ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Home คำนี้ยิ่งกว่ารัก (woncin fiction)

    ลำดับตอนที่ #18 : My Love….Don’t leave me1 100%

    • อัปเดตล่าสุด 24 ส.ค. 53


    My Love….Don’t leave me 1

     

     

                 เข็มนาฬิกาบอกให้รู้ว่าล่วงเข้าวันใหม่มานานมากแล้ว ในห้องที่ปิดไฟมืดสนิทจนมองเห็นเพียงเงารางเลือน สองร่างเปล่าเปลือยนอนกอดแนบแน่น ซุกซบอยู่ในอ้อมอกของกันและกัน ใบหน้าหวานนอนหลับตาพริ้มอย่างคนกำลังฝันดีทั่วเรือนรางเต็มไปด้วยรอบประทับสีหวาน หากอีกคนที่นอนอยู่เคียงข้างกลับลืมตาโพรง ทั่วใบหน้าคมเต็มไปด้วยริ้วรอยความกังวล

     

              “อื้อ! ซีวอนยังไม่นอนหรอ ” เสียงงัวเงียจากคนที่หลับไปแล้วตื่นขึ้นมา เห็นคนรักยังลืมตา ทั้งที่ก็ดึกมาแล้ว แล้วไหนจะความเครียดที่ฉายชัดในดวงตาคู่คมนั่นอีก

     

                    “ฮีชอลนอนไปก่อนเถอะครับ หรือนอนไม่หลับเพราะซีวอนหรือเปล่า ขอโทษนะครับ” เสียงทุ้มก้มหน้าบอกคนที่พยายามลืมดวงตากลมโตขึ้นมอง มือหนาลูบกลุ่มผมนุ่มที่คลอเคลียอยู่รอบใบหน้าใส

     

                    “เปล่า ฮีชอลง่วงจะตาย เหนื่อยด้วย เพราะซีวอนอ่ะแหล่ะ” ท้ายเสียงขึ้นสูงเหมือนคนแสนงอนหากแต่ก็ยังกอดชายหนุ่มไปปล่อย ส่งรอยยิ้มอ่อนล้าไปให้

     

                    “ขอโทษครับ ซีวอนไม่น่าทำแบบนี้เลย ทั้งที่ฮีชอลกำลังป่วยอยู่” ชายหนุ่มเอ่ยขอโทษคนรักทั้งสีหน้าและแววตายิ่งเคร่งเครียดมากขึ้นไปอีก “ตัวยังรุมๆอยู่เลย ให้ซีวอนเช็ดตัวให้อีกรอบไหมครับ”

     

                    “ไม่เอาแล้ว มัวแต่เช็ดตัวฮีชอลอีก ก็ไม่ได้นอนกันพอดี ซีวอนนอนนะอย่าคิดมากเลย เดี๋ยวฮีชอลก็หายแล้ว” ร่างเล็กที่ติดไข้มากจากชายหนุ่มปลอบใจคนรัก ทั้งที่ตัวเองก็ง่วงงุน

     

                    “ฮีชอลหลับก่อนนะ ให้ซีวอนดูแลฮีชอลก่อนนะครับ” ชายหนุ่มยังคงลูบกลุ่มผมนุ่ม กล่อมให้คนรักนอนหลับอีกครั้ง

     

                    “ไม่เอาซีวอนก็นอนด้วยสิ บอกแล้วฮีชอลไม่เป็นอะไรหรอก หลับตานะ หลับตา จงหลับตา หลับตา” ประโยคท้ายๆร่างเล็กทำเสียงแผ่วเบาเหมือนกำลังสะกดจิตให้ชายหนุ่มหลับตาลง จนในที่สุดชายหนุ่มก็ยอมหลับตาตามที่ร่างเล็กต้องการ

     

                    คิม ฮีชอลยิ้มหวานเมื่อเห็นดวงตาคมปิดลงก่อนที่ตัวเองจะปิดเปลือกตาลงบ้าง และหลับไปอีกครั้งอย่างรวดเร็วเพราะความเหนื่อยล้าและอ่อนแรง

     

                    เสียงหายใจสม่ำเสมอจากร่างเล็กที่นอนซุกอยู่กับอกบอกให้ชายหนุ่มรู้ว่าคนรักหลับสนิทอีกครั้ง ดวงตาคมจึงค่อยๆลืมขึ้นอีกครั้ง ความกังวลฉายชัดอยู่ในแววตา ยิ่งมองเห็นความบอบบางและเหนื่อยล้าก็ยิ่งโมโหตัวเอง

     

            

     

                    เปลือกตาบางขยับขึ้นลงอยู่หลายครั้งก่อนที่ดวงตากลมจะเปิดขึ้น ใบหน้าหวานหันไปมองรอบๆห้องนอนกว้าง แต่กลับไม่เห็นใครอีกคนที่นอนอยู่ด้วยกัน มีเพียงกลิ่นหอมโฉยมาจากที่ไกลๆ จมูกเล็กฟุดฟิดๆดมหาที่มาของกลิ่น

     

              “โอ้ยยยยย” เพียงแค่เท้าเล็กสัมผัสกับพื้น ตั้งตัวจะเดิน ความเจ็บที่ไม่เคยทำให้ให้คุ้นชินก็แล่นขึ้นมาจนต้องล้มตัวลงไปนั่งกับพื้นส่งเสียงร้องโอดโอย ใบหน้าหวานส่งค้อนให้กับคนทำที่ไม่รู้ว่าไปอยู่ไหน

     

                    “ฮีชอล ฮีชอลเป็นอะไรครับ” เสียงร้องถามอย่างตกใจ ดังมาก่อนที่ร่างสูงจะเปิดประตูห้องเข้ามาเห็นคนรักนั่งกองอยู่กับพื้น ใบหน้าหวานมุ่ยอย่างขัดใจ “เจ็บหรอครับที่รัก” มือหนาประคองใบหน้าเล็ก เหมือนว่าที่ใบหน้าเล็กจะมีหยาดน้ำคลออยู่

     

                    “เจ็บสิ ซีวอนลองโดนบ้างไหมเล่า” น้ำตาเม็ดเล็กที่ถูกเช็ดออกโดยมือหนา ใบหน้าหวานเกลี้ยงเกลาขึ้นสีแดงเรื่อ รู้สึกแปลกๆกับท่าทางของคนรักที่ไร้แววหยอกล้อในดวงตาคู่คมเหมือนทุกครั้ง

     

    “อุ้มฮีชอลไปกินข้าวหน่อยนะ ฮีชอลหิวแล้ว” แขนเรียวโอบลอบคอหนา หัวเล็กๆมุดเข้าไปแนบอยู่กับแผ่นอกแสนอุ่น ดวงตากลมเหลือบมองคางคมสันที่นูนขึ้นเหมือนว่าเจ้าของกำลังขบกรามตัวเอง ฮีชอลได้แต่มองอย่างนิ่งเงียบ ไม่ถามให้ชายหนุ่มลำบากใจ

     

              “ครับ” แขนแข็งแรที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ โอบอุ้มร่างบางที่ห่อตัวด้วยผ้าห่มเนื้อหนาไปยังโต๊ะกินข้าวที่ถูกจัดสรรไว้แล้วเรียบร้อย ข้าวต้มร้อนๆร้อนชามวางไว้อย่างเรียบร้อย

     

                    “ข้าวต้มสำเร็จรูปอีกแล้วหรอเนี่ย ฮีชอลอยากกินอย่างอื่นบ้างอ่า” คนงอแงเขี่ยข้ามต้มในชามไปมา ไม่มีคำตอบจากคนทำ มีเพียงแค่รอยยิ้มส่งมาให้อย่างอ่อนโยนเพียงเท่านั้น             

     

                    ชายหนุ่มอยากครอบครองร่างบางเอาไว้ตลอดเวลา ไม่ให้คลาดสายตา ไม่ให้ไปอ้อนเอาใจใครได้อีก ไม่ให้อยากให้คนทั้งโลกได้มองเห็นความมหัศจรรย์นี้

             

                    ซีวอนนั่งเหม่อมองคนรักที่กำลังตักข้าวต้มร้อนๆใส่ปากสีแดงสด ชวนน่าลิ้มลองมากกว่าผลไม้รสหวานใดๆในโลกใบนี้ ผิวขาวใสที่โผล่พ้นผ้าห่มผืนหนาเหมือนกำลังเชิญชวนให้ทำร่องรอยมากกว่านี้ ประกาศให้คนทั้งโลกรู้ว่า...ผิวขาวใส...แก้มเนียน....ดวงตากลมโต....นิสัยแสนน่ารัก.....และหัวใจแสนบริสุทธิ์ดวงนี้   มีเจ้าของจับจองไว้หมดแล้ว

     

              อยากบดขยี้ให้ละลาย....กักเก็บไว้ประดุจน้ำทิพย์ที่หล่อเลี้ยงให้หัวใจได้ชุ่มฉ่ำ

     

                    “ซีวอนนนนนนนนนนนนนนน” เสียงหวานตะโกนลั่นเรียกสติที่เลื่อนลอยไปไกลให้กลับมาอีกครั้ง

     

                    “ห่ะ! ครับ ฮีชอลมีอะไร ทำไมตะโกนดังขนาดนี้ เดี๋ยวก็เจ็บคอหรอก” ซีวอนจ้องมองร่างเล็กถือช้อนค้างอยู่ในมือก่อนยื่นมาให้ตรงหน้า

     

                    “ก็ดูสิ ดูเนี่ย หมูไม่สุกอ่า ซีวอนอ่า เป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่า.......เมื่อคืนฮีชอลทำซีวอนไข้กลับหรือเปล่า” ประโยคหลังร่างบางลงเสียเบาใบหน้าหวานแดงกล่ำ

     

                    ก็เมื่อคืนออกจะ...........

