเกิดอะไรขึ้น เล่าให้พ่อฟังได้ไหม เผื่อจะได้หาทางช่วยกันแก้ไข ชีวิตคู่หน่ะ มันมีอะไรต้องบอกให้กันรู้ ไม่ใช่เก็บไว้คนเดียวแบบนี้ พ่อเชื่อว่าแกยังรักฮีชอล แต่คิดอะไรอยู่ บอกให้รู้บ้างสิ”

     

                    “ผมไม่รู้ ผม.....ผมรักฮีชอลมาก จนบางครั้งผมกลัวว่าตัวเองจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขาอีก” น้ำตาหยดเล็กไหลออกมาจากผู้ชายที่กำลังนั่งกุมขมับก้มหน้าไม่กล้าสู้สายตาที่คมกล้าด้วยประสบการณ์ที่มากล้น

     

              “แล้วไง แกเลยรีบทิ้งฮีชอล ก่อนที่เขาจะทิ้งแกไปงั้นสิ ฮึ” เสียงหัวเราะขึ้นจมูกจ้องมองใบหน้าเข้มของลูกชายที่ถอดแบบเขามา แต่ไม่รู้ว่าความคิดโง่ๆแบบนี้ได้มาจากไหนกัน “แกใช้อะไรคิดวะ ห่ะ  ขี้เลื้อยก้อนไหนของแกที่มันเรื่องนี้ออกมา อย่าใช้มันทำงานให้ฉันนะ ฉันไม่อยากให้บริษัทมันต้องพินาศแบบชีวิตของแกกับฮีชอล”

     

                    “พ่อ หยุดด่าผมได้แล้ว” เสียงเข้มตะเบงแข่งกับเสียงของพ่อจนดังลั่นห้องทำงานขนาดใหญ่ สายตาคมจ้องมองชายที่นั่งหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ สายตาลุแก่โทษหากแต่เขาก็ไม่อาจทนให้ใครซ้ำเติมได้อีกแล้ว “พ่อครับ บอกผมดีๆได้ไหมว่าฮีชอลเป็นยังไงมั่ง”

     

                    “แล้วแกคิดว่าเป็นไงหล่ะ ยิ้มสดใส นั่งอ้อนแม่แกว่าอยากไปเที่ยว แล้วเดินไปเปิดตู้เย็นหาไอติมกินหรือไง”

     

                    “พ่อครับ ตอบผมดีๆได้หรือเปล่า อย่าประชดผมเลย” ชายหนุ่มร่างสูงอ้อนวอนขอร้องผู้เป็นพ่อ ด้วยความเหนื่อยล้า แค่นี้เขาก็เจ็บแล้ว แม้ยิ่งรู้ก็ยิ่งเจ็บ แต่นั้นก็เป็นสิ่งที่เขาควรได้รับ

     

                    “ก็เหมือนที่แกเห็นนั่นแหล่ะสองมือยกขึ้นปิดหู ร้องไห้แบบไร้สติ เพ้อว่าถูกแกไล่ออกมา เพ้อว่าแกไม่รัก ร้องอยู่แบบนั้นจนเหนื่อย แล้วหลับไป แต่เห็นว่าตื่นขึ้นมากลางดึก เหม่อลอยแล้วก็.....”เสียงเรียบๆแผ่วหายไปในความเงียบ ลมหายใจหนักถูกพ่นออกมา

     

                    “แล้วก็อะไรครับพ่อ พ่อบอกผมสิ”  ชายหนุ่มร้อนรนจนแทบจะเขย่าไปตัวของผู้เป็นพ่อที่นิ่งเงียบไป

     

                    “แกบอกให้ฉันพูดเองนะซีวอน ฮีชอลพยายามทำร้ายตัวเอง ดึ้งทึ้งหูจนเลือดซิบ ปากก็ร้องหาให้เจย์ช่วย จนต้องให้คนไปตามเจย์มาช่วยปลอบ ถึงสงบลงได้ แล้วก็หลับไป...ทั้งที่ยังกอดเจย์ไว้แน่น” คนเป็นพ่อรู้ดีว่าชื่อของคนข้างบ้านมีอิทธิพลต่อลูกชายตัวเองเป็นอันมากแล้วมันก็จริง

     

                    ชายหนุ่มนั่งฟังอย่างนิ่งสงบแต่มองมือกำแน่นจนข้อมือที่อยู่ภายใต้สูทเนื้อดีปูดโปนจนขึ้นเส้นเลือดสีเขียวเข้มใบหน้าที่นิ่งสงบหลับตาลง รับฟังด้วยความเจ็บช้ำและอิจฉาริษยา แค่ชื่อของคนข้างบ้านก็มีอิทธิพลมากพอจะ หากแต่ผู้เป็นพ่อยังตอกย้ำให้รู้ว่า คนทั้งสองอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน

     

              “แล้ววันนี้หล่ะครับ ฮีชอลหายดีแล้วหรือยัง” ชายหนุ่มสะกดกลั้นตัวเอง ถามต่อไปเรื่อยๆ นึกในใจว่าต่อไปนี้เขาคงต้องมานั่งซักถามกับผู้เป็นพ่อทุกเช้า...ทั้งที่มันเป็นการทำร้ายตัวเอง..แต่ก็ต้องทำ เพราะมันช่วยบรรเทาความคิดถึงที่อัดแน่น

     

                    “เมื่อเช้าก็เหมือนจะดีขึ้นแล้ว ถ้า....ไม่เห็นรถแกที่แอบจอดอยู่ข้างรั้ว” ชายสูงอายุบอกเล่าเพียงเท่านั้น ก็ต้องหยุดเงียบ เพราะโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะ ส่งเสียงดัง

     

                     ดวงตาคมของชายหนุ่มแดงกล่ำเพราะน้ำตาที่ไม่อาจห้ามได้ นั่งมองพ่อที่พูดกับโทรศัพท์ สายตาของสองหนุ่มตระกูลชเวจ้องมองกันอย่างเคร่งเครียด น้ำเสียงที่พ่อใช้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่างคงเป็นเรื่องไม่ดี สองหูจึงรับฟังอย่างตั้งใจ

     

                    “แน่ใจแล้วนะว่าหาทั่ว”

     

              /......../

     

                    “อือๆ เดี๋ยวผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ คุณทำใจดีๆไว้ก่อน จะไม่เกิดเรื่องร้ายๆขึ้นเชื่อผมนะ แค่นี้นะครับ” ท่านประธานบริษัทกดตัดสายโทรศัพท์ก่อนจะมองหน้าลูกชายด้วยความลำบากใจ

     

                    “ซีวอน.....ฮีชอลหายไปจากบ้าน”    




                บ้านหลังใหญ่ที่เขาเติบโตขึ้นตอนนี้มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปเพราะ สายตาของคนในบ้านทิ่มแทงเข้ามาที่จิตใจของชายหนุ่ม แต่เขาจะโทษใครได้ในเมื่อมันเป็นความผิดของเขาเองที่ทำร้ายคนสำคัญของทุกคน

               "มาทำไมซีวอน" เสียงที่เคยเอื้ออารีเรียกด้วยความรักใคร่แต่ครั้งนี้มันช่างกระด้างจนเขาไม่อาจสู้หน้า

                 "คุณอย่าไปดุมันเลย เอาเวลามาช่วยคิดกันดีกว่าว่าฮีชอลจะไปที่ไหนได้บ้าง ว่าไงซีวอน เราคิดว่าฮีชอลจะไปที่ไหน" ผู้เป็นพ่อออกรับแทนลูกชายที่นิ่งเงียบ เปลี่ยนเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าทุกสิ่งในเวลานี้

               "ในห้องเก็บของไปดูแล้วใช่ไหมครับ" ซีวอนถามถึงห้องเก็บของที่ร่างบางชอบไปซุกกายแฝงเร้นยามมีเรื่องไม่สบายใจ หรืออยากหลบหน้าผู้คน

                 "เจย์เข้าไปดูแล้วฉันถึงได้โทรหาพ่อเรา และตอนนี้เขาก็ออกไปตามหาที่บ้านเพื่อนที่รู้จัก" เสียงเย็นนิ่งเงียบของมารดาไม่ทำให้ชายหนุ่มหนาวสั่นได้เท่ากับชื่อของคนที่ออกไปตามหาร่างบางอยู่ข้างนอก

                "แล้วนี่ฮีชอลได้เอาอะไรติดตัวไปรึเปล่า" ประมุขของตระกูลมองหน้าซีดเผือดของลูกชายก็ได้แต่สงสาร ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไงเพราะความผิดครั้งนี้มันเกินกว่าที่จะยอมรับได้

                "ไม่มีเลยค่ะ แม้แต่กระเป๋าสตางค์ก็ไม่ได้เอาไป"

                "แล้วคนอยู่บ้านตั้งเยอะตั้งแยะปล่อยให้ออกไปได้ยังไง อะไรก็ไม่เอาไปสักอย่างแบบนี้ถ้าเกิดอะไรขึ้นแล้วจะทำยังไง" นายใหญ่ของบ้านหันมาเอาผิดกับคนในบ้านทีนั่งก้มหน้านิ่งไม่มีใครกล้าตอบ

                "อย่าไปว่าเด็กเลยค่ะ เดี๋ยวฉันจะโทรไปตามโรงพยาบาลต่างๆให้ข้อมูลไว้ก่อนเผื่อเกิดอะไรขึ้นจริงๆเขาจะได้ติดต่อเราได้" นายหญิงของบ้านออกรับแทนทุกคนที่ก้มหน้านิ่งเงียบ

                "งั้นผมจะไปดูตามทางที่จะกลับคอนโดนะครับ" ชายหนุ่มลุกขึ้นเต็มความสูงกำกุญแจรถไว้แน่นหัวใจกระวนกระวายถึงคนรักที่หายตัวไป ได้แต่โทษตัวเองที่ทำให้เรื่องทุกอย่างเป็นแบบนี้ ทั้งที่คิดว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุดแต่มันเป็นการทำร้ายฮีชอลอย่างเย็นชา

              "ยังคิดว่าฮีชอลอยากกลับไปที่แบบนั้นอีกหรือไง" เสียงของมารดาดังขึ้นจากเบื้องหลัง ชะงักขายาวที่กำลังจะก้าวออกจากบ้าน

          "ก็ถ้าคุณเจย์หาตามบ้านไม่เจอแล้วถ้าฮีชอลไม่ได้คิด..." ชายหนุ่มนิ่งเงียบกับคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมา แต่มันก็เป็นความคิดที่หลอกหลอนอยู่ในหัวให้หวาดกลัวตั้งแต่ร่างบายหายตัวไป "ทำร้ายตัวเองจนมีคนส่งเข้าโรงพยาบาล ผมว่าคอนโดก็น่าจะเป็นที่ที่ฮีชอลเลือกไป"

          "อืม รีบไปเถอะ แล้วเจอหรือไม่เจอค่อยโทรบอกกันอีกที มีเบอร์เจย์หรือเปล่า"

          "ไม่มีครับพ่อ" ชายหนุ่มตอบตามความเป็นจริง ไม่มี...และไม่เคยคิดอยากจะมี แต่วันนี้คงต้องมี เผื่อเกิดอะไรฉุกเฉินขึ้นผู้ชายคนนั้นเป็นคนเดียวที่จะช่วยเขาได้เร็วที่สุด

          "นี่ เอาไป ถ้าเกิดเจอฮีชอลแล้ว ฮีชอลไม่ยอมให้แกเข้าใกล้ให้โทรหาเจย์"

          "ครับพ่อ" ซีวอนรับคำด้วยใจที่สั่นสะท้านกับสิ่งที่พ่อสมมติขึ้นเพราะชายหนุ่มเองก็รู้ดีว่าไม่ใช่คนที่ร่างบางอยากพบเจอ หรืออยากให้เข้าใกล้

             ชายหนุ่มรีบวิ่งไปขึ้นรถแล้วออกจากบ้านไปอย่างรีบร้อน ทุกนาทีที่ผ่านไปมันหมายถึงอันตรายที่เข้าใกล้ร่างบางมากขึ้นทุกขณะ ข่าวต่างๆที่เคยได้รับรู้มันกำลังเผาผลาญจิตใจให้ร้อนรุ่ม ภาพของคนรักที่อ่อนหสานและเปราะบางหากเจอกับความเลวรายของสังคมีท่ชั่วช้า มันอาจทำให้เค้าต้องสูญเสียร่างบางไปตลอดกาล

              ...คนดีของซีวอนอยู่ที่ไหนครับบอกซีวอนหน่อยได้ไหม...




                  ชายหนุ่มขับรถไปตามทางที่คุ้นเคย สายตาคมแทบไม่มองถนนที่ทอดยาว แต่คอยเหลียวมองสองข้างทางเดินที่มีผู้คนอยู่ประปราย ชลอรถทุกป้ายรถเมล์ เทียบชิดฟุตบาททุกครั้งที่เห็นคนรูปร่างใกล้เคียงกับร่างบาง แต่ทั้งหมดมันก็สูญเปล่า ไม่ว่าครั้งไหนคนเหล่านั้นก็ไม่ใช่ฮีชอลีท่เขาตามหา

          ฮีชอลไปอยู่ที่ไหนกันครับ...

          รถคันสวยของซีวอนเลี้ยวผ่านทางเข้าที่มียามยืนห้ามคนภายนอกเข้าไปรบกวน ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าสู่ชั้นใต้ดิน สายตาเหลือบเห็นคนที่กำลังตามหา คนที่เขาเป็นห่วงสุดกำลัง

          ...ฮีชอล เป็นฮีชอลของซีวอนจริงๆใช่ไหมครับ...

          ชายหนุ่มเดินลงจากรถ สองขาก้าวไปยังคนที่หัวใจร่ำร้องหา หากแต่สมองก็สั่งชะงัก ก่อนที่เขาจะทำให้ฮีชอลเตลิดไปไกลอีกครั้ง จึงหยุดอยู่เพียงห่างๆพอจะได้ยินสิ่งที่คนพูดกัน

          "นี่ตกลงคุณจะเอาไง ให้ผมมาส่งแล้วบอกไม่มีเงิน อย่างนี้มันโกงกันนี่นา" น้ำเสียงขู่เข็ญและคุกคามที่ชายหนุ่มได้ยินทำให้มั่นใจได้ว่าร่างบางที่ไม่ เคยไม่เคยมีใครตะคอกใส่คงกำลังหวาดกลัวอยู่เป็นแน่ ชายหนุ่มรีบมองหาตัวช่วย เหลียวซ้ายแลขวาจนเจอแม่บ้านที่ยืนอยู่ไม่ไกล

          "ป้า เอาเงินนี่ไปจ่ายค่ารถให้คุณคนนั้นทีแล้วไม่ต้องบอกว่าผมเป็นคนให้ ถ้ามันเหลือป้าก็เก็บเอาไว้" ชายหนุ่มหยิบธนบัตรจำนวนหนึ่งส่งให้แม่บ้านประจำคอนโดอย่างรีบร้อน สายตาเหลือบมองร่างบางที่หน้าขาวซีดด้วยความกลัว

          แม่บ้านของคอนโดนำเงินไปจ่ายค่าแท็กซี่ให้ร่างบางได้ทันท่วงทีก่อนที่ใบ หน้าสวยหวานนั้นจะถูกทำร้ายด้วยคนขับรถ ชายหนุ่มได้แต่ผ่อนลมหายใจหนักๆที่ช่วยคนรักได้ทันเวลาแต่แล้วก็ต้องรีบหลบ หลังเสาต้นใหญ่ ยิ่งร่างบางเดินเข้ามาในอาคารกดลิฟต์ขึ้นสู่ชั้นสูงสุดด้วยตาที่ชุ่มไปด้วย น้ำซึ่งเกิดจากความหวาดกลัว

          ...ฮีชอลไม่ต้องร้องไห้นะครับ ซีวอนไม่ปล่อยให้ใครทำร้ายฮีชอลอยู่แล้ว...

          ทั้งๆที่คิดแบบนั้นแต่ชายหนุ่มก็รู้ดีว่าคนที่ทำร้ายฮีชอลให้เจ็บปวดที่สุด ก็คือเขาเอง

          ชายหนุ่มแอบขึ้นลิฟต์อีกตัวตามคนรักไป รู้ดีว่าเป้าหมายก็คือที่เดียวกันแล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆทันทีที่ก้าว ออกจากลิฟต์เขาก็เห็นร่างบางกำลังเสียบคีย์การ์ดซึ่งนำออกาจากกระเป๋ากางเกง เข้าที่ประตู

          ดวงตากลมโตมีหยดน้ำใสคลอ ริมฝีปากอิ่มถูกฟันขบกัดจนแดงช้ำ ลำตัวผอมบ้างจนเผลอคิดไปเองว่ามันคงบางไปกว่าเก่า ทั้งหมดนี้ทำให้ชายหนุ่มผู้ไม่เคยหวาดกลัวสิ่งใดไม่กล้าเข้าใกล้ร่างบางทั้ง ที่ใจอยากจะรวบคว้าเอามากอดแนบอก

          อย่าว่าแต่เข้าใกล้...แค่เผยตัวออกไปให้เห็น...ซีวอนก็ยังไม่กล้าพอ

          ร่างบางเร้นตัวหายเข้าไปในห้องกว้าง ปิดประตูจนสนิท ไม่รู้เลยว่าปล่อยทิ้งอีกคนเอาไว้ข้างนอก แต่หากรู้ตัวหยาดน้ำตาบนใบหน้าหวานสวยคงมีมากกว่านี้

          ซีวอนมองประตูที่ปิดสนิท ไม่มีโอกาสได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายใน แต่เมื่อไม่อาจห้ามความอยากรู้ได้ จึงแอบแง้มประตูน้อยๆพอให้ได้มองเห็น พอให้ได้ยินคนรักที่อยู่ข้างในห้อง

          ซีวอนรู้ดีว่าควรทำสิ่งใด หากแต่สิ่งที่ควรทำกับสิ่งที่อยากทำทันช่างสวนทางกันเหลือเกิน แล้วมันจะผิดไหม หากเขาเลือกสิ่งที่อยากทำ มากกว่าสิ่งที่ควรทำ...รู้ดีว่าเวลานี้ทุกคนคงรอคอยโทรศัพท์ตอบรับว่าเจอคน สำคัญของทุกตนแล้ว แต่หากเขาทำเช่นนั้น อีกไม่นานคงมีคนมารับดวงใจของเขากลับไป

          ขอโทษทุกคน...แต่ขอเวลาให้ผมได้อยู่กับฮีชอลอีกสักนิดเถอะครับ

          ชายหนุ่มนั่งลงหน้าประตูที่แง้มเล็กน้อยบานนั้น น่าขำที่เจ้าของห้องไม่กล้าที่จะเดินเข้าห้องตัวเอง ได้แต่นั่งลงกับพื้น มองลอดผ่านช่องเล็กๆที่ไม่กล้าเปิดกว้างกว่านี้เพราะกลัวคนด้านในจะรู้