     

                    “เปล่าหรอกครับ ฮีชอลอย่าไปกินมันเลย เอาไปทิ้งดีกว่านะครับ”

     

                    “เดี๋ยว อย่า ไม่ต้อง”

     

                    เสียงห้ามของฮีชอลแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อมือหนาคว้าเอาชามข้าวต้มมีหมูไม่สุกไปเททิ้งจนหมด ทิ้งในจากไว้ในอ่างล้างจาน ก่อนเดินกลับมานั่งคุกเข่าต่อหน้าคนที่ทำหน้ามุ่ย ดวงตากลมโตมองอย่างไม่เข้าใจ

     

                    “ซีวอนเป็นอะไรหรือเปล่า เครียดเรื่องอะไรเล่าให้ฮีชอลฟังได้นะ” มือบางไล้ไปตามใบหน้าคมสัน มองเห็นแววตาของความเสียใจฉายชัดเจน

     

                    ชายหนุ่มคว้าหลังมือบางมากุมไว้แนบแน่นกับริมฝีปาก จุมพิตซ้ำๆแล้วซ้ำอีกที่หลังมือขาวใสจนเห็นเส้นเลือด ก่อนโถมตัวเข้ากอดเอวเล็กบางจนน่าตกใจ เสียงทุ้มแผ่วลอดออกมาจากลำคอ “ซีวอนไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ ฮีชอลเถอะยังเจ็บอยู่หรือเปล่า ซีวอนขอโทษนะ กลับเข้าห้องนะครับ อยู่ตรงนี้อากาศเย็น เดี๋ยวไข้ขึ้นอีกนะครับ”

     

                    “ซีวอนอุ้มไปนะ” ร่างบางรอคอยคำตอบจากคนรัก หากทุกสิ่งยังคงเงียบ แขนยาวยังโอบอยู่รอบเอวไม่เขยื้อนไปไหน “นะ ก็ฮีชอลยังเจ็บอยู่นิหน่า นะ อุ้มไปแค่นี้เอง”

     

                    “ครับ กลับห้องเรากันนะครับ” ซีวอนยืดตัวเต็มความสูง ช้อนร่างบางเข้าสู่อ้อมอก น้ำหนักแสนเบาของร่างบางทำให้ชายหนุ่มโอบกอดไว้แน่น กลัวว่าสายลมแรงจะพาพัดหายไป

     

                    “อื้อ! หายใจไม่ออก” เสียงหวานประท้วงลั่นเมื่อแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อโอบรัดแน่นจนหายใจไม่ออก

     

                    “ขอโทษครับ” ซีวอนเอ่ยขอโทษเสียงอ่อย คลายมือออก ค่อยๆวางฮีชอลลงบนเตียง มองร่างเล็กเหมือนดั่งแก้วที่แตกสลายไปได้ง่ายจนน่ากลัว หากไม่ดูแลทะนุถนอมให้ดี “ต่อไปซีวอนจะดูแลฮีชอลให้ดีกว่านี้นะครับ”

     

              ท่อนแขนบางฉุดร่างหนาให้ลงมานอนอยู่เคียงข้าง ปีนตัวขึ้นไปเกยอยู่บนอกหนา มองลึกเข้าไปในดวงตาคม นิ้วเรียวเกลี่ยไล้อยู่เหนือริมฝีปากถูไปมากับไรหนวดเขียวๆ “เนี้ย ตรงเนี้ยโกนได้แล้ว รู้ไหมทำฮีชอลเจ็บแหล่ะ เป็นรอยด้วย ”

     

                    “แล้วก็ตรงนี้” นิ้วเรียวเกลี่ยเล่นอยู่แถวแก้มซูบ “เมื่อก่อนมันเคยยุ้ยหว่านี้ มันหายไปไหนหมดแล้ว...ต้องมีคนว่าฮีชอลดูแลซีวอนไม่ดีแน่ๆ”

     

                    ฮีชอลนอนจ้องคนรักที่ยังคงทำหน้านิ่งเฉย ใบหน้าหวานมุ่ยลงอีกครั้งด้วยความขัดใจ  ก่อนที่ริมฝีปากสีสดจะฉกวูบลงที่ริมฝีปากบาง

     

                    ความหวานที่ไม่ทันตั้งตัว ปลุกเร้าให้ชายหนุ่มไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จากริมฝีปากไล่ระลงไปที่ซอกคอขาว ดูดเม้มจนเกิดรอยแดงช้ำ หัวไหล่บางเป็นรอยแดงตามแรงมือที่บีบลงไป

     

                    ผ้าห่มที่ปกคลุมเลื่อนหลุด เผยให้เห็นผิวขาวใส เอวเล็กบาง ท่อนขาเพรียว แต่แต้มด้วยรอยแดงช้ำ เนื้อตัวอุ่นร้อนเพราะพิษไข้ของคนรัก ทำให้ชายหนุ่มได้สติ ผลักร่างเล็กออกจากตัว

     

                 “เดี๋ยวซีวอนออกไปโทรสั่งอาหารมาให้นะครับ” ชายรีบลุกเดินออกจากห้อง ปิดประตูแน่สนิท ปล่อยทิ้งร่างเล็กให้มองตามด้วยความไม่เข้าใจ

     

                    ...น้ำตาใสปล่อยลงมาเพราะความน้อยใจ

     

                    “โธ่เว้ยยยยย” เสียงกร่นด่าตัวเอง ดังเข้าไปถึงในห้อง เสียงครึกโครมดังลั่นจนร่างบางสะดุ้ง ไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่รู้ว่าอะไรที่อยู่ในใจของคนรัก

     

                    รู้แต่ว่าซีวอน...กำลังห่างไกลออกไป

     

           

                     เกือบทั้งวันที่ผ่านไป แม้ชายหนุ่มจะหยุดงานเพื่อดูแลคนรัก หากแต่ซีวอนก็แทบจะไม่ได้เข้าไปในห้องนอนที่ร่างเล็กอยู่เลย จะมีก็เพียงแค่เข้าไปเมื่อถึงเวลาทานข้าว ทานยา และเมื่อต้องเช็ดตัวเท่านั้น

     

              การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทำให้ร่างเล็กของคนป่วยขี้น้อยใจ มีน้ำตาอาบอยู่บนหน้า ไม่ข้าใจว่าเพราะอะไร ทั้งที่อยู่ด้วยกัน แต่กลับแทบไม่ได้เจอหน้ากัน

     

                      หรือซีวอนกำลังหมดรักฮีชอลแล้วจริงๆ

     

                    หรือซีวอนเบื่อคนอ่อนแอ ขี้อ่อนคนนี้แล้ว...?

     

              แล้วฮีชอลจะยอมให้ซีวอนเบื่อหรือ....ไม่มีทาง!!!

     

                    มือบางเอื้อมหยิบมือถือ กดหาเบอร์ที่ได้มานานแล้ว แต่ไม่เคยโทรไป เบอร์ที่เป็นเบอร์ต่างประเทศ กดโทรออก ใจกระวนกระวาย กลัวไม่มีคนมารับสาย

     

                    /สวัสดีครับ ผม/

     

                    “คุณซองมิน ผมฮีชอลนะครับ” เพราะความกังวล ร่างเล็กจึงไม่รอให้ปลายสายพูดจบ รีบพูดกลับไป อยากรีบถามสิ่งที่ข้องใจ แต่ไม่รู้จะปรึกษาใครนอกจากคนคนนี้

     

                    /ฮีชอล ฮีชอลไหนหรอครับ/

     

                    เสียงปลายสายที่ตอบกลับมาทำให้ใจของคนฟังห่อเหี่ยว ไม่ทันจับสังเกตเสียงหัวเราะที่ดังแผ่วเบา “ฮีชอล ฮีชอลที่เอ่อ เป็นเอ่อ...” ร่างเล็กอ้ำอึ้งไม่กล้าบอกความสัมพันธ์จนไม่รู้จะหาคำไหนมาบอก สุดท้ายก็.... “เป็น พี่ชายซีวอนหน่ะครับ”

     

                    /เอ๋ ! งั้นผมคงไม่รู้จักคุณแล้วหล่ะครับ ผมไม่รู้จักคุณฮีชอลพี่ชายของซีวอน รู้จักแต่ฮีชอลคนรักของเพื่อนผมหน่ะครับ คนเดียวกันหรือเปล่า/ แล้วเสียงหัวเราะก็ดังลั่นข้ามทวีป จนร่างบางที่นอนอยู่บนที่นอนได้แต่เขินอาย

     

                    “เอ่อ ครับ”

     

                    /อ้าว! คุณเลยเงียบเลย ผมล้อเล่นครับ แล้วคุณฮีชอลโทรหาผมมีอะไรหรือเปล่าครับ หรือว่าเจ้าซีวอนมันแกล้งคุณ บอกคุณสุดหล่อข้างบ้านคุณสิครับ/  ซองมินมีความสุขที่ได้แกล้งคนรักของเพื่อนสนิท แอบหยอดไปจนถึงคุณคนข้างบ้านที่เพื่อนรักออกอาการว่าไม่ชอบขี้หน้า

     

                    “เอ่อออ..ซีวอนไม่ได้แกล้งผมหนอกครับ แล้วเจย์ก็ช่วยไม่ได้ด้วย มีแค่คุณกับคุณคยูฮยอนเท่านั้นที่ช่วยผมได้”

     

                    /มีอะไรหรอครับ ที่จะให้ผมกับคยูฮยอนช่วย/ ซองมินรับฟังอย่างเป็นกังวล ฟังจากน้ำเสียงแล้วเหมือนว่าจะเรื่องเคร่งเครียด หรือเพื่อนรักเกิดอะไรขึ้น

     

                    “ที่คุณเคยบอกไว้ว่า..ซีวอนอยู่ที่นู้น มีเอ่อ..เอ่อ ผู้หญิงเยอะอ่ะครับ ผู้หญิพวกนั้น เป็นไหนหรอครับ” ร่างเล็กกลั้นใจถาม ถึงผู้หญิงที่คนรักเคยคบ เคยมีความสุขด้วย คนแบบที่ฮีชอลไม่ได้เป็น