          "ว่าไงฮีบอม อยู่ห้องตัวเดียวเหงาไหม เดี๋ยวซีวอนก็กลับมาแล้วนะ ไม่ต้องเหงาหรอก" ซีวอนมองเห็นร่างเล็กทรุดตัวลงนั่งกับพื้น อุ้มเจ้าแมวตัวใหญ่ไว้แนบอก หยาดน้ำเล็กๆในตากลมไหลคลอออกมาพร้อมกับสายน้ำที่รินไหลออกมาจากตาคู่คมด้วย เช่นกัน

          "ฮีบอมต้องหัดอยู่ตัวเดียวนะ ต่อไปไม่มีฮีชอลอยู่ด้วยแล้ว"ร่างเล็กหยุดชะงักปลดปล่อยน้ำตาให้ทะลักล้นออก มา"แต่ว่าพอตอนเย็นซีวอนก็จะกลับมาอยู่กับฮีบอมนะ ฮีบอมอย่าดื้ออย่าซนให้ซีวอนต้องเหนื่อยที่ผ่านมาที่รักของนายต้องทนเหนื่อย เพราะฮีชอลมามากพอแล้ว" มือเรียวสวยลูบไล้ขนนุ่มอย่างอาทร ปล่อยให้น้ำตาไหลรินเปื้อนมือขาว

          รูปที่ถ่ายคู่กันวางไว้ตามส่วนต่างๆของบ้าน บอกเล่าอดีตที่เคยมีความสุข และมันคงจะไม่มีอีกแล้วในวันข้างหน้า "รอยยิ้มของซีวอน ฮีชอลจะได้รับมันอีกไหม ซีวอนจะยังกลับไปเยี่ยมฮีชอลที่บ้านใหม่อีกหรือเปล่า"

          คำถามที่ลอยมากับอากาศดังกระทบก้องในใจของชายหนุ่มที่เป็นเจ้าของคำตอบ ซีวอนนั่งมองร่างบางที่ใบหน้าอาบด้วยน้ำตา เสี้ยวข้างที่มองเห็นบอกให้รู้ว่าดวงตากลมทอดยาวไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย

          "กลับสิครับ ทั้งรอยยิ้มและหัวใจของซีวอนเป็นของฮีชอลคนเดียวเท่านั้น" ชายหนุ่มตอบเสียงกระซิบแผ่ว ไม่หวังให้คนในห้องได้ยิน ดีใจอยู่เงียบๆที่ร่างบางยังคงโหยหาตนเอง

          "ต่อไปนี้ฮีชอลจะเข้มแข็ง ไม่ทำให้ซีวอนต้องเบื่อหน่ายจะทำหน้าที่พี่ที่ดี ไม่ทำตัวงี่เง่าน่ารำคาญอีกแล้ว" ร่างบางบอกเล่าแทนคำสัญญาต่อหน้ารูปของชายหนุ่มที่วางอยู่ข้างโทรทัศน์ขนาด ใหญ่ ไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มในรูปกำลังสั่นศีรษะปฏิเสธสิ่งที่ร่างบางร้องบอก

          'ไม่เอานะครับ ฮีชอลไม่เคยทำให้ซีวอนเบื่อหรือรำคาญเลย ซีวอนรักฮีชอลที่เป็นฮีชอลของซีวอน ไม่เคยคิดจะให้ฮีชอลเปลี่ยนแปลงตัวเองมีแต่ซีวอนที่ไม่ดี ที่เห็นแก่ตัวทำร้ายฮีชอล' ช่ายหนุ่มได้แต่ร่ำร้องบอกอยู่ในใจ รู้ดีว่าหัวใจสองดวงยังคงผูกกันและกันไว้ หากแต่ทางที่เลือกเพื่อคนรักทำให้ต้องหยุดสิ่งที่อยากทำ...และนั่งมองอยู่ ห่าง

          "ฮีชอลง่วงจัง อยากเข้าไปนอนในห้อง ซีวอนไม่ว่าใช่ไหม" หนุ่มหน้าหวานแย้มยิ้มแสนเศร้าขออนุญาตชายหนุ่มที่อาจต้องการเก็บห้องนี้ไว้ ให้คนที่ชายหนุ่มพูดถึง "ฮีบอมอย่าบอกซีวอนนะว่าฮีชอลมาเดี๋ยวซีวอนไม่พอใจแล้วจะไปว่าฮีชอลถึงที่ บ้านฮีชอลคงทนไม่ได้อีกแล้วละ" มือเล็กขาวใสจับอุ้งเท้าของแมวเขย่าเหมือนว่าได้เป็นการตกลงกันแล้ว เรียกเสียงหัวเราะทั้งน้ำตาให้กับคนที่แอบมองภายนอก

          "ไม่ว่าหรอกครับ อยากให้ฮีชอลมาที่นี่ทุกวันด้วยซ้ำ  มาให้ซีวอนได้มองใกล้ๆ"



                ร่างบางเดินลับเข้าไปในห้องนอนกว้าง ผ้าปูที่นอนสีสดที่เลือกมาเองกับมือ ยังคงเรียบตึงอยู่บนที่นอน เหมือนไม่ผ่านการใช้งานในค่ำคืนที่ผ่านมา  ความทรงจำเก่าๆ เรียกร้องให้มือบางลูบไล้หาสัมผัสที่คุ้นเคย ค่อยๆทิ้งตัวลงนอนหนุนหมอนใบโปรดเคียงข้างกันคือหมอนหนุนของชายหนุ่มที่ต่อจากนี้จะเป็นเพียงแค่พี่น้องดังเดิม

     
                    ร่างบางคว้าหมอนใบใหญ่ที่วางอยู่ของชายหนุ่มมากอดแนบแน่น ให้กลิ่นกายที่เหลือติดอยู่กับหมอนของคนรักห่อหุ้มตนเองไว้ ซึมซับความรู้สึกที่เหมือนได้กลับไปอยู่ในอ้อมกอดอุ่นอีกครั้ง ใบหน้าหวานซุกซบกับหมอนหวัเพียงให้มันได้หล่อเลี้ยงหัวใจที่แห้งผากไปตลอดกาล "คิดถึงจังเลย"


                    บรรยากาศแสนหวานที่คุ้นคย ความทรงจำดีๆที่มีมากมาย ต่อจากนี้ไปคงเป็นแค่อดีตที่ไม่สามารถจำต้องได้ มันตอกย้ำให้ร่างบางปล่อยน้ำตาที่แห้งไป ให้ไหลหยดเป็นทางอีกครั้ง น้ำหยดเล็กซึมผ่านผ้าเนื้อดีจนกลายเป็นด่างดวงอยู่บนปลอกหมอนของชายหนุ่มที่ใบหน้าหวานซุกซบ "ขอโทษทำปลอกหมอนของซีวอนเปื้อนเลย ซีวอนจะรังเกียจมันไหม ฮีชอลกลับด้านให้นะ"

     
                 ชายหนุ่มที่ยังคงตามติดอยู่ห่างๆแค่เพียงภายนอกห้องนอน  ยืนมองร่างบางหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงกว้าง ทรุดตัวลงนั่งอยู่หน้าประตู ทอดขายาวไปกับพื้น ปล่อยให้แมวตัวใหญ่เข้ามาคลอเคลีย

     
              เชว ซีวอนนั่งอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้เข็มนาฬิกาเดินไปช้าๆ สมองคอยสั่งอยู่เรื่อยๆว่า ให้โทรหาคนอื่นได้แล้ว บอกให้ทุกคนรู้ว่า คนสำคัญปลอดภัยแล้ว แต่จิตใจกลับผัดผ่อนขอต่อเวลาที่มีเพียงสองเราเป็นครั้งสุดท้าย ให้ยาวนานกว่านี้...กว่านี้จะได้ไหม?

     
                ดวงตาคมเหลือบมองคนในห้องที่ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ บอกให้รู้ว่าร่างบางบนเตียงกว้าง เคลิ้มหลับไปแล้ว เปลือกตาบางที่ปิดแน่นไม่อาจลบเลือนคราบน้ำตาได้เลย

     
                ชายหนุ่มเดินย่องเข้าไปในห้องนอนอย่างแผ่วเบาระวังไม่ให้เกิดเสียงรบกวนคนรักที่นอนหลับ หยุดปลายเท้าไว้ที่ปลายเตียง จ้องมองบนใบหน้าหวาน ดวงตาที่หลับพริ้ม ลำคอขาว ผิวใส เองบาง ทุกอย่างที่เป็นคิม ฮีชอล  ชายหนุ่มจดจำมันทุกรายละเอียด อยากพากลับเข้ามาในวงแขนอีกครั้ง แต่เพราะไม่มั่นใจในสิ่งที่ตนเป็นอยู่ สุดท้ายจึงได้แต่หยุดอยู่ที่การมองอยู่ห่างๆ ไม่อาจสัมผัสได้

     
          จากที่เคยเหยียดยาว ร่างบางพลิกตัว ขดตัวเข้าหากัน หลีกหนีความหนาวเย็นของอากาศ จนคนที่มองอยู่อดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างอย่างเอ็นดูและห่วงใยมือหนาคลี่ผ้าห่มผืนหนาที่พับไว้ ขึ้นห่มคลุมร่างบางจนถึงฐานลำคอขาว เกลี่ยผมที่ปรกหน้าออกให้อย่างแผ่วเบา ไม่เหลือสิ่งใดรบกวนนิทรารมย์ที่แสนสบาย

     
          ซีวอนมองดวงหน้าใส ที่แสนรัก กลีบปากอิ่ม เผยออกจากกันเล็กน้อย พวงแก้มใสจนน่าฟัด หน้าผากเนียนโค้งมนสวย เขิญชวนให้ชายหนุ่มโน้มใบหน้า มอบสัมผัสที่แนบชิดอันแสนอ่อนโยนให้แก่คนรักลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลา กลั้นน้ำใสๆไม่ให้หยดรดบนใบหน้า ซึมซับครั้งสุดท้ายให้นานเท่านาน เก็บความรู้สึกที่แสนล่ำค่านี้ไว้ในใจตลอดกาล

     
         ร่างสูงเดินออกจากห้องนอน  ปล่อยน้ำตาที่กักเก็บไว้ให้ไหลออกมาจนหมดอย่างไม่ต้องอายใครหน้าไหน หรือกลัวใครจะรู้ ก่อนจะทำในสิ่งที่สมควร กดเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย ภาวนาลึกๆ อย่างให้มีใครมารับสาย


          /สวัสดีครับ/

     
        "ฮีชอลอยู่ที่คอนโด" ซีวอนบอกเพียงแค่เรื่องที่ต้องการบอกเท่านั้นก่อนกดตัดสาย ไม่เปิดโอกาสให้ปลายสายได้ซักถามอะไรอีก เพราะแค่นี้มันก็เกินพอสำหรับเขาแล้ว

     
          ชายหนุ่มทรุดตัวลงบนโซฟาหน้าทีวีเครื่องใหญ่ ปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบคลุม นั่งยิ้มกับตัวเองลำพัง นึกถึงบรรยากาศแบบนี้ที่เกิดขึ้นทุกเช้า ยามที่เขาตื่นขึ้นมาก่อน แล้วนั่งรอให้คนขี้เซาที่เหนื่อยล้าตื่น แต่มันก็แค่คล้าย...เท่านั้น


          เวลาเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็วกว่าที่เคยรู้สึก จนชายหนุ่มไม่กล้าหันไปมองเข็มนาฬิกาที่บอกให้รู้ว่า เวลาของเขาใกล้หมดลงแล้ว อีกเพียงไม่นาน คนข้างบ้านก็คงมารับฮีชอลกลับไปดูแล และปลอบประโลม  จนเขาคนนี้หมดความสำคัญ

     
          เสียงเปิดประตูทำให้ชายหนุ่มในห้องหันมองอย่างหวาดระแวง แต่ความจริงก็ยังคงเป็นความจริง เมื่อร่างสูงที่เปิดประตูเข้ามาเป็นคนที่เขาจำได้อย่างแม่นยำ


          "คุณเจย์!"


           "คุณซีวอน ฮีชอลอยู่ที่ไหน"  ใบหน้าคมเข็มมองหาร่างบางที่ทุกคนกำลังตามหา และเขาก็รีบมาทันทีที่รู้ว่า ฮีชอลกลับมาที่ห้องนี้

     
            "อยู่ในห้อง กำลังหลับอยู่ คุณเข้าไปปลุกฮีชอลเฮอะ" ชายหนุ่มเจ้าของบ้านพาผู้มาเยือนเข้าไปในห้องนอน ที่ร่างบางหลับใหลอยู่กลางเตียงกว้าง  ก่อนที่ตนเองจะเดินลับหายเข้าไปในห้องน้ำ และเหมือนเดิมที่เคยทำ เป็นเพียงผู้แอบมอง

     
           คิม เจย์ มองคนหลับลึกที่ตนรักและเอ็นดูด้วยความอ่อนใจ ใบหน้าหวานที่มีน้ำตา แค่เขามองก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แล้วคนที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำทำไมยังทนอยู่ได้? "ฮีชอลตื่น ตื่นได้แล้วฮีชอล เจย์มารับแล้ว"

     
           พวงแก้มยุ้ยถูกตบเบาสองสามครั้ง จนเปลือกตาบาง เปิดขึ้นมองรอบตัว มองเห็นชัดว่าคนข้างกายเป็นใคร จึงส่งรอยยิ้มจืดเจื่อนไปให้ "เจย์มาได้ยังไง  ฮีชอลตกใจ นึกว่าเป็น ซีวอน มาไล่ฮีชอลซะอีก"

     
          "ก็มารับฮีชอลไง ทุกคนเป็นห่วงฮีชอลมากนะ ทำไมออกมาจากบ้าน ไม่บอกใครก่อน หืมมม์" มือหนาจัดผมที่ยุ่งเหยิงผมศีรษะเล็กให้เป็นทรง จ้องมองเด็กโข่งที่หนีออกจากบ้าน


         ขอโทษ " เสียงใสเศร้าสลด ใบหน้ามีแต่ร่องรอยของความเสียใจ "ก็ฮีชอลคิดถึงซีวอน แล้วรู้ตัวอีกทีก็มาอยู่บนรถแล้ว อืม เจย์ ตอนที่ฮีชอลมาภถึง มีป้าแม่บ้านคนหนึ่งจ่ายค่ารถให้ฮีชอลด้วย เจย์ เอาเงินไปคืนป้าให้ฮีชอลหน่อยนะ"


            อือ เดี๋ยวเจย์จัดการให้ แต่เรากลับกันได้แล้วนะ" มือหนารั้งร่างบางให้ลุกขึ้นจากที่นอน แต่คนตัวเล็กกลับอิดออดที่จะจากลาความอบอุ่นของห้องนี้ จนต้องขู่ให้กลัว "ดี๋ยวซีวอนกลับมาแล้วจะโดนว่าเอาหน่ะ"


            นั่นสิหน่ะ แต่ขอฮีชอลล้างหน้าก่อนได้ไหม"


            อย่าเลย เดี๋ยวก็ไม่สบาย กลับกันเหอะ" เจย์ไม่รู้เลยว่าหากปล่อยให้ตัวเล็กตรงหน้าเข้าไปในห้องน้ำจะเกิดอะไรขึ้นอีก จึงได้แต่หาข้ออ้างเรื่อยเปื่อย


           "ไม่หรอก นิดเดียวเอง" เสียงหวานใส ยังคงดื้อรั้น อยากเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ อยากเข้าไปบอกเครื่องใช้ที่อยู่ในนั่น เข้าไปดูแปรงสีฟันที่วางคู่กัน มองดูที่โกนหนวดของซีวอนที่คงไม่มีให้เห็นอีกแล้ว อยากรู้ว่าซีวอนเก็บของของฮีชอลออกไปหรือเปล่า


            "อย่าเลย" ชายหนุ่มที่ไม่เข้าใจร่างบางยังคงบ่ายเบี่ยงเพราะไม่อยากให้เจอหนึ่งคนที่ซ่อนอยู่ในนั้น " นอนก็น้อย เอาแต่ร้องไห้ เจอน้ำเข้าไปเดี๋ยวก็ป่วย เจย์เอาผาชุบน้ำมาให้แทนดีกว่า ถ้าอยากล้างหน้า" ชายหนุ่มผู้แสนดีละจากร่างบางเปิดประตูเข้าไปในห้องน้ำ เห็นคนที่แอบซ่อนอยู่ เตรียมผ้าชุบน้ำให้ ทั้งน้ำตา จนขอบตาแดงกล่ำ


            "เอานี้เช็ดหน้าให้ฮีชอลนะแล้วต่อจากนี้ฝากดูแล ฮีชอลด้วย" ซีวอนยื่นส่งผ้าหมาดๆที่พับทบอย่างเรียบร้อยยื่นให้กับผู้ชายที่เขาไว้ใจว่าจะดูแลคนรักของเขาให้มีความสุขได้

     
             "ผมเป็นแค่คนรับฝากดูแลชั่วคราวเท่านั้น ผมทนเห็นฮีชอลเป็นแบบนี้ไม่ได้แล้ว พรุ่งนี้คุณว่างตอนไหน ไปหาผมที่ร้านด้วย ผมจะรออยู่ทั้งวัน"


               ซีวอนได้แต่นิ่งอึ้ง ไม่ตอบรับคำใดๆ มองภาพผู้ชายคนหนึ่ง ดูแลฮชอลด้วยความรัก ก่อนที่จะโอบประคองร่างบางออกจากห้องนี้ไป เหลือเพียงแค่เขากับห้องที่ว่างเปล่า มีเพียงคำรักที่ฝากสายลมบอกไปให้ร่างบางรับรู้

                "ซีวอนรักฮีชอลเสมอนะครับ"




                     พระอาทิตย์ดวงกลมโตสีส้มสดใกล้ลับขอบฟ้า เป็นเวลาเลิกงานของผู้คนมากมายโดยเฉพาะท่านรองประธานหนุ่ม ที่วันนี้ทั้งวันไม่มีสมาธิทำงาน เอาแต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดปล่อยใจไปไกลถึงคนที่พึ่งบอกเลิก ทั้งที่รักหมดใจ

     

                 ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทสีเข้มใบหน้าคมดวงตาแสนเศร้า ก้าวขาเข้าไปในร้านกาแฟที่ใกล้ปิด สายตาสอดส่องหาเจ้าของร้านที่ทำให้ต้องมาหาวันนี้

     

                “สวัสดีครับ คุณเจย์” ซีวอนนั่งลงตรงข้ามกับชายหนุ่มหน้าตาดีที่รออยู่ก่อนแล้ว

     

               “สวัสดีครับ ผมนึกว่าคุณจะไม่มาแล้วซะอีกจะทานอะไรก่อนไหมครับ” เจย์ยิ้มรับคนที่กว่าจะมาก็เกือบปิดร้าน แม้จะดูเฉยชาแต่เขาก็รับรู้ได้ว่าภายใต้ท่าทางเช่นนี้ ซีวอนกำลังซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ใต้หน้ากาก

     

             “ไม่หล่ะ คุณเข้าเรื่องที่อยากจะพูดเหอะ ผมไม่อยากเสียเวลา” ซีวอนบอกปัดอย่ารำคาญ แน่ใจว่าเรื่องที่อีกฝ่ายนัดมาจะเป็นเรื่องของฮีชอล

     

              “คุณจะรีบกลับไปทำไม กลับไปก็ไม่มีใครรอคุณ”

     