     

                    /อ่า! เรื่องนี้ เอ ซีวอนตอนนั้นไม่ได้คบแค่ผู้หญิงนะครับ ผู้ชายก็มี คุณฮีชอลอยากรู้แบบไหนหล่ะครับ/ เสียงซองมินกลับมาสนุกอีกครั้ง เห็นรำไรว่าจะแกล้งเพื่อนรักที่แสนไกล

     

                    “มีผู้ชายด้วยหรือครับ” ดวงตาเบิกกว้าง เพราะสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน น้ำเสียงตื่นตกใจ หรือว่าซีวอนจะคิดถึงคนคนนั้นที่ฮีชอลพึ่งรับรู้ว่ามีตัวตน

     

                    /ครับ คบกันอยู่นานเหมือนกันนะครับ ตอนนั้นออกจะสวีทจนผมกับคยูฮยอนยังอิจฉาเลย/

     

                    ยิ่งฟังซองมินพูด ร่างบางก็ยิ่งแน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง ซีวอนคงคิดถึงคนนั้น แล้วจะให้ฮีชอลทำยังไงได้ “แล้วคนนั้นเขาเป็นคนอย่างไงหรือครับ”

     

                    น้ำเสียงคล้ายร้องไห้จากคนรักของเพื่อนทำให้ซองมินสะดุด แต่แล้วก็กลับมาร่าเริง /อือ ก็ เป็นคนร่าเริง สนุกสนาน ชอบเข้าสังคม มั่นใจในตัวเอง เปรี้ยวๆ เท่ๆ แล้วหน้าเขาก็เท่มากนะครับ ตางี้เฉี่ยวสุดๆผมยังอิจฉา อ้อ! แล้วก็กล้ามากเลย เคยถึงขนาดดึงซีวอนเข้าไปจูบกลางงานเลี้ยงเลยนะครับ เป็นคนที่เซ็กซี่ที่สุดเลย/ ซองมินเล่าเรื่อยๆไม่ติดขัด

     

                    “หรอครับ ขอบคุณครับ” ร่างบางวางสายลงอย่างเศร้าใจ ไม่มีโอกาสรู้เลยว่าที่อีกซีกหนึ่งของโลกนั้น ร่างอวบอ้วนกำลังหัวเราะมีความสุขที่ได้แกล้งเพื่อนรักผ่านร่างบางผู้ซื่อใส

     

                    “หัวเราะมีความสุขนะครับ ได้แกล้งคนเนี่ย”

     

                    “อ้าว! ก็ซองมินไม่ได้แกล้งซีวอนนานแล้วนิหน่า คยูฮยอนไม่พอใจหรอ” คนได้แกล้งเพื่อนไม่วายเลียบแบบวิธีพูดของคนที่พึ่งวางสายไป

     

                    “พูดแบบนั้นไม่เหนื่อยหรอครับ ว่าแต่ ไอ้ผู้ชายที่ดึงซีวอนเข้าไปจูบนี้ใครกัน ผมไม่เห็นเคยได้ยิน อย่าว่าแต่ดึงไปจูบ ไอ้ซีวอนมันเคยคบใครจริงจังที่ไหน ยิ่งผู้ชายยิ่งไม่เห็นมี” คยูฮยอนพูดไปก็มองหน้าคนรักแสนเจ้าเล่ห์ที่รักยิ่ง

     

                    “ก็พึ่งมีเมื่อกี้แหล่ะ งานนี้สนุกแน่ๆ แหมอยากรู้จังจะเป็นไงบ้าง ฉันอยากบินกลับจังเลย” 

     

                    “อย่าเลยครับ อยู่กับผมที่นี้แหล่ะนะ อย่าไปไหนเลย” แขนยาวๆ เอื้อมคว้าเอวอวบๆของคนรักเข้ามากอด นั่งดูทีวีไปด้วยกัน ผิดกับอีกซีกโลกหนึ่ง
           
            

                    ฮีชอลปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับความคิด คนที่ซีวอนกำลังคิด ไม่เหมือนฮีชอลเลยสักอย่าง ดวงตาเฉี่ยวแหลม แบบนั้น ฮีชอลก็ไม่มี มีแต่โตๆ ซื่อๆ จะให้สนุกสนามร่าเริง ชอบเข้าสังคมแบบนั้นก็ไม่ได้ ในเมื่อฮีชอลออกจะเป็นคนขี้อาย แล้วยิ่งให้ดึงซีวอนเข้ามาจูบ ฮีชอลก็ยิ่งทำไม่ได้

     

                    ซีวอนคงเบื่อฮีชอลที่ขี้อ้อน ขี้แย งี่เง่า ทำอะไรก็ไม่ได้แบบนี้แล้วใช่ไหม

     

                    แต่ฮีชอลรักซีวอน แล้วฮีชอลก็จะทำเพื่อซีวอน ฮีชอลจะต้องกล้า ฮีชอลจะเซ็กซี่เพื่อให้ซีวอนกลับมารักฮีชอลอีกครั้ง

     

              แล้วทำยังไงคนอย่างฮีชอลถึงจะเซ็กซี่ได้หล่ะ..?

     

                    ร่างบางกดโทรศัพท์อีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นเบอร์ที่โทรเป็นประจำทั้งยามปรกติ และเดือดร้อน

     

                    /ว่าไงฮีชอล คิดถึงเจย์หรอ/

     

                    “เปล่าสักหน่อย เจย์ฮีชอลสงสัย” ร่างเล็กหน้ามุ่ย อดหมั่นไส้คนที่อยู่ปลายสายไม่ได้

     

                    /สงสัยอะไรหืม ทำไมเสียงแปร่งๆ ไม่สบายหรือเปล่า/ คุณพ่อเจย์แค่ได้ยินเสียงลูกสาวข้างบ้านก็รู้ทันทีว่าคงมีอะไรสักอย่าง และมันคงมากกว่าไม่สบายด้วย

     

                    “ก็..มี เจย์ว่าเซ็กซี่ยังไง”

     

                    /เฮ้ยอะไร เซ็กซี่ยังไง อธิบายหน่อยสิ/ คุณพ่อยังหนุ่มเอ่ยถามอย่างงงๆ งงทั้งคำถาม และคนถาม อยู่ดีๆทำไมมาถามอะไรแบบนี้ หรือว่ามีปัญหาอะไรขึ้นอีกแล้ว

     

                    “เจย์อ่า ก็ฮีชอลถามว่า จะเซ็กซี่ยังไง ทำยังไงให้เซ็กซี่ ฮีชอลอยากเซ็กซี่”

     

                    เสียงเล็กเสียงน้อย อย่างเอาแต่ใจเหมือนเด็กๆ ทำเอาคนถูกถามกลั้นยิ้ม เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไงนะ แค่นี้ซีวอนก็ออกจะทั้งรัก ทั้งหลง /แล้วฮีชอลจะเอาเซ็กซี่แบบไหน แบบเจย์ไหม/

     

              “อย่างเจย์ก็เซ็กซี่หรอ” ใบหน้าหนาวตกตะลึง ไม่เคยมองเห็นเพื่อนรักคนนี้เซ็กซี่มาก่อน แม้จะพอได้ยินมาบ้างว่าหน้าตาดีก็ตาม

     

                    /อ้าวเฮ้ย ทำไมพูดแบบนี้หล่ะเจย์ก็เซ็กซี่นะ แล้วตกลงฮีชอลอยากเซ็กซี่แบบไหน/

     

                    “แบบที่...ซ..เอ้ย ไม่ใช่ แบบที่ผู้ชายทั่วไปเขาจะชอบอ่า  เจย์รู้ไหมอ่า” ร่างเล็กตั้งคำถามเพราะไม่รู้จริงๆว่าจะเซ็กซี่แบบไหนดี ก็ไม่เคบชอบมองใครสักหน่อย...นอกจากซีวอน

     

                    /อ้าว! แล้วฮีชอลชอบแบบไหนหล่ะ/

     

                    “แบบซีวอน มีแพ็คด้วย ฮีชอลชอบแบบนั้น”

     

                    คนฟังแทบอยาจะกัดลิ้นตัวเอง ลืมนึกไปว่าร่างบาง ไม่ใช่ผู้ชายธรรมดา แต่เป็นผู้ชายที่ถูกเลี้ยงมาโดย ชเว ซีวอน /ถ้าแบบนั้นฮีชอลก็ต้องออกกำลังกาย ว่าแต่ฮีชอลจะอยากเซ็กซี่ไปทำไหม/

     

                    “ก็อยากจะเซ็กซี่บ้างอ่า อยากให้ซีวอนเห็นว่าฮีชอลก็เซ็กซี่ได้ เจย์อย่าถามมากได้ไหม” ผู้ชายที่ถูกเลี้ยงมาโดยชเว ซีวอน เริ่มไม่พอใจที่ถูกเพื่อนรักถามอะไรมากมาย

     

                    /เอาแต่ใจจังวันนี้/

     

                    “เจย์อ่า เปลืองค่าโทรศัพท์รู้ไหม บอกหน่อยสิ ทำยังไง” เสียงหวานๆ ตาโตๆกระพริบๆ ลืมไปว่าไม่มีใครเห็น แต่มันเป็นสิ่งที่ทำประจำ ยามอยากจะอ้อนใครสักคน

     

                    /อือ รู้แล้วก็เอางี้ดิ ฮีชอลใส่เสื้อเชิ้ตของซีวอน แค่นี้ฮีชอลก็เซ็กซี่สำหรับซีวอนแล้ว แค่เสื้อเชิ้ตตัวเดียวนะ ห้ามใส่อย่างอื่นนะ/

     

                    “น้องในกับเสื้อกล้ามก็ห้ามหรอ” คนสวยแสนซื่อ ก็ซีวอนเคยบอกไว้ว่าถ้าใส่เสื้อเชิ้ตต้องใส่เสื้อกล้ามเพราะมันบาง แล้วก็ไม่ให้ใส่น้องใน มันจะไม่โหว่งหรอ...?!