                 “คุณอยากเจ็บตัวใช่ไหม ถึงพูดแบบนี้” เสียงทุ้มเล็ดลอดไรฟัน เสียงหัวเราะและคำเยาะเย้ยไม่ทำให้เจ็บทำความจริงที่รู้อยู่

     

                 “โอเค ใจเย็นๆ ผมไม่แกล้งคุณแล้ว ที่ผมอยากคุยกับคุณก็เรื่องของฮีชอล”

     

                “ฮีชอลเป็นอะไร”

     

                “นี้คุณตาบอดหรือไง ถึงดูไม่ออก มาถามคำถามนี้กับผม” ชายหนุ่มเจ้าของร้านอดโมโหไม่ได้ที่ได้ยินคำถามโง่ๆจากชายหนุ่มตรงหน้า “คุณไม่รู้เลยหรือไงว่าตอนนี้ฮีชอลแย่แค่ไหนผมทนเห็นคนที่ผมรักเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้วนะ บอกมาว่าคุณต้องการอะไรกันแน่”

     

                  “ผมอยากให้คุณดูแลฮีชอลให้ดีกว่าที่ผมเคยทำ รักเขาให้มากๆ แค่นี้คุณทำได้หรือเปล่า” ซีวอนสบสายตากับชายหนุ่มตรงห้ายามฝากฝังคนรักไว้กับคนที่ไว้ใจ ขอแค่เพียงมีคนที่ดีพร้อม และรักฮีชอลเหมือนที่เขารัก ซีวอนก็ไม่ต้องการอะไรและยอมเป็นเพียงผู้เฝ้ามองอยู่ในมุมมืดตามลำพัง

     

              “คุณคิดบ้าอะไรของคุณ ในสมองมีแต่เรื่องบ้าๆใช่ไหมนี้ ผมรักฮีชอลอย่างพี่ที่ต้องดูแลน้อง อย่างพ่อที่ต้องปกป้องลูก เข้าใจไหม”

     

              “...” ชายหนุ่มรับฟังอย่างนิ่งเงียบ ทำความเข้าใจประโยคที่ได้ยิน

     

     

              “เงียบทำไม? ทีนี้ถึงตาคุณเล่าให้ผมฟังบ้างแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น หรือคุณเบื่อหน่ายหมดรักฮีชอลแล้ว”

     

               “เปล่า! ผมรักฮีชอล รักมากขึ้นทุกวัน แต่เพราะรักผมถึงต้องทำแบบนี้ เพื่อตัวฮีชอลเอง”

     

             “คุณทำแบบนี้เพื่อฮีชอลงั้นหรอ หาข้ออ้างที่มันดีกว่านี้ไม่ได้หรือไง” ชายหนุ่มเจ้าถิ่นโพล่งถามผู้มาเยือนเสียงดังตามความร้อนของอารมณ์ไม่สนสายตาพนักงานและลูกค้าในร้านที่มองมา

     

             “มันไม่ใช่ข้ออ้าง แต่ผมทำเพื่อฮีชอล อยู่กับผมเขาก็มีแต่จะเจ็บตัว”

     

             “คุณเลยทำให้เขาเจ็บใจแทนงั้นสิ” คิ้วเข้มเลิ่กขึ้นเป็นการถาม ถ้วยชาถูกยกขึ้นจิบเพื่อระงับอารมณ์ “อะไรทำให้คุณคิดแบบนั้น หรือว่าคุณเป็นโรคจิตชอบใช้ความรุนแรง” ดวงตาเรียวจ้องมองคนที่อาจเป็นโรคจิตอย่างจับผิด

     

             “เปล่า ผมไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้น แค่ตอนนั้นผมสงสัยว่าตัวเองอาจเป็นโรคติดเซ็กส์หรือเปล่า คุณรู้ไหม ผมอยากกอดฮีชอลทุกครั้งที่อยู่ใกล้ ฮีชอลเองก็ไม่เคยฝืนอารมณ์บ้าๆพวกนี้ของผมได้ สุดท้ายก็เป็นฮีชอลที่อ่อนเพลียหมดสติไป” มือหนายกขึ้นปิดบังใบหน้าตนเองเพื่อบดบังความอ่อนแอที่ฉายชัดทางสายตา

     

                 “คุณไม่รู้หรอกว่าผมทรมานแค่ไหนที่ทำให้ฮีชอลกลายเป็นแบบนี้ ผมโกรธตัวเองทุกครั้งที่เห็นสีหน้าอิดโรย”

     

               เจย์นั่งนิ่งเงียบเป็นผู้ฟังที่ดี ตั้งใจฟังสิ่งที่ชายหนุ่มรุ่นน้องระบายออกมาใบหน้าขาวปรากฏรอยยิ้มนิดๆอย่างพอใจ เมื่อเรื่องราวไมได้เลวร้ายอย่างที่ฮีชอลคิดไปเอง

     

                “ผมคิดมาตลอดว่าผมจะเป็นคนดูแลและปกป้องคนอ่อนแอคนนี้ แต่ความจริงมันกลับย้ำเตือนให้ผมรู้เสมอว่า สุดท้ายแล้วผมนี้แหล่ะที่ทำร้ายเขายิ่งกว่าใคร” ลมหายใจหนักถูกผ่อนออกมา พร้อมเรื่องเครียดที่ได้พูด  “ สำหรับผม ฮีชอลเหมือนตุ๊กตาแก้วบางใส ที่ก็เกิดเป็นรอยร้าวได้อย่างง่ายดาย ถ้าผมบีบแน่นเกินไป แล้วผมก็แรงของตัวเองว่ามันมากพอจะทำให้ฮีชอลช้ำคามือ ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นผมกลัว”

     

                 เฮ้อออออออออ” เสียงมหายใจลากยาวจากคนฟัง ที่ฟังไปก็เหนื่อยใจกับความคิดที่ได้ยิน “คุณคงกลัวจนลืมไปมั้งว่า ไอ้ตุ๊กตาแสนบางของคุณมันน้ำหนักน้อยแค่ไหน ถ้าไม่จับเอาไว้ในอุ้งมือ ลมก็พัดปลิวให้ตกแตกได้เหมือนกัน” หนุ่มเจ้าของร้านส่ายหน้าไปมา ระอากับความคิดของคนทั้งสองที่เขาเข้ามาเป็นคนกลาง “แล้วได้โรคติดเซ็กส์ของคุณเนี่ย ไปหาหมอสิครับ มันรักษาได้ ไม่ใช่ไล่ฮีชอลไปแบบนี้”

     

            “ผมไม่รู้จะทำยังไงนอกจากวิธีนี้” น้ำเสียงหม่นเศร้าของซีวอนไม่ทำให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมาได้  

     

                 “ฮึ” เสียงหัวเราะในลำคอขัดกับใบหน้าขาวที่ดูเยือกเย็น “ก็เลยไล่ฮีชอลออกไป แล้วเปลี่ยนคู่นอนเพื่อปรนเปรอตัวเองงั้นสิ ถ้าอย่างนั้นก็อย่าเอาไอ้โรคบ้าๆแบบนี้มาเป็นข้ออ้าง”

     

              “ฉันไม่คิดทำเรื่องชั่วๆพรรค์นั้น แต่นายไม่รู้หรอกว่าฉันเจ็บแค่ไหนที่ทำแบบนั้นกับฮีชอล” น้ำตาของชายหนุ่มไหลลงมาเมื่อนึกถึงการกระทำอันเลวร้าย ที่ผิดต่อคนรัก

     

               “นี้อย่าบอกว่านายไปนอนกับคนอื่นมาจริงๆ” เสียงที่ถามแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่าตกใจเพียงใดที่ได้ยิน

     

                “ใช่ ฉันนอ~

     

             “ผลั้ว” กำปั้นหนาหนักชกลงข้างแก้มของชายหนุ่มที่นั่งนิ่งไม่ต่อสู้ สร้างความตกตะลึงให้แก่คนในร้านจนต้องรีบเช็คบิลหนี

     

               “เลวเอ้ย” เสียงสบถด่าจากเจ้าของหมัด ก่อนกระชากเสื้อคนที่สูงกว่าไม่มากให้ลุกขึ้นยืน ดวงตาสองคู่อยู่ในระดับเดียวกัน ชายหนุ่มสองคนยืนจ้องหน้ากันไม่มีใครยอมหลบตา “แกทำแบบนี้ได้ยังไง ฮีชอลร้องไห้เสียใจ จะเป็นจะตาย แต่แกกลับไประเริงความสุขกับคนอื่น แล้วยังจะมีหน้าบอกว่ารักฮีชอลอีก” เพราะความโกรธแค้นทำให้สรรพนามที่เคยเรียกอย่างสุภาพกลายเป็นคำเรียกจิกด่าไม่ให้เกรียติ

     

                ซีวอนจ้องตาคนที่กำลังชกหน้าเขา ใบหน้าคมเตรียมรับกำปั้นใหญ่อย่างไม่คิดหลบ รู้ดีว่าความเจ็บปวดแค่นี้มันเทียบไม่ได้เลยสักนิดกับความเจ็บปวดและเสียใจของฮีชอล

     

               เจย์คิม เคยใจเย็นมสติกับทุกอย่าง กำลังพยายามเรียกสติให้กลับมา ถอนหายใจหนัก ปล่อยมือที่กำคอเสื้อของซีวอนออก เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่มีทีท่าว่าจะหลบ กลับมาใช้คำพูสุภาพดังเดิม “คุณรู้ไหมว่าฮีชอลรักคุณแค่ไหน ตอนที่คุณไม่อยู่ ฮีชอลบ่นคิดถึงทุกวัน ดวงตาเป็นประกายทุกครั้งที่พูดถึงซีวอนของฮีชอล ท่าทางหงอยเหงากลับมาร่าเริงทุกครั้งที่บอกผมว่าได้รับอีเมล์จาซีวอน ได้คุยโทรศัพท์กับซีวอน คุณเป็นโลกทั้งใบของเขา ที่คุณเองก็รู้ว่าเปราะบางแค่ไหน แต่คุณกลับทำลายมัน ผมเสียดายความรักที่ฮีชอลมีให้กับคุณและผิดหวังในตัวคุณมากจริงๆ”