     

                    /เฮ้ย กางเกงในอ่ะ ฮีชอลก็ใส่ แต่เสื้อกล้ามอ่ะ ไม่ต้องหรอก ซีวอนไม่ว่าอะไรหรอก/

     

                    “อ่า แปลว่าฮีชอลใส่น้องในได้ แต่เจย์ แค่เสื้อตัวเดียว ฮีชอลไม่เห็นชอบเลย มันจะเซ็กซี่จริงหรอ”

     

                    /ฮีชอลไม่ชอบ แต่คนอื่นส่วนมากเขาชอบกัน/

     

                    “เจย์ชอบไหม” ร่างเล็กยังไม่หมดคำถามก็ฮีชอลไม่ชอบแบบนั้นจริงๆนะ ไม่เห็นจะน่ามองเลย แบบมีแพคอย่างซีวอนยังน่ามองกว่าเลย

     

                    /ชอบ/ ชายหนุ่มหน้าคมเหนื่อยใจกับคำถามของเพื่อนรัก ถ้าไม่ใช่คนแบบฮีชอลมาถาม เขาคงวางสายไปนานแล้วกับคำถามอะไรแบบนี้

     

                    “แล้วซีวอนชอบไหม” เจ้าหนูจำไม แสนน่ารัก ยังไม่หมดคำถามที่จะถามคุณพ่อเจย์

     

                    /ก็ถ้าฮีชอลใส่ ก็ชอบแหล่ะ/ อยากจะบอกเหลือเกินว่าฮีชอลใส่อะไร ไอ้ผู้ชายคนนั้นที่ไม่ชอบหน้าเขา คงชอบทุกอย่าง

     

                    “อือ งั้นแค่นี้นะ แล้วว่างๆจะไปหา” ร่างบางวางสายที่ปรึกษาคนสำคัญ ปล่อยให้คนที่คุยด้วยเมื่อกี้ออกแนวงุนงง อยู่ดีๆก็โทรมา อยู่ดีๆก็วางสาย  อย่างว่า ผู้ชายชื่อ ชเว ซีวอนเลี้ยงมา!

                   

                    ร่างบางเปิดตู้เสื้อผ้าค้นหาเสื้อเชิ้ตของซีวอนตามที่เพื่อนรักบอกมา จนได้เสื้อเนื้อบางมาหนึ่งตัว เสื้อที่คงพอดีกับชายหนุ่ม แต่เมื่อฮีชอลมาใส่ มันกลับตัวโต ยาวจนปิดขาอ่อนขาวๆ แขนยาวจนต้องพับขึ้นมา

     

                    ฮีชอลมองตัวเองในกระจกอย่างแปลกประหลาด ดวงตากลมเหลือกไปมา ไม่ชินกับอะไรแบบนี้ เสื้อเชิ้ตเพียงตัวเดียว ถึงแม้มันจะยาว แต่มันก็เลยสะโพกมาแค่นิดเดียว ไม่ถึงฝ่ามือ แล้วยังเม็ดกระดุมที่ถ้าเจ้าของมันใส่ก็คงพอดี แต่นี้มันกลับอยู่ต่ำจนกลายเป็นเสื้อคอกว้าง

     

                    “มันดูดีจริงๆหรอเนี้ย เอาหน่า ฮีชอลสู้ตาย” ร่างบางให้กำลังใจตัวเอง ก่อนเดินออกมาจากห้อง เห็นเป้าหมายนอนอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา

     

                 “ซีวอน ทำไมมาอยู่ข้างนอกแบบนี้หล่ะ โกรธอะไรฮีชอลหรือเปล่า” ร่างเล็กเดินเข้าไปนั่งเบียดชิดร่างสูงที่ทอดกายยาวเต็มความยาวของโซฟา ใบหน้าหวานก้มหน้าน้อยๆ แก้มใสแดงเรื่องทั้งพิษไข้และความเขินอาย

     

              “ฮีชอล ทำไมเอาเสื้อตัวนี้มาใส่” ชายหนุ่มลุกขึ้น มองใบหน้าเนียน ไล่มาที่เสื้อตัวเห็นผิวขาวรำไร ขาเรียวสวยที่มีร่องรอยสีกุหลาบประปราย

     

                    “ก็.....” ร่างเล็กนิ่งอึ้ง ก้มหน้างุด ไม่สบสายตากับชายหนุ่ม ไม่กล้าบอกเหตุผลที่แท้จริง กลัวว่าคนรักจะนึกถึงใครคนนั้นที่ซองมินพูดถึง “ก็....ฮีชอลคิดถึงซีวอน ซีวอนอยู่ตรงนี้ไม่เข้าไปหาฮีชอลเลย แค่เสื้อตัวเดียว ซีวอนก็หวงหรอ ฮีชอลขอโทษ ฮีชอลไม่ใส่ก็ได้”

     

                    มือเรียวปลดกระดุมเสื้อที่ใส่อยู่ หน้าหวานนองด้วยน้ำตา เปิดเปลือยแผ่นอกเรียบเนียน ชายหนุ่มรีบคว้าสองมือเล็กมาจับไว้แน่น จ้องมองหน้าหวานที่เต็ไปด้วยน้ำตา “ไม่ใช่ฮีชอล ซีวอนไม่ได้หวง แต่ว่าฮีชอลป่วยอยู่แล้วเสื้อตัวนี้มันก็บาง แล้วฮีชอลก็...”

     

                    “ซีวอนไม่ว่าฮีชอลใช่ไหม ที่เอาเสื้อซีวอนมาใส่แบบนี้” ใบหน้าหวานยิ้มกริ่ม เมื่อรู้ว่าคนรักไม่ได้หวงเสื้อตัวนี้แล้ว ร่างเล็กค่อยๆเขยิบตัวเองขึ้นไปนั่งบนตักชายหนุ่ม สองแขนเรียวโอบรอบคอหนา ดวงตามองลึกในดวงตาคู่คมที่ใครต่างก็กลัว

     

                    “ไม่ว่าหรอกครับ แต่ซีวอนเป็นห่วงเท่านั้นเอง” มือหนาโอบรอบเอวบาง สายตามองจ้องที่เสื้อตัวโคร่งถูกปลดกระดุมเหลือเพียงสองเม็ดล่างเท่านั้น

     

                    “ดีใจจังที่ซีวอนเป็นห่วงฮีชอล ฮีชอลรักซีวอนที่สุดเลยนะ ให้ฮีชอลทำอะไรก็ได้ ขอแค่ซีวอนอย่าเบื่อแล้วทิ้งฮีชอลไปนะ” ร่างเล็กจูบที่ปลายคางครึ้มหนวดแผ่วเบา

     

                    “ซีวอนไม่มีทางทิ้งฮีชอลไปไหนหรอกครับ  ซีวอนก็รักฮีชอลมากนะ มากจนยอมได้ทุกอย่างเหมือนกัน”  ชายหนุ่ม นั่งนิ่งให้คนรักนั่งพิงอยู่แบบนั้น

     

                    ใบหน้าหวานยิ้มสดใส ริมฝีปากอิ่มประทับลงบนริมฝีปากบางเนิ่นนาน ลิ้นเล็กแลบออกมา ไล้ริมฝีปากบาง หาทางชอนไชเข้าไปในโพรงกว้างปาก หากแต่กลับโดนชายหนุ่มผลักออกห่าง

     

                    “ฮีชอลจะทำอะไร”

     

                    “ก็ทำแบบที่ซีวอนทำไง ฮีชอลทำไมได้หรอ” ร่างเล็กหน้าเสียเมื่อโดนผลักออกห่าง จนเกือบหล่นจากตัวกว้างดีที่ชายหนุ่มโอบกอดเอาไว้

     

                    “ไม่ใช่ครับ แต่มันไม่ดีต่อฮีชอลนะ” ชายหนุ่ม พยายามหักห้ามใจ แต่ดูเหมือนคนบนตักจะไม่ยอมให้ความร่วมมือเอาสะเลย

     

                    “ยังไงอ่า” ร่างเล็กยังไม่หยุดแสดงความเซ็กซี่แสนอ่อนหัดของตนเอง มือเล็กไล้ไปตามหน้าอกหนา เลื่อนลงต่ำ ก่อนจะสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด ใบหน้าหวานแดงกล่ำ ริมฝีปากอิ่ม จูบตามซอกคอหนา ที่ยังมีมืออีกข้างโอบไว้รอบ

     

                    “ฮีชอลอย่า” เสียงเข้มทุ้มหนัก จับมือเล็กแสนซุกซนไว้แน่น เมื่อมันกำลังเข้าใกล้จุดอันตราย ยอดอกที่แข็งเป็นไตของชายหนุ่ม ไม่วายถูกหยอกล้อด้วยลิ้นเล็กที่โผลงมา

     

                    “ซีวอนไม่ชอบหรอ” ดวงตากลมมองใบหน้าคมอย่างหวาดวิตก ทุกการกระทำหยุดชะงัก เตรียมตัวลงจากตักหนาที่เคยนั่งเป็นประจำ ดวงตากลมเกือบจะมีน้ำไหลออกมา

     

                    “ไม่ใช่ซีวอนไม่ชอบ แต่ถ้าฮีชอลทำแบบนี้คนที่จะเดือดร้อนคือฮีชอลนะครับ” เสียงทุ้มแตกพร่า กับความรู้สึกที่ถูกปลุกเร้าขึ้นมาแบบไร้เดียงสา

     

                    “ไม่เป็นไรหรอก ฮีชอลบอกแล้วว่า ฮีชอลยมซีวอนทุกอย่าง ขอแค่ซีวอนยังรักฮีชอลอยู่”  ปากบวมเจ่อประทับลงบนริมฝีปากบางอีกครั้ง หากแต่คราวนี้ มือหนากลับประคองศีรษะเล็กให้แนบแน่น อีกมือปลดกระดุมเสื้อที่เหลืออยู่เพียงสองเม็ด เลื่อนเสื้อตัวบางออกเหลือเพียง ผิวขาวใสชวนมอง

     

                    “เข้าไปในห้องนะครับ อยู่ตรงนี้แล้วฮีชอลอาจจะไข้กลับมาอีก” ซีวอนกระซิบแผ่วเบาข้างใบหูเล็ก ก่อนจะอุ้มร่างบางเดินหายเข้าไปในห้อง กอบโกยความหวานของค่ำคืนนี้ ที่ต่างฝ่ายต่างบรรจงมอบให้แก่กัน


         

                 ดึกมากแล้ว หากแต่คืนนี้ชายหนุ่มคนเดิมยังคงนอนมองคนรักด้วยสายตาเจ็บปวดเช่นคืนวาน ร่างเล็กที่เขาย้ำกับตัวทุกครั้งว่า เป็นคนที่บอบบาง และอ่อนแอ เปรียบดั่งแก้วบางต้องการการดูแลอย่างทะนุถนอม

     

                  เอวเล็กที่แทบจะใช้สองมือใหญ่โอบมิด

     

                    แขนเรียวที่เหมือนแค่จับแรงๆก็หักได้

     

                   แล้วดูสิ่งที่เขาทำ....ร่องลอยสีหวานตามเนื้อตัว แม้มันจะไม่ทำให้เจ็บเหมือนรอยช้ำ แต่มันก็บอกได้ว่า คืนที่ผ่านมาร่างมา ต้องเหนื่อยมากแค่ไหน ทั้งที่ควรจะได้พัก กลับต้องมาเจอแบบนี้

     

              ทั้งที่ควรหักห้ามตัวเองได้ แต่ก็เปล่า ทำไมกัน แค่เห็นสีหน้าแสนเหนื่อยล้า กลับรู้สึกไม่พอ ทำไมกัน

     

                    มันสมควรแล้วหรือไง ไอ้ซีวอน ไอ้บ้าเอ้ย!!!!!

     

              ชายหนุ่มนอนด่าตัวเองอยู่ในใจ ที่ไม่สามารถห้ามตัวเองไอ้ ทั้งที่ฮีชอลของเขาเหนื่อยแทบขาดใจ แต่เป็นเขาที่ไม่รู้จักพอ จนสุดท้ายร่างเล็กก็หมดสติ ล้มทรุดอยู่บนแผ่นอก 

     

                    บทรักที่พึ่งผ่านไป สำหรับเขาดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชายทั่วไป ที่ถูกยั่วยวนด้วยความรักที่มีอยู่เต็มหัวใจ แต่บางคนที่เปราะบาง มันคงจะหนักหนา จนแทบสิ้นแรง เสียงครางหวานหูที่ดังอยู่ไม่ห่าง ทำให้ไม่อาจยั้งอารมณ์ที่ถูกปลุกขึ้นมาได้ รอบแล้วรอบเล่า....

     

                    และสุดท้ายสติก็กลับมา เมื่อเสียงนั่นเงียบลง เหลือเพียงร่างกายเบาหวิวที่ทรุดลงมา...แล้วสมองก็บอกสิ่งที่ทำให้หัวใจเจ็บปวดว่า...ทำร้ายคนรักอีกแล้ว  

                   

                 ชายหนุ่มลุกขึ้นจากที่นอนแผ่วเบา เข้าไปหยิบผ้าขนหนูผืนนิ่ม มาเช็ดตามเนื้อตัวขาวใสที่แดงเรื่อ อย่างเบาแรง เหงื่อเม็ดเล็กเม็ดน้อย คราบเปื้อนที่ไหลย้อนตามเรียวขาขาว ถูกชายหนุ่มเช็ดออกให้จนหมด ก่อนที่จะใส่ชุดนอนตัวโปรดให้คนรักได้หลับสบายมากขึ้น

     

                    ซีวอนเดินเอาของทั้งหมดกลับไปเก็บในห้องน้ำ ย้อนกลับมา นั่งมองคนรักเงียบๆอยู่ที่อีกด้านของเตียง ถอนลมหายใจเคร่งเครียดออกมา....ก้าวเดินออกจากห้องพร้อมหมอนใบเล็ก

     

                    บางที....ความสัมพันธ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้นอาจต้องยุติลง เพื่อคนที่เขารักคนนี้


          

                     เช้าตรู่กระจกบานใสมีร่องรอยของเม็ดฝนเกาะพร่างพราย อากาศเย็นจากภายนอก พัดลอดผ่านตรงลอบแยกของประตูระเบียงเข้ามาข้างในห้องนอนที่มีร่างเล็กนอนขดอยู่บนเตียงกว้าง

     

                    มือบางปัดป่ายหาคนที่นอนอยู่ข้างๆ ร่างสูงของคนรักมันเป็นที่ซุกหาความอบอุ่นยามอากาศหนาวเข้ามา มักเป็นที่ซุกหาความสบายใจ ยามฝันร้าย  แต่....วันนี้บนเตียงกว้าง มือบางที่กวาดไปมากลับไม่เจอใคร สัมผัสไม่ได้ถึงความอบอุ่นว่าเคยมีคนอยู่เคียงข้าง

     

                    “อือ! ซีวนหายไปไหนอ่า” ร่างเล็กลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างงัวเงีย สองมือขยี้ตาไปมา เส้นผมอ่อนนุ่มยุ่งอยู่บนศีรษะเล็ก สองตาที่ปรือไม่ค่อยขึ้นมองไปมา สอดส่ายหาคนรัก “ซีวอน ซีวอนอยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า”

     

                    “......” ไม่มีเสียงตอบออกมาจากคนที่เรียกหาเลยสักนิด จนร่างเล็กต้องลุกเดินไปดูในห้องน้ำที่ปิดสนิท พื้นแฉะบอกให้รู้ว่าเช้านี้ห้องน้ำถูกใช้ไปแล้ว โดยที่คนนอนอยู่ไม่รู้สึกตัว

     

                    คิม ฮีชอล เดินออกมาจากห้องนอนอย่างมึนงง ไม่เข้าใจว่าวันนี้ที่ทำงานมีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า ทำไมซีวอนถึงต้องรีบไปตั้งแต่เช้า มองหาโน็ตสักแผ่นก็ไม่มีบอก

     

                    “เฮ้อ  ออกไปแล้วจริงๆหรอเนี่ย ทำไมไม่บอกกันบ้างเลยนะ” คนที่ไม่เคยมีเรื่องให้ทุกข์ใจ ถอนหายใจออกมา แบบที่ไม่ได้ทำบ่อยๆ มองไปรอบๆห้อง ที่มันรู้สึกแปลกๆ

     

                         ห้องก็ห้องเดิม แต่....ทำไมมันรู้สึกไม่เหมือนเดิม?

     

                    หรือว่าฮีชอล ทดแทน คนนั้นที่ซีวอนกำลังคิดถึงไม่ได้จริงๆ

     

                    “ฮีชอลขอโทษซีวอนนะ”.......   

           

                  มืดมากแล้วกว่าที่ซีวอนจะเปิดประตูกลับเข้ามาในห้องที่เขาคุ้นเคย เจอคนที่คุ้นเคยนอนรออยู่หน้าทีวี บนโซฟาตัวใหญ่ แต่ถึงมันจะใหญ่แค่ไหน ก็คงไม่สบายเท่าที่เตียงได้หรอก

     

                   “ฮีชอลครับ ฮีชอล ตื่นได้แล้วนะ ซีวอนกลับมาแล้ว” เสียงทุ้มกระซิบข้างใบหูเล็ก แต่ดูเหมือนว่ามันจะแผ่วเบาเกินกว่าจะปลุกคนที่หลับลึกให้ตื่นขึ้นมาได้ สุดท้ายจึงต้องช้อนร่างบอบบางเอาไว้แนบอก ค่อยๆพากลับเข้าไปในห้องนอนอย่างระมัดระวัง วางลงบนเตียงนุ่มอย่างอ่อนโยน ประจุมพิตลงบนแก้มขาวใส

     

                    “อื้อ! ซีวอนกลับมาแล้วหรอ” เสียงงัวเงียของคนที่หรี่ตามองดูคนรักที่ยังนั่งอยู่ข้างกาย ก่อนจะวางศีรษะลงกับตักของชายหนุ่ม ซุกซบหาความอบอุ่นทดแทนความคิดถึงที่ไม่ได้เจอกันมาทั้งวัน

     

                    “ครับ ให้ซีวอนไปอาบน้ำก่อนนะครับ คนเก่ง หลับต่อนะครับ” ชายหนุ่มวางศีรษะเล็กๆลงกับหมอนอีกครั้ง แล้วจึงเดินลับหายเข้าไปในห้องอาบน้ำ

     

                    ซีวอนใช้เวลาไม่นานในการทำความสะอาดร่างกาย ชายหนุ่มเดินออกมาในชุดนอนเต็มชุดแบบที่ไม่เคยทำมานานแล้ว ลงนั่งที่ข้างเตียง มือหยาบลูบศีรษะเล็กไปมา ขับกล่อมให้คนรักหลับสนิท ทอดมองด้วยความอาวรณ์ “ฝันดีนะครับที่รัก ซีวอนขอโทษ แต่ต่อไปนี้ ซีวอนจะไม่ให้ฮีชอลต้องเจ็บอีกแล้วนะครับ”

     

                    ลมหายใจหนักถูกทอดออกมา ชายหนุ่มตัดใจละมืออกจากศีรษะ คว้าหมอนหนุนเดินออกจากห้อง เหมือนเมื่อคืนที่ทำมาก่อนแล้ว ไม่รู้เลยว่า ในความมืด ดวงตากลม เปิดกว้าง ปล่อยให้น้ำตาไหลอยู่เงียบๆ เก็บความสงสัยและน้อยใจไว้ข้างใน


            