                แขนยาวผายมืออกไปที่ประตูท่าทางสากลที่บอกให้รู้ว่าไล่ออกไป แต่เมื่อคนหนึ่งยืนนิ่งเฉย อีกคนจึงต้องย้ำให้เข้าใจ “เชิญกลับไปได้แล้ว คุณคงไม่ต้องการคามช่วยเหลือจากผม ขอโทษที่ทำให้ต้องเสียเวลา”

     

                ชายหนุ่มผู้ถูกขับไล่ยังอยู่นิ่ง ร่างกายแข็งแรงสั่นน้อยๆด้วยความเสียใจ ยิ่งได้รู้ว่ามีค่าแค่ไหนก็เกลียดตัวเองมากแค่นั้น “ คุณจะต่อยผม ด่าผมจะทำอะไรก็เชิญ แต่ผมรักฮีชอล”

     

                “รักหรอ? คุณบอกว่ารักฮีชอล แต่ไปนอนกับคนอื่นอย่างนี้หรอที่คุณทำกับคนรัก”

     

                 “ใช่ ผมรักฮีชอล ที่ผมทำลงไปก็แค่อยากรู้~

     

                     “ก็แค่อยากรู้ของคุณ แต่มันฆ่าฮีชอลทั้งเป็น เมื่อวานคุณก็เห็นแล้วว่าฮีชอลรักคุณมาแค่ไหน เมื่อคืนก็ไม่ได้นอน เอาแต่ร้องไห้ แล้วคุณคงรู้นะ ว่าต่อไปฮีชอลจะเป็นยังไง”

     

                    “แล้วผมไม่ร้องไห้ ไม่เจ็บหรือไง คุณคิดหรอว่าผมทนรับได้ ต่อให้ผมนอนอยู่กับใคร แต่ใจของผมมันก็ร้องหาแต่ฮีชอล การที่ผมนอนกับคนอื่นมันทำให้ผมรู้ว่า ผมไม่ได้เป็นโรคบ้านั้น แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะความรักที่มีให้ฮีชอล  ผมไม่สามารถมีความสุขจากเซ็กส์กับใครก็ได้ และระหว่างผมกับฮีชอลมันก็ไม่ใช่แค่เซ็กส์   แต่มันคือการแบ่งปันความสุข ถ่ายทอดความรักที่มากล้นให้อีกคนได้รับรู้ คือความอ่อนหวานของห่วงเวลาที่มีร่วมกัน ได้มีช่วงเวลาพิเศษที่เราได้กลายเป็นคนคนเดียวกันอย่างแท้จริง นั่นคือสิ่งที่ผมคิด”

     

                   เจย์รับฟังอยางนิ่งอึ้ง แม้จะเป็นผู้ชายด้วยกัน แต่ก็อดหน้าแดงไม่ได้กับการพูดเรื่องแบบนี้ในที่สาธารณะ ดวงตาเรียวจ้องมองคนตรงหน้าอย่างใช้ความคิดด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย จากโกรธแค้น กลายเป็นดูแคลน และจบลงที่ความกระดากอาย ที่ต้องฟังความหมายแสนยิ่งใหญ่ของการร่วมรักที่ชายหนุ่มตรงหน้ามีต่อฮีชอลคนที่เขาเอ็นดู น่าแปลกที่เขาเชื่อถ้อยคำทั้งหมด  คงเป็นเพราะ ความจริงใจ ความปวดร้าว ที่เห็นได้ชัดเจน แต่ก็ยังเหลือคำถามที่ค้างคาใจ“ในเมื่อคุณเองก็รู้ตัวดี แล้วทำไมเมื่อวานไม่คุยกับฮีชอลให้รู้เรื่องซ่อนตัวทำไม”

     

                   “ผมเองก็ไม่รู้ว่าฮีชอลจะเป็นยังไง ถ้าเห็นหน้าผม ผมกลัวว่าเขาจะเตลิดออกอีก” ซีวอนยอมเลือกที่จะทนเจ็บไปแบบนี้ กับการหลบซ่อนแต่ได้เห็นฮีชอลอยู่ในสายตา   ดีกว่าที่จะยอมให้ฮีชอลหายไปอีกครั้งหากว่าเขาแสดงตน

     

              “เฮ้ย! คุณคิดได้แค่นี้เองหรอ” สายตาคมตวัดมองคนพูดอย่างไม่พอใจ แต่ก็จนใจจะเถียง ในเมื่อมันเป็นความจริงที่เขาคิดได้แค่นี้ สุดท้ายจึงต้องนั่งฮึดฮัดฟังต่อไป “เอางี้ผมถามคุณง่ายๆ ใช้หัวใจตอบ อย่าใช้สมองงี่เง่าคิด คุณอยากกลับไปใช้ชีวิตกับฮีชอลหรือเปล่า”

     

                 ซีวอนร้องตอบทันทีตามเสียงของหัวใจโดมีเสียงของสมองร้องบอกว่าไม่ควร แต่ในเมื่อคนถามเน้นย้ำให้ฟังเสียงของหัวใจแล้วเขาจะฟังเสียงของสมองทำไม “อยาก”

     

                  เจ้าของร้านยิ้มกริ่มอย่างพอใจคำตอบ มือใหญ่ตบลงบนไหล่หนา “ดี พรุ่งนี้เย็นให้คุณรีบกลับบ้านผมจะช่วยคุณเอง ถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่ทำให้ลูกน้อยผมเสียใจอีก”

     

                  ใบหน้าคมปรากฏรอยยิ้มแรกหลังจากที่เกิดเรื่อง ซีวอนยิ้มขำกับสรรพนามที่คนรักถูกเรียกลับหลัง “ผมสัญญาว่าจากนี้ไปจะไม่ทำให้ฮีชอลเสียใจ ขอบคุณครับที่ช่วยผม”

     

                 “ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก ผมทำเพื่อฮีชอล ไม่เกี่ยวกับคุณ”

     

                “ผมรู้ แต่ที่ขอบคุณก็เพราะคุณให้โอกาสผม ถึงคุณจะบอกว่าเพื่อฮีชอลก็ตาม”

     

                  “โอกาสเป็นของคุณเสมอตราบเท่าที่ฮีชอลยังรักและต้องการคุณ เข้าใจใช่ไหมว่าความรู้สึกของฮีชอลสำคัญที่สุดสำหรับผม”

                 “ครับ” ความรู้สึกของฮีชอลก็สำคัญที่สุดสำหรับซีวอนเช่นเดียวกัน



                     ตัวเล็กบางขืนตัวไม่ยอมไปตามแรงของคนที่พามาอยู่หน้าประตูห้องที่เคยใช้ชีวิตอยู่ ใบหน้าหวานอิดออก เสียงสั่นด้วยความกลว “เจย์พาฮีชอลมาที่นี้ทำไม ใกล้เวลาซีวอนกลบแล้วด้วย เราอย่าเข้าไปเลยนะ”

     

              “เจย์รู้ว่าฮีชอลอยากกลับมา เข้าไปเหอะนะ ซีวอนคงยังไม่กลับมาหรอก อย่าทรมานตัวเองอีกเลย เอางี้ไหมถ้าฮีชอลกลัวเจย์จะเฝ้าหน้าห้องไว้ให้ ถ้าซีวอนจะได้รีบบอก” ชายหนุ่มมองดวงตากมที่ปิดบังความเศร้าเอาไว้ไม่มิด มือหนาลูบผมนุ่มปลอบโยนให้คลายใจ “ทำตามที่ใจต้องการ เจย์รับรองว่าจะไม่มีใครว่าหรือไล่ฮีชอลนะ”

     

                    “ขอบคุณนะเจย์” ร่างบางโอบกอดชายหนุ่ทั้งน้ำตา ซาบซึ้งกับทุกอย่างที่ได้รับจากผู้ชายคนนี้ “ฮีชอลขอเวลาไม่นาน แล้วจะรีบออกมานะ”

     

                    “อื้อ เจย์คอยดูอยู่ที่หน้าประตูนะ ไม่ต้องรีบก็ได้” เจย์ลูบแผ่นหลังบางของคนในอ้อมกอดที่กำลังร้องไห้เหมือนเด็กน้อย เปิดประตูผลักร่างบางเข้าไปพร้อมรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยกำลังใจ

     

                    ฮีชอลเดินเข้ามาในห้องที่คุ้นเคยใบหน้าหวานยิ้มเศร้าให้ชายหนุ่มในรูปถ่ายที่ตั้งไว้ ห้องที่ไม่ได้นอนมาหลายคืนไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดเหมือนที่ควรเป็น ทุกอย่างยังคงอยู่ในที่เดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แม้แต่แมวตัวอวบอ้วนที่นอนหลับอยู่ในครัว คงมีเพียงสิ่งเดียวที่เปลี่ยนไป......ความรู้สึกของคนที่เคยใช้ชีวิตในห้องนี้

     

                    ร่างบางทรุดตัวนั่งลงบนเตียงนุ่มปล่อยให้น้ำตามันไหลลงมา ระบายความเจ็บปวดที่มีอยู่เต็มปริ่มการกลับมาที่นี้ก็เหมือนตอกย้ำให้ทุกอย่างชัดเจน กรีดซ้ำลงบนแผลสด แต่ที่นี้ก็เป็นที่เดียวที่เชื่อมโยง อดีตกับปัจจุบัน ซีวอนกับฮีชอล และอดีตรักของคนทั้งสอง

     

                    หัวใจดวงน้อยจึงร่ำร้องอยากกลับมา....