                 พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้นฉายแสงบนฟ้า แต่ดวงตากลมโตกลับเปิดกว้าง คืนที่ผ่านมาทั้งคืน ฮีชอลไม่รู้หรอกว่าอีกคนที่นอนอยู่ข้างนอนเป็นเช่นไร รู้เพียงแค่ว่า....ฮีชอลกำลังกลัว

     

                    กลัวจนนอนไม่หลับ  ไม่มีคนมากอด ไม่มีคนปลอบ มันเป็นความน่ากลัว ที่ไม่เคยต้องเผชิญ

     

                    เสียงเปิดประตูเข้ามาในห้อง ทำให้ดวงตากลมต้องรีบปิดลงอีกครั้ง ร่างนิ่งเกร็ง หูฟังเสียงต่างๆที่เกิดขึ้น รับรู้ได้ว่าชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ๆ วางหมอนลงที่เดิม แล้วก็ตามมาด้วยเสียงเปิดปิดประตูห้องน้ำ

     

                    คนที่เคยได้รับความรักอย่างเต็มเปี่ยม เมื่อถูกหมาง คงทำใจให้คุ้นชินไม่ได้ ยิ่งได้รับรู้ว่าต้นเหตุเป็นหนึ่งคนที่แตกต่างกับตัวเองอย่างมาก เป็นใครที่จะไม่กลัวกันบ้าง ดวงตากลมเหลือบมองนาฬิกา ยังไม่หกโมงเช้าเลยด้วยซ้ำ

     

              เจ้าของใบหน้าหวาน ลุกขึ้นอยู่ริมเตียง ปล่อยให้ขาเรียวห้อยลงมา ดวงตามองไปยังบานประตูห้องน้ำ รอคอยให้คนข้างในเปิดออกมาได้เจอกัน

     

                    “อ้าว ฮีชอลตื่นแล้วหรอครับ ซีวอนเสียงดังหรอ” ชายหนุ่มตกใจที่เห็นคนรักนั่งอยู่ท่ามกลางความรำไรของแสง น้ำเสียงเจือปนด้วยความรู้สึกผิด แต่ก็ยังเดินไปที่หน้าตู้เพื่อแต่งตัวไปทำงาน

     

                    “ทำไมซีวอนต้องไปนอนข้างนอกแบบนี้หล่ะ ฮีชอลกวนซีวอนหรอ” ตอนนี้ตาคู่โตไม่ได้จับจ้องที่ใบหน้าชายหนุ่มอีกแล้ว แต่มันหลุบลงต่ำ มองปลายเท้าของตัวเอง

     

                    “เปล่าหรอกครับ ฮีชอลไม่ได้กวนซีวอน เพียงแต่ซีวอนมาคิดดูแล้ว เรา....ไม่ควรนอนด้วยกันแบบนี้อีก เพราะงั้นเย็นนี้ ซีวอนจะมารับฮีชอลไปส่งที่บ้านใหญ่นะครับ” ชายหนุ่มเค้นเสียงของตนเองให้พูดได้จนจบประโยค แต่สองมือยังคงง่วนกับการจัดแต่งเสื้อผ้าให้เข้าที สองตาจับจ้องที่กระจกเงาบานใหญ่

     

                   แต่ในใจกำลังคิดอะไรอยู่ ไม่มีใครเลยที่จะเข้าใจ....

     

                    “ซีวอนไล่ฮีชอล ทำไมไม่พูดกับฮีชอลดีๆหล่ะ บอกฮีชอลสิ บอกมา ว่าฮีชอลสู้คนนั้นของซีวอนไม่ได้ตรงไหน แค่ซีวอนพูด ฮีชอลก็ยอมทำให้ทุกอย่างแล้ว หรือไม่ต้องการฮีชอลแล้วก็พูดมาสิ บอกฮีชอลตรงๆ แต่อย่าไล่แบบนี้ได้ไหม” น้ำตาไหลงอาบลงมาบนแก้มนวล ความหวาดระแวงและน้อยใจปะทุจนไม่อาจเก็บไว้

     

                    เมื่อคืนยังเป็นที่รัก แต่เช้านี้กลับกลายเป็นคนที่คนรักไม่ต้องการ...ใครจะทนได้

     

                    “ฮีชอล! ชายหนุ่มนิ่งอึ้งกับคำพูดของคนรัก อยากจะกล่าวแก้ตัว แต่เหมือนอีกคนไม่พร้อมรับฟังอะไรอีกแล้วในเวลานี้ อยากจะเข้าไปกอดปลอบ แล้วกระซิบถามที่ริมหูเล็กว่าเป็นอะไร ก็คงทำไม่ได้

     

                    “ไม่ ไม่ต้องพูดแล้ว ไม่ฟังแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว” สองมือบางยกปิดหู ร่างบางสั่นเทา ขดตัวเข้าหากัน ใช้ร่างกายของตนเองปกป้องจากสิ่งเลวร้ายที่ไม่อยากพบเจอ..ในเมื่อต่อไปจะไม่มีใครมาดูแลและปกป้องอีกแล้ว

     

                    “ฮีชอล ผม ...”

     

                    “ไม่ ไม่เอาแล้ว ไม่อยากฟังแล้ว พอแล้ว อย่าพูดเลย ฮีชอลรู้แล้ว รู้แล้วว่าต้องไป แต่อย่าพูดเลย อย่าพูด อย่าพูด” เสียงร้องไห้ ก้นสะอื้น ทำให้แทบไม่เป็นคำพูด นำตาไหลลงมาไม่รู้จักพอ สองมือกำใบหูแน่นปกปิดถ้อยคำที่ไม่อยากได้ยิน ใบหน้าหวานซุกลงกับเข่า

     

                    ไม่รับฟัง...ไม่รับรู้...ไม่มองเห็น..อะไรอีกแล้ว

     

                    ชายหนุ่มยืนมองภาพคนรักที่กำลังปกป้องตนเองด้วยสายตาขอโทษ ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี นอกจากเดินจากมา ปล่อยให้เสียงสะอื้นไห้ดังอยู่เบื้องหลังและจางหายไปเพราะระยะทางที่มากขึ้น

     

                    “ซีวอนไปแล้ว ไปแล้ว ฮีชอลไม่เหลือใครแล้ว เจย์ช่วยฮีชอลด้วย ”........           


                

                         “ไม่รักแล้ว ซีวอนไม่รักแล้ว”

     

                         “ซีวอนไล่ฮีชอลแล้ว ไม่ให้ฮีชอลอยู่ด้วยแล้ว”

     

                         “ซีวอนไปแล้ว จะไปหาคนนั้นแล้วใช่ไหม”

     

                           “ฮีชอลไม่เหลือใครแล้ว ซีวอนไม่รักฮีชอลแล้ว”

     

                         “ซีวอนใจร้าย อย่าทิ้งฮีชอลไปได้ไหม แค่ให้ฮีชอลอยู่กับซีวอนก็ไม่ได้แล้วใช่ไหม”

     

                        “ฮีชอลเป็นส่วนเกินของซีวอนแล้วใช่ไหม เพราะคนคนนั้นใช่ไหม”

     

                        “ฮีชอลรักซีวอน แต่ซีวอนไม่รักแล้ว ไม่รักฮีชอลแล้ว ฮีชอลทำอะไรผิด ฮีชอลน่าเบื่อมากใช่ไหม”

     

                        “เพราะฮีชอลอ่อนแอ เพราะฮีชอลงี่เง่า ไม่มีใครรักฮีชอลได้จริงหรอกใช่ไหม”

     

            ดวงหน้าหวานอาบด้วยน้ำตาที่ไหลพราก พูดซ้ำไปซ้ำมากับประโยคเดิม ตอกย้ำตัวเองให้ยิ่งเจ็บปวด นั่งกอดตัวเองจนคุดคู้สองมือยังปิดใบหูเล็กแน่นไม่ให้ถ้อยคำจากชายหนุ่มเข้ามาทำร้ายจิตใจได้อีก แม้ว่าคนพูดจะออกไปนานเพียงใดก็ตาม

     

                    ร่างเล็กที่แสนบอบบางหัวใจแตกสลายนั่งร้องไห้อยู่ท่านั้นให้ห้องที่มีเพียงแสงรำไรลอดผ่านม่านหนา ตั้งแต่เช้ามืด จนเย็นย่ำ ไม่ยอมลุกออกไปจากที่นอน สถานที่สุดท้ายที่มีความทรงจำแสนสุข

     

                    และที่เริ่มต้นของความทุกข์โศก......

     

                    เสียงเปิดประตูดังเข้ามาบอกให้คนในห้องนอนรู้ว่า เจ้าของห้องอีกหนึ่งคนกลับมาแล้ว ถึงเวลาที่ต้องไปแล้ว....หมดเวลาที่จะยื้ออยู่ต่อไป

     

                    “ซีวอนกลับมาแล้ว จะมาไล่ฮีชอลแล้ว ฮีชอลอยู่ไม่ได้แล้ว....อยู่ไม่ได้แล้ว...ไล่ฮีชอลแล้ว กลับมาแล้ว” ใบหน้าหวานมองไปยังประตูห้องนอนที่ปิดแน่น ประตูไม้บานใหญ่ที่ปิดกั้นตัวเองจากอีกคนที่อยู่ภายนอก

     

                    เสียงบิดลูกบิดจากด้านนอก เรียกให้ก้อนเนื้อก้อนเล็กเต้นรุนแรงจนต้องยอมละมือมากุมผิวเนื้อเหนือหัวใจ บอกตังเองทั้งน้ำตาว่าอย่ากลัว...