     

                    หยดน้ำตาไหลลงสู่หลังมือขาวที่กำผ้านวมผืนใหญ่ สะอื้นอยู่เพียงลำพัง แต่ในดวงตากลมกลับมีความมุ่งมั่น “ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไป ฮีชอลจะไม่ร้องให้ใครต้องเป็นห่วงอีกแล้ว”

     

                    เสียงเปิดประตูห้องนอนเข้ามาเรียกให้ร่างบางต้องหันกลับไปมอง ดวงตกลมโตเบิกกว้างกว่าที่เป็นจ้องมองชายหนุ่มอย่างตกตะลึงสติที่กลับมาพาร่างบางถอบหนีจนชิดประตูระเบียงใส ก้มหน้าหลบไม่กล้าสู้สายตาคู่คม....ฮีชอลกำลังกลายเป็นผู้บุกรุก

     

                    “ขอโทษ...”

     

                    “....”คำพูดที่หลุดปากร่างสูงทำให้ดวงตากลมช้อนมองอย่างไม่เข้าใจ และหวาดหวั่นต่อก้าวย่างที่ใล้เข้ามาเรื่อยๆ

     

                    “ซีวอนขอโทษนะครับที่รัก”

     

                    คำขอโทษของชายหนุ่มไม่ทำให้ฮีชอลเข้าใจอะไรมากขึ้น คำว่า ที่รัก ก็ไม่ช่วยให้ความเจ็บปวดจาง หายไป ความหวาดกลับจึงยังคงอยู่พร้อมด้วยความแคลงใจในคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้า  ในแววตาคู่สวยจึงมีแต่ความสงสัยที่ร่ำร้องอยู่ในอก

     

                    .....ฮีชอลยังเป็นที่รักได้อีกหรือ แล้วเขาคนนั้นของซีวอนที่ฮีชอลไม่รู้จักจะเป็นอะไร...

     

                    ขาเล็กขยับถอยหลังจนไม่มีที่จะถอยได้อีก ใบหน้าหวานที่เคยมีรอยยิ้มกลายเป็นทุกข์ระทม ซีวอนไมอาจโทษใครได้นอกจากตนเองที่ทำให้ทุกอย่าเลวร้ายแบบนี้ “ซีวอนขอโทษที่ทำให้ฮีชอลเสียใจ แต่~

     

                    “หยุด” เสียงหวานตะโกนร้องบอก น้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสาย สองมือบางยกขึ้นปิดหูเหมือนที่เคยทำ ทรุดกายลงคุดคู้เป็นเกราะกำบัง คำบอกลาที่ไม่อยากยินให้ทรมานอีก หัวใจดวงเล็กกำลังแตกสลายลงอีกครั้ง

     

                    หากอยู่โดยไร้ความรักจากซีวอน แล้วฮีชอลจะอยู่เพื่ออะไร.....

     

    ชายหนุ่มมองภาพคนรักที่อยู่ห่างเพียงก้าวถึง แต่ก็เหมือนไกลคนละโลก รู้ดีว่าร่างบางกังบอบช้ำ แต่ใจของผู้ชายคนนี้ก็กำลังเจ็บไม่ต่างเลย มันกำลังสลายลงไปเช่นกัน

     

              ซีวอนได้แต่มองร่างบางกรีดร้อง น้ำตาจากดวงตาคมไหลอาบแก้ม อยากเข้าไปโอบกอดแต่ก็ไม่กล้า อยากพูดให้เข้าใจแต่ก็กลัว แต่แล้วคำพูดหนึ่งที่เคยได้ยินก็ผลักดันให้เข้าโอบกอดร่างบางไว้ในอ้อมอกอุ่น

     

                    ....ตุ๊กตาแสนสวยน้ำหนักเบา แค่สายลมพัดก็ปลิวตกแตกได้เช่นกัน....

     

              เพราะควากลัวว่าสายลมแห่งความเจ็บจะพดพาตุ๊กตาแสนสวยให้ปลิวหายตกแตก จนไม่อาจเอื้อมคว้ามาประกอบดังเดิม สองแขนใหญ่จึงโอบกอดร่างเล็กที่คุดคู้ ไม่สนใจแรงอันน้อยที่คอยผลักไส มือหนาข้างหนึ่งลูบแผ่นหลังที่สั่นเทา อีกข้างกดหัวเล็กให้ซุกซบกับไหล่หนา ยอมให้ตุ๊กตาแสนสวยทำดั่งที่ต้องการโดยไม่ขัดขืน แม้เจ็บกายเท่าไหร่คงไม่สู้เจ็บใจที่ฮีชอลได้รับ

     

                    ฟันขาวซี่เล็กกัดลงบนไหล่หนาเพื่อดิ้นรนให้หลุดพ้น แต่แล้วรอยเลือดที่ซึมผ่านเนื้อผ้าก็ทำให้ฮีชอลหยุดทุกสิ่ง ได้แต่ร้องไห้กับไหล่หนา นิ้วเรียวไล้เหนือรอยเลือดซึม ถ่ายทอดแทนคำขอโทษที่ทำให้คนรักต้องเจ็บแบบนี้

     

                    ชายหนุ่มรอจนเสียงร้องไห้แผ่วเบากลายเป็นเสียงสะอื้นถี่ห่าง รั้งร่างบางให้ออกห่าง จ้องมองใบหน้าหวาน ที่เต็มไปด้วยน้ำตา ค่อยๆใช้นิ้วเกลี่ยออกอย่างแผ่วเบา ใบหน้าคมมีรอยยิ้มอ่อนโยนให้คนรัก “ฟังที่ซีวอนจะพูดได้ไหมครับ ขอโอกาสให้ซีวอนอีกครั้ง แล้วต่อจากนั้นฮีชอลจะตัดสินใจอย่างไรซีวอนก็จะยอมรับมัน ได้ไหมครับ”

     

                    ริมฝีปากอิ่มขบเม้มอย่างครุ่นคิด ดวงตาโตจองมองอย่างพินิจ แล้วพยักหน้าตอบตกลง พ้อมกับที่เบี่ยงสายตาไม่กล้าสบตาคมที่มองมาอย่างยินดี

     

                    “ขอบคุณครับ ฮีชอล”  รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าคม มือหนายอมละออกจากไหล่เล็กดังที่ร่างบางต้องการ

     

              ใบหน้าหวานก้มหน้า เวลานี้ยังคงไม่กล้าสบสายตากับชายหนุ่ม พาร่างกายที่เป็นอิสระถอยออกมา สร้างระยะห่างเพื่อลดความกดดันที่ก่อตัวขึ้น ฮีชอลกำลังทำใจกับสิ่งที่จะได้ยินไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด ก็จะไม่ร้องไห้ ไม่ยอมให้ความอ่อนแอมาดึงรั้งให้คนรักลำบากใจ

     

                    “ซีวอนขอโทษที่ทำให้ฮีชอลเจ็บ” ชายหนุ่มไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นที่ตรงไหน กับสิ่งที่ทำลงไปมากมาย จึงมาลงเอยที่คำขอโทษ “แต่ซีวอนทนไม่ได้ที่เห็นฮีชอลต้องมาเจ็บเพราะซีวอน ซีวอนเคยคิดแม้แต่ว่าตัวเองเป็นโรคติดเซ็กส์ ถึงไม่สามารถห้ามอารมณ์ตัวเองได้สักครั้ง ทางออกเดียวที่มีคือการเดินออกมาให้ใกล้ที่สุดเพื่อฮีชอล”

     

                    ดวงตากลมที่เหม่อมองไปยังท้องฟ้ากว้างหันกลับมามองหน้าชายหนุ่ม แพขนตายาวยังชุ่มด้วยหยดน้ำ  “แล้วกลับมาทำไมอีก ยังจะให้ฮีชอลตัดสินใจอะไรอีก ในเมื่อซีวอนก็คิดแทนฮีชอลไปแล้ว” เสียงหวานแผ่วเบาบอกให้รู้ว่าน้อยใจกับการตัดสินใจของคนรักเพียงใด

     

                    “เพราะมันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดไงครับ ซีวอนเคยคิดว่าฮีชอลจะอยู่ได้โดยไม่มีซีวอน ต่มันไม่ใช่เลย เราทั้งคู่ต่างก็อยู่กันไม่ได้ เมื่อขาดกันไป”

     

                    “แล้วรู้ได้ไงว่าฮีชอลอยู่โดยไม่มีซีวอนไม่ได้ ในเมื่อเราสอคนกไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด และเราก็ควรเป็นแค่พี่น้องกันแต่แรก”

     

                    ชายหนุ่มนิ่งฟังคำตัดพ้ออย่างยอมรับ แม้จะเจ็บที่คนรักพูเหมือนไร้ซึ่งเยื่อใย แต่ซีวอนก็รู้ดีว่าคนรักของเขาเจ็บกว่านี้มากนัก “แต่ตอนนี้เรากลับไปเป็นพี่น้องได้อีกหรอครับฮีชอล ถ้าทำได้ ทำไมถึงต้องร้องไห้เสีย ทำร้ายตัวเองแบบนี้” ชายหนุ่มทอดถามคนตรงหน้าอย่างอาวรณ์

     

                    “.....”ร่างบางนิ่งเงียบไม่อาจหาคำตอบให้แก่ชายหนุ่มได้ ด้วยเพราะต่างก็รู้ดีในคำตอบ “แล้วยังไง รักษาหายแล้วรอ โรคที่ทำให้ซีวอนทิ้งฮีชอลโดยไม่มีแต่คำอธิบาย”