     

                    .....แต่ปลอบตัวเองเท่าไหร่....ก็ไม่สู้อีกคนที่เคยปลอบใจได้

     

                    “ซีวอนมาแล้ว ฮีชอลต้องไปแล้ว ไม่ให้ซีวอนต้องไล่อีก ไปแล้ว ฮีชอลจะไปแล้ว”

     

                    ประตูที่เปิดกว้างเข้ามา ชักนำแสงสว่างจากหลอดไฟภายนอกให้เข้ามาด้วย โครงหน้ายามมองร่างคุดคู้บนเตียงด้วยความตกใจ แววตาที่มองมา ฮีชอลไม่อาจมองเห็นได้ เพราะม่านน้ำตาบดบังจนพร่าเลือน

     

                    “ฮีชอล! ” ชายหนุ่มมองคนรักที่ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม หนึ่งมือปิดใบหู อีกหนึ่งมือเกาะกุมแผ่นอกบาง ใบหน้าหวานเปรอะเปื้อนด้วยคราบน้ำตา ไม่อาจสัมผัสได้ถึงความสดใสที่ร่างบางเคยมี

     

                    “ซีวอน! อย่าไล่ฮีชอลนะ ฮีชอลไปแล้ว” เป็นครั้งแรกของวันที่ร่างเล็กลุกขึ้นจากลางที่นอน แข็งขาที่อ่อนแรงจวนเจียนจะล้มลงกับพื้นหากไม่มีอีกคนที่รีบถลามาประคองเอาไว้แน่นกับอก

     

                    “ปล่อย ปล่อยนะ ปล่อยสิ” ร่างเล็กดิ้นรนอยู่ในอ้อมกอดของคนรัก สองมือยกขึ้นปิดใบหูเล็กอีกครั้ง กลัวเหลือเกินว่าชายหนุ่มจะพูดอะไรออกมาอีกในตอนนี้

     

                    “ฮีชอล ฮีชอล” ซีวอนทนมอง จนไม่สามารถมองแผ่นหลังเล็กที่สั่นเทาได้ สุดท้ายต้องพลิกตัวคนรักที่ยืนหันหลังให้หันกลับมามองหน้ากัน มือหนาพยายามดึงมือเล็กที่ปิดใบหูออก แต่ก็ไม่อายใช้แรงทั้งหมดที่มีได้ “ฮีชอล ฟังซีวอนสิ ฟังซีวอนบ้างได้โปรด อย่าเป็นแบบนี้”

     

                    “ไม่ อย่าพูด อย่าพูดอีก ฮีชอลจะไปแล้ว จะไปแล้ว อย่าพูดอีกนะ” ดวงตากลมมีแต่น้ำตาที่ไหลไม่เคยพอหลุบลงต่ำ ไม่กล้ามองใบหน้าคมที่อยู่ห่างเพียงแค่ลมหายใจรด  สองมือถูกฉุดรั้งด้วยแรงที่มากกว่า ให้ออกห่างจากใบหูเล็กที่แดงกล่ำเพราะโดนกดมาทั้งวัน หากแต่สองแขนเรียวยังรั้งแขนของตัวเองให้ปิดแนบลงบนหูอย่างสุดแรง

     

                     สุดท้ายซีวอนต้องยอมแพ้ ปล่อยมือจากแขนเรียวที่เริ่มขึ้นรอยแดงตามรอยที่โดนจับ ยอมปล่อยให้สองมือปิดใบหูเล็กดังเดิม มองใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยน้ำตาแล้วได้แต่ยอมแพ้ ทั้งที่จะรั้งเอาไว้ แรงของเขาคงทำให้ฮีชอลยอมฟังได้ แต่จะทำเพื่ออะไร ในเมื่อทำไปคนรักของเขาก็ต้องเจ็บ

     

              ชายหนุ่มได้แต่มองคนรักที่เปราะบางเสียเหลือเกิน ดังแก้วที่เคยสวยใสส่องประกายล้อเล่นกับแสง แต่ตอนนี้กำลังแตกร้าว เพียงแค่ลมพัดผ่านรอยร้าวก็จะแยกออกจากกัน แล้วแก้วแสนสวยก็จะแตกละเอียดเหลือเพียงชิ้นสวยแหลมคมและฝุ่นบางๆให้ไขว้คว้า

     

                    ร่างบอบบางยืนสั่นเทาหน้าหวานซีดเผือด ความนิ่งเงียบรอบๆตัวบอกให้รู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะไม่พูด ไม่บังคับอีกแล้ว ถึงได้กล้าเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคม ดวงตากลมพร่าพราว แต่ก็ยังเห็นความเสียใจในตาคู่คมที่มักมองมาด้วยความอบอุ่นและอาทร แต่วันนี้ทำไมฮีชอลถึงมองไม่เห็นหล่ะ....ซีวอนอย่าเสียใจเพราะฮีชอลเลยนะ ขาเล็กก้าวเดินจากไปอย่างเลื่อนลอย “ฮีชอลต้องไปแล้ว ไปแล้ว”

     

              ชายหนุ่มยืนนิ่งมองร่างกายของคนรักเดินก้าวห่างออกไปอย่างช้าๆ สองมือไขว้คว้าแขนเรียวแต่ก็ช้าไปเพียงเสี้ยววิเมื่อสิ่งที่คว้าได้มีเพียงแค่สายลมเปล่าที่พัดอยู่ในอากาศ เสียงปิดประตูแสนเบาแต่ดังก้องอยู่ในหู เรียกประสาทการรับรู้ให้กลับมาอีกครั้ง

     

                    ชายหนุ่มกระชากตัวเองออกจากความมึนงง วิ่งตามคนรักที่เดินออกไปอย่างเลื่อนลอย แต่ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อแผ่นหลังที่สั่นสะท้านด้วยความเสียใจหายลับเข้าไปในประตูลิฟต์ที่ปิดสนิท ปล่อยให้ชายหนุ่มทันเพียงแค่เตะประตูบานนั้นจนเกิดเป็นเสียงก้อง

     

                    ซีวอนรีบวิ่งลงบันไดอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ แข่งกับความเร็วของลิฟต์ที่เขารู้ดีว่ามันเร็วเพียงใด จนสุดท้าย ซีวอนก็ลงมาทันร่างเล็กเดินออกมาจากลิฟต์ที่เปิดกว้าง ไม่มีเวลาให้ชายหนุ่มได้พักหายใจ เมื่อคนที่อยู่ข้างหน้ายังคงก้าวห่างไปเรื่อยๆ

     

                    ยิ่งเข้าใกล้เท่าไหร่แผ่นหลังบางที่สั่นเทาก็ดูห่างไกลไปทุกที จนชายหนุ่มไม่อาจปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้อีกแล้ว สองมือหนาเอื้อมคว้าคนรักเข้ามาแนบชิด ออกแรงฉุดรั้งไว้เต็มแรง

     

                    “ไม่ ไม่ ปล่อย ไม่ฟังแล้ว ไม่เอาแล้ว จะไปแล้ว ปล่อย” สองแขนเรียวโอบกอดตัวเองห่อไหล่เล็กเข้ากัน น้ำตาไหลอาบแก้ม ดิ้นรนออกจากอ้อมกอดที่รัดแน่น...ร้องขอจนสุดใจ เสียงกรีดร้องดังทั่วทางเท้าที่ผู้คนสัญจรไปมา

     

                    ชายหนุ่มมองร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมกอด น้ำตาแต่ละหยดไหลลงกระทบแขน มันกำลังกัดกร่อนก้อนเนื้อก้อนเล็กจนอ่อนแรง เผลอปล่อยคนที่พยายามเอื้อมคว้าจนได้มาอยู่ในอ้อมกอด...แต่ในที่สุดก็หลุดออกไปแล้ว

     

                    คิมฮีชอล ออกวิ่งทันที ที่ดึงตัวออกมาเป็นอิสระ ไม่สามารถอยู่ตรงนี้ได้อีกแล้ว เวลานี้ยังไม่พร้อมฟังอะไรอีกทั้งนั้น คิดเพียงแค่ ไปให้ไกล ไกลจากคนรัก ไกลจากเงาของคนนั้นที่ฮีชอลไม่อาจเป็นได้

     

                    ชายหนุ่มปล่อยให้ร่างเล็กออกไปไกลอีกครั้ง มองแผ่นหลังบางที่ยังสั่นเทา ทางเดินที่ทอดยาวไปตามถนน ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดที่ใด ไม่รู้ว่าฮีชอลจะหยุดเดินที่ตรงไหน หรือจนกว่าจะหมดแรงลงไป

     

                    ชายหนุ่มวิ่งกลับมาที่ลานจอดรถ ลืมความเหนื่อยล้าที่ได้รับมาทั้งวัน ทั้งกายและใจที่อ่อนแรง แต่มันจะไม่มีวันได้หยุดพักตราบใดที่คนรักของเขายังไม่อยู่ในอ้อมกอดที่ปลอดภัย ไม่อยู่ในที่ที่เขาวางใจ   

     

              ขาเรียวก้าวเดินไปอย่างไร้จุดหมาย หนทางเบื้องหน้าเป็นเช่นไรไม่รับรู้....รู้เพียงแค่ ต้องอย่าหันไปมองที่ด้านหลัง ที่ตรงนั้นมีคนรักที่รักคนอื่นยืนอยู่ ฮีชอลต้องไม่หันไป หันไปแล้วจะเจ็บ หันไปแล้วจะถูกไล่ “อย่าหันไปนะ อย่าหันไป ไปแล้ว จะไปแล้ว อย่าพูดอะไรอีกนะ อย่าพูด”

     

                    สองขาเล็กพาร่างเปราะบางนำไปสู่เส้นทางที่คุ้นเคย เส้นทางที่เคยผ่าน และมันจะพากลับไปสู่บ้านที่มีคุณลุงคุณป้ารออยู่ บ้านที่ยังมีคนต้องการเขาอยู่ “คุณลุง คุณป้าจะไม่ไล่ฮีชอล ต้องกลับบ้านไปหาคุณลุงคุณป้าแล้วนะ รอฮีชอลนะครับ อย่าไล่ฮีชอลเลย”   

     

                     “เอี๊ยดดดดดดดดดดดดด” เสียงล้อรถครูดไปตามถนน เรียกให้ทุกสายตาจับจ้องไปยังร่างเล็กกลางถนนที่ทรุดลงไปกองกับพื้นถนน

     

                     “ฮีชอลลลลลลลล” เสียงร้องของชายหนุ่มที่พึ่งขับรถออกมาจากคอนโดหรู ลมหายใจแทบหยุดชะงัก เมื่อเห็นร่างเล็กล้มหายลงไปพร้อมๆกับที่รถอีกคันจอดนิ่งสนิทอยู่ตรงหน้า ความกลัวเข้ามาครอบงำจิตใจ ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่ใช่แบบนี้ เขาไม่อาจทำใจสูญเสียคนที่รักไปแบบนี้......

     

              ชายหนุ่มไม่เคยคิดถึงวันที่จะไร้ร่างบางอยู่ข้างเคียง แต่หากครั้งนี้เป็นเขาที่ทำให้ตัวเองต้องสูญเสียคนสำคัญไป แล้ว ซีวอนคนนี้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไร...หากไร้ฮีชอล

     

                    “ไม่ ฮีชอล ซีวอนจะไม่ยอมให้ฮีชอลจากซีวอนไปแบบนี้ ไม่นะครับ คนดีของผม” ชายหนุ่มก้าวลงจากรถ ลมหายใจหยุดชะงัก กลัวกับสิ่งที่กำลังรอเขาอยู่ ได้แต่อ้อนวอนและภาวนา

     

                    ภาวนาให้ร่างเล็กไม่ได้รับบาดเจ็บ ภาวนาให้เป็นเพียงแค่ตาที่ฟาดฝ้า

     

              ทุกย่างก้าวที่ทำให้เข้าใกล้ร่างเล็กที่ล้มลงไป เปลือกตาหนาหรี่ลงทีละนิด กลัวกับการเผชิญหน้า เหมือนที่ร่างบางเป็น เหมือนที่ทำให้ฮีชอลต้องออกมาเจอกับเรื่องแบบนี้

     

                    หากฮีชอลเป็นอะไรไป....แล้วซีวอนจะมีชีวิตต่อไปได้อย่างไร....แล้วซีวอนจะอยู่เพื่อใคร

     

                    อย่าทิ้งซีวอนไว้แบบนี้นะฮีชอล ถึงฮีชอลจะเกลียดซีวอน แต่อย่าทิ้งซีวอนไว้แบบนี้....ได้โปรด

     

                    ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้มากพอที่จะได้เห็นคนรัก แล้วในที่สุด...รอยยิ้มในความเศร้าก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เครียดขึ้ง ร่างเล็กที่เขาแสนเป็นห่วง ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ไม่มีร่องรอยบาดเจ็บใดๆ และมันคงจะดีกว่านี้ หากว่าใบหน้าใสจะไร้น้ำตา

     

                    .....แต่แค่นี้ก็มากพอแล้ว มากพอจนชายหนุ่มไม่กล้าอ้อนวอนขอสิ่งใดจากเบื้องบนอีกแล้ว

                   

                    ใบหน้าหวานเปรอะเปื้อนน้ำใส แววตาเลื่อนลอยไปไกล ไร้วี่แววของความตกใจกับสิ่งตรงหน้ามีเพียงแค่ความหวาดกลัวของคำพูดที่ยังวนเวียนอยู่ในหัวไม่หาย

     

                    “คุณข้ามถนนภาษาอะไร ฮ่ะ อยากฆ่าตัวตายนักหรือไง” คนขับรถเดินลงมาดูคนตรงหน้าที่ล้มนั่งแต่ก็เหมือนว่าคนที่เกือบโดนชนจะไม่รับรู้อะไรเลย “เป็นบ้าหรือไง”

     

                    “ฮีชอลไม่เป็นอะไรใช่ไหม ฮีชอล”ชายหนุ่มรีบประคองร่างเล็กให้ลุกขึ้นพิงตนเอง ไม่สนใจเจ้าของรถคู่กรณีที่ยืนมองร่างบางด้วยความสงสัย

     

                    “ไม่ ไม่เอา ไม่ฟังแล้ว อย่าพูดนะ อย่าพูดฮีชอลกำลังจะไปแล้ว ไปแล้วจริงๆ ไม่เอา ไม่เอา” สองมือกดแนบใบหูตัวเองอีกครั้ง ไม่กล้ามองหน้าร่างสูง ดวงตากลมหลุบลงต่ำ

     

                    “โธ่เว้ย ดูแลยังไง ปล่อยให้คนบ้าออกมาเพ่นพ่านแบบนี้”  

     

                     ชายหนุ่มตวัดสายตาคมกล้ามองคนปากมาก หากแต่ตอนนี้คนที่สำคัญ ไม่ใช่ไอ้ผู้ชายปากหมา แต่เป็นร่างเล็กในอ้อมกอด ที่พยายามดิ้นรนให้หลุดออกไป ทั้งที่ก็อ่อนแรงจนแทบจะยืนไม่ได้อยู่แล้ว “ไม่พูดครับ ซีวอนไม่พูดแล้วนะ ฮีชอลอย่าเป็นแบบนี้ได้ไหม ซีวอนกลัวนะคนดี”

     

                    ชายหนุ่มยืนกอดคนรักที่ดิ้นรนไม่หยุด แต่ครั้งนี้เขาจะไม่พลาดเผลอปล่อยให้หลุดมือไปอีกจะไม่ปล่อยไปอีกแล้ว

     

                    “กลับบ้าน ฮีชอลจะกลับบ้าน ไม่เอาแล้ว กลับบ้าน”

     

                    “ครับ กลับบ้าน ซีวอนไปส่งนะ” ชายหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำตาของตนเองหยดไหลลงมาเมื่อไหร่ รู้เพียงว่าตอนนี้ เขาเองก็กำลังอ่อนแอกับทางที่เลือกเดิน

     

                    “ไม่! จะกลับบ้าน ฮีชอลยอมกลับบ้านแล้ว ซีวอนอย่าไล่ฮีชอลอีกนะ ไม่เอานะ ไม่เอา”  มือเล็กจับชายเสื้อที่หลุดรุ่ยของชายหนุ่ม ใบหน้าหวานส่ายไปมาๆ ขอร้องชายหนุ่ม เสียงที่เคยหวานใส กลับแหบแห้ง จนคนฟังเจ็บแปลบทุกครั้งที่ได้ยิน

     

                    “ครับ ซีวอนไม่ไล่ ฮีชอลนั่งแท็กซี่นะครับ ซีวอนเรียกให้นะ” ชายหนุ่มโบกรถแท็กซี่ที่วิ่งผ่านมา ประคองร่างเล็กที่เอาแต่ร้องไห้เข้าไปในรถ ก่อนหันไปบอกคนขับให้ขับรถตามเขาไป

     

                    ซีวอนมองคนในรถที่ยังนั่งนิ่งเหม่อลอยไปไกล พร้อมน้ำตาที่ไหลอาบ อดโทษตัวเองที่เป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมดไม่ได้ ชายหนุ่มเดินกลับมาขึ้นรถ นำทางแท็กซี่ที่มีคนรักนั่งอยู่ภายในไปถึงหน้าบ้านหลังใหญ่

     

                    ตลอดทางบนถนนที่คุ้นชิน ชายหนุ่มมักจะชำเลืองมองที่กระจกหลัง มองทะลุกระจกหน้ารถ เข้าไปมาร่างเล็กที่ยังนั่งกอดตัวเอง ดวงตาที่เคยกลมโตและสดใส กลับกลายเป็นบวมเป่ง และแดงกล่ำ

     

                    นี่เขาทำบ้าอะไรลงไป.....

     

                ชายหนุ่มให้สัญญาณให้แท็กซี่ขับรถเข้าไปในรั้วบ้านที่เปิดรอไว้ก่อนแล้ว มองจนรถคันนั้นจอดนิ่งสนิท แม่ของเขาออกมาประคองร่างเล็กที่สั่นเทาออกจากรถคันนั้น ค่อยๆพาก้าวเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่อบอุ่น

                   
                   
    หมดแล้วหนึ่งวันที่แสนเหนื่อยล้า เรี่ยวแรงที่มีหายไปจากกายทันทีที่รู้ว่า ร่างเล็กกลับเข้าสู่อ้อมกอดที่ปลอดภัยและอบอุ่นแล้ว....

     

                    นับจากวันนี้ไป....ฮีชอลจะไม่ต้องเจ็บปวดอีกแล้ว ขอแค่เขาคนเดียวที่อยู่กับความทุกข์ ขอแค่เขาได้มองดูร่างเล็กในที่ห่างไกล...แค่นี้ก็พอแล้ว


                  

    Talk

                ครบร้อยคะ ความจริงจะทำแค่ตอนเดียว แต่ไปๆมาๆ กลับต้องทำสองตอนซะงั้น ขอโทษนะคะ

                    สำหรับตอนนี้ดูอารมณ์ไม่ต่อเนื่องเลย ไอซ์มีเหตุผลนะคะ กำลังบิวท์อารมณ์เศร้าๆ ก็พอดี เมื่อวานวนิดาฉายวันแรก พี่แอฟ น่ารัก ส่วนพี่ติ๊ก...ไร้คำบรรยาย 555 แล้วพอละครจบปุบ ก็มาเศร้าต่อ ปั่นได้สักพัก เพลงในเครื่องก็เล่นมาถึง เพลง Tonight I celebrate my love for you เท่านั้นแหล่ะคะ ไปไม่เป็นเลย แฮ่ๆๆๆ

                    แต่ว่าที่ไอซ์แน่ใจคือ ตอนนี้มันช่างไม่เหมาะจะเป็นโฮมเลยจริงๆ เศร้ากว่าเอฟแอลตอนล่าสุดเสียอีก เฮ้อ แย่แล้ว โฮม หนอโฮม


                 ขอบคุณทุกคอมเม้มท์นะคะ



    Dr. Fu


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×