     

                    “ซีวอนไม่ได้รักษา แต่ซีวอนไม่ได้เป็นมัน...” ชายหนุ่มอ้ำอึ้งกับสิ่งที่จะพูดต่อไป แม้ยากที่จะพูด แต่ก็ต้องฮีชอลรับรู้ “ซี...ซีวอนหาคำตอบได้แล้วว่า ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะมาแทนสิ่งที่ซีวอนเสียไป และการเฝ้ามองดูฮีชอลอยู่ห่างๆ และการไม่มีตัวตนในสายตาคู่นี้” นิ้วเย็นชืดเกลี่ยน้ำตาจากตาคู่โตอย่างแผ่วเบา ทำใจกับสิ่งที่จะพูด “แบบนั้นไม่ทำให้ซีวอนมีชีวิตอยู่ได้ เรากลับมาอยู่ด้วยกันได้ไหมครับ”

     

                    น้ำตาเม็ดโตไหลลงมาขัดความตั้งใจของร่างบาง เปลือกตาปิดลงเพื่อกั้นแต่ก็ไม่สำเร็จ  ฮีชอลไม่แน่ใจกับความหมายของคำว่าหาคำตอบ “ฮีชอลจะไม่ถามว่าทำไมซีวอนถึงหาคำตอบได้ว่าไม่ใช่ใครก็ได้ แต่ฮีชอลอยากถามกับซีวอนสักอย่าง” เปลือกตาเปิดขึ้นแสดงคามไหวหวั่นขึ้นอีกครั้งอย่างช้าๆ “ซีวอนรักฮีชอลหรือเปล่า แน่ใจแล้วใช่ไหมที่กลับมา”

     

                    ใบหน้าครากฎรอยยิ้มกว้าง รั้งร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง ตอบทันทีโดยไม่ต้องคิดถึงสิ่งอื่น “รักครับ ซีวอนรักฮีชอลที่สุด แล้วก็แน่ใจที่สุด แน่ใจกว่าทุกอย่างในชีวิตของซีวอน”

     

                    คำรักจากชายหนุ่มเปลี่ยนน้ำตาของความโศกเศร้าให้กลายเป็นความดีใจ แต่แล้วบางอย่างก็กลับเข้ามาบั่นทอนความดีใจนั่นให้หายไป “แล้วคนนั่นของซีวอนหล่ะ”

     

                    “หืมม? ใครครับ ซีวอนไม่เคยมีใครนอกจากฮีชอลเลยนะ”

     

                    “แต่ซองมินบอกกับฮีชอลแบบนั้นจริงๆนะ” แก้มใสพองลมจนบวมป่อง นึกถึงคำพูดของซองมิน

     

                    ร่างบางรั้งตัวออกมา เสียงหวานที่ใช้ช่างหนักแน่นในคำยืนยัน เรียวปากอิ่มเชิดขึ้นอย่างใช้ความคิด ท่าทางที่ชายหนุ่มองแล้วอดดีใจไม่ได้ที่ได้คนรักผู้แสนน่ารักกลับคืนมา “ผมว่าฮีชอลโดนซองมินแกล้งอีกแล้วหล่ะครับ”

     

                    “ซองมินใจร้ายจัง  หัวเราะอะไร” ดวงตากลมตวัดมองร่างสูงที่เอาแต่หัวเราะไม่ยอมหยุด

     

                    “เปล่าสักหน่อย” คนบอกเปล่า แต่เสียงหัวเราะทุ้มกลับดังลั่น จนคนถามหมั่นไส้ก้มลงจะฝั่งรอยเขี้ยวไว้ที่ไหล่หนา

     

                    “อ่ะ”

     

                    “ทำไมครับฮีชอล” เจ้าของไหล่หนาที่เตรียมพลีกายให้คนน่ารักทำร้ายร้องถามเมื่อเห็นฮีชอลชะงัก

     

                    “ก็เลือด ไหล่ซีวอนเลือดไหล เพราะฮีชอลกัดเมื้อกี้แน่เลย” เสียงหวานเจือปนความรู้สึกผิด สองมือตั้งท่าจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของชายหนุ่ม

     

                    “ฮีชอลจะทำอะไรครับ” มือหนารีบตะครุบมือเล็กไว้แน่น

     

                    “ก็จะถอดเสื้อทำแผลให้ไง” ปากอิ่มบุ้ยใบ้ไปทางเสื้อเชิ้ตที่ซีวอนใส่อยู่

     

                    “ซีวอนถอดเองก็ได้ครับ”

     

                    “ตามใจ งั้นฮีชอลไปหยิบกล่องยาก่อนนะ” ร่างบางหายออกไปจากห้องนอนปล่อยให้ชายหนุ่มนั่งปลดกระดุมเสื้อของตัวเองพร้อมรอยยิ้ม

     

                    “ซีวอน เจย์หายไปไหน” เสียงใสดังมาก่อนที่ตัวเล็กๆบางๆจะเดินเข้ามาในห้องพร้อมกล่องยาเสียอีก

     

                    “กลับไปตั้งแต่ซีวอนเข้ามาแล้วหล่ะครับ” ซีวอนยิ้มกริ่มให้คนรักอย่างเจ้าเล่ห์ “ต้องขอบคุณแผนของคุณพ่อตานะครับเนี่ยที่พาฮีชอลมาหาซีวอน”

     

                    “หรอ” เสียงหวานที่ดัดให้โหดลากยาว มือบางถือสำลีชุบแอลกอฮอล์ชุ่มๆอย่างหมายมั่น จ้องห้าเจ้าเล่ห์อย่างหมั่นไส้

     

                    “นี้ แผนใช่ไหม” มือบางกดน้ำหนักลงบนผลอย่างสุดแรง

     

                    “นี้ พ่อตาด้วย” สำลีชุ่มๆกดลงบนแผลอย่างสุดแรง พร้อมเสียงลอดไรฟันอย่างสะใจ

     

                    “โอ้ย!ฮีชอล ซีวอนแสบแล้วพอเถอะครับ” มือสากคว้ามือเนียนนุ่มเอาไว้แทบไม่ทันก่อนจะแสบไปกว่านี้

     

                    “สม อยากวางแผนกันดีนัก”

     

              ชายหนุ่มยกหลังมือเนียนขึ้นประทับรอยจุมพิต ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าสวยที่แดงซ่านด้วยความเขินอย่างดีใจที่แกล้งคนรักให้อายได้ “ซีวอนรักฮีชอลนะครับ”

     

                    คนถูกบอกรักหน้าแดงกล่ะ ไม่กล้าสบสายตาคู่คม เลี่ยงมองออกไปนอกประตูระเบียง “พระอาทิตย์กำลังตก สวยจัง”

     

                    ซีวอนรั้งแผ่นหลังเล็กให้มาพิงไว้กับอกหนานั่งซ้อนทับ มองดูพระอาทิตย์สีส้มดวงใหญ่ค่อยๆลาลับแผ่นฟ้า กระซิบข้างหูเล็กเบาๆ “ขอบคุณนะครับ ฮีชอล”

     

                    ขอบคุณที่ยอมละทิ้งความเจ็บปวดกลับมาอยู่เคียงข้างกันอีกครั้ง....

     

                    ร่างเล็กพลิกกายกลับมามองคนรักที่สบตากันอย่างหวานซึ้ง ถ่ายทอดความรักที่ไม่จำเป็นต้องพูแต่ก็รับรู้ได้ “ขอบคุณซีวอนเหมือนกัน...นะครับ”

     

                    ขอบคุณที่ยังคงรักกันไม่เปลี่ยนแปลง

     

                    ใบหน้าสวยและรอยยิ้มละมุนเกยไว้กับไหล่กว้างที่เปล่าเปลือยเบียดชิดร่างกายให้แนบแน่นซึมซับไออุ่นจากกันและกัน ไม่หลงเหลือความเจ็บปวดใดๆอีกต่อไป

     

                    ขอบคุณ ขอโทษ และรัก....สามคำที่ออกมาจากใจมีอำนาจพิเศษ ปัดเป่าให้ความทุกข์ต่างๆจางหายไป หลงเหลือเพียงความสุขให้ได้สัมผัส

     

                    ขอโทษที่ทำให้เสียใจ

     

                    ขอบคุณที่ยังไม่ทิ้งกัน และรัก....ที่จะอยู่ด้วยกัน

     

    E.N.D




    Talk

                เฮ้อออออออออ กว่าจะพิมพ์จบ ขอถอนหายใจดังๆหลายรอบคะ

                    ตอนจบแสนเน่าอันนี้ ไอซ์ใช้เวลาพิมพ์นานเหลือเชื่อ ด้วยสารพัดกิเลส ทั้งการ์ตูน เกมในเฟส และสารพัด จะถึง500เม้มท์ไหมหนอ อิอิ (พื้นที่แอบพึมพำ)

                    เรามาพูดถึงตอนหน้าดีกว่าคะ ไอซ์มีสองพล็อตในหัว ให้ทุกคนช่วยโหวต โหวตได้จนกว่าไอซืจะปั่นตอนหน้าอ่าคะ

                    กด1  เมื่อซีวอนเข้าครัว (อาจมี ฮีชอลลอยแก้ว เป็นของหวาน)

                    กด2  เมื่อ(ฮีชอลคิดว่า)ซีวอนตายด้าน (อาจมีคุณฮียั่วอีกรอบ)

                    โหวตๆๆๆกันนะคะ

    ขอบคุณทุกคอมเม้มท์นะคะ

     

                    ปล.ไอซ์จะพิมพ์ once upon ตามใจพี่หนูดีเลยคะ คงได้อ่านเร็วๆนี้

            

           


    Dr. Fu






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